วิดีโอรีวิว (Video Review) Samsung Galaxy S6 edge
ที่สุดของสมาร์ทโฟนเรือธงดีไซน์พรีเมียมจาก ซัมซุง ด้วยกระจก Dual-Glass สุดหรู กับกระจกขอบโค้งสองด้านสุดล้ำ ที่ผสมผสานกับบอดี้โลหะได้อย่างลงตัว พร้อมฟีเจอร์ไฮเอนด์จัดเต็ม
Review
Date (8-มิถุนายน-2558)

สวัสดีครับ วันนี้ก็นับเป็นโอกาสอันดีที่ทีมงานของเราได้รับเครื่อง Samsung Galaxy S6 edge มาทดสอบกัน ซึ่งก็เชื่อเหลือเกินว่า Galaxy S6 edge สมาร์ทโฟนตัวเรือธงใหม่ล่าสุดของ ซัมซุง รุ่นนี้ คงเป็นอีกหนึ่งตัวเลือกที่หลายๆ ท่านหมายตาเอาไว้อย่างแน่นอน ด้วยรูปลักษณ์ภายนอกที่ถูกพลิกโฉมไปจากเรือธงรุ่นก่อนหน้านี้ ให้มีความหรูหราพรีเมียมมากที่สุดเท่าที่เคยมีมา โดยเฉพาะขอบจอโค้งสองด้านแบบ Dual Curved Edge และดีไซน์แบบ Dual-Glass นั้นเรียกได้ว่าเป็นจุดขายสำคัญเลยทีเดียว ส่วนคุณสมบัติด้านในก็ถูกใส่มาให้อย่างเต็มที่สมกับที่เป็นรุ่นท็อปของ ซัมซุง ซึ่งรายละเอียดทั้งหมดจะเป็นอย่างไร จะน่าประทับใจสมกับค่าตัวหรือไม่ ต้องลองไปติดตามกันดูครับ
Samsung Galaxy S6 edge Video Review
|
วิดีโอรีวิว (Video Review) Samsung Galaxy S6 edge
|
เนื้อหาเพิ่มเติม วิดีโอรีวิว (Video Review) Samsung Galaxy S6 edge
(เนื้อหาด้านล่างนี้ เป็นเนื้อหาอย่างย่อ ซึ่งเหมาะสำหรับผู้ที่ไม่สะดวกเปิดดูรีวิวในรูปแบบของคลิปวิดีโอ หากต้องการรายละเอียดที่ครบถ้วน สามารถคลิกดูเพิ่มเติมได้ที่ วิดีโอรีวิว Samsung Galaxy S6 edge)



การออกแบบดีไซน์นับเป็นจุดขายสำคัญของ Galaxy S6 edge เลยก็ว่าได้ครับ โดย ซัมซุง เลือกใช้ดีไซน์แบบ Dual-Glass ที่มีกระจก Gorilla Glass 4 ขอบโค้งประกบที่ด้านหน้า และกระจกแผ่นเรียบประกบที่ด้านหลัง บนบอดี้อะลูมิเนียมเกรด 6013 ซึ่งโดยรวมมีความบางเฉียบเพียง 7.0 มิลลิเมตร ประกอบกับเส้นสาย และรายละเอียดต่างๆ ที่ดูลงตัว จึงทำให้ Galaxy S6 edge กลายเป็นสมาร์ทโฟนรุ่นหนึ่งที่ดูพรีเมียมสวยหรูมากที่สุด ณ ชั่วโมงนี้ครับ

ด้วยเทคโนโลยีการเคลือบผิวแบบ Nano-Thin Multi-Coating จึงทำให้เมื่อมีแสงตกกระทบตัวเครื่องในมุมต่างๆ ก็จะมีสีสันที่แตกต่างกันด้วยครับ

ที่ด้านหน้าของตัวเครื่องจะประกอบไปด้วยไฟ LED สำหรับแสดงสถานะการทำงาน, Proximity Sensor, Ambient Light Sensor, ลำโพงหูฟังสำหรับการสนทนา และกล้องดิจิทัลความละเอียด 5 ล้านพิกเซล ส่วนหน้าจอแสดงผลจะเป็นจอขอบโค้งสองด้านแบบ Dual Curved Edge Super AMOLED ขนาด 5.1 นิ้ว พร้อมความละเอียดระดับ 2K QHD หรือ 2560x1440 พิกเซล ซึ่งมีความหนาแน่นถึง 577 จุดพิกเซลต่อนิ้วเลยทีเดียวครับ

ที่ด้านล่างของหน้าจอจะมีปุ่ม Recent Apps, ปุ่มโฮม และปุ่มย้อนกลับ

ที่ด้านซ้ายของตัวเครื่องจะมีปุ่มเพิ่ม-ลดระดับเสียง

ที่ด้านขวาของตัวเครื่องจะมีปุ่มเปิด-ปิดเครื่อง หรือล็อกหน้าจอ

ที่ด้านบนของตัวเครื่องจะมีไมโครโฟนตัวที่สองสำหรับการตัดเสียงรบกวน, พอร์ตอินฟราเรด และช่องใส่ซิมการ์ดแบบ nanoSIM

