ตอนนี้คุณอยู่ที่ >> หน้าแรก >> หน้ารวม รีวิวมือถือ mobile review >> รีวิวมือถือ Mobile Review
   
Date : 05/03/2025
รีวิว Xiaomi 15 Series

รีวิว Xiaomi 15 | Xiaomi 15 Ultra เรือธงกล้อง Leica แห่งปีที่น่าจับจองกว่าเดิม เพิ่มเติมกล้อง 200MP ใหม่ซูมได้ 120x พร้อมฟีเจอร์ AI จัดเต็ม ชิป Snapdragon 8 Elite และจอไฮเอนด์ บนดีไซน์สวยเด่น กับโปรโดนใจ
 

เปิดตัวในประเทศไทยไปสด ๆ ร้อน ๆ เมื่อวันที่ 3 มีนาคม 2568 ที่ผ่านมา สำหรับคู่หูสมาร์ตโฟนเรือธงแห่งปีใหม่ล่าสุดอย่าง Xiaomi 15 Series ซึ่งครั้งนี้ยังคงจับมืออย่างเหนียวแน่นกับ Leica ในการพัฒนากล้องเพื่อมอบประสบการณ์การถ่ายภาพระดับมืออาชีพเช่นเคย พร้อมอัดแน่นด้วยเทคโนโลยีใหม่ ๆ โดยเฉพาะเครื่องมือ AI ที่มากันแบบครบเซ็ตทั้งแต่งรูป และแปลภาษา กลายเป็นสมาร์ตโฟนที่ตอบโจทย์ได้อย่างครบถ้วนทั้งการถ่ายภาพ และไลฟ์สไตล์ ซึ่งแน่นอนว่าเราก็ไม่พลาดที่จะนำมารีวิวให้ได้ชมกันเหมือนเช่นเคย

สำหรับปีนี้ Xiaomi 15 Series มีเข้ามาจำหน่ายในไทย 2 ด้วยกัน คือรุ่นมาตรฐาน Xiaomi 15 และรุ่นท็อป Xiaomi 15 Ultra ซึ่งทั้งคู่ได้รับการอัปเกรดในหลาย ๆ ด้าน ไม่ว่าจะเป็นดีไซน์ที่ดูพรีเมียมขึ้น, หน้าจอที่คมชัดกว่าเดิม และประสิทธิภาพที่เร็วแรงขึ้น ส่วนกล้องก็ยังเป็นจุดเด่นสำคัญของซีรีส์นี้ ด้วยเทคโนโลยีจาก Leica ที่ช่วยให้การถ่ายภาพดูโปรขึ้นในทุกสถานการณ์อย่าง Leica Authentic กับ Leica Vibrant Modes ที่ให้โทนสีอันเป็นเอกลักษณ์, Night Mode แบบใหม่ที่ถ่ายภาพกลางคืนง่ายขึ้น และลด Noise ได้ดีขึ้น, เลนส์ซูม Ultra Telephoto ที่อัปเกรดเซนเซอร์ใหม่ให้มีความละเอียดมากถึง 200MP พร้อมซูมได้ไกลสูงสุดถึง 120 เท่า และ Floating Telephoto ใน Xiaomi 15 Ultra ที่ช่วยให้ซูมได้ไกลขึ้น ชัดขึ้น และอื่น ๆ อีกมากมาย

นอกจากเรื่องกล้องแล้ว Xiaomi 15 Series ยังมาพร้อมหน้าจอ LTPO AMOLED ที่รองรับอัตราการรีเฟรชตั้งแต่ 1-120Hz และมีความสว่างสูงสุดถึง 3200 nits ช่วยให้ใช้งานกลางแจ้งได้แบบสบาย ๆ ด้านประสิทธิภาพก็มาพร้อมชิปเซ็ตตัวท็อปอย่าง Snapdragon 8 Elite ผสานกับ RAM สูงสุด 16GB ทำให้ใช้งานได้อย่างลื่นไหลไม่มีสะดุด รองรับการเชื่อมต่อยุคใหม่อย่าง WiFi 7 และ eSIM รวมถึงระบบชาร์จไว 90W HyperCharge ที่ช่วยให้ชาร์จแบตเตอรี่ได้รวดเร็ว ไม่ต้องรอนาน

 

นอกจากนี้ Xiaomi 15 Series ยังมาพร้อมกับ Xiaomi HyperOS 2 ที่ทำงานอยู่บนพื้นฐานของระบบปฏิบัคิการ Android 15 ซึ่งถูกปรับแต่งให้เสถียรขึ้น ประหยัดพลังงาน และตอบสนองการใช้งานได้ดียิ่งขึ้นอีกด้วย

เพื่อให้ทุกท่านทราบถึงรายละเอียดของ Xiaomi 15 และ Xiaomi 15 Ultra ได้ชัดเจนยิ่งขึ้น เราจะพาทุกท่านไปเจาะลึกถึงจุดเด่นของแต่ละรุ่นว่ามีความแตกต่าง และน่าสนใจอย่างไรบ้าง ไปติดตามกันต่อใน รีวิว Xiaomi 15 Series โดยทีมงาน Thaimobilecenter ได้เลยครับ


ดีไซน์ภายนอกของ Xiaomi 15 | Xiaomi 15 Ultra

Xiaomi 15 ที่เป็นรุ่นเริ่มต้น กับ Xiaomi 15 Ultra ที่เป็นรุ่นท็อปมีดีไซน์ที่แตกต่างกันอย่างชัดเจน โดยเราจะมาสำรวจดีไซน์กันไปทีละรุ่น

 

เริ่มกันที่ Xiaomi 15 โดยเครื่องที่ได้มารีวิวครั้งนี้เป็นสีไฮไลต์ นั่นคือสีเขียว (Green) ซึ่งมีดีไซน์ที่เรียบง่ายแต่ดูดี ฝาหลังครอบด้วยกระจกผิวด้าน ขอบรอบตัวเครื่องเป็นแบบแบน แต่มีการเก็บรายละเอียดบริเวณขอบในจุดต่าง ๆ ให้โค้งเว้า ทำให้ดีไซน์ดูลื่นไหลต่อเนื่อง และจับเข้ามือมากขึ้น

 

หน้าจอของ Xiaomi 15 เป็นจอแบนราบแบบ CrystalRes AMOLED ขนาด 6.36 นิ้ว ความละเอียดระดับ 1.5K (2670x1200 พิกเซล) รองรับอัตราการรีเฟรช 1-120Hz และให้ความสว่างสูงสุดถึง 3200 nits นอกจากนี้ยังรองรับการแสดงผลคอนเทนต์แบบ HDR10+ และ Dolby Vision ด้วย

 

กล้องด้านหลังของ Xiaomi 15 เป็นชุดกล้องหลัง 3 ตัว (Triple Camera) ซึ่งใช้ชุดเลนส์ LEICA VARIO-SUMMILUX 1:1.62-2.2/14-60 ASPH พร้อมรองรับการบันทึกวิดีโอที่ความละเอียดสูงสุดระดับ 8K (30 fps) โดยกล้องแต่ละตัวประกอบไปด้วย

