รีวิว (Review) OPPO Yoyo
สมาร์ทโฟน 2 ซิมการ์ด ที่มาพร้อมจอ IPS ขนาด 4.7 นิ้ว, หน่วยประมวลผลระดับ Quad-Core, กล้อง 5 ล้านพิกเซล และฟีเจอร์ครบครัน ในราคาไม่เกิน 7 พันบาท
Review
Date (21-พฤษภาคม-2557)

เวลาล่วงเลยมาถึงช่วงไตรมาสที่ 2 ของปี 2014 กระแสของสมาร์ทโฟนก็ยังคงแรงอย่างต่อเนื่อง ทางผู้ผลิตได้มีการเปิดตัว และจัดจำหน่ายสมาร์ทโฟนระดับเรือธงหลากหลายรุ่นด้วยกัน ไม่ว่าจะเป็น Samsung Galaxy S5, Sony Xperia Z2 หรือ HTC One M8 เป็นต้น ซึ่งทุกรุ่นก็มีคุณสมบัติที่เป็นจุดขายของตัวเอง เช่น หน่วยประมวลผลระดับสูง, มาพร้อมเทคโนโลยีกันน้ำ หรือระบบเสียงที่ไม่เหมือนใคร เรียกว่าสมาร์ทโฟนเรือธงแต่ละรุ่นต่างมีความโดดเด่นที่กินกันไม่ลง อย่างไรก็ดี สมาร์ทโฟนระดับเรือธง หรือระดับไฮเอนด์ มีราคาค่อนข้างสูง ดังนั้น ผู้บริโภคที่มีกำลังซื้อไม่มากนัก แต่อยากได้สมาร์ทโฟนที่มีความสามารถในการใช้งานที่ครบครัน จะทำอย่างไรดี? วันนี้ทีมงานไทยโมบายเซ็นเตอร์มีสมาร์ทโฟนระดับกลาง ราคาย่อมเยา ที่มีราคาเพียง 6,990 บาท อยู่หนึ่งรุ่น ซึ่งเป็นสมาร์ทโฟนจากทาง OPPO และเป็นสมาร์ทโฟนรุ่นใหม่ล่าสุด ที่ทาง OPPO เพิ่งจะวางจำหน่ายอย่างเป็นทางการในประเทศไทยที่งาน Thailand Mobile Expo 2014 Hi-End ที่ผ่านมา นั่นคือ OPPO Yoyo โดย OPPO Yoyo เป็นสมาร์ทโฟนระดับกลางที่มาพร้อมกับจอแสดงผลแบบ IPS ขนาด 4.7 นิ้ว พร้อมด้วยหน่วยประมวลผลระดับ Quad-Core, หน่วยประมวลผลกราฟฟิค Mali-400MP, หน่วยความจำ RAM ขนาด 1 GB, กล้องดิจิตอลตัวหลักที่ด้านหลังของตัวเครื่องความละเอียด 5 ล้านพิกเซล และรองรับการใช้งาน 2 ซิมการ์ด อีกด้วย ซึ่ง OPPO Yoyo ยังมีความน่าสนใจอีกมากมาย ส่วนจะมีอะไรบ้างนั้น ในวันนี้ได้รู้กันอย่างแน่นอน
รูปลักษณ์ภายนอกตัวเครื่อง และการออกแบบดีไซน์

OPPO Yoyo มาพร้อมจอแสดงผลขนาด 4.7 นิ้ว แบบ IPS LCD Capacitive Touchscreen 16,700,000 สี ความละเอียด 960x540 พิกเซล (qHD) โดย OPPO Yoyo มีขนาดของตัวเครื่องอยู่ที่ 138.5x69.5x9.2 มิลลิเมตร

ด้านหน้าส่วนบน : จะประกอบไปด้วย ลำโพงสำหรับฟังขณะสนทนา, กล้องดิจิตอลขนาดเล็กที่ด้านหน้าของตัวเครื่อง ความละเอียด 2 ล้านพิกเซล, ระบบ Accelerometer Sensor ช่วยหมุนหรือปรับเปลี่ยนทิศทางการแสดงผลของหน้าจอให้แบบอัตโนมัติ ตามลักษณะการจับถือของผู้ใช้ และระบบ Proximity Sensor สำหรับการปิดหน้าจอแบบอัตโนมัติขณะสนทนา เพื่อประหยัดพลังงาน

