รีวิว (Review) Samsung Galaxy Note 3 LTE
ที่สุดของ สมาร์ทโฟน เพื่อการขีดเขียน พร้อมหน่วยประมวลผลประสิทธิภาพสูง, การถ่ายวีดีโอระดับ 4K และรองรับเครือข่ายความเร็วสูงแบบ 4G LTE
Review
Date (11-มีนาคม-2557)

สิ้นสุดการรอคอยสำหรับผู้ใช้งานสมาร์ทโฟนในเมืองไทยเสียที เมื่อทาง Samsung ได้นำ Samsung Galaxy Note 3 รุ่นย่อยอีกรุ่นที่หลายคนเรียกร้องอย่าง Samsung Galaxy Note 3 LTE (N9005) มาจัดจำหน่ายในประเทศอย่างเป็นทางการเรียบร้อยแล้วในราคา 24,900 บาท ซึ่งเป็นราคาที่สูงกว่า Samsung Galaxy Note 3 (N9000) อยู่ 1,400 บาท และถึงแม้ว่า Samsung Galaxy Note 3 LTE จะมีความคล้ายคลึงกับ Samsung Galaxy Note 3 ในหลายๆ ด้าน ตั้งแต่ตัวเครื่อง ไปจนถึงคุณสมบัติ หรือฟีเจอร์การใช้งานโดยรวม แต่ Samsung Galaxy Note 3 LTE ก็มีจุดขายที่แตกต่างจาก Samsung Galaxy Note 3 อยู่หลายจุด ไม่ว่าจะเป็น เรื่องของการรองรับการใช้งานอินเทอร์เน็ตผ่านระบบ 4G LTE, การใช้งานชิปเซ็ตตัวแรงอย่าง Snapdragon 800, รองรับการถ่ายวีดีโอความละเอียดสูงระดับ 4K (2160p) และรองรับการถ่ายวีดีโอแบบ Slow Motion ที่ความละเอียดระดับ Full HD (1080p) โดยในวันนี้ทางทีมงานไทยโมบายเซ็นเตอร์ ก็จะพาท่านผู้อ่านไปติดตามกันต่อว่า Samsung Galaxy Note 3 LTE รุ่นนี้จะมีความโดดเด่นที่คุ้มค่ากับการเพิ่มงบประมาณจากรุ่นเดิมหรือไม่ และการใช้งานจริงจะแตกต่างกันมากน้อยเพียงใด
รูปลักษณ์ภายนอกตัวเครื่อง และการออกแบบดีไซน์ของ Samsung Galaxy Note 3 LTE (N9005)

Samsung Galaxy Note 3 LTE จะมาในโทนสีดำทั้งด้านหน้า และด้านหลังของตัวเครื่อง และตัดขอบด้วยสีบรอนซ์เงิน ซึ่งวัสดุที่จะใช้คือ โพลีคาร์บอเนต และ Samsung Galaxy Note 3 LTE จะมาพร้อมกับจอแสดงผลแบบ Super AMOLED Capacitive Touchscreen 16,700,000 สี ความละเอียด 1920x1080 พิกเซล (Full HD 1080p) ขนาด 5.7 นิ้ว และมีขนาดตัวเครื่องอยู่ที่ 151.2x79.2x8.3 มิลลิเมตร กับน้ำหนัก 168 กรัม

ด้านหน้าส่วนบน : จะมาพร้อมกับลำโพงสำหรับฟังในการสนทนา,ฟังก์ชัน Smart Stay รองรับการตรวจจับสายตาของผู้ใช้ เพื่อการเปิดหน้าจอค้างไว้โดยอัตโนมัติ, ฟังก์ชัน Smart Rotate รองรับการตรวจจับสายตาของผู้ใช้ เพื่อวิเคราะห์ทิศทางการหมุนของหน้าจอโดยอัตโนมัติ, ระบบ Accelerometer Sensor ช่วยหมุนหรือปรับเปลี่ยนทิศทางการแสดงผลของหน้าจอให้แบบอัตโนมัติ ตามลักษณะการจับถือของผู้ใช้, ระบบ Proximity Sensor สำหรับการปิดหน้าจอแบบอัตโนมัติขณะสนทนา เพื่อประหยัดพลังงาน และกล้องดิจิตอลขนาดเล็กที่ด้านหน้าของตัวเครื่อง ความละเอียด 2 ล้านพิกเซล

ด้านหน้าส่วนล่างของตัวเครื่อง : จะมีปุ่มโฮม และปุ่มการสั่งงานแบบสัมผัส คือ ปุ่มเมนู กับปุ่มย้อนกลับ

ด้านบนของตัวเครื่อง : จะมีปุ่มช่องสำหรับเชื่อมต่อกับหูฟังแบบมาตรฐานขนาด 3.5 มิลลิเมตร, ไมโครโฟนตัวที่ 2 สำหรับการบันทึกเสียง หรือตัดเสียงรบกวน และ Infrared Port

ด้านล่างของตัวเครื่อง : จะมาพร้อมกับไมโครโฟนสำหรับการสนทนา, พอร์ต USB เวอร์ชัน 3.0 และลำโพงเสียง

