ตอนนี้คุณอยู่ที่ >> หน้าแรก >> หน้ารวม mobile review >> รีวิว (Review) OPPO F1 Plus


รีวิว (Review) OPPO F1 Plus :: รีวิว ทดสอบ มือถือ :: Thaimobilecenter.com


 
TMC Point

  8.33

การออกแบบดีไซน์

  8.5

ใช้งานง่ายและสะดวก

  8.5

คุณสมบัติเครื่อง

  8.5

ฟังก์ชันการใช้งาน

9.0

เสถียรภาพและประสิทธิภาพ

  8.5

ความคุ้มค่าต่อราคา

  7.0

 
   

รีวิว (Review) OPPO F1 Plus

สมาร์ทโฟนเจ้าของฉายา Selfie Expert รุ่นใหญ่ กับกล้องหน้า 16 ล้านพิกเซล บนบอดี้โลหะสุดบางเฉียบเพียง 6.6 มิลลิเมตร พร้อมจอ AMOLED Full HD 5.5 นิ้ว, ชิปเซ็ต Octa-Core MediaTek MT6755, แรม 4 GB, หน่วยความจำภายในขนาดใหญ่ 64 GB, กล้องหลัง 13 ล้าน และเซ็นเซอร์สแกนลายนิ้วมือ ในราคา 15,990 บาท

 

Review Date (16-พฤษภาคม-2559)

หลังจากที่ได้นำเสนอบทความพรีวิว OPPO F1 Plus กันไปเมื่อช่วงปลายเดือนเมษายนที่ผ่านมา ท่านผู้อ่านคงพอที่จะทราบกันแล้วว่า OPPO F1 Plus มีจุดเด่นที่น่าสนใจหลายอย่างด้วยกัน ซึ่งคราวนี้ก็ถึงเวลาอันสมควรที่จะนำเสนอบทความรีวิวฉบับเต็มของ OPPO F1 Plus ให้ท่านผู้อ่านได้รับชมกัน

ซึ่งอย่างที่ทราบกันดีว่าทาง OPPO ได้ทำการพัฒนา และปรับปรุงคุณสมบัติต่างๆ บน OPPO F1 Plus ให้ดีขึ้นหลายส่วน ไม่ว่าจะเป็น ดีไซน์ตัวเครื่องที่เลือกใช้เทคโนโลยีการผลิตตัวเครื่องแบบ Metal-Unibody ซึ่งมีความบางเพียง 6.6 มิลลิเมตร, หน้าจอแสดงผลแบบ AMOLED Full HD (1080p) ที่มีขนาดใหญ่ขึ้น พร้อมเสริมความแข็งแกร่งด้วยกระจกหน้าจอแบบ Corning Gorilla Glass 4, หน่วยความจำภายในเพิ่มความจุเป็น 64 GB, หน่วยความจำแรม (RAM) เพิ่มขึ้นเป็นขนาด 4 GB, แบตเตอรี่มีขนาดใหญ่ขึ้นเป็น 2850 mAh พร้อมรองรับเทคโนโลยีการชาร์จแบตเตอรี่ความเร็วสูงแบบ VOOC Flash Charge, มีเซ็นเซอร์สแกนลายนิ้วมือ (Fingerprint Sensor) สำหรับตรวจสอบสิทธิการเข้าใช้งานตัวเครื่อง พร้อมเทคโนโลยี Touch Access ที่ใช้เวลาในการปลดล็อกเพียง 0.2 วินาที, ชิปเซ็ต Octa-Core Mediatek MT6755 Helio P10, หน่วยประมวลผลกราฟิกแบบ Mali-T860 MP2 และกล้องดิจิทัลด้านหน้าที่มีเซ็นเซอร์ขนาดใหญ่ถึง 1/3.1 นิ้ว ความละเอียด 16 ล้านพิกเซล พร้อมรูรับแสงขนาด F/2.0 ซึ่งจะเห็นได้ว่า OPPO F1 Plus มีประสิทธิภาพดีขึ้นจากรุ่นก่อนหน้านี้แทบทุกด้านเลยก็ว่าได้

นอกจากนี้ OPPO F1 Plus ยังรองรับการใช้งานได้พร้อมกัน 2 ซิมการ์ด พร้อมรองรับการเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตผ่านระบบ 4G LTE และ 3G ได้ สำหรับ OPPO F1 Plus จะเปิดตัวอย่างเป็นทางการในประเทศไทยภายในงาน Thailand Mobile Expo 2016 Hi-End ที่กำลังจะจัดขึ้นในวันที่ 19-22 พฤษภาคม 2559 โดยขณะนี้ OPPO F1 Plus เริ่มวางจำหน่ายแล้วตาม OPPO Shop (บางสาขา) และร้านตัวแทนหน่าย (บางสาขา) ในราคา 15,990 บาท และเพื่อไม่ให้เป็นการเสียเวลา ขอเชิญท่านผู้อ่านทุกท่านไปชมรีวิวฉบับเต็มของ OPPO F1 Plus พร้อมกันดีกว่าว่า คุณสมบัติต่างๆ เพิ่มเข้ามาใหม่จะมีความน่าสนใจอย่างไร และจะคุ้มค่ากับราคาค่าตัวที่เปิดออกมาขนาดไหน ไปชมกันได้เลย

 

รูปลักษณ์ภายนอกตัวเครื่อง และการออกแบบดีไซน์

OPPO F1 Plus มาพร้อมกับหน้าจอแสดงผลแบบ AMOLED Capacitive Touchscreen 16,700,000 สี ความละเอียด 1920x1080 พิกเซล ขนาด 5.5 นิ้ว พร้อมเสริมความแข็งแกร่งด้วยกระจกหน้าจอแบบ Corning Gorilla Glass 4 โดยมีขนาดของตัวเครื่องอยู่ที่ 151.8x74.3x6.6 มิลลิเมตร และน้ำหนัก 145 กรัม

 

ด้านหน้าส่วนบนประกอบไปด้วยกล้องดิจิทัลด้านหน้าความละเอียด 16 ล้านพิกเซล ซึ่งเป็นเซ็นเซอร์รับภาพขนาด 1/3.1 นิ้ว  พร้อมขนาดรูรับแสงกว้างสูงสุดที่ F/2.0, ลำโพงสำหรับฟังขณะทำการสนทนา, ระบบ Accelerometer Sensor สำหรับช่วยหมุนหรือปรับเปลี่ยนทิศทางการแสดงผลของหน้าจอให้แบบอัตโนมัติ ตามลักษณะการจับถือของผู้ใช้ และระบบ Proximity Sensor สำหรับการปิดหน้าจอแบบอัตโนมัติขณะสนทนา เพื่อประหยัดพลังงาน