ที่ด้านล่างของตัวเครื่องจะมีช่องเสียบสายหูฟังมาตรฐานขนาด 3.5 มิลลิเมตร, ช่อง microUSB สำหรับการชาร์จแบตเตอรี่ หรือโอนถ่ายข้อมูล, ไมโครโฟนสำหรับการสนทนา หรือบันทึกเสียง และลำโพงเสียงภายนอก

ที่ด้านหลังของตัวเครื่องจะมีเลนส์กล้องความละเอียด 16 ล้านพิกเซล พร้อมไฟแฟลช LED และเซ็นเซอร์ตรวจวัดอัตราการเต้นของหัวใจ

เมื่อนำตัวเครื่อง Galaxy S6 edge มาเทียบกับ Galaxy S6 รุ่นปกติ จะพบว่าที่ด้านหน้านั้นมีความแตกต่างกันค่อนข้างชัดเจน โดยเฉพาะกระจกขอบโค้ง กับส่วนสูงที่ต่างกันเล็กน้อย

ส่วนดีไซน์ที่ด้านหลังของตัวเครื่องดูแล้วแทบแยกกันไม่ออกครับ ทั้งกระจกแบบ Gorilla Glass 4, กล้องดิจิทัล 16 ล้านพิกเซล, ไฟแฟลช LED และเซ็นเซอร์ตรวจวัดอัตราการเต้นของหัวใจ

ที่ด้านซ้ายของตัวเครื่องมีปุ่มเพิ่ม-ลดระดับเสียงเช่นเดียวกัน

ช่องใส่ซิมการ์ดของ Galaxy S6 จะอยู่ที่ด้านขวาของตัวเครื่อง

ส่วนช่องใส่ซิมการ์ดของ Galaxy S6 edge จะถูกย้ายมาอยู่ที่ด้านบนของตัวเครื่อง

ส่วนที่ด้านล่างของตัวเครื่องจะมีรายละเอียดที่เหมือนกันแทบทุกประการครับ


น้ำหนักตัวเครื่องของ Galaxy S6 จะมากกว่า Galaxy S6 edge อยู่เพียงแค่ประมาณ 6 กรัม แต่ในทางกลับกันก็บางเฉียบกว่าอยู่ประมาณ 2 มิลลิเมตร ซึ่งเมื่อลองจับถือดูแล้วตัวเครื่องของ Galaxy S6 จะให้ความรู้สึกที่ถนัดมือกว่าอยู่เล็กน้อย ซึ่งส่วนหนึ่งก็คงเป็นเพราะขอบจอโค้งของ Galaxy S6 edge ที่อาจจะทำให้ลื่นมือขึ้นอีกนิด และยังรู้สึกไม่ค่อยชินมือสักเท่าไหร่ แต่ก็ต้องยอมรับว่า Galaxy S6 edge ดูสวยโดดเด่นกว่าพอสมควรครับ


สำหรับหน่วยประมวลผลของ Galaxy S6 edge จะเป็นแบบ 64-bit Octa-Core Exynos 7420 ความเร็ว 2.1 GHz พร้อมจีพียู Mali-T760 โดยเครื่องทดสอบนี้จะเป็นโมเดล SM-G925F ซึ่งเป็นโมเดลเดียวกันกับที่วางจำหน่ายในบ้านเรานั่นเอง นอกจากนี้ก็มาพร้อมกับระบบปฏิบัติการ Android 5.0.2 Lollipop, หน่วยความจำแรม (RAM) ขนาด 3 GB, หน่วยความจำภายใน (ROM) ขนาด 32 GB และเซ็นเซอร์ต่างๆ มากมายดังที่เห็นนี้ครับ

User Interface ของ Galaxy S6 edge ก็จะเป็น TouchWiz UI ที่ผสมผสานกับ Material Design ได้อย่างลงตัวครับ เมื่อเลื่อนขอบด้านบนลงมาก็จะพบกับทางลัดสำหรับการเปิด-ปิด หรือปรับค่าฟังก์ชันต่างๆ โดยเราสามารถกำหนดรายการของทางลัดได้เอง ส่วนหน้ารวมแอปพลิเคชันก็จะมีหน้าตา และฟังก์ชันเช่นเดียวกับสมาร์ทโฟนไฮเอนด์รุ่นใหม่ๆ ของ ซัมซุง เอง

ที่หน้าโฮมสกรีน เมื่อเราสไลด์ไปทางด้านขวา ก็จะพบกับหน้า Flipboard Briefing ซึ่งรวมข่าวสารล่าสุดเอาไว้ในที่เดียวกัน

