รีวิว (Review) Moto M
สมาร์ทโฟนบอดี้โลหะ Nano-Coating ที่ไม่กลัวน้ำ พร้อมสเปกจัดเต็มคุ้มค่าในราคาไม่ถึงหมื่น! ด้วยจอ IPS Full HD 2.5D Gorilla Glass ใหญ่เต็มตา 5.5 นิ้ว, ชิปเซ็ต Helio P15, RAM 4GB, ROM 32 GB, กล้อง PDAF 16 ล้านพิกเซล, กล้องหน้า 8 ล้านพิกเซล, แบตเตอรี่ Quick Charge 3050 mAh, USB Type-C, ระบบเสียง Dolby Atmos และเซ็นเซอร์สแกนนิ้ว ในราคาเพียง 9,990 บาท
Review
Date (6-กุมภาพันธ์-2560)

เมื่อช่วงปลายปี 2016 ทาง Motorola ได้ประกาศเปิดตัวสมาร์ทโฟนตระกูลบอดี้โลหะใหม่ล่าสุดอย่าง Moto M ที่ประเทศจีนไปเมื่อเดือนพฤศจิกายน 2016 ที่ผ่านมา ซึ่งที่มาของตัว M ก็คือคำว่า Metal ที่แปลว่า โลหะ นั่นเอง โดยล่าสุด Moto M ก็ได้เริ่มวางจำหน่ายในประเทศไทยอย่างเป็นทางการเรียบร้อยแล้วตั้งแต่ วันที่ 21 มกราคม 2560 ที่ผ่านมา พร้อมเคาะราคาขายเพียง 9,990 บาท (สำหรับท่านใดที่สงสัยว่าทำไมสมาร์ทโฟนรุ่นนี้ถึงใช้ชื่อว่า Moto นั่นก็เนื่องด้วยบริษัท Motorola ได้ถูกบริษัท Lenovo เข้าซื้อกิจการต่อจากทางบริษัท Google ไปเมื่อช่วงต้นปี 2014 และได้ทำการรีแบรนด์ Motorola ใหม่ โดยใช้ชื่อว่า Moto by Lenovo อย่างที่เห็นกันในปัจจุบัน)
สำหรับ Moto M นั้นถือเป็นสมาร์ทโฟนระดับกลางที่มีความโดดเด่นในเรื่องของการออกแบบดีไซน์เป็นอย่างมาก เนื่องด้วยบอดี้ของ Moto M นั้นเป็นโลหะทั้งเครื่อง (All Metal-Unibody) ซึ่งมีความบางเฉียบเพียง 7.85 มิลลิเมตร อีกทั้งยังใช้เทคโนโลยีการเคลือบกันน้ำแบบนาโน (Water Nano-Coating) อีกด้วย จึงทำให้ตัวเครื่องมีความแข็งแรงทนทานเป็นเศษ และสามารถป้องกันน้ำหยด, ละอองน้ำ, น้ำกระเซ็น, ฝนตกปรอยๆ หรือน้ำหก ได้ในระดับหนึ่ง
ทางด้านจุดขายของสมาร์ทโฟนรุ่นนี้จะมีอยู่หลายส่วนด้วยกัน เริ่มตั้งแต่ หน้าจอแสดงผลแบบ IPS LCD ความละเอียด 1920x1080 พิกเซล ขนาด 5.5 นิ้ว พร้อมครอบทับด้วยกระจกขอบนูนแบบ 2.5D Gorilla Glass, เซ็นเซอร์สแกนลายนิ้วมือ, แบตเตอรี่ขนาด 3050 mAh พร้อมรองรับการชาร์จแบตเตอรี่ความเร็วสูงแบบ Quick Charge, กล้องดิจิทัลด้านหลังความละเอียด 16 ล้านพิกเซล ซึ่งมีระบบโฟกัสภาพแบบ PDAF (Phase Detection Autofocus), ระบบตรวจจับใบหน้า พร้อมไฟแฟลชแบบ Dual-CCT (Color Correlated Temperature), กล้องดิจิทัลความละเอียด 8 ล้านพิกเซล พร้อมระบบตรวจจับใบหน้า, รองรับพอร์ตเชื่อมต่อยุคใหม่แบบ USB Type-C, รองรับการใช้งานได้พร้อม 2 ซิมการ์ด พร้อมรองรับการเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตผ่านระบบ 4G LTE กับ 3G และรองรับระบบเสียง Dolby Atmos
ในส่วนของคุณสมบัติพื้นฐาน ก็ถือว่าครบเครื่องพอตัว สำหรับตอบโจทย์การใช้งานระดับกลางได้ดีทุกรูปแบบ ไม่ว่าจะเป็น ชิปเซ็ต Octa-Core MediaTek Helio P15 ที่มีความเร็วในการประมวลผล 2.2 GHz, หน่วยประมวลผลกราฟิกแบบ Mali-T860 MP2, หน่วยความจำแรม (RAM) ขนาด 4 GB, หน่วยความภายในขนาด 32 GB และขับเคลื่อนการทำงานด้วยระบบปฏิบัติการ Android เวอร์ชัน 6.0 Marshmallow
ซึ่งจากข้อมูลทั้งหมดที่กล่าวมาจะเห็นได้ว่า Moto M มีความน่าสนใจอยู่หลายส่วนด้วยกัน ทั้งในเรื่องของการออกแบบดีไซน์ กับแบตเตอรี่ขนาดใหญ่ที่สามารถใช้งานได้ยาวนานตลอดทั้งวัน และคุณสมบัติตัวเครื่องที่พร้อมตอบโจทย์การใช้งานได้ทุกรูปแบบ ส่วนการใช้งานจริงจะเป็นอย่างไร, ดีไซน์ตัวเครื่องจะสวยงามขนาดไหน, กล้องดิจิทัลสามารถถ่ายภาพได้คมชัดเพียงใด และมีฟีเจอร์อะไรให้ใช้งานกันบ้าง ขอเชิญทุกท่านไปชมรีวิว Moto M พร้อมกันได้เลยครับ
รูปลักษณ์ภายนอกตัวเครื่อง และการออกแบบดีไซน์