 

ด้านหน้าส่วนล่างมีปุ่มการสั่งงานแบบสัมผัส (Touch Panel) ได้แก่ ปุ่ม Recent Apps, ปุ่มโฮม หรือเซ็นเซอร์สแกนลายนิ้วมือ (Fingerprint Sensor) ซึ่งมีพื้นฐานอยู่บนเทคโนโลยี Touch Access โดยใช้เวลาในการปลดล็อกภายใน 0.2 วินาที สำหรับตรวจสอบสิทธิ์ของการเข้าใช้งานเครื่อง และการเข้าถึงข้อมูลภายใน และปุ่มย้อนกลับ

 

ด้านบนของตัวเครื่องมีไมโครโฟนตัวที่สองสำหรับตัดเสียงรบกวนขณะทำการบันทึกเสียง หรือถ่ายวิดีโอ

 

ด้านล่างของตัวเครื่องประกอบไปด้วยลำโพงเสียงภายนอก, ช่องเชื่อมต่อกับสาย microUSB สำหรับชาร์จแบตเตอรี่ หรือส่งผ่านข้อมูล, ไมโครโฟน และช่องเชื่อมต่อกับหูฟังแบบมาตรฐานขนาด 3.5 มิลลิเมตร

 

ด้านขวาของตัวเครื่องมีปุ่ม เปิด-ปิด เครื่อง หรือล็อกหน้าจอ และช่องสำหรับใส่ซิมการ์ดที่ 1 กับช่องใส่ซิมการ์ดที่ 2 หรือเพิ่มหน่วยความจำภายนอก ซึ่งในช่องที่สองจะต้องเลือกใช้งานอย่างใดอย่างหนึ่งระหว่าง ซิมการ์ดที่ 2 หรือการ์ดหน่วยความจำภายนอก

 

ด้านซ้ายของตัวเครื่องมีปุ่ม เพิ่ม-ลด ระดับเสียง

 

ด้านหลังของตัวเครื่องประกอบไปด้วยกล้องดิจิทัลความละเอียด 13 ล้านพิกเซล พร้อมระบบโฟกัสภาพอัตโนมัติแบบ PDAF (Phase Detection Autofocus) และไฟแฟลช LED

นอกจากนี้ขอบตัวเครื่องของ OPPO F1 Plus ใช้เทคโนโลยีการผลิตตัวเครื่องแบบ Metal-Unibody จึงทำให้ตัวเครื่องมีความแข็งแรงทนทาน และดูสวยงามลงตัวเป็นอย่างมาก

 

 

เปิดเครื่องใช้งาน พร้อมการทดสอบฟังก์ชัน และแอปพลิเคชันต่างๆ

OPPO F1 Plus มาพร้อมกับระบบปฏิบัติการ ColorOS 3.0 (มีพื้นฐานอยู่บนระบบปฏิบัติการ Android 5.1 Lollipop)

 

ซึ่งมาพร้อมกับหน่วยความจำภายในขนาดใหญ่ถึง 64 GB และรองรับการ์ดหน่วยความจำเสริมภายนอกแบบ microSD Card (TransFlash) ได้สูงสุดขนาด 128 GB (ใช้งานร่วมกับช่องใส่ซิมการ์ดที่สอง)

 

โดยมีฟังก์ชันการแจ้งเตือนต่างๆ ได้ และสามารถ เปิด-ปิด ฟังก์ชันลัดต่างๆ ได้

 

OPPO F1 Plus สามารถปรับแต่งหน้าจอโฮมสกรีนได้ ไม่ว่าจะเป็น การนำวิดเจ็ตที่ต้องการใช้งานมาไว้ที่หน้าจอโฮมสกรีน หรือการเปลี่ยนเอฟเฟกต์การปลดล็อกหน้า

 

อีกทั้งยังสามารถเปลี่ยนธีม หรือดาวน์โหลดธีมอื่นๆ มาใช้งานเพิ่มเติมได้ผ่าน แอปพลิเคชัน Theme Store

 

ทางด้านบริการต่างๆ จากทาง Google ก็มีให้ใช้งานครบเหมือนเช่นเคย อาทิเช่น Google Maps หรือ Youtube

 

OPPO F1 Plus มาพร้อมกับแอปพลิเคชัน "ศูนย์รักษาความปลอดภัย" ที่สามารถตั้งค่าความเป็นส่วนตัวต่างๆ ได้ โดยคุณสามารถป้องกันการเข้าถึงแอปพลิเคชันที่คุณไม่ต้องการให้บุคคลอื่นเห็น, สามารถบล็อคสายเบอร์โทรศัพท์ที่ไม่ต้องการให้ติดต่อ หรือตั้งค่าการใช้งานของปริมาณอินเทอร์เน็ต รวมไปถึงการ ซ่อนรูปภาพ, ซ่อนวิดีโอ และซ่อนแอปพลิเคชัน ก็สามารถทำได้เช่นเดียวกัน

 

OPPO F1 Plus มีบริการสำรองข้อมูลให้ใช้งาน โดยคุณสามารถสำรองข้อมูลผู้ติดต่อ กับข้อความ SMS ได้ผ่านระบบคลาวด์ของแอปพลิเคชัน O-Clound

 

OPPO F1 Plus ยังมาพร้อมกับเซ็นเซอร์สแกนลายนิ้วมือ สำหรับตรวจสอบสิทธิ์การเข้าใช้งานตัวเครื่อง ซึ่งสามารถเพิ่มจำนวนลายนิ้วมือได้มากกว่า 1 ลายนิ้วมืออีกด้วย

 

ทางด้านฟังก์ชันโทรศัพท์ก็มีหน้าตาที่ใช้งานได้ง่าย และสามารถเข้าสู่รายชื่อโทรศัพท์ทั้งหมดได้ทันทีเพียงแค่กดที่ไอคอนรูปคน

 

สามารถตั้งค่า เปิด-ปิด การสั่งงานด้วยท่าทาง (Motion Control) ได้ เช่น เคาะที่หน้าจอแสดงผล 2 ครั้ง เพื่อปลุกการทำงานของ OPPO F1, วาดตัวโอเพื่อเปิดใช้งานกล้อง และสามารถเพิ่มท่าทางด้วยตนเองได้

 

