ตอนนี้คุณอยู่ที่ >> หน้าแรก >> หน้ารวม รีวิวมือถือ mobile review >> รีวิวมือถือ Mobile Review
   
Date : 09/04/2025
รีวิว OPPO Find N5

รีวิว OPPO Find N5 สมาร์ตโฟนจอพับบางที่สุดในโลก พร้อมกล้อง Hasselblad 3x Optical Zoom ชิปเซ็ต Snapdragon 8 Elite พลังชาร์จไว 80W และฟีเจอร์ AI ใหม่ล่าสุด
 

เรียกว่าห่างหายกันไปนานพอสมควรสำหรับ สมาร์ตโฟนจอพับในตระกูล Find N Series ของ OPPO หลังจากเปิดตัว OPPO Find N3 ไปตั้งแต่ปลายปี 2023 ที่ผ่านมา ซึ่งในที่สุดก็มีการเปิดตัวรุ่นใหม่ออกมาแล้ว โดยกระโดดข้าม N4 ไปเป็น OPPO Find N5 เลยทีเดียว แถมยังมาในฐานะ "สมาร์ตโฟนจอพับที่บางที่สุดในโลก" อีกด้วย และในวันนี้เราก็จะมารีวิวให้ทุกท่านได้ชมกันครับ

OPPO Find N5 เป็นสมาร์ตโฟนจอพับที่อัปเกรดต่อยอดขึ้นมาจากรุ่นก่อนในหลาย ๆ ด้าน โดยเฉพาะเทคโนโลยีการออกแบบ และวัสดุเกรดสูงที่นำมาใช้ ซึ่งทำให้ตัวเครื่องมีความบางเบาเป็นพิเศษ แต่ยังคงแข็งแรงทนทานต่อการใช้งาน ทั้งแกนพับ และส่วนประกอบอื่น ๆ โดยมีความบางเฉียบเพียง 4.21 มิลลิเมตรเท่านั้นเมื่อกางจอออก และหนักเพียง 229 กรัม แถมยังมีคุณสมบัติของการทนน้ำตามมาตรฐาน IPX6/IPX8/IPX9 เรียกได้ว่าเป็นการก้าวข้ามขีดจำกัดของการออกแบบไปอีกขั้นหนึ่งเลยก็ว่าได้

แม้ตัวเครื่องจะบางเฉียบ แต่ภายในยังคงอัดแน่นไปด้วยองค์ประกอบของสมาร์ตโฟนแฟล็กชิป ไม่มีการลดทอนคุณสมบัติภายในแต่อย่างใด ไม่ว่าจะเป็นชิปเซ็ต Snapdragon 8 Elite, แบตเตอรี่ความจุสูงขนาด 5600mAh ที่ชาร์จได้ไวถึง 80W, หน่วยความจำ RAM แบบ LPDDR5X ขนาด 16GB, หน่วยความจำ ROM แบบ UFS 4.0 ขนาด 512GB, จอแสดงผลไฮเอนด์แบบ LTPO AMOLED ที่รองรับอัตราการรีเฟรช 1-120Hz ทั้งด้านนอก-ด้านใน, ฟีเจอร์ AI ใหม่ล่าสุดที่ใส่มาให้อย่างเต็มที่ และฟีเจอร์ระดับเรือธงอีกมากมาย

ส่วนเรื่องกล้องของ OPPO Find N5 ก็นับว่าอยู่ในระดับเดียวกับแฟล็กชิป Find X8 Series โดยเป็นชุดกล้องที่พัฒนาร่วมกับ Hasselblad นำโดยกล้องหลักที่ใช้เซนเซอร์รับภาพ Sony Lytia LYT-700 ความละเอียด 50MP พร้อมด้วยกล้อง Telephoto (3x Optical Zoom) ความละเอียด 50MP ที่รองรับการซูมแบบไม่สูญเสียรายละเอียดได้ถึง 6 เท่า และกล้อง Ultra Wide ความละเอียด 8MP

เพียงแค่เกริ่นถึงความสามารถแบบคร่าว ๆ ก็เชื่อว่าหลายคนก็คงจะเริ่มสนใจกันแล้ว เพราะฉะนั้นขอเชิญทุกท่านไปติดตามรายละเอียดเต็ม ๆ กันต่อในรีวิว OPPO Find N5 โดยทีมงาน Thaimobilecenter ได้เลยครับ


ดีไซน์ภายนอกของ OPPO Find N5

OPPO Find N5 มีดีไซน์ที่ดูสวยงามพรีเมียม และงานประกอบที่ประณีต เฟรมเครื่องผลิตจากอะลูมีเนียมซีรีส์ 7000 เกรดเดียวกับที่ใช้ในอุตสาหกรรมการบิน ((Aircraft-Grade 7-Series Aluminium Alloy) ซึ่งแข็งแกร่งกว่า Find N3 ถึง 30% ส่วนฝาหลังใช้ไฟเบอร์เกรดอุตสาหกรรมการบินขั้นสูง ทำให้เบาลง 43% เมื่อเทียบกับรุ่นก่อน แต่ทนต่อแรงกระแทกมากขึ้น


หน้าจอด้านนอกเป็นจอ LTPO AMOLED ขนาด 6.62 นิ้ว ความละเอียด 2616x1140 พิกเซล (FHD+) พร้อมอัตราการรีเฟรช 1-120Hz, รองรับการแสดงผลคอนเทนต์แบบ HDR Vivid, HDR10+ และ Dolby Vision โดยมีความสว่างสูงสุด 2450 nits และเสริมแกร่งด้วยกระจกกันรอย Ultra-Thin Nanocrystal Glass โดยหน้าจอมีอัตราส่วนการแสดงผลอยู่ที่ 20.7:9 ซึ่งใกล้เคียงกับสมาร์ตโฟนทั่วไป อีกทั้งความหนาเมื่อพับจอแบบนี้ก็แทบไม่ต่างกัน จึงใช้งานได้คล่องตัวจนบางครั้งก็เกือบลืมไปว่านี่คือสมาร์ตโฟนจอพับ


หน้าจอหลักที่พับอยู่ด้านในเป็นจอ LTPO AMOLED ขนาด 8.12 นิ้ว ในอัตราส่วน 9.9:9 ความละเอียด 2480x2248 พิกเซล (QXGA+) พร้อมอัตราการรีเฟรช 1-120Hz, รองรับการแสดงผลคอนเทนต์แบบ HDR Vivid, HDR10+ และ Dolby Vision โดยมีความสว่างสูงสุด 2100 nits ส่วนสิ่งที่มาครอบทับหน้าจอพับนี้ก็คือฟิล์ม PET (Polyethylene Terephthalate) และกระจก UTG (Ultra Thin Glass)