และช่องเก็บปากกา S Pen Stylus

ด้านข้างทางขวาของตัวเครื่อง : จะมีปุ่ม เปิด-ปิด เครื่อง หรือล็อคหน้าจอ

ด้านซ้ายของตัวเครื่อง : จะมีปุ่ม เพิ่ม-ลด ระดับของเสียง

สำหรับด้านหลังของตัวเครื่องก็มาในโทนสีดำ ดังที่กล่าวไว้ในข้างต้น

โดยฝาหลังของตัวเครื่องจะมีความยืดหยุ่นเป็นพิเศษ และมีพื้นผิวที่ให้สัมผัสคล้ายกับหนังเทียม ให้ความรู้สึกที่นุ่มมือ และช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการยึดเกาะ

และเมื่อเปิดฝาหลังออกมาก็จะพบกับ ช่องสำหรับใส่ซิมการ์ด, ช่องสำหรับเพิ่มหน่วยความจำภายนอกแบบ microSD และช่องสำหรับใส่แบตเตอรี่

โดยซิมการ์ดที่ใช้จะเป็นแบบ microSIM

และแบตเตอรี่ของ Samsung Galaxy Note 3 LTE จะมีความจุอยู่ที่ 3200 mAh ซึ่งถือว่าเป็นความจุที่มากเพียงพอสำหรับการใช้งานต่อเนื่องตลอดวัน
เปรียบเทียบรูปลักษณ์ภายนอกของ Samsung Galaxy Note 3 LTE กับ Samsung Galaxy Note 3

ทางด้านการออกแบบคงจะไม่ลงรายละเอียดมากนัก เนื่องจาก Samsung Galaxy Note 3 LTE และ Samsung Galaxy Note 3 มีการออกแบบดีไซน์ ที่เหมือนกันแทบทุกกระเบียดนิ้ว

โดยจุดสังเกตง่ายๆ ที่เป็นข้อแตกต่างระหว่าง Samsung Galaxy Note 3 LTE กับ Samsung Galaxy Note 3 คือ Samsung Galaxy Note 3 LTE จะมีรหัสรุ่น N9005 ส่วน Samsung Galaxy Note 3 จะใช้รหัสรุ่น N9000


รหัสดังกล่าวจะดูได้จากด้านหลังของตัวเครื่อง โดยการเปิดฝาหลังของตัวเครื่องออกมา โดยรหัสจะถูกสลักอยู่ใกล้ๆ กับช่องใส่ซิมการ์ด

หรือจะดูรหัสรุ่นได้ในส่วนของการตั้งค่า และเลือกเข้าไปที่ About Device โดยทั้งคู่ได้รับการอัพเดทระบบปฏิบัติการให้เป็น Android 4.4.2 (KitKat) เรียบร้อยแล้ว
เปรียบเทียบคุณสมบัติเด่นของ Samsung Galaxy Note 3 LTE กับ Samsung Galaxy Note 3

เปรียบเทียบ Samsung Galaxy Note 3 รุ่น 4G LTE และ 3G
แตกต่างกันอย่างไร และควรเลือกซื้อรุ่นไหนดี?
เปรียบเทียบประสิทธิภาพในการประมวลผลของ Samsung Galaxy Note 3 LTE กับ Samsung Galaxy Note 3

ตัวอย่างภาพการเล่นเกมจาก Samsung Galaxy Note 3 LTE (N9005)

ตัวอย่างภาพการเล่นเกมจาก Samsung Galaxy Note 3 (N9000)
ทั้ง Samsung Galaxy Note 3 LTE และ Samsung Galaxy Note 3 นั้นสามารถตอบโจทย์ด้านการเล่นเกมได้ดีไม่แพ้กัน ไม่ว่าจะเป็นรายละเอียด, สีสัน และความลื่นไหลของการเล่น
 
ภาพซ้าย คือคะแนนจาก Samsung Galaxy Note 3 LTE ส่วนภาพขวา คือ คะแนนจาก Samsung Galaxy Note 3
และเมื่อนำ Samsung Galaxy Note 3 LTE และ Samsung Galaxy Note 3 มาทดสอบด้วยโปรแกรม Antutu Bechmark พบว่า Samsung Galaxy Note 3 LTE ได้คะแนนอยู่ที่ 33598 คะแนน ส่วน Samsung Galaxy Note 3 ได้คะแนนอยู่ที่ 34422 คะแนน
 
ภาพซ้าย คือคะแนนจาก Samsung Galaxy Note 3 LTE ส่วนภาพขวา คือ คะแนนจาก Samsung Galaxy Note 3
ต่อด้วยการทดสอบผ่านโปรแกรม Quadrant Standard ซึ่ง Samsung Galaxy Note 3 LTE และ Samsung Galaxy Note 3 มาทดสอบด้วยโปรแกรม Antutu Bechmark พบว่า Samsung Galaxy Note 3 LTE ได้คะแนนอยู่ที่ 24340 คะแนน และ Samsung Galaxy Note 3 ได้คะแนนอยู่ที่ 18829 คะแนน
 
ภาพซ้าย คือคะแนนจาก Samsung Galaxy Note 3 LTE ส่วนภาพขวา คือ คะแนนจาก Samsung Galaxy Note 3
และสุดท้าย คือ การทดสอบด้วยโปรแกรม 3DMark พบว่า Samsung Galaxy Note 3 LTE ได้คะแนนอยู่ที่ 19301 คะแนน และ Samsung Galaxy Note 3 ได้คะแนนอยู่ที่ 14710 คะแนน
เปรียบเทียบ Samsung Galaxy Note 3 LTE กับ Samsung Galaxy Note 2

