รีวิว (Review) Vivo V7
สมาร์ทโฟน Clearer Selfie กล้องหน้าบิวตี้ 24 ล้านพิกเซล ผสานกล้องหลัง PDAF 16 ล้านพิกเซล พร้อมจอ FullView HD+ ใหญ่เต็มตา 5.7 นิ้ว, ชิปเซ็ต Snapdragon 450, RAM 4GB, ROM 32GB, Android 7.1, ระบบปลดล็อกด้วยใบหน้า, แบตเตอรี่ 3000 mAh และเล่น Line ได้ 2 ไอดี บนบอดี้บางเฉียบเรียบหรูกระชับมือ ในราคาเพียง 9,990 บาท
Review
Date (26-พฤศจิกายน-2560)

หลังจากที่ได้นำเสนอบทความรีวิว Vivo V7+ ไปเมื่อช่วงต้นเดือนพฤศจิกายน 2560 ที่ผ่านมา ซึ่งมีจุดเด่นในเรื่องของการถ่ายภาพเซลฟี่เป็นพิเศษ พร้อมคุณสมบัติครบเครื่องทุกการใช้งาน ในราคาที่จับต้องได้ไม่ยาก และล่าสุดทาง Vivo ประเทศไทย ก็ได้วางจำหน่ายสมาร์ทโฟนรุ่นมาตรฐานใหม่ล่าสุดในตระกูล V-Series อย่าง Vivo V7 สำหรับ Vivo V7 นั้นก็เน้นในเรื่องของกล้องถ่ายภาพด้านหน้าเป็นพิเศษ อีกทั้งยังมาพร้อมกับโหมดถ่ายภาพหน้าสวย และฟังก์ชันโบเก้ (Bokeh) ให้ใช้งาน พร้อมทั้งหน้าจอไร้ขอบ กับคุณสมบัติตัวเครื่องที่ครบเครื่องทุกการใช้งาน ในราคาที่ใครๆ ก็เป็นเจ้าของได้ เพื่อเป็นอีกหนึ่งให้แก่ผู้ใช้นั่นเอง
สำหรับจุดเด่นของ Vivo V7 นั้นมีอยู่หลายส่วนด้วยกัน เริ่มตั้งแต่ ตัวเครื่องใช้เทคโนโลยีการผลิตแบบ Sleek Unibody Design ซึ่งด้านข้าง และฝาหลังผสานเข้ากันแบบขอบโค้งแบบไร้รอยต่อ จึงช่วยให้ตัวเครื่องมีความสวยงามพรีเมียมดูน่าใช้งาน, หน้าจอแสดงผลไร้ขอบแบบ IPS LCD FullView Display ความละเอียด 1440x720 พิกเซล (HD+) ขนาด 5.7 นิ้ว บนอัตราส่วนแบบ 18:9, กล้องดิจิทัลด้านหน้าความละเอียด 24 ล้านพิกเซล ที่มีขนาดรูรับแสงกว้างสูงสุด f/2.0 พร้อมไฟแฟลชแบบ Smart Screen Flash, กล้องดิจิทัลด้านหลังความละเอียด 16 ล้านพิกเซล ซึ่งมีรูรับแสงกว้างสูงสุด f/2.0, ระบบโฟกัสภาพแบบ PDAF (Phase Detection Autofocus) พร้อมไฟแฟลช LED, เซ็นเซอร์สแกนลายนิ้วมือ, ฟีเจอร์จดจำใบหน้าสำหรับปลดล็อกตัวเครื่อง (Facial Recognition), รองรับการสั่งงานด้วยท่าทาง, รองรับการใช้งานสองแอปพลิเคชันพร้อมกันผ่านฟังก์ชัน Smart Split 3.0, ถาดสำหรับใส่ซิมการ์ดแบบ Triple-Slot Tray ซึ่งเป็น 3 ช่องอิสระ ที่สามารถใส่ซิมการ์ดที่ 1, ซิมการ์ดที่ 2 และการ์ดหน่วยความจำภายนอกได้พร้อมๆ กัน, รองรับการเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตผ่านระบบ 4G LTE กับ 3G, รองรับฟังก์ชันโคลนนิ่งแอปพลิเคชัน และแบตเตอรี่ขนาด 3000 mAh

ในส่วนของคุณสมบัติด้านการประมวลผลนั้นจัดอยู่ในระดับกลาง ไม่ว่าจะเป็น ชิปเซ็ต Octa-Core Qualcomm Snapdragon 450 ความเร็วในการประมวลผล 1.8 GHz, หน่วยประมวลผลกราฟิกแบบ Adreno 506, หน่วยความจำภายในขนาด 32 GB, หน่วยความจำแรมขนาด 4 GB และขับเคลื่อนการทำงานด้วยระบบปฏิบัติการ Funtouch OS 3.2 (มีพื้นฐานอยู่บนระบบปฏิบัติการ Android 7.1 Nougat)
และจากข้อมูลทั้งหมดที่กล่าวมาจะเห็นได้ว่า Vivo V7 นั้นมีจุดที่น่าสนใจอยู่หลายส่วนด้วยกัน ทั้งในเรื่องของหน้าจอแสดงผลไร้ขอบแบบ FullView Display ขนาดใหญ่เต็มตา 5.7 นิ้ว พร้อมดีไซน์โค้งมนจับถนัดมือ, ฟีเจอร์การใช้งานที่ครบเครื่องมากขึ้น และกล้องถ่ายความละเอียดสูงทั้งด้านหน้า-ด้านหลัง หากเทียบกับราคา 9,990 บาท ก็ถือเป็นราคาที่เหมาะสมเลยทีเดียว ส่วนการใช้งานจริงจะเป็นอย่างไร ดีไซน์ตัวเครื่องจะสวยงามขนาดไหน และฟีเจอร์ที่มีอยู่จะตอบสนองต่อการใช้งานได้ดีเพียงใด ขอเชิญทุกท่านรับชมรีวิว Vivo V7 พร้อมกันต่อได้เลยครับ
รูปลักษณ์ภายนอกตัวเครื่อง และการออกแบบดีไซน์

