รีวิว (Review) OPPO R7 Plus
สมาร์ทโฟนเรือธงจอใหญ่ใหม่ล่าสุด บนดีไซน์บางเฉียบเรียบหรูแบบ All-Metal Unibody พร้อมเซ็นเซอร์สแกนลายนิ้วมือ, กล้อง Laser Autofocus, แบตเตอรี่ 4,100 mAh ใหญ่จุใจ และสเปคไฮเอนด์จัดเต็ม ในราคาที่เอื้อมถึง
Review
Date (10-กันยายน-2558)

สวัสดีครับ วันนี้ทางทีมงานไทยโมบายเซ็นเตอร์จะพาทุกท่านไปรู้จักกับ OPPO R7 Plus สมาร์ทโฟนเรือธงรุ่นใหม่ล่าสุดจากทาง ออปโป้ โดย OPPO R7 Plus รุ่นนี้จะจัดอยู่ในตระกูล R Series ที่เน้นความโดดเด่นในเรื่องของดีไซน์เรียบหรูบางเฉียบนั่นเอง สำหรับ OPPO R7 Plus จะมีจุดขายในเรื่องของจอแสดงผลแบบ AMOLED ที่มีขนาดใหญ่ถึง 6 นิ้ว พร้อมความละเอียดระดับ Full HD 1080p ที่จะเน้นตอบโจทย์ด้านความบันเทิงโดยเฉพาะ บวกกับแบตเตอรี่ที่มีความจุมากถึง 4100 mAh พร้อมเทคโนโลยีชาร์จแบตเตอรี่ความเร็วสูง (VOOC Flash Charge) จึงสามารถมั่นใจได้เลยว่าสามารถใช้งาน OPPO R7 Plus ได้ต่อเนื่องยาวนานตลอดทั้งวัน
นอกจากนี้ ตัวเครื่องของ OPPO R7 Plus ยังใช้เทคโนโลยีในการผลิตแบบ All-Metal Unibody คือ กรอบตัวเครื่องโลหะถูกขึ้นรูปเป็นชิ้นเดียวกัน ซึ่งวัสดุที่ใช้ถือว่าแข็งแรงมากๆ เพราะเป็นวัสดุเกรดเดียวกันกับที่ใช้ผลิตเครื่องบินนั่นเอง (Aircraft-Grade Magnesium Aluminium Alloyand) และทาง ออปโป้ ยังเสริมฟังก์ชันเพื่อเพิ่มความปลอดภัยระดับไฮเอนด์อย่างเซ็นเซอร์สแกนลายนิ้วมือมาให้ใช้งานอีกด้วย
ส่วนหน่วยประมวลผลของ OPPO R7 Plus นั้นจะเป็นชิปเซ็ต Octa-Core Snapdragon 615 โดยมาพร้อมกับจีพียู หรือหน่วยประมวลผลกราฟิกแบบ Adreno 405, หน่วยความจำ RAM ขนาด 3 GB, หน่วยความจำภายในขนาด 32 GB และทำงานอยู่บนระบบปฏิบัติการ ColorOS เวอร์ชัน 2.1 ที่มีพื้นฐานอยู่บนระบบปฏิบัติการ Android 5.1 Lollipop ที่สดใหม่ที่สุด ณ ชั่วโมงนี้ ดังนั้นการทำงานโดยรวมก็น่าจะลื่นไหล และมีความเสถียรเป็นอย่างดี
และแน่นอนว่า ในเรื่องของกล้องดิจิทัล OPPO R7 Plus ก็จัดมาให้แบบไม่มีกั๊กแน่นอน โดยกล้องดิจิทัลด้านหลังจะมีความละเอียดอยู่ที่ 13 ล้านพิกเซล โดยจะเป็นเลนส์คุณภาพสูง และโครงสร้างภายใน ที่ได้รับการรับรองตามมาตรฐานของ Schneider Kreuznach Certified พร้อมด้วยระบบเลเซอร์ออโต้โฟกัส (Laser Autofocus) ที่จะช่วยให้การโฟกัสภาพมีความรวดเร็วแม่นยำเป็นพิเศษ และสามารถถ่ายภาพในที่แสงน้อยได้ดี ส่วนกล้องดิจิทัลด้านหน้าจะมีความละเอียดอยู่ที่ 8 ล้านพิกเซล พร้อมโหมดการถ่ายภาพ Beautify เวอร์ชัน 3.0 ซึ่งจะเหมาะกับคนรักการถ่ายภาพเซลฟี่เป็นอย่างมาก ซึ่งจุดขายหลักๆ ที่กล่าวมาเป็นเพียงแค่ส่วนเล็กๆ ที่น่าสนใจบน OPPO R7 Plus เท่านั้น บอกได้เลยว่า OPPO R7 Plus ยังมีฟีเจอร์ทีเด็ดอื่นๆ ที่น่าสนใจ และจุดเด่นล้ำๆ อีกหลายอย่างด้วยกัน ซึ่งในวันนี้ทางทีมงานไทยโมบายเซ็นเตอร์จะพาทุกท่านไปรู้จักกับ OPPO R7 Plus แบบทุกซอกทุกมุม เพื่อที่จะได้รู้กันว่า OPPO R7 Plus รุ่นนี้ จะมีความโดดเด่นสมกับราคาค่าตัวที่ 16,990 บาท มากน้อยขนาดไหน และเพื่อไม่ให้เป็นการเสียเวลา ขอเชิญทุกท่านไปชมรีวิว OPPO R7 Plus พร้อมกันได้เลยครับ
รูปลักษณ์ภายนอกตัวเครื่อง และการออกแบบดีไซน์

สำหรับ OPPO R7 Plus จะมาพร้อมกับหน้าจอแสดงผลแบบ AMOLED Capacitive Touchscreen 16,700,000 สี ความละเอียด 1920x1080 พิกเซล ขนาด 6 นิ้ว ซึ่งเป็นกระจกขอบโค้งแบบ 2.5D Arc Edge Screen และเสริมความแข็งแกร่งด้วยกระจกหน้าจอแบบ Corning Gorilla Glass 3 ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการป้องกันแรงกระแทก หรือรอยขีดข่วนได้ดี โดยจะมีขนาดของตัวเครื่องอยู่ที่ 158x82x7.8 มิลลิเมตร กับน้ำหนัก 192 กรัม