ส่วนรอยพับกลางจอยังคงมีให้เห็นอยู่บ้าง แต่ก็ค่อนข้างน้อย ถ้าไม่สังเกตจริง ๆ หรือหากเป็นขณะที่จอแสดงผลอยู่ ก็คงสังเกตเห็นได้ยาก


สำหรับกล้องหน้าของทั้งจอใน และจอนอกจะมีคุณสมบัติที่เหมือนกัน โดยเป็นกล้องความละเอียด 8 ล้านพิกเซล พร้อมรูรับแสงขนาด f2.4 และทางยาวโฟกัส 21 มิลลิเมตร (มุมรับภาพ 91°)


ตัวบานพับเป็นวัสดุไทเทเนียม มีค่าความแข็งแรงทนทานในระดับ 2200 MPa ผ่านการทดสอบการพับ และกาง 100,000 ครั้ง และได้รับมาตรฐานความคงทน TÜV Rheinland Reliable Folding Certification


เมื่อกางออก ตัวเครื่องของ OPPO Find N5 จะมีความบางเพียง 4.21 มิลลิเมตร เท่านั้น ซึ่งบางมาก ๆ ทำให้ OPPO Find N5 เป็นสมาร์ตโฟนจอพับที่บางที่สุดในบรรดาสมาร์ตโฟนที่พับจอแบบหนังสือ (Book-Style Foldable) โดยปุ่มปรับระดับเสียง กับปุ่มล็อกหน้าจอที่เป็นเซนเซอร์สแกนลายนิ้วมือในตัวจะอยู่ที่ด้านขวา ส่วนด้านซ้ายมีปุ่ม Alert Slider สำหรับสลับโหมดเปิดเสียง, โหมดสั่น และโหมดเงียบอย่างรวดเร็ว


ตัวเครื่องมีลำโพงเสียงแบบคู่ระบบสเตอริโออยู่ที่ด้านบน และด้านล่าง พร้อมไมโครโฟนที่กระจายอยู่ทั่ว ด้านล่างมีพอร์ต USB-C และช่องใส่ซิมการ์ด ซึ่งจะเห็นว่าตัวเครื่องหนากว่าช่อง USB-C แค่นิดเดียวเท่านั้น


เมื่อพับจอเก็บ OPPO Find N5 จะมีความหนารวมเพียง 8.93 มิลลิเมตร ซึ่งบางพอ ๆ กับสมาร์ตโฟนเรือธงทั่วไป อีกทั้งยังมีน้ำหนักเพียง 229 กรัม ซึ่งไม่ได้หนีไปจากมาตรฐานของสมาร์ตโฟนเรือธงทั่วไปเท่าไหร่ เรียกได้ว่าพอพับแล้วให้ความรู้สึกในการใช้งานไม่ต่างจากมือถือปกติเลย


เมื่อลองวางเทียบกับ iPhone 13 จะเห็นว่า OPPO Find N5 หนากว่าแค่นิดเดียว แม้ว่าจอจะพับทบกันอยู่ก็ตาม


ดีไซน์กล้องหลังของ OPPO Find N5 เป็นมอดูลวงกลมล้อมด้วยกรอบโลหะสีเงิน และมีสัญลักษณ์ H ของแบรนด์ Hasselblad อยู่ตรงกลาง โดยรวมดูคล้ายกับดีไซน์ของรุ่นที่แล้ว แต่มีการย้ายไฟแฟลชเข้ามาอยู่ในวง ส่วนชุดกล้องมี 3 ตัว (Triple Camera) ประกอบด้วย

- กล้อง Wide ความละเอียด 50 ล้านพิกเซล พร้อมเซนเซอร์รับภาพ Sony Lytia LYT-700 ขนาด 1/1.56 นิ้ว, รูรับแสงขนาด f1.8, ทางยาวโฟกัส 21 มิลลิเมตร (มุมรับภาพ 89°), ระบบโฟกัสอัตโนมัติแบบ PDAF, ระบบป้องกันการสั่นแบบ 2-Axis OIS+EIS และโครงสร้างแบบ 7 ชิ้นเลนส์
- กล้อง Periscope Telephoto ความละเอียด 50 ล้านพิกเซล พร้อมเซนเซอร์รับภาพ Samsung JN5 ขนาด 1/2.75 นิ้ว, เม็ดพิกเซลขนาด 0.64 ไมครอน, รูรับแสงขนาด f2.7, ทางยาวโฟกัส 70 มิลลิเมตร (3x Optical Zoom), ระบบโฟกัสอัตโนมัติแบบ PDAF (10 เซนติเมตร-ระยะอนันต์), ระบบป้องกันการสั่นแบบ 2-Axis OIS และโครงสร้างแบบ 4 ชิ้นเลนส์
- กล้อง Ultra Wide ความละเอียด 8 ล้านพิกเซล พร้อมเซนเซอร์รับภาพขนาด 1/4.0 นิ้ว, เม็ดพิกเซลขนาด 1.12 ไมครอน, รูรับแสงขนาด f2.2, ทางยาวโฟกัส 15 มิลลิเมตร (มุมรับภาพ 116°), ระบบโฟกัสอัตโนมัติ และโครงสร้างแบบ 5 ชิ้นเลนส์


สำหรับถาดใส่ซิมการ์ดเป็นแบบ Dual-Slot จึงสามารถใส่ได้ 2 ซิมการ์ดพร้อมกัน รวมทั้งรองรับ eSIM แต่ไม่รองรับการ์ดหน่วยความจำเสริมแบบ microSD หรือแบบอื่น ๆ

นอกจากนี้ ตัวเครื่องของ OPPO Find N5 ยังผ่านมาตรฐานการทนน้ำในระดับ IPX6/IPX8/PX9 นั่นคือทนน้ำได้ตั้งแต่น้ำที่ถูกสาดเข้ามา ไปถึงการจมอยู่ใต้น้ำ (ทนน้ำได้ลึก 1.5 เมตร ต่อเนื่องสูงสุด 30 นาที)


สำหรับภายในกล่อง นอกจากตัวเครื่อง OPPO Find N5 แล้ว ยังมีอแดปเตอร์ชาร์จแบตเตอรี่แบบ 80W SUPERVOOC, สาย USB-C, คู่มือการใช้งาน, เคส และเข็มถอดถาดใส่ซิมการ์ด

 

ซอฟต์แวร์ และประสิทธิภาพการใช้งาน

OPPO Find N5 มาพร้อมระบบปฏิบัติการ Android 15 ซึ่งถูกครอบทับด้วย ColorOS 15.0.1 เวอร์ชันที่พัฒนามาสำหรับสมาร์ตโฟนจอพับโดยเฉพาะ และมี Dock อยู่ด้านล่างจอเพื่อการเรียกใช้แอปพลิเคชันที่รวดเร็ว


