พรีวิว (Preview) Samsung Galaxy Note 4
พัฒนาการครั้งใหม่ของสมาร์ทโฟนเพื่อการขีดเขียนตัวเรือธง ที่มาพร้อมกับดีไซน์พรีเมียมสวยหรูกว่าเดิม, จอแสดงผลที่ละเอียดคมชัดยิ่งขึ้น และจัดเต็มด้วยฟีเจอร์ใหม่สุดล้ำ
Preview
Date (17-กันยายน-2557)
สำหรับ Samsung Galaxy Note 4 รุ่นนี้ ถือเป็นสมาร์ทโฟนเรือธงรุ่นสำคัญอีกรุ่น ที่ทีมงานของเราเฝ้ารอที่จะได้สัมผัสกับตัวจริง และแล้วเมื่อช่วงเช้าวานนี้ (16 กันยายน 2557) ทาง ซัมซุง (ประเทศไทย) ก็ได้เปิดโอกาสให้ทีมงานเว็บไซต์ไทยโมบายเซ็นเตอร์ รวมไปถึงบรรดาสื่อมวลชนต่างๆ ได้ไปทำความรู้จักกับ Samsung Galaxy Note 4 และได้สัมผัสกับตัวจริงเสียงจริงของสมาร์ทโฟนเพื่อการขีดเขียนรุ่นนี้เป็นครั้งแรกในประเทศไทย ซึ่งเราก็ไม่พลาดที่จะเก็บรายละเอียดต่างๆ ที่น่าสนใจของ Samsung Galaxy Note 4 รุ่นนี้ มาฝากทุกท่านกัน

หากถามว่ากลุ่มผู้ใช้แบบไหนที่น่าจะสนใจในตัวของ Samsung Galaxy Note 4 ก็อาจจะแบ่งออกได้เป็น 3 กลุ่ม ได้แก่กลุ่มแรกคือกลุ่มผู้ใช้ที่ไม่เคยใช้สมาร์ทโฟนตระกูล Galaxy Note มาก่อน แต่อยากลองสัมผัสกับอะไรใหม่ๆ กลุ่มที่สองคือกลุ่มผู้ใช้ที่เคยใช้ Galaxy Note รุ่นที่เก่าสักหน่อยมาก่อน ทั้ง Samsung Galaxy Note และ Samsung Galaxy Note 2 ซึ่งแม้จะยังใช้งานได้ดีอยู่ แต่ก็น่าจะถึงเวลาปลดระวางเสียที และกลุ่มที่สามคือกลุ่มผู้ใช้ที่ต้องการความสดใหม่ที่สุด โดยเฉพาะผู้ที่กำลังใช้ Samsung Galaxy Note 3 อยู่ ซึ่งถือว่าเป็นรุ่นพี่ที่ยังอัดแน่นไปด้วยฟีเจอร์มากมายนับไม่ถ้วน สามารถตอบโจทย์กับการใช้งานได้ทุกรูปแบบ แต่การมาของ Samsung Galaxy Note 4 ก็ทำให้ Samsung Galaxy Note 3 ไม่ใช่รุ่นที่สดใหม่อีกต่อไปนั่นเอง

สำหรับรุ่นน้องใหม่อย่าง Samsung Galaxy Note 4 นั้นได้พัฒนาขึ้นจาก Samsung Galaxy Note 3 รุ่นพี่ในหลายๆ จุด ตั้งแต่เรื่องของการออกแบบดีไซน์ที่ดูสวยหรูพรีเมียมมากขึ้น โดยเฉพาะการเลือกใช้กรอบตัวเครื่องโลหะแบบ Metal Frame ซึ่งเป็นโลหะจริงๆ และหน้าจอขอบโค้งมนแบบ 2.5D Glass ส่วนคุณสมบัติ หรือฟีเจอร์ใหม่ๆ ก็ถูกใส่เพิ่มเข้ามาให้อีกมากมาย ตั้งแต่หน้าจอแสดงผลที่ละเอียดคมชัดขึ้นเป็นระดับ Quad HD (2560x1440 พิกเซล), ระบบปฏิบัติการแอนดรอยด์เวอร์ชันใหม่ล่าสุดอย่าง Android 4.4.4 KitKat, หน่วยประมวลผล Exynos 5 Octa 5433 ตัวใหม่ที่เร็วแรงกว่าเดิม ทั้งการประมวลผลทั่วไป และการประมวลผลด้านกราฟิก (Mali-T760), กล้องหลังที่ละเอียดคมชัดขึ้นเป็น 16 ล้านพิกเซล, กล้องหน้าที่ละเอียดขึ้นเช่นกันเป็น 3.7 ล้านพิกเซล พร้อมฟังก์ชันที่ออกแบบมาเพื่อการถ่ายภาพ Selfies โดยเฉพาะ และนอกจากนี้ Samsung Galaxy Note 4 ก็ได้มีการสืบทอดนวัตกรรมหลายๆ อย่างมาจากรุ่นเรือธงที่เปิดตัวมาก่อนหน้านี้อย่าง Samsung Galaxy S5 ไม่ว่าจะเป็นเซ็นเซอร์สแกนลายนิ้วมือ (Finger Scanner Sensor) หรือเซ็นเซอร์ตรวจวัดอัตราการเต้นของหัวใจ (Heart Rate Sensor) แต่ก็เป็นที่น่าเสียดายเล็กน้อยที่ไม่ได้สืบทอดคุณสมบัติของการกันน้ำกันฝุ่นมาด้วย อย่างไรก็ดี Samsung Galaxy Note 4 ก็มีจุดขายของตัวเองอยู่แล้วมากมาย โดยเฉพาะเรื่องของการใช้งานปากกา S Pen ที่ถูกพัฒนาให้มีประสิทธิภาพดียิ่งขึ้นกว่าเดิม ดังนั้นในวันนี้เราจะมาดูกันต่อว่า Samsung Galaxy Note 4 รุ่นนี้ จะมีสิ่งที่น่าสนใจมากน้อยขนาดไหน และคุ้มค่ากับการรอคอยหรือไม่
รูปลักษณ์ภายนอกตัวเครื่อง และการออกแบบดีไซน์ของ Samsung Galaxy Note 4