อีกทั้งยังสามารถ เปิด-ปิด การสั่งงานด้วยนิ้วมือได้อีกหลายแบบด้วยกัน ไม่ว่าจะเป็น การจีบนิ้วมือเพื่อเปิดกล้องถ่ายภาพ, ดับเบิลคลิกปุ่มโฮมเพื่อล็อกหน้าจอ, การใช้ 3 นิ้วเลื่อนขึ้น หรือลง เพื่อจับภาพหน้าจอ, การใช้ 2 นิ้ว เลื่อนขึ้น หรือลง ในการ เพิ่ม-ลด ระดับของเสียง และการเปิดโหมดการใช้งานมือเดียวด้วยการใช้นิ้วเลื่อนจากมุมขวาล่าง หรือซ้ายล่าง ของหน้าจอ อีกทั้งยังมีฟังก์ชันพิเศษๆ ที่น่าสนใจอีกหลายอย่างด้วยกัน คือ ในขณะที่เปิดดูข้อมูล หรือหมายเลขโทรศัพท์ของบุคคลที่ต้องการติดต่อ เพียงแค่ยกเครื่องไปแนบที่หู OPPO F1 Plus จะทำการโทรออกให้ทันที, รับสายโทรเข้าได้ง่ายๆ เพียงแค่นำโทรศัพท์แนบกับใบหู, ปิดการใช้งานลำโพงเสียงภายนอก เพียงแค่นำโทรศัพท์แนบกับใบหู และคว่ำโทรศัพท์เพื่อปิดเสียง

 

ในส่วนของแอปพลิเคชันอัลบั้มภาพถ่ายจะสามารถแสดงภาพถ่ายได้ 2 แบบ คือ แบบรวมภาพถ่ายทั้งหมด และแบบแสดงแยกอัลบั้ม

 

OPPO F1 Plus สามารถเปิดอ่านไฟล์เอกสารต่างๆ ได้ทั้ง Word, Excel และ PowerPoint ได้ผ่านแอปพลิเคชัน Kingsoft Office

 

ทางด้านแอปพลิเคชันสำหรับฟังเพลงก็มีให้ใช้งานบน OPPO F1 Plus อีกทั้งยังสามารถเปิดใช้งานระบบเสียง Dirac Power Sound ได้อีกด้วย (การกำหนดค่าต่างๆ จำเป็นต้องเชื่อมต่อกับหูฟังเสียก่อน)

 

OPPO F1 Plus สามารถเปิดเล่นไฟล์วิดีโอความละเอียดสูงระดับ Full HD (1080p) ได้อย่างไหลลื่น และสามารถแสดงผลภาพ และรายละเอียดต่างๆ ได้อย่างคมชัด สมจริง

 

ทางด้านฟังก์ชัน Popup Play ก็มีให้ใช้งานบน OPPO F1 Plus ด้วยเช่นกัน

 

OPPO F1 Plus มาพร้อมกับชิปเซ็ต Octa-Core Mediatek MT6755 Helio P10 ความเร็วในการประมวลผล 2.0 GHz, หน่วยประมวลผลภาพกราฟิกแบบ Mali-T860 MP2, หน่วยความจำภายในขนาด 64 GB, หน่วยความจำ RAM ขนาด 4 GB และขับเคลื่อนการทำงานด้วยระบบปฏิบัติการ ColorOS 3.0 (มีพื้นฐานอยู่บนระบบปฏิบัติการ Android 5.1 Lollipop)

 

ด้วยคุณสมบัติภายในที่เต็มเปี่ยมไปด้วยประสิทธิภาพ จึงทำให้ OPPO F1 Plus สามารถตอบโจทย์การเล่นเกมแบบสามมิติที่มีกราฟิกระดับสูงได้อย่างไหลลื่น และไม่มีอาการหน่วงให้พบเจอ

 

และเมื่อนำ OPPO F1 Plus มาทดสอบด้วยแอปพลิเคชัน AnTuTu Benchmark พบว่าได้คะแนนอยู่ที่ 51497 คะแนน

 

ต่อด้วยการทดสอบด้วยแอปพลิเคชัน AnTuTu 3DRating Benchmark พบว่าได้คะแนนอยู่ที่ 9160 คะแนน

 

และสามารถรองรับการสัมผัสได้พร้อมกันสูงสุด 10 จุด

 

อีกทั้งยังสามารถดาวน์โหลดแอปพลิเคชันอื่นๆ มาใช้งานเพิ่มเติมได้ผ่านแอปพลิเคชัน Google Play Store

 

 

กล้องดิจิทัล การถ่ายภาพนิ่ง และภาพวิดีโอ

สำหรับ Interface กล้องถ่ายภาพบน OPPO F1 Plus มีการปรับ Interface ต่างไปจากเดิมเล็กน้อย แต่ยังมีการแสดงฟังก์ชันต่างๆ ไว้ชัดเจนเหมือนเช่นเคย และมีโหมดการถ่ายภาพให้เลือกใช้งานหลากหลาย เช่น ปกติ, โหมด Ultra HD, โหมด Panorama Selfie และโหมดผู้เชี่ยวชาญ

 

โดยโหมดผู้เชี่ยวชาญสามารถปรับค่าต่างๆ ได้เหมือนกล้องโปร ไม่ว่าจะเป็น การปรับไวท์บาลานซ์, การชดเชยแสง หรือการปรับความเร็วชัตเตอร์

 

ในส่วนของเอฟเฟกต์สำหรับถ่ายภาพก็มีให้เลือกใช้งานหลากหลายรูปแบบ

 

ในส่วนของโหมดถ่ายภาพหน้าสวย (Beautify 4.0) ก็ได้รับการพัฒนาให้ดีขึ้นกว่าเดิมด้วยเช่นกัน โดยนอกจากจะสามารถปรับค่าผิวเนียนได้ 7 ระดับแล้ว ก็ยังสามารถปรับสีผิวให้ดูอมชมพูมีเลือดฝาดเป็นธรรมชาติได้อีกด้วย นอกจากนี้ ยังสามารถ เปิด-ปิด ฟังก์ชันกล้องถ่ายภาพได้อีกหลายอย่างด้วยกัน ไม่ว่าจะเป็น การสัมผัสหน้าจอเพื่อถ่ายภาพ, การสั่งงานถ่ายภาพด้วยเสียง, การตั้งเวลาเพื่อถ่ายภาพ, การสั่งงานถ่ายภาพด้วยการชูฝ่ามือ และการเลือกสัดส่วนของภาพถ่าย

 

ทางด้านโหมดถ่ายภาพ HDR กับโหมดถ่ายภาพพาโนราม่า ก็มีให้ใช้งานบน OPPO F1 Plus ด้วยเช่นกัน

 

