รีวิว (Review) OPPO F1
สมาร์ทโฟนฉายา Selfie Expert ด้วยกล้องหน้า 8 ล้านพิกเซล พร้อมรูรับแสง F/2.0 และฟังก์ชัน Screen Flash ที่ให้คุณถ่ายเซลฟี่ได้สวยหล่อเป๊ะเวอร์! ในทุกสภาพแสง พ่วง RAM 3GB เพื่อการใช้งานที่ลื่นไหลไม่มีสะดุด ในราคาเพียง 8,990 บาท
Review
Date (9-กุมภาพันธ์-2559)

เมื่อวันที่ 12 มกราคม 2559 ที่ผ่านมา ทาง OPPO ได้ทำการเปิดตัวสมาร์ทโฟนรุ่นแรกในตระกูล F-Series นามว่า OPPO F1 ที่มาพร้อมกับฉายาเฉพาะตัวว่า Sefie Expert ซึ่งแปลความหมายง่ายๆ คือ เป็นสมาร์ทโฟนที่เกิดมาเพื่อคนรักการถ่ายภาพเซลฟี่นั่นเอง
เริ่มจากการออกแบบดีไซน์ของ OPPO F1 ก็ถือว่ามีความโดดเด่นเป็นอย่างยิ่ง โดยตัวเครื่องของ OPPO F1 นั้นผลิตจากวัสดุโลหะ พร้อมเส้นขอบคู่สีเงิน ที่ทำมุมโค้ง 60 องศา ทั้งสี่มุม ช่วยให้เวลาถือใช้งานจะรู้สึกกระชับมือเป็นพิเศษ และเป็นดีไซน์แบบเมทัลลิคที่ให้ความรู้สึกหรูหราพรีเมียม แต่กลับให้สัมผัสที่นุ่มนวลดุจกำมะหยี่ นอกจากนี้ ทาง OPPO ยังเลือกใช้กระจกหน้าจอแบบ 2.5D Corning Gorilla Glass 4 เพื่อเพิ่มความแข็งแรงทนทานให้กับหน้าจอแสดงผลของ OPPO F1 อีกด้วย เรียกได้ว่า ใส่ใจในทุกรายละเอียดตั้งแต่การเลือกวัสดุเลยก็ว่าได้
ทางด้านคุณสมบัติตัวเครื่องของ OPPO F1 ก็นับว่าอัดแน่นครบเครื่อง และพร้อมตอบโจทย์ทุกการใช้งาน โดยมาพร้อมกับหน้าจอแสดงผลแบบ IPS LCD ความละเอียดระดับ HD 720p (1280x720 พิกเซล) พร้อมด้วยหน่วยประมวลผลแบบ Octa-Core Qualcomm MSM8939v2 Snapdragon 616 (ARM Cortex-A53) ความเร็วในการประมวลผล 1.7 GHz, หน่วยประมวลผลกราฟิกแบบ Adreno 405, หน่วยความจำภายในขนาด 16 GB, หน่วยความจำแรม (RAM) ขนาด 3 GB และขับเคลื่อนการทำงานด้วยระบบปฏิบัติการ Color OS เวอร์ชัน 2.1 (มีพื้นฐานอยู่บนระบบปฏิบัติการ Android OS เวอร์ชัน 5.1.1 Lollipop) นอกจากนี้ OPPO F1 สามารถรองรับการใช้งานได้พร้อมกันสองซิมการ์ด และรองรับการเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตผ่านระบบ 4G LTE กับ 3G ได้
มาถึงจุดขายสำคัญบน OPPO F1 นั่นคือ กล้องถ่ายภาพ และที่มาของฉายาเฉพาะตัวว่า Selfie Expert ก็คือกล้องดิจิทัลด้านหน้าของ OPPO F1 ที่มีความละเอียด 8 ล้านพิกเซล ซึ่งมีเซ็นเซอร์รับภาพขนาด 1/4 นิ้ว กับขนาดรูรับแสง F/2.0 สำหรับรองรับการถ่ายภาพในทุกสภาพแสง ส่วนกล้องดิจิทัลด้านหลังก็น่าสนใจไม่แพ้กัน โดยจะมีความละเอียดอยู่ที่ 13 ล้านพิกเซล กับขนาดรูรับแสง F/2.4 พร้อมไฟแฟลช LED และที่พิเศษไปกว่านั้น คือ มีระบบโฟกัสภาพอัตโนมัติแบบ PDAF (Phase Detection Autofocus) ที่สามารถโฟกัสภาพได้รวดเร็วดั่งกล้อง DSLR เลยก็ว่าได้
สำหรับ OPPO F1 ยังมีจุดเด่นที่น่าสนใจอีกมากมาย ซึ่งในวันนี้ทางทีมงานไทยโมบายเซ็นเตอร์จะพาทุกท่านไปรู้จักกับ OPPO F1 แบบเจาะลึกในทุกแง่มุม ไม่ว่าจะเป็นในเรื่องของดีไซน์, คุณสมบัติของตัวเครื่อง, ฟีเจอร์ที่น่าสนใจ และกล้องถ่ายภาพ ว่าจะคุ้มค่าคุ้มราคากับค่าตัวที่ 8,990 บาท มากน้อยเพียงใด แวะมาติดตามไปพร้อมๆ กันได้เลยครับ
รูปลักษณ์ภายนอกตัวเครื่อง และการออกแบบดีไซน์