- กล้อง Wide (Leica Main) ความละเอียด 50 ล้านพิกเซล พร้อมเซนเซอร์รับภาพ Light Fusion 900 ขนาด 1/1.31 นิ้ว, เม็ดพิกเซลขนาด 1.2 ไมครอน หรือ 2.4 ไมครอน (4-in-1 Super Pixel), 13.5EV Native HDR, รูรับแสงขนาด f1.62, ทางยาวโฟกัส 23 มิลลิเมตร, ระบบโฟกัสอัตโนมัติแบบ Dual Pixel PDAF, ระบบป้องกันการสั่นแบบ OIS และโครงสร้างแบบ 7 ชิ้นเลนส์
- กล้อง Leica Floating Telephoto ความละเอียด 50 ล้านพิกเซล พร้อมเซนเซอร์รับภาพขนาด 1/2.76 นิ้ว, เม็ดพิกเซลขนาด 0.64 ไมครอน, รูรับแสงขนาด f2.0, ทางยาวโฟกัส 60 มิลลิเมตร, 2.6x Optical Zoom, ระบบโฟกัสอัตโนมัติแบบ PDAF (10 เซนติเมตร-ระยะอนันต์), ระบบป้องกันการสั่นแบบ OIS และโครงสร้างแบบ 6 ชิ้นเลนส์
- กล้อง Leica Ultra Wide ความละเอียด 50 ล้านพิกเซล พร้อมเซนเซอร์รับภาพขนาด 1/2.76 นิ้ว, เม็ดพิกเซลขนาด 0.64 ไมครอน, รูรับแสงขนาด f2.2, ทางยาวโฟกัส 14 มิลลิเมตร (มุมรับภาพ 115°) และโครงสร้างแบบ 6 ชิ้นเลนส์

ส่วนกล้องด้านหน้าเป็นกล้องความละเอียด 32 ล้านพิกเซล พร้อมรูรับแสงขนาด f2.0, ทางยาวโฟกัส 21 มิลลิเมตร (มุมรับภาพ 90°) และรองรับการบันทึกวิดีโอที่ความละเอียดสูงสุดระดับ 4K UHD (30/60 fps)

 

ด้านซ้ายตัวเครื่องไม่มีปุ่ม หรือพอร์ตใด ๆ ส่วนด้านขวาตัวเครื่องจะมีปุ่มปรับระดับเสียง และปุ่มล็อกหน้าจอแสดงผล

 

ถาดใส่ซิมการ์ด และพอร์ต USB-C รวมถึงลำโพงจะอยู่ที่ด้านล่างตัวเครื่อง โดยเป็นระบบสเตอริโอที่เสียงจะออกจากช่องลำโพงด้านล่าง และช่องลำโพงสนทนา พร้อมรองรับเสียงคุณภาพสูงแบบ Hi-Res & Hi-Res Audio Wireless Certification และ Dolby Atmos


ถัดมาเป็นตัวท็อป Xiaomi 15 Ultra โดยเครื่องที่เราได้มารีวิวเป็นสี Silver Chrome ซึ่งเป็นสีไฮไลต์เช่นกัน และจะพิเศษกว่าสีอื่นตรงที่เป็นสีเงินตัดกับหนังวีแกนสีดำ โดยได้รับแรงบันดาลใจมาจากกล้องถ่ายรูป Leica สุดคลาสสิก

หน้าจอของ Xiaomi 15 Ultra เป็นดีไซน์แบบ All Around Liquid Display ซึ่งมีขอบจอที่โค้งเล็กน้อยรอบด้าน ทำให้ดูเหมือนหน้าจอถูกยกนูนขึ้นมา โดยเป็นจอ LTPO AMOLED ขนาด 6.73 นิ้ว ความละเอียดระดับ WQHD+ (3200x1440 พิกเซล) พร้อมรองรับอัตราการรีเฟรชตั้งแต่ 1-120Hz, ความสว่างสูงสุด 3200 nits และเสริมความแกร่งด้วยกระจก Xiaomi Shield Glass 2.0 นอกจากนี้ยังรองรับการแสดงผลคอนเทนต์แบบ HDR10+ และ Dolby Vision เช่นเดียวกัน

 

กล้องด้านหลังของ Xiaomi 15 Ultra เป็นมอดูลวงกลมขนาดใหญ่ และนูนขึ้นมาจากตัวเครื่องค่อนข้างมาก โดยเป็นชุดกล้องหลัง 4 ตัว (Quad Camera) ที่ใช้ชุดเลนส์ LEICA VARIO-SUMMILUX 1:1.63-2.6/14-100 ASPH พร้อมรองรับการบันทึกวิดีโอที่ความละเอียดสูงสุดระดับ 8K (30 fps) โดยกล้องแต่ละตัวประกอบไปด้วย

- กล้อง Wide (Leica Main) ความละเอียด 50 ล้านพิกเซล พร้อมเซนเซอร์รับภาพ Sony LYT-900 ขนาด 1 นิ้ว, เม็ดพิกเซลขนาด 3.2 ไมครอน (4-in-1 Super Pixel), รูรับแสงขนาด f1.63, ทางยาวโฟกัส 23 มิลลิเมตร, ระบบโฟกัสอัตโนมัติแบบ Dual Pixel PDAF, ระบบป้องกันการสั่นแบบ OIS และโครงสร้างแบบ 8 ชิ้นเลนส์
- กล้อง Leica Ultra Telephoto ความละเอียด 200 ล้านพิกเซล พร้อมเซนเซอร์รับภาพขนาด 1/1.4 นิ้ว, เม็ดพิกเซลขนาด 2.24 ไมครอน (Super Pixel), รูรับแสงขนาด f2.6, 4.3x Optical Zoom, ทางยาวโฟกัส 100 มิลลิเมตร, ระบบโฟกัสอัตโนมัติแบบ Multi-Directional PDAF และระบบป้องกันการสั่นแบบ OIS
- กล้อง Leica Floating Telephoto ความละเอียด 50 ล้านพิกเซล พร้อมเซนเซอร์รับภาพขนาด 1/2.51 นิ้ว, เม็ดพิกเซลขนาด 0.7 ไมครอน, เม็ดพิกเซลขนาด 1.4 ไมครอน (4-in-1 Pixel), รูรับแสงขนาด f1.8, 3x Optical Zoom, ทางยาวโฟกัส 70 มิลลิเมตร, ระบบโฟกัสอัตโนมัติแบบ Dual Pixel PDAF, Macro (10 เซนติเมตร), ระบบป้องกันการสั่นแบบ OIS และโครงสร้างแบบ 6 ชิ้นเลนส์
- กล้อง Leica Ultra Wide ความละเอียด 50 ล้านพิกเซล พร้อมเซนเซอร์รับภาพขนาด 1/2.76 นิ้ว, เม็ดพิกเซลขนาด 1.28 ไมครอน (4-in-1 Pixel), รูรับแสงขนาด f2.2, ทางยาวโฟกัส 14 มิลลิเมตร (มุมรับภาพ 115°), Super Macro (5 เซนติเมตร), ระบบโฟกัสอัตโนมัติแบบ Dual Pixel PDAF, ระบบป้องกันการสั่นแบบ EIS และโครงสร้างแบบ 6 ชิ้นเลนส์

ส่วนกล้องด้านหน้าเป็นกล้องความละเอียด 32 ล้านพิกเซล พร้อมเซนเซอร์รับภาพ OV32B ขนาด 1/3.14 นิ้ว, รูรับแสงขนาด f2.0, ทางยาวโฟกัส 21 มิลลิเมตร (มุมรับภาพ 90°) และรองรับการบันทึกวิดีโอที่ความละเอียดสูงสุดระดับ 4K UHD (30/60 fps)

 

กรอบรอบตัวเครื่องของ Xiaomi 15 Ultra ก็เป็นแบบแบนเช่นกัน โดยปุ่มปรับระดับเสียงกับปุ่มล็อกหน้าจอจะอยู่ที่ด้านขวา

 

ส่วนถาดใส่ซิมการ์ด และพอร์ต USB-C รวมถึงลำโพงจะอยู่ที่ด้านล่างตัวเครื่อง โดยเป็นระบบสเตอริโอที่เสียงจะออกจากช่องลำโพงด้านล่าง และช่องลำโพงสนทนา พร้อมรองรับเสียงคุณภาพสูงแบบ Hi-Res & Hi-Res Audio Wireless Certification และ Dolby Atmos