Moto M มาพร้อมกับแพ็จเกจที่มีสีสันสวยงาม

ซึ่งภายในแพ็กเกจก็มีอุปกรณ์มาให้ใช้งานอย่างครบครัน ไม่ว่าจะเป็น คู่มือการใช้งาน, ใบรับประกัน, เข็ม SIM Door Key, หูฟังแบบมาตรฐานขนาด 3.5 มิลลิเมตร, อะแดปเตอร์ชาร์จแบตเตอรี่, สายเชื่อมต่อยุคใหม่แบบ USB Type-C สำหรับชาร์จแบตเตอรี่ หรือโอนถ่ายข้อมูล

เคสใส และฟิล์มกันรอย

ตัวอย่างภาพขณะสวมใส่เคสใส

โดย Moto M มากับหน้าจอแสดงผลแบบ IPS LCD ความละเอียด 1920x1080 พิกเซล ขนาด 5.5 นิ้ว พร้อมครอบทับด้วยกระจกขอบนูนแบบ 2.5D Glass ซึ่งมีขนาดของตัวเครื่องอยูที่ 151.35x75.3x7.85 มิลลิเมตร และน้ำหนัก 163 กรัม

ด้านหน้าส่วนบนประกอบไปด้วยสัญญาณไฟ LED สำหรับการแจ้งเตือนสถานะต่างๆ, ลำโพงสำหรับฟังขณะทำการสนทนา, กล้องดิจิทัลความละเอียด 8 ล้านพิกเซล พร้อมระบบตรวจจับใบหน้า, ระบบ Accelerometer Sensor สำหรับช่วยหมุนหรือปรับเปลี่ยนทิศทางการแสดงผลของหน้าจอให้แบบอัตโนมัติ ตามลักษณะการจับถือของผู้ใช้ และระบบ Proximity Sensor สำหรับการปิดหน้าจอแบบอัตโนมัติขณะสนทนา เพื่อประหยัดพลังงาน

ด้านหน้าส่วนล่างมีปุ่มการสั่งงานแบบ On Screen ซึ่งประกอบไปด้วยปุ่มย้อนกลับ, ปุ่มโฮม และปุ่ม Recent Apps

ด้านบนของตัวเครื่องมีไมโครโฟนตัวที่สองสำหรับตัดเสียงรบกวนขณะโทรศัพท์, บันทึกเสียง หรือบันทึกวิดีโอ และช่องเชื่อมต่อกับหูฟังแบบมาตรฐานขนาด 3.5 มิลลิเมตร

ด้านล่างของตัวเครื่องมีลำโพงเสียงภายนอก ซึ่งรองรับระบบเสียง Dolby Atmos และช่องเชื่อมต่อยุคใหม่แบบ USB Type-C สำหรับชาร์จแบตเตอรี่ หรือโอนถ่ายข้อมูล

ด้านขวาของตัวเครื่องมีปุ่มเปิด-ปิด เครื่อง หรือล็อกหน้าจอ และปุ่มเพิ่ม-ลด ระดับเสียง


ด้านซ้ายของตัวเครืองมีถาดใส่ซิมการ์ด ซึ่งรองรับการใช้งานได้พร้อมกัน 2 ซิมการ์ด โดยในช่องที่ 2 จะต้องเลือกใช้งานระหว่างซิมการ์ดที่ 2 หรือเพิ่มการ์ดหน่วยความจำภายนอกแบบ microSD

ด้านหลังของตัวเครื่องมาพร้อมกล้องดิจิทัลความละเอียด 16 ล้านพิกเซล ซึ่งมีระบบโฟกัสภาพแบบ PDAF (Phase Detection Autofocus), ระบบตรวจจับใบหน้า พร้อมไฟแฟลชแบบ Dual-LED และเซ็นเซอร์สแกนลายนิ้วมือ