Vivo V7 มาพร้อมกับหน้าจอแสดงผลแบบไร้ขอบ FullView Display ความละเอียด 1440x720 พิกเซล ขนาด 5.7 นิ้ว อัตราส่วน 18:9 โดยมีขนาดของตัวเครื่องอยู่ที่ 149.3x72.8x7.9 มิลลิเมตร และมีน้ำหนัก 139 กรัม

ด้วยการที่ Vivo V7 นั้นใช้หน้าจอแบบไร้ขอบ IPS LCD FullView Display จึงทำให้มีสัดส่วนของหน้าจอมากถึง 83.6% และมีความบางของขอบหน้าจออยู่ที่ 2.15 มิลลิเมตร

ด้านหน้าส่วนบนประกอบไปด้วยกล้องดิจิทัลความละเอียด 24 ล้านพิกเซล ที่มีขนาดรูรับแสงกว้างสูงสุด f/2.0 และไฟแฟลชแบบ Smart Screen Flash, ลำโพงสำหรับฟังขณะทำการสนทนา, ระบบ Proximity Sensor สำหรับการปิดหน้าจอแบบอัตโนมัติขณะสนทนา เพื่อประหยัดพลังงาน และระบบ Ambient Light Sensor สำหรับตรวจวัดระดับความสว่างของสภาพแวดล้อม เพื่อปรับความสว่างของหน้าจอและแผงปุ่มกดให้เหมาะสม

ด้านหน้าส่วนล่างมีปุ่มการสั่งงานแบบ On Screen ซึ่งประกอบไปด้วย ปุ่ม Recent Apps, ปุ่มโฮม และปุ่มย้อนกลับ

ด้านบนของตัวเครื่องมีไมโครโฟนตัวที่ 2 สำหรับตัดเสียงรบกวน ขณะบันทึกเสียง หรือบันทึกวิดีโอ

ด้านล่างของตัวเครื่องมีลำโพงเสียงภายนอก, ช่องสำหรับเชื่อมต่อกับสาย microUSB, ไมโครโฟน และช่องสำหรับเชื่อมต่อกับหูฟังแบบมาตรฐานขนาด 3.5 มิลลิเมตร

ด้านขวาของตัวเครื่องมีปุ่มเปิด-ปิด เครื่อง หรือล็อกหน้าจอ และปุ่มเพิ่ม-ลด ระดับเสียง

ด้านซ้ายของตัวเครื่องมีถาดสำหรับใส่ซิมการ์ด ซึ่งเป็นถาดแบบ Triple-Slot Tray ซึ่งเป็น 3 ช่องอิสระ ที่สามารถใส่ซิมการ์ดที่ 1, ซิมการ์ดที่ 2 และการ์ดหน่วยความจำภายนอกได้พร้อมๆ กัน

ด้านหลังของตัวเครื่องมีกล้องดิจิทัลความละเอียด 16 ล้านพิกเซล ซึ่งมีรูรับแสงกว้างสูงสุด f/2.0, ระบบโฟกัสภาพแบบ PDAF (Phase Detection Autofocus) พร้อมไฟแฟลช LED และเซ็นเซอร์สแกนลายนิ้วมือ

สำหรับตัวเครื่องของ Vivo V7 นั้นใช้เทคโนโลยีการผลิตแบบ Sleek Unibody Design ซึ่งด้านข้าง และฝาหลังผสานเข้ากันแบบขอบโค้งแบบไร้รอยต่อ จึงช่วยให้ตัวเครื่องมีความสวยงามพรีเมียมดูน่าใช้งาน และแข็งแรงทนทานเป็นพิเศษ ซึ่งภายในก็ได้บรรจุแบตเตอรี่ขนาด 3000 mAh เอาไว้
เปิดเครื่อง พร้อมทดสอบการใช้งานด้านซอฟต์แวร์
 

Vivo V7 ขับเคลื่อนการทำงานด้วยระบบปฏิบัติการ Android Funtouch OS 3.2 ซึ่งทำงานอยู่บนระบบปฏิบัติการ Android เวอร์ชัน 7.1 Nougat พร้อมรองรับการใช้งานได้พร้อมกัน 2 ซิมการ์ด และรองรับการเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตผ่านระบบ 4G LTE กับ 3G ได้ อีกทั้งยังสามารถรองรับเทคโนโลยีการสื่อสารทางเสียงผ่านโครงข่าย 4G (Voice over LTE)

มาพร้อมหน่วยความจำแรม (RAM) ขนาด 4 GB และหน่วยความจำภายใน (ROM) ขนาด 32 GB
 
นอกจากนี้ยังมีฟังก์ชันสำหรับการแจ้งเตือน เช่น มีความข้อใหม่ หรือสายที่ไม่ได้รับ และยังสามารถเปิด-ปิด ฟังก์ชันลัดได้ เช่น การใช้งานอินเทอร์เน็ต หรือ WiFi
 
สามารถปรับแต่งหน้าจอโฮมสกรีนได้ ไม่ว่าจะเป็น การเปลี่ยนภาพวอลเปเปอร์ หรือเปลี่ยนธีม
 
สำหรับฟังก์ชันโทรศัพท์ก็มีหน้าตาที่สามารถใช้งานได้ง่าย พร้อมทั้งสามารถเข้าดูบันทึกการโทร หรือรายชื่อโทรศัพท์ทั้งหมดได้ทันที
 
ทางด้านบริการต่างๆ จากทาง Google ก็มีให้ใช้งานอย่างครบครัน เช่น Youtube หรือ Google Maps
 