สำหรับพลังการประมวลผล OPPO Find N5 ใช้ชิปเซ็ต Snapdragon 8 Elite รุ่นท็อปใหม่ล่าสุด ซึ่งเรียกได้ว่าแรงที่สุดแล้วในวงการมือถือ Android ณ เวลานี้ เพียงแต่จะเป็นชิปเซ็ต Snapdragon 8 Elite ในรหัส SM8750-3-AB ซึ่งมีแกนประมวลผลทั้งหมด 7 แกน (7-Core) ดังนั้นความเร็วแรงก็อาจจะเป็นรองชิปเซ็ตรหัส SM8750-AB ซึ่งมีแกนประมวลผลแบบ 8-Core อยู่เล็กน้อย นอกจากนี้ก็ยังมาพร้อม RAM แบบ LPDDR5X ขนาด 16GB ส่วนหน่วยความจำภายในเป็นแบบ UFS 4.0 ขนาด 512GB โดยรวมถือว่าสมฐานะสมาร์ตโฟนพรีเมียม


แม้จะเป็นสมาร์ตโฟนจอพับ แต่ OPPO Find N5 ถูกออกแบบมาให้ใช้งานได้อย่างเต็มประสิทธิภาพจากหน้าจอด้านนอก โดยที่เราไม่จำเป็นต้องกางจอเลยถ้าไม่ต้องการ นอกจากนี้เวลาที่เราพับ หรือกางจอ แอปพลิเคชันที่เปิดอยู่ก็จะย้ายไปทำงานต่อในอีกหน้าจอหนึ่งทันที ไม่มีขาดตอน

 

ผลทดสอบประสิทธิภาพ (Benchmark) จากแอปพลิเคชัน Geekbench 6 และ AnTuTu Benchmark


ประสบการณ์ Multi-Tasking แบบ Boundless View

จุดเด่นของสมาร์ตโฟนจอพับคือการทำงานแบบ Multi-Tasking ซึ่ง OPPO Find N5 ก็มีการออกแบบอินเทอร์เฟซมาเพื่อเสริมการทำงานแบบนี้โดยเฉพาะ ด้วยฟีเจอร์ที่เรียกว่า Boundless View ที่ทำให้เราเปิดแอปพลิเคชันได้พร้อมกันถึง 3 แอป


สำหรับการใช้ฟีเจอร์ Boundless View ทำได้ง่าย ๆ โดยให้เราเปิดแอปพลิเคชันขึ้นมาก่อน 1 แอป จากนั้นแตะที่ไอคอน 3 จุดด้านบนหน้าจอ จะมีเมนูแบ่งจอมาให้เลือก เป็นมุมมองแบบแบ่งส่วน กับหน้าต่างลอย


หากเลือกมุมมองแบบแบ่งส่วน เราจะสามารถเลือกเปิดอีกแอปพลิเคชันหนึ่งขึ้นมาคู่กันได้ โดยหน้าจอจะแบ่งเป็น 2 ส่วนเท่า ๆ กัน ซึ่งเราสามารถขยายขนาดหน้าต่างของแต่ละแอปได้ตามใจชอบ


เมื่อเราเปิดแอปขึ้นมาพร้อมกัน 2 แอปแล้ว เราสามารถเลือกเปิดได้อีก 1 แอป โดยให้เราทำเหมือนเดิมคือแตะที่ไอคอน 3 จุดด้านบนของแอปใดแอปหนึ่ง เลือกมุมมองแบ่งส่วน และแอปที่ต้องการเปิด เท่านี้เราก็เปิด 3 แอปพร้อมกันได้แล้ว อีกทั้งยังสามารถย่อ-ขยายหน้าต่างได้ตามใจชอบ


หากต้องการให้ทั้ง 3 แอปอยู่ในหน้าจอเดียว ให้รวบนิ้ว 4 นิ้วกลางจอ ทั้ง 3 แอปจะแสดงคู่กันทั้งหมดดังภาพ ซึ่งเราสามารถใช้งานไปพร้อม ๆ กันได้เลยเหมือนเปิดมือถือ 3 เครื่อง


หากเลือกหน้าต่างลอย หน้าต่างของแอปก็จะกลายเป็นหน้าต่างลอยที่เราสามารถเคลื่อนย้ายได้อย่างอิสระ โดยเราสามารถเลือกเปิด 1 หน้าต่างลอย พร้อมกับแบ่งจอ 2 แอปได้ หากเปิดหน้าต่างลอยมากกว่า 1 หน้าต่าง จะแสดงหน้าต่างลอยเพียงแอปเดียวเท่านั้น แอปอื่น ๆ จะถูกย่อยเก็บไว้ที่ขอบจอด้านขวา


ควบคุมเครื่อง Mac จากระยะไกล และแชร์ไฟล์กับ iPhone ได้ทันที

ฟีเจอร์หนึ่งที่น่าสนใจของ ColorOS 15 ใน OPPO Find N5 คือการเชื่อมต่อกับคอมพิวเตอร์ Mac ได้ ผ่านแอป O+ Connect เพียงแค่ติดตั้งแอปดังกล่าวลงบน Mac และเชื่อมต่อ Mac กับ OPPO Find N5 ไว้ใน Wi-Fi วงเดียวกัน ก็สามารถถ่ายโอนรูปภาพ, วิดีโอ, เอกสาร และไฟล์ต่าง ๆ กันได้ทันที ช่วยให้การทำงานข้ามอุปกรณ์กับตระกูล Mac ง่ายขึ้นเยอะ (Seamless File Sync with Mac) รวมทั้งการแชร์ไฟล์กับ iPhone ก็สามารถทำได้ง่ายด้วยฟีเจอร์ Touch to Share

นอกจากนี้ ยังสามารถสั่งการเครื่อง Mac จากระยะไกลได้ด้วย (Mac Remote Control) โดยไปที่ การ ตั้งค่า > การเชื่อมต่อและการแชร์ > การควบคุมระยะไกล ซึ่งจะทำให้เราใช้งานคอมพิวเตอร์ Mac ผ่าน OPPO Find N5 ได้โดยตรง


เครื่องมือ AI เพื่อการทำงาน


นอกจากการทำงานแบบ Multi-Tasking แล้ว OPPO Find N5 ยังมีเครื่องมือ AI ที่ช่วยในการทำงานเอกสารและแปลภาษาด้วย โดยหลัก ๆ แล้วจะเป็น AI สำหรับช่วยเขียน และช่วยแปลภาษา

 

AI ช่วยเขียน



เครื่องมือ AI ช่วยเขียนจะอยู่ในแอปโน้ต สามารถช่วยแก้ไข, ตรวจคำผิด, เพิ่มความยาวงานเขียน, ย่อให้สั้น ไปจนถึงการสรุปใจความสำคัญ นอกจากนี้ยังดัดแปลงโทนภาษาของงานเขียนได้ ไม่ว่าจะเป็นแบบทางการ หรือไม่ทางการ ช่วยให้การเขียนง่าย และเร็วขึ้นมาก เหมาะสำหรับการจดบันทึกการประชุม, สรุปการแถลงข่าว หรือสรุปงานนำเสนอ เป็นต้น