ส่วนกล้องดิจิทัลด้านหน้าก็มีหน้าตาที่ใช้งานได้ง่าย และมีการแสดงไอคอนฟังก์ชันต่างๆ ไว้เช่นเดียวกับกล้องดิจิทัลด้านหลัง และยังสามารถ เปิด-ปิด ฟังก์ชันต่างๆ ได้ทันที ไม่ว่าจะเป็น การสัมผัสหน้าจอเพื่อถ่ายภาพ, การสั่งงานถ่ายภาพด้วยเสียง, การตั้งเวลาเพื่อถ่ายภาพ, การสั่งงานถ่ายภาพด้วยการชูฝ่ามือ, การเลือกสัดส่วนของภาพถ่าย และกระจกสะท้อน

 

ในส่วนของโหมดถ่ายภาพหน้าสวย (Beautify 4.0) ก็ได้รับการพัฒนาให้ดีขึ้นกว่าเดิมเช่นเดียวกับกล้องดิจิทัลด้านหลัง โดยนอกจากจะปรับค่าผิวเนียนได้ 7 ระดับแล้ว ก็ยังสามารถปรับให้สีผิวอมชมพูดูมีเลือดฝาดเป็นธรรมชาติได้อีกด้วย

 

อีกทั้งยังมีเอฟเฟก์สำหรับถ่ายภาพแบบใหม่ๆ ให้เลือกใช้งานหลายรูปแบบ ไม่เพียงเท่านั้น OPPO F1 Plus ยังสามารถเปิดใช้งานฟังก์ชัน Screen Flash ที่ใช้แสงสว่างของหน้าจอแทนไฟแฟลชได้

 


นอกจากนี้ ยังมีโหมด Panorama Selfie สำหรับถ่ายภาพเซลฟี่แบบกลุ่มให้ใช้งานอีกด้วย

 

 

ตัวอย่างภาพถ่ายจากกล้องดิจิทัลตัวหลักที่ด้านหลังของตัวเครื่อง ความละเอียดระดับ 13 ล้านพิกเซล ของ OPPO F1 Plus


ตัวอย่างภาพที่ถ่ายด้วยโหมดถ่ายภาพปกติ

 


ตัวอย่างภาพที่ถ่ายด้วยโหมดถ่ายภาพปกติ

 


ตัวอย่างภาพที่ถ่ายด้วยโหมดถ่ายภาพปกติ

 


ตัวอย่างภาพที่ถ่ายด้วยโหมดถ่ายภาพปกติ

 


ตัวอย่างภาพที่ถ่ายด้วยโหมดถ่ายภาพปกติ

 


ตัวอย่างภาพที่ถ่ายด้วยโหมดถ่ายภาพปกติ

 


ตัวอย่างภาพที่ถ่ายด้วยโหมดถ่ายภาพปกติ

 


ตัวอย่างภาพที่ถ่ายด้วยโหมดถ่ายภาพปกติ

 


ตัวอย่างภาพที่ถ่ายด้วยโหมดถ่ายภาพปกติ

 


ตัวอย่างภาพที่ถ่ายด้วยโหมดถ่ายภาพปกติในสภาวะแสงน้อย

 


ตัวอย่างภาพที่ถ่ายด้วยโหมดถ่ายภาพปกติในสภาวะแสงน้อย

 


ตัวอย่างภาพที่ถ่ายด้วยโหมดถ่ายภาพปกติในสภาวะแสงน้อย

 


ตัวอย่างภาพที่ถ่ายด้วยโหมดถ่ายภาพปกติในสภาวะแสงน้อย

 

 

ตัวอย่างภาพถ่ายจากกล้องดิจิทัลด้านหน้าของตัวเครื่อง ความละเอียด 16 ล้านพิกเซล ผ่านโหมด Beautify เวอร์ชัน 4.0 ของ OPPO F1 Plus

 


ตัวอย่างภาพที่ถ่ายด้วยโหมดถ่ายภาพปกติ

 


ตัวอย่างภาพที่ถ่ายด้วยโหมด Beautify ปรับค่าระดับ 3

 


ตัวอย่างภาพที่ถ่ายด้วยโหมด Beautify ปรับค่าระดับ 5

 


ตัวอย่างภาพที่ถ่ายด้วยโหมด Beautify ปรับค่าระดับ 7

 


ตัวอย่างภาพที่ถ่ายด้วยโหมด Beauty พร้อมปรับสีผิวอมชมพูระดับน้อยสุด

 


ตัวอย่างภาพที่ถ่ายด้วยโหมด Beauty พร้อมปรับสีผิวอมชมพูระดับปานกลาง

 


ตัวอย่างภาพที่ถ่ายด้วยโหมด Beauty พร้อมปรับสีผิวอมชมพูระดับมากสุด

 


 ภาพซ้ายถ่ายด้วยโหมดถ่ายภาพปกติแบบไม่เปิดใช้งานฟังก์ชัน Screen Flash ส่วนภาพขวาถ่ายด้วยโหมดถ่ายภาพปกติแบบพร้อมเปิดใช้งานฟังก์ชัน Screen Flash

 


 ตัวอย่างภาพที่ถ่ายด้วยเอฟเฟกต์ "อ่อนหวาน"

 


 ตัวอย่างภาพที่ถ่ายด้วยเอฟเฟกต์ "สดใหม่"

 


ตัวอย่างภาพที่ถ่ายด้วยโหมดพาโนราม่าเซลฟี่

 


ตัวอย่างภาพที่ถ่ายด้วยโหมดพาโนราม่าเซลฟี่

 


ตัวอย่างภาพที่ถ่ายด้วยโหมดพาโนราม่าเซลฟี่

 


ตัวอย่างภาพที่ถ่ายด้วยโหมดพาโนราม่าเซลฟี่

 

สรุปผลการทดสอบของ OPPO F1 Plus

นับว่าเป็นสมาร์ทโฟนที่สมกับฉายา Selfie Expert ที่กำเนิดมาเพื่อคนรักการถ่ายภาพเซลฟี่พันธุ์แท้เป็นอย่างมาก นั่นก็เนื่องจาก OPPO F1 Plus มาพร้อมกับกล้องดิจิทัลด้านหน้าความละเอียด 16 ล้านพิกเซล ซึ่งมีเซ็นเซอร์ขนาดใหญ่ถึง 1/3.1 นิ้ว พร้อมรูรับแสงขนาด F/2.0 ที่สามารถถ่ายภาพเซลฟี่ออกมาได้คมชัด สมจริง ไม่เพียงเท่านั้น ยังสามารถทำงานร่วมกับโหมดถ่ายภาพ Beauty เวอร์ชัน 4.0 ที่มีจุดเด่นในเรื่องของการปรับค่าผิวเนียนได้ถึง 7 ระดับ อีกทั้งยังสามารถปรับสีผิวอมชมพูได้อีกด้วย เรียกได้ว่า มีลูกเล่นให้ถ่ายภาพเซลฟี่แบบใหม่ๆ หลากหลายเลยทีเดียว นอกจากนี้ ทาง OPPO ยังได้ใส่ฟีเจอร์ใหม่อย่างโหมดถ่ายภาพ Panorama Selfie สำหรับถ่ายภาพพร้อมกับกลุ่มเพื่อนๆ มาให้ใช้งานอีกด้วย บอกได้เลยว่า ถ่ายภาพพร้อมกับเพื่อนกว่าสิบคน ถือเป็นเรื่องง่ายไปเลย ส่วนทางด้านของกล้องดิจิทัลด้านหลังความละเอียด 13 ล้านพิกเซล พร้อมระบบโฟกัสภาพแบบ PDAF (Phase Detection Autofocus) และรูรับแสงขนาด F/2.2 ก็ตอบโจทย์การใช้งานได้ดีไม่แพ้กัน ซึ่งภาพถ่ายที่ได้ก็มีความคมชัด สีสันสดใสเช่นเดียวกัน