ด้านหน้าส่วนล่าง : จะมาพร้อมกับปุ่มการสั่งงานแบบสัมผัส ได้แก่ ปุ่มเมนู, ปุ่มโฮม และปุ่มย้อนกลับ

ด้านบนของตัวเครื่อง : จะมาพร้อมกับช่องสำหรับเชื่อมต่อกับหูฟังแบบมาตรฐานขนาด 3.5 มิลลิเมตร

ด้านล่างของตัวเครื่อง : จะมาพร้อมกับ ไมโครโฟน และช่องสำหรับเชื่อมต่อกับสายชาร์จแบตเตอรี่แบบ microUSB

ด้านหลังของตัวเครื่อง : จะมาในโทนสีขาว และจะประกอบไปด้วยกล้องดิจิตอลตัวหลักที่ด้านหลังของตัวเครื่องความละเอียด 5 ล้านพิกเซล พร้อมไฟแฟลช LED และจะมีลำโพงเสียงที่บริเวณด้านล่าง

สำหรับตัวฝาหลังก็มีความแข็งแรง และหยืดหยุ่นพอสมควร

เมื่อเปิดฝาหลังของตัวเครื่องออกมาก็จะพบกับช่องสำหรับใส่แบตเตอรี่, ช่องสำหรับใส่ซิมการ์ดที่ 1, ช่องสำหรับใส่ซิมการ์ดที่ 2 และช่องสำหรับเพิ่มหน่วยความจำแบบ microSD พร้อมด้วยแบตเตอรี่ความจุ 1900 mAh
เปิดเครื่องใช้งาน พร้อมการทดสอบฟังก์ชัน และแอพพลิเคชั่นต่างๆ

OPPO Yoyo มีการออกแบบ Interface ออกแนวสวยงามปนน่ารัก ซึ่งเหมาะกับผู้หญิงเป็นอย่างมาก แต่ผู้ชายก็ใช้งานได้เช่นกัน

โดย OPPO Yoyo มาพร้อมกับระบบปฏิบัติการ Color OS เวอร์ชัน 1.2 ซึ่งมีพื้นฐานอยู่บนระบบปฏิบัติการแอนดรอยด์เวอร์ชัน 4.2.2 หรือ (Jelly Bean) พร้อมด้วยหน่วยประมวลผลแบบ Quad-Core Cortex-A7 (ชิปเซ็ต MediaTek MT6582) ความเร็ว 1.3 GHz และหน่วยประมวลผลกราฟฟิคแบบ Mali-400MP
 
นอกจากนี้ OPPO Yoyo ยังมาพร้อมกับ Launcher สำหรับการถ่ายภาพ ที่สามารถกดถ่ายภาพได้ และยังสามารถแชร์ภาพไปยัง Social Network ต่างๆ ได้ทันที

ในส่วน Launcher สำหรับฟังเพลงก็มีให้ใช้งานบน OPPO Yoyo เช่นเดียวกัน

OPPO Yoyo ยังมี Notification สำหรับการแจ้งเตือนต่างๆ เช่น มีข้อความเข้า, สายที่ไม่ได้รับ หรือการอัพเดทแอพพลิเคชั่น เป็นต้น

รวมถึงยังมีฟังก์ชันให้เลือกใช้งานอีกมากมาย เช่น WiFi, GPS, 3G, การปรับความสว่างของหน้าจอ และการใช้งานโหมดเครื่องบิน เป็นต้น โดยฟังก์ชันทั้งหมดสามารถ เปิด-ปิด ได้

และยังสามารถปรับแต่งหน้าจอโฮมสกรีนได้ตามใจชอบ ได้แก่ การเพิ่ม Widget ไว้ที่หน้าจอโฮมสกรีน

การปรับแต่งวอลเปเปอร์

การเพิ่ม Launcher ไว้ที่หน้าจอโฮมสกรีน เช่น มุมถ่ายภาพ และมุมดนตรี เป็นต้น

สามารถปรับเปลี่ยนเอฟเฟคของหน้าจอโฮมสกรีนได้

และสามารถเปลี่ยนธีมได้

โดยธีมมีให้เลือกใช้งานมากมาย ไม่ว่าจะเป็น ธีมออนไลน์, ธีมในเครื่อง

นอกจากนี้ ยังสามารถเปลี่ยนลูกเล่นได้ ทั้ง วอลเปเปอร์ และลูกเล่นการปลดล็อค

มาต่อกันที่แอพพลิเคชั่นสำหรับการจัดการแบตเตอรี่ โดยสามารถ เปิด-ปิด โหมดประหยัดพลังงาน และแจ้งเตือนเมื่อแบตเตอรี่ต่ำกว่า 40% ได้จากแอพพลิเคชั่นนี้ นอกจากนี้ ยังแสดงสถานะว่าแบตเตอรี่มีกี่เปอร์เซ็นต์ และสามารถใช้งานได้เป็นระยะเวลาเท่าไหร่