 

AI แปลภาษา



อีกเครื่องมือหนึ่งที่ไม่มีไม่ได้สำหรับสมาร์ตโฟนยุคนี้คือ AI แปลภาษา ซึ่ง OPPO Find N5 ก็มีมาให้ใช้อย่างครบครัน ซึ่งสามารถทำได้ทั้งการแปลการสนทนาสด ๆ ต่อหน้า, แปลเอกสาร, แปลทุกอย่างบนจออัตโนมัติ ไปจนถึงการแปลภาษาด้วยการใช้กล้องถ่ายภาพ


ตัวอย่างการแปลสนทนาสองทาง ผู้พูดจะต้องแตะที่ปุ่มไมค์ก่อนพูด AI จะแปลภาษาให้อีกฝ่ายโดยอัตโนมัติ สามารถเลือกภาษาต้นทางและปลายทางได้


ตัวอย่างการแปลสด ซึ่งจะคล้าย ๆ กับการแปลบทสนทนา แต่จะเป็นการแปลฝั่งเดียว โดย AI จะฟังเสียง และแปลออกมาเป็นภาษาที่เราตั้งค่าไว้โดยอัตโนมัติ


ตัวอย่างการแปลเอกสาร ซึ่ง AI ใช้เวลาในการแปลเอกสารหลายหน้าแค่ครู่เดียวเท่านั้น แม้ว่าในตอนนี้ภาษาจะยังไม่สละสลวยมาก แต่ก็ช่วยทุ่นแรงได้มากเลยทีเดียว

ส่วนการแปลหน้าจออัตโนมัติ AI จะทำงานเบื้องหลัง และแปลทุกอย่างบนจอที่ไม่ใช่ภาษาไทยให้เป็นภาษาไทยทันที หรือจะเลือกเป็นภาษาอื่นก็ได้ ช่วยให้เราอ่านข่าวต่างประเทศได้ง่ายขึ้นเยอะ


AI ปรับแต่งภาพ

ถัดจาก AI ช่วยเขียน และแปลภาษา ก็มาถึง AI แต่งภาพ ซึ่ง OPPO Find N5 จะมีฟีเจอร์ครบครันสมกับเป็นเรือธงตัวท็อป ไม่ว่าจะเป็น AI Clarity Enhancer, AI Unblur, AI Reflection Remover และ AI Eraser สำหรับ AI ลบคน หรือลบวัตถุก็มีเช่นกัน และให้ผลลัพธ์ที่ดูแนบเนียนเป็นธรรมชาติ


ตัวอย่าง AI Eraser ลบคน


ตัวอย่าง AI Reflection Remover ลบแสงสะท้อน


ตัวอย่าง AI Unblur แก้ไขภาพเบลอ

 

AI Studio

ลูกเล่นอีกอย่างหนึ่งที่น่าสนใจคือ AI Studio ซึ่งหลายคนอาจจะเคยเล่นไปแล้วในสมาร์ตโฟนตระกูล Reno โดยฟีเจอร์นี้จะให้เราสร้างภาพ AI สวย ๆ ได้ โดยใช้รูปถ่ายของตัวเอง หรือของคนอื่นมาแปลงให้เป็นตัวอวตารเท่ ๆ ได้ การสร้างรูปแต่ละครั้งจะได้ออกมา 4 รูป และใช้ 10 เครดิต โดยจะมีเครดิตเริ่มต้นมาให้ 5,000 เครดิต


ทดสอบประสิทธิภาพด้านการเล่นเกม

แม้ว่า OPPO Find N5 จะไม่ใช่สมาร์ตโฟนที่เน้นไปในการเล่นเกม แต่ด้วยคุณสมบัติด้านการประมวลผลที่สูงทำให้เล่นเกมที่มีกราฟิกสวย ๆ ได้สบาย ๆ สามารถเล่นได้ทั้งจากจอด้านนอก และจอพับด้านใน โดยเฉพาะการเล่นบนจอพับด้านในจะให้ภาพที่กว้างกว่า ช่วยให้เห็นภาพในเกมแบบเต็ม ๆ ตา และยังช่วยให้การเล่นเกมบางประเภทถนัดขึ้นด้วย เช่น เกมแนว Shooting เป็นต้น

 

สำหรับการทดสอบเรายังคงใช้เกม Genshin Impact และ PUBG Mobile เหมือนเดิม โดยปรับกราฟิกไว้ที่ระดับสูงสุด และเปิดเฟรมเรตสูงทั้งคู่ ซึ่งผลออกมาก็ลื่นไหลตามคาด เพราะชิปเซ็ต Snapdragon 8 Elite คือชิปเซ็ตที่แรงที่สุดในกลุ่ม Android แล้วในตอนนี้ อีกทั้งยังมี RAM มาให้ถึง 16GB ซึ่งเรียกได้ว่าเหลือ ๆ ทุกขณะการเล่นจึงลื่นไหลมากเป็นพิเศษ

อย่างไรก็ตาม ปัญหาสำคัญอย่างหนึ่งที่เจอในขณะเล่นเกมคือเครื่องร้อนเร็วมาก และร้อนจนรู้สึกได้ โดยเฉพาะบริเวณที่ใกล้กับโมดูลกล้องหลัง เป็นไปได้ว่าดีไซน์ที่บางเป็นพิเศษทำให้ติดตั้งระบบระบายความร้อนขนาดใหญ่ไม่ได้ ประกอบกับชิปเซ็ต Snapdragon 8 Elite ที่ร้อนมากเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว ทำให้ระบายความร้อนไม่ทัน แต่ก็ไม่ถึงขึ้นที่เครื่องต้องหยุดทำงานกลางคันแต่อย่างใด


แบตเตอรี่ และระบบชาร์จไว

ถึงแม้ OPPO Find N5 จะมีตัวเครื่องที่บางเฉียบ แต่แบตเตอรี่ที่ให้มาก็ไม่ได้น้อยเลยเพราะมีขนาดถึง 5600mAh จากการทดสอบเบื้องต้นพบว่าอึดพอที่จะใช้งานได้ตั้งแต่เช้ายันเย็น ถือว่าอยู่ในเกณณ์ที่น่าประทับใจ ส่วนการชาร์จนั้นรองรับระบบชาร์จความเร็วสูงแบบ 80W SUPERVOOC และชาร์จไร้สายแบบ 50W AIRVOOC อีกทั้งยังมีอแดปเตอร์ชาร์จมาให้ในกล่องแล้วเรียบร้อย โดยถ้าเป็นการชาร์จแบบมีสาย จะสามารถชาร์จจนเต็มได้ภายในเวลาราว 50 นาทีเท่านั้น