ในส่วนของการออกแบบดีไซน์ตัวเครื่องของ OPPO F1 Plus จะมาในแนวเรียบหรู พร้อมความบางเฉียบเพียง 6.6 มิลลิเมตร อีกทั้งยังเพิ่มความพรีเมี่ยมด้วยการตัดขอบสีเงิน แถมมุมตัวเครื่องทั้งสี่ด้านยังมีความโค้งมน ซึ่งสามารถจับ หรือถือใช้งานได้ถนัดมือ ถึงแม้ว่าจะเป็นมือเล็กๆ ของคุณสุภาพสตรีก็ตาม นอกจากนี้ ทาง OPPO ยังเลือกใช้เทคโนโลยีการผลิตแบบ Metal-Unibody จึงทำให้ OPPO F1 Plus มีความแข็งแรงทนทานเป็นพิเศษ

สำหรับคุณสมบัติภายในก็ถือว่าโดดเด่นไม่แพ้สมาร์ทโฟนเรือธงบางรุ่นเลยก็ว่าได้ เริ่มตั้งแต่ หน้าจอแสดงผลแบบ AMOLED ความละเอียดระดับ Full HD (1080p) ขนาด 5.5 นิ้ว พร้อมเสริมความแข็งแกร่งด้วยกระจกหน้าจอแบบ Corning Gorilla Glass 4, ชิปเซ็ต Mediatek MT6755 Helio P10, หน่วยประมวลผลกราฟิกแบบ Mali-T860 MP2, หน่วยความจำแรม (RAM) ขนาด 4 GB, หน่วยความจำภายในขนาดใหญ่ถึง 64 GB, รองรับการใช้งานได้พร้อมกัน 2 ซิมการ์ด, รองรับการเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตผ่านระบบ 4G LTE หรือ 3G ได้, แบตเตอรี่มีขนาดใหญ่ขึ้นเป็น 2850 mAh พร้อมรองรับเทคโนโลยีการชาร์จแบตเตอรี่ความเร็วสูงแบบ VOOC Flash Charge, มีเซ็นเซอร์สแกนลายนิ้วมือ (Fingerprint Sensor) สำหรับตรวจสอบสิทธิการเข้าใช้งานตัวเครื่อง พร้อมเทคโนโลยี Touch Access ที่ใช้เวลาในการปลดล็อกเพียง 0.2 วินาที และขับเคลื่อนการทำงานด้วยระบบปฏิบัติการ ColorOS 3.0 (มีพื้นฐานอยู่บนระบบปฏิบัติการ Android 5.1 Lollipop) ซึ่งจากการทดสอบด้วยการเล่นเกมแบบสามมิติที่มีกราฟิกระดับสูง และเปิดเล่นไฟล์วิดีโอความละเอียดระดับ Full HD (1080p) แบบต่อเนื่อง OPPO F1 Plus ก็ตอบสนองต่อการใช้งานเป็นอย่างดี แต่อย่างไรก็ดี ในช่วงที่เปิดใช้งานที่มีการประมวลผลหนักๆ ต่อเนื่องเป็นเวลานาน ตัวเครื่องจะมีการสะสมความร้อนพอสมควร แต่ก็ไม่มีผลต่อการใช้งานแต่อย่างใด

และจากการที่ได้ทดสอบการใช้งานด้านต่างๆ ที่ผ่านมาก็พอที่จะสรุปได้ว่า OPPO F1 Plus น่าจะเหมาะกับผู้ที่กำลังมองหาสมาร์ทโฟนที่มาพร้อมกับกล้องหน้าคมชัด, ดีไซน์เรียบหรูบางเฉียบ, วัสดุแข็งแรงทนทาน, มีฟีเจอร์ตอบรับการใช้งานหลากหลาย และที่สำคัญก็คือรักการถ่ายภาพเซลฟี่มากเป็นพิเศษ ซึ่ง OPPO F1 Plus ถือเป็นตัวเลือกอันดับต้นๆ ที่ไม่ควรมองข้าม โดย OPPO F1 Plus จะเปิดตัวอย่างเป็นทางการในประเทศไทยภายในงาน Thailand Mobile Expo 2016 Hi-End ที่กำลังจะจัดขึ้นในวันที่ 19-22 พฤษภาคม 2559 โดยขณะนี้ OPPO F1 Plus เริ่มวางจำหน่ายแล้วตาม OPPO Shop (บางสาขา) และร้านตัวแทนหน่าย (บางสาขา) ในราคา 15,990 บาท สุดท้ายนี้ ต้องขอขอบคุณทาง OPPO ประเทศไทย ที่ให้ความไว้วางใจส่งเครื่อง OPPO F1 Plus มาให้ทางทีมงานได้ทำการรีวิวให้ท่านผู้อ่านได้รับชมกัน สำหรับวันนี้ต้องขอลาไปก่อน พบกันได้ใหม่ในโอกาสหน้า สวัสดีครับ

 