นอกจากนี้ ตัวเครื่องของ Moto M นั้นยังใช้เทคโนโลยีการผลิตแบบ Metal-Unibody จึงทำให้ตัวเครื่องมีความสวยงามดูเรียบหรู และมีความแข็งแรงทนทานเป็นพิเศษ นอกจากนี้ ตัวเครื่องของ Moto M ยังมีคุณสมบัติของการป้องกันน้ำหก, น้ำฝน หรือน้ำกระเซ็น ด้วยเทคโนโลยีการเคลือบตัวเครื่องกันน้ำแบบนาโน (Water Nano-Coating)
เปิดเครื่องใช้งาน พร้อมการทดสอบฟังก์ชัน และแอปพลิเคชันต่างๆ
 
Moto M ขับเคลื่อนการทำงานด้วยระบบปฏิบัติการ Android เวอร์ชัน 6.0 Marshmallow พร้อมรองรับการใช้งานได้พร้อมกัน 2 ซิมการ์ด และรองรับการเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตผ่านระบบ 4G LTE กับ 3G ได้
 
ซึ่งมีหน่วยความจำภายในขนาด 32 GB และหน่วยความจำแรมขนาด 4 GB
 
นอกจากนี้ยังมีฟังก์ชันสำหรับการแจ้งเตือน เช่น มีความข้อใหม่ หรือสายที่ไม่ได้รับ และยังสามารถเปิด-ปิด ฟังก์ชันลัดได้ เช่น การใช้งานอินเทอร์เน็ต หรือ WiFi
 
อีกทั้งยังสามารถปรับแต่งหน้าจอโฮมสกรีนได้หลากหลาย ไม่ว่าจะเป็น การเปลี่ยนภาพวอลเปเปอร์ หรือการนำวิดเจ็ตที่ต้องการใช้งานมาไว้ที่หน้าจอโฮมสกรีน
 
ทางด้านบริการต่างๆ จากทาง Google ก็มีให้ใช้งานอย่างครบครัน เช่น Gmail หรือ Youtube
 
ในส่วนของฟังก์ชันโทรศัพท์ก็มีหน้าตาที่ใช้งานได้ง่าย พร้อมด้วยปุ่มตัวเลขขนาดใหญ่ จึงช่วยให้กดหมายเลขได้อย่างแม่นยำ และสามารถเข้าดูบันทึกการโทร หรือรายชี่อโทรศัพท์ได้
 
อีกหนึ่งความน่าสนใจบน Moto M คือ ติดตั้งแอปพลิเคชันของ Microsoft มาให้ใช้งาน สำหรับเปิดอ่าน หรือสร้างไฟล์เอกสารได้ ไม่ว่าจะเป็น Word, Excel และ PowerPoint
 
สำหรับเว็บเบราว์เซอร์ก็ตอบสนองต่อการใช้งานได้อย่างไหลลื่น พร้อมทั้งสามารถแสดงรายละเอียดต่างๆ ได้ครบ
 
ไม่เพียงเท่านั้น ผู้ใช้ยังสามารถตั้งค่าการใช้งานเซ็นเซอร์สแกนลายนิ้วมือได้มากหนึ่งลายนิ้วมือ และที่สำคัญ คือ ผู้ใช้งานสามารถสแกนลายนิ้วมือเพื่อปลดล็อกหน้าจอขณะที่ตัวเครื่องอยู่ในโหมดสลีปได้ทันที
 
และที่พิเศษไปกว่านั้น คือ ผู้ใช้สามารถใช้บริการฝากภาพถ่ายผ่านแอปพลิเคชัน Google Photo ได้แบบฟรีนานถึง 2 ปีเต็ม ซึ่งข้อดีของแอปพลิเคชัน Google Photo คือ สามารถอัปโหลดภาพขึ้นไปบนแอปพลิเคชัน โดยแอปพลิเคชันจะไม่ลดคุณภาพของภาพถ่ายนั่นเอง
 
นอกจากนี้ Moto M ยังมีแอปพลิเคชันสำหรับฟังเพลง พร้อมทั้งสามารถปรับค่าระบบเสียง Dolby Atmos ให้เหมาะสมกับการใช้งานได้
 
ทางด้านของแอปพลิเคชันสำหรับฟังวิทยุ FM ก็มีให้ใช้งานด้วยเช่นกัน ซึ่งผู้ใช้สามารถบันทึกเสียงวิทยุเอาไว้ฟังในภายหลังได้อีกด้วย


Moto M สามารถเปิดเล่นไฟล์วิดีโอความละเอียดระดับ Full HD (1080p) ได้อย่างไหลลื่น อีกทั้งยังสามารถแสดงผลได้เต็มความละเอียดของไฟล์วิดีโอ เนื่องด้วย Moto M มาพร้อมหน้าจอแสดงผลความละเอียด 1920x1080 พิกเซล
 