ด้านหน้าส่วนบน : จะประกอบไปด้วย กล้องดิจิทัลความละเอียด 8 ล้านพิกเซล กับขนาดรูรับแสง F/2.4, ลำโพงสำหรับฟังขณะทำการสนทนา, ระบบ Accelerometer Sensor ช่วยหมุนหรือปรับเปลี่ยนทิศทางการแสดงผลของหน้าจอให้แบบอัตโนมัติ ตามลักษณะการจับถือของผู้ใช้ และระบบ Proximity Sensor สำหรับการปิดหน้าจอแบบอัตโนมัติขณะสนทนา เพื่อประหยัดพลังงาน

ด้านหน้าส่วนล่าง : จะประกอบไปด้วย ปุ่มการสั่งงานแบบสัมผัส ได้แก่ ปุ่มเมนู หรือปุ่ม Recent Apps (กดปุ่มเมนูค้างเอาไว้ 2 วินาที จึงจะเข้าสู่ฟังก์ชัน Recent Apps), ปุ่มโฮม และปุ่มย้อนกลับ

ด้านบนของตัวเครื่อง : จะมีไมโครโฟนตัวที่สองสำหรับตัดเสียงรบกวนขณะทำการบันทึกเสียง หรือบันทึกวิดีโอ กับช่องสำหรับเชื่อมต่อกับหูฟังแบบมาตรฐานขนาด 3.5 มิลลิเมตร

ด้านล่างของตัวเครื่อง : จะมีช่องสำหรับเชื่อมต่อกับสายชาร์จแบตเตอรี่ หรือส่งผ่านข้อมูลแบบ microUSB และไมโครโฟน

ด้านขวาของตัวเครื่อง : จะมีปุ่ม เปิด-ปิด เครื่อง หรือล็อกหน้าจอ และถาดสำหรับซิมการ์ดที่ 1 กับซิมการ์ดที่ 2

โดยในช่องซิมการ์ดที่สองจะต้องเลือกใช้งานระหว่าง ซิมการ์ดที่ 2 หรือเพิ่มหน่วยความจำภายนอก จะไม่สามารถใช้งานพร้อมกันได้

ด้านซ้ายของตัวเครื่อง : จะมีปุ่ม เพิ่ม-ลด ระดับของเสียง


สำหรับด้านหลังของ OPPO R7 Plus จะมีในโทนสีทอง (Golden) และเป็นพื้นผิวแบบด้าน และจะมาพร้อมกับกล้องดิจิทัลด้านหลังจะมีความละเอียดอยู่ที่ 13 ล้านพิกเซล ซึ่งเป็นเลนส์คุณภาพสูง และโครงสร้างภายใน ที่ได้รับการรับรองตามมาตรฐานของ Schneider Kreuznach Certified กับไฟแฟลชคู่แบบ Dual-LED พร้อมด้วยระบบเลเซอร์ออโต้โฟกัส (Laser AutoFocus) ที่จะช่วยให้การโฟกัสภาพมีความแม่นยำ บวกกับสามารถถ่ายภาพในที่แสงน้อยได้ดี, เซ็นเซอร์สแกนลายนิ้วมือ และลำโพงเสียงภายนอก

โดยตัวเครื่องของ OPPO R7 Plus จะใช้เทคโนโลยีในการผลิตแบบ Metal Unibody คือ กรอบตัวเครื่องโลหะถูกขึ้นรูปเป็นชิ้นเดียวกัน ซึ่งวัสดุที่ใช้จะมีความแข็งแรงทนทาน เพราะเป็นวัสดุเกรดเดียวกับที่ใช้ผลิตเครื่องบินนั่นเอง (Aircraft-Grade Magnesium Aluminium Alloyand)
เปรียบเทียบดีไซน์การออกแบบของ OPPO R7 Plus กับ OPPO R7 Lite

สำหรับ OPPO R7 Plus กับ OPPO R7 Lite จะดีไซน์ที่คล้ายคลึงกันพอสมควร แต่ก็จะมีจุดแตกต่างกันอยู่หลายอย่างด้วยกัน อย่างแรกเลย คือ ในเรื่องของขนาดของจอแสดงผล ซึ่งจากภาพจะเห็นได้ว่า OPPO R7 Plus มีขนาดหน้าจอแสดงผลขนาดใหญ่กว่า OPPO R7 Lite อยู่พอสมควร เพราะว่า OPPO R7 Plus มีขนาดของหน้าจอแสดงผลอยู่ที่ 6 นิ้ว ส่วน OPPO R7 Lite จะมีขนาดของหน้าจอแสดงผลอยู่ที่ 5 นิ้ว ซึ่งมีขนาดต่างกันถึง 1 นิ้วเลยทีเดียว

ส่วนดีไซน์ด้านหลังของตัวเครื่องก็จะไม่แตกต่างกันมาก แต่หากสังเกตดีๆ จะเห็นว่า OPPO R7 Plus มีสีทองที่เข้มกว่า OPPO R7 Lite อีกทั้งยังมีเซ็นเซอร์สแกนลายนิ้วมือให้ใช้งานอีกด้วย ส่วนกล้องดิจิทัลก็ถูกวางไว้คนละจุดเช่นกัน โดยกล้องดิจิทัลบน OPPO R7 Plus จะอยู่ถูกวางไว้แนวกลางของตัวเครื่อง ส่วนกล้องดิจิทัลบน OPPO R7 Lite จะอยู่มุมซ้ายบนของตัวเครื่อง และถึงแม้ว่ากล้องดิจิทัลจะถูกวางไว้คนละจุด แต่ก็ตอบสนองต่อการใช้งานได้ดีไม่แพ้กัน