นอกจากนี้ Vivo V7 ยังมาพร้อมกับแอปพลิเคชัน i Manager สำหรับจัดการส่วนต่างๆ ภายในเครื่อง ไม่ว่าจะเป็น การล้างข้อมูล (การเคลียร์แรม), การตั้งค่าเพื่อควบคุมการใช้งานอินเทอร์เน็ต, การจัดการแอปพลิเคชัน และการจำกัดความเป็นส่วนตัว
 
พร้อมทั้งสามารถเปิดใช้งานโหมดถนอมสายตาได้ ซึ่งตัวฟังก์ชันจะทำการลดแสงสีฟ้า เพื่อช่วยถนอมสายตา ซึ่งจะเหมาะกับการใช้งานในสภาวะแสงน้อย สำหรับการอ่าน E-Book หรืออ่านคอนเทนท์ต่างๆ อีกทั้งยังสามารถตั้งเวลาเพื่อเปิด-ปิด การใช้งานโหมดถนอมสายตาได้อีกด้วย

สามารถเปิดใช้งานโหมดประหยัดพลังงานขั้นสูงได้
 
และที่พิเศษไปกว่านั้นคือ Vivo V7 ยังมีฟังก์ชันสำหรับโคลนนิ่งแอปพลิเคชันได้ เช่น โคลนนิ่งแอปพลิเคชัน Line ซึ่งจะทำให้ผู้ใช้สามารถล็อกอินใช้งานได้พร้อมกัน 2 แอคเคาท์ (กดปุ่มบวกเพื่อโคลนนิ่งแอปลพิเคชัน) แต่อย่างไรก็ดีสามารถโคลนนิ่งได้เฉพาะบางแอปพลิเคชันเท่านั้น
 
ผู้ใช้สามารถตั้งค่าการใช้งานเซ็นเซอร์สแกนลายนิ้วมือได้ ไม่ว่าจะเป็นการเพิ่มจำนวนลายนิ้วมือ หรือการใช้งานเซ็นเซอร์สแกนลายนิ้วมือเพื่อสั่งงานถ่ายภาพ ก็สามารถทำได้เช่นเดียวกัน
 
ซึ่งนอกจากระบบสแกนลายนิ้วมือแล้วนั้นบน Vivo V7 ยังมีระบบจดจำใบหน้าให้ใช้งานอีกด้วย โดยตัวฟังก์ชันจะทำการสแกนใบหน้าหลายจุด เพื่อเก็บรายละเอียดใบหน้าของผู้ใช้ ซึ่งมีประโยชน์ในการป้องกันผู้อื่นแอบอ้างเองภาพถ่ายของผู้ใช้มาทำการปลดล็อกเครื่อง เรียกได้ว่า ช่วยเพิ่มความปลอดภัยอีกหนึ่งขั้นเลยทีเดียว
 
เว็บเบราว์เซอร์ก็ตอบสนองต่อการใช้งานได้ดี และด้วยหน้าจอแสดงผลขนาดใหญ่ จึงช่วยให้สามารถแสดงผลคอนเทนท์ต่างๆ ได้เยอะมากขึ้น

อีกหนึ่งความน่าสนใจบน Vivo V7 คือ โหมดเกม โดยในขณะที่เล่นเกมอยู่นั้นแล้วมีสายเรียกเข้า ตัวโหมดเกมจะทำการโชว์เบอร์สายเรียกเข้าเป็นแบบป็อบอัปเท่านั้น ซึ่งจะไม่สลับไปที่หน้าสายเรียกเข้า อีกทั้งผู้ใช้สามารถเลือกปฏิเสธรับสาย และเล่นเกมต่อได้ทันที แต่อย่างไรก็ดี ถ้าเลือกรับสาย ตัวเกมจะถูกสลับไปที่หน้าฟังก์ชันโทรศัพท์ทันที จะไม่สามารถเล่นเกมต่อได้
 
ทางด้านฟังก์ชัน ภาพหน้าจอพิเศษ สำหรับถ่ายภาพหน้าเว็บเบราว์เซอร์ หรือเอกสารที่มีหลายหน้า หรือแม้แต่การถ่ายภาพที่เลือกเฉพาะส่วนแบบแนวนอน ก็มีให้ใช้งานบน Vivo V7 ด้วยเช่นกัน อีกทั้งยังสามารถบันทึกภาพหน้าจอในรูปแบบวิดีโอได้อีกด้วย

ในส่วนของฟังก์ชัน Smart Split ก็ได้รับการปรับปรุงใหม่เป็นเวอร์ชัน 3.0 ซึ่งสามารถเรียกใช้งานพร้อมกัน 2 แอปพลิเคชัน ได้ง่ายขึ้นมากกว่าเดิม เพียงแค่ผู้ใช้สามนิ้วเลื่อนลงบนหน้าจอ Vivo V7 ก็จะทำการแบ่งหน้าจอให้ทันที บอกได้เลยว่า สะดวกสบายต่อการใช้งานเป็นอย่างมาก
 
นอกจากนี้ Vivo V7 ยังมีโหมดการใช้งานอัจฉริยะให้ใช้งานด้วยเช่นกัน ซึ่งจะประกอบไปด้วยโหมด Smart Wake, การใช้งานโดยไม่สัมผัส, หน้าจอสว่างอัจฉริยะ, การโทรอัจฉริยะ, เขย่าเพื่อเปิดไฟฉาย, ซูมโดยการเอียงโทรศัพท์ และการเตือนอัจฉริยะ สำหรับฟีเจอร์ Smart Wake จะได้รับการปรับปรุง และพัฒนา เพื่อให้ใช้งานได้สะดวกสบายมากขึ้น ซึ่งสามารถสั่ง เปิด-ปิด การใช้งานต่างๆ ได้มากมาย เช่น การเลื่อนขึ้นเพื่อปลดล็อกหน้าจอ, การเลื่อนลงเพื่อถ่ายรูปภาพ รวมถึงการวาดตัวอักษรเพื่อสั่งเปิดใช้งานฟังก์ชันต่างๆ ได้ ไม่ว่าจะเป็น การวาดตัวอักษร C เพื่อเข้าสู่ฟังก์ชันโทรศัพท์ หรือการวาดตัวอักษร M เพื่อเข้าสู่แอปพลิเคชันสำหรับฟังเพลง เป็นต้น
 