ขอเพิ่มเติมในส่วนของการเปรียบเทียบ Samsung Galaxy Note 3 LTE กับรุ่นพี่อย่าง Samsung Galaxy Note 2 กันสักเล็กน้อย จุดแตกต่างแรกคือ หน้าจอล็อคสกรีนบน Samsung Galaxy Note 3 LTE มีดีไซน์แบบจานสี ส่วน Samsung Galaxy Note 2 มีดีไซน์เป็นแบบหยดน้ำ

ส่วนปากกา S Pen Stylus ก็แม้จะมีความสามารถที่เหมือนกัน แต่ดีไซน์มีความแตกต่างกันเล็กน้อย คือ ปากกา S Pen Stylus ของ Samsung Galaxy Note 3 LTE จะมีขนาดเล็กกว่า และสามารถเก็บจากด้านไหนก็ได้ ซึ่งจะสะดวกกว่า Samsung Galaxy Note 2

ด้านข้างทางซ้าย : จะเห็นว่า Samsung Galaxy Note 3 LTE (N9005) จะบางกว่า Samsung Galaxy Note 2 ถึง 1.1 มิลลิเมตร เพราะ Samsung Galaxy Note 3 LTE (N9005) มีความหนาอยู่ที่เพียง 8.3 มิลลิเมตร ในขณะที่ Samsung Galaxy Note 2 มีความหนาอยู่ที 9.4 มิลลิเมตร ส่วนปุ่ม เพิ่ม-ลด ระดับของเสียง มีการเลื่อนตำแหน่งให้สูงขึ้นเล็กน้อย แต่ยังคงอยู่ทางด้านขวาของตัวเครื่องเช่นเดิม ส่วนขอบด้านข้างที่เป็นโพลีคาร์บอเนต นอกจากจะเคลือบด้วยโครเมียมแล้ว ยังมีการออกแบบให้มีลายเส้นคล้ายกับสันหนังสือนั่นเอง

ด้านขวาของตัวเครื่อง : สำหรับปุ่ม เปิด-ปิด เครื่อง หรือล็อคหน้าจอ ก็มีกานเลื่อนตำแหน่งให้สูงขึ้นเช่นเดียวกัน

ด้านล่างของตัวเครื่อง : ข้อแตกต่างคือ Samsung Galaxy Note 3 LTE (N9005) มาพร้อมกับพอร์ต USB เวอร์ชัน 3.0 พร้อมด้วย ลำโพงเสียง ส่วน Samsung Galaxy Note 2 จะมาพร้อมกับพอร์ต microUSB เวอร์ชัน 2.0 และลำโพงเสียง จะอยู่ที่ด้านหลังของตัวเครื่อง

ด้านบนของตัวเครื่อง : จุดแตกต่าง คือ Samsung Galaxy Note 3 LTE (N9005) จะมีอินฟราเรด สำหรับการใช้งานเป็นรีโมท สำหรับการควบคุมเครื่องใช้ไฟฟ้าต่างๆ แต่ Samsung Galaxy Note 2 ไม่มีอินฟราเรดให้ใช้งาน ส่วนไมโครโฟน มีการเลื่อนตำแหน่งเล็กน้อย

ในส่วนของการสั่งงานด้วยการสัมผัสที่หน้าจอ ทั้ง Samsung Galaxy Note 2 LTE (N9005) และ Samsung Galaxy Note 2 มีความลื่นไหลที่ดีเยี่ยม และตอบสนองต่อการสัมผัสได้รวดเร็วไม่แพ้กัน

และปากกา S Pen Stylus ของ Samsung Galaxy Note 2 LTE (N9005) สามารถสัมผัสเพื่อสั่งงานที่ปุ่มเมนู และปุ่มย้อนกลับ ได้ เช่นเดียวกับ Samsung Galaxy Note 8.0 และ Samsung Galaxy Note 10.1 2014 Edition
เปิดเครื่องใช้งาน พร้อมการทดสอบฟังก์ชัน และแอพพลิเคชั่นต่างๆ

Samsung Galaxy Note 3 LTE มาพร้อมกับ UI (User Interface) ที่เหมือนกันกับ Samsung Galaxy Note 3 ซึ่งมีความสวยงาม และดูคุ้นเคยตามสไตล์ของซัมซุงเอง

โดยสามารถนำ Widget และแอพพลิเคชั่นที่ต้องการมาไว้ที่หน้าจอโฮมสกรีนได้

เมื่อกดปุ่ม เปิด-ปิด เครื่องค้างไว้ประมาณ 2 วินาที จะพบกับฟังก์ชันการใช้งานเพิ่มเติม ได้แก่ ปิดเครื่อง, เปิด-ปิด การใช้งานอินเทอร์เน็ต, เปิด-ปิด โหมดการใช้งานบนเครื่องบิน, รีสตาร์ทเครื่อง, ปิดเสียง, เปิดระบบสั่น และเปิดเสียง

Samsung Galaxy Note 3 LTE มาพร้อมกับระบบปฏิบัติการแอนดรอยด์เวอร์ชัน 4.4.2 (Kitkat)