หากดูที่ด้านหน้าของตัวเครื่อง ก็เรียกได้ว่าถอดแบบมาจาก Samsung Galaxy Note 3 แทบทุกอย่าง จะแตกต่างกันที่รายละเอียดเพียงแค่เล็กๆ น้อยๆ เท่านั้น (เครื่อง Samsung Galaxy Note 4 ที่นำมาพรีวิวนี้ เป็นเพียงเครื่องทดสอบ ดังนั้นรายละเอียดต่างๆ อาจจะแตกต่างไปจากเครื่องที่วางจำหน่ายจริงบ้างไม่มากก็น้อย)

แต่หากดูกันที่ด้านหลังของตัวเครื่อง ก็สามารถแยกแยะได้ทันที ด้วยดีไซน์ของเลนส์กล้อง และไฟแฟลชที่เปลี่ยนไป รวมถึงมีเซ็นเซอร์ตรวจวัดอัตราการเต้นของหัวใจ (Heart Rate Sensor) ติดตั้งมาให้ด้วย ส่วนพื้นผิวแบบ Soft-Textured ที่ดูเหมือนหนังเทียม และวัสดุที่ใช้ทำฝาหลังของ Samsung Galaxy Note 4 จะให้สัมผัสที่ไม่นุ่มมือเหมือนกับ Samsung Galaxy Note 3

กรอบด้านข้างรอบๆ ตัวเครื่อง เปลี่ยนมาใช้วัสดุแบบโลหะ หรือที่เรียกว่า Metal Frame ซึ่งดูแข็งแรงทนทาน และดูพรีเมียมมากขึ้น คล้ายกับ Samsung Galaxy Alpha ส่วนที่ด้านซ้ายของตัวเครื่องจะมีปุ่มเพิ่มลดระดับเสียง

ที่ด้านขวาของตัวเครื่องจะมีเพียงปุ่มเปิด-ปิดเครื่อง หรือล็อคหน้าจอ

ที่ด้านบนของตัวเครื่องจะมีช่องต่อสายหูฟังมาตรฐานขนาด 3.5 มิลลิเมตร, ไมโครโฟนสำหรับตัดเสียงรบกวน และเซ็นเซอร์อินฟราเรด

ที่ด้านล่างของตัวเครื่องจะมีช่องเชื่อมต่อแบบ microUSB สำหรับการชาร์จแบตเตอรี่ หรือโอนถ่ายข้อมูล ซึ่งจะสังเกตเห็นว่าถูกเปลี่ยนกลับมาเป็นแบบ microUSB 2.0 จากเดิมใน Galaxy Note 3 ที่ใช้ช่องเชื่อมต่อแบบ USB 3.0 ส่วนที่ด้านข้างจะเป็นไมโครโฟน 2 ตัว ซึ่งหากรวมไมโครที่ด้านบนด้วยแล้ว ก็จะมีไมโครโฟนทั้งหมดถึง 3 ตัวเลยทีเดียว ซึ่งจะช่วยให้การบันทึกเสียงมีมิติ และรายละเอียดที่ดียิ่งขึ้น

มีช่องสำหรับเก็บปากกา S Pen ในรูปแบบเดียวกันกับ Samsung Galaxy Note 3 สามารถถอดออกมาใช้งาน และเก็บเข้าที่เดิมได้ไม่ยาก

สามารถถอดฝาหลังออกมาได้เช่นเคย ส่วนที่ด้านในก็จะประกอบไปด้วยช่องใส่แบตเตอรี่ความจุ 3,220 mAh, ช่องใส่การ์ดหน่วยความจำเสริมแบบ microSD ซึ่งรองรับได้สูงสุดที่ขนาด 128 GB และช่องใส่ซิมการ์ดแบบ microSIM

ฝาหลังของ Samsung Galaxy Note 4 ผลิตจากวัสดุแบบโพลีคาร์บอเนต ซึ่งมีความแข็งแรงทนทาน และมีความยืดหยุ่นสูง

สามารถถอดฝาหลัง แล้วใส่ Flip Case เข้าไปแทนได้ทันที (ต้องซื้อเพิ่มในภายหลัง) ซึ่งนอกจากจะช่วยป้องกันความเสียหายที่อาจจะเกิดกับตัวเครื่องได้แล้ว ก็ยังรองรับเทคโนโลยีการชาร์จแบตเตอรี่แบบไร้สาย (Wireless Charging) ได้อีกด้วย