สำหรับ Moto M นั้นมาพร้อมกับชิปเซ็ต Octa-Core MediaTek Helio P15 ที่มีความเร็วในการประมวลผล 2.2 GHz, หน่วยประมวลผลกราฟิกแบบ Mali-T860 MP2, หน่วยความจำแรม (RAM) ขนาด 4 GB, หน่วยความภายในขนาด 32 GB และขับเคลื่อนการทำงานด้วยระบบปฏิบัติการ Android เวอร์ชัน 6.0 Marshmallow


ถึงแม้ว่าคุณสมบัติตัวเครื่องจะจัดอยู่ในระดับกลาง แต่ Moto M แต่ก็ตอบโจทย์ด้านการเล่นเกมที่มีกราฟิกแบบสามมิติ พร้อมเอฟเฟกต์สวยๆ ได้อย่างไหลลื่น โดยไม่มีอาการหน่วงแต่อย่างใด
 
และเมื่อนำ Moto M มาทดสอบผ่านแอปพลิเคชัน AnTuTu Benchmark พบว่าได้คะแนนอยู่ที่ 51095 คะแนน

ต่อด้วยการทดสอบผ่านแอปพลิเคชัน AnTuTu 3DRating Benchmark พบว่าได้คะแนนอยู่ที่ 9090 คะแนน

Moto M สามารถรองรับการสัมผัสได้พร้อมกันสูงสุด 10 จุด
 
สามารถดาวน์โหลดแอปพลิเคชันอื่นๆ มาใช้งานเพิ่มเติมได้ผ่านแอปพลิเคชัน Google Play Store
กล้องดิจิทัล การถ่ายภาพนิ่ง และภาพวิดีโอ
 
สำหรับ Interface กล้องถ่ายภาพของ Moto M นั้นมีหน้าตาที่สามารถใช้งานได้ง่าย พร้อมทั้งแสดงฟังก์ชันต่างๆ ไว้ให้เลือกใช้งานได้ทันที และมีโหมดถ่ายภาพให้เลือกใช้งานหลากหลาย เช่น โหมดถ่ายภาพปกติ, โหมดถ่ายภาพโปร หรือโหมดถ่ายภาพกลางคืน
 
ในส่วนของโหมดถ่ายภาพโปรนั้นสามารถปรับค่าเพื่อถ่ายภาพได้หลายแบบ เช่น การปรับค่า ISO, การปรับค่าไวท์บาลานซ์ หรือการปรับความเร็วชัตเตอร์
 
ในส่วนของโหมดถ่ายภาพกลางคืน ยังมีฟังก์ชันย่อยให้เลือกใช้งานถ่ายภาพได้ 4 แบบ ได้แก่ ทิวทัศน์กลางคืน, ผู้คนกำลังเคลื่อนไหว, เวที และภายในอาคารที่มีแสงน้อย
 
อีกทั้งยังสามารถเปิดใช้งานไฟแฟลช LED กับโหมดถ่ายภาพ HDR ได้อีกด้วย
 
นอกจากนี้ ยังสามารถตั้งค่าการใช้งานอื่นๆ เพิ่มเติมได้ ไม่ว่าจะเป็น การเลือกอัตราส่วนของภาพถ่าย ซึ่งสามารถเลือกอัตราส่วนได้ 2 แบบ คือ 4:3 กับ 16:9, การเลือกความละเอียดของภาพถ่าย, สามารถเลือกฟังก์ชันเพื่อสั่งงานถ่ายภาพได้ 4 แบบ คือ ถ่ายภาพด้วยปุ่มชัตเตอร์, สัมผัสเพื่อถ่ายภาพ, ตั้งเวลาเพื่อถ่ายภาพ หรือตรวจจับรอยยิ้มเพื่อถ่ายภาพ
 
สามารถปรับค่าไวท์บาลานซ์ได้หลายแบบ ได้แก่ อัตโนมัติ, หลอดไส้, กลางวัน, ฟลูออเรสเซนต์, เมฆมาก, สนธยา, ในร่ม หรือฟลูออเรสเซต์สีอุ่น, สามารถปรับค่า ISO ได้สูงสุดที่ 1600
 
สามารถเปิดใช้งานแกนวัดระดับน้ำทะเล พร้อมทั้งสามารถเปิดใช้งานตาราง 9 ช่อง ได้

สามารถถ่ายวิดีโอได้ที่ความละเอียดสูงสุดระดับ Full HD (1080p)
 
สามารถตั้งค่าการใช้งานอื่นๆ เพิ่มเติมได้อีกหลายส่วนด้วยกัน ไม่ว่าจะเป็น เพิ่มความสามารถให้กับปุ่มลดเสียงได้ 3 แบบ คือ ลดระดับเสียง, ย่อ/ขยาย หรือถ่ายภาพ, เปิด-ปิด เสียงชัตเตอร์
 