การถ่ายภาพ และบันทึกวิดีโอ

ชุดกล้องของ OPPO Find N5 ถือว่าอยู่ในระดับไฮเอนด์เทียบเท่ากับเรือธงรุ่นหลักอย่าง Find X Series โดยมีทั้งเลนส์ Ultrawide ที่ถ่าย Macro ได้ และเลนส์ซูม Telephoto บนสไตล์ภาพแบบ Hasselblad อันเป็นเอกลักษณ์ โดยคุณสมบัติของชุดกล้องหลัง 3 ตัว (Triple Camera) จะเป็นดังนี้


- กล้อง Wide ความละเอียด 50 ล้านพิกเซล พร้อมเซนเซอร์รับภาพ Sony Lytia LYT-700 ขนาด 1/1.56 นิ้ว, รูรับแสงขนาด f1.8, ทางยาวโฟกัส 21 มิลลิเมตร (มุมรับภาพ 89°), ระบบโฟกัสอัตโนมัติแบบ PDAF, ระบบป้องกันการสั่นแบบ 2-Axis OIS+EIS และโครงสร้างแบบ 7 ชิ้นเลนส์
- กล้อง Periscope Telephoto ความละเอียด 50 ล้านพิกเซล พร้อมเซนเซอร์รับภาพ Samsung JN5 ขนาด 1/2.75 นิ้ว, เม็ดพิกเซลขนาด 0.64 ไมครอน, รูรับแสงขนาด f2.7, ทางยาวโฟกัส 70 มิลลิเมตร (3x Optical Zoom), ระบบโฟกัสอัตโนมัติแบบ PDAF (10 เซนติเมตร-ระยะอนันต์), ระบบป้องกันการสั่นแบบ 2-Axis OIS และโครงสร้างแบบ 4 ชิ้นเลนส์
- กล้อง Ultra Wide ความละเอียด 8 ล้านพิกเซล พร้อมเซนเซอร์รับภาพขนาด 1/4.0 นิ้ว, เม็ดพิกเซลขนาด 1.12 ไมครอน, รูรับแสงขนาด f2.2, ทางยาวโฟกัส 15 มิลลิเมตร (มุมรับภาพ 116°), ระบบโฟกัสอัตโนมัติ และโครงสร้างแบบ 5 ชิ้นเลนส์

 

การถ่ายภาพของ OPPO Find N5 จะเน้นการถ่ายภาพสไตล์พอร์ตเทรท ด้วยเลนส์ Telephoto ทางยาวโฟกัส 70 มม. และ 85 มม. (ระยะซูม 3 เท่า) ซึ่งเป็นระยะที่ทำให้ตัวแบบโดดเด่น พร้อมด้วยเอฟเฟกต์โบเก้ที่สวยงามสมจริง


สำหรับการซูม OPPO Find N5 สามารถซูมได้ไกลสุดถึง 120 เท่า โดยจะมี AI เข้ามาช่วยเพิ่มความคมชัดของภาพ อย่างไรก็ตาม กล้องของ OPPO Find N5 สามารถรักษาคุณภาพของรูปถ่ายเอาไว้ได้ที่ระยะไม่เกิน 6 เท่า หากเกินกว่านี้ภาพจะดูไม่ค่อยดีเท่าไหร่


กล้องหน้าทั้งจอนอกและจอในเป็นกล้องที่มีสเปกเหมือนกัน ทำให้คุณภาพของรูปถ่ายออกมาไม่ต่างกัน จะต่างกันตรงที่มุมถ่ายภาพเท่านั้นครับ


อีกตัวเลือกหนึ่งในการถ่ายเซลฟี่สำหรับสมาร์ตโฟนจอพับคือการกางจอแล้วถ่าย ด้วยกล้องหลัง และดูตัวอย่างจากจอด้านนอก ซึ่งจะให้คุณภาพของรูปถ่ายที่ดีกว่ากล้องหน้ามาก แต่อาจจะเล็งมุมยากนิดหน่อย


และยังพับครึ่งเพื่อตั้งถ่ายเซลฟี่ได้ด้วย โดยสามารถสั่งถ่ายรูปได้ด้วยการยกมือ เหมาะกับการตั้งถ่ายเซลฟี่แบบเป็นหมู่คณะ หรือถ่ายตัวเองแบบเห็นวิวรอบ ๆ ครับ


ส่วนการถ่ายวิดีโอกล้องหลังทำได้ที่ความละเอียดสูงสุด 4K 60fps ส่วนกล้องหน้าทั้งสองตัวทำได้ที่ 4K 30fps


ตัวอย่างภาพถ่ายจากกล้องหลังของ OPPO Find N5

ตัวอย่างรูปถ่ายจากโหมดพอร์ตเทรต


ตัวอย่างภาพถ่ายจากโหมดมาโคร

 

ตัวอย่างภาพถ่ายจากโหมดอัตโนมัติ


ตัวอย่างภาพถ่ายจากโหมดกลางคืน


ตัวอย่างภาพถ่ายจากกล้องหน้าของ OPPO Find N5


ราคา และโปรโมชันของ OPPO Find N5

OPPO Find N5 เปิดให้สั่งจองแล้วตั้งแต่วันที่ 9-17 เมษายน 2568 ในราคา 69,999 บาท พร้อมโปรโมชันพิเศษดังนี้

- รับฟรี OPPO Care มูลค่า 34,999 บาท
- เก่าแลกใหม่ ลดเพิ่มสูงสุด 10,000 บาท
- ซื้อคู่กับ OPPO Watch X2 รับส่วนลด 30%

ที่ OPPO Brand Shop และตัวแทนจำหน่ายที่ร่วมรายการ

และเมื่อสั่งของ OPPO Find N5 ผ่านผู้ให้บริการเครือข่ายที่ร่วมรายการ ตั้งแต่วันที่ 9-17 เมษายน 2568 รับส่วนลดสูงสุด 20,000 บาท พร้อม OPPO Care มูลค่า 34,999 บาท และเมื่อซื้อคู่กับ OPPO Watch X2 รับส่วนลด 30%

 

สรุปประสบการณ์หลังใช้งาน OPPO Find N5

หลังจากที่ได้ลองสัมผัสกับ OPPO Find N5 มาระยะหนึ่ง สิ่งแรกที่รู้สึกประทับใจก็คือดีไซน์ตัวเครื่องที่บางเฉียบแต่แข็งแกร่งเกินคาด เวลาถือใช้งานจะรู้สึกได้เลยว่ามีความแข็งแรง ไม่บอบบางเหมือนหน้าตา งานประกอบแน่นหนาทุกจุด โดยเฉพาะบานพับที่สามารถพับเข้าพับออกได้อย่างมั่นคงแข็งแรง แถมยังทนน้ำที่ระดับ IPX9 อีกด้วย จึงสามารถพกพาไปใช้งานได้มั่นใจในทุกสถานการณ์ การที่ OPPO สามารถทำตัวเครื่องให้ทนทานได้บนความบางระดับนี้ถือว่ายอดเยี่ยมมาก