เมื่อใส่ Flip Case แล้ว ก็อาจจะทำให้ตัวเครื่องดูใหญ่ และหนาขึ้นเล็กน้อย แต่โดยรวมก็ยังคงดูดีอยู่
เปรียบเทียบรูปลักษณ์ภายนอกระหว่าง Samsung Galaxy Note 4 กับ Samsung Galaxy Note 3

เมื่อเปรียบเทียบกันที่ด้านหน้า ดูกันผ่านๆ ก็จะเห็นว่า Samsung Galaxy Note 4 และ Samsung Galaxy Note 3 เหมือนกันแบบแทบจะแยกกันไม่ออกเลยทีเดียว แต่หากสังเกตกันดีๆ ก็จะมีรายละเอียดเล็กๆ น้อยๆ ที่แตกต่างกันอยู่บ้าง

แต่หากพลิกมาดูที่ด้านหลัง ก็จะสามารถแยกแยะความแตกต่างได้อย่างชัดเจน ตั้งแต่พื้นผิวของฝาหลังที่แตกต่างกัน, การออกแบบดีไซน์เลนส์กล้อง, ไฟแฟลช และเซ็นเซอร์ตรวจวัดอัตราการเต้นของหัวใจ (Heart Rate Sensor) ที่ถูกใส่เพิ่มเข้ามา รวมถึงลำโพงเสียงที่ถูกย้ายนำมาไว้ที่ด้านหลังของตัวเครื่อง (จากเดิมที่อยู่ด้านล่างของตัวเครื่อง)

ขอบด้านข้างของตัวเครื่องก็แตกต่างกันอย่างเห็นได้ชัด แต่เดิมใน Galaxy Note 3 จะเป็นขอบพลาสติกเคลือบโครเมียม ที่มีลวดลายคล้ายกับขอบหนังสือ ส่วนรุ่นใหม่อย่าง Galaxy Note 4 จะเป็นขอบโลหะที่มีพื้นผิวเรียบๆ ซึ่งดูหรูหราพรีเมียมมากกว่า

ปากกา S Pen ของทั้งสองรุ่นมีขนาดที่ใกล้เคียงกัน แต่จะมีรายละเอียดที่แตกต่างกันเล็กน้อย

วงแหวน Air Command บน Samsung Galaxy Note 4 ถูกปรับปรุงใหม่ให้เหลือเพียง 4 คำสั่งย่อย เพื่อให้เป็นมิตรกับผู้ใช้งานมากขึ้น ซึ่งประกอบไปด้วย 4 คำสั่งดังนี้คือ Action Memo, Smart Select, Image Clip และ Screen Write แต่ที่สำคัญไปกว่านั้นก็คือปากกา S Pen ของ Galaxy Note 4 สามารถแยกแยะแรงกดได้มากถึง 2,048 ระดับ (Galaxy Note 3 แยกแยะได้ 1,024 ระดับ) ซึ่งทำให้การขีดเขียนต่างๆ มีประสิทธิภาพที่ดีกว่าเป็นเท่าตัว

ปากกา S Pen Stylus ของ Galaxy Note 4 และ Galaxy Note 3 แทบไม่แตกต่างกัน ทั้งขนาด และการออกแบบดีไซน์ แต่หากสังเกตกันให้ดี ที่ด้ามจับปากกาของทั้ง 2 รุ่น จะมีลวดลายที่แตกต่างกันเล็กน้อย
เปิดเครื่องใช้งาน พร้อมการทดสอบฟีเจอร์ และแอปพลิเคชันต่างๆ ในเบื้องต้น

Samsung Galaxy Note 4 ที่วางจำหน่ายในประเทศไทย จะเป็นโมเดล SM-N910C ซึ่งมาพร้อมกับชิปเซ็ต Exynos 5 Octa 5433 (โมเดล SM-N910S ใช้ชิปเซ็ต Snapdragon 805) ส่วนระบบปฏิบัติการจะเป็นแอนดรอยด์เวอร์ชันใหม่ล่าสุด นั่นก็คือ Android 4.4.4 KitKat

พื้นที่เก็บบันทึกข้อมูลภายในจะมีมาให้ทั้งหมด 32 GB และสามารถใส่เพิ่มได้อีกถึง 128 GB ด้วยการ์ดหน่วยความจำแบบ microSD

หน่วยความจำ RAM มีขนาด 3 GB เช่นเดียวกับ Galaxy Note 3 ซึ่งถือว่าเหลือเฟือสำหรับการใช้งานทุกรูปแบบ

คุณสมบัติโดยรวมของ Samsung Galaxy Note 4

ข้อมูลโดยละเอียดของพื้นที่เก็บบันทึกข้อมูลภายใน (32 GB) และหน่วยความจำ RAM (3 GB)

ประมวลผลการทำงานด้วยชิปเซ็ต Exynos 5 Octa 5433 (โมเดล N910C) ซึ่งภายในประกอบไปด้วยซีพียูแบบ Quad-Core Cortex-A57 Processor ความเร็วในการประมวลผล 1.9 GHz และ Quad-Core Cortex-A53 ความเร็วในการประมวลผล 1.3 GHz ซึ่งชิปเซ็ตนี้ สามารถรองรับกับเทคโนโลยีการประมวลผลแบบ 64-bit ได้

หน่วยประมวลผลภาพกราฟฟิคโดยเฉพาะ (GPU : Graphics Processing Unit) แบบ Mali-T760 (โมเดล N910C)