และยังสามารถดูรายละเอียดการใช้งานแบตเตอรี่ได้

OPPO Yoyo ยังมากับแอพพลิเคชั่นที่ชื่อว่า App Center คือ สูนย์รวมของแอพพลิเคชั่นที่ทาง OPPO คัดสรรค์มาให้เรียบร้อยแล้ว และมั่นใจได้ว่าสมาร์ทโฟนของ OPPO สามารถใช้งานได้ ซึ่งแอพพลิเคชั่นก็มีให้ดาวน์โหลดมากมาย

หรือท่านใดต้องการดาวน์โหลดผ่าน Google Play Store ก็ทำได้เช่นเดียวกัน

และยังสามารถตรวจสอบการใช้งานอินเทอร์เน็ตได้ผ่านแอพพลิเคชั่นที่มีชื่อว่า ข้อมูลการใช้งาน โดยจะแสดงรายละเอียดการใช้งานรายวัน และรายเดือน โดยสามารถกำหนดปริมาณอินเทอร์เน็ตที่ต้องการตรวจสอบได้ด้วยตนเอง

OPPO Yoyo ยังสามารถเปิดอ่านไฟล์เอกสารได้ทั้ง Word, Excel และ Power Point ผ่านแอพพลิเคชั่น Kingsoft Office

และไม่ต้องกังวลว่าจะใช้งาน OPPO Yoyo ได้ไม่เต็มประสิทธิภาพ เพราะ OPPO Yoyo มีแอพพลิเคชั่นคู่มือการใช้งานติดมาให้ด้วย

OPPO Yoyo ยังสามารถเพิ่มความเป็นส่วนตัวได้ ไม่ว่าจะเป็น ตั้งค่าสายที่บล็อค, ข้อความ, แบล็คลิส

โดยการตั้งค่าสามารถบล็อคข้อความขยะ และกำหนดคีย์เวิร์ดที่จะบล็อคได้ผ่านแอพพลิเคชั่นบล็อค

OPPO Yoyo มีฟังก์ชัน DLNA ให้ใช้งาน สำหรับการแชร์ไฟล์ต่างๆ ไปยังอุปกรณ์อื่น เช่น ไฟล์ภาพ ,ไฟล์เพลง หรือไฟล์วีดีโอ เป็นต้น

นอกจากนี้ OPPO Yoyo ยังมากับแอพพลิเคชั่น Lock Now เพื่อให้ตัวเครื่องเข้าโหมด Sleep โดยไม่ต้องกดปุ่ม เปิด-ปิด เครื่อง ซึ่งจะช่วยในเรื่องของการถนอมปุ่มนั่นเอง

คุณยังสามารถตรวจเช็คสภาพอากาศบน OPPO Yoyo แต่การตรวจเช็คสภาพอากาศจะต้องเปิดใช้งาน GPS และอินเทอร์เน็ตเสียก่อน

OPPO Yoyo มีแอพพลิเคชั่นการค้นหาด้วยเสียง ซึ่งช่วยเพิ่มความสะดวกสบายมากยิ่งขึ้น

สำหรับท่านใดที่ต้องการตรวจสอบสิทธิการเข้าถึงแอพพลิเคชั่น OPPO Yoyo ก็มีตัวช่วยให้ท่าน คือ แอพพลิเคชั่น ปกป้องแอพพลิเคชั่น

โดยอันดับแรกต้องเลือกตั้งค่ารหัสผ่านเสียก่อน ซึ่งรหัสผ่านมีให้เลือก 2 แบบ ด้วยกัน คือ รูปแบบ และรหัสผ่าน
 