 

ถาดใส่ซิมการ์ดของทั้งสองรุ่นเป็นแบบ Dual SIM ที่สามารถใส่ Nano SIM ได้ 2 ใบ แต่ไม่รองรับการ์ดหน่วยความจำเสริมอื่น ๆ หรือจะเลือกใช้งานเป็น eSIM ก็ได้เช่นกัน

นอกจากนี้ ตัวเครื่องทั้ง Xiaomi 15 และ Xiaomi 15 Ultra ยังมีคุณสมบัติของการทนน้ำ-ทนฝุ่นในระดับ IP68 อีกด้วย

 

เนื่องจากเครื่อง Xiaomi 15 และ Xiaomi 15 Ultra ที่เราได้มานั้นเป็นเพียงเครื่องทดสอบ จึงมีมาให้เพียงสาย USB Type-C, เข็มถอดถาดซิมการ์ด, เคสซิลิโคนตรงรุ่น และคู่มือการใช้งานแบบด่วน แต่ในกล่องของ Xiaomi 15 และ Xiaomi 15 Ultra ที่วางจำหน่ายจริงจะมีอะแดปเตอร์ชาร์จแบตเตอรี่แถมมาให้ด้วย


ระบบพื้นฐาน และประสิทธิภาพการทำงาน

Xiaomi 15 มาพร้อมชิปประมวลผล Qualcomm Snapdragon 8 Elite ซึ่งเป็นรุ่นที่ทรงประสิทธิภาพที่สุดในตลาดสมาร์ตโฟน Android ในเวลานี้ พร้อม RAM แบบ LPDDR5X ขนาด 12GB และหน่วยความจำ ROM แบบ UFS 4.0 ขนาด 256GB หรือ 512GB

 

ส่วน Xiaomi 15 Ultra ก็ใช้ชิปเซ็ต Qualcomm Snapdragon 8 Elite เช่นกัน แต่ได้ RAM แบบ LPDDR5X ขนาด 16GB และตัวเลือกความจุ (ROM) ที่อัปเกรดขึ้นมาเป็น 512GB/1TB โดยเป็นหน่วยความจำ ROM แบบ UFS 4.1

 

ส่วนระบบปฏิบัติการของทั้งคู่เป็น HyperOS 2 เวอร์ชันใหม่ล่าสุด บนพื้นฐานของ Android 15 ที่พัฒนาขึ้นมาแทนที่ MIUI เดิม โดยหน้าตาของ UI ไม่ได้เปลี่ยนไปจากเดิมมากนัก แต่เน้นการจัดการทรัพยากรฮาร์ดแวร์ที่มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น, ปรับปรุงการใช้งานแบบ Multi-Tasking และการเรนเดอร์ภาพคุณภาพสูง พร้อมระบบรักษาความปลอดภัยแบบ End-to-End โดยรวมมีความเสถียรมากขึ้นจากเวอร์ชันก่อน

ด้วยความที่เป็นเรือธงที่มีคุณสมบัติอยู่ในระดับไฮเอนด์ เรื่องการใช้งานทั่วไปจึงไม่มีปัญหา สามารถทำงานทุกอย่างได้รวดเร็ว และลื่นไหล การแสดงผลมีคุณภาพสูงในระดับที่น่าประทับใจ และสามารถสู้แสงแดดกลางแจ้งได้ดี

สำหรับผลการทดสอบประสิทธิภาพด้วยแอปพลิเคชัน Geekbench 6 และ AuTuTu Benchmark จะได้ผลลัพธ์ดังนี้

 

ผลการทดสอบประสิทธิภาพของ Xiaomi 15

 

ผลการทดสอบประสิทธิภาพของ Xiaomi 15 Ultra


ซอฟต์แวร์ และฟีเจอร์ AI อัจฉริยะ

นอกจากฟีเจอร์ที่น่าสนใจทั่วไปแล้ว Xiaomi 15 และ Xiaomi 15 Ultra ยังมีฟีเจอร์ AI ต่าง ๆ ติดตั้งมาให้พร้อมใช้งานตั้งแต่แกะกล่อง ไม่ว่าจะเป็น Circle to Search, AI Interpreter, AI Notes, AI Recorder, AI Subtitles, AI Film, AI Beautify, AI Erase Pro และ AI Image Expansion ซึ่งเราจะมาทดลองใช้ฟีเจอร์ที่เด่น ๆ ให้ชมกัน

 

วงกลมเพื่อค้นหา (Circle to Search)

วงกลมเพื่อค้นหาเป็นเครื่องมือที่สมาร์ตโฟน AI ยุคนี้ขาดไม่ได้ โดยฟีเจอร์นี้จะช่วยให้เราค้นหาอะไรก็ตามบนหน้าจอบน Google ได้อย่างรวดเร็ว เพียงแค่กดค้างที่ปุ่มเริ่มต้น แล้ววาดวงกลมรอบสิ่งที่ที่ต้องการค้นหา เพียงเท่านี้เราก็จะรู้รายละเอียดของสิ่งนั้นทันที สะดวกกว่าพิมพ์หาเองมาก

 

AI Writing


ในแอปพลิเคชันบันทึกย่อ จะมีเครื่องมือ AI ที่จะช่วยเราปรับปรุงการเขียนได้หลายอย่าง โดยทำได้ทั้งสรุปให้สั้น, ขยายให้ยาว, ตรวจทานแก้ไข ไปจนถึงการปรับโทนของเนื้อหา ซึ่งสามารถเลือกได้ 4 ระดับ ตั้งแต่โทนภาษาแบบเป็นกันเอง ไปจนถึงโทนภาษาแบบทางการ วิธีการใช้งานก็ง่ายเพียงแค่แตะที่ไอคอน AI ก็จะมีตัวเลือกในการใช้งานปรากฏขึ้นมาตามภาพ ช่วยได้มากในการสรุปรายงานการประชุม หรือการสรุปการบรรยายต่าง ๆ

 

AI Interpreter

ฟีเจอร์นี้จะเป็นเครื่องมือแปลภาษาสด ๆ เพียงแค่พูดคุยกันสมาร์ตโฟนก็จะแปลภาษาให้ทันที ฟีเจอร์นี้เข้าถึงได้จากแถบเมนูลัด โดยแตะที่ แก้ไข แล้วเพิ่ม ตีความเสียง เข้ามาบนเมนูลัด สามารถตั้งค่าให้ตรวจจับภาษาโดยอัตโนมัติได้ซึ่งจะช่วยให้เราไม่ต้องเสียเวลาเลือก ภาษาต้นทางและปลายทางทุกครั้ง

 

AI Subtitles

สำหรับเครื่องมือนี้จะช่วยสร้างซับไตเติลให้เราโดยอัตโนมัติ และสามารถแปลไปพร้อมกันได้ด้วย โดยเราสามารถเลือกให้แปลซับไตเติลจากเสียงที่กำลังเล่นอยู่ในสมาร์ตโฟน หรือเสียงจากภายนอกก็ได้ ทำให้มีประโยชน์การใช้งานที่หลากหลาย เช่น ดูซีรีส์ต่างประเทศตอนใหม่แบบไม่ต้องรอคนทำซับ, แปลวิดีโอการบรรยายจากต่างประเทศ, แปลภาษาคู่สนทนาแบบต่อหน้า และแปลการพูดคุยในการประชุม เป็นต้น โดยฟีเจอร์นี้เข้าถึงได้จากแถบเมนูลัด โดยแตะที่ แก้ไข แล้วเพิ่ม คำบรรยาย AI เข้ามาบนเมนูลัด นอกจากนี้แถบซับไตเติลยังเคลื่อนย้ายไปมาบนหน้าจอได้อย่างอิสระอีกด้วย