 

เรื่องประสิทธิภาพด้านการประมวลผลก็เรียกว่าเร็วแรงในระดับหัวแถว ด้วยชิปเซ็ตเรือธงตัวท็อปใหม่ป้ายแดงอย่าง Snapdragon 8 Elite ที่มั่นใจได้ว่าจะสามารถใช้งานทุกประเภทได้ลื่นไหลไปนานอีกหลายปี อีกสิ่งหนึ่งที่ทำได้ดีคือแบตเตอรี่ โดยแบตเตอรี่ของ OPPO Find N5 เป็นแบบ Silicon-Carbon ซึ่งเก็บประจุได้มากกว่าแบตเตอรี่ Lithium-ion แบบดั้งเดิม จึงใส่ความจุมาได้มากถึง 5600mAh แม้ตัวแบตเตอรี่จะบางมากก็ตาม ความจุระดับนี้ถือว่าสูงมากหากเทียบกับสมาร์ตโฟนจอพับอีกหลาย ๆ รุ่น และอาจจะมากกว่าสมาร์ตโฟนเรือธงปกติบางรุ่นเสียด้วยซ้ำ ทำให้แบตเตอรี่อึดพอที่จะใช้งานได้แบบข้ามวันโดยไม่ต้องแวะชาร์จ หรือถ้าจำเป็นต้องชาร์จก็ใช้เวลาไม่นาน เพราะรองรับระบบชาร์จไว 80W SUPERVOOC และชาร์จไวไร้สาย 50W AIRVOOC แต่ถ้าใครชอบชาร์จไร้สาย และอยากชาร์จไว ก็จำเป็นที่จะต้องซื้อแท่นชาร์จ AIRVOOC ของ OPPO เพิ่มเติม

คุณสมบัติการใช้งานที่โดดเด่นของ OPPO Find N5 คือการทำงานแบบ Multi-Tasking ด้วยฟีเจอร์ Boundless View ซึ่งใช้งานง่าย และเปิดได้พร้อมกันสูงสุดถึง 3 แอปพลิเคชัน โดยที่เราสามารถใช้งานได้พร้อมกัน 3 แอปคู่ขนานกันไปได้จริง ๆ ช่วยให้การทำงานข้ามแอปง่ายขึ้นมาก หรือถ้าเอาไปใช้เพื่อความบันเทิงทั่ว ๆ ไปก็เป็นประสบการณ์ใช้งานที่แปลกใหม่เช่นกัน นอกจากนี้ยังมีเครื่องมือ AI ใหม่ ๆ มาให้ใช้งานครบถ้วน ทั้งช่วยงานเขียน, งานแปลภาษา และงานกราฟิก เรียกได้ว่าเป็นตัวจบสำหรับสมาร์ตโฟนเพื่อการทำงานได้เช่นกัน

 

ด้านการถ่ายภาพ OPPO Find N5 มาพร้อมกับฮาร์ดแวร์ และซอฟต์แวร์กล้องที่ดีอยู่แล้ว ไม่เสียทีที่เป็นสมาร์ตโฟนอีกรุ่นซึ่งพัฒนากล้องร่วมกับ Hasselblad ทำให้คุณภาพของรูปถ่ายออกมาดีทัดเทียมกล้องเรือธงตระกูล Find X สามารถเก็บรายละเอียดของภาพได้คมชัดทุกสภาพแสง ให้สีสันที่แม่นยำ พร้อมการจัดการ Noise และ HDR ที่ดี แต่ผลลัพธ์ที่ดูน่าประทับใจเป็นพิเศษก็คงจะเป็นการถ่ายภาพแบบพอร์ตเทรต ซึ่งมีคอนทราสต์ที่โดดเด่น, การตัดขอบที่แม่นยำ และสกินโทนที่สมจริง พร้อมเอฟเฟกต์โบเก้ที่เป็นธรรมชาติ

นอกจากนี้กล้องหลังของ OPPO Find N5 สามารถซูมแบบไม่เสียรายละเอียดได้สูงสุดที่ระยะ 6 เท่า และซูมได้ไกลสุดแบบ Digital Zoom ถึง 120 เท่า ด้วยความดีความงามของกล้อง Telephoto ซึ่งมีระยะซูมด้วยเลนส์แท้ ๆ แบบ 3x Optical Zoom ที่สำคัญคือมี AI เข้ามาช่วยเพิ่มความคมชัด อย่างไรก็ตาม ระยะซูมไม่ใช่จุดเด่นของรุ่นนี้ เพราะการซูมที่ระยะเกิน 6 เท่าจะทำให้คุณภาพของรูปถ่ายลดลงอย่างสังเกตได้ และรายละเอียดขาดหายไปพอสมควร หากใครหวังว่าจะเอาไปซูมดูคอนเสิร์ต รุ่นนี้อาจจะยังไม่เหมาะนัก แต่ถ้าจะเอาไปถ่ายภาพแนวสตรีท รุ่นนี้ก็ถือว่าเหมาะ

 

โดยรวมแล้ว OPPO Find N5 เป็นสมาร์ตโฟนจอพับที่มีความโดดเด่นทั้งดีไซน์, การประมวลผล, กล้องถ่ายภาพ, ฟีเจอร์ AI และคุณสมบัติระดับไฮเอนด์เพื่อการทำงานที่ครบครัน เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการสมาร์ตโฟนจอพรีเมียมบางเฉียบที่ทำงานแบบ Multi-tasking ได้อย่างเต็มประสิทธิภาพครับ


สรุปคุณสมบัติเด่น และสิ่งที่น่าสนใจของ OPPO Find N5

- เป็นสมาร์ตโฟนจอพับที่มีตัวเครื่องบางเฉียบที่สุดในโลกเพียง 4.21 มิลลิเมตร (ขณะกางจอ) หรือ 8.93 มิลลิเมตร (ขณะพับจอ)
- เป็นสมาร์ตโฟนจอพับที่มีน้ำหนักเบาเพียง 229 กรัม
- ด้านหลังตัวเครื่องครอบทับด้วยกระจก
- กรอบตัวเครื่องผลิตจากอะลูมิเนียมเกรดเดียวกับที่ใช้ในอุตสาหกรรมการบิน (Aircraft-Grade 7-Series Aluminium Alloy)
- บานพับผลิตจากไทเทเนียม (ความแข็งแรง 2200 MPa)
- ตัวเครื่องมีคุณสมบัติของการทนน้ำในระดับ IPX6/IPX8/IPX9