สุดท้ายจะเป็นในเรื่องของความบาง และแน่นอนว่าพี่ใหญ่อย่าง OPPO R7 Plus จะต้องมีขนาดของตัวเครื่องที่หนากว่า OPPO R7 Lite แน่นอน โดย OPPO R7 Plus จะมีความบางของตัวเครื่องอยู่ที่ 7.8 มิลลิเมตร ส่วน OPPO R7 Lite จะมีความบางอยู่ที่ 6.3 มิลลิเมตร เรียกได้ว่า มีความบางต่างกันj 1.5 มิลลิเมตร นั่นเอง
เปรียบเทียบดีไซน์การออกแบบของ OPPO R7 Plus กับ Samsung Galaxy A8

หลังจากที่ได้ทำการเปรียบเทียบดีไซน์การออกแบบของ OPPO R7 Plus กับ OPPO R7 Lite กันไปเรียบร้อยแล้ว คราวนี้ถึงคิวเปรียบเทียบกับคู่แข่งคนสำคัญอย่าง Samsung Galaxy A8 กันบ้าง จากภาพจะเห็นได้ว่า OPPO R7 Plus มีขนาดของตัวเครื่องใหญ่กว่า Samsung Galaxy A8 อยู่นิดหน่อย เนื่องจาก Samsung Galaxy A8 มีขนาดหน้าจอแสดงผลอยู่ที่ 5.7 นิ้ว ซึ่งเล็กกว่า OPPO R7 Plus ที่มีขนาดหน้าจอแสดงผลอยู่ที่ 6 นิ้ว

ส่วนดีไซน์การออกแบบจะใช้เทคโนโลยีการผลิตแบบเดียวกัน คือ การผลิตตัวเครื่องแบบ Unibody ที่กรอบตัวเครื่องโลหะถูกขึ้นรูปเป็นชิ้นเดียวกัน แต่ OPPO R7 Plus จะมีภาษีที่ดีกว่าเพราะว่า วัสดุที่ใช้ในการผลิตจะเป็นวัสดุเกรดเดียวกับที่ใช้ผลิตเครื่องบินนั่นเอง

ในเรื่องของความบางดูแล้ว Samsung Galaxy A8 จะชนะไปแบบใสๆ เพราะมีความบางเพียง 5.8 มิลลิเมตรเท่านั้น ส่วน OPPO R7 Plus จะมีความบางอยู่ที่ 7.8 มิลลิเมตร ด้วยความที่ OPPO R7 Plus มีหน้าจอแสดงผลขนาดใหญ่ถึง 6 นิ้ว บวกกับฟีเจอร์ที่อัดแน่นไว้เพียบ จึงมีส่วนทำให้ OPPO R7 Plus มีตัวเครื่องที่หนากว่านั่นเอง
เปิดเครื่องใช้งาน พร้อมการทดสอบฟังก์ชัน และแอปพลิเคชันต่างๆ
 
สำหรับ OPPO R7 Plus จะขับเคลื่อนการทำงานด้วยระบบปฏิบัติการ Color OS เวอร์ชัน 2.1 (มีพื้นฐานการทำงานอยู่บนระบบปฏิบัติการแอนดรอยด์เวอร์ชัน 5.1.1)
 
ซึ่งจะมีฟังก์ชันการแจ้งเตือนต่างๆ และสามารถ เปิด-ปิด ฟังก์ชันลัดได้ เช่น ไฟฉาย, เครื่องคิดเลข และบลูทูธ
 
นอกจากนี้ ยังสามารถปรับแต่งหน้าจอโฮสกรีนได้ ไม่ว่าจะเป็น การนำวิดเจ็ตที่ใช้บ่อยมาไว้ที่หน้าจอโฮมสกรีน, การเปลี่ยนภาพวอลเปเปอร์
 
สามารถ เปิด-ปิด ใช้งาน Launcher Music, สามารถเปลี่ยนเอฟเฟกต์การปลดล็อกหน้าจอได้
 
ส่วนธีมก็สามารถเปลี่ยนได้เช่นเดียวกัน นอกจากนี้ ยังสามารถดาวน์โหลดธีมอื่นๆ มาใช้งานได้ผ่าน Theme Store
 
ส่วนบริการต่างๆ จากทาง Google ก็มีให้ใช้งานครบอีกเช่นเคย
 
สำหรับคีย์บอร์ดบน OPPO R7 Plus ก็ใช้งานได้ง่าย เพราะว่าตัวอักษรต่างๆ จะวางอยู่กับตำแหน่งเดียวกับคีย์บอร์ดนั่นเอง อีกทั้งยังสามารถเลือกภาษามาใช้งานได้หลากหลายอีกด้วย
 
มาต่อกันที่การใช้งานเว็บเบราว์เซอร์อินเทอร์เน็ตกันบ้าง ซึ่งก็ถือว่าตอบสนองต่อการใช้งานได้เป็นอย่างดี และด้วยหน้าจอแสดงผลขนาดใหญ่ถึง 6 นิ้ว จึงทำให้ OPPO R7 Plus แสดงรายละเอียดต่างๆ ได้ครบ ไม่จำเป็นต้องใช้ฟังก์ชันซูมเพื่อขยายในจุดที่ต้องการอ่านเลยก็ว่าได้
 
ในส่วนของฟังก์ชันโทรศัพท์ ก็มีหน้าตาที่ใช้งานได้ง่าย แถมยังสามารถเข้าสู่รายชื่อโทรศัพท์ทั้งหมดได้เพียงแค่เลือกที่ไอคอนรูปคนเท่านั้น
 
OPPO R7 Plus ยังมาพร้อมกับแอปพลิเคชันดีๆ อย่าง Security Centre ที่จะช่วยจัดการส่วนต่างๆ ภายในเครื่อง ไม่ว่าจะเป็นการเคลียร์หน่วยความจำแรม เพื่อให้เครื่องกลับมาทำงานได้ลื่นไหล, สามารถจำกัดปริมาณการใช้งานอินเทอร์เน็ตได้ และยังสามารถบล็อกข้อความ หรือสายเรียกเข้าที่ไม่ต้องการติดต่อ รวมไปถึงการ ซ่อนรูปภาพ, ซ่อนวิดีโอ และซ่อนแอปพลิเคชัน ก็สามารถทำได้เช่นเดียวกัน
 