OPPO F1 จะมาพร้อมหน้าจอแสดงผลแบบ IPS LCD Capacitive Touchscreen 16,700,000 สี ความละเอียดระดับ 1280x720 พิกเซล (HD 720p) ซึ่งใช้กระจกหน้าจอแบบ 2.5D Corning Gorilla Glass 4 โดยจะมีขนาดของตัวเครื่องอยู่ที่ 143.5x71x7.25 มิลลิเมตร กับน้ำหนัก 134 กรัม นอกจากนี้ ตัวหน้าจอแสดงผลยังมีฟังก์ชัน Screen Flash ที่ใช้แสงสว่างของหน้าจอทำหน้าที่เป็นไฟแฟลชเพื่อการถ่ายภาพเซลฟี่

ด้านหน้าส่วนบนจะประกอบไปด้วยกล้องดิจิทัลความละเอียด 8 ล้านพิกเซล ซึ่งเซ็นเซอร์รับภาพจะมีขนาด 1/4 นิ้ว กับรูรับแสงกว้าง F/2.0, ลำโพงสำหรับฟังขณะทำการสนทนา, ระบบ Accelerometer Sensor สำหรับช่วยหมุนหรือปรับเปลี่ยนทิศทางการแสดงผลของหน้าจอให้แบบอัตโนมัติ ตามลักษณะการจับถือของผู้ใช้, ระบบ Proximity Sensor สำหรับการปิดหน้าจอแบบอัตโนมัติขณะสนทนา เพื่อประหยัดพลังงาน และสัญญาณไฟ LED สำหรับการแจ้งสถานะต่างๆ เช่น สัญญาณไฟเมื่อมีสายที่ไม่ได้รับ หรือสัญญาณไฟขณะชาร์จแบตเตอรี่ เป็นต้น

ด้านหน้าส่วนล่างจะมาพร้อมกับปุ่มสั่งงานแบบสัมผัส (Touch Panel) ได้แก่ ปุ่มเมนู หรือปุ่ม Recent App (กดปุ่มเมนูค้างเอาไว้ประมาณ 2 วินาทีเพื่อเรียกใช้งานฟังก์ชัน Recent App), ปุ่มโฮม และปุ่มย้อนกลับ

ด้านบนของตัวเครื่องจะมีเพียงช่องเชื่อมต่อกับหูฟังแบบมาตรฐานขนาด 3.5 มิลลิเมตร

ด้านล่างของตัวเครื่องจะมีไมโครโฟน กับช่องเชื่อมต่อแบบ microUSB สำหรับส่งผ่านข้อมูล หรือชาร์จแบตเตอรี่

ด้านขวาของตัวเครื่องจะมีปุ่ม เปิด-ปิด เครื่อง หรือล็อกหน้าจอ กับถาดใส่ซิมการ์ดที่ 1 และซิมการ์ดที่ 2

โดยซิมการ์ดที่ใช้จะเป็นแบบ microSIM ในช่องซิมการ์ดที่ 1 กับแบบ nanoSIM ในช่องซิมการ์ดที่ 2 ซึ่งในช่องซิมการ์ดที่ 2 จะต้องเลือกใช้งานระหว่างซิมการ์ดที่ 2 หรือการเพิ่มหน่วยความจำภายนอกแบบ microSD ซึ่งจะไม่สามารถใช้งานพร้อมกันได้

ด้านซ้ายของตัวเครื่องจะมีปุ่ม เพิ่ม-ลด ระดับของเสียง

บอดี้ตัวเครื่องผลิตจากวัสดุโลหะที่มีความแข็งแกร่ง และให้ภาพลักษณ์ที่ดูหรูหราพรีเมียม แต่ไม่สามารถถอดเปลี่ยนแบตเตอรี่ได้

ด้านหลังของตัวเครื่องจะประกอบไปด้วยกล้องดิจิทัลความละเอียด 13 ล้านพิกเซล ที่มีรูรับแสงขนาด F/2.2 พร้อมไฟแฟลช LED และลำโพงเสียงภายนอก

ขอบตัวเครื่องของ OPPO F1 จะเป็นวัสดุโลหะ พร้อมเส้นขอบคู่สีเงิน โดยทำมุมโค้ง 60 องศา เพื่อให้ผู้ใช้งานรู้สึกได้ถึงความพรีเมียม และสามารถจับถือได้ถนัดมือ
เปิดเครื่องใช้งาน พร้อมการทดสอบฟังก์ชัน และแอปพลิเคชันต่างๆ
 