 

AI แต่งภาพ



Xiaomi 15 และ Xiaomi 15 Ultra มีเครื่องมือสำหรับการตกแต่งรูปถ่ายเยอะมาก นอกจากพวกเอฟเฟกต์, ฟิลเตอร์ และการรีทัชทั่วไปแล้ว ยังมีชุดเครื่องมือ AI ที่ช่วยเพิ่มความละเอียดของภาพด้วย AI, ขยายภาพให้ใหญ่ขึ้น (Upscaling), เปลี่ยนท้องฟ้าและบรรยากาศในภาพ และที่ขาดไม่ได้คือ AI ลบวัตถุ ซึ่งลบได้ทั้งคน, สิ่งของ และเงาสะท้อน โดยเราสามารถเข้าถึงเครื่องมือเหล่านี้ได้เพียงเข้าไปที่แอปพลิเคชันคลังภาพ เลือกรูปภาพที่ต้องการแก้ไข จากนั้นแตะที่ สัญลักษณ์รูปดินสอ > AI


ทดสอบประสิทธิภาพด้านการเล่นเกม

ด้านการเล่นเกม ทั้ง Xiaomi 15 และ Xiaomi 15 Ultra มากับฟีเจอร์ Game Turbo ซึ่งจะช่วยเรื่องการจัดการทรัพยากรของตัวเครื่องขณะเล่นเกม รวมถึงตัวเลือกในการตั้งค่าอื่น ๆ เช่น ล็อกความสว่างหน้าจอ หรือปิดกั้นการแจ้งเตือน เป็นต้น

 

ขณะเล่นเกม เราสามารถเรียกเมนูของ Game Turbo ออกมาได้โดยการปัดที่มุมซ้ายบนของจอ ซึ่งจะมีทางลัดสำหรับเรียกใช้ฟังก์ชันต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็นการจับสกรีนช็อต, บันทึกวิดีโอการเล่น, เปิดแอปอื่นขึ้นมาเป็นหน้าต่างลอย, เอฟเฟกต์เปลี่ยนเสียงไมค์ และอื่น ๆ

 

สำหรับการเล่นจริง เราได้ทดสอบด้วยเกม PUBG Mobile บนกราฟิกระดับ Ultra HDR และเฟรมเรตระดับ Ultra กับเกม Genshin Impact บนกราฟิกระดับสูงสุด เฟรมเรต 60fps ซึ่งก็ไม่ต้องสงสัยเลยว่าทั้งสองรุ่นทำได้ดีมากด้วยพลังของชิปเซ็ต Snapdragon 8 Eilte โดยสามารถรันเกมได้อย่างลื่นไหล และมีเฟรมเรตคงที่ตลอดการเล่น การตอบสนองต่อการสัมผัสรวดเร็วไม่มีปัญหา และความโค้งบริเวณขอบจอของ Xiaomi 15 Ultra ก็ไม่ได้มารบกวนการเล่นแต่อย่างใด อย่างไรก็ตาม เท่าที่ใช้เล่นเกมดู ชิปเซ็ต Snapdragon 8 Elite นั้นร้อนค่อนข้างเร็ว แม้ว่าทั้งสองรุ่นจะมีระบบระบายความร้อน IceLoop ก็ยังคงรู้สึกได้ถึงความร้อน นับเป็นจุดที่ต้องพิจารณาของทั้งสองรุ่นในการเล่นเกมเลยก็ว่าได้


แบตเตอรี่ และระบบชาร์จไว

Xiaomi 15 รุ่นเริ่มต้นมาพร้อมกับแบตเตอรี่ขนาด 5240mAh ส่วน Xiaomi 15 Ultra รุ่นท็อปมีแบตเตอรี่ขนาด 5410mAh ซึ่งอัปเกรดขึ้นมาพอสมควรเมื่อเทียบกับรุ่นที่แล้ว และถือว่าค่อนข้างเยอะเมื่อเทียบกับสมาร์ตโฟนเรือธงหลาย ๆ รุ่น จึงสามารถอยู่ได้ตลอดวันแม้จะมีการถ่ายรูป หรือเล่นเกมด้วยก็ตาม ดังนั้นเรื่องความอึดจึงไม่ใช่เรื่องที่น่ากังวล

ส่วนการชาร์จ ทั้ง Xiaomi 15 และ Xiaomi 15 Ultra รองรับระบบชาร์จไวผ่านสายแบบ 90W HyperCharge ซึ่งใช้เวลาชาร์จจนเต็มไม่ถึง 1 ชั่วโมง แม้จะไม่ถึงกับเร็วที่สุดในวงการ แต่ก็เร็วทันใจอย่างแน่นอน

โดยภายในกล่องของ Xiaomi 15 และ Xiaomi 15 Ultra เวอร์ชันจริงที่วางจำหน่ายในไทยอย่างเป็นทางการจะมีอะแดปเตอร์ชาร์จแบตเตอรี่ใส่มาให้ด้วย

นอกจากนี้ ทั้งสองรุ่นยังรองรับการชาร์จไร้สายความเร็วสูงด้วย โดย Xiaomi 15 รองรับการชาร์จไร้สายแบบ 50W Wireless HyperCharge ส่วน Xiaomi 15 Ultra รองรับการชาร์จไร้สายแบบ 80W Wireless HyperCharge ซึ่งต้องใช้แท่นชาร์จของ Xiaomi โดยเฉพาะจึงจะชาร์จได้เต็มสปีด หรือจะชาร์จกับแท่นชาร์จทั่วไปก็ได้เช่นกัน


การใช้งานกล้องสำหรับถ่ายภาพ และบันทึกวิดีโอ

อินเทอร์เฟซและฟังก์ชันการถ่ายภาพ/วิดีโอของ Xiaomi 15 และ Xiaomi 15 Ultra จะคล้ายคลึงกัน โดยเราสามารถเลือกโปรไฟล์ภาพถ่ายได้ 2 แบบ คือ Leica Vibrant และ Leica Authentic ซึ่งจะให้โทนสีที่ต่างกัน สามารถเปลี่ยนได้ตลอดเวลาที่แถบเมนูมุมขวาบน

 

Xiaomi 15 สามารถซูมได้ไกลสุด 60 เท่า ส่วน Xiaomi 15 Ultra สามารถซูมได้ไกลสุด 120 เท่า นอกจากนี้ยังสามารถปรับค่าชดเชยแสง (EV) ได้มากถึง +-4 ทั้งภาพนิ่ง และวิดีโอ

ในโหมดภาพบุคคลสามารถเลือกโปรไฟล์การถ่ายภาพได้เช่นกัน ได้แก่ Leica Portrait และ Master Portrait โดยแบบแรกจะมีคอนทราสต์จัดกว่า ส่วนแบบหลังจะลดคอนทราสต์ลง เหมาะกับการถ่ายภาพบุคคลในสภาวะที่มีแสงเงาเข้ม ซึ่งจะช่วยดึงรายละเอียดในเงาออกมาได้มากขึ้น

 

และมีโหมดถ่ายเร็ว ที่สามารถเปิดใช้งานได้อย่างรวดเร็วด้วยการกดปุ่มปรับระดับเสียงสองครั้ง โดยเราสามารถเลือกระยะโฟกัสได้ล่วงหน้าตั้งแต่ 23 - 135 มิลลิเมตร ทำให้ใช้เทคนิคการถ่ายภาพที่เรียกว่า “Zone Focus” ได้ นิยมใช้กับการถ่ายภาพแนวสตรีท เพราะสามารถจับภาพได้เลยโดยไม่ต้องรอโฟกัส