ที่หน้าโฮมสกรีน เราสามารถปรับแต่งได้หลายอย่างครับ ทั้งภาพพื้นหลัง, วิดเจ็ต, ธีม ซึ่งธีมมาตรฐานจะมีให้เลือกอยู่ 3 แบบ แต่จริงๆ แล้วเราสามารถเข้าไปดาวน์โหลดธีมเพิ่มเติมในสโตร์ได้อีกเยอะมากๆ ครับ และดาวน์โหลดได้ฟรีอีกด้วย นอกจากนี้ก็ยังสามารถปรับการจัดเรียงไอคอนได้ 3 รูปแบบ คือ 4x4, 4x5 และ 5x5

เมื่อเราปัดนิ้วจากขอบโค้งด้านขวา ก็จะเป็นการเข้าสู่ฟังก์ชัน People Edge ซึ่งจะมีไอคอนแทนคนสำคัญที่สุดของเราทั้งหมด 5 คน โดยเราสามารถโทรออก, ส่งข้อความ หรือส่งอีเมลไปหาได้ง่าย และรวดเร็วเป็นพิเศษ รวมถึงสามารถเปิด-ปิดการใช้งาน People Edge ได้, ตั้งค่าผู้ติดต่อได้ และตั้งค่าการแจ้งเตือนเมื่อยกเครื่องขึ้นมาได้

เราสามารถกำหนดสีของแสงไฟที่จะแสดง สำหรับผู้ติดต่อแต่ละคนได้ทั้งหมด 8 สีด้วยกันครับ

โดยเมื่อมีคนสำคัญของเราติดต่อเข้ามา แสงไฟดังกล่าวก็จะแสดงบนขอบของหน้าจอด้วยสีต่างๆ กัน ตามที่เรากำหนดเอาไว้ แต่แสงสีสวยๆ ที่เห็นนี้จะแสดงก็ต่อเมื่อเราคว่ำหน้าจออยู่ด้วยนะครับ



ในขณะที่หน้าจอดับอยู่ เมื่อเราสไลด์นิ้วที่ขอบจอเร็วๆ แบบนี้ ก็จะปรากฏฟังก์ชันที่เรียกว่า Information Stream ขึ้นมา โดยจะมีการแสดงทั้งข้อมูลวัน-เวลา, เปอร์เซ็นต์แบตเตอรี่, สายที่ไม่ได้รับ และฟีดข้อมูลข่าวสารต่างๆ

โดยรวมแล้วเราสามารถตั้งค่าของขอบจอโค้งได้เองหลายอย่างนะครับ ทั้งแสงไฟ, รายชื่อบุคคลสำคัญ, ประเภทการแจ้งเตือน, แถบข้อมูล, นาฬิกากลางคืน และเลือกด้านที่จะใช้งานขอบจอโค้ง ซึ่งจะเลือกใช้ด้านขวา หรือด้านซ้าย ก็แล้วแต่เราถนัดครับ

นอกจากนี้เรายังสามารถเลือกเปิด-ปิดการใช้งานแถบฟีดข้อมูลต่างๆ ได้ รวมถึงสามารถตั้งค่าเพิ่มเติมของแต่ละแถบฟีดข้อมูลได้เองครับ

และหากแถบฟีดข้อมูลที่มีมาให้ยังไม่พอ เราก็สามารถกดเข้าไปดาวน์โหลดแถบฟีดข้อมูลมาติดตั้งเพิ่มเติมได้ครับ

สำหรับการแสดงผลของหน้าจอ เราสามารถเลือกให้เหมาะกับการใช้งานได้ทั้งแบบ Adaptive Display, AMOLED Cinema, AMOLED Photo และ Basic

ส่วนเอฟเฟกต์ของการปลดล็อกหน้าจอ จะมีให้เลือกสองแบบคือ Water Droplet และ Sparkling Bubbles ซึ่ง Water Droplet จะมีลักษณะดังนี้ ส่วน Sparkling Bubbles ก็จะเป็นดังนี้ครับ

หากคิดว่าอินเตอร์เฟสตามปกติดูซับซ้อน หรือใช้ยากจนเกินไป ก็สามารถเปลี่ยนโหมดการแสดงผลมาเป็นแบบ Easy Mode ได้ครับ

เมื่อเราเปิดโหมดประหยัดพลังงานแบบ Ultra Power Saving Mode เครื่องจะเปลี่ยนการแสดงผลเป็นสีขาว-ดำ และใช้งานได้เฉพาะฟังก์ชันพื้นฐาน ซึ่งทำให้แม้แบตเตอรี่จะเหลือเพียงแค่ 10% แต่ก็ยังสามารถใช้งานต่อได้นานถึง 24 ชั่วโมงครับ