สำหรับแอพพลิเคชั่น หรือฟังก์ชันเด่นๆ ก็มีมากมาย เริ่มตั้งแต่แอพพลิเคชั่น S Health สำหรับการออกกำลังกาย และการควบคุมอาหาร

แอพพลิเคชั่น S Note สำหรับการจดบันทึก หรือขีดเขียนด้วยปากกา Stylus

แอพพลิเคชั่น My Magazine สำหรับการติดตามข่าวสารรอบโลก รวมถึงการติดตามการอัพเดทล่าสุดบนโซเชียลเน็ตเวิร์ก

ฟังก์ชัน Multi Window ที่รองรับการใช้งาน 2 แอพพลิเคชั่นพร้อมๆ กันใน 2 หน้าต่าง

ฟังก์ชัน Golf Shot ที่สามารถถ่ายภาพวงสวิงของนักกอล์ฟ แล้วนำภาพเคลื่อนไหวมาวิเคราะห์ความสมบูรณ์ของวงสวิงได้

และแน่นอนว่าฟังก์ชันซึ่งเป็นจุดขายสำคัญอย่าง Air Command ก็มีใช้งานบน Samsung Galaxy Note 3 LTE เช่นเดียวกัน

โดยใน Air Command จะมีฟังก์ชันย่อยอยู่ทั้งหมด 5 อย่างด้วยกัน ตั้งแต่ฟังก์ชัน Action Memo ที่สามารถค้นหาสถานที่ หรือโทรศัพท์จากเบอร์โทรที่เขียนลงไปได้ เป็นต้น

ฟังก์ชัน Scrapbook ที่เป็นการรวบรวมข้อมูลสิ่งที่เราสนใจไว้เป็นสมุดภาพ

ฟังก์ชัน Screen Write สำหรับการจับภาพหน้าจอ แล้วขีดเขียนลงไปในรูปภาพนั้นๆ ได้ทันที

ฟังก์ชัน S Finder สำหรับเป็นตัวช่วยในการค้นหาข้อมูลต่างๆ โดยการเขียนคีย์เวิร์ด, วันที่, หรือสถานที่ ที่ต้องการลงไป

ฟังก์ชัน Pen Windows สำหรับการเปิดใช้งานแอพพลิเคชั่นบนหน้าต่างขนาดเล็ก ได้พร้อมๆ กันถึง 8 หน้าต่าง

สำหรับฟังก์ชัน Easy Clip ก็มีให้ใช้งานเช่นกัน ซึ่งรูปที่ตัดแล้วสามารถนำไปบันทึกไว้ใน Clipboard เพื่อใช้ตกแต่งรูปภาพได้

ในส่วนของฟังก์ชัน Easy Chart สามารถใช้เพื่อการสร้างตารางข้อมูล หรือแผนภูมิแบบต่างๆ ได้อย่างง่ายดาย

และยังสามารถใช้งานแอพพลิเคชั่น ChatON ได้พร้อมกัน 2 หน้าต่าง แถมยังสามารถลากรูปภาพ หรือข้อความ จากหน้าต่างหนึ่ง ไปอีกหน้าต่างหนึ่งได้ทันที

สามารถเขียนลายเซ็นด้วยปากกาเพื่อปลดล็อคหน้าจอโฮมสกรีนได้

สามารถแชร์เพลง, รูปภาพ, วีดีโอ, เอกสาร และเล่นเกมส์ต่างๆ ผ่านฟังก์ชัน Group Play ได้ โดยเฉพาะการแชร์วีดีโอนั้น สามารถนำ Samsung Galaxy Note 3 หลายๆ เครื่องมาต่อเรียงกันเพื่อแสดงผลเป็นจอภาพขนาดใหญ่ได้เลยทีเดียว

ปากกา S Pen Stlylus รองรับการเขียนตามน้ำหนักมือ ยิ่งกดแรงปากกาจะมีเส้นหนาขึ้น ถ้ากดปากกาเบาๆ เส้นปากกาจะเล็กลง ให้อารมณ์คล้ายกับการเขียนด้วยปากกาจริงๆ ด้วยอานิสงส์ของเทคโนโลยีจาก Wacom นั่นเอง

มีแอพพลิเคชั่น Sketchbook Pro ติดตั้งมาให้ใช้งานกันแบบฟรีๆ โดยแอพพลิเคชั่นนี้เหมาะกับการใช้วาดรูปเป็นอย่างยิ่ง ด้วยฟังก์ชันที่หลากหลาย และการใช้งานที่ยืดหยุ่น

นอกจากจะดาวน์โหลดแอพพลิเคชั่นได้จาก Google Play แล้ว ยังสามารถดาวน์โหลดจาก Samsung Hub ได้เช่นกัน

Samsung Galaxy Note 3 LTE (N9005) รองรับการสัมผัสได้พร้อมกัน 10 จุด

สามารถตรวจจับสัญญาณดาวเทียม GPS ได้อย่างรวดเร็วทันใจ

Samsung Galaxy Note 3 LTE (N9005) มีแอพพลิเคชั่น Web Browser ให้ใช้งาน และยังสามารถตอบสนองการใช้งานได้เป็นอย่างดี