โดยผู้ใช้สามารถสั่งงานด้วยท่าทางได้หลากหลาย เช่น การหยิบโทรศัพท์มาแนบใบหูเพื่อโทรออกถึงรายชื่อโทรศัพท์ที่ต้องการติดต่อ หรือการเอาฝ่ามือมาบังที่หน้าจอเพื่อปิดเสียง
 
นอกจากนี้ Vivo V7 ยังมีฟังก์ชันการใช้งานมือเดียว ซึ่งสามารถปรับหน้าจอให้มีขนาดเล็กลง เพื่อให้สามารถใช้งานมือเดียวได้สะดวกมากขึ้น
 
อัลบั้มภาพถ่ายนั้นสามารถแสดงภาพถ่ายได้หลักๆ 2 แบบ คือ การแสดงรวมภาพถ่ายทั้งหมด และแสดงภาพถ่ายแบบแยกอัลบั้ม นอกจากนี้ ในขณะที่ชมวิดีโอ ผู้ใช้ยังสามารถเรียกใช้แอปพลิเคชันอื่น ๆ ได้ ด้วยการใช้สามนิ้วเลื่อนหน้าจอลงมาได้ในทันที โดยที่วิดีโอนั้นไม่หยุดเล่นอีกด้วย
 
นอกจากนี้ Vivo V7 ยังสามารถเปิดอ่านไฟล์เอกสารอย่าง Word, Excel และ PowerPoint ได้ผ่านแอปพลิเคชัน WPS Office
 
Vivo V7 ยังมาพร้อมกับแอปพลิเคชันสำหรับฟังเพลง อีกทั้งยังสามารถปรับค่าเอฟเฟกต์เสียงต่างๆ ได้
 
และยังมีแอปพลิเคชันสำหรับฟังวิทยุ FM ให้ใช้งาน และสามารถบันทึกเสียงวิทยุเอาไว้ฟังในภายหลังได้

พร้อมทั้งสามารถเปิดเล่นไฟล์วิดีโอความละเอียดระดับ Full HD (1080p) ได้อย่างไหลลื่น แต่เนื่องด้วย Vivo V7 นั้นมีความละเอียดของหน้าจออยู่ที่ 1440x720 พิกเซล จึงไม่สามารถแสดงผลภาพได้เต็มความละเอียดของไฟล์วิดีโอ

และมีฟังก์ชัน Popup Play ให้ใช้งาน
 
โดย Vivo V7 จะมาพร้อมกับชิปเซ็ต Octa-Core Qualcomm Snapdragon 450 ความเร็วในการประมวลผล 1.8 GHz, หน่วยประมวลผลกราฟิกแบบ Adreno 506, หน่วยความจำภายในขนาด 32 GB, หน่วยความจำแรมขนาด 4 GB และขับเคลื่อนการทำงานด้วยระบบปฏิบัติการ Funtouch OS 3.2 (มีพื้นฐานอยู่บนระบบปฏิบัติการ Android 7.1 Nougat)

สำหรับคุณสมบัติด้านการประมวลผลของ Vivo V7 นั้นก็ถือว่ามีความครบเครื่อง และสามารถเล่นเกมที่มีกราฟิกแบบสามมิติได้อย่างไหลลื่น โดยไม่มีอาการหน่วง หรือการสะสมความร้อนที่ตัวเครื่องให้พบเจอ
 
เมื่อนำ Vivo V7 มาทดสอบผ่านแอปพลิเคชัน AnTuTu Benchmark พบว่าได้คะแนนอยู่ที่ 55326 คะแนน ส่วนการทดสอบผ่านแอปพลิเคชัน Geekbench4 พบว่าได้คะแนนอยู่ที่ 758 คะแนน สำหรับการประมวลผลแบบ Single-Core และ 3896 คะแนน สำหรับการประมวลผลแบบ Multi-Core

ส่วนการทดสอบผ่านแอปพลิเคชัน AnTuTu 3DRating Benchmark พบว่าได้คะแนนอยู่ที่ 9065 คะแนน

สำหรับ Vivo V7 สามารถรองรับการสัมผัสได้พร้อมกันสูงสุด 10 จุด
 
และสามารถดาวน์โหลดแอปพลิเคชันอื่นๆ มาใช้งานเพิ่มเติมได้ผ่านแอปพลิเคชัน V-Appstore หรือ Google Play Store
กล้องดิจิทัล การถ่ายภาพนิ่ง และภาพวิดีโอ
 
 
สำหรับ Interface กล้องถ่ายภาพของ Vivo V7 นั้นมีหน้าตาที่สามารถใช้งานได้ง่าย อีกทั้งแสดงไอคอนฟังก์ชันต่างๆ ไว้ให้เลือกใช้งานได้ทันที เช่น ฟังก์ชัน HDR หรือ Live Photo และยังมีโหมดถ่ายภาพให้เลือกใช้งานหลากหลาย เช่น โหมดถ่ายภาพหน้าสวย, โหมดถ่ายภาพ Ultra HD หรือโหมดถ่ายภาพต่อเนื่อง
 