Galaxy S6 edge จะมาพร้อมกับเซ็นเซอร์สแกนลายนิ้วมือแบบใหม่ ซึ่งใช้งานได้ง่าย และมีความแม่นยำมากกว่าที่มีอยู่บน Galaxy Note 4 และ Galaxy Note Edge โดยก่อนจะใช้งานก็ต้องทำการลงทะเบียนลายนิ้วมือก่อน ด้วยการแตะนิ้วมือลงไปที่ปุ่มโฮมหลายๆ ครั้ง จนกว่าจะเรียบร้อย

ซึ่งนอกจากที่เราจะสามารถสแกนนิ้วมือเพื่อปลดล็อกหน้าจอได้แล้ว เราก็ยังสามารถใช้งานร่วมกับการล็อกอินเข้าเว็บไซต์ และการยืนยันตัวตนสำหรับบัญชีของซัมซุงได้ด้วยครับ


นอกจากนี้ Galaxy S6 edge ยังมาพร้อมกับเซ็นเซอร์ตรวจวัดอัตราการเต้นของหัวใจ โดยเพียงแค่เราแตะนิ้วลงไปบนเซ็นเซอร์แล้วรอสักครู่ ก็จะทราบอัตราการเต้นของหัวใจของเรา ณ ขณะนั้นได้แล้วครับ

สำหรับแอปพลิเคชัน S Health บน Galaxy S6 edge สามารถรองรับได้ทั้งอุปกรณ์เสริมของ ซัมซุง และยี่ห้ออื่นๆ

กล้องดิจิทัลของ Galaxy S6 edge มีการโฟกัสที่รวดเร็วแม่นยำ และที่พิเศษคือเราสามารถล็อกค่าแสง กับค่าโฟกัสไว้ได้ด้วย โดยการกดค้างในจุดที่ต้องการล็อกไว้ดังนี้ ส่วนฟังก์ชันอื่นๆ ก็เรียกว่าใส่มาให้แบบเต็มที่ครับ ทั้งการใส่เอฟเฟกต์, การถ่ายภาพแบบ HDR ซึ่งจะช่วยให้รายละเอียดในส่วนที่มืด มีความชัดเจน หรือสว่างขึ้นมาได้, การตั้งเวลาถ่ายภาพล่วงหน้าที่ 2, 5 และ 10 วินาที และการเปิด-ปิดไฟแฟลช


สามารถตั้งค่าความละเอียดของภาพถ่ายได้สูงสุดที่ 16 ล้านพิกเซล, ตั้งค่าความละเอียดของวีดีโอได้สูงสุดที่ระดับ 4K UHD แต่ฟังก์ชันบางอย่างจะถูกปิดไว้ชั่วคราว, มีระบบโฟกัสแบบติดตามวัตถุ, มีระบบป้องกันการสั่นไหวของวีดีโอ, การแสดงเส้นกริด, การแสดงภาพตัวอย่าง, การควบคุมด้วยเสียง และการกำหนดคำสั่งให้กับปุ่มปรับระดับเสียงที่ด้านข้างของตัวเครื่อง

โหมดถ่ายภาพก็นับว่ามีเยอะมากๆ ครับ ทั้งโหมด Pro, Selective Focus, Panorama, Slow Motion, Fast Motion, Virtual Shot, Sports, Sound & Shot, Food, Surround Shot, Dual Camera, Animated GIF, Rear-Cam Selfie และ Beauty Face

โหมด Pro คือโหมดที่สามารถปรับแต่งค่าต่างๆ ได้เองแบบ Manual ทั้งเอฟเฟกต์สี, ระยะโฟกัส, สมดุลสีขาว, ความไวแสง และการชดเชยแสง

โหมด Selective Focus คือโหมดที่เราสามารถถ่ายภาพเอาไว้ก่อน แล้วมาเลือกระยะโฟกัสได้เองในภายหลัง ทั้งหลังเบลอหน้าชัด และหน้าชัดหลังเบลอ

โหมด Slow Motion คือการถ่ายวิดีโอความเร็วสูงระดับ 120 เฟรมต่อวินาที แล้วนำวีดีโอที่ถ่ายได้มาลดเฟรมเรทให้ช้าลง จนได้ภาพเคลื่อนไหวที่ดูเนียนตาดังที่เห็นนี้

โหมด Virtual Shot คือโหมดที่เราสามารถถ่ายภาพรอบๆ วัตถุได้แบบ 360 องศา แล้วนำมาเปิดดูในภายหลังได้รอบทิศทางแบบนี้ครับ

การใช้งานโหมดต่างๆ ก็ไม่ยากครับ เพราะอย่างน้อยในเครื่องก็มีคำแนะนำเบื้องต้นของโหมดต่างๆ เอาไว้ให้ทำความเข้าใจกันก่อน