OPPO F1 ขับเคลื่อนการทำงานด้วยระบบปฏิบัติการ ColorOS 2.1 (มีพื้นฐานอยู่บนระบบปฏิบัติการ Android 5.1.1 Lollipop)

สำหรับหน่วยความจำภายในจะมีความจุอยู่ที่ 16 GB
 
มีฟังก์ชันการแจ้งเตือนต่างๆ อาทิ มีข้อความใหม่ หรือสายที่ไม่ได้รับ เป็นต้น และยังสามารถ เปิด-ปิด ฟังก์ชันลัดได้อีกหลายอย่างด้วยกัน เช่น WiFi หรือ GPS เป็นต้น
 
หน้าจอโฮมสกรีนสามารถปรับแต่งได้หลากหลายรูปแบบ ไม่ว่าจะเป็น การนำวิดเจ็ตที่ใช้บ่อยมาไว้ที่หน้าจอโฮมสกรีน, สามารถเปลี่ยนวอลเปเปอร์ได้
 
สามารถ เปิด-ปิด Launcher สำหรับฟังเพลงได้, สามารถเปลี่ยนเอฟเฟกต์การปลดล็อกหน้าจอได้
 
สามารถเปลี่ยนธีมได้หลากหลาย และยังสามารถดาวน์โหลดธีมอื่นๆ ได้ผ่านแอปพลิเคชัน Theme Store
 
ด้านบริการต่างๆ จากทาง Google ก็มีให้ใช้งานอย่างครบครันบน OPPO F1
 
สำหรับฟังก์ชันโทรศัพท์ก็ใช้งานได้ง่ายเหมือนเช่นเคย และสามารถเข้าสู่รายชื่อโทรศัพท์ทั้งหมดได้เพียงแค่เลือกที่ไอคอนรูปคน
 
อัลบั้มภาพถ่ายสามารถแสดงภาพถ่ายได้ 2 แบบ คือ แบบรวมภาพถ่ายทั้งหมด กับแบบแยกอัลบั้ม อีกทั้งยังเข้าสู่กล้องถ่ายภาพได้ทันที เพียงเลือกที่ไอคอนรูปกล้องถ่ายภาพ

OPPO F1 มีบริการสำรองข้อมูลให้งาน โดยคุณสามารถสำรองข้อมูลผู้ติดต่อ กับข้อความได้ผ่านระบบคลาวด์ด้วยแอปพลิเคชัน O-Clound
 
OPPO F1 มาพร้อมกับแอปพลิเคชัน ศูนย์รักษาความปลอดภัย ที่สามารถตั้งค่าความเป็นส่วนตัวต่างๆ โดยคุณสามารถป้องกันการเข้าถึงแอปพลิเคชันที่คุณไม่ต้องการให้บุคคลอื่นเห็น, สามารถบล็อคสายเบอร์โทรศัพท์ที่ไม่ต้องการให้ติดต่อ หรือตั้งค่าการใช้งานของปริมาณอินเทอร์เน็ต รวมไปถึงการ ซ่อนรูปภาพ, ซ่อนวิดีโอ และซ่อนแอปพลิเคชัน ก็สามารถทำได้เช่นเดียวกัน

นอกจากนี้ คุณสามารถเปิดใช้งานฟังก์ชันการประหยัดพลังงานแบบพิเศษได้ โดยตัวฟังก์ชันจะทำการปิดการเชื่อมต่อทั้งหมด และจะเปิดให้ใช้งานเฉพาะโทรศัพท์ และข้อความ เท่านั้น ซึ่งช่วยในการประหยัดพลังงานมากที่สุดนั่นเอง
 
และสามารถเปิดอ่านไฟล์เอกสาร หรือสร้างไฟล์เอกสารได้ทั้ง Word, Excel และ PowerPoint ผ่านแอปพลิเคชัน Kingsoft Office
 
OPPO F1 จะสามารถตั้งค่า เปิด-ปิด การสั่งงานด้วยท่าทางได้ เช่น เคาะที่หน้าจอแสดงผล 2 ครั้ง เพื่อปลุกการทำงานของ OPPO F1, วาดตัวโอเพื่อเปิดใช้งานกล้อง และสามารถเพิ่มท่าทางด้วยตนเองได้
 