ทั้ง Xiaomi 15 และ Xiaomi 15 Ultra ไม่มีโหมดกลางคืนแยก แต่ฟีเจอร์การถ่ายภาพในที่มืดจะรวมอยู่ในโหมดอัตโนมัติ ซึ่งจะชดเชยแสงให้เองเมื่อมีแสงสว่างน้อย โดยจะเปิดหน้ากล้องเพื่อชดเชยแสงได้นานสูงสุด 3 วินาที

 

การถ่ายวิดีโอด้วยกล้องหลังของทั้งสองรุ่นทำได้ที่ความละเอียดสูงสุดระดับ 8K (30fps) และมีโหมด Master Cinema ที่เป็นการถ่ายแบบไฟล์ Log เหมาะสำหรับการถ่ายทำ และตัดต่อภาพยนตร์ในระดับมืออาชีพ


ตัวอย่างภาพถ่ายจากกล้องหลังของ Xiaomi 15


ตัวอย่างภาพถ่ายจากกล้องหลังของ Xiaomi 15 Ultra






ตัวอย่างภาพถ่ายจากกล้องหน้าของ Xiaomi 15



ตัวอย่างภาพถ่ายจากกล้องหน้าของ Xiaomi 15 Ultra


ราคา และโปรโมชันของ Xiaomi 15 | Xiaomi 15 Ultra

ล่าสุดวันที่ 3 มีนาคม 2568 ที่ผ่านมา ทาง Xiaomi (ประเทศไทย) ก็ได้ประกาศราคาอย่างเป็นทางการ พร้อมโปรโมชันของ Xiaomi 15 และ Xiaomi 15 Ultra ออกมาแล้วดังนี้

Xiaomi 15

- Xiaomi 15 รุ่น RAM 12GB+ROM 256GB ราคา 26,990 บาท
- Xiaomi 15 รุ่น RAM 12GB+ROM 512GB ราคา 29,990 บาท

พร้อมโปรโมชัน Pre-Order ตั้งแต่วันที่ 4-14 มีนาคม 2568 รับฟรีของสมนาคุณรวมมูลค่ากว่า 27,724 บาท ได้แก่

ฟรี Xiaomi Watch S3, ฟรี VIP Services ต่าง ๆ, ฟรีประกันตัวเครื่อง 2 ปี, ฟรีประกันหน้าจอแตก, ฟรีสิทธิ์เข้า VIP Dragonpass 1 สิทธิ์ และสิทธิ์เก่าแลกใหม่สูงสุด 10,000 บาท

 

Xiaomi 15 Ultra

- Xiaomi 15 Ultra รุ่น RAM 16GB+ROM 512GB ราคา 42,990 บาท
- Xiaomi 15 Ultra รุ่น RAM 16GB+ROM 1TB ราคา 46,990 บาท

พร้อมโปรโมชัน Pre-Order ตั้งแต่วันที่ 4-14 มีนาคม 2568 รับฟรีของสมนาคุณรวมมูลค่ากว่า 32,824 บาท ได้แก่

ฟรี Xiaomi 15 Ultra Photography Kit, ฟรี VIP Services ต่าง ๆ, ฟรีประกันตัวเครื่อง 2 ปี, ฟรีประกันหน้าจอแตก, ฟรีสิทธิ์เข้า VIP Dragonpass 1 สิทธิ์ และสิทธิ์เก่าแลกใหม่สูงสุด 10,000 บาท

 

สรุปประสบการณ์หลังใช้งาน Xiaomi 15 | Xiaomi 15 Ultra

หลังจากที่มีโอกาสใช้งาน Xiaomi 15 และ Xiaomi 15 Ultra มาได้ระยะหนึ่ง ก็พบว่าทั้งคู่ยังคงเป็นสมาร์ตโฟนเรือธงที่จัดเต็มด้วยคุณสมบัติระดับสูง รวมทั้งมีคุณสมบัติหลัก ๆ ที่เหมือนกัน ไม่ว่าจะเป็นชิปเซ็ต Snapdragon 8 Elite รุ่นท็อป, หน้าจอ LTPO AMOLED 120Hz ที่ให้ความสว่างสูงสุดถึง 3200 nits, ระบบเสียงสเตอริโอคุณภาพสูง, เทคโนโลยีการเชื่อมต่อไร้สายต่าง ๆ ที่ครบครัน และอยู่ในระดับท็อป อย่างไรก็ตาม ทั้งสองรุ่นมีความแตกต่างที่ชัดเจนในส่วนของระบบกล้องหลัง, ขนาดหน้าจอ และดีไซน์ ทำให้ประสบการณ์ในการใช้งานแตกต่างกันไปด้วย

ด้านการถ่ายภาพ ทั้ง Xiaomi 15 และ Xiaomi 15 Ultra ทำได้ยอดเยี่ยมทั้งคู่ โดยสามารถเก็บรายละเอียดได้อย่างคมชัด พร้อมให้โทนสีสไตล์ Leica ที่ดูสมจริง และเป็นเอกลักษณ์ นอกจากนี้ยังจัดการ HDR และ Noise ได้อย่างดีเยี่ยมในทุกสภาวะแสง แต่ด้วยฮาร์ดแวร์ที่ต่างกันทำให้ Xiaomi 15 Ultra ทำได้ดีกว่า โดยเฉพาะในเรื่องของการซูม

 

สำหรับระบบกล้องหลังของ Xiaomi 15 จะมีกล้องมาให้ 3 ตัว โดยเป็นกล้องหลัก, กล้อง Telephoto และกล้อง Ultra Wide ซึ่งมีความละเอียด 50 ล้านพิกเซลเท่ากันทั้งหมด สามารถซูมได้ไกลสุด 60 เท่า และยังคงรักษาคุณภาพได้ดีเยี่ยมที่ระยะ 5 เท่า แต่ในขณะเดียวกัน รุ่นท็อปอย่าง Xiaomi 15 Ultra จัดเต็มกว่า โดยมีกล้องถึง 4 ตัว และเป็นกล้องซูม Telephoto ถึง 2 ตัว (200 ล้านพิกเซล กับ 50 ล้านพิกเซล) ทำให้พลังการซูมเหนือกว่ามาก ทั้งในด้านของระยะ และความคมชัด โดยสามารถซูมได้ไกลสุด 120 เท่า และรักษาคุณภาพได้ดีเยี่ยมจนถึงระยะ 10 เท่าเลยทีเดียว

นอกจากเรื่องเซ็ตอัพของชุดกล้อง ทั้ง Xiaomi 15 และ Xiaomi 15 Ultra จะมี AI เข้ามาช่วยแก้ไขภาพหลังถ่ายเพื่อให้ภาพมีรายละเอียดที่คมชัดมากขึ้น หากเทียบกับรุ่นก่อนหน้านี้ ดูเหมือนว่า AI นั้นมีการอัปเกรดให้เก่งขึ้น ทำให้เสริมรายละเอียดของภาพได้ดีกว่าเดิม โดยเฉพาะในรุ่น Xiaomi 15 Ultra ที่ไม่ใช่แค่ซูมได้ไกลกว่า Xiaomi 15 เท่านั้น แต่ยังให้ภาพที่คมชัดกว่าในระยะ 30 เท่าขึ้นไปอีกด้วย

ด้วยความสามารถในการซูมที่ยอดเยี่ยมนี้เอง ทำให้ Xiaomi 15 และ Xiaomi 15 Ultra เหมาะกับการถ่ายรูปหลากหลายแนว โดยเฉพาะพอร์ตเทรต และสตรีต ทำให้เป็นสมาร์ตโฟนที่ถ่ายรูปสนุกมาก ใครที่ชอบถ่ายรูปรับรองว่าไม่ผิดหวังแน่นอน