เมื่อตั้งค่ารหัสผ่านที่ต้องการเรียบร้อยแล้ว ก็สามารถเลือกแอพพลิเคชั่นที่ต้องการปกป้องได้เลย ซึ่งแอพพลิเคชั่นที่ถูกปกป้องแล้ว ถ้าเกิดต้องการใช้แอพพลิเคชั่นนั้น จะต้องทำการใส่รหัสผ่านเสียก่อนถึงจะใช้งานแอพพลิเคชั่นนั้นได้

นอกจากนี้ OPPO Yoyo ยังสามารถตั้งค่าความเป็นส่วนตัวได้ ไม่ว่าจะเป็นรายชื่อโทรศัพท์, รูปภาพ, วีดีโอ และแอพพลิเคชั่นได้

แต่จะต้องทำการตั้งค่ารหัสผ่านเสียก่อน จึงจะเปิดใช้งานความเป็นส่วนตัวได้ ซึ่งรหัสผ่านสามารถเลือกใช้งานได้ 2 แบบด้วยกัน คือ รูปแบบ และรหัสผ่าน

OPPO ยังเล็งเห็นถึงความปลอดภัยด้วยการใส่แอพพลิเคชั่นสแกนไวรัสมาให้ OPPO Yoyo อีกด้วย ซึ่งแอพพลิเคชั่นจะแจ้งว่าซอฟต์แวร์ของเราปลอดภัย และมีช่องโหว่ หรือไม่

ในส่วนของโหมดวันหยุด คือ สามารถตั้งเวลา เพื่อไม่ให้มีคนติดต่อคุณได้ ตามเวลาที่กำหนด เช่น 21.00-09.00 น. หรือระบุรายชื่อที่สามารถติดต่อคุณได้ ส่วนรายชื่อที่ไม่ได้ถูกระบุไว้ จะไม่สามารถติดต่อคุณได้

เนื่องจาก OPPO Yoyo ใช้หน่วยประมวลผลระดับ Quad-Core และหน่วยประมวลผลกราฟฟิค Mali-400MP จึงทำให้ OPPO Yoyo เล่นเกมส์ได้อย่างราบรื่น ไม่มีอาการหน่วงให้รู้สึกอึดอัดใจ

OPPO Yoyo สามารถเปิดเล่นไฟล์วีดีโอความละเอียดสูงระดับ Full HD ได้ แต่ไม่สามารถแสดงผลที่ความละเอียดระดับ Full HD ได้ เนื่องจากจอแสดงผลของ OPPO Yoyo มีความละเอียดเพียงแค่ระดับ qHD เท่านั้น

พร้อมทั้งยังสามารถใช้งาน Popup Play ได้อีกด้วย

แต่สำหรับคนที่ชื่นชอบในการชมคลิปวีดีโอ สามารถชมคลิปวิดีโอผ่านแอพพลิเคชั่น Youtube ได้

OPPO Yoyo มาพร้อมกับแอพพลิเคชั่นสำหรับฟังเพลง

และสามารถเปิดใช้งานระบบเสียง Dirac ได้ แต่ต้องใช้ควบคู่กับหูฟัง

นอกจากนี้ OPPO Yoyo ยังมีแอพพลิเคชั่นสำหรับฟังวิทยุให้ใช้งานอีกด้วย แต่การเปิดใช้งานแอพพลิเคชั่นวิทยุจะต้องใช้งานร่วมกับหูฟังเท่านั้น
 
และเมื่อนำ OPPO Yoyo มาทดสอบด้วยโปรแกรม Antutu X Benchmark จะได้คะแนนอยู่ที่ 17601 คะแนน

ส่วนการทดสอบด้วยโปรแกรม Quadlant Standdard จะได้คะแนนอยู่ที่ 7138 คะแนน
กล้องดิจิตอล การถ่ายภาพนิ่ง และภาพวีดีโอ

สำหรับ Interface ของกล้องถ่ายภาพบน OPPO Yoyo ก็มีการออกแบบ และการจัดวางฟังก์ชันแบ่งแยกอย่างชัดเจน และใช้งานง่าย โดยสามารถสลับไปใช้กล้องดิจิตอลด้านหน้าได้จากไอคอนซ้ายบนสุด

สามารถตั้งค่าไฟแฟลช LED ได้ ทั้ง ปิด, เปิด, เติมแสง และอัตโนมัติ

และยังสามารถตั้งค่ากล้องถ่ายภาพได้หลากหลาย ไม่ว่าจะเป็น การเลือกความละเอียดของกล้องถ่ายภาพ ได้แก่ 8 ล้านพิกเซล, 5 ล้านพิกเซล และ 3 ล้านพิกเซล (เครื่องที่วางจำหน่ายจริงสามารถเลือกความละเอียดได้เพียง 5 ล้านพิกเซล และ 3 ล้านพิกเซล)