สำหรับกล้องหน้าก็มีฟังก์ชันใช้งานที่หลากหลายไม่แพ้กันครับ ทั้งการใส่เอฟเฟกต์, โหมดถ่ายภาพแบบ HDR, การตั้งเวลาถ่ายภาพล่วงหน้า, โหมดหน้าสวย, สามารถปรับความละเอียดได้สูงสุดที่ 5 ล้านพิกเซล, ถ่ายวีดีโอได้ที่ความละเอียดสูงสุดระดับ 2K QHD, สามารถยกมือเพื่อสั่งถ่ายภาพได้, มีระบบกันสั่น และควบคุมด้วยเสียงได้ครับ

มีโหมดถ่ายภาพแบบ Selfie, Wide Selfie, Virtual Shot, Interval Shot, Sound & Shot และ Animated GIF

หากใครต้องการตกแต่งรูปภาพ ก็มีเครื่องมือมาให้ใช้งานมากมายครับ ตั้งแต่การปรับแต่งพื้นฐาน เช่นการหมุน หรือการตัดรูป, การปรับโทนสี หรือความสว่างของภาพ, การใส่เอฟเฟกต์ให้กับรูปภาพ, การปรับแต่งใบหน้า และการวาด ซึ่งการวาดต้องดาวน์โหลด S Pen SDK มาติดตั้งก่อนครับ

ส่วนแอปพลิเคชันตัดต่อวีดีโอใน Galaxy S6 edge ในขั้นแรกจะแบ่งออกเป็น 3 ขั้นตอนพื้นฐาน คือ การตัด, การใส่เอฟเฟกต์ และการใส่เสียง ซึ่งหลังจากนั้นก็จะเข้าสู่ขั้นตอนการตัดต่อจริงๆ อีกครั้งหนึ่งครับ

ฟังก์ชันเด่นจากรุ่นที่แล้วอย่าง Pop Up Play สำหรับการย่อวิดีโอไว้ในหน้าต่างขนาดเล็ก ก็ถูกนำมาใส่ไว้ใน Galaxy S6 edge เช่นกันครับ

ด้วยฟังก์ชัน SoundAlive เราสามารถเลือกใช้อีควอไลเซอร์ได้หลายรูปแบบตามแนวเพลง, สามารถปรับระดับเสียงทุ้ม กับเสียงแหลม, ปรับระดับเสียงเครื่องดนตรี กับเสียงร้อง, ปรับความถี่ในย่านต่างๆ ด้วยตนเอง, เปิดเอฟเฟกต์เสียงสามมิติ, เสียงเบส, เสียงชัดใส, เสียงคอนเสิร์ต, ฟังก์ชัน Adapt Sound, ฟังก์ชัน SoundAlive+ และแอมป์หลอด

แอปพลิเคชัน Smart Manager คือศูนย์รวมการจัดการกับระบบการทำงานพื้นฐาน ทั้งแบตเตอรี่, พื้นที่เก็บบันทึกข้อมูล, หน่วยความจำแรม และการรักษาความปลอดภัยในการใช้งานด้วย Samsung KNOX

สิทธิพิเศษอย่างหนึ่งสำหรับผู้ใช้งาน Galaxy S6 edge ก็คือสามารถใช้พื้นที่เก็บข้อมูลบน OneDrive ได้ฟรีรวมแล้วกว่า 115 GB เป็นระยะเวลานานถึง 2 ปี ครับ

หากเราเข้าไปที่ Galaxy Apps ก็จะพบกับแอปพลิเคชันสำหรับ Galaxy S6 มากมาย ที่ถูกคัดเอาไว้ให้เรียบร้อยแล้ว และส่วนใหญ่จะสามารถดาวน์โหลดมาใช้งานได้ฟรีครับ

ด้วยโหมดการใช้งานแบบส่วนตัว หรือ Private Mode จึงช่วยให้เราสามารถซ่อนคอนเทนต์ต่างๆ เช่นรูปภาพ, วิดีโอ หรือไฟล์อื่นๆ ที่ไม่ต้องการให้คนอื่นเห็นได้ครับ

แอปพลิเคชัน หรือบริการต่างๆ จาก กูเกิล ก็มีติดตั้งมาให้พร้อมใช้งาน ทั้ง Chrome, Gmail, Google+, Google Maps, YouTube และอื่นๆ

เครื่องบันทึกเสียงสามารถบันทึกเสียงได้ทั้งในโหมดมาตรฐาน และโหมดสัมภาษณ์ ซึ่งใช้ไมโครโฟนสองตัว รวมทั้งสามารถแปลงเสียงพูด ให้เป็นข้อความเพื่อการจดบันทึกได้ด้วยครับ

Galaxy S6 edge รองรับการเชื่อมต่อแบบ NFC พร้อมทั้งมีฟังก์ชัน Android Beam สำหรับการแชร์ไฟล์ และมีฟังก์ชัน Tap and Pay สำหรับการจ่ายเงินด้วยการแตะกับเครื่องอ่าน