นอกจากนี้ ทาง Samsung ยังติดตั้งแอพพลิเคชั่นสำหรับสอนการใช้งานมาให้อีกด้วย

และยังสามารถค้นหาเส้นทางที่ต้องการเดินทางได้ผ่านแอพพลิเคชั่น Google Maps

หน้าตาของแอพพลิเคชั่นเครื่องเล่นเพลงบน Samsung Galaxy Note 3 LTE

สามารถเลือกรูปแบบเสียงได้หลากหลาย ไม่ว่าจะเป็น ปกติ, Classic, Pop, Rock และ Jazz

และยังสามารถตั้งค่ารูปแบบของเสียงด้วยอีควอไลเซอร์ได้

Samsung Galaxy Note 3 LTE ยังสามารถเปิดเล่นไฟล์ความละเอีบดระดับ Full HD ได้ลื่นไหลเป็นอย่างดี และยังสามารถแสดงผลได้ละเอียดคมชัดเต็มประสิทธิภาพ เนื่องจาก Samsung Galaxy Note 3 LTE มีจอแสดงผลความละเอียดระดับ Full HD (1920x1080 พิกเซล) ด้วยนั่นเอง

มีฟังก์ชัน Pop Up Play ให้ใช้งานเช่นเดียวกันกับสมาร์ทโฟนของ ซัมซุง หลายๆ รุ่นก่อนหน้านี้

รองรับการใช้งานแอพพลิเคชั่น Evernote แบบ Premium ได้ฟรี 12 เดือน

ด้วยไมโครโฟนที่มีอยู่ทั้งด้านบน และด้านล่าง ทำให้สามารถบันทึกเสียงได้หลายรูปแบบตามสถานการณ์

และแน่นอนว่า Samsung Galaxy Note 3 LTE สามารถนำมาใช้งานร่วมกับนาฬิกาอัจฉริยะที่เปิดตัวมาคู่กันอย่าง Samsung Galaxy Gear ได้ทันที
กล้องดิจิตอล การถ่ายภาพนิ่ง และภาพวีดีโอ

มาต่อกันในส่วนของ User Interface บน Samsung Galaxy Note 3 LTE กันบ้าง ซึ่งสามารถสลับไปใช้งานกล้องดิจิตอลขนาดเล็กที่ด้านหน้าของตัวเครื่องได้ เพียงแค่สัมผัสตรงไอคอนรูปกล้องทางด้านซ้ายมือ

และด้วยฟังก์ชันที่เรียกว่า Dual Camera ก็ช่วยให้สามารถถ่ายภาพจากกล้องดิจิตอลด้านหลัง พร้อมกับกล้องดิจิตอลด้านหน้าได้ทันที

และเมื่อกดไปที่ลูกศรที่ชี้ไปทางขวา ก็จะพบกับฟังก์ชันลัดสำหรับปรับค่าถ่ายภาพได้หลากหลาย ได้แก่ การ เปิด-ปิด ความเสถียรอัจฉริยะม การ เปิด-ปิด ไมโครโฟน

การเลือกใช้งานโหมดบันทึกวีดีโอ ไม่ว่าจะเป็น ปกติ, ข้อจำกัด SMS, เคลื่อนไหวช้า, เคลื่อนไหวเร็ว และเคลื่อนไหวราบรื่น, และสามารถเลือกแชร์ไฟล์ที่ต้องการได้ เช่น แชร์ภาพ หรือแชร์รูปภาพผ่านแอพพลิเคชั่น ChatOn

และเมื่อกดที่ลูกศรชี้ขึ้นข้างบน ก็จะพบกับเอฟเฟคสำหรับการถ่ายภาพมากมาย ได้แก่ การ์ตูน, สีจาง, ฟิชอาย, ระดับสีเทา, มูดดี้

สีน้ำมัน, ขรุขระ, ซีเปีย, สีอ่อน

เทอร์คอยซ์, ขอบภาพเบลอ, วินเทจ และเมื่อเลือกที่ดาวน์โหลด ก็สามารถดาวน์โหลดเอฟเฟคการถ่ายภาพเพิ่มเติมได้อีก ผ่านท่าน Samsung Apps

นอกจากนี้ ยังมีโหมดการถ่ายภาพสำเร็จรูปให้เลือกใช้งานมากมาย ได้แก่ อัตโนมัติ, หน้าสวย, รูปภาพที่ดีที่สุด, เบสท์เฟซ, เสียง และช็อต, ดราม่า, รูปภาพเคลื่อนไหว, กอล์ฟ, HDR, การลบ, พานอราม่า, ช็อตรอบทิศทาง และกีฬา

Samsung Galaxy Note 3 LTE ยังสามารถตั้งค่าการถ่ายภาพเพิ่มเติมได้มากมาย ไม่ว่าจะเป็น ความละเอียดของกล้องถ่ายภาพ ได้แก่ 13 ล้านพิกเซล, 9.6 ล้านพิกเซล, 8 ล้านพิกเซล, 6 ล้านพิกเซล และ 2.4 ล้านพิกเซล