สามารถ เปิด-ปิด การสั่งงานด้วยนิ้วมือได้อีกหลายแบบด้วยกัน ไม่ว่าจะเป็น การจีบนิ้วมือเพื่อเปิดกล้อง, ดับเบิลคลิกปุ่มโฮมเพื่อล็อกหน้าจอ, การใช้ 3 นิ้วเลื่อนขึ้น หรือลง เพื่อจับภาพหน้าจอ, การใช้ 2 นิ้ว เลื่อนขึ้น หรือลง ในการ เพิ่ม-ลด ระดับของเสียง และการเปิดโหมดการใช้งานมือเดียวด้วยการใช้นิ้วเลื่อนจากมุมขวาล่าง หรือซ้ายล่าง ของหน้าจอ อีกทั้งยังมีฟังก์ชันพิเศษๆ ที่น่าสนใจอีกหลายอย่างด้วยกัน คือ ในขณะที่เปิดดูข้อมูล หรือหมายเลขโทรศัพท์ของบุคคลที่ต้องการติดต่อ เพียงแค่ยกเครื่องไปแนบที่หู OPPO F1 จะทำการโทรออกให้ทันที, รับสายโทรเข้าได้ง่ายๆ เพียงแค่นำโทรศัพท์แนบกับใบหู, ปิดการใช้งานลำโพงเสียงภายนอก เพียงแค่นำโทรศัพท์แนบกับใบหู และคว่ำโทรศัพท์เพื่อปิดเสียง
 
นอกจากนี้ OPPO F1 ยังมาพร้อมกับแอปพลิเคชันสำหรับฟังเพลง แต่น่าเสียดายที่ทาง OPPO ไม่ได้ใส่ฟังก์ชันสำหรับปรับค่าอีควอไลเซอร์มาให้
 
ส่วนแอปพลิเคชันสำหรับฟังวิทยุ FM ก็มีให้ใช้งานบน OPPO F1 ด้วยเช่นกัน

ทางด้านการเปิดรับชมไฟล์วิดีโอความละเอียดสูงระดับ Full HD (1080p) OPPO F1 ก็สามารถตอบสนองด้านการแสดงผลภาพได้ดี แต่ด้วยหน้าจอแสดงผลของ OPPO F1 มีความละเอียดเพียงแค่ 1280x720 พิกเซล จึงไม่สามารถแสดงผลได้เต็มความละเอียดของไฟล์วิดีโอได้

ส่วนฟังก์ชัน Popup Play ก็มีให้ใช้งานบน OPPO F1 ด้วยเช่นกัน
 
OPPO F1 จะมาพร้อมกับหน่วยประมวลผลแบบ Octa-Core Qualcomm MSM8939v2 Snapdragon 616 (ARM Cortex-A53) ความเร็วในการประมวลผล 1.7 GHz, หน่วยประมวลผลกราฟิกแบบ Adreno 405, หน่วยความจำภายในขนาด 16 GB, หน่วยความแรม (RAM) ขนาด 3 GB และขับเคลื่อนการทำงานด้วยระบบปฏิบัติการ Color OS เวอร์ชัน 2.1 (มีพื้นฐานอยู่บนระบบปฏิบัติการ Android OS เวอร์ชัน 5.1.1 Lollipop)


ถึงแม้ว่าคุณสมบัติด้านการประมวลผลของ OPPO F1 จะไม่ได้แรงเทียบเท่าระดับสมาร์ทโฟนระดับเรือธงอย่าง OPPO R7s แต่คุณสมบัติที่มีอยู่ก็ตอบสนองต่อการใช้งานได้ดีไม่แพ้กัน ไม่ว่าจะเป็นการเล่นเกมกราฟิกแบบสามมิติที่มีรายละเอียดค่อนข้างเยอะ หรือการเปิดเล่นไฟล์วิดีโอความละเอียดระดับ Full HD (1080p) ก็ตอบสนองต่อการใช้งานได้ดี ไม่มีอาการหน่วง และตัวเครื่องไม่สะสมความร้อนอีกด้วย
 
และเมื่อนำ OPPO F1 มาทดสอบด้วยแอปพลิเคชัน AnTuTu Benchmark ก็จะได้คะแนนอยู่ที่ 36249 คะแนน

ต่อด้วยการทดสอบด้วยแอปพลิเคชัน AnTuTu 3DRating Benchmark ก็จะได้คะแนนอยู่ที่ 6923 คะแนน

สำหรับ OPPO F1 สามารถรองรับการสัมผัสได้พร้อมกันสูงสุด 10 จุด
 
โดยคุณสามารถดาวน์โหลดแอปพลิเคชันอื่นๆ มาใช้งานเพิ่มเติมได้ผ่านทางแอปพลิเคชัน Google Play Store
กล้องดิจิทัล การถ่ายภาพนิ่ง และภาพวิดีโอ
 
สำหรับฟังก์ชันของกล้องดิจิทัลจะมีหน้าตาที่ใช้งานได้ง่าย โดยจะมีการแสดงไอคอนฟังก์ชันต่างๆ ไว้ให้ใช้งานได้ทันที ซึ่งคุณสามารถตั้งค่าการใช้งานไฟแฟลช LED ได้ด้วยตนเอง ทั้ง ปิด, เปิด, อัตโนมัติ และเติมแสง
 