จุดเด่นของ OPPO F1 Plus

- ตัวเครื่องบางเฉียบเพียง 6.6 มิลลิเมตร
- เทคโนโลยีการผลิตตัวเครื่องแบบ Metal-Unibody (กรอบตัวเครื่องโลหะถูกขึ้นรูปเป็นชิ้นเดียวกัน)
- จอแสดงผลแบบ  AMOLED Capacitive Touchscreen 16,700,000 สี ความละเอียด 1920x1080 Pixels (Full HD 1080p : กว้าง 5.5 นิ้ว : 401 ppi) พร้อมหน่วยประมวลผลภาพกราฟิกโดยเฉพาะ (GPU : Graphics Processing Unit) แบบ Mali-T860 MP2
- กระจกหน้าจอแบบ Corning Gorilla Glass 4 ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการป้องกันแรงกระแทก หรือรอยขีดข่วน
- คุณสมบัติแบบ Super Sensitive Touch ช่วยให้สามารถสั่งงานด้วยระบบสัมผัสได้ในขณะสวมถุงมือ หรือขณะที่มือเปียกน้ำ
- รองรับการเปลี่ยนธีม (Themes) พร้อมทั้งสามารถดาวน์โหลดธีมมาใช้งานเพิ่มเติมได้มากมาย
- ประมวลผลการทำงานด้วยชิปเซ็ต Octa-Core Mediatek MT6755 Helio P10 ความเร็วในการประมวลผล 2.0 GHz
- ขับเคลื่อนการทำงานด้วยระบบปฏิบัติการ ColorOS 3.0 (มีพื้นฐานอยู่บนระบบปฏิบัติการ Android 5.1 Lollipop)
- หน่วยความจำภายในสำหรับเก็บบันทึกข้อมูลขนาด 64 GB
- หน่วยความจำ RAM ขนาด 4 GB
- รองรับการ์ดหน่วยความจำเสริมภายนอกแบบ microSD Card (TransFlash) ได้สูงสุดขนาด 128 GB
- กล้องดิจิทัลตัวหลักที่ด้านหลังของตัวเครื่อง ความละเอียดระดับ 13 ล้าน Pixels พร้อมรูรับแสงขนาด F/2.2, ระบบโฟกัสภาพอัตโนมัติแบบ PDAF (Phase Detection Autofocus) และพร้อมไฟแฟลช LED
- รองรับการถ่ายวิดีโอได้ที่ความละเอียดสูงสุดระดับ Full HD 1080p
- กล้องดิจิทัลขนาดเล็กที่ด้านหน้าของตัวเครื่อง ความละเอียดระดับ 16 ล้าน Pixels โดยตัวเซ็นเซอร์มีขนาดใหญ่ถึง 1/3.1 นิ้ว และรูรับแสงขนาด F/2.0
- เทคโนโลยี Beautify เวอร์ชัน 4.0
- ฟังก์ชัน Screen Flash สำหรับการให้ความสว่างขณะถ่ายเซลฟี่ ด้วยไฟของหน้าจอแสดงผล พร้อมระบบปรับความสว่างอัตโนมัติ
- รองรับการใช้งานฟังก์ชัน Video Calling (สนทนาพร้อมภาพวิดีโอ)
- รองรับการใช้งาน 2 ซิมการ์ดพร้อมกันภายในเครื่องเดียว (Dual SIM : Dual Standby)
- รองรับการเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตผ่านทางระบบ 4G LTE, 3G, EDGE และ GPRS
- ระบบ GPS+A-GPS ในตัว (Global Positioning System : ระบบดาวเทียมนำร่อง)
- แอปพลิเคชัน Security Centre สำหรับการจัดการกับแบตเตอรี่, หน่วยความจำภายใน, หน่วยความจำแรม และระบบความปลอดภัย
- เซ็นเซอร์สแกนลายนิ้วมือ (Fingerprint Sensor) ที่ปุ่มโฮม สำหรับตรวจสอบสิทธิ์ของการเข้าใช้งานเครื่อง และการเข้าถึงข้อมูลภายใน ซึ่งทำงานอยู่บนพื้นฐานของเทคโนโลยี Touch Access โดยใช้เวลาในการปลดล็อกเพียง 0.2 วินาที
- รองรับเทคโนโลยี USB OTG (USB On-the-Go) ช่วยให้สามารถเชื่อมต่อแลกเปลี่ยนข้อมูลกับอุปกรณ์อื่นๆ ได้โดยตรง โดยไม่ต้องใช้เครื่องคอมพิวเตอร์เป็นทางผ่าน
- แบตเตอรี่ Li-Ion Polymer 2850 mAh พร้อมรองรับเทคโนโลยีการชาร์จแบตเตอรี่ความเร็วสูง (VOOC Flash Charge : Fast Battery Charging)
- ราคา 15,990 บาท

 

จุดที่อาจจะต้องพิจารณาเพิ่มเติมของ OPPO F1 Plus

- ไม่มีวิทยุ FM ในตัว
- แบตเตอรี่เป็นแบบ Built-in Battery จึงไม่สามารถถอด หรือเปลี่ยนด้วยตนเองได้
- ไม่มีโหมดประหยัดพลังงานขั้นสูงให้ใช้งาน
- แบตเตอรี่มีความจุ 2850 mAh ซึ่งหากเทียบกับขนาดของหน้าจอแสดงผล และคุณสมบัติโดยรวม ถือว่าไม่ใช่ความจุที่มากพอที่จะรองรับการใช้งานต่อเนื่องเป็นเวลานานได้
- ในช่องซิมการ์ดที่สองต้องเลือกใช้งานระหว่างซิมการ์ดที่ 2 หรือการ์ดหน่วยความจำภายนอกแบบ microSD
- ไม่รองรับเทคโนโลยีการส่งผ่านข้อมูลไร้สายแบบ NFC

 

โปรดทราบ

* โทรศัพท์มือถือที่ท่านเห็นในบทความรีวิวนี้เป็นเพียงเครื่องทดสอบจากทางศูนย์ เพราะฉะนั้นคุณสมบัติบางอย่างอาจมีความแตกต่างจากเครื่องที่วางจำหน่ายจริงบ้างไม่มากก็น้อย รวมถึงจุดด้อยบางประการที่พบในเครื่องทดสอบ อาจจะถูกแก้ไขปรับปรุงให้ดีขึ้นในเครื่องที่วางจำหน่ายจริง ดังนั้นหากท่านสนใจซื้อโทรศัพท์มือถือรุ่นนี้ ควรตรวจสอบหรือทดลองใช้งานสินค้าด้วยตนเองอีกครั้งหนึ่ง *

 

สรุปคุณสมบัติเครื่อง

ท่านสามารถตรวจสอบคุณสมบัติแบบสรุป (Specification) ของ OPPO F1 Plus ได้โดยการคลิกที่ลิงก์ด้านล่างนี้

OPPO F1 Plus Specification

 

เนื้อหาที่เกี่ยวข้อง

พรีวิว (Preview) OPPO F1 Plus

  title="Sony Xperia ZL Specification">

 

:: ไปหน้าแรกเว็บไซต์ Thaimobilecenter | ไปหน้าแรก Mobile Focus ::

 

 

 


 












 รีวิว OPPO A5x | Enco Buds3
สมาร์ตโฟนแบตอึด 6000 mAh พร้อมชาร์จไว 45W SUPERVOOC บนบอดี้สวยแกร่ง ในราคาไม่ถึง 4 พัน และ OPPO Enco Buds3 หูฟังไร้สายตัวคุ้ม