อีกหนึ่งความน่าสนใจบน OPPO R7 Plus คือ จะมีโหมดการประหยัดพลังงานแบตเตอรี่ให้ใช้งาน ซึ่งมีให้เลือก 3 แบบด้วยกัน คือ โหมดประหยัดแบตเตอรี่แบบธรรมดา, โหมดประหยัดแบตเตอรี่ขั้นสูง และการสั่งเปิดใช้งานโหมดประหยัดแบตเตอรี่ขั้นสูงแบบอัตโนมัติ โดยโหมดประหยัดแบตเตอรี่ธรรมดาจะสามารถตั้งค่าปิดการใช้งานที่ไม่จำเป็นได้ อาทิ ลดความสว่างของหน้าจอ, ปิดการตอบสนองการสัมผัส และปิดการใช้งาน GPS, WiFi, Bluetooth และการใช้งานอินเทอร์เน็ต
 
สำหรับอัลบั้มภาพถ่ายจะสามารถแสดงภาพถ่ายได้ 2 แบบ คือ แบบแสดงภาพถ่ายทั้งหมด และแบบแยกอัลบั้ม
 
นอกจากนี้ ยังสามารถสำรองข้อมูล รายชื่อโทรศัพท์ กับข้อความ SMS ได้ผ่านแอปพลิเคชัน O-Cloud เรียกได้ว่า ไม่ต้องกังวลเรื่องจ้อมูลจะสูญหายอีกต่อไป แต่ก่อนที่จะใช้งาน O-Cloud จะต้องสมัครบัญชีผู้ใช้เสียก่อน
 
OPPO ยังเพิ่มความสะดวกสบายให้กับผู้ใช้ โดยการใส่แอปพลิเคชัน WPS Office มาไว้ใน OPPO R7 Plus จึงทำให้ คุณก็ยังสามารถสร้างไฟล์เอกสาร หรือแก้ไขงานต่างๆ ได้แบบง่ายๆ โดยไม่จำเป็นต้องพึ่งพาโน๊ตบุ๊คอีกต่อไป เรียกได้ว่า ชีวิตง่ายขึ้นเยอะ

OPPO R7 Plus จะมีหน่วยความจำภายในขนาด 32 GB
 
อีกหนึ่งฟีเจอร์ที่น่าสนใจบน OPPO R7 Plus คือ เซ็นเซอร์สแกนลายนิ้ว ที่จะช่วยเพิ่มความปลอดภัยไม่ให้ข้อมูลส่วนตัวของคุณภายในเครื่องรั่วไหลออกไป อีกทั้ง ยังสามารถตั้งค่าเพิ่มจำนวนลายนิ้วมือได้สูงสุดถึง 5 ลายนิ้วมือ
 
นอกจากนี้ OPPO R7 Plus ยังสามารถ เปิด-ปิด การสั่งงานด้วยท่าทางได้ เช่น เคาะที่หน้าจอแสดงผล 2 ครั้ง เพื่อปลุกการทำงานของตัวเครื่อง, วาดตัวโอเพื่อเปิดใช้งานกล้อง และสามารถเพิ่มท่าทางด้วยตนเองได้อีกด้วย
 
สามารถ เปิด-ปิด การสั่งงานด้วยนิ้วมือได้อีกหลายแบบด้วยกัน ไม่ว่าจะเป็น การจีบนิ้วมือเพื่อเปิดกล้อง, ดับเบิลคลิกปุ่มโฮมเพื่อล็อกหน้าจอ, การใช้ 3 นิ้วเลื่อนขึ้น หรือลง เพื่อจับภาพหน้าจอ, การใช้ 2 นิ้ว เลื่อนขึ้น หรือลง ในการ เพิ่ม-ลด ระดับของเสียง และการเปิดโหมดการใช้งานมือเดียวด้วยการใช้นิ้วเลื่อนจากมุมขวาล่าง หรือซ้ายล่าง ของหน้าจอ อีกทั้งยังมีฟังก์ชันพิเศษๆ ที่น่าสนใจอีกหลายอย่างด้วยกัน คือ ในขณะที่เปิดดูข้อมูล หรือหมายเลขโทรศัพท์ของบุคคลที่ต้องการติดต่อ เพียงแค่ยกเครื่องไปแนบที่หู OPPO R7 Plus จะทำการโทรออกให้ทันที, รับสายโทรเข้าได้ง่ายๆ เพียงแค่นำโทรศัพท์แนบกับใบหู, ปิดการใช้งานลำโพงเสียงภายนอก เพียงแค่นำโทรศัพท์แนบกับใบหู และคว่ำโทรศัพท์เพื่อปิดเสียง
 
ส่วนแอปพลิเคชันสำหรับฟังเพลงก็มีให้ใช้งานบน OPPO R7 Plus ด้วยเช่นกัน และที่พิเศษไปกว่านั้น คือ คุณสามารถเปิดใช้งานระบบเสียง Dirac HD Sound ได้ ราวกับว่ามีเครื่องเสียงชั้นดีติดตัวอยู่ตลอดเวลา

ด้วยหน้าจอแสดงผลความละเอียด 1920x1080 พิกเซล จึงทำให้ OPPO R7 Plus สามารถเปิดเล่นไฟล์วิดีโอความละเอียดระดับ Full HD (1080p) ได้อย่างไหลลื่น และยังสามารถแสดงผลรายละเอียดต่างๆ ได้คมชัด สมจริง

ส่วนฟังก์ชัน Popup Play ก็มีให้ใช้งานบน OPPO R7 Plus ด้วยเช่นกัน
 
สำหรับสเปคเครื่องของ OPPO R7 Plus บอกได้เลยว่า ไม่ยิ่งหย่อนไปกว่าใครแน่นอน โดยจะมากับหน่วยประมวลผลระดับ Octa-Core 64-bit Qualcomm MSM8939 Snapdragon 615 Processor (ซีพียู Quad-Core Cortex-A53 ความเร็ว 1.5 GHz และ Quad-Core Cortex-A53 ความเร็ว 1.0 GHz), หน่วยประมวลผลกราฟิกแบบ Adreno (TM) 405, หน่วยความจำแรม (RAM) ขนาด 3 GB, หน่วยความจำภายในขนาด 32 GB และขับเคลื่อนการทำงานด้วยระบบปฏิบัติการ ColorOS 2.1 (มีพื้นฐานอยู่บน Android 5.1 Lollipop)