ส่วนโหมดการถ่ายภาพจะมีให้เลือกใช้งานหลากหลาย เช่น โหมดถ่ายภาพย้อนแสง (HDR) หรือโหมดถ่ายภาพพาโนราม่า เป็นต้น อีกทั้งยังสามารถดาวน์โหลดโหมดถ่ายภาพแบบอื่นๆ มาใช้งานเพิ่มเติมได้อีกด้วย
 
สามารถตั้งค่าการใช้งานกล้องดิจิทัลแบบอื่นๆ ได้อีกหลายอย่างด้วยกัน ไม่ว่าจะเป็น การเลือกความละเอียดของกล้องถ่ายภาพ โดยสามารถเลือกความละเอียดได้สูงสุดที่ 13 ล้านพิกเซล, สามารถตั้งค่าความละเอียดของการถ่ายวิดีโอได้สูงสุดที่ 1080p (Full HD)
 
สามารถ เปิด-ปิด ฟังก์ชันการใช้งานกล้องดิจิทัลได้หลากหลาย เช่น การสัมผัสเพื่อถ่ายภาพ, การสั่งถ่ายภาพด้วยเสียง, เส้นตาราง 9 ช่อง, เสียงชัตเตอร์ หรือการระบุตำแหน่งบนภาพถ่าย เป็นต้น
 
สามารถเปิดใช้งานฟังก์ชันการสั่งถ่ายภาพด้วยการชูฝ่ามือ ได้นานสูงสุดที่ 5 วินาที และสามารถเพิ่มฟังก์ชันให้กับปุ่ม เพิ่ม-ลด ระดับของเสียงได้ 3 อย่างด้วยกัน คือ เพิ่ม-ลด ระดับของเสียง, ชัตเตอร์ถ่ายภาพ และซูมเข้า-ซูมออก
 
สำหรับกล้องดิจิทัลด้านหน้าบน OPPO F1 ก็ได้มีการแสดงไอคอนฟังก์ชันต่างๆ ไว้เช่นเดียวกัน โดยคุณสามารถเปิดใช้งานฟังก์ชัน Screen Flash ที่ใช้แสงสว่างของหน้าจอแทนไฟแฟลชได้ ส่วนโหมดการถ่ายภาพก็มีให้เลือกใช้งานหลายแบบ
 
สำหรับโหมดถ่ายภาพ Beautify 3.0 (หน้าสวย) จะสามารถปรับค่าผิวนวลได้ 4 ระดับ ได้แก่ ปิด, น้อย, กลาง และมาก
 
สามารถตั้งค่าการใช้งานกล้องถ่ายภาพได้อีกหลายอย่างด้วยกัน ไม่ว่าจะเป็น การเลือกความละเอียดของกล้องถ่ายภาพ ที่สามารถเลือกความละเอียดได้สูงสุดที่ 8 ล้านพิกเซล, สามารถเลือกความละเอียดของการถ่ายวิดีโอได้สูงสุดที่ระดับ Full HD (1080p)
 
สามารถ เปิด-ปิด ฟังก์ชันการใช้งานกล้องดิจิทัลได้หลากหลาย เช่น การสัมผัสเพื่อถ่ายภาพ, การตั้งเวลาเพื่อถ่ายภาพ, การสั่งถ่ายภาพด้วยเสียง, เส้นตาราง 9 ช่อง, เสียงชัตเตอร์ หรือการระบุตำแหน่งบนภาพถ่าย เป็นต้น
 
สามารถเปิดใช้งานฟังก์ชันการสั่งถ่ายภาพด้วยการชูฝ่ามือ ได้นานสูงสุดที่ 5 วินาที และสามารถเพิ่มฟังก์ชันให้กับปุ่ม เพิ่ม-ลด ระดับของเสียงได้ 3 อย่างด้วยกัน คือ เพิ่ม-ลด ระดับของเสียง, ชัตเตอร์ถ่ายภาพ และซูมเข้า-ซูมออก
ตัวอย่างภาพถ่ายจากกล้องดิจิทัลตัวหลักที่ด้านหลังของตัวเครื่อง ความละเอียดระดับ 13 ล้านพิกเซล ของ OPPO F1