สามารถเลือก เปิด-ปิด การถ่ายภาพต่อเนื่องได้

สามารถ เปิด-ปิด เพื่อการสัมผัสเพื่อถ่ายภาพได้

สามารถ เปิด-ปิด การตรวจจับใบหน้า

สามารถเลือกปรับค่าเครื่องวัดได้ ทั้ง เฉลี่ยหนักกลาง, เมทริกซ์ และเฉพาะจุด

สามารถปรับค่า ISO ได้ ไม่ว่าจะเป็น Auto, 100, 200, 400 และ 800

สามารถปรับความละเอียดวีดีโอได้ถึงระดับ 4K (3840x2160 พิกเซล) ซึ่ง Samsung Galaxy Note 3 รุ่น 3G ไม่สามารถทำได้ ส่วนความละเอียดระดับอื่นๆ ก็มีตั้งแต่ 1920x1080 พิกเซล, 1440x1080 พิกเซล, 1280x720 พิกเซล และ 320x240 พิกเซล

สามารถ เปิด-ปิด ออดิโอซูม ได้

และยังสามารถตั้งค่าเพิ่มเติมได้อีก ไม่ว่าจะเป็น การ เปิด-ปิด แท็กสถานที่

การ เปิด-ปิด ตรวจสอบรูปภาพ

สามารถตั้งค่าทางเลือกการใช้งานปุ่มปรับระดับเสียงได้

สามารถตั้งเวลาการถ่ายภาพได้ ไม่ว่าจะเป็น ปิด, 2 วินาที, 5 วินาที และ 10 วินาที

สามารถปรับค่าสมุลแสงสีขาว (White Balance) ได้มากมาย ได้แก่ Auto, แสงจ้า, มีเมฆมาก, อินแคนเดสเซนท์ และฟลูออเรสเซนท์

สามารถปรับค่าชดเชยแสงได้ ตั้งแต่ -2 ไปจนถึง +2

สามารถ เปิด-ปิด ไกด์ไลน์ได้ (ตาราง 9 ช่อง)

สามารถ เปิด-ปิด ไฟแฟลช LED หรือใช้งานแบบอัตโนมัติได้

สามารถ เปิด-ปิด การควบคุมด้วยเสียงได้

สามารถ เปิด-ปิด ชื่อไฟล์บอกตำแหน่งได้

และยังสามารถเรียกคืนการตั้งค่ากล้องได้
ตัวอย่างเปรียบเทียบภาพถ่ายจากกล้องดิจิตอลความละเอียดระดับ 13 ล้านพิกเซล ของ Samsung Galaxy Note 3 LTE และ Samsung Galaxy Note 3

ตัวอย่างภาพถ่ายจาก Samsung Galaxy Note 3 LTE (N9005)

ตัวอย่างภาพถ่ายจาก Samsung Galaxy Note 3 (N9000)

ตัวอย่างภาพถ่ายจาก Samsung Galaxy Note 3 LTE (N9005)

ตัวอย่างภาพถ่ายจาก Samsung Galaxy Note 3 (N9000)

ตัวอย่างภาพถ่ายจาก Samsung Galaxy Note 3 LTE (N9005)

ตัวอย่างภาพถ่ายจาก Samsung Galaxy Note 3 (N9000)

ตัวอย่างภาพถ่ายจาก Samsung Galaxy Note 3 LTE (N9005)

ตัวอย่างภาพถ่ายจาก Samsung Galaxy Note 3 (N9000)

ตัวอย่างภาพถ่ายจาก Samsung Galaxy Note 3 LTE (N9005)

ตัวอย่างภาพถ่ายจาก Samsung Galaxy Note 3 (N9000)

ตัวอย่างภาพจาก Samsung Galaxy Note 3 LTE (N9005)

ตัวอย่างภาพถ่ายจาก Samsung Galaxy Note 3 (N9000)

ตัวอย่างภาพจาก Samsung Galaxy Note 3 LTE (N9005)

ตัวอย่างภาพถ่ายจาก Samsung Galaxy Note 3 (N9000)

ตัวอย่างภาพจาก Samsung Galaxy Note 3 LTE (N9005)

ตัวอย่างภาพถ่ายจาก Samsung Galaxy Note 3 (N9000)
สรุปผลการทดสอบของ Samsung Galaxy Note 3 LTE (N9005)