สำหรับโหมดถ่ายภาพหน้าสวยสามารถปรับค่าได้ 3 อย่างด้วยกัน ได้แก่ ผิวนวล, ผิวอมชมพู และผิวขาว ส่วนโหมดถ่ายภาพโปรนั้นสามารถปรับค่าได้หลายแบบเช่นเดียวกัน เช่น การชดเชยแสง, ค่า ISO, ความเร็วชัตเตอร์, ไวท์บาลานซ์ และจุดโฟกัส นอกจากนี้ ยังสามารถเปิดใช้งานไฟแฟลช LED, โหมดเส้นตรงเพื่อช่วยในการถ่ายภาพไม่ให้เอียงไปข้างใดข้างหนึ่งได้ หรือตาราง 9 ช่อง ได้
 
ในส่วนของเอฟเฟกต์สำหรับถ่ายภาพก็มีให้ใช้งานด้วยเช่นกัน
 
นอกจากนี้ ยังสามารถตั้งค่าการใช้งานเพิ่มเติมได้อีกหลายส่วนด้วยกัน ไม่ว่าจะเป็น การตั้งเวลาเพื่อถ่ายภาพ ซึ่งสามารถตั้งเวลาได้นานสูงสุด 10 วินาที, สามารถเลือกสัดส่วนของภาพถ่าย, การเปิดใช้งานการสัมผัสเพื่อถ่ายภาพ, เลือกที่เก็บบันทึกภาพถ่าย, เปิด-ปิด เสียงชัตเตอร์ และการแท็กสถานที่บนภาพถ่าย นอกจากนี้ กล้องดิจิทัลด้านหลังของ Vivo V7 นั้นสามารถถ่ายวิดีโอได้ที่ความละเอียดสูงสุดระดับ Full HD (1080p)
 
 
ในส่วนของกล้องดิจิทัลด้านหน้าก็มาหน้าตาที่สามารถใช้งานได้ง่าย พร้อมทั้งแสดงไอคอนฟังก์ชันไว้ให้เลือกใช้งานได้ทันที ไม่ว่าจะเป็น การเปิดใช้งานไฟแฟลชแบบ Smart Screen Flash, ฟังก์ชัน Live Photo หรือโหมดถ่ายภาพ HDR อีกทั้งยังสามารถเปิดใช้งานฟังก์ชัน Live Photo ได้อีกด้วย
 
มีโหมดหน้าสวยที่สามารถปรับค่าผิวเนียน, ผิวอมชมพู หรือผิวขาว และโหมดถ่ายภาพเซลฟี่แบบกลุ่มให้ใช้งาน
 
อีกหนึ่งฟีเจอร์ใหม่ที่เพิ่มเข้ามาใน Vivo V7 คือ ฟีเจอร์โบเก้ สำหรับถ่ายภาพหน้าชัดหลังเบลอ โดยผู้ใช้สามารถเปิดใช้งานได้ง่ายๆ ด้วยการกดที่ภาพบุคคลในกรอบสี่เหลี่ยม ซึ่งเป็นไอคอนอยู่ด้านบน เพียงเท่านี้ตัวฟังก์ชันก็จะทำการเบลอฉากหลังให้แบบอัตโนมัติ
 
นอกจากนี้ ยังสามารถตั้งค่าการใช้งานเพิ่มเติมได้อีกหลายส่วนด้วยกัน เริ่มตั้งแต่ การตั้งเวลาเพื่อถ่ายภาพ, การเลือกสัดส่วนของภาพถ่าย, การสัมผัสเพื่อถ่ายภาพ, ฟังก์ชันกระจกภาพสะท้อน, เสียงชัตเตอร์, การแท็กสถานที่บนภาพถ่าย, ฟังก์ชัน Gedder identification ที่สามารถปรับค่าผิวนวลให้เหมาะสมตามเพศ เพื่อความสมจริงมากยิ่งขึ้น และลายน้ำ นอกจากนี้ ในส่วนของโหมดถ่ายวิดีโอนั้นสามารถถ่ายได้ที่ความละเอียดสูงสุดระดับ Full HD (1080p)
ตัวอย่างภาพถ่ายจากกล้องดิจิทัลตัวหลักที่ด้านหลังของตัวเครื่อง ความละเอียด 16 ล้านพิกเซล ของ Vivo V7

ตัวอย่างภาพที่ถ่ายด้วยโหมดถ่ายภาพปกติ

ตัวอย่างภาพที่ถ่ายด้วยโหมดถ่ายภาพปกติ

ตัวอย่างภาพที่ถ่ายด้วยโหมดถ่ายภาพปกติ

ตัวอย่างภาพที่ถ่ายด้วยโหมดถ่ายภาพปกติ

ตัวอย่างภาพที่ถ่ายด้วยโหมดถ่ายภาพปกติ

ตัวอย่างภาพที่ถ่ายด้วยโหมดถ่ายภาพปกติ

ตัวอย่างภาพที่ถ่ายด้วยโหมดถ่ายภาพปกติ

ตัวอย่างภาพที่ถ่ายด้วยโหมดถ่ายภาพปกติ

ตัวอย่างภาพที่ถ่ายด้วยโหมดถ่ายภาพปกติ

ตัวอย่างภาพที่ถ่ายด้วยโหมดถ่ายภาพปกติ ในสภาวะแสงน้อย

ตัวอย่างภาพที่ถ่ายด้วยโหมดถ่ายภาพปกติ ในสภาวะแสงน้อย

ตัวอย่างภาพที่ถ่ายด้วยโหมดถ่ายภาพปกติ ในสภาวะแสงน้อย

ตัวอย่างภาพที่ถ่ายด้วยโหมดถ่ายภาพปกติ ในสภาวะแสงน้อย

ตัวอย่างภาพที่ถ่ายด้วยโหมดถ่ายภาพปกติ

ตัวอย่างภาพที่ถ่ายด้วยโหมดถ่ายภาพหน้าสวย พร้อมปรับค่าระดับกลาง

ตัวอย่างภาพที่ถ่ายด้วยโหมดถ่ายภาพหน้าสวย พร้อมปรับค่าระดับสูงสุด
ตัวอย่างภาพถ่ายจากกล้องดิจิทัลด้านหน้าของตัวเครื่อง ความละเอียด 24 ล้านพิกเซล ผ่านโหมดถ่ายภาพหน้าสวย ของ Vivo V7
 