ด้วยคุณสมบัติที่จัดอยู่ในระดับที่เรียกได้ว่าเรือธงลำน้อยๆ จึงทำให้ OPPO R7 Plus ตอบโจทย์ในเรื่องของการเล่นเกมได้เป็นอย่างดี และด้วยหน้าจอแสดงผลขนาดใหญ่เต็มตาถึง 6 นิ้ว ยิ่งช่วยเพิ่มความสนุกสนานต่อการเล่นเกม และด้านความบันเทิงอื่นๆ เป็นอย่างมาก
 
และเมื่อนำ OPPO R7 Plus มาทดสอบด้วยแอปพลิเคชัน AnTuTu Benckmark จะได้คะแนนอยู่ที่ 30830 คะแนน

ต่อด้วยการทดสอบด้วยแอปพลิเคชัน GPUbench จะได้คะแนนอยู่ที่ 12722 คะแนน

โดย OPPO R7 Plus จะรองรับการสัมผัสได้สูงสุดพร้อมกัน 3 จุด
 
นอกจากนี้ คุณยังสามารถดาวน์โหลดแอปพลิเคชันอื่นๆ มาติดตั้งเพื่อใช้งานเพิ่มได้ผ่านแอปพลิเคชัน Google Play Store กับ App Store ของทาง OPPO
กล้องดิจิทัล การถ่ายภาพนิ่ง และภาพวิดีโอ
 
สำหรับ Interface กล้องถ่ายภาพบน OPPO R7 Plus ก็มีหน้าตาที่ใช้งานได้ง่าย อีกทั้งยังแสดงไอคอนฟังก์ชันต่างๆ ไว้อย่างชัดเจน และรวมถึงการปรับค่าการใช้งานไฟแฟลช Dual-LED เพียงแค่กดเลือกไปที่ไอคอนไฟแฟลช ก็จะสามารถปรับค่าไฟแฟลชต่างๆ ได้ทันที เช่น เปิด,ปิด หรือออโต้ เป็นต้น ส่วนโหมดการถ่ายภาพก็มีให้เลือกใช้งานหลากหลาย ไม่ว่าจะเป็น โหมดการถ่ายภาพปกติ, โหมดการถ่ายภาพไฟล์ความละเอียดสูง (Ultra HD), โหมดถ่ายภาพหน้าสวย (Beautify) และโหมดถ่ายภาพพาโนราม่า เป็นต้น

และยังสามารถดาวน์โหลดโหมดการถ่ายภาพแบบอื่นๆ มาใช้งานเพิ่มเติมได้อีกด้วย
 
อีกความน่าสนใจบนกล้องถ่ายภาพของ OPPO R7 Plus คือ มีโหมดการถ่ายภาพผู้เชี่ยวชาญ หรือโหมดโปร กับโหมดที่สามารถปรับความเร็วของชัตเตอร์ได้ ซึ่งจะช่วยให้คุณสามารถถ่ายภาพแสงไฟ, แสงไฟท้ายรถ หรือปรับค่าต่างๆ ได้แบบกล้อง DSLR เพื่อถ่ายภาพสวยแบบมือโปร ก็สามารถทำได้เช่นเดียวกัน
 
นอกจากนี้ คุณยังสามารถตั้งค่ากล้องถ่ายภาพด้านหลังแบบอื่นๆ ได้อีกหลายอย่างด้วยกัน ได้แก่ สามารถเลือกความละเอียดของกล้องถ่ายภาพได้ 2 แบบ ได้แก่ 13 ล้านพิกเซล กับ 10 ล้านพิกเซล, สามารถเลือกความละเอียดของการถ่ายวิดีโอได้ 2 แบบ คือ 1080p กับ 720p
 
อีกทั้งยังสามารถ เปิด-ปิด การใช้งานฟีเจอร์อื่นๆ ได้อีกมากมาย ไม่ว่าจะเป็น การสัมผัสเพื่อถ่ายภาพ, การตั้งเวลาเพื่อถ่ายภาพ, การถ่ายภาพด้วยเสียง, ฟังก์ชันการถ่ายรูปแบบต่อเนื่อง, ตาราง 9 ช่อง, เสียงชัตเตอร์ และการระบุตำแหน่งบนภาพถ่าย

รวมไปถึงการเพิ่มฟังก์ชันให้กับปุ่ม เพิ่ม-ลด ระดับของเสียงได้ 3 แบบ ได้แก่ การปรับระดับเสียง, ชัตเตอร์ และซูม
 
ส่วนกล้องดิจิทัลด้านหน้าก็น่าสนใจไม่แพ้กัน โดยจะไม่โหมดการถ่ายภาพให้เลือกใช้งานหลายแบบ ได้แก่ โหมดถ่ายภาพหน้าสวย (Beautify), หรือโหมดการถ่ายภาพไฟล์ความละเอียดสูง (Ultra HD) เป็นต้น
 
และยังมีเอฟเฟกต์สำหรับถ่ายภาพก็มีให้เลือกใช้งานมากมาย
 
นอกจากนี้ คุณยังสามารถตั้งค่ากล้องถ่ายภาพด้านหลังแบบอื่นๆ ได้อีกหลายอย่างด้วยกัน ได้แก่ สามารถเลือกความละเอียดของกล้องถ่ายภาพได้ 2 แบบ ได้แก่ 8 ล้านพิกเซล กับ 6 ล้านพิกเซล, สามารถเลือกความละเอียดของการถ่ายวิดีโอได้ 2 แบบ คือ 1080p กับ 720p
 
อีกทั้งยังสามารถ เปิด-ปิด การใช้งานฟีเจอร์อื่นๆ ได้อีกมากมาย ไม่ว่าจะเป็น การสัมผัสเพื่อถ่ายภาพ, การตั้งเวลาเพื่อถ่ายภาพ, การถ่ายภาพด้วยเสียง, ฟังก์ชันการถ่ายรูปแบบต่อเนื่อง, ตาราง 9 ช่อง, เสียงชัตเตอร์ และการระบุตำแหน่งบนภาพถ่าย