การแท็กสถานที่บนภาพถ่าย, เปิดฟังก์ชันป้องกันหน้าจอกระพริบได้สูงสุดที่ 60Hz

และสามารถคืนการตั้งค่าทั้งหมดได้
 
ในส่วนของกล้องดิจิทัลด้านหน้าก็มีหน้าตาที่ใช้งานได้ง่ายเช่นเดียวกัน พร้อมทั้งแสดงไอคอนฟังก์ชันต่างๆ ไว้ให้เลือกใช้งานได้ทันที และมีโหมดถ่ายภาพให้เลือกใช้งาน 2 แบบ คือ โหมดถ่ายภาพปกติ กับโหมดถ่ายภาพหน้าสวย
 
โดยโหมดถ่ายภาพหน้าสวยนั้นสามารถปรับค่าผิวเนียนได้ 2 แบบ คือ ปรับค่าผิวเนียนแบบอัตโนมัติ หรือปรับค่าผิวเนียนแบบเลือกระดับ ซึ่งสามารถปรับค่าได้สูงสุดที่ 7 ระดับ
 
และยังสามารถตั้งค่าการใช้งานเพิ่มเติมได้ ไม่ว่าจะเป็น การเปิดใช้แสงสว่างของหน้าจอแทนไฟแฟลช LED ซึ่งสามารถเลือกได้สองสี คือ Pink (ชมพู) กับ Chrome (ส้มอ่อน), สามารถเลือกคุณภาพของภาพถ่ายได้สองแบบ คือ แบบมาตรฐาน กับแบบ Ultra HD
 
สามารถสั่งงานถ่ายภาพได้ 3 แบบ ได้แก่ ตั้งเวลาเพื่อถ่ายภาพ, สัมผัสเพื่อถ่ายภาพ และชูนิ้วเพื่อสั่งงานถ่ายภาพ และสามารถเปิดฟังก์ชันกระจกเงาสะท้อนได้
ตัวอย่างภาพถ่ายจากกล้องดิจิทัลตัวหลักที่ด้านหลังของตัวเครื่อง ความละเอียด 16 ล้านพิกเซล ของ Moto M

ตัวอย่างภาพที่ถ่ายด้วยโหมดถ่ายภาพปกติ

ตัวอย่างภาพที่ถ่ายด้วยโหมดถ่ายภาพปกติ

ตัวอย่างภาพที่ถ่ายด้วยโหมดถ่ายภาพปกติ

ตัวอย่างภาพที่ถ่ายด้วยโหมดถ่ายภาพปกติ

ตัวอย่างภาพที่ถ่ายด้วยโหมดถ่ายภาพปกติ

ตัวอย่างภาพที่ถ่ายด้วยโหมดถ่ายภาพปกติ

ตัวอย่างภาพที่ถ่ายด้วยโหมดถ่ายภาพปกติ

ตัวอย่างภาพที่ถ่ายด้วยโหมดถ่ายภาพปกติ

ตัวอย่างภาพที่ถ่ายด้วยโหมดถ่ายภาพปกติ

ตัวอย่างภาพที่ถ่ายด้วยโหมดถ่ายภาพปกติ

ตัวอย่างภาพที่ถ่ายด้วยโหมดถ่ายภาพกลางคืน พร้อมเปิดใช้งานฟังก์ชันทิวทัศน์กลางคืน

ตัวอย่างภาพที่ถ่ายด้วยโหมดถ่ายภาพกลางคืน พร้อมเปิดใช้งานฟังก์ชันทิวทัศน์กลางคืน

ตัวอย่างภาพที่ถ่ายด้วยโหมดถ่ายภาพกลางคืน พร้อมเปิดใช้งานฟังก์ชันทิวทัศน์กลางคืน

ตัวอย่างภาพที่ถ่ายด้วยโหมดถ่ายภาพกลางคืน พร้อมเปิดใช้งานฟังก์ชันทิวทัศน์กลางคืน

ตัวอย่างภาพที่ถ่ายด้วยโหมดถ่ายภาพกลางคืน พร้อมเปิดใช้งานฟังก์ชันทิวทัศน์กลางคืน
ตัวอย่างภาพถ่ายจากกล้องดิจิทัลด้านหน้าของตัวเครื่อง ความละเอียด 8 ล้านพิกเซล ผ่านโหมดถ่ายภาพหน้าสวย ของ Moto M
 