ตัวอย่างภาพที่ถ่ายด้วยโหมดถ่ายภาพปกติ
 
ตัวอย่างภาพที่ถ่ายด้วยโหมดถ่ายภาพหน้าสวย พร้อมปรับค่าระดับกลาง
 
ตัวอย่างภาพที่ถ่ายด้วยโหมดถ่ายภาพหน้าสวย พร้อมปรับค่าระดับสูงสุด
 
ตัวอย่างภาพที่ถ่ายด้วยโหมดถ่ายภาพหน้าสวย พร้อมปรับค่าระดับกลาง และเปิดใช้งานฟังก์ชันโบเก้
 
ตัวอย่างภาพที่ถ่ายด้วยโหมดถ่ายภาพหน้าสวย พร้อมปรับค่าระดับสูงสุด และเปิดใช้งานฟังก์ชันโบเก้
สรุปผลการทดสอบของ Vivo V7

จบลงไปแล้วนะครับ สำหรับการรีวิวสมาร์ทโฟนที่กำเนิดมาเพื่อคนรักการถ่ายภาพเซลฟี่ตัวจริงอย่าง Vivo V7 ซึ่งหลักจากที่ได้ทดสอบด้วยการใช้งานด้านต่างๆ เป็นระยะเวลาประมาณหนึ่งสัปดาห์ ก็ต้องขอบอกเลยว่า Vivo V7 ถือเป็นสมาร์ทโฟนอึกหนึ่งรุ่นที่มีความน่าสนใจไม่น้อยเลยทีเดียว ทั้งในเรื่องของกล้องถ่ายภาพด้านหน้าความละเอียดสูง พร้อมฟังก์ชันโบเก้ ที่ช่วยให้การถ่ายภาพหน้าชัดหลังเบลอเป็นเรื่องง่ายๆ, ดีไซน์เรียบหรู พร้อมความโค้งมนจับถนัดมือ, หน้าจอแสดงผลขนาดใหญ่แบบไร้ขอบ ซึ่งช่วยให้สามารถรับชมคอนเทนท์ต่างๆ ได้อย่างเต็มตา และคุณสมบัติตัวเครื่องที่สามารถตอบโจทย์การใช้งานได้ทุกๆ ด้าน แถมยังวางจำหน่ายในราคาสุดคุ้มเพียง 9,990 บาท เท่านั้น! เรียกได้ว่า เป็นสมาร์ทโฟนอีกหนึ่งรุ่นที่มีจุดเด่นที่ครบเครื่องไม่แพ้ใครในระดับราคาเดียวกัน
ซึ่งจุดเด่นที่สุดของ Vivo V7 ก็คงจะหนีไม่พ้นในเรื่องของกล้องถ่ายภาพอย่างแน่นอน โดยเฉพาะกล้องดิจิทัลด้านหน้าความละเอียด 24 ล้านพิกเซล ที่มีขนาดรูรับแสงกว้างสูงสุด f/2.0 พร้อมไฟแฟลชแบบ Smart Screen Flash ซึ่งจากการทดสอบพบว่ากล้องดิจิทัลด้านหน้านั้นสามารถถ่ายภาพเซลฟี่ได้ดีเป็นอย่างมาก ไม่ว่าจะเป็น การถ่ายภาพในสภาวะแสงปกติ หรือการถ่ายภาพในสภาวะแสงน้อย แถมภาพถ่ายที่ได้ยังมีความคมชัด สีสันสดใสสมจริง ไม่เพียงเท่านั้น กล้องดิจิทัลด้านหน้ายังมีโหมดถ่ายภาพสวยให้ใช้งาน ซึ่งสามารถปรับค่าผิวเนียน หรือสีผิวได้หลายระดับ บอกได้เลยว่า ต้องถูกอกถูกใจคนรักการถ่ายภาพเซลฟี่อย่างแน่นอน และที่พิเศษไปกว่านั้น คือ ยังมีฟังก์ชันการถ่ายภาพ Bokeh สำหรับถ่ายภาพหน้าชัดหลังเบลอ เรียกได้ว่า ช่วยให้ผู้ใช้สามารถถ่ายภาพได้หลากหลายมากขึ้นผ่านเลนส์กล้องด้านหน้านั่นเอง
สำหรับกล้องดิจิทัลด้านหลังความละเอียด 16 ล้านพิกเซล ซึ่งมีรูรับแสงกว้างสูงสุด f/2.0, ระบบโฟกัสภาพแบบ PDAF (Phase Detection Autofocus) พร้อมไฟแฟลช LED ก็ตอบโจทย์ด้านการถ่ายภาพได้ดีไม่แพ้กัน ไม่ว่าจะเป็นการถ่ายภาพในสภาวะแสงปกติ หรือในสภาวะแสงน้อย อีกทั้งยังโฟกัสภาพได้รวดเร็วฉับไว ช่วยให้คุณไม่พลาดการถ่ายภาพเหตุการณ์สำคัญ อีกทั้งภาพถ่ายที่ได้ยังมีความคมชัด และสีสันสมจริง นอกจากนี้ ยังมีโหมดถ่ายภาพหน้าสวยให้ใช้งานอีกด้วย นั่นหมายความว่า ไม่ว่าจะเป็นกล้องด้านหน้า หรือกล้องด้านหลังก็สามารถถ่ายภาพออกมาได้ผิวสวย เรียบเนียน พร้อมโพสต์อวดเพื่อนๆ ผ่านช่องทางโซเชียลเน็ตเวิร์คได้ทันที