กล้องดิจิตอลด้านหลังความละเอียด 16 ล้านพิกเซล พร้อมรองรับการถ่ายวีดีโอความละเอียดสูงระดับ 4K UHD และมีกล้องดิจิตอลด้านหน้าความละเอียด 3.7 ล้านพิกเซล พร้อมรูรับแสงที่กว้างถึง F/1.9

ขับเคลื่อนการทำงานด้วยระบบปฏิบัติการ Android 4.4.4 KitKat

รองรับการเชื่อมต่อครบครันทุกรูปแบบในเครื่องเดียวกัน ทั้ง LTE Cat4, 3G, EDGE, WiFi, NFC, Bluetooth, Infrared และ GPS

มีเซ็นเซอร์ต่างๆ มากมาย เพียงแต่จะไม่เยอะเท่า Samsung Galaxy S5

รองรับการใช้งานฟังก์ชัน Dynamic Lock Screen ซึ่งสามารถแสดงภาพพื้นหลังแบบเคลื่อนไหวได้

มีลูกเล่นหลายอย่างสำหรับภาพพื้นหลังบนหน้าจอ Lock Screen ไม่ใช่ภาพที่แสดงอยู่นิ่งๆ เพียงอย่างเดียวอีกต่อไป

ที่หน้า Home Screen มีวิดเจ็ตที่ออกแบบมาเพื่อการใช้งานร่วมกับปากกา S Pen โดยเฉพาะ

หน้ารวมแอปพลิเคชันในดีไซน์ที่คุ้นเคยกันดีบนสมาร์ทโฟน ซัมซุง รุ่นใหม่ๆ

แอปพลิเคชัน และบริการต่างๆ มากมายจาก Google ที่ติดตั้งมาให้ใช้งานได้ทันที

รวมถึงมีแอปพลิเคชันยอดนิยมจาก ซัมซุง ที่ติดตั้งเอาไว้ให้อีกจำนวนหนึ่ง

อีกฟีเจอร์ใหม่ที่น่าสนใจก็เห็นจะเป็นการทำงานแบบ Multitasking ที่สะดวกรวดเร็วมากขึ้น เริ่มตั้งแต่ฟังก์ชัน Pop-Up Window ที่ช่วยให้เราสามารถย่อหน้าต่างของแอปพลิเคชัน ให้กลายมาเป็นหน้าต่างขนาดเล็กได้ เพียงแค่เราลากจากมุมขวาบนของหน้าจอลงมาเท่านั้น และยังสามารถใช้งานส่วนอื่นๆ ที่อยู่บนพื้นหลังได้ตามปกติอีกด้วย

สามารถใช้งานฟังก์ชัน Split-Window เพื่อแบ่งหน้าจอออกเป็นสองส่วนได้ (Multi-Window)

สามารถย่อแอปพลิเคชันที่กำลังใช้งานอยู่ ให้กลายเป็นไอคอนเล็กๆ แบบนี้ได้ ซึ่งสามารถลากย้ายตำแหน่งได้อย่างอิสระ และพร้อมเปิดใช้งานต่อได้ทันที

ทางเลือกต่างๆ ของฟังก์ชัน Pop-Up Window

หน้า Recent App แบบใหม่ ที่ดูสวยงามมากขึ้น

อีกหนึ่งฟังก์ชันใหม่ที่น่าสนใจก็คือ Pen Mouse ที่ทำงานได้คล้ายกับเมาส์บนเครื่องคอมพิวเตอร์เลยทีเดียว เช่นในแกลอรี่ หากเราต้องการเลือกรูปหลายๆ รูปพร้อมกัน ก็สามารถลากกรอบเพื่อเลือกรูปที่ต้องการได้ทันที

เมื่อลากกรอบแล้ว ก็สามารถจัดการกับไฟล์รูปภาพ หรือไฟล์อื่นๆ ได้หลายรายการภายในครั้งเดียว นับว่าสะดวกไม่น้อย

ฟังก์ชันใหม่อย่าง Smart Select จะช่วยให้เราสามารถเลือกเนื้อหาต่างๆ มาเก็บรวมเอาไว้ภายในทีเดียวกันได้ ทั้งข้อความ, หน้าจอ และแอปพลิเคชัน รวมทั้งสามารถนำไปใช้งานต่อในแอปพลิเคชันอื่นๆ ต่อได้ด้วย

เนื้อหาต่างๆ จากฟังก์ชัน Smart Select จะถูกรวบรวมเอาไว้ในกรอบเล็กๆ นี้

กล้องดิจิตอลมีความละเอียดมากขึ้นเป็น 16 ล้านพิกเซล พร้อมระบบป้องกันการสั่นแบบ Smart OIS รวมถึงรองรับการใช้งานโหมด HDR ที่แสดงผลลัพธ์ได้แบบ Real-Time

มีโหมดสำหรับการถ่ายภาพให้เลือกมากมายไม่แพ้ Samsung Galaxy S5 ทั้ง Auto, Beauty Face, Shot & More, Rear-Cam Selfie และ Selective Focus