ตัวอย่างภาพถ่ายที่ถ่ายด้วยโหมดถ่ายภาพปกติ

ตัวอย่างภาพถ่ายที่ถ่ายด้วยโหมดถ่ายภาพปกติ

ตัวอย่างภาพถ่ายที่ถ่ายด้วยโหมดถ่ายภาพปกติ

ตัวอย่างภาพถ่ายที่ถ่ายด้วยโหมดถ่ายภาพปกติ

ตัวอย่างภาพถ่ายที่ถ่ายด้วยโหมดถ่ายภาพปกติ

ตัวอย่างภาพถ่ายที่ถ่ายด้วยโหมดถ่ายภาพปกติ

ตัวอย่างภาพถ่ายที่ถ่ายด้วยโหมดถ่ายภาพปกติ

ตัวอย่างภาพถ่ายที่ถ่ายด้วยโหมดถ่ายภาพปกติ

ตัวอย่างภาพถ่ายที่ถ่ายด้วยโหมดถ่ายภาพปกติ

ตัวอย่างภาพถ่ายที่ถ่ายด้วยโหมดถ่ายภาพปกติ

ตัวอย่างภาพถ่ายที่ถ่ายด้วยโหมดถ่ายภาพปกติ

ตัวอย่างภาพถ่ายที่ถ่ายด้วยโหมดถ่ายภาพปกติ

ตัวอย่างภาพถ่ายที่ถ่ายด้วยโหมดถ่ายภาพปกติ

ตัวอย่างภาพถ่ายที่ถ่ายด้วยโหมดถ่ายภาพซูเปอร์มาโคร
ตัวอย่างภาพถ่ายจากกล้องดิจิทัลด้านหน้าของตัวเครื่อง ความละเอียด 8 ล้านพิกเซล ผ่านโหมด Beautify เวอร์ชัน 3.0 ของ OPPO F1
 
ตัวอย่างภาพถ่ายที่ถ่ายด้วยโหมดถ่ายภาพปกติ
 
ตัวอย่างภาพถ่ายที่ถ่ายด้วยโหมด Beauty ปรับค่าระดับน้อย
 
ตัวอย่างภาพถ่ายที่ถ่ายด้วยโหมด Beauty ปรับค่าระดับกลาง
 
ตัวอย่างภาพถ่ายที่ถ่ายด้วยโหมด Beauty ปรับค่าระดับสูงสุด
 
ภาพซ้าย คือ ตัวอย่างภาพถ่ายที่ถ่ายด้วยโหมดถ่ายภาพปกติ ส่วนภาพขวา คือ ตัวอย่างภาพถ่ายที่ถ่ายด้วยโหมดถ่ายภาพปกติ และเปิดใช้งานฟังก์ชัน Screen Flash
สรุปผลการทดสอบของ OPPO F1