นอกจากในเรื่องของกล้องถ่ายภาพ ทางด้านหน้าจอแสดงผลไร้ขอบแบบ IPS LCD FullView Display ความละเอียด 1440x720 พิกเซล ขนาด 5.7 นิ้ว อัตราส่วน 18:9 ก็ถือเป็นอีกหนึ่งจุดเด่นของสมาร์ทโฟนรุ่นนี้ด้วยเช่นกัน ซึ่งประโยชน์ของหน้าจอแบบ FullView Display นั้นช่วยให้ Vivo V7 นั้นมีพื้นที่หน้าจอแสดงผลเพิ่มมากขึ้น โดยไม่จำเป็นต้องเพิ่มขนาดของตัวเครื่อง จึงทำให้สามารถรับชมคอนเทนท์ต่างๆ ได้อย่างเต็มตา เช่น ภาพยนตร์ หรือเล่นเกม
ในส่วนของการออกแบบดีไซน์ ก็ถือว่ามีความโดดเด่นไม่น้อยเลยทีเดียว และด้วยเทคโนโลยีการผลิต Sleek Unibody Design ที่ด้านข้าง และฝาหลังผสานเข้ากันแบบขอบโค้งแบบไร้รอยต่อ นั้นทำให้ Vivo V7 ดูมีความสวยงาม และเรียบหรูเป็นอย่างมาก นอกจากนี้ ด้านหลังของตัวเครื่องยังเป็นพื้นผิวแบบด้าน บวกกับความโค้งมนของตัวเครื่อง พร้อมความบางเฉียบเพียง 7.9 มิลลิเมตร จึงช่วยให้สามารถถือ หรือพกพาไปใช้งานตามสถานที่ต่างๆ ได้อย่างคล่องตัว อีกทั้งยังไม่เกิดคราบเปื้อน หรือรอยนิ้วมือได้ง่ายอีกด้วย
ทางด้านคุณสมบัติเด่นอื่นๆ ก็ถือว่าสมน้ำสมเนื้อกับราคาค่าตัว ไม่ว่าจะเป็น เซ็นเซอร์สแกนลายนิ้วมือ, ฟีเจอร์จดจำใบหน้าสำหรับปลดล็อกตัวเครื่อง (Facial Recognition), รองรับการสั่งงานด้วยท่าทาง, รองรับการใช้งานสองแอปพลิเคชันพร้อมกันผ่านฟังก์ชัน Smart Split 3.0, ถาดสำหรับใส่ซิมการ์ดแบบ Triple-Slot Tray ซึ่งเป็น 3 ช่องอิสระ ที่สามารถใส่ซิมการ์ดที่ 1, ซิมการ์ดที่ 2 และการ์ดหน่วยความจำภายนอกได้พร้อมๆ กัน, รองรับการเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตผ่านระบบ 4G LTE กับ 3G, รองรับฟังก์ชันโคลนนิ่งแอปพลิเคชัน และแบตเตอรี่ขนาด 3000 mAh
ในส่วนของคุณสมบัติด้านการประมวลผล ไม่ว่าจะเป็น ชิปเซ็ต Octa-Core Qualcomm Snapdragon 450 ความเร็วในการประมวลผล 1.8 GHz, หน่วยประมวลผลกราฟิกแบบ Adreno 506, หน่วยความจำภายในขนาด 32 GB, หน่วยความจำแรมขนาด 4 GB และขับเคลื่อนการทำงานด้วยระบบปฏิบัติการ Funtouch OS 3.2 (มีพื้นฐานอยู่บนระบบปฏิบัติการ Android 7.1 Nougat) ซึ่งจากทดสอบทั้งการเล่นเกมที่มีการฟิกแบบสามมิติ หรือชมภาพยนตร์ความละเอียดสูงระดับ Full HD (1080p) Vivo V7 ก็ตอบสนองต่อการใช้งานได้อย่างไหลลื่นโดยไม่มีอาการหน่วง หรือกระตุกให้พบเจอ อีกทั้งยังไม่มีการสะสมความร้อนที่ตัวเครื่องอีกด้วย
และจากการทดสอบทั้งหมดที่ผ่านก็พอที่จะสรุปได้ว่า Vivo V7 น่าจะเหมาะกับผู้ที่ชื่นชอบการถ่ายภาพเซลฟี่เป็นพิเศษที่กำลังมองหาสมาร์ทโฟนที่มาพร้อมกล้องดิจิทัลด้านหน้าที่ถ่ายภาพได้สวยคมชัด, ดีไซน์เรียบหรูบางเฉียบ, วัสดุแข็งแรงทนทาน, สเปกเครื่องที่สามารถตอบสนองการใช้งานได้ดีทุกรูปแบบได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ และมีฟีเจอร์ให้ใช้งานหลากหลาย ในราคาไม่ถึงหมื่น ซึ่ง Vivo V7 ถือเป็นอีกหนึ่งตัวเลือกที่ไม่ควรมองข้าม และหากท่านใดที่สนใจก็สามารถเป็นเจ้าของ Vivo V7 ได้แล้ววันนี้ที่ Vivo Shop หรือร้านค้าตัวแทนจำหน่ายทั่วประเทศ ในราคาเพียง 9,990 บาท เท่านั้น!
สุดท้ายนี้ ต้องขอขอบคุณทาง Vivo ประเทศไทย ที่ให้ความไว้วางใจส่งเครื่อง Vivo V7 มาให้ทางทีมงานได้ทำการรีวิวให้ท่านผู้อ่านได้รับชมกัน สำหรับวันนี้ต้องขอลาไปก่อน พบกันได้ใหม่ ในโอกาสหน้า สวัสดีครับ
จุดเด่นของ Vivo V7
- ดีไซน์ตัวเครื่องแบบ Sleek Unibody Design ซึ่งด้านข้าง และฝาหลังผสานเข้ากันแบบขอบโค้งแบบไร้รอยต่อ พร้อมความบางเฉียบเพียง 7.9 มิลลิเมตร