มีโหมด Panorama, Virtual Tour และสามารถดาวน์โหลดโหมดอื่นๆ เพิ่มเติมได้อีก

อีกฟีเจอร์ใหม่ที่น่าสนใจก็คือ Photo Note ซึ่งจะช่วยให้เราสามารถถ่ายภาพ แล้วนำข้อความต่างๆ บนภาพมาแก้ไขต่อได้ วิธีการใช้งานก็ง่ายๆ เพียงแค่เรากดถ่ายภาพข้อความที่ปรากฏอยู่บนกระดาน, บนจอทีวี หรือบนฝาผนังใดๆ ก็ได้

หลังจากนั้นก็ให้กดคำสั่ง Convert to Edit ซึ่งจะช่วยแปลงให้ข้อมูลภาพแบบ Analog กลายเป็นข้อมูลแบบ Digital

ใช้เวลาในการแปลงภาพเพียงครู่เดียว

เพียงเท่านี้ข้อความบนรูปภาพที่แต่เดิมไม่สามารถแก้ไขได้ ก็กลายมาเป็นข้อความที่สามารถแก้ไขได้อย่างอิสระแล้ว

การถ่ายภาพ Selfie ด้วยกล้องหน้า จะแบ่งออกเป็นสองโหมดหลักๆ ได้แก่ Selfie และ Wide Selfie ซึ่งโหมด Selfie แบบปกตินั้นจะมีมุมมองที่กว้าง 90 องศา

แต่ความพิเศษจริงๆ น่าจะอยู่ที่โหมด Wide Selfie ซึ่งสามารถถ่ายภาพ Selfie ด้วยกล้องหน้าได้กว้างถึง 120 องศา

ที่เห็นอยู่นี้ก็คือตัวอย่างของภาพถ่ายในแนวกว้างจากกล้องหน้า ที่ถ่ายด้วยโหมด Wide Selfie ซึ่งเพียงเท่านี้เราก็สามารถถ่าย Selfie กับเพื่อนกลุ่มใหญ่ได้แล้ว

Samsung Galaxy Note 4 ได้ใส่เซ็นเซอร์สแกนลายนิ้วมือ (Finger Scanner) มาให้ด้วย ซึ่งการทำงานก็จะมีลักษณะเดียวกันกับ Samsung Galaxy S5 นั่นเอง

นอกจากเซ็นเซอร์สแกนลายนิ้วมือแล้ว ก็ยังมีเซ็นเซอร์ตรวจวัดอัตราการเต้นของหัวใจ (Heart Rate Sensor) ซึ่งก็ถูกสืบทอดมาจาก Samsung Galaxy S5 เช่นเดียวกัน

แต่เซ็นเซอร์นี้ ไม่ใช่เพียงแค่สามารถตรวจวัดอัตราการเต้นของหัวใจได้แต่เพียงอย่างเดียวเท่านั้น เพราะสามารถใช้แทนปุ่มชัตเตอร์กล้องได้อีกด้วย

โหมดประหยัดพลังงานแบบ Ultra Power Saving Mode ก็มีอยู่บน Samsung Galaxy Note 4 รุ่นนี้เช่นเดียวกัน
สรุปผลการทดสอบในเบื้องต้นของ Samsung Galaxy Note 4