รองรับการใช้งานฟังก์ชัน Download Booster ซึ่งเป็นการเพิ่มความเร็วอินเทอร์เน็ตด้วยการเปิดใช้ระบบ WiFi และ 4G LTE ไปพร้อมๆ กัน

Galaxy S6 edge รองรับการสั่งงานด้วยการเคลื่อนไหว และท่าทางหลายอย่างครับ ทั้งการยกเครื่องแนบหูเพื่อโทรออก, การสั่นเตือนเมื่อยกเครื่องขึ้นมา, การปิดเสียงด้วยการคว่ำหน้าจอลงไป และการปาดสันมือเพื่อการจับภาพหน้าจอ

สามารถใช้งานฟังก์ชัน Street View บนแอปพลิเคชัน Google Maps เพื่อดูแผนที่แบบเสมือนจริงได้อย่างราบรื่น ไม่มีอาการหน่วงแต่อย่างใด

สามารถใช้แอปพลิเคชัน Galaxy Gift เพื่อรับสิทธิพิเศษได้มากมายครับ ทั้งอาหาร, เครื่องดื่ม กับขนม, การช้อปปิ้ง, การท่องเที่ยว และอื่นๆ

สามารถใช้แอปพลิเคชัน Galaxy Rewards เพื่อการสะสมเหรียญ แล้วนำไปแลกของรางวัลต่างๆ ได้มากมายครับ

ระบบสัมผัสของ Galaxy S6 edge สามารถรองรับการสัมผัสพร้อมกันได้สูงสุด 10 จุด และมีการทำงานที่ถูกต้องสมบูรณ์


เมื่อทำการทดสอบประสิทธิภาพในการจับสัญญาณดาวเทียมจีพีเอส ก็พบว่าสามารถจับสัญญาณได้รวดเร็วทันใจ แทบไม่ต้องรอเลยทีเดียว แม้จะอยู่ในตัวอาคารก็ตามที และยิ่งหากได้เปิดใช้งานร่วมกับสัญญาณเครือข่ายแล้ว ก็จะยิ่งเร็วขึ้นไปอีกครับ

เมื่อทำการทดสอบประสิทธิภาพของการทำงานโดยรวมด้วยแอปพลิเคชัน AnTuTu Benchmark ก็พบว่าจะได้คะแนนรวมอยู่ที่ 69631 คะแนน โดยมีรายละเอียดของคะแนนในส่วนต่างๆ ดังนี้

เมื่อทำการทดสอบประสิทธิภาพของหน่วยประมวลผลด้วยแอปพลิเคชัน Geekbench 3 ก็พบว่าจะได้คะแนนในส่วนของ Single-Core อยู่ที่ 1,466 คะแนน และจะได้คะแนนในส่วนของ Multi-Core อยู่ที่ 4,931 คะแนน

เมื่อทำการทดสอบประสิทธิภาพของการประมวลผลภาพกราฟิกด้วยแอปพลิเคชัน 3Dmark ก็พบว่าจะได้คะแนนอยู่ที่ 21,966 คะแนน โดยแบ่งออกเป็นคะแนนในส่วนต่างๆ ดังนี้


เมื่อทดสอบประสิทธิภาพของการเล่นเกมที่มีกราฟิกหนักๆ ก็พบว่า ด้วยหน่วยประมวลผล Octa-Core Exynos 7420 บวกกับจีพียู Mali-T760 และหน่วยความจำแรมขนาด 3 GB จึงทำให้ประสิทธิภาพของการเล่นเกมอยู่ในระดับสูงครับ สามารถเล่นเกมที่มีรายละเอียดเยอะๆ หรือมีกราฟิกสวยๆ ได้เป็นอย่างดี มีความลื่นไหลไร้อาการกระตุกแม้แต่น้อย
ตัวอย่างภาพถ่ายจากกล้องดิจิทัลความละเอียด 16 ล้านพิกเซล ของ Samsung Galaxy S6 edge







สรุปผลการทดสอบของ Samsung Galaxy S6 edge (ดูวิดีโอประกอบเนื้อหา)