สามารถปรับค่า White Balance ได้ตามต้องการ ได้แก่ อัตโนมัติ, หลอดไส้, กลางวัน, เมฆมาก และฟลูออเรสเซนต์

สามารถเลือกโหมดการถ่ายภาพได้หลายรูปแบบ ได้แก่ อัตโนมัติ, แนวตั้ง, แนวนอน, ดวงอาทิตย์ตก, กลางคืน และเคลื่อนไหว

สามารถ เปิด-ปิด การตั้งเวลาเพื่อถ่ายภาพได้ คือ 5 วินาที

สามารถ เปิด-ปิด เพื่อสัมผัสการถ่ายภาพได้

สามารถเลือกความละเอียดในการถ่ายวีดีโอได้ 2 แบบ คือ 480p และ 720p

สามารถ เปิด-ปิด การแท็กสถานที่ได้

สามารถ เปิด-ปิด เสียงชัตเตอร์ได้

และสามารถพูดออกเสียงเพื่อถ่ายโหมด Voice Beauty ได้ ไม่ว่าจะเป็นการถ่ายแบบ Whiter = ขาวขึ้น, Ruddy = แดงขึ้น หรืออมชมพู, More Smooth = นุ่มนวลขึ้น, Looks & Natural Faces = ดูเป็นธรรมชาติ, Faces Thinner = หน้าเล็กลง และ Faces Fatter = หน้าอ้วนขึ้น


นอกจากนี้ ยังมีโหมดการถ่ายภาพเพิ่มเติมอีก ได้แก่ การถ่ายภาพพร้อมเสียง, สแกน QR Code, Beauty, พาโนราม่า, HDR และปกติ
แนะนำการใช้ท่าทาง (Gesture Control) เพื่อการสั่งงานบน OPPO Yoyo

สามารถวาดภาพเพื่อเปิดคำสั่งการใช้งานที่ตั้งค่าไว้ได้ เช่น การวาดรูปวงกลมเพื่อเปิดกล้อง หรือการวาดรูปตัววีเพื่อเปิดไฟฉาย เป็นต้น

และยังสามารถกำหนดการวาดภาพต่างๆ เพื่อสั่งงานในส่วนที่ต้องการได้ตามใจชอบ

สามารถพลิกตัวเครื่องเพื่อปิดเสียงได้, เมื่อยกโทรศัพท์เข้าใกล้หูจะรับสายอัตโนมัติ, ใช้ฝ่ามือปัดที่หน้าจอเพื่อรับสาย และตัวเครื่องจะเปิดโหมด Speaker ทันที และเมื่อยกโทรศัพท์เข้าใกล้หูจะเปลี่ยนเป็นโหมดหูฟังอัตโนมัติ

ใช้ 3 นิ้ว จีบเพื่อเปิดใช้งานฟังก์ชันกล้องได้

นอกจากนี้ ยังสามารถ เปิด-ปิด ระบบการสั่งงานต่างๆ ได้อีกหลายอย่างด้วยกัน ได้แก่ ป้องกันการสัมผัสโดยไม่ตั้งใจ, สามารถจับภาพหน้าได้ด้วยการใช้ 3 นิ้วลากขึ้นลงที่หน้าจอ, สไลด์ 2 นิ้วขึ้นลงเพื่อ เพิ่ม-ลด ระดับของเสียง, Flip Pages : ใช้ฝ่ามือปัดที่หน้าจอเพื่อเปลี่ยนหน้าหนังสือ Ebook หรือ Browser ได้ และยังสามารถใช้ฝ่ามือปัดเพื่อเปลี่ยนเลื่อนหน้าจอโฮมสกรีนได้ (Switch Screens)

และที่สำคัญ OPPO Yoyo ยังมีฟังก์ชันที่มีชื่อว่า Hotknot ซึ่งฟังก์ชันนี้เป็นเทคโนโลยีใหม่จากทาง OPPO เพียงแค่นำหน้าจอมาสัมผัสกันก็สามารถโอนข้อมูลทุกอย่างไปยังอีกเครื่องได้ ทั้ง ไฟล์ภาพ, ไฟล์วีดีโอ และไฟล์เพลง
ตัวอย่างภาพถ่ายจากกล้องดิจิตอลตัวหลักที่ด้านหลังของตัวเครื่อง ความละเอียดระดับ 5 ล้านพิกเซล ของ OPPO Yoyo