หลังจากที่มีโอกาสได้สัมผัส และทดลองใช้งาน Samsung Galaxy Note 4 ตัวจริงเสียงจริงเป็นครั้งแรก ในช่วงระยะเวลาสั้นๆ สิ่งแรกที่เห็นได้อย่างชัดเจนก็คือ การออกแบบดีไซน์ที่ดีขึ้น ดีเป็นผลิตภัณฑ์ระดับพรีเมียมมากกว่า Samsung Galaxy Note 3 ซึ่งทำให้เห็นว่าระยะหลังๆ ตั้งแต่ Samsung Galaxy Alpha เป็นต้นมา ดูเหมือนว่าทาง ซัมซุง จะให้ความสำคัญกับการออกแบบดีไซน์ และวัสดุที่ใช้มากขึ้น เพื่อยกระดับผลิตภัณฑ์ของตนเองให้มีความพรีเมียมมากกว่าที่เคยเป็นมา โดยจุดหลักๆ ที่ทำให้ Samsung Galaxy Note 4 ดูพรีเมียมมากขึ้น ก็คงจะเป็นกรอบโลหะ Metal Frame และหน้าจอขอบโค้งแบบ 2.5D Glass นั่นเอง แต่อย่างไรก็ดีฝาหลังของ Samsung Galaxy Note 4 แบบ Soft-Textured กลับให้ความรู้สึกที่แข็งกระด้าง ไม่นุ่มมือเหมือนกับฝาหลังของ Samsung Galaxy Note 3 ซึ่งแท้จริงแล้วเรื่องนี้จะเป็นความตั้งใจของทาง ซัมซุง เองหรือไม่ ก็ยังไม่แน่ชัด
ส่วนฟีเจอร์เด่นต่างๆ ของ Samsung Galaxy Note 4 ก็ถูกพัฒนาขึ้นมาไม่น้อยเลยทีเดียว เริ่มตั้งแต่การใช้งานปากกา S Pen ที่ทาง ซัมซุง ได้ให้ข้อมูลว่ามีประสิทธิภาพทางฮาร์ดแวร์ที่ดีขึ้นกว่าเดิมเป็นเท่าตัว (แยกแยกน้ำหนักการกดปากกาได้ 2,048 ระดับ) ไม่ว่าจะเป็นการตอบสนองต่างๆ หรือการวิเคราะห์น้ำหนักการกดปากกา ดังนั้นการวาดเขียนต่างๆ ก็จะมีความแม่นยำสวยงามมากขึ้น รวมทั้งยังมีวงแหวน Air Command ที่ถูกปรับปรุงให้เหลือเพียง 4 เมนูย่อย (Action Memo, Smart Select, Image Clip และ Screen Write) จากเดิมที่มี 5 เมนูย่อย (Action Memo, Scrapbook, Screen Write, S Finder และ Pen Window) ซึ่งดูเป็นมิตรกับผู้ใช้งานมากขึ้น โดยเฉพาะฟังก์ชัน Smart Select นั้น เท่าที่ทดสอบก็นับว่าใช้ง่าย และมีประโยชน์ไม่น้อยเลยทีเดียว เพราะสามารถเลือกส่วนของเนื้อหา จากหน้าจอ หรือแอปพลิเคชันใดก็ได้ แล้วนำมารวบรวมไว้ในที่เดียวกันได้อย่างง่ายดาย หรือจะเอาเนื้อหาเหล่านั้นไปใช้งานต่อในแอปพลิเคชันอื่นก็สามารถทำได้เช่นเกัน
นอกจากจะมีการพัฒนาในเรื่องของการใช้งานปากกา S Pen ให้มีประสิทธิภาพที่ดียิ่งขึ้นแล้ว คุณสมบัติต่างๆ ใน Samsung Galaxy Note 4 ก็ถือว่าถูกอัพเกรดมาให้หลายส่วน ที่เห็นได้ชัดก็มีตั้งแต่เรื่องของการแสดงผลที่ละเอียดคมชัดมากกว่าเดิม เป็นความละเอียดระดับ Quad HD, ชิปเซ็ต Exynos 5 Octa 5433 ที่เร็วแรงมากขึ้น พร้อมเทคโนโลยีการประมวลผลแบบ 64-bit, ระบบปฏิบัติการ Android 4.4.4 KitKat ซึ่งเป็นเวอร์ชันใหม่ล่าสุด, กล้องดิจิตอลด้านหลังที่มีความละเอียดมากขึ้นเป็น 16 ล้านพิกเซล, กล้องดิจิตอลด้านหน้าที่มีความละเอียดมากขึ้นเป็น 3.7 ล้านพิกเซล พร้อมฟังก์ชัน Wide Selfie ที่ถ่ายภาพ Selfie ได้กว้างถึง 120 องศา, เซ็นเซอร์สแกนลายนิ้วมือ (Finger Scanner Sensor), เซ็นเซอร์ตรวจวัดอัตราการเต้นของหัวใจ (Heart Rate Sensor) และอื่นๆ อีกมากมาย เรียกได้ว่าจัดเต็มทุกองค์ประกอบ
สำหรับคำถามที่ว่า Samsung Galaxy Note 4 จะมีราคาจำหน่ายอยู่ที่เท่าไหร่ และจะวางจำหน่ายวันไหน ณ ตอนนี้ (17 กันยายน 2557) ทาง ซัมซุง (ประเทศไทย) เองก็ยังไม่ได้ออกมาประกาศอย่างเป็นทางการ อย่างไรก็ดี คาดว่าราคาจำหน่ายน่าจะใกล้เคียงกับราคาเปิดตัวของ Samsung Galaxy Note 3 รุ่นพี่ และจะวางจำหน่ายภายในเดือนตุลาคมนี้ แต่ที่แน่ๆ ภายในงาน Thailand Mobile Expo 2014 ในวันที่ 2-5 ตุลาคม 2557 จะมี Samsung Galaxy Note 4 ตัวเป็นๆ ให้ลองเล่นลองสัมผัสกันอย่างแน่นอน และหากโชคดี อาจมีลุ้นเปิดให้จับจองกันภายในงานเลยก็เป็นได้ ซึ่งอย่างไรก็คงต้องรอติตดามข่าวคราวกันอีกครั้งหนึ่ง สุดท้ายก็ต้องขอบคุณทุกท่านที่ติตดามชม พบกันอีกครั้งได้ในบทความรีวิว Samsung Galaxy Note 4 แบบเต็มๆ สำหรับวันนี้ต้องลาไปก่อน สวัสดีครับ
อัพเดทข่าวการเปิดตัว และวางจำหน่าย Samsung Galaxy Note 4 ในประเทศไทย (อัพเดทล่าสุด ณ วันที่ 15 ตุลาคม 2557)
หลังจากที่ทาง ซัมซุง ได้เปิดโอกาสให้ผู้ที่สนใจ Samsung Galaxy Note 4 ได้จับจองกันบ้างแล้วในงาน Thailand Mobile Expo 2014 เมื่อต้นเดือนที่ผ่านมา ในราคา 24,900 บาท (ราคาพิเศษเฉพาะในงาน) แต่ก็มีเพียงวันละ 100 ท่านเท่านั้นที่โชคดีได้รับเครื่องกลับบ้านไปใช้งานทันที เนื่องจากเครื่องยังคงมีจำนวนจำกัด ส่วนใหญ่จึงต้องสั่งจองล่วงหน้า (ในราคา 24,900 บาท เช่นเดียวกัน) และนัดรับเครื่องอีกครั้ง ซึ่ง ณ วันนี้ (15 ตุลาคม 2557) ทุกท่านที่สั่งจองไว้ก็น่าจะได้รับเครื่องไปใช้งานกันเรียบร้อยแล้ว แต่สำหรับท่านใดที่ไม่ได้สั่งจองล่วงหน้าเอาไว้ ก็รอกันอีกไม่นาน เพราะวันเสาร์ที่ 18 ตุลาคม 2557 นี้ Samsung Galaxy Note 4 ก็พร้อมวางจำหน่ายอย่างเป็นทางการแล้วที่ซัมซุงแบรนด์ช็อป (Samsung Brand Shop) กว่า 141 สาขาทั่วประเทศ (ท่านสามารถค้นหาสาขาใกล้บ้านของท่านได้ที่ http://www.samsung.com/th/storelocator/) ในราคาปกติคือ 25,900 บาท โดยมีให้เลือก 2 สีคือ สีขาว และ สีดำ ส่วนร้านอื่นๆ จะเริ่มวางจำหน่ายหลังจากวันดังกล่าวไม่เกิน 1 สัปดาห์