[รายละเอียด]
 รีวิว Alldocube iPlay60 Pad Pro
แท็บเล็ตจอใหญ่ 12.1 นิ้ว โทรได้ พร้อมคีย์บอร์ด ปากกา และรองรับ PC Mode ครบจบในเครื่องเดียว ในราคาไม่ถึง 9 พันบาท

[รายละเอียด]
 รีวิว OPPO Find N5
สมาร์ตโฟนจอพับบางที่สุดในโลก พร้อมกล้อง Hasselblad 3x Optical Zoom ชิปเซ็ต Snapdragon 8 Elite พลังชาร์จไว 80W และฟีเจอร์ AI ใหม่ล่าสุด

[รายละเอียด]
 รีวิว POCO F7 Pro | F7 Ultra
สมาร์ตโฟนทรงพลังที่สุดของค่าย แรงระดับเรือธง ฟีเจอร์ AI พร้อมใช้ ในราคาแค่ครึ่งเดียว เริ่มเพียง 15,990 บาท

[รายละเอียด]
 รีวิว Xiaomi 15 | Xiaomi 15 Ultra
เรือธงกล้อง Leica ที่น่าจับจองกว่าเดิม เพิ่มกล้อง 200MP ใหม่ซูมได้ 120x พร้อมฟีเจอร์ AI จัดเต็ม

[รายละเอียด]
 รีวิว Alldocube iPlay 50 mini
แท็บเล็ตไซส์มินิสุดคุ้ม โทรได้ มี GPS พร้อมฟีเจอร์ตอบโจทย์คนชอบดูหนัง และอ่าน e-Book ในราคาประหยัดเพียง 3,990 บาท

[รายละเอียด]
รายการรีวิวมือถือทั้งหมด








วางจำหน่ายแล้ว OPPO Enco Buds3 หูฟังไร้สาย แบตอึด 48 ชม. น้ำหนัก 3.8 กรัม ราคา 799 บาท
วางจำหน่ายแล้ว OPPO Enco Buds3 หูฟังไร้สาย แบตอึด 48 ชม. น้ำหนัก  
วางจำหน่ายแล้ว หูฟังไร้สายรุ่นใหม่ “OPPO Enco Buds3” พร้อมมอบการใช้งานที่ดื่มดำเต็มอรรถรสได้ตลอดวัน ในราค
realme Neo7 Turbo เตรียมเปิดตัวที่จีน 29 พฤษภาคมนี้ พร้อมดีไซน์ฝาหลังใสและชิป Dimensity 9400e
realme Neo7 Turbo เตรียมเปิดตัวที่จีน 29 พฤษภาคมนี้ พร้อมดีไซน์ฝา 
realme Neo7 Turbo สมาร์ตโฟนรุ่นใหม่ล่าสุดเตรียมเปิดตัวในประเทศจีนวันที่ 29 พฤษภาคมนี้ โดยล่าสุดได้เผยภาพเ
iPhone 7 Plus และ iPhone 8 ถูกจัดเป็นผลิตภัณฑ์รุ่นเก่า (Vintage) แล้ววันนี้
iPhone 7 Plus และ iPhone 8 ถูกจัดเป็นผลิตภัณฑ์รุ่นเก่า (Vintage)  
Apple ได้อัปเดตรายการผลิตภัณฑ์เก่า (Vintage) และผลิตภัณฑ์ล้าสมัย (Obsolete) อีกครั้งในวันนี้ โดยมีการเปลี
เทคนิคตั้งค่ากล้องมือถือให้ถ่ายสวยระดับโปร ทำอย่างไรไปดู!
เทคนิคตั้งค่ากล้องมือถือให้ถ่ายสวยระดับโปร ทำอย่างไรไปดู! 
ในปัจจุบันกล้องถ่ายภาพของสมาร์ทโฟนได้รับการอัปเกรดให้ล้ำกว่าแต่ก่อนมาก ไม่ว่าจะเป็นจำนวนกล้องที่มากขึ้น,
AirPods หายข้างเดียวทำไงดี ซื้อใหม่ข้างเดียวได้ไหม?
AirPods หายข้างเดียวทำไงดี ซื้อใหม่ข้างเดียวได้ไหม? 
ฝันร้ายของคนที่ใช้ AirPods คงจะหนีไม่พ้นการที่หูฟังหาย ซึ่งเท่าที่เคยพบเจอมาส่วนใหญ่แล้วจะไม่ได้หายทั้งเค
มือถือราคาไม่เกิน 10,000 ปี 2025 อัปเดตล่าสุดเดือน มี.ค. 2025 มีรุ่นไหนบ้างไปดู!
มือถือราคาไม่เกิน 10,000 ปี 2025 อัปเดตล่าสุดเดือน มี.ค. 2025 มีร 
ปัจจุบันสมาร์ทโฟนมีหลายรุ่นหลายราคาให้เลือกสรรกันตามกำลังทรัพย์ โดยรุ่นที่มักจะเป็นที่ต้องการอยู่เสมอคือร
มือถือเล่นเกมราคาไม่เกิน 10,000 บาท สเปกคุ้มค่า อัปเดตราคาล่าสุด ก.พ. 2025
มือถือเล่นเกมราคาไม่เกิน 10,000 บาท สเปกคุ้มค่า อัปเดตราคาล่าสุด  
สมาร์ทโฟนเกมมิ่ง หรือมือถือเล่นเกมยังคงได้รับความสนใจอยู่เสมอ โดยเฉพาะกลุ่มที่มีราคาไม่เกิน 10,000 บาท สำ
Samsung เปิดตัว Galaxy S25 Series ในไทย โชว์พลัง Galaxy AI ผ่านงานดนตรีสุดล้ำ ในงาน Here AI am Music Fest
Samsung เปิดตัว Galaxy S25 Series ในไทย โชว์พลัง Galaxy AI ผ่านงา 
ซัมซุงเปิดตัว Galaxy S25 Series สุดยิ่งใหญ่ในไทย โชว์ความเก่ง Galaxy AI ผู้ช่วยส่วนตัวคนใหม่ ผ่านงานดนตร
HMD Skyline วางขายในไทยแล้ววันนี้ในราคา 14,990 บาท มากับชิป Snapdragon 7s Gen 2, จอ 144Hz, ชาร์จไร้สาย และกล้องซูม
HMD Skyline วางขายในไทยแล้ววันนี้ในราคา 14,990 บาท มากับชิป Snapd 
HMD Skyline สมาร์ทโฟนผู้สืบทอดทางจิตวิญญาณของ Nokia Lumia ในตำนานเปิดตัวและวางจำหน่ายในประเทศไทยเรียบร้อย
อินฟินิกซ์ โปรกลางเดือน สมาร์ทโฟนรุ่นฮิต สเปคเทพ ราคาพิเศษ ส่วนลดจัดเต็ม [สิงหาคม 2024]
อินฟินิกซ์ โปรกลางเดือน สมาร์ทโฟนรุ่นฮิต สเปคเทพ ราคาพิเศษ ส่วนลด 
อินฟินิกซ์ อัดโปรฯ แรงกลางเดือน ขนสมาร์ทโฟนรุ่นฮิต สเปคเทพ ราคาโดน มาให้เลือกช้อป พร้อมส่วนลดจัดเต็มอีกเพ
รายการอัพเดททั้งหมด



ราคามือถือ อัพเดทล่าสุด !!