สรุปผลการทดสอบของ OPPO Yoyo

ก็ผ่านไปเรียบร้อยแล้วนะครับ สำหรับการรีวิวสมาร์ทโฟนราคาย่อมเยาอย่าง OPPO Yoyo ด้วยราคาเพียง 6,990 บาท แต่พกพาความสามารถมารอบตัวเลยทีเดียว ไม่ว่าจะเป็น หน่วยประมวลผลระดับ Quad-Core และหน่วยประมวลผลกราฟฟิค Mali-400MP ซึ่งช่วยในเรื่องของการประมวลผล และตอบโจทย์ทางด้านเล่นเกมส์ได้ในระดับที่น่าพอใจ นอกจากนี้ OPPO Yoyo ยังมีกล้องดิจิตอลตัวหลักที่ด้านหลังของตัวเครื่อง ความละเอียด 5 ล้านพิกเซล พร้อมฟังก์ชันการถ่ายรูปมากมาย เช่น ถ่ายภาพพร้อมเสียง หรือโหมด Beauty เรียกได้ว่าเอาใจสาวๆ ที่อยากหน้าสวยใส แม้ว่าจะเป็นสมาร์ทโฟนราคาย่อมเยา แต่ทาง OPPO ก็ไม่ละเลยที่จะเพิ่มความสะดวกสบายในการใช้งานอย่างระบบการทำงาน หรือการสั่งงานต่างๆ (Gesture Control) ไว้บน OPPO Yoyo อย่างครบครัน ในส่วนของด้านความบันเทิง OPPO Yoyo ก็ทำออกมาได้ดีไม่แพ้กัน ไม่ว่าจะเป็นการชมภาพยนต์ที่มีความละเอียดสูง หรือการฟังเพลง ก็ตอบโจทย์ได้ดีมากๆ แถมยังมีระบบเสียง Dirac ให้ใช้งานอีกด้วย เพียงแค่เชื่อมต่อกับหูฟังเท่านั้น ซึ่งจะทำให้คุณพบกับประสบการณ์การฟังเพลงแบบเต็มอรรถรสจาก OPPO Yoyo อย่างแน่นอน นอกจากนี้ OPPO Yoyo ยังมาพร้อมกับฟีเจอร์ใหม่ที่มีชื่อว่า Hotknot เพียงแค่นำหน้าจอมาแตะกันก็สามารถโอนข้อมูลจากอีกเครื่องหนึ่งไปสู่อีกเครื่องหนึ่งได้ง่าย ทั้งไฟล์เพลง หรือไฟล์รูปภาพ เป็นต้น โดยรวมแล้ว OPPO Yoyo เหมาะสำหรับผู้ที่กำลังมองหาสมาร์ทโฟนราคาย่อมเยา หรือผู้ที่ต้องการเปลี่ยนจากฟีเจอร์โฟนมาใช้สมาร์ทโฟน ที่ต้องสมาร์ทโฟนราคาไม่แพงพร้อมฟีเจอร์การใช้งานที่ครบครัน ทั้ง เล่นเกมส์ ถ่ายภาพ ฟังเพลง และใช้งานด้าน Social Network สุดท้ายนี้ ต้องขอขอบคุณทาง OPPO ประเทศไทย ที่ให้ความไว้วางใจส่งเครื่อง OPPO Yoyo มาให้ทางทีมงานไทยโมบายเซ็นเตอร์ได้ทำการรีวิวให้ท่านผู้อ่านได้รับชมกัน พบกันได้ใหม่โอกาสถัดไป สวัสดีครับ
จุดเด่นของ OPPO Yoyo
- จอแสดงผลแบบ IPS LCD Capacitive Touchscreen 16,700,000 สี ความละเอียด 960x540 Pixels ขนาด 4.7 นิ้ว พร้อมหน่วยประมวลผลภาพกราฟฟิคโดยเฉพาะ (GPU : Graphics Processing Unit) แบบ Mali-400MP
- ระบบควบคุมการทำงานแบบ Gesture Control รองรับการสั่งงานด้วยการแสดงท่าทางด้วยมือของผู้ใช้
- ประมวลผลการทำงานด้วย Quad-Core ARM Cortex-A7 Processor (ชิปเซ็ต MediaTek MT6582) ความเร็วในการประมวลผล 1.3 GHz
- หน่วยความจำ RAM ขนาด 1 GB