จากการที่ได้สัมผัส และใช้ชีวิตอยู่กับ Samsung Galaxy S6 edge เครื่องนี้มาพอสมควร ก็ต้องยอมรับว่า ความประทับใจเมื่อได้แรกเห็นก็คือการออกแบบดีไซน์ ที่เหมือนกับการพลิกภาพเดิมๆ ของสมาร์ทโฟน ซัมซุง ไปอย่างสิ้นเชิง จากดีไซน์รุ่นเดิมที่อาจจะดูไม่โดดเด่นเท่าที่ควร แต่สำหรับ Galaxy S6 edge รุ่นนี้ ต้องยกให้เป็นสมาร์ทโฟนเรือธงที่สวยหรูดูพรีเมียมที่สุดรุ่นหนึ่ง ณ ชั่วโมงนี้เลยทีเดียวครับ ซึ่งส่วนสำคัญที่ช่วยสร้างความโดดเด่นได้มากที่สุด ก็คงจะหนีไม่พ้นจอขอบโค้งสองด้านแบบ Dual Curved Edge อันเป็นเอกลักษณ์ บวกกับดีไซน์ตัวเครื่องแบบ Dual-Glass Design และบอดี้โลหะอะลูมิเนียมเกรด 6013 ที่ผสานเข้ากันได้อย่างลงตัว
ส่วนคุณสมบัติในด้านอื่นๆ นั้นก็นับว่าไฮเอนด์จัดเต็มที่สุด ตามแบบฉบับของสมาร์ทโฟนเรือธง ตั้งแต่จอแบบ Super AMOLED ที่มีความละเอียดมากถึงระดับ 2K QHD, เทคโนโลยีการชาร์จแบตเตอรี่ความเร็วสูง, หน่วยประมวลผล Exynos 7420 ประสิทธิภาพสูง, ระบบปฏิบัติการ Android 5.0 Lollipop ที่สดใหม่, หน่วยความจำ RAM ขนาด 3 GB, เซ็นเซอร์สแกนลายนิ้วมือ, เซ็นเซอร์ตรวจวัดอัตราการเต้นของหัวใจ, กล้องดิจิทัลความละเอียด 16 ล้านพิกเซล พร้อมระบบกันสั่นแบบ OIS และอื่นๆ อีกมากมาย
ส่วนราคาจำหน่ายของ Galaxy S6 edge จะเริ่มต้นที่ 27,900 บาท สำหรับรุ่นความจุ 32GB และ 31,900 บาท สำหรับรุ่นความจุ 64GB ซึ่งก็อาจจะเป็นราคาที่สูงพอสมควร แต่ถือว่าสมน้ำสมเนื้อกับความสมบูรณ์แบบข้างต้นครับ สุดท้ายนี้ก็ต้องขอขอบคุณทุกท่านที่ติดตามชม สำหรับวันนี้ต้องขอลาไปก่อน พบกันได้ใหม่ในโอกาสหน้า สวัสดีครับ
จุดเด่นของ Samsung Galaxy S6 edge
- ดีไซน์ตัวเครื่องแบบ Dual-Glass Design ด้วยกระจกแบบ Gorilla Glass ทั้งด้านหน้า และด้านหลังของตัวเครื่อง พร้อมการเคลือบพื้นผิวด้วยเทคโนโลยี Nano-Thin Multi-Coating
- กรอบตัวเครื่องแบบโลหะ (Metal Frame) ด้วยวัสดุแบบอลูมิเนียมเกรด 6013 ซึ่งมีความแข็งแรงทนทานเป็นพิเศษ
- จอแสดงผลแบบ Dual Curved Edge Super AMOLED Capacitive Touchscreen 16,700,000 สี ความละเอียด 2560x1440 Pixels (2K QHD : กว้าง 5.1 นิ้ว : 577 ppi) พร้อมหน่วยประมวลผลภาพกราฟิกโดยเฉพาะ (GPU : Graphics Processing Unit) แบบ Mali-T760
- ฟังก์ชัน People Edge และ Edge Lighting Notification
- กระจกแบบ Corning Gorilla Glass 4 ที่ด้านหน้า และด้านหลังของตัวเครื่อง ที่สามารถป้องกันแรงกระแทก หรือรอยขีดข่วน ได้ดีกว่า Gorilla Glass 3 ประมาณ 1.5 เท่า - ประมวลผลการทำงานด้วยชิปเซ็ต Octa-Core 64-bit Exynos 7420 (ซีพียู Quad-Core Cortex-A57 ความเร็ว 2.1 GHz และ Quad-Core Cortex-A53 ความเร็ว 1.5 GHz) ซึ่งมีกระบวนการผลิตในระดับ 14 นาโนเมตร (14 nm) - ขับเคลื่อนการทำงานด้วยระบบปฏิบัติการ Android OS เวอร์ชัน 5.0.2 (Lollipop) - หน่วยความจำ RAM ขนาด 3 GB
- หน่วยความจำภายในสำหรับเก็บบันทึกข้อมูลขนาด 32 GB, 64 GB หรือ 128 GB (รุ่นที่จำหน่ายในประเทศไทย มีเฉพาะความจุ 32 GB และ 64 GB) พร้อมเทคโนโลยี UFS เวอร์ชัน 2.0 (Universal Flash Storage) (เร็วกว่า eMMC 5.0 ประมาณ 2.7 เท่า) - กล้องดิจิทัลตัวหลักที่ด้านหลังของตัวเครื่อง ความละเอียดระดับ 16 ล้าน Pixels พร้อมเซ็นเซอร์รับภาพแบบ ISOCELL, ไฟแฟลชแบ LED, ระบบป้องกันการสั่นแบบ OIS, ระบบโฟกัสภาพแบบติดตามวัตถุ (Object Tracking AF) , ขนาดของรูรับแสง (Aperture) กว้างสูงสุดที่ F/1.9, โหมดถ่ายภาพแบบ Auto Real-Time HDR
- กล้องดิจิทัลที่ด้านหลังของตัวเครื่อง รองรับการถ่ายวีดีโอได้ที่ความละเอียดสูงสุดระดับ 4K UHD (2160p : 3840x2160 Pixels : 30 fps)
- กล้องดิจิทัลขนาดเล็กที่ด้านหน้าของตัวเครื่อง ความละเอียดระดับ 5 ล้าน Pixels พร้อมขนาดของรูรับแสง (Aperture) กว้างสูงสุดที่ F/1.9 และโหมดถ่ายภาพแบบ Auto Real-Time HDR
- กล้องดิจิทัลที่ด้านหน้าของตัวเครื่อง รองรับการถ่ายวีดีโอได้ที่ความละเอียดสูงสุดระดับ 2K QHD (2560x1440 Pixels)
- เซ็นเซอร์ตรวจวัดอัตราการเต้นของหัวใจ (Heart Rate Sensor)
- เซ็นเซอร์สแกนลายนิ้วมือ (Fingerprint Sensor)
- รองรับเทคโนโลยีการเชื่อมต่อไร้สายแบบ NFC (Near Field Communication), MST (Magnetic Secure Transmission), Bluetooth, ANT+ และ Infrared
- รองรับการจ่ายเงินผ่านบริการ Samsung Pay (รองรับการใช้งานร่วมกับ Visa และ MasterCard)
- รองรับการใช้งานอินเทอร์เน็ตผ่านทางระบบ WiFi, 4G LTE Cat6, 3G, EDGE, GPRS
- ระบบ GPS ในตัว (Global Positioning System : ระบบดาวเทียมนำร่อง) พร้อมรองรับระบบดาวเทียม GLONASS และ Beidou
- แบตเตอรี่ Li-Ion Polymer 2550 mAh
- รองรับเทคโนโลยี Fast Charging ชาร์จแบตเตอรี่เพียง 10 นาที สามารถใช้งานได้นาน 4 ชั่วโมง
- รองรับเทคโนโลยีการชาร์จแบตเตอรี่แบบไร้สาย (Wireless Charging : รองรับมาตรฐาน PMA 1.0 และ WPC 1.1)