รวมไปถึงการเพิ่มฟังก์ชันให้กับปุ่ม เพิ่ม-ลด ระดับของเสียงได้ 3 แบบ ได้แก่ การปรับระดับเสียง, ชัตเตอร์ และซูม
ตัวอย่างภาพถ่ายจากกล้องดิจิตอลตัวหลักที่ด้านหลังของตัวเครื่อง ความละเอียดระดับ 13 ล้านพิกเซล ของ OPPO R7 Plus

ตัวอย่างภาพที่ถ่ายด้วยโหมดถ่ายภาพปกติ

ตัวอย่างภาพที่ถ่ายด้วยโหมดถ่ายภาพปกติ

ตัวอย่างภาพที่ถ่ายด้วยโหมดถ่ายภาพปกติ

ตัวอย่างภาพที่ถ่ายด้วยโหมดถ่ายภาพปกติ

ตัวอย่างภาพที่ถ่ายด้วยโหมดถ่ายภาพปกติ

ตัวอย่างภาพที่ถ่ายด้วยโหมดถ่ายภาพปกติในสภาพแสงน้อย

ตัวอย่างภาพที่ถ่ายด้วยโหมดถ่ายภาพปกติในสภาพแสงน้อย

ตัวอย่างภาพที่ถ่ายด้วยโหมดถ่ายภาพปกติในสภาพแสงน้อย

ตัวอย่างภาพที่ถ่ายด้วยโหมดถ่ายภาพปกติในสภาพแสงน้อย
 
ตัวอย่างภาพที่ถ่ายด้วยโหมดถ่ายภาพปกติในสภาพแสงน้อย

ตัวอย่างภาพที่ถ่ายด้วยโหมดถ่ายภาพปกติในสภาพแสงน้อย

ตัวอย่างภาพที่ถ่ายด้วยโหมดถ่ายภาพปกติในสภาพแสงน้อย

ตัวอย่างภาพที่ถ่ายด้วยโหมดถ่ายภาพปกติในสภาพแสงน้อย

ตัวอย่างภาพที่ถ่ายด้วยโหมดถ่ายภาพซูเปอร์มาโคร

ตัวอย่างภาพที่ถ่ายด้วยโหมดถ่ายภาพซูเปอร์มาโคร

ตัวอย่างภาพที่ถ่ายด้วยโหมดถ่ายภาพซูเปอร์มาโคร
ตัวอย่างภาพถ่ายโหมด หน้าสวย (Beautify) ของ OPPO R7 Plus
 
ภาพถ่ายด้วยโหมดถ่ายภาพหน้าสวย (Beautify) ปรับค่าระดับน้อย
 
ภาพถ่ายด้วยโหมดถ่ายภาพหน้าสวย (Beautify) ปรับค่าระดับกลาง
 
ภาพถ่ายด้วยโหมดถ่ายภาพหน้าสวย (Beautify) ปรับค่าระดับสูงสุด
สรุปผลการทดสอบของ OPPO R7 Plus