ตัวอย่างภาพที่ถ่ายด้วยโหมดถ่ายภาพปกติ
 
ตัวอย่างภาพที่ถ่ายด้วยโหมดถ่ายภาพหน้าสวย พร้อมปรับค่าระดับ 3
 
ตัวอย่างภาพที่ถ่ายด้วยโหมดถ่ายภาพหน้าสวย พร้อมปรับค่าระดับ 5
 
ตัวอย่างภาพที่ถ่ายด้วยโหมดถ่ายภาพหน้าสวย พร้อมปรับค่าระดับ 7
 
ตัวอย่างภาพที่ถ่ายด้วยโหมดถ่ายภาพหน้าสวย พร้อมปรับค่าอัตโนมัติ
. 
ภาพซ้ายนั้นถ่ายด้วยโหมดถ่ายภาพปกติ พร้อมเปิดใช้แสงสว่างของหน้าจอแทนไฟแฟลช LED และปรับแสงสี Pink (ชมพู) ส่วนภาพขวานั้นถ่ายด้วยโหมดถ่ายภาพปกติ พร้อมเปิดใช้แสงสว่างของหน้าจอแทนไฟแฟลช LED และปรับแสงสี Chrome (ส้มอ่อน)
สรุปผลการทดสอบของ Moto M