จุดที่อาจจะต้องพิจารณาเพิ่มเติมของ Samsung Galaxy S6 edge
- ถูกตัดความสามารถของการป้องกันน้ำ และป้องกันฝุ่น ที่เคยมีอยู่ใน Samsung Galaxy S5 ออกไป
- ไม่สามารถเปิดฝาหลังออกได้ จึงทำให้ไม่สามารถทำการเปลี่ยนแบตเตอรี่ได้
- ไม่สามารถใส่การ์ดหน่วยความจำเพิ่มเติมได้
- ลำโพงเสียงยังคงเป็นแบบทิศทางเดียว (Mono)
- ไฟแฟลชยังคงเป็นแบบดวงเดียว (Single-LED)
- ไม่มีวิทยุ FM ในตัว
- มีราคาจำหน่ายที่ค่อนข้างสูงคือ 27,900 บาท สำหรับรุ่นความจุ 32 GB และ 31,900 บาท สำหรับรุ่นความจุ 64 GB
โปรดทราบ
* โทรศัพท์มือถือที่ท่านเห็นในบทความรีวิวนี้เป็นเพียงเครื่องทดสอบจากทางศูนย์ เพราะฉะนั้นคุณสมบัติบางอย่างอาจมีความแตกต่างจากเครื่องที่วางจำหน่ายจริงบ้างไม่มากก็น้อย รวมถึงจุดด้อยบางประการที่พบในเครื่องทดสอบ อาจจะถูกแก้ไขปรับปรุงให้ดีขึ้นในเครื่องที่วางจำหน่ายจริง ดังนั้นหากท่านสนใจซื้อโทรศัพท์มือถือรุ่นนี้ ควรตรวจสอบหรือทดลองใช้งานสินค้าด้วยตนเองอีกครั้งหนึ่ง *
สรุปคุณสมบัติเครื่อง
ท่านสามารถตรวจสอบคุณสมบัติ และข้อมูลเพิ่มเติมของ Samsung Galaxy S6 edge และ Samsung Galaxy S6 ได้โดยการคลิกที่ลิงก์ด้านล่างนี้
Samsung Galaxy S6 edge Specification
Samsung Galaxy S6 Specification title="Sony Xperia ZL Specification">

:: ไปหน้าแรกเว็บไซต์ Thaimobilecenter
| ไปหน้าแรก
Mobile Focus ::
|