นับว่าเป็นสมาร์ทโฟนเรือธงรุ่นใหม่อีกรุ่นหนึ่งที่น่าสนใจมากๆ ครับ สำหรับ OPPO R7 Plus ทั้งในเรื่องดีไซน์ของตัวเครื่อง วัสดุที่ใช้ คุณสมบัติของตัวเครื่อง และกล้องดิจิทัล เรียกได้ว่า ทาง OPPO ใส่ใจทุกรายละเอียดจริงๆ โดยเริ่มตั้งแต่การคัดสรรค์วัสดุที่ใช้ในการผลิตตัวเครื่องให้มีความแข็งแรงทนทาน ซึ่งจะเป็นวัสดุเกรดเดียวกันกับที่ใช้ผลิตเครื่องบิน (Aircraft-Grade Magnesium Aluminium Alloy) ผู้ใช้งานจึงมั่นใจได้ในเรื่องของความแข็งแรงทนทาน อีกทั้งยังใช้เทคโนโลยีการผลิตตัวเครื่องด้วยโลหะที่ถูกขึ้นรูปเป็นชิ้นเดียวกัน (All-Metal Unibody) บอกได้เลยว่า สวยงามลงตัวมากๆ และถึงแม้ OPPO R7 Plus จะมีหน้าจอแสดงผลที่ใหญ่ถึง 6 นิ้ว แต่ด้วยความที่เป็นกระจกขอบโค้งแบบ 2.5D พร้อมความบางเพียง 7.8 มิลลิเมตร กับพื้นผิวตัวเครื่องแบบด้าน จึงไม่ต้องห่วงว่า ตัวเครื่องจะลื่นหลุดมือได้ง่าย แต่กลับจับ หรือถือได้ถนัดมืออย่างไม่เชื่ออีกต่างหาก
นอกจากนี้คุณสมบัติของตัวเครื่องที่ใส่มาใน OPPO R7 Plus ถือว่าเป็นสมาร์ทโฟนที่เกิดมาเพื่อความบันเทิงอย่างแท้จริงอีกด้วย ไม่ว่าจะเป็นหน้าจอแสดงผลขนาดใหญ่ถึง 6 นิ้ว แบบ AMOLED ที่ขึ้นชื่อในเรื่องของการแสดงผลที่สวยงามสีสันสดใส กับความละเอียดคมชัดระดับ Full HD 1080p (1920x1080 พิกเซล) โดยเป็นกระจกขอบโค้งแบบ 2.5D Arc Edge Screen และเสริมความแข็งแกร่งด้วยกระจกหน้าจอแบบ Corning Gorilla Glass 3 ที่ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการป้องกันแรงกระแทก หรือรอยขีดข่วนได้ดี,
และยังมาพร้อมกับหน่วยประมวลผล Octa-Core 64-bit Qualcomm MSM8939 Snapdragon 615, หน่วยประมวลผลกราฟิกแบบ Adreno 405, หน่วยความจำแรม (RAM) ขนาด 3 GB, หน่วยความจำภายในขนาด 32 GB และขับเคลื่อนการทำงานด้วยระบบปฏิบัติการ ColorOS 2.1 (มีพื้นฐานอยู่บนระบบปฏิบัติการ Android 5.1 Lollipop) ซึ่งจากการทดสอบด้วยการเล่นเกมที่มีกราฟิกสูง กับเปิดเล่นไฟล์วิดีโอความละเอียดระดับ Full HD (1080p) บอกได้เลยว่า OPPO R7 Plus ตอบสนองต่อการใช้งานได้อย่างไหลลื่น ไม่มีอาการสะดุด แถมยังแสดงผลรายละเอียดต่างๆ ออกมาได้อย่างคมชัด สมจริง และสีไม่เพี้ยนเลยก็ว่าได้ ที่พิเศษไปกว่านั้น คือ ระบบเสียง Dirac HD Sound บน OPPO R7 Plus จะทำให้คุณเพลิดเพลินกับการฟังเพลงราวกับว่ามีเครื่องเสียงชั้นดีติดตัวอยู่ตลอดเวลา
OPPO R7 Plus ยังมีความพิเศษตรงที่สามารถรองรับการใช้งานได้พร้อมกัน 2 ซิมการ์ด พร้อมทั้งสามารถใช้งานอินเทอร์เน็ตความเร็วสูงผ่านระบบ 4G LTE กับ 3G ได้ครบทุกคลื่นความถี่ และยังมีเซ็นเซอร์สแกนลายนิ้วมือ ซึ่งจะช่วยเพิ่มความปลอดภัย พร้อมปกป้องข้อมูลภายในเครื่องได้เป็นอย่างดีอีกด้วย นอกจากนี้ แบตเตอรี่ของ OPPO R7 Plus ยังมีขนาดใหญ่ถึง 4100 mAh จึงมั่นใจได้เลยว่า คุณจะสามารถใช้งาน OPPO R7 Plus ได้ต่อเนื่องยาวนานตลอดทั้งวัน แต่บางท่านก็ยังคงมีคำถามในใจว่าแบตเตอรี่ใหญ่ขนาดนี้ คงต้องใช้เวลาชาร์จนานใช่หรือไม่? ก็ต้องขอตอบตรงนี้เลยว่าไม่นานอย่างที่คิด เพราะว่าทาง OPPO ได้ตัดปัญหาการชาร์จแบตเตอรี่เป็นเวลานานด้วยการใส่เทคโนโลยีการชาร์จแบตเตอรี่ความเร็วสูงแบบ VOOC Flash Charge มาให้นั่นเอง
และที่จะไม่พูดถึงไม่ได้เลยนั่นคือ กล้องดิจิทัลบน OPPO R7 Plus ที่บอกได้เลยว่าทาง OPPO เอาใจคนรักการถ่ายภาพเป็นพิเศษเลยก็ว่าได้ โดย OPPO R7 Plus จะมาพร้อมกับกล้องดิจิทัลด้านหลังความละเอียด 13 ล้านพิกเซล (รูรับแสง F/2.2) (เซ็นเซอร์ Sony IMX278) ซึ่งจะเลือกใช้เลนส์คุณภาพสูง และมีโครงสร้างภายใน ที่ได้รับการรับรองตามมาตรฐานของ Schneider Kreuznach Certified พร้อมด้วยระบบโฟกัสภาพด้วยลำแสงเลเซอร์ (Laser Autofocus) ที่จะช่วยให้การโฟกัสภาพมีความรวดเร็วแม่นยำมากเป็นพิเศษ และจากการทดสอบการถ่ายภาพทั้งในสภาพแสงปกติ กับในสภาพแสงน้อย บอกได้เลยว่า ภาพถ่ายที่ได้นั้น อยู่ในระดับที่น่าพอใจมากๆ ทั้งในเรื่องของความคมชัด กับสีสันที่สมจริง ไม่เพียงเท่านั้น OPPO R7 Plus ยังมีโหมดการถ่ายภาพให้เลือกใช้งานมากมาย ที่จะทำให้คุณสนุกไปการถ่ายภาพแบบไม่รู้เบื่อ ส่วนกล้องดิจิทัลด้านหน้าก็มีทีเด็ดไม่แพ้กัน โดยจะมีความละเอียดสูงถึง 8 ล้านพิกเซล และมาพร้อมกับโหมดถ่ายภาพหน้าสวย (Beautify เวอร์ชัน 3.0) ที่สามารถปรับผิวบนใบหน้าให้ดูเรียบเนียนมีน้ำมีนวลได้ถึง 3 ระดับ บอกได้เลยว่า เลิศมากๆ และต้องถูกอกถูกใจคนรักการถ่ายภาพเซลฟี่เป็นที่สุดอย่างแน่นอน