OPPO Reno13 5G 16,999 บาท ราคาลดลง 1,000 บาท จากราคาเดิม 17,999  บาท
Samsung Galaxy S25+ 34,900 บาท ราคาลดลง 2,000 บาท จากราคาเดิม 36,900  บาท
Samsung Galaxy S25 27,900 บาท ราคาลดลง 2,000 บาท จากราคาเดิม 29,900  บาท
Samsung Galaxy S25 Ultra 44,900 บาท ราคาลดลง 2,000 บาท จากราคาเดิม 46,900  บาท
Samsung Galaxy S24 FE 17,900 บาท ราคาลดลง 2,000 บาท จากราคาเดิม 19,900  บาท
OPPO Find N5 69,999 บาท
iPhone 13 128GB 15,900 บาท
iPhone 15 20,900 บาท ราคาลดลง 6,000 บาท จากราคาเดิม 26,900  บาท
OPPO Reno13 F 5G 12,999 บาท
Samsung Galaxy Z Fold6 58,900 บาท
Samsung Galaxy Z Flip6 34,900 บาท
POCO F6 Pro 13,490 บาท ราคาลดลง 2,500 บาท จากราคาเดิม 15,990  บาท
Samsung Galaxy A05s 4,499 บาท ราคาลดลง 500 บาท จากราคาเดิม 4,999  บาท
iPhone 15 Pro Max 39,500 บาท ราคาลดลง 7,400 บาท จากราคาเดิม 46,900  บาท
iPhone 15 Pro 35,400 บาท ราคาลดลง 3,100 บาท จากราคาเดิม 38,500  บาท
iPhone 15 Plus 29,900 บาท ราคาลดลง 3,300 บาท จากราคาเดิม 33,200  บาท
Redmi Pad SE 4,999 บาท
Samsung Galaxy Tab S9+ 35,900 บาท
vivo Y27 5G 6,999 บาท
รายการ ราคามือถือ ทั้งหมด



อัพเดท ข่าวสารล่าสุด (New update)

Xbox ปล่อย Copilot for Gaming (Beta) บนอุปกรณ์มือถือ พร้อมรองรับทั้ง iOS และ Android ผู้ช่วยเกมเมอร์อัจฉริยะ
Xbox ปล่อย Copilot for Gaming (Beta) บนอุปกรณ์มือถือ พร้อมรอ 
Xbox เปิดให้เหล่าเกมเมอร์ได้ทดลองใช้งานฟีเจอร์ใหม่ล่าสุด Copilot for Gaming (Beta) ที่ถูกออกแบบมาเพื่อยกร
LINE อัปเดตฟีเจอร์ “รีแอคชั่น” ใหม่! เพิ่มสีสันให้การแชทผ่านการส่งรีแอคชั่นข้อความด้วย LINE Emoji ได้ทุกรูปแบบแล้ววันนี้
LINE อัปเดตฟีเจอร์ “รีแอคชั่น” ใหม่! เพิ่มสีสันให้การแชทผ่าน 
LINE อัปเดตฟีเจอร์ “รีแอคชั่น” ใหม่ ผู้ใช้งานทุกท่านสามารถเลือกใช้ LINE Emoji ทุกรูปแบบในการส่งรีแอคชั่นต
MAHAJAK สบายใจ สบายจ่าย ผ่อน 0% นานสูงสุด 10 เดือน อยู่ที่ไหนก็ผ่อนได้ กับบัตรเครดิตที่ร่วมรายการ
MAHAJAK สบายใจ สบายจ่าย ผ่อน 0% นานสูงสุด 10 เดือน อยู่ที่ไห 
มหาจักรดีเวลอปเมนท์ จัดให้กับโปรโมชันผ่อนได้นานสูงสุดถึง 10 เดือน พร้อมให้ทุกคนได้เป็นเจ้าของเครื่องเสียง
Samsung เปิดตัวทีวี AI รุ่นใหม่ การันตีอัปเดต OS ฟรี 7 ปี พร้อมรับโปรพิเศษ 7 ต่อ
Samsung เปิดตัวทีวี AI รุ่นใหม่ การันตีอัปเดต OS ฟรี 7 ปี พร 
ซัมซุง มอบความมั่นใจให้ลูกค้า การันตีอัปเดต OS ฟรีนาน 7 ปี บนไลน์อัปทีวี AI รุ่นใหม่
Xiaomi รายได้พุ่งทะลุ 111.3 พันล้านหยวน ไตรมาสแรกปี 2025 กำไรโต 64.5%
Xiaomi รายได้พุ่งทะลุ 111.3 พันล้านหยวน ไตรมาสแรกปี 2025 กำไ 
เสียวหมี่ทำรายรับทะลุ 111.3 พันล้านหยวนในไตรมาสแรกของปี 2568 ซึ่งทำยอดทะลุ 1 แสนล้านหยวนเป็นไตรมาสที่สองต
รายการอัพเดททั้งหมด


    Catalog มือถือ     market     Review มือถือ      ราคามือถือ     forum
Catalog มือถือ
Catalog มือถือ Nokia
Catalog มือถือ Samsung
Catalog มือถือ SonyEricsson
Catalog มือถือ i-mobile
Catalog มือถือ LG
Catalog มือถือ BlackBerry
ลงประกาศสินค้ามือถือ
สมัครสมาชิก
หน้าแรกตลาดซื้อขายมือถือ
 
หน้าแรกรีวิว
รีวิว มือถือ Nokia
รีวิว มือถือ Samsung
รีวิว มือถือ Motorola
รีวิว มือถือ LG
 

ราคามือถือ Samsung
ราคามือถือ iPhone
ราคามือถือ Huawei
ราคามือถือ OPPO
ราคามือถือ Vivo
   
   
หน้าแรก cafe
Nokia club
ตั้งหัวข้อใหม่
 

© Copyright all rights reserved : ThaiMobileCenter.com