จบลงไปแล้วนะครับ สำหรับการรีวิว สมาร์ทโฟน M-Series ใหม่ล่าสุด อย่าง Moto M ซึ่งหลังจากการทดสอบต่างๆ เป็นเวลาหนึ่งสัปดาห์ ต้องขอบอกเลยว่าผู้เขียนรู้สึกประทับใจในตัว Moto M เป็นอย่างมาก ทั้งในเรื่องของการออกแบบดีไซน์, วัสดุที่ใช้ในการผลิต, กล้องถ่ายภาพสวยคมชัด และคุณสมบัติพื้นฐานที่สามารถตอบโจทย์การใช้งานได้อย่างครบเครื่อง
โดยอันดับแรกต้องขอยอมรับในเรื่องของการแบบดีไซน์ของ Moto M นั้นมีความสวยงามลงตัวเป็นอย่างมาก พร้อมทั้งยังใช้เทคโนโลยีการผลิตแบบ Metal-Unibody ซึ่งมีความบางเฉียบเพียง 7.85 มิลลิเมตร จึงทำให้ตัวเครื่องของ Moto M นั้นมีความแข็งแรงทนทานเป็นพิเศษ และสามารถพกพาไปใช้งานตามสถานที่ต่างๆ ได้อย่างคล่องตัว และที่พิเศษไปกว่านั้น คือ ตัวเครื่องของ Moto M ยังเคลือบสารป้องกันน้ำ (Water Nano-Coating) ซึ่งช่วยป้องกันน้ำหยด, ละอองน้ำ, น้ำกระเซ็น, ฝนตกปรอยๆ หรือน้ำหก ได้ในระดับหนึ่งอีกด้วย นั่นหมายความว่าผู้ใช้สามารถใช้งาน Moto M ในขณะที่ฝนตกปรอยๆ หรือแม้แต่เผลอทำแก้วน้ำหกใส่โดยไม่ได้ตั้งใจ ก็ไม่สามารถสร้างความเสียหายให้แก่ Moto M ได้
สำหรับจุดขายสำคัญที่ทาง Moto By Lenovo ใส่มาใน Moto M ก็ถือว่าสมน้ำสมเนื้อกับราคาค่าตัว และสามารถตอบโจทย์การใช้งานต่างๆ ได้ดีเป็นอย่างยิ่ง เริ่มตั้งแต่ หน้าจอแสดงผลแบบ IPS LCD ความละเอียด 1920x1080 พิกเซล ขนาด 5.5 นิ้ว พร้อมครอบทับด้วยกระจกขอบนูนแบบ 2.5D Glass, เซ็นเซอร์สแกนลายนิ้วมือ, แบตเตอรี่ขนาด 3050 mAh พร้อมรองรับการชาร์จแบตเตอรี่ความเร็วสูงแบบ Quick Charge, รองรับพอร์ตเชื่อมต่อยุคใหม่แบบ USB Type-C, รองรับการใช้งานได้พร้อม 2 ซิมการ์ด พร้อมรองรับการเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตผ่านระบบ 4G LTE กับ 3G และรองรับระบบเสียง Dolby Atmos
อีกหนึ่งจุดเด่นของสมาร์ทโฟนรุ่นนี้ก็คงจะหนีไม่พ้นในเรื่องของกล้องถ่ายภาพอย่างแน่นอน โดยเฉพาะกล้องดิจิทัลด้านหลังที่มีความละเอียดมากถึง 16 ล้านพิกเซล ซึ่งมีระบบโฟกัสภาพแบบ PDAF (Phase Detection Autofocus), ระบบตรวจจับใบหน้า พร้อมไฟแฟลชแบบ Dual-LED ซึ่งจากการทดสอบก็พบว่าภาพถ่ายที่ได้มีความคมชัด สีสันสมจริง และสามารถเก็บรายละเอียดต่างๆ ได้ครบถ้วน ทั้งในสภาวะแสงปกติ และสภาวะแสงน้อย ไม่เพียงเท่านั้น กล้องดิจิทัลด้านหลังยังมีโหมดถ่ายภาพโปรให้ใช้งาน ซึ่งผู้ใช้สามารถปรับค่าต่างๆ ได้หลากหลาย ซึ่งช่วยให้ผู้ใช้สามารถสรรค์สร้างภาพถ่ายแบบใหม่ๆ ได้ ประหนึ่งมีกล้อง DSLR ขนาดพกพาเลยก็ว่าได้
ในส่วนของกล้องดิจิทัลด้านหน้าความละเอียด 8 ล้านพิกเซล พร้อมระบบตรวจจับใบหน้า ก็ตอบโจทย์ด้านการถ่ายภาพได้ดีไม่แพ้กัน อีกทั้งยังมีโหมดถ่ายภาพหน้าสวยให้ใช้งาน โดยสามารถปรับค่าผิวเนียนได้มากถึง 7 ระดับ พร้อมทั้งสามารถเปิดใช้งานฟังก์ชันเติมแสงที่ใช้แสงสว่างจากหน้าจอแทนไฟแฟลชได้ ซึ่งช่วยให้ภาพถ่ายที่ได้ดูมีเลือดฝาด และมีความเป็นธรรมชาติมากที่สุด
ทางด้านคุณสมบัติพื้นฐานก็ถือว่าครบเครื่องพอตัว สำหรับตอบโจทย์การใช้งานระดับกลางได้ดีทุกรูปแบบ ไม่ว่าจะเป็น ชิปเซ็ต Octa-Core MediaTek Helio P15 ที่มีความเร็วในการประมวลผล 2.2 GHz, หน่วยประมวลผลกราฟิกแบบ Mali-T860 MP2, หน่วยความจำแรม (RAM) ขนาด 4 GB, หน่วยความภายในขนาด 32 GB และขับเคลื่อนการทำงานด้วยระบบปฏิบัติการ Android เวอร์ชัน 6.0 Marshmallow ซึ่งจากการทดสอบด้วยการเล่นเกมที่มีกราฟิกแบบสามมิติ หรือเกมที่มีเอฟเฟกต์สวยๆ Moto M ก็ตอบสนองต่อการใช้งานได้อย่างไหลลื่น โดยไม่มีอาการหน่วง หรือกระตุกให้พบเจอ และหน้าจอแสดงผลความละเอียดระดับ Full HD (1080p) ที่มีขนาดใหญ่เต็มตา 5.5 นิ้ว ยิ่งช่วยเพิ่มความเพลิดเพลินให้กับการเล่นเกมอีกด้วย