- เซ็นเซอร์สแกนลายนิ้วมือ (Fingerprint Sensor) ที่ด้านหลังของตัวเครื่อง สำหรับตรวจสอบสิทธิ์ของการเข้าใช้งานเครื่อง และการเข้าถึงข้อมูลภายใน
- รองรับฟีเจอร์จดจำใบหน้าสำหรับปลดล็อกตัวเครื่อง (Facial Recognition)
- จอแสดงผลแบบ IPS LCD FullView Display Capacitive Touchscreen 16,700,000 สี ความละเอียด 1440x720 Pixels ขนาด 5.7 นิ้ว พร้อมหน่วยประมวลผลภาพกราฟิกโดยเฉพาะ (GPU : Graphics Processing Unit) แบบ Adreno 506 - รองรับการใช้งานสองแอปพลิเคชันพร้อมกันผ่านฟังก์ชัน Smart Split 3.0
- รองรับการสั่งงานด้วยท่าทาง
- ฟังก์ชันสำหรับลดแสงสีฟ้า เพื่อถนอมสายตา
- ประมวลผลการทำงานด้วยชิปเซ็ต Octa-Core Qualcomm Snapdragon 450 ความเร็วในการประมวลผล 1.8 GHz
- ขับเคลื่อนการทำงานด้วยระบบปฏิบัติการ Funtouch OS 3.2 (มีพื้นฐานอยู่บนระบบปฏิบัติการ Android 7.1 Nougat)
- หน่วยความจำภายในสำหรับเก็บบันทึกข้อมูลขนาด 32 GB พร้อมรองรับการ์ดหน่วยความจำเสริมภายนอกแบบ microSD Card (TransFlash) ได้สูงสุดขนาด 256 GB
- หน่วยความจำ RAM ขนาด 4 GB
- กล้องดิจิทัลด้านหน้าความละเอียด 24 ล้านพิกเซล พร้อมขนาดรูรับแสงกว้างสูงสุด f/2.0, ไฟแฟลชแบบ Selfie Softlight, โหมดถ่ายภาพหน้าสวย, ฟังก์ชัน Bokeh, ฟังก์ชัน Gender Identification และรองรับการถ่ายวิดีโอได้ที่ความละเอียดสูงสุดระดับ Full HD (1080p)
- กล้องดิจิทัลด้านหลังความละเอียด 16 ล้านพิกเซล พร้อมระบบโฟกัสภาพอัตโนมัติแบบ PDAF (Phase Detection Autofocus), รูรับแสงกว้างสูงสุด f/2.0, ไฟแฟลช LED และรองรับการถ่ายวิดีโอได้ที่ความละเอียดสูงสุดระดับ Full HD (1080p)
- รองรับการใช้งานได้พร้อมกัน 2 ซิมการ์ด (Dual SIM)
- ถาดใส่ซิมการ์ดแบบ Triple Slot สามารถใส่สองซิมการ์ด กับการ์ดหน่วยความจำแบบ microSD ได้พร้อมๆ กัน
- รองรับการเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตผ่านทางระบบ 4G LTE, 3G, WiFi, EDGE และ GPRS
- ระบบ GPS+A-GPS ในตัว (Global Positioning System : ระบบดาวเทียมนำร่อง)
- แอปพลิเคชัน i Manager สำหรับจัดการส่วนต่างๆ ภายในเครื่อง ไม่ว่าจะเป็น การล้างข้อมูล (การเคลียร์แรม), การตั้งค่าเพื่อควบคุมการใช้งานอินเทอร์เน็ต, การจัดการแอปพลิเคชัน และการจำกัดความเป็นส่วนตัว
- ชนิดแบตเตอรี่แบบ Li-Ion ขนาด 3000 mAh
- มีวิทยุ FM ในตัว
- ราคา 9,990 บาท
จุดที่อาจจะต้องพิจารณาเพิ่มเติมของ Vivo V7
- วัสดุที่ใช้ผลิตตัวเครื่องไม่ใช่โลหะ
- เนื่องจากตัวเครื่องเป็นดีไซน์แบบไม่มีฝาหลัง จึงไม่สามารถถอด หรือเปลี่ยนแบตเตอรี่ด้วยตนเองได้
- หน้าจอมีความละเอียดแค่ระดับ HD+ (1440x720 พิกเซล) ในขณะที่สมาร์ทโฟนคู่แข่งบางรุ่นในระดับราคาเดียวกันมีความละเอียดมากกว่า
- หน่วยความจำภายใน (ROM) มีขนาดเพียง 32GB ในขณะที่สมาร์ทโฟนคู่แข่งบางรุ่นในระดับราคาเดียวกันมีขนาด 64GB
โปรดทราบ
* โทรศัพท์มือถือที่ท่านเห็นในบทความรีวิวนี้เป็นเพียงเครื่องทดสอบจากทางศูนย์ เพราะฉะนั้นคุณสมบัติบางอย่างอาจมีความแตกต่างจากเครื่องที่วางจำหน่ายจริงบ้างไม่มากก็น้อย รวมถึงจุดด้อยบางประการที่พบในเครื่องทดสอบ อาจจะถูกแก้ไขปรับปรุงให้ดีขึ้นในเครื่องที่วางจำหน่ายจริง ดังนั้นหากท่านสนใจซื้อโทรศัพท์มือถือรุ่นนี้ ควรตรวจสอบหรือทดลองใช้งานสินค้าด้วยตนเองอีกครั้งหนึ่ง *

:: ไปหน้าแรกเว็บไซต์ Thaimobilecenter
| ไปหน้าแรก
Mobile Focus ::
|