เป็นอย่างไรกันบ้างครับ สำหรับการรีวิว OPPO F1 สมาร์ทโฟนเพื่อกำเนิดมาเพื่อคนรักถ่ายภาพเซลฟี่โดยเฉพาะ ถ้าให้พูดถึงเรื่องการออกแบบ ต้องขอบอกเลยว่า OPPO F1 มีดีไซน์แบบเมทัลลิคที่เป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัว ดูสวยหรู อีกทั้งตัวพื้นผิวยังให้ผิวสัมผัสนุ่มนวลดุจกำมะหยี่เลยก็ว่าได้ ไม่เพียงเท่านั้น ตรงขอบของตัวเครื่องยังตัดด้วยเส้นสีเงิน จึงทำให้ตัวเครื่องของ OPPO F1 ดูมีความพรีเมียมมากขึ้น อีกทั้ง ตรงขอบตัวเครื่องของ OPPO F1 จะทำมุมโค้ง 60 องศา ทั้งสี่มุม เพื่อให้ผู้ใช้งานสามารถจับได้ถนัดมือมากขึ้นอีกด้วย เรียกได้ว่า ใส่ใจในทุกขั้นตอนการผลิตเลยก็ว่าได้
สำหรับจุดขายบน OPPO F1 จะเป็นในเรื่องของกล้องดิจิทัลด้านหน้าที่ใส่ความละเอียดมาให้ถึง 8 ล้านพิกเซล โดยตัวเซ็นเซอร์มีขนาดถึง 1/4 นิ้ว และรูรับแสงขนาด F/2.0 ซึ่งช่วยให้สามารถถ่ายภาพเซลฟี่ได้ทุกสภาพแสง ไม่ว่าจะเป็นตอนปาร์ตี้วันเกิดกับเพื่อนๆ ยามค่ำคืน หรือสถานการณ์อื่นๆ ไม่เพียงเท่านั้น OPPO F1 ยังมีฟังก์ชัน Screen Flash ที่ใช้แสงสว่างของหน้าจอทำหน้าที่เป็นไฟแฟลช จึงไม่ต้องกลัวว่าภาพใบหน้าของเราจะมืดอีกต่อไป และที่ต้องถูกอกถูกใจคนรักการถ่ายภาพเซลฟี่เป็นพิเศษ คือ โหมด Beautify 3.0 ที่สามารถปรับค่าระดับผิวเนียนได้ถึง 4 ระดับ เลยทีเดียว ส่วนกล้องดิจิทัลด้านหลังก็ตอบสนองการถ่ายภาพได้ดีไม่แพ้กัน โดยมีความละเอียดที่ 13 ล้านพิกเซล โดยมีรูรับแสงขนาด F/2.2 แถมยังมีโหมดซูเปอร์มาโคร ให้คุณได้ถ่ายภาพระยะใกล้ให้สวยเด่นได้แบบง่ายๆ
ด้านคุณสมบัติของตัวเครื่องทาง OPPO ก็จัดมาให้แบบเหลือๆ อาทิ หน้าจอแสดงผลแบบ IPS LCD ความละเอียด 1280x720 พิกเซล ขนาด 5 นิ้ว (เสริมความแข็งแกร่งด้วยกระจกหน้าจอแบบ 2.5D Corning Gorilla Glass 4 ) พร้อมด้วยหน่วยประมวลผลแบบ Octa-Core Qualcomm MSM8939v2 Snapdragon 616 (ARM Cortex-A53) ความเร็วในการประมวลผล 1.7 GHz, หน่วยประมวลผลกราฟิกแบบ Adreno 405, หน่วยความจำภายในขนาด 16 GB, หน่วยความแรม (RAM) ขนาด 3 GB และขับเคลื่อนการทำงานด้วยระบบปฏิบัติการ Color OS เวอร์ชัน 2.1 (มีพื้นฐานอยู่บนระบบปฏิบัติการ Android OS เวอร์ชัน 5.1.1 Lollipop) ซึ่งจากการทดสอบต่างๆ ไม่ว่าจะเป็น การเปิดวิดีโอความละเอียดสูงระดับ Full HD (1080p) แบบต่อเนื่อง หรือการเล่นเกมที่มีกราฟิกแบบสามมิติ OPPO F1 ก็ตอบสนองต่อการใช้งานได้อย่างไหลลื่น และไม่มีอาการหน่วงแต่อย่างใด และที่สำคัญคือตัวเครื่องไม่มีการสะสมความร้อน ขณะที่ใช้งานอย่างต่อเนื่องอีกด้วย
นอกจากนี้ OPPO F1 ยังสามารถรองรับการใช้งานได้พร้อมกันถึง 2 ซิมการ์ด (แต่ในช่องซิมการ์ดที่ 2 จะต้องเลือกใช้งานระหว่างซิมการ์ดที่ 2 หรือการเพิ่มหน่วยความจำภายนอกแบบ microSD ไม่สามารถใช้งานพร้อมกันได้) และรองรับการเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตความเร็วสูงผ่านระบบ 4G LTE และ 3G ได้ ในส่วนของแบตเตอรี่จะมีความจุ 2500 mAh ซึ่งอาจยังไม่ใช่ความจุที่มากพอที่จะรองรับการใช้งานต่อเนื่องเป็นเวลานานได้ ดังนั้นคงต้องอาศัยการชาร์จแบตเตอรี่เป็นระยะ หรือต้องพกพา Power Bank ติดตัวไปด้วย และที่จุดที่ต้องพิจารณาอีกอย่างก็คือ OPPO F1 นั้นไม่มีเทคโนโลยีการชาร์จแบตเตอรี่ความเร็วสูง จึงต้องใช้เวลาในการชาร์จแบตเตอรี่มากพอสมควร
สำหรับ OPPO F1 ได้เปิดราคาออกมาที่ 8,990 บาท ซึ่งเป็นราคาที่สามารถเอื้อมถึงได้ไม่ยาก โดยรวมแล้วเหมาะกับผู้ที่กำลังมองหาสมาร์ทโฟนดีไซน์สวยหรูบางเฉียบ วัสดุแข็งแรงทนทาน, สามารถใช้งานแอปพลิเคชัน และเกมทุกประเภทได้อย่างไหลลื่น, กล้องถ่ายภาพชัด และที่สำคัญก็คือรักการถ่ายภาพเซลฟี่มากเป็นพิเศษ ซึ่ง OPPO F1 ถือเป็นตัวเลือกอันดับต้นๆ ที่ไม่ควรมองข้าม สุดท้ายนี้ ต้องขอขอบคุณทาง OPPO ประเทศไทย ที่ให้ความไว้วางใจส่งเครื่อง OPPO F1 มาให้ทางทีมงานได้ทำการรีวิวให้ท่านผู้อ่านได้รับชมกัน พบกันได้ใหม่ ในโอกาสหน้า สำหรับวันนี้ สวัสดีครับ