- รองรับการ์ดหน่วยความจำเสริมภายนอกแบบ microSD Card (TransFlash) ได้สูงสุดขนาด 32 GB
- กล้องดิจิตอลตัวหลักที่ด้านหลังของตัวเครื่อง ความละเอียดระดับ 5 ล้าน Pixels พร้อมไฟแฟลชในตัว (LED Flash)
- ฟังก์ชัน Audio Photo สำหรับการถ่ายรูปพร้อมเสียง (บันทึกเสียงได้นานสูงสุด 10 วินาที)
- ฟังก์ชัน GIF Animation สำหรับการถ่ายภาพต่อเนื่อง 10 ภาพ แล้วนำมาทำเป็นภาพเคลื่อนไหว
- รองรับการถ่ายภาพวีดีโอที่ความละเอียดระดับ HD 720p
- กล้องดิจิตอลขนาดเล็กที่ด้านหน้าของตัวเครื่อง ความละเอียดระดับ 2 ล้าน Pixels พร้อมฟังก์ชัน ฟังก์ชัน Beauty
- รองรับการใช้งาน 2 ซิมการ์ดพร้อมกันภายในเครื่องเดียว (Dual SIM)
- รองรับการเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตผ่านระบบ WiFi, 3G, EDGE และ GPRS
- รองรับการเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตผ่านระบบ 3G ได้ทุกเครือข่ายภายในเครื่องเดียวกัน (850/900/2100 MHz)
- ระบบ GPS ในตัว (Global Positioning System : ระบบดาวเทียมนำร่อง)
- ฟังก์ชัน HotKnot สำหรับการโอนถ่ายข้อมูลระหว่างสมาร์ทโฟนด้วยการนำหน้าจอของแต่ละเครื่องมาสัมผัสกัน
- รองรับเทคโนโลยี USB OTG (USB On-the-Go)
- ระบบเสียงแบบ Dirac
- วิทยุ FM Stereo ในตัว
- มีราคาจำหน่ายเพียง 6,990 บาท
จุดที่อาจจะต้องพิจารณาเพิ่มเติมของ OPPO Yoyo
- ใช้งานระบบปฏิบัติการ Android OS เวอร์ชัน 4.2.2 (Jelly Bean) ซึ่งยังไม่ใช่ระบบปฏิบัติการเวอร์ชันใหม่ล่าสุด
- หน่วยความจำภายในมีขนาดเพียง 4 GB ซึ่งไม่เพียงพอต่อการใช้งาน ต้องอาศัยการ์ดหน่วยความจำเสริมเพิ่มเติม
- ฝาหลังเป็นพลาสติกใส ซึ่งเคลือบด้วยสีขาวเอาไว้ ดังนั้นหากเกิดการขีดข่วนที่รุนแรง ก็อาจจะทำให้สีหลุดร่อนได้
โปรดทราบ
* โทรศัพท์มือถือที่ท่านเห็นในบทความรีวิวนี้เป็นเพียงเครื่องทดสอบจากทางศูนย์ เพราะฉะนั้นคุณสมบัติบางอย่างอาจมีความแตกต่างจากเครื่องที่วางจำหน่ายจริงบ้างไม่มากก็น้อย รวมถึงจุดด้อยบางประการที่พบในเครื่องทดสอบ อาจจะถูกแก้ไขปรับปรุงให้ดีขึ้นในเครื่องที่วางจำหน่ายจริง ดังนั้นหากท่านสนใจซื้อโทรศัพท์มือถือรุ่นนี้ ควรตรวจสอบหรือทดลองใช้งานสินค้าด้วยตนเองอีกครั้งหนึ่ง *
สรุปคุณสมบัติเครื่อง
ท่านสามารถตรวจสอบคุณสมบัติแบบสรุป (Specification) ของ OPPO Yoyo ได้โดยการคลิ๊กที่ Link ด้านล่างนี้
OPPO Yoyo Specification title="Sony Xperia ZL Specification">

:: ไปหน้าแรกเว็บไซต์ Thaimobilecenter
| ไปหน้าแรก
Mobile Focus ::
|