สำหรับ OPPO R7 Plus ได้วางจำหน่ายในประเทศไทยเป็นที่เรียบร้อยแล้ว โดยมีราคาค่าตัวอยู่ที่ 16,990 บาท ซึ่งโดยรวมแล้ว OPPO R7 Plus รุ่นนี้ก็น่าจะเหมาะกับผู้ที่ต้องการสมาร์ทโฟนจอใหญ่ๆ พร้อมสเปคไฮเอนด์ ดีไซน์สวยหรูบางเฉียบ มีเซ็นเซอร์สแกนลายนิ้วมือ แบตเตอรี่อึดๆ และกล้องถ่ายภาพสวยๆ หรือเรียกง่ายๆ ว่าต้องการสเปคระดับเรือธง ในราคาที่พอเอื้อมถึงได้ สุดท้ายนี้ ต้องขอขอบคุณทาง OPPO ประเทศไทย ที่ให้ความไว้วางใจส่งเครื่อง OPPO R7 Plus มาให้ทางทีมงานได้ทำการรีวิวให้ท่านผู้อ่านได้รับชมกัน พบกันได้ใหม่ ในโอกาสหน้า สำหรับวันนี้ต้องขอลาไปก่อน สวัสดีครับ
จุดเด่นของ OPPO R7 Plus
- เทคโนโลยีการผลิตตัวเครื่องแบบ All-Metal Unibody (กรอบตัวเครื่องโลหะถูกขึ้นรูปเป็นชิ้นเดียวกัน) พร้อมการออกแบบดีไซน์ที่ดูเรียบหรูบางเฉียบ และดูเป็นผลิตภัณฑ์ระดับพรีเมียม
- ใช้วัสดุเกรดเดียวกันกับวัสดุที่ใช้ผลิตเครื่องบิน (Aircraft-Grade Magnesium Aluminium Alloy)
- จอแสดงผลแบบ AMOLED Capacitive Touchscreen 16,700,000 สี ความละเอียด 1920x1080 Pixels (Full HD 1080p : กว้าง 6.0 นิ้ว : 367 ppi) พร้อมกระจกขอบโค้งแบบ 2.5D Arc Edge Screen และกระจกหน้าจอแบบ Corning Gorilla Glass 3 ที่ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการป้องกันแรงกระแทก หรือรอยขีดข่วน
- มีเซ็นเซอร์สแกนลายนิ้วมือที่ด้านหลังของตัวเครื่อง (Fingerprint Sensor)
- ประมวลผลการทำงานด้วย Octa-Core 64-bit Qualcomm MSM8939 Snapdragon 615 Processor (ซีพียู Quad-Core Cortex-A53 ความเร็ว 1.5 GHz และ Quad-Core Cortex-A53 ความเร็ว 1.0 GHz)
- หน่วยความจำ RAM ขนาด 3 GB
- หน่วยความจำภายในสำหรับเก็บบันทึกข้อมูลขนาด 32 GB
- รองรับการ์ดหน่วยความจำเสริมภายนอกแบบ microSD Card (TransFlash) ได้สูงสุดขนาด 128 GB
- ขับเคลื่อนการทำงานด้วยระบบปฏิบัติการ ColorOS เวอร์ชัน 2.1 (Android 5.1 Lollipop)
- กล้องดิจิทัลตัวหลักที่ด้านหลังของตัวเครื่อง ความละเอียดระดับ 13 ล้านพิกเซล พร้อมเซ็นเซอร์รับภาพ Sony IMX278, เลนส์คุณภาพสูงแบบ Schneider-Kreuznach Optics, รูรับแสง (Aperture) กว้างสูงสุดที่ F/2.2, ไฟแฟลชในตัว (Dual-LED Flash), เทคโนโลยีประมวลผลภาพแบบ PI Engine (PI 2.0+), ระบบโฟกัสภาพอัตโนมัติด้วยลำแสงเลเซอร์ (Laser Autofocus) และรองรับการถ่ายวิดีโอได้ที่ความละเอียดสูงสุดระดับ Full HD 1080p (1920x1080 Pixels : 30 fps)
- กล้องดิจิทัลขนาดเล็กที่ด้านหน้าของตัวเครื่อง ความละเอียดระดับ 8 ล้านพิกเซล พร้อมเซ็นเซอร์รับภาพแบบ OmniVision OV8858, รูรับแสงขนาด F/2.4 และโหมดถ่ายภาพแบบ Beautify 2.0+
- รองรับการเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตผ่านทางระบบ 4G LTE, 3G, WiFi, EDGE และ GPRS
- รองรับการใช้งาน 2 ซิมการ์ดพร้อมกันภายในเครื่องเดียว (Dual SIM : Dual Standby : ช่องซิมการ์ดที่สองใช้งานร่วมกับการ์ดหน่วยความจำแบบ microSD)
- ระบบ GPS ในตัว (Global Positioning System : ระบบดาวเทียมนำร่อง) พร้อมฟังก์ชัน A-GPS และรองรับระบบดาวเทียม GLONASS ของรัสเซีย
- แบตเตอรี่ Li-Ion Polymer ความจุ 4100 mAh พร้อมรองรับเทคโนโลยี VOOC Flash Charge (ชาร์จแบตเตอรี่ได้ 75% ภายในเวลา 30 นาที, ชาร์จแบตเตอรี่ 5 นาที ใช้สนทนาได้นาน 2 ชั่วโมง)
- ระบบเสียงแบบ Dirac HD Sound
จุดที่อาจจะต้องพิจารณาเพิ่มเติมของ OPPO R7 Plus
- ตัวเครื่องมีขนาดใหญ่ และมีพื้นผิวบางส่วนที่ค่อนข้างมันลื่น การจับถือใช้งานด้วยมือข้างเดียวอาจไม่คล่องตัวมากนัก
- ไม่มีวิทยุ FM ในตัว
- เครื่องมีการสะสมความร้อนแบบรู้สึกได้ ในขณะที่ตัวเครื่องมีการประมวลผลสูง เช่นระหว่างการ เล่นเกม เป็นต้น
- ตัวเครื่องเป็นดีไซน์แบบไม่มีฝาหลัง จึงไม่สามารถถอดเปลี่ยนแบตเตอรี่ได้เอง
- เครื่องที่วางจำหน่ายในประเทศไทย มีให้เลือกเฉพาะสีทองเท่านั้น
- ช่องใส่ซิมการ์ดที่สอง ต้องใช้งานร่วมกับการ์ดหน่วยความจำแบบ microSD ไม่สามารถใส่พร้อมกันได้ ต้องเลือกใส่อย่างใดอย่างหนึ่ง
โปรดทราบ
* โทรศัพท์มือถือที่ท่านเห็นในบทความรีวิวนี้เป็นเพียงเครื่องทดสอบจากทางศูนย์ เพราะฉะนั้นคุณสมบัติบางอย่างอาจมีความแตกต่างจากเครื่องที่วางจำหน่ายจริงบ้างไม่มากก็น้อย รวมถึงจุดด้อยบางประการที่พบในเครื่องทดสอบ อาจจะถูกแก้ไขปรับปรุงให้ดีขึ้นในเครื่องที่วางจำหน่ายจริง ดังนั้นหากท่านสนใจซื้อโทรศัพท์มือถือรุ่นนี้ ควรตรวจสอบหรือทดลองใช้งานสินค้าด้วยตนเองอีกครั้งหนึ่ง *
สรุปคุณสมบัติเครื่อง
ท่านสามารถตรวจสอบคุณสมบัติแบบสรุป (Specification) ของ OPPO R7 Plus ได้โดยการคลิกที่ลิงก์ด้านล่างนี้
OPPO R7 Plus Specification title="Sony Xperia ZL Specification">

:: ไปหน้าแรกเว็บไซต์ Thaimobilecenter
| ไปหน้าแรก
Mobile Focus ::
|