 

ความสามารถอีกอย่างหนึ่งที่เพิ่มเข้ามาใน Xiaomi 15 และ Xiaomi 15 Ultra คือเครื่องมือ AI ที่ทำได้ดีไม่แพ้แบรนด์อื่น ไม่ว่าจะเป็นการแปลภาษาแบบสด, การทำซับไตเติลอัตโนมัติ, AI ช่วยเขียน และ AI รีทัชรูป ซึ่งไม่ได้ใส่มาเป็นกิมมิคเฉย ๆ แต่ทดสอบแล้วว่าทุกฟีเจอร์มีความฉลาด และใช้งานได้จริง โดยเฉพาะ AI สร้างซับไตเติ้ล และ AI ช่วยเขียน ที่ตัวผู้เขียนเองชอบเป็นพิเศษ เพราะมีโอกาสได้ใช้งานบ่อยในชีวิตประจำวัน ไม่ว่าจะเป็นการดูคลิปวิดีโอ หรือซีรีส์ในภาษาอื่น ๆ หรือการช่วยสรุป และปรับปรุงงานเขียนที่ช่วยให้งานเสร็จไวขึ้นมาก เป็นต้น

ด้านประสิทธิภาพการทำงานทั่วไป Xiaomi 15 และ Xiaomi 15 Ultra สามารถรับมือกับการทำงานทุกประเภทได้อย่างราบรื่นสมฐานะเรือธง ไม่ว่าจะเป็นการเล่นเกม, การถ่ายรูป หรือวิดีโอ หรือการประมวลผล AI เองก็ทำได้รวดเร็ว ซึ่งก็เป็นที่คาดหวังในสมาร์ตโฟนระดับเรือธงอยู่แล้ว อย่างไรก็ตาม จุดที่ต้องพิจารณาเพียงอย่างเดียวของทั้งสองรุ่นนี้คือการจัดการความร้อนที่อาจจะยังทำได้ไม่ดีเท่าไหร่นัก แม้ว่าจะมีระบบระบายความร้อนแบบ IceLoop ติดตั้งมาก็ตาม โดยจะมีอาการชัดเจนเมื่อใช้งานกล้อง หรือเล่นเกมต่อเนื่องเป็นเวลานาน ซึ่งส่วนหนึ่งคาดว่าอาจเป็นเพราะธรรมชาติของชิปเซ็ต Snapdragon 8 Elite ที่ร้อนง่ายเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว

 

โดยรวมแล้ว ทั้ง Xiaomi 15 และ Xiaomi 15 Ultra ต่างก็เป็นสมาร์ตโฟนเรือธงกล้องโปรที่น่าประทับใจทั้งคู่ โดยมากับคุณสมบัติระดับท็อปสมฐานะเรือธง ดีไซน์สวยโดดเด่น และการถ่ายรูปสไตล์ Leica ที่ปรับปรุงให้ดีขึ้นจากรุ่นก่อน ประสิทธิภาพการซูมดีขึ้น เหมาะสำหรับการถ่ายภาพทุกสไตล์ ไม่ว่าจะเป็นการถ่ายรูปทั่วไป, พอร์ตเทรต, สตรีต หรืออื่น ๆ แถมมีเครื่องมือ AI ให้ใช้งาน นับเป็นตัวเลือกอันดับแรก ๆ สำหรับผู้ที่ต้องการสมาร์ตโฟนเรือธงที่ถ่ายรูปสวย และมีความสามารถระดับสูงในทุกมิติ

 

สรุปคุณสมบัติเด่นของ Xiaomi 15

- ดีไซน์ตัวเครื่องแบบ Volcano Shaped Deco พร้อมกรอบตัวเครื่องแบบ Micro Curved Frame
- กรอบตัวเครื่องผลิตจากอะลูมิเนียม (6M42 High-Strength Aluminum Frame) เกรดเดียวกับที่ใช้ในอุตสาหกรรมการบิน และอวกาศ
- ตัวเครื่องมีคุณสมบัติของการทนน้ำ และทนฝุ่น ตามมาตรฐาน IP68 (ทนน้ำได้ลึกสูงสุด 1.5 เมตร นานต่อเนื่องสูงสุด 30 นาที)
- ระบบระบายความร้อน LHP Cooling System และ Xiaomi Wing-Type IceLoop System

-------------------------------------------------

- จอแสดงผลแบบ CrystalRes LTPO AMOLED ขนาด 6.36 นิ้ว ความละเอียดระดับ 1.5K (2670x1200 พิกเซล : 460 PPI)
- Xiaomi-Custom M9 Display Panel
- ฟีเจอร์ Always-Active Display
- อัตราการรีเฟรช (Refresh Rate) สูงสุดที่ 120Hz (1-120Hz)
- อัตราการตอบสนองของระบบสัมผัส (Touch Sampling Rate) สูงสุดที่ 300Hz
- ความลึกของสี (Color Depth) 6.8 หมื่นล้านสี
- ความสว่างสูงสุด 3200 nits
- เทคโนโลยี DC Dimming, Original Color Pro, Pro HDR, Wet Touch
- รองรับการแสดงผลคอนเทนต์แบบ HDR10, HDR10+, Dolby Vision
- ได้รับใบรับรอง Low Blue Light, Flicker Free และ Circadian Friendly จาก TÜV Rheinland
- เซนเซอร์สแกนลายนิ้วมือแบบฝังใต้หน้าจอ (Ultrasonic In-Screen Fingerprint Sensor) พร้อมระบบปลดล็อกด้วยใบหน้า (AI Face Unlock)
- ครอบทับด้วยกระจก Xiaomi Shield Glass

--------------------------------------------------

- ประมวลผลด้วยชิปเซ็ต Qualcomm Snapdragon 8 Elite (SM8750-AB)
- หน่วยประมวลผลกราฟิก (GPU) Adreno 830
- มาพร้อมกับ Qualcomm AI Engine
- หน่วยความจำแรม (RAM) แบบ LPDDR5X ขนาด 12GB
- หน่วยความจำภายในสำหรับเก็บบันทึกข้อมูล (ROM) แบบ UFS 4.0 ขนาด 256GB หรือ 512GB
- แบตเตอรี่ความจุ 5240 mAh (5240 mAh Xiaomi Surge Battery)
- ระบบชาร์จแบตเตอรี่ความเร็วสูงแบบ 90W HyperCharge
- ระบบชาร์จแบตเตอรี่ไร้สายความเร็วสูงแบบ 50W Wireless HyperCharge
- รองรับมาตรฐาน QC3+, QC3.0, QC2.0, PD3.0, PD2.0, MI FC 2.0
- ระบบ 10W Reverse Wireless สำหรับแชร์พลังงานให้กับอุปกรณ์อื่นแบบไร้สาย
- ทำงานอยู่บนระบบปฏิบัติการ Android 15 พร้อมครอบทับด้วย Xiaomi HyperOS 2

--------------------------------------------------

กล้องหลัง 3 ตัว (Triple Camera) พร้อมชุดเลนส์ LEICA VARIO-SUMMILUX 1:1.62-2.2/14-60 ASPH ประกอบด้วย