จุดเด่นของ Samsung Galaxy Note 4
- ตัวเครื่องมีการออกแบบดีไซน์ที่สวยหรู ดูพรีเมียมมากขึ้น ด้วยกรอบตัวเครื่องโลหะแบบ Metal Frame และขอบหน้าจอโค้งมนแบบ 2.5D Glass
- จอแสดงผลแบบ Super AMOLED Capacitive Touchscreen 16,700,000 สี ความละเอียด 2560x1440 Pixels (2K QHD : กว้าง 5.7 นิ้ว : 515 ppi)
- หน่วยประมวลผลภาพกราฟฟิคโดยเฉพาะ (GPU : Graphics Processing Unit) แบบ Mali-T760
- กระจกหน้าจอแบบ 2.5D มีความโค้งมนเล็กน้อยที่บริเวณขอบของหน้าจอ
- กระจกหน้าจอแบบ Corning Gorilla Glass 3 ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการป้องกันแรงกระแทก หรือรอยขีดข่วน
- ฟังก์ชัน Dynamic Lock Screen
- รองรับการใช้งานร่วมกับปากกา S Pen Stylus พร้อมประสิทธิภาพของการเขียนที่ดีขึ้น โดยสามารถแยกแยกแรงกดได้มากถึง 2,048 ระดับ (Galaxy Note 3 แยกแยะได้ 1,024 ระดับ) และมีวงแหวน Air Command ที่ปรับปรุงใหม่ให้ใช้งานได้ง่ายมากขึ้น
- ปากกา S Pen รองรับการใช้งานกับฟังก์ชันใหม่ เช่น Photo Note, Pen Mouse และ Smart Select
- เซ็นเซอร์ตรวจจับการเปิด-ปิดของฝาเคส (Hall Sensor)
- เซ็นเซอร์สแกนลายนิ้วมือ (Finger Scanner)
- ประมวลผลการทำงานด้วยชิปเซ็ต Exynos 5 Octa 5433 (ซีพียูแบบ Quad-Core Cortex-A57 Processor ความเร็วในการประมวลผล 1.9 GHz และ Quad-Core Cortex-A53 ความเร็วในการประมวลผล 1.3 GHz)
- ขับเคลื่อนการทำงานด้วยระบบปฏิบัติการ Android OS เวอร์ชัน 4.4.4 (KitKat)
- ระบบการทำงานแบบ Multitasking ที่ปรับปรุงใหม่ (Recent App, Split-Window และ Pop-Up Window)
- หน่วยความจำภายในสำหรับเก็บบันทึกข้อมูลขนาด 32 GB
- รองรับการ์ดหน่วยความจำเสริมภายนอกแบบ microSD Card (TransFlash) ได้สูงสุดขนาด 128 GB
- หน่วยความจำ RAM ขนาด 3 GB
- กล้องดิจิตอลตัวหลักที่ด้านหลังของตัวเครื่อง ความละเอียดระดับ 16 ล้าน Pixels พร้อมไฟแฟลชแบบ LED และระบบป้องกันการสั่นแบบ Smart OIS
- สามารถใช้เซ็นเซอร์ตรวจวัดอัตราการเต้นของหัวใจ (Heart Rate Sensor) เป็นปุ่มชัตเตอร์ได้
- รองรับการถ่ายภาพวีดีโอได้ที่ความละเอียดสูงสุดระดับ 4K UHD (2160p : 3840x2160 Pixels : 30 fps)
- กล้องดิจิตอลขนาดเล็กที่ด้านหน้าของตัวเครื่อง ความละเอียดระดับ 3.7 ล้าน Pixels พร้อมรูรับแสงที่กว้างถึง F/1.9 และรองรับการถ่ายภาพในโหมด Selfie และ Wide Selfie ซึ่งถ่ายภาพได้กว้างสูงสุดถึง 90 องศา และ 120 องศา
- รองรับการเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตผ่านทางระบบ LTE Cat4, 3G, EDGE และ GPRS พร้อมเทคโนโลยี MIMO และฟังก์ชัน Download Booster รองรับการเพิ่มความเร็วของการเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ต ด้วยการเปิดใช้การเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตผ่านทางสัญญาณ WiFi และ LTE ไปพร้อมๆ กัน
- รองรับการใช้งานเครือข่าย 3G ทุกคลื่นความถี่ภายในเครื่องเดียวกัน
- รองรับการเชื่อมต่อข้อมูลแบบไร้สายผ่านทาง NFC, Bluetooth, ANT+ และ Infrared Port
- รองรับการเชื่อมต่อกับจอแสดงผลภายนอกผ่านทางสาย MHL (MHL 3.0)
- ระบบ GPS ในตัว (Global Positioning System : ระบบดาวเทียมนำร่อง) พร้อมฟังก์ชัน A-GPS
- รองรับการใช้งานกับระบบดาวเทียมของรัสเซีย (Glonass) และจีน (Beidou)
- ไมโครโฟน 3 ตัวภายในเครื่องเดียวกัน ช่วยให้การบันทึกเสียงมีมิติสมจริง และมีรายละเอียดที่ดีกว่า
- แบตเตอรี่ Li-Ion 3220 mAh พร้อมเทคโนโลยี Fast Charging ที่ช่วยเพิ่มความเร็วในการชาร์จแบตเตอรี่ (Adaptive Fast Charging และ QC2.0) (ชาร์จแบตเตอรี่จาก 0% ถึง 50% ได้ภายใน 30 นาที) และโหมด Ultra Power Saving
- รองรับเทคโนโลยีการชาร์จแบตเตอรี่แบบไร้สาย (Qi Wireless Charging) (ต้องใช้ร่วมกับอุปกรณ์เสริม)
- เซ็นเซอร์ตรวจวัดอัตราการเต้นของหัวใจ (Heart Rate Sensor)
- เซ็นเซอร์ตรวจวัดรังสีอัลตราไวโอเลต (UV Sensor)
- เซ็นเซอร์ตรวจวัดความอิ่มตัวของออกซิเจนในเลือด (SpO2 Sensor)
- เซ็นเซอร์ตรวจวัดความกดอากาศ (Barometer Sensor)
จุดที่อาจจะต้องพิจารณาเพิ่มเติมของ Samsung Galaxy Note 4
- การออกแบบดีไซน์ที่ด้านหน้าของตัวเครื่องแทบไม่แตกต่างจาก Samsung Galaxy Note 3
- พื้นผิวของฝาหลังแบบ Soft-Textured ให้สัมผัสที่แข็งกระด้างกว่า Samsung Galaxy Note 3
- ตัวเครื่องหนา และหนักกว่า Samsung Galaxy Note 3 เล็กน้อย
- มีจำหน่ายเฉพาะโมเดล N910C ซึ่งใช้ชิปเซ็ต Exynos 5 Octa 5433 ส่วนโมเดล N910S ซึ่งใช้ชิปเซ็ต Snapdragon 805 จะนำเข้ามาจำหน่ายด้วยหรือไม่ ยังไม่ได้รับการยืนยัน ณ ขณะนี้
- ช่องเชื่อมต่อเปลี่ยนกลับมาใช้แบบ microUSB 2.0 (Galaxy Note 3 ใช้ช่องเชื่อมต่อแบบ USB 3.0)