จุดเด่นของ OPPO F1
- บอดี้ตัวเครื่องมีดีไซน์แบบเมทัลลิค ด้วยวัสดุโลหะ พร้อมเส้นขอบคู่สีเงิน ซึ่งมีรูปลักษณ์ที่สวยหรู และมีพื้นผิวสัมผัสที่นุ่มนวลดุจกำมะหยี่
- จอแสดงผลแบบ IPS LCD Capacitive Touchscreen 16,700,000 สี ความละเอียด 1280x720 Pixels (HD 720p : กว้าง 5.0 นิ้ว : 294 ppi) พร้อมกระจกหน้าจอแบบ 2.5D Corning Gorilla Glass 4 และหน่วยประมวลผลภาพกราฟิกโดยเฉพาะ (GPU : Graphics Processing Unit) แบบ Adreno 405
- รองรับการเปลี่ยนธีม (Themes) พร้อมทั้งสามารถดาวน์โหลดธีมมาใช้งานเพิ่มเติมได้มากมาย
- ประมวลผลการทำงานด้วยชิปเซ็ต Octa-Core Qualcomm MSM8939v2 Snapdragon 616 (ARM Cortex-A53) ความเร็วในการประมวลผล 1.7 GHz
- ขับเคลื่อนการทำงานด้วยระบบปฏิบัติการ ColorOS 2.1 (มีพื้นฐานอยู่บนระบบปฏิบัติการ Android 5.1 Lollipop)
- หน่วยความจำภายในสำหรับเก็บบันทึกข้อมูลขนาด 16 GB
- หน่วยความจำ RAM ขนาด 3 GB
- รองรับการ์ดหน่วยความจำเสริมภายนอกแบบ microSD Card (TransFlash) ได้สูงสุดขนาด 128 GB
- กล้องดิจิทัลตัวหลักที่ด้านหลังของตัวเครื่อง ความละเอียดระดับ 13 ล้าน Pixels พร้อมรูรับแสงขนาด F/2.2 และรองรับการถ่ายวิดีโอได้ที่ความละเอียดสูงสุดระดับ Full HD 1080p
- กล้องดิจิทัลขนาดเล็กที่ด้านหน้าของตัวเครื่อง ความละเอียดระดับ 8 ล้าน Pixels โดยตัวเซ็นเซอร์มีขนาดถึง 1/4 นิ้ว พร้อมรูรับแสงขนาด F/2.0, ฟังก์ชัน Beautify เวอร์ชัน 3.0 และฟังก์ชัน Screen Flash
- รองรับการเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตผ่านทางระบบ 4G LTE, 3G, WiFi, EDGE และ GPRS
- ระบบ GPS+A-GPS ในตัว (Global Positioning System : ระบบดาวเทียมนำร่อง)
- รองรับการใช้งาน 2 ซิมการ์ดพร้อมกันภายในเครื่องเดียว (Dual SIM : Dual Standby)
- แอปพลิเคชัน Security Center สำหรับการจัดการกับแบตเตอรี่, หน่วยความจำภายใน, หน่วยความจำแรม และระบบความปลอดภัย
- วิทยุ FM Stereo ในตัว
- ราคา 8,990 บาท
จุดที่อาจจะต้องพิจารณาเพิ่มเติมของ OPPO F1
- จอแสดงผลมีความละเอียดเพียงแค่ระดับ HD 720p ซึ่งถือว่ายังเป็นรองสมาร์ทโฟนบางรุ่นในระดับราคาเดียวกัน
- แบตเตอรี่มีความจุเพียง 2500 mAh ซึ่งอาจยังไม่ใช่ความจุที่มากพอที่จะรองรับการใช้งานต่อเนื่องเป็นเวลานานได้
- ไม่รองรับเทคโนโลยีการชาร์จแบตเตอรี่ความเร็วสูง (VOOC Flash Charge)
- แบตเตอรี่เป็นแบบติดตั้งภายในจึงไม่สามารถถอด หรือเปลี่ยนด้วยตนเองได้
- แอปพลิเคชันเครื่องเล่นเพลง ไม่สามารถปรับค่าอีควอไลเซอร์ได้ และแอปพลิเคชันวิทยุไม่สามารถบันทึกเสียงเอาไว้ฟังในภายหลังได้
โปรดทราบ
* โทรศัพท์มือถือที่ท่านเห็นในบทความรีวิวนี้เป็นเพียงเครื่องทดสอบจากทางศูนย์ เพราะฉะนั้นคุณสมบัติบางอย่างอาจมีความแตกต่างจากเครื่องที่วางจำหน่ายจริงบ้างไม่มากก็น้อย รวมถึงจุดด้อยบางประการที่พบในเครื่องทดสอบ อาจจะถูกแก้ไขปรับปรุงให้ดีขึ้นในเครื่องที่วางจำหน่ายจริง ดังนั้นหากท่านสนใจซื้อโทรศัพท์มือถือรุ่นนี้ ควรตรวจสอบหรือทดลองใช้งานสินค้าด้วยตนเองอีกครั้งหนึ่ง *
สรุปคุณสมบัติเครื่อง
ท่านสามารถตรวจสอบคุณสมบัติแบบสรุป (Specification) ของ OPPO F1 ได้โดยการคลิกที่ลิงก์ด้านล่างนี้
OPPO F1 Specification title="Sony Xperia ZL Specification">

:: ไปหน้าแรกเว็บไซต์ Thaimobilecenter
| ไปหน้าแรก
Mobile Focus ::
|