และจากการทดสอบทั้งหมดที่ผ่านมาก็พอที่จะสรุปได้ว่า Moto M น่าจะเหมาะกับผู้ที่กำลังมองหาสมาร์ทโฟนที่สามารถตอบโจทย์การใช้งานได้ดีทุกรูปแบบในราคาไม่ถึงหมื่น พร้อมบอดี้โลหะดีไซน์เรียบหรู, ป้องกันความเสียหายจากน้ำได้ในระดับหนึ่ง, วัสดุแข็งแรงทนทาน, กล้องถ่ายภาพสวยคมชัดทั้งด้านหน้าด้านหลัง, ฟังเพลงไพเราะ, การประมวลผลที่รวดเร็วลื่นไหล และมีฟีเจอร์ให้ใช้งานอย่างครบเครื่อง ซึ่ง Moto M ก็ถือเป็นอีกตัวหนึ่งตัวเลือกที่ไม่ควรมองข้าม และสำหรับท่านใดที่สนใจ Moto M ก็สามารถเป็นเจ้าของได้แล้ววันนี้ที่ True Shop, Jaymart และ TG Fone ในราคาเพียง 9,990 บาท โดยมีให้เลือกทั้งหมด 3 สี คือ สีทอง, สีเทา และสีเงิน สุดท้ายนี้ ต้องขอขอบคุณทาง Moto By Lenovo ประเทศไทย ที่ให้ความไว้วางใจส่งเครื่อง Moto M มาให้ทางทีมงานได้ทำการรีวิวให้ท่านผู้อ่านได้รับชมกัน สำหรับวันนี้ ต้องขอลาไปก่อน พบกันได้ใหม่ในโอกาสหน้า สวัสดีครับ
จุดเด่นของ Moto M
- ตัวเครื่องผลิตจากโลหะ (All Metal-Unibody) บวกกับความโค้งมน และพื้นผิวด้านที่ด้านหลังของตัวเครื่อง จึงช่วยให้ตัวเครื่องมีความแข็งแรงทนทานเป็นพิเศษ พร้อมทั้งสามารถจับ หรือถือใช้งานได้อย่างคล่องตัว และไม่เกิดคราบเปื้อน หรือรอยนิ้วมือได้ง่าย
- ตัวเครื่องเคลือบสารป้องกันน้ำ (Water Nano-Coating) ซึ่งช่วยป้องกันน้ำหยด, ละอองน้ำ, น้ำกระเซ็น, ฝนตกปรอยๆ หรือน้ำหก ได้ในระดับหนึ่ง
- เซ็นเซอร์สแกนลายนิ้วมือ (Fingerprint Sensor) ที่ด้านหลังของตัวเครื่อง สำหรับตรวจสอบสิทธิ์ของการเข้าใช้งานเครื่อง และการเข้าถึงข้อมูลภายใน
- จอแสดงผลแบบ IPS LCD Capacitive Touchscreen 16,700,000 สี ความละเอียด 1920x1080 Pixels ขนาด 5.5 นิ้ว พร้อมครอบทับด้วยกระจกขอบนูนแบบ 2.5D Gorilla Glass
- ประมวลผลการทำงานด้วยชิปเซ็ต Octa-Core MediaTek Helio P15 ความเร็วในการประมวลผล 2.2 GHz
- หน่วยประมวลผลภาพกราฟิกโดยเฉพาะ (GPU : Graphics Processing Unit) แบบ Mali-T860 MP2
- ขับเคลื่อนการทำงานด้วยระบบปฏิบัติการ Android เวอร์ชัน 6.0 Marshmallow
- หน่วยความจำ RAM ขนาด 4 GB
- หน่วยความจำภายในสำหรับเก็บบันทึกข้อมูลขนาด 32GB พร้อมรองรับการเพิ่มการ์ดหน่วยความจำภายนอกแบบ microSD ได้สูงสุด 128 GB
- กล้องดิจิทัลด้านหลังมีความละเอียด 16 ล้านพิกเซล ซึ่งมีระบบโฟกัสภาพแบบ PDAF (Phase Detection Autofocus), ระบบตรวจจับใบหน้า พร้อมไฟแฟลชแบบ Dual-CCT และรองรับการถ่ายวิดีโอได้ที่ความละเอียดสูงสุดระดับ Full HD (1080p)
- กล้องดิจิทัลขนาดเล็กที่ด้านหน้าของตัวเครื่อง ความละเอียดระดับ 8 ล้านพิกเซล ซึ่งมีระบบตรวจจับใบหน้า พร้อมโหมดถ่ายภาพหน้าสวย และรองรับการถ่ายวิดีโอได้ที่ความละเอียดสูงสุดระดับ Full HD (1080p)
- รองรับการใช้งานได้พร้อมกัน 2 ซิมการ์ด (Dual SIM)
- รองรับการเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตผ่านทางระบบ 4G LTE, 3G, EDGE และ GPRS
- ระบบ GPS+A-GPS ในตัว (Global Positioning System : ระบบดาวเทียมนำร่อง)
- แบตเตอรี่แบบ Li-Ion Polymer 3050 mAh พร้อมรองรับเทคโนโลยีการชาร์จความเร็วสูงแบบ Quick Charge
- รองรับระบบเสียง Dolby Atmos
- ราคาเพียง 9,990 บาท ซึ่งถือว่าคุ้มค่าเมื่อเทียบกับคุณสมบัติโดยรวม
จุดที่อาจจะต้องพิจารณาเพิ่มเติมของ Moto M
- แบตเตอรี่เป็นแบบ Built-in Battery จึงไม่สามารถถอด หรือเปลี่ยนด้วยตนเองได้
- ถาดซิมการ์ดเป็นแบบ Hybrid Slot ซึ่งในช่องที่สองจะต้องเลือกใช้งานระหว่างซิมการ์ดที่ 2 หรือเพิ่มหน่วยความจำภายนอก ซึ่งไม่สามารถใช้งานได้พร้อมกันได้
โปรดทราบ
* โทรศัพท์มือถือที่ท่านเห็นในบทความรีวิวนี้เป็นเพียงเครื่องทดสอบจากทางศูนย์ เพราะฉะนั้นคุณสมบัติบางอย่างอาจมีความแตกต่างจากเครื่องที่วางจำหน่ายจริงบ้างไม่มากก็น้อย รวมถึงจุดด้อยบางประการที่พบในเครื่องทดสอบ อาจจะถูกแก้ไขปรับปรุงให้ดีขึ้นในเครื่องที่วางจำหน่ายจริง ดังนั้นหากท่านสนใจซื้อโทรศัพท์มือถือรุ่นนี้ ควรตรวจสอบหรือทดลองใช้งานสินค้าด้วยตนเองอีกครั้งหนึ่ง *
สรุปคุณสมบัติเครื่อง
ท่านสามารถตรวจสอบคุณสมบัติแบบสรุป (Specification) ของ Moto M ได้โดยการคลิกที่ลิงก์ด้านล่างนี้
สรุปคุณสมบัติโดยละเอียดของ Moto M

:: ไปหน้าแรกเว็บไซต์ Thaimobilecenter
| ไปหน้าแรก
Mobile Focus ::
|