สรุปข้อมูลที่ควรทราบเกี่ยวกับ Samsung Galaxy Note 4
- เปิดตัวอย่างเป็นทางการครั้งแรกในงาน IFA2014 พร้อมกับ Samsung Galaxy Note Edge
- ยังไม่ประกาศราคาจำหน่ายอย่างเป็นทางการในประเทศไทย แต่คาดว่าใกล้เคียงกับ Samsung Galaxy Note 3
- จะวางจำหน่ายอย่างเป็นทางการในประเทศไทย ภายในเดือนตุลาคม 2557
- มีเครื่องจริงให้ลองสัมผัสกันครั้งแรกในงาน Thailand Mobile Expo 2014 ระหว่างวันที่ 2-5 ตุลาคม 2557
- อาจมีการเปิดจอง หรือมีเครื่องขายทันภายในงาน Thailand Mobile Expo 2014 (ยังไม่ยืนยัน 100% ณ ขณะนี้)
- มีจำหน่ายเพียง 3 สี คือ สีดำ, สีขาว และ สีทอง (ไม่มีสีชมพู)
โปรดทราบ
* โทรศัพท์มือถือที่ท่านเห็นในบทความรีวิวนี้เป็นเพียงเครื่องทดสอบจากทางศูนย์ เพราะฉะนั้นคุณสมบัติบางอย่างอาจมีความแตกต่างจากเครื่องที่วางจำหน่ายจริงบ้างไม่มากก็น้อย รวมถึงจุดด้อยบางประการที่พบในเครื่องทดสอบ อาจจะถูกแก้ไขปรับปรุงให้ดีขึ้นในเครื่องที่วางจำหน่ายจริง ดังนั้นหากท่านสนใจซื้อโทรศัพท์มือถือรุ่นนี้ ควรตรวจสอบหรือทดลองใช้งานสินค้าด้วยตนเองอีกครั้งหนึ่ง *
สรุปคุณสมบัติเครื่อง
ท่านสามารถตรวจสอบคุณสมบัติแบบสรุป (Specification) ของ Samsung Galaxy Note 4 ได้โดยการคลิ๊กที่ Link ด้านล่างนี้
Samsung Galaxy Note 4 Specification title="Sony Xperia ZL Specification">

:: ไปหน้าแรกเว็บไซต์ Thaimobilecenter
| ไปหน้าแรก
Mobile Focus ::
|