บทสรุปของ Samsung Galaxy Note 3 LTE (N9005) รุ่นนี้ สำหรับการใช้งานพื้นฐานทั่วๆ ไป หรือการใช้งานฟีเจอร์เด่นตัวหลักๆ ที่มาพร้อมกับ Samsung Galaxy Note 3 คงต้องยอมรับว่าแทบไม่มีความแตกต่างจาก Samsung Galaxy Note 3 (N9000) เลยก็ว่าได้ ดังนั้นสำหรับบางคนการเพิ่มงบขึ้นมาอีก 1,400 บาท ก็อาจจะดูไม่มีความจำเป็นสักเท่าไหร่ แต่ในขณะเดียวกัน ในด้านของผู้ที่ต้องการใช้งานในระดับที่จริงจังมากขึ้น หรือต้องการสิ่งที่ดีที่สุดเท่าที่สามารถจะซื้อหาได้ ตัวเลือกที่เหมาะสมก็คงจะต้องเป็น Samsung Galaxy Note 3 LTE (N9005) เนื่องจากมีข้อได้เปรียบที่น่าสนใจอยู่ไม่น้อย ไม่เช่นนั้นแล้วคงไม่มีเสียงเรียกร้องไปทาง ซัมซุง (ประเทศไทย) มากมายอย่างที่เห็นกันอยู่ก่อนหน้านี้ เริ่มตั้งแต่ข้อได้เปรียบในเรื่องของหน่วยประมวลผลหลัก ซึ่งเป็น Qualcomm MSM8974 Snapdragon 800 ที่ผู้ใช้ส่วนใหญ่มั่นใจมากกว่า, การรองรับเครือข่ายอินเทอร์เน็ตความเร็วสูงแบบ 4G LTE ซึ่งเริ่มมีให้ใช้งานกันบ้างแล้วในบางพื้นที่ของบ้านเรา, การถ่ายภาพวีดีโอระดับ 4K Ultra HD และการถ่ายวีดีโอแบบ Slow Motion ได้ที่ความละเอียดสูงสุดระดับ Full HD
ส่วนคำถามที่ว่า หากใช้งาน Samsung Galaxy Note 3 (N9000) ที่เริ่มวางจำหน่ายก่อนอยู่แล้ว คุ้มหรือไม่ที่จะเปลี่ยนมาเป็น Samsung Galaxy Note 3 LTE (N9005) ก็คงต้องบอกว่าอาจจะไม่คุ้มมากนัก เนื่องจากโอกาสที่จะได้ใช้ฟีเจอร์บางอย่างที่เพิ่มเข้ามาอย่างจริงจังในบ้านเราคงเป็นไปได้ยาก ด้วยปัจจัยพื้นฐานในบ้านเราที่ยังไม่เอื้ออำนวยอย่างเต็มที่ ไม่ว่าจะเป็นการเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตผ่านทางระบบเครือข่ายแบบ 4G LTE หรือการถ่ายวีดีโอความละเอียดสูงระดับ 4K และในเรื่องของหน่วยประมวลผลระหว่าง Qualcomm MSM8974 Snapdragon 800 กับ Exynos 5 Octa 5420 หรือเรื่องประสิทธิภาพของจีพียู ระหว่าง Adreno 330 กับ Mali-T628 MP6 แม้ว่าโดยรวม ฝั่งของรุ่น LTE อาจดูได้เปรียบอยู่บ้าง ก็ไม่ได้มีความแตกต่างอย่างมีนัยยะสำคัญ แต่ในอีกแง่หนึ่ง หากเป็นผู้ซื้อรายใหม่ ที่กำลังตัดสินใจเลือกระหว่างโมเดล LTE กับ 3G ก็ต้องบอกว่า หากมีงบถึง และอยากใช้งานไปแบบยาวๆ ก็แนะนำให้เลือกซื้อ Samsung Galaxy Note 3 LTE (N9005) ไปเลยน่าจะดีกว่า สุดท้ายนี้ก็ต้องขอขอบคุณทางบริษัท ซัมซุง (ประเทศไทย) ที่ส่งเครื่อง Samsung Galaxy Note 3 LTE มาให้กับทีมงานของเราได้ทดสอบด้วยนะครับ ส่วนในวันนี้ก็คงต้องขอลาไปก่อน พบกันได้ใหม่ในรีวิวมือถือรุ่นต่อไป สวัสดีครับ
จุดเด่นของ Samsung Galaxy Note 3 LTE (N9005)
- มีการออกแบบดีไซน์ตัวเครื่องใหม่หมดจด ให้ดูมีความพรีเมียมหรูหรามากยิ่งขึ้น บางเบากว่าเดิม พร้อมฝาหลังที่ใช้วัสดุแบบหนังเทียม (Faux-Leather)
- รองรับการใช้งานร่วมกับนาฬิกา Samsung Galaxy Gear อย่างเต็มรูปแบบ
- ปากกา S Pen Stylus พร้อมช่องสำหรับเก็บปากกาในตัว
- ฟังก์ชัน Air Command รวม 5 คำสั่งสำคัญไว้ในที่เดียวกัน (Action Memo, Scrapbook, Screen Write, S Finder และ Pen Window)
- ฟรีแอพพลิเคชั่น Sketchbook Pro และ Evernote ติดตั้งมาให้ในตัว
- ปุ่มแบบสัมผัส 2 ปุ่มที่ด้านล่างของหน้าจอ สามารถใช้ปากกา S Pen Stylus สัมผัสได้
- ฟังก์ชัน Easy Chart ในแอพพลิเคชั่น S Note สามารถสร้างแผนภูมิ หรือกราฟได้อย่างรวดเร็วง่ายดาย
- ฟังก์ชัน Multi Window รองรับการใช้งานแอพพลิเคชั่นเดียวกัน พร้อมกันทั้งสองหน้าต่าง และรองรับคุณสมบัติ Drag & Drop ซึ่งสามารถลาก หรือคัดลอกเนื้อหาข้ามไปมาระหว่างหน้าต่างได้