- กล้อง Wide (Leica Main) ความละเอียด 50 ล้านพิกเซล พร้อมเซนเซอร์รับภาพ Light Fusion 900 ขนาด 1/1.31 นิ้ว, เม็ดพิกเซลขนาด 1.2 ไมครอน หรือ 2.4 ไมครอน (4-in-1 Super Pixel), 13.5EV Native HDR, รูรับแสงขนาด f1.62, ทางยาวโฟกัส 23 มิลลิเมตร, ระบบโฟกัสอัตโนมัติแบบ Dual Pixel PDAF, ระบบป้องกันการสั่นแบบ OIS และโครงสร้างแบบ 7 ชิ้นเลนส์
- กล้อง Leica Floating Telephoto ความละเอียด 50 ล้านพิกเซล พร้อมเซนเซอร์รับภาพขนาด 1/2.76 นิ้ว, เม็ดพิกเซลขนาด 0.64 ไมครอน, รูรับแสงขนาด f2.0, ทางยาวโฟกัส 60 มิลลิเมตร, 2.6x Optical Zoom, ระบบโฟกัสอัตโนมัติแบบ PDAF (10 เซนติเมตร-ระยะอนันต์), ระบบป้องกันการสั่นแบบ OIS และโครงสร้างแบบ 6 ชิ้นเลนส์
- กล้อง Leica Ultra Wide ความละเอียด 50 ล้านพิกเซล พร้อมเซนเซอร์รับภาพขนาด 1/2.76 นิ้ว, เม็ดพิกเซลขนาด 0.64 ไมครอน, รูรับแสงขนาด f2.2, ทางยาวโฟกัส 14 มิลลิเมตร (มุมรับภาพ 115°) และโครงสร้างแบบ 6 ชิ้นเลนส์

พร้อมระบบซูมแบบออปติคัลสูงสุด 2.6 เท่า (2.6x Optical Zoom), ซูมแบบดิจิทัลสูงสุด 60 เท่า (60x Digital Zoom), Master-Lens System (23 มิลลิเมตร, 35 มิลลิเมตร, 60 มิลลิเมตร, 75 มิลลิเมตร), เทคโนโลยี Xiaomi AISP 2.0, Leica Photographic Styles 2 รูปแบบ (Leica Autentic Look และ Leica Vibrant Look), Leica Filters, Leica Classic Shutter Sound, Leica Watermark, เทคโนโลยี Xiaomi ProFocus, รองรับการบันทึกวิดีโอที่ความละเอียดสูงสุดระดับ 8K UHD (24/30 fps) และรองรับการบันทึกวิดีโอแบบ HDR10+/10-bit Dolby Vision HDR/10-bit Log

กล้องด้านหน้าความละเอียด 32 ล้านพิกเซล

พร้อมรูรับแสงขนาด f2.0, ทางยาวโฟกัส 21 มิลลิเมตร (มุมรับภาพ 90°) และรองรับการบันทึกวิดีโอที่ความละเอียดสูงสุดระดับ 4K UHD (30/60 fps)

--------------------------------------------------

Xiaomi HyperAI

- AI Writing, AI Speech Recognition, AI Interpreter, AI Search, AI Dynamic Wallpapers, Circle to Search with Google, Google Gemini, Gemini Overlay, Gemini Live, Gemini Image Generation, Gemini Extensions
- AI Creativity Assistant (AI Image Enhancement, AI Reflection Removal, AI Image Expansion, AI Erase Pro, AI Film)

--------------------------------------------------

- เชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตผ่านทางระบบ Wi-Fi 7/6e, 5G, 4G LTE, 3G WCDMA และ 2G EDGE/GPRS
- รองรับการใช้งานระบบซิมคู่ (Dual SIM : Nano SIM + Nano SIM, Nano SIM + eSIM, eSIM + eSIM)
- เชื่อมต่อข้อมูลแบบไร้สายผ่านทาง Bluetooth 6.0, NFC และ IR Blaster
- ระบุตำแหน่ง และนำทางด้วยระบบดาวเทียม GPS+A-GPS, Glonass, BeiDou, Galileo, QZSS และ NavIC
- เทคโนโลยี Xiaomi Surge T1S Tuner, Super Antenna Array, Al Intelligent Communication
- พอร์ต USB Type-C (USB 3.2 Gen 1)

---------------------------------------------------

- ลำโพงเสียงแบบคู่ (Stereo Speakers)
- ไมโครโฟน 4 ตัว (4-Mic Array)
- รองรับไฟล์ Hi-Res, Hi-Res Audio Wireless, Dolby Atmos
- รองรับ HDR Display ขณะเล่นวิดีโอแบบ HDR10+, Dolby Vision, HDR Vivid

สรุปคุณสมบัติโดยละเอียด (สเปก) และราคา ของ Xiaomi 15

 

สรุปคุณสมบัติเด่นของ Xiaomi 15 Ultra

- ดีไซน์ตัวเครื่องแบบ Symmetrical Aesthetics Classic
- ดีไซน์กรอบตัวเครื่องแบบ Wraparound Frame และผลิตจากโลหะอะลูมิเนียม (6M42 High-Strength Aluminum Frame) เกรดเดียวกับที่ใช้ในอุตสาหกรรมการบิน และอวกาศ
- ดีไซน์กล้องแบบ Integrated 3D Camera Deco พร้อมครอบทับด้วยกระจก Corning Gorilla Glass 7i
- โครงสร้างตัวเครื่องแบบ Xiaomi Guardian Structure 2.0
- รองรับการใช้งานร่วมกับอุปกรณ์เสริม Xiaomi 15 Ultra Photography Kit Legend Edition
- ตัวเครื่องมีคุณสมบัติของการทนน้ำ และทนฝุ่น ตามมาตรฐาน IP68 (ทนน้ำได้ลึกสูงสุด 1.5 เมตร นานต่อเนื่องสูงสุด 30 นาที)
- ระบบระบายความร้อน Xiaomi 3D Dual-Channel IceLoop System
- พื้นที่ของ LHP (Loop Heat Pipe) ขนาด 5100 ตารางมิลลิเมตร

---------------------------------------------------

- จอแสดงผลแบบ LTPO AMOLED All Around Liquid Display ขนาด 6.73 นิ้ว ความละเอียดระดับ WQHD+ (3200x1440 พิกเซล : 522 PPI)
- ฟีเจอร์ Always-Active Display
- อัตราการรีเฟรช (Refresh Rate) สูงสุดที่ 120Hz (1-120Hz)
- อัตราการตอบสนองของระบบสัมผัส (Touch Sampling Rate) สูงสุดที่ 300Hz
- ความลึกของสี (Color Depth) 6.8 หมื่นล้านสี
- ความสว่างสูงสุด 3200 nits
- ฟีเจอร์ Adaptive Brightness (2-80 nits)
- เทคโนโลยี 1920Hz High Frequency PWM Dimming สำหรับช่วยถนอมสายตาจากการกะพริบของหน้าจอ
- เทคโนโลยี DC Dimming, Original Color Pro, Pro HDR, Wet Touch
- รองรับการแสดงผลคอนเทนต์แบบ HDR10, HDR10+, Dolby Vision
- ได้รับใบรับรอง Low Blue Light, Flicker Free และ Circadian Friendly จาก TÜV Rheinland
- เซนเซอร์สแกนลายนิ้วมือแบบฝังใต้หน้าจอ (Ultrasonic In-Screen Fingerprint Sensor) พร้อมระบบปลดล็อกด้วยใบหน้า (AI Face Unlock)
- ครอบทับด้วยกระจก Xiaomi Shield Glass 2.0