------------------------------

- จอแสดงผลด้านใน (Inner Screen) แบบ LTPO AMOLED ขนาด 8.12 นิ้ว ความละเอียดระดับ QXGA+ (2480x2248 พิกเซล : 412 PPI)
- อัตราการรีเฟรช (Refresh Rate) สูงสุดที่ 120Hz (1-120Hz)
- อัตราการตอบสนองต่อระบบสัมผัส (Touch Sampling Rate) สูงสุดที่ 240Hz
- ความลึกสี 1.07 พันล้านสี (10-bit)
- รองรับช่วงสีแบบ DCI-P3 และ sRGB ได้ 100%
- ความสว่างสูงสุด 2100 nits
- เทคโนโลยี 2160Hz High Frequency PWM Dimming สำหรับช่วยถนอมสายตาจากการกะพริบของหน้าจอ
- อัตราส่วนพื้นที่แสดงผลต่อตัวเครื่อง 96.0%
- รองรับการแสดงผลคอนเทนต์แบบ HDR Vivid, Dolby Vision และ HDR10+
- ครอบทับด้วยฟิล์ม PET (Polyethylene Terephthalate) และกระจก UTG (Ultra Thin Glass)

------------------------------

- จอแสดงผลด้านนอก (Cover Screen) แบบ LTPO AMOLED ขนาด 6.62 นิ้ว ความละเอียดระดับ FHD+ (2616x1140 พิกเซล : 431 PPI)
- อัตราการรีเฟรช (Refresh Rate) สูงสุดที่ 120Hz (1-120Hz)
- อัตราการตอบสนองต่อระบบสัมผัส (Touch Sampling Rate) สูงสุดที่ 240Hz
- ความลึกสี 1.07 พันล้านสี (10-bit)
- รองรับช่วงสีแบบ DCI-P3 และ sRGB ได้ 100%
- ความสว่างสูงสุด 2450 nits
- อัตราส่วนพื้นที่แสดงผลต่อตัวเครื่อง 92.2%
- อัตราส่วนหน้าจอแบบ 20.7:9
- รองรับการแสดงผลคอนเทนต์แบบ HDR Vivid, Dolby Vision และ HDR10+
- ครอบทับด้วยกระจก Ultra-Thin Nanocrystal Glass

------------------------------

- ประมวลผลด้วยชิปเซ็ต Qualcomm Snapdragon 8 Elite (SM8750-3-AB)
- หน่วยประมวลผลกราฟิก (GPU) Adreno 830
- หน่วยความจำแรม (RAM) แบบ LPDDR5X ขนาด 12GB/16GB
- หน่วยความจำภายในสำหรับเก็บบันทึกข้อมูล (ROM) แบบ UFS 4.0 ขนาด 256GB/512GB/1TB
- ทำงานอยู่บนระบบปฏิบัติการ Android 15 พร้อมครอบทับด้วย ColorOS 15
- มีอินเทอร์เฟซ และฟีเจอร์ที่สนับสนุนการทำงานแบบ Multi-Tasking อย่างมีประสิทธิภาพ

------------------------------

- แบตเตอรี่ความจุ 5600 mAh
- ระบบชาร์จแบตเตอรี่ความเร็วสูงแบบ 80W SUPERVOOC
- ชาร์จแบตเตอรี่ได้เต็ม 100% ภายในเวลา 50 นาที
- ระบบชาร์จแบตเตอรี่ไร้สายความเร็วสูงแบบ 50W AIRVOOC
- รองรับระบบชาร์จแบบ 13.5W PD
- ฟังก์ชัน Reverse Charging สำหรับชาร์จแบตเตอรี่ให้กับอุปกรณ์อื่นในลักษณะของ Power Bank
- แบตเตอรี่มีความอึดกว่าสมาร์ตโฟนจอพับส่วนใหญ่

------------------------------

ชุดกล้องหลัก 3 ตัว (Triple Camera) ที่ด้านหลังตัวเครื่อง ประกอบด้วย

- กล้อง Wide ความละเอียด 50 ล้านพิกเซล พร้อมเซนเซอร์รับภาพ Sony Lytia LYT-700 ขนาด 1/1.56 นิ้ว, รูรับแสงขนาด f1.8, ทางยาวโฟกัส 21 มิลลิเมตร (มุมรับภาพ 89°), ระบบโฟกัสอัตโนมัติแบบ PDAF, ระบบป้องกันการสั่นแบบ 2-Axis OIS+EIS และโครงสร้างแบบ 7 ชิ้นเลนส์
- กล้อง Periscope Telephoto ความละเอียด 50 ล้านพิกเซล พร้อมเซนเซอร์รับภาพ Samsung JN5 ขนาด 1/2.75 นิ้ว, เม็ดพิกเซลขนาด 0.64 ไมครอน, รูรับแสงขนาด f2.7, ทางยาวโฟกัส 70 มิลลิเมตร (3x Optical Zoom), ระบบโฟกัสอัตโนมัติแบบ PDAF (10 เซนติเมตร-ระยะอนันต์), ระบบป้องกันการสั่นแบบ 2-Axis OIS และโครงสร้างแบบ 4 ชิ้นเลนส์
- กล้อง Ultra Wide ความละเอียด 8 ล้านพิกเซล พร้อมเซนเซอร์รับภาพขนาด 1/4.0 นิ้ว, เม็ดพิกเซลขนาด 1.12 ไมครอน, รูรับแสงขนาด f2.2, ทางยาวโฟกัส 15 มิลลิเมตร (มุมรับภาพ 116°), ระบบโฟกัสอัตโนมัติ และโครงสร้างแบบ 5 ชิ้นเลนส์

พร้อมการพัฒนากล้องถ่ายภาพร่วมกับบริษัท Hasselblad, โหมด Cinematic, โหมด Dual-View Video, โหมด XPAN, โหมด HI-RES และรองรับการบันทึกวิดีโอที่ความละเอียดสูงสุดระดับ 4K (30/60fps)

กล้องหน้าบนจอด้านใน (Inner Screen Camera) ความละเอียด 8 ล้านพิกเซล

พร้อมเซนเซอร์รับภาพขนาด 1/4.0 นิ้ว, เม็ดพิกเซลขนาด 1.12 ไมครอน, รูรับแสงขนาด f2.4, ทางยาวโฟกัส 21 มิลลิเมตร (มุมรับภาพ 91°) และรองรับการบันทึกวิดีโอที่ความละเอียดสูงสุดระดับ 4K (30fps)

กล้องหน้าบนจอด้านนอก (Cover Screen Camera) ความละเอียด 8 ล้านพิกเซล

พร้อมเซนเซอร์รับภาพขนาด 1/4.0 นิ้ว, เม็ดพิกเซลขนาด 1.12 ไมครอน, รูรับแสงขนาด f2.4, ทางยาวโฟกัส 21 มิลลิเมตร (มุมรับภาพ 91°) และรองรับการบันทึกวิดีโอที่ความละเอียดสูงสุดระดับ 4K (30fps)