- จอแสดงผลแบบ Super AMOLED Capacitive Touchscreen 16,700,000 สี ความละเอียด 1920x1080 Pixels (Full HD 1080p : กว้าง 5.7 นิ้ว : 386 ppi) พร้อม User Interface แบบ Touch Wiz Nature UX เวอร์ชัน 2.0
- หน่วยประมวลผลภาพกราฟฟิคโดยเฉพาะ (GPU : Graphics Processing Unit) แบบ Adreno 330
- ประมวลผลการทำงานด้วย Quad-Core Krait 400 Processor (ชิปเซ็ต Qualcomm MSM8974 Snapdragon 800) ความเร็วในการประมวลผล 2.3 GHz
- ขับเคลื่อนการทำงานด้วยระบบปฏิบัติการ Android OS เวอร์ชัน 4.4.2 (KitKat)
- หน่วยความจำภายในสำหรับเก็บบันทึกข้อมูลขนาด 32 GB
- หน่วยความจำ RAM ขนาด 3 GB
- รองรับการ์ดหน่วยความจำเสริมภายนอกแบบ microSD Card (TransFlash) ได้สูงสุดขนาด 64 GB
- กล้องดิจิตอลตัวหลักที่ด้านหลังของตัวเครื่อง ความละเอียดระดับ 13 ล้าน Pixels (BSI) พร้อมไฟแฟลชในตัว (High CRI LED), ระบบโฟกัสภาพอัตโนมัติ, โหมดถ่ายภาพแบบกอล์ฟ, ฟังก์ชัน Photo Frame, โหมดถ่ายภาพแบบ Surround Shot และฟังก์ชัน Glue
- รองรับการถ่ายภาพวีดีโอได้ที่ความละเอียดสูงสุดระดับ 4K Ultra HD (2160p : 4K UHD : 3840x2160 Pixels : 30 fps)
- รองรับการถ่ายภาพวีดีโอแบบ Smooth Motion (Full HD 1080p : 60 fps)
- กล้องดิจิตอลขนาดเล็กที่ด้านหน้าของตัวเครื่อง ความละเอียดระดับ 2 ล้าน Pixels (BSI) พร้อมรองรับการถ่ายภาพวีดีโอความละเอียดระดับ Full HD 1080p (1920x1080 Pixels : 30 fps)
- ฟังก์ชัน Group Play สำหรับการแชร์ และเปิดเล่นไฟล์เพลง, ไฟล์วีดีโอ, ไฟล์รูปภาพ, ไฟล์เอกสาร หรือเล่นเกมส์บนหลายเครื่องพร้อมกัน พร้อมรองรับการสร้างจอภาพขนาดใหญ่ ด้วยการเรียงเครื่องหลายเครื่องต่อกัน
- รองรับการเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตผ่านทางระบบ WiFi, LTE, HSPA+, EDGE และ GPRS
- รองรับการเชือมต่อข้อมูลแบบไร้สายผ่านทาง NFC, Bluetooth และ Infrared Port
- รองรับมาตรฐาน USB เวอร์ชัน 3.0
- แอพพลิเคชั่นบันทึกเสียง สามารถใช้ไมโครโฟน 2 ตัวพร้อมกันได้
- แบตเตอรี่ Li-Ion ความจุ 3,200 mAh
จุดที่อาจจะต้องพิจารณาเพิ่มเติมของ Samsung Galaxy Note 3 LTE (N9005)
- ไม่มีวิทยุ FM ในตัว
- วัสดุที่ใช้ผลิตตัวเครื่อง ยังคงเป็นพลาสติก
- ด้วยหน้าจอแสดงผลขนาดใหญ่ การใช้งานด้วยมือข้างเดียวจึงค่อนข้างลำบาก
- ไม่มีปุ่มกล้องดิจิตอลสำหรับถ่ายภาพโดยเฉพาะ
- มีราคาจำหน่าย 24,900 บาท ซึ่งเป็นราคาที่สูงกว่า Samsung Galaxy Note 3 (N9000) อยู่ 1,400 บาท
โปรดทราบ
* โทรศัพท์มือถือที่ท่านเห็นในบทความรีวิวนี้เป็นเพียงเครื่องทดสอบจากทางศูนย์ เพราะฉะนั้นคุณสมบัติบางอย่างอาจมีความแตกต่างจากเครื่องที่วางจำหน่ายจริงบ้างไม่มากก็น้อย รวมถึงจุดด้อยบางประการที่พบในเครื่องทดสอบ อาจจะถูกแก้ไขปรับปรุงให้ดีขึ้นในเครื่องที่วางจำหน่ายจริง ดังนั้นหากท่านสนใจซื้อโทรศัพท์มือถือรุ่นนี้ ควรตรวจสอบหรือทดลองใช้งานสินค้าด้วยตนเองอีกครั้งหนึ่ง *
สรุปคุณสมบัติเครื่อง
ท่านสามารถตรวจสอบคุณสมบัติแบบสรุป (Specification) ของ Samsung Galaxy Note 3 LTE ได้โดยการคลิ๊กที่ Link ด้านล่างนี้
Samsung Galaxy Note 3 LTE Specification
ข้อมูลเพิ่มเติม
พรีวิว (Preview) Samsung Galaxy Note 3 (N9000) และ Samsung Galaxy Gear
เปรียบเทียบ Samsung Galaxy Note 3 รุ่น 4G LTE และ 3G แตกต่างกันอย่างไร และควรเลือกซื้อรุ่นไหนดี? title="Sony Xperia ZL Specification">

:: ไปหน้าแรกเว็บไซต์ Thaimobilecenter
| ไปหน้าแรก
Mobile Focus ::
|