----------------------------------------------------

- ประมวลผลด้วยชิปเซ็ต Qualcomm Snapdragon 8 Elite (SM8750-AB)
- หน่วยประมวลผลกราฟิก (GPU) Adreno 830
- มาพร้อมกับ Qualcomm AI Engine
- หน่วยความจำแรม (RAM) แบบ LPDDR5X ขนาด 16GB
- หน่วยความจำภายในสำหรับเก็บบันทึกข้อมูล (ROM) แบบ UFS 4.1 ขนาด 512GB หรือ 1TB
- แบตเตอรี่ความจุ 5410 mAh (5410 mAh Xiaomi Surge Battery)
- ระบบชาร์จแบตเตอรี่ความเร็วสูงแบบ 90W HyperCharge
- ระบบชาร์จแบตเตอรี่ไร้สายความเร็วสูงแบบ 80W Wireless HyperCharge
- รองรับมาตรฐาน QC3+, QC3.0, QC2.0, PD3.0, PD2.0, MI FC 2.0
- ระบบ 10W Reverse Wireless สำหรับแชร์พลังงานให้กับอุปกรณ์อื่นแบบไร้สาย
- ชิป Xiaomi Surge P3 และ Xiaomi Surge G2
- ทำงานอยู่บนระบบปฏิบัติการ Android 15 พร้อมครอบทับด้วย Xiaomi HyperOS 2

----------------------------------------------------

กล้องหลัง 4 ตัว (Quad Camera) พร้อมชุดเลนส์ LEICA VARIO-SUMMILUX 1:1.63-2.6/14-100 ASPH ประกอบด้วย

- กล้อง Wide (Leica Main) ความละเอียด 50 ล้านพิกเซล พร้อมเซนเซอร์รับภาพ Sony LYT-900 ขนาด 1 นิ้ว, เม็ดพิกเซลขนาด 3.2 ไมครอน (4-in-1 Super Pixel), รูรับแสงขนาด f1.63, ทางยาวโฟกัส 23 มิลลิเมตร, ระบบโฟกัสอัตโนมัติแบบ Dual Pixel PDAF, ระบบป้องกันการสั่นแบบ OIS และโครงสร้างแบบ 8 ชิ้นเลนส์
- กล้อง Leica Ultra Telephoto ความละเอียด 200 ล้านพิกเซล พร้อมเซนเซอร์รับภาพขนาด 1/1.4 นิ้ว, เม็ดพิกเซลขนาด 2.24 ไมครอน (Super Pixel), รูรับแสงขนาด f2.6, 4.3x Optical Zoom, ทางยาวโฟกัส 100 มิลลิเมตร, ระบบโฟกัสอัตโนมัติแบบ Multi-Directional PDAF และระบบป้องกันการสั่นแบบ OIS
- กล้อง Leica Floating Telephoto ความละเอียด 50 ล้านพิกเซล พร้อมเซนเซอร์รับภาพขนาด 1/2.51 นิ้ว, เม็ดพิกเซลขนาด 0.7 ไมครอน, เม็ดพิกเซลขนาด 1.4 ไมครอน (4-in-1 Pixel), รูรับแสงขนาด f1.8, 3x Optical Zoom, ทางยาวโฟกัส 70 มิลลิเมตร, ระบบโฟกัสอัตโนมัติแบบ Dual Pixel PDAF, Macro (10 เซนติเมตร), ระบบป้องกันการสั่นแบบ OIS และโครงสร้างแบบ 6 ชิ้นเลนส์
- กล้อง Leica Ultra Wide ความละเอียด 50 ล้านพิกเซล พร้อมเซนเซอร์รับภาพขนาด 1/2.76 นิ้ว, เม็ดพิกเซลขนาด 1.28 ไมครอน (4-in-1 Pixel), รูรับแสงขนาด f2.2, ทางยาวโฟกัส 14 มิลลิเมตร (มุมรับภาพ 115°), Super Macro (5 เซนติเมตร), ระบบโฟกัสอัตโนมัติแบบ Dual Pixel PDAF, ระบบป้องกันการสั่นแบบ EIS และโครงสร้างแบบ 6 ชิ้นเลนส์

พร้อมเทคโนโลยีการเคลือบเลนส์แบบ Dual-Layer Anti-Reflection Coating, เทคโนโลยี 13-Channel Multi-Spectral Sensor, เทคโนโลยี 14EV Ultra-High Dynamic Range, ระยะซูมแบบออปติคัลสูงสุด 4.3 เท่า (4.3x Optical Zoom), ระยะซูมแบบดิจิทัลสูงสุด 120 เท่า (120x Digital Zoom), Master-Lens System (23-135 มิลลิเมตร), เทคโนโลยี Xiaomi AISP 2.0, Leica Photographic Styles 2 รูปแบบ (Leica Autentic Look และ Leica Vibrant Look), Leica Filters, Leica Classic Shutter Sound, Leica Watermark, เทคโนโลยี Xiaomi ProFocus, รองรับการบันทึกวิดีโอที่ความละเอียดสูงสุดระดับ 8K UHD (30 fps) และรองรับการบันทึกวิดีโอแบบ HDR10+/10-bit Dolby Vision HDR/10-bit Log

กล้องด้านหน้าความละเอียด 32 ล้านพิกเซล

พร้อมเซนเซอร์รับภาพ OV32B ขนาด 1/3.14 นิ้ว, รูรับแสงขนาด f2.0, ทางยาวโฟกัส 21 มิลลิเมตร (มุมรับภาพ 90°) และรองรับการบันทึกวิดีโอที่ความละเอียดสูงสุดระดับ 4K UHD (30/60 fps)

---------------------------------------------------

Xiaomi HyperAI

- AI Writing, AI Speech Recognition, AI Interpreter, AI Search, AI Dynamic Wallpapers, Circle to Search with Google, Google Gemini, Gemini Overlay, Gemini Live, Gemini Image Generation, Gemini Extensions
- AI Creativity Assistant (AI Image Enhancement, AI Reflection Removal, AI Image Expansion, AI Erase Pro, AI Film)

--------------------------------------------------

- เชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตผ่านทางระบบ Wi-Fi 7/6e, 5G, 4G LTE, 3G WCDMA และ 2G EDGE/GPRS
- รองรับการใช้งานระบบซิมคู่ (Dual SIM : Nano SIM + Nano SIM, Nano SIM + eSIM, eSIM + eSIM)
- เชื่อมต่อข้อมูลแบบไร้สายผ่านทาง Bluetooth 6.0, NFC และ IR Blaster
- ระบุตำแหน่ง และนำทางด้วยระบบดาวเทียม GPS+A-GPS, Glonass, BeiDou, Galileo, QZSS และ NavIC
- เทคโนโลยี Xiaomi Surge T1S Tuner, Super Antenna Array, Al Intelligent Communication
- พอร์ต USB Type-C (USB 3.2 Gen 1)

--------------------------------------------------

- ลำโพงเสียงแบบคู่ (Stereo Speakers)
- ไมโครโฟน 4 ตัว (4-Mic Array)
- รองรับไฟล์ Hi-Res, Hi-Res Audio Wireless, Dolby Atmos
- รองรับ HDR Display ขณะเล่นวิดีโอแบบ HDR10+, Dolby Vision, HDR Vivid

สรุปคุณสมบัติโดยละเอียด (สเปก) และราคา ของ Xiaomi 15 Ultra

 

จุดที่อาจจะต้องพิจารณาเพิ่มเติมของ Xiaomi 15 | Xiaomi 15 Ultra

 

- ตัวเครื่องร้อนเร็วเมื่อใช้งานหนัก โดยเฉพาะเมื่อเล่นเกม หรือใช้งานกล้องอย่างต่อเนื่อง
- ตัวเครื่องหนากว่ารุ่นเดิม (Xiaomi 14 Ultra) เล็กน้อย


วันที่ : 05/03/2025

Cookie Consent

Our website uses cookies to provide your browsing experience and relavent informations.Before continuing to use our website, you agree & accept of our Cookie Policy & Privacy