------------------------------

ฟีเจอร์ AI พร้อมใช้งาน

- ฟีเจอร์ Boundless View, Split View Notice, AI Translate Assistant, AI Assistant for Documents, AI Call Summary, Circle to Search with Google
- ฟีเจอร์ AI Telescope Zoom, AI Clarity Enhancer, AI Eraser, AI Unblur, AI Reflection Remover
- ฟีเจอร์ AI LinkBoost, AI-Driven Adaptive Antenna

------------------------------

- ใช้งานอินเทอร์เน็ตผ่านทางระบบเครือข่าย Wi-Fi 802.11 a/b/g/n/ac/ax/be, 5G, 4G LTE, 3G WCDMA และ 2G EDGE/GPRS
- เชื่อมต่อข้อมูลแบบไร้สายผ่านทาง Bluetooth 5.4, NFC และ Infrared (Remote Control)
- ระบุตำแหน่ง และนำทางด้วยระบบดาวเทียม GPS, Glonass, BeiDou, Galileo และ QZSS
- พอร์ต USB Type-C (USB 3.1 Gen 2)
- รองรับการเชื่อมต่อกับเครื่อง Mac และ iPhone พร้อมฟีเจอร์ Mac Remote Control, Seamless File Sync with Mac และ Touch to Share (iPhone)
- ลำโพงเสียงแบบคู่ (Stereo Speakers) พร้อมระบบเสียงแบบ Dolby Atmos
- เซนเซอร์สแกนลายนิ้วมือที่ด้านข้างตัวเครื่อง (Side Mounted Fingerprint Sensor) พร้อมระบบจดจำใบหน้า (Face Recognition)

สรุปคุณสมบัติโดยละเอียด (สเปก) และราคา ของ OPPO Find N5

 

จุดที่อาจจะต้องพิจารณาเพิ่มเติมของ OPPO Find N5

- ใช้ชิปเซ็ต Snapdragon 8 Elite ในรหัส SM8750-3-AB ซึ่งมีแกนประมวลผลแบบ 7-Core (รุ่นปกติเป็นรหัส SM8750-AB ซึ่งมีแกนประมวลผลแบบ 8-Core)
- การจัดการความร้อนยังทำได้ไม่ดีเท่าที่ควร
- กล้องหน้าทั้งจอด้านนอก และจอด้านในมีความละเอียดเพียง 8 ล้านพิกเซล
- การซูมในระยะที่ไกลมาก รายละเอียดของภาพยังไม่ดีนัก

 

OPPO Watch X2 สมาร์ตวอตช์ระดับแฟลกชิป มีฟีเจอร์ ECG พร้อมโหมดกีฬามากกว่า 100 โหมด

 

อีกหนึ่งอุปกรณ์ IoT ที่เปิดตัวมาพร้อมกับ OPPO Find N5 นั่นก็คือ OPPO Watch X2 สมาร์ตวอตช์เรือธงรุ่นใหม่ล่าสุดที่พัฒนาต่อยอดมาจาก OPPO Watch X ในปีที่แล้ว ซึ่งเราก็ได้หยิบมาลองใช้ และแวะมาพรีวิวให้ทุกท่านให้รู้จักกันในเบื้องต้น โดยสมาร์ตวอตช์รุ่นนี้ มาพร้อมกับตัวเรือนสแตนเลส กับหน้าปัดคริสตัลแซฟไฟร์อัปเกรด ขนาด 1.5 นิ้ว แบบ OLED อีกทั้งวัสดุตัวเรือนยังมีความทนทานในระดับ MIL-STD-810H จึงสามารถป้องกันรอยขีดข่วนได้เป็นอย่างดี นอกจากนี้ยังใช้แบตเตอรี่ OPPO Silicon Carbon ซึ่งรองรับการใช้งานได้ยาวนานถึง 5 วันต่อการชาร์จ 1 ครั้งอีกด้วย

 

 

ในด้านสุขภาพ OPPO Watch X2 มาพร้อมกับฟีเจอร์สุขภาพอย่างครบครัน ไม่ว่าจะเป็น ฟีเจอร์ 60S Health Check-in สำหรับตรวจสอบสุขภาพเบื้องต้น เช่น อัตราการเต้นของหัวใจ, ระดับออกซิเจนในเลือด, อุณหภูมิข้อมือ ที่ใช้เวลาในการตรวจสุขภาพเพียง 60 วินาทีเท่านั้น รวมถึงฟีเจอร์อื่น ๆ เช่น การติดตามคุณภาพของการนอนหลับ และการกรน, การประเมินระดับความเครียด ด้วยการวัดความแปรปรวนของอัตราการเต้นของหัวใจ (HRV) อีกทั้งยังมีฟีเจอร์ ECG ที่มาพร้อมอิเล็กโทรดแบบ EKG ซึ่งสามารถตรวจจับการเต้นของหัวใจที่ผิดปกติได้ภายในเวลาเพียง 30 วินาที

แต่ทั้งนี้ ฟีเจอร์ ECG เป็นการวัดเพื่อระบุถึงความเสี่ยงที่อาจจะเกิดขึ้นเท่านั้น ไม่สามารถใช้วินิจฉัยโรค หรือภาวะของหัวใจได้โดยสมบูรณ์ ซึ่งจำเป็นต้องปรึกษาแพทย์ และผู้เชี่ยวชาญอีกครั้ง

 

 

และสำหรับสายออกกำลังกาย OPPO Watch X2 นั้นสามารถรองรับโหมดการออกกำลังกายได้มากกว่า 100 โหมด พร้อมฟีเจอร์การติดตาม และวิเคราะห์ระดับมืออาชีพ อีกทั้งยังรองรับการเชื่อมต่อกับสมาร์ตโฟน สามารถตอบกลับข้อความ, อีเมล, ควบคุมกล้องสมาร์ตโฟน และอื่น ๆ ได้จากสมาร์ตวอตช์โดยตรง

 

ราคา และโปรโมชันของ OPPO Watch X2

 

OPPO Watch X2 ประกาศราคาวางจำหน่ายในประเทศไทยแล้วที่ 13,999 บาท พร้อมโปรโมชันพิเศษพิเศษเมื่อสั่งจองตั้งแต่วันที่ 9-17 เมษายน 2568 ดังนี้

- รับของสมนาคุณมูลค่าสูงสุด 4,799 บาท
- รับส่วนลดเมื่อซื้อคู่กับ OPPO Find Series 30%
- รับ Premium Gift Watch Strap 22mm. คละสี

ที่ OPPO Brand Shop และตัวแทนจำหน่ายที่ร่วมรายการ


วันที่ : 09/04/2025

Cookie Consent

Our website uses cookies to provide your browsing experience and relavent informations.Before continuing to use our website, you agree & accept of our Cookie Policy & Privacy