รีวิว (Review) Huawei P10
สมาร์ทโฟนเรือธงตัวท็อปเพื่อที่สุดเรื่องการถ่ายภาพ ด้วยกล้องคู่ Leica Dual Camera ผสานกล้องหน้า Leica รุ่นแรกของโลก พร้อมจอ IPS-Neo Full HD, ชิปเซ็ต Kirin 960 ตัวแรง, ชิปกราฟิก Mali-G71, RAM 4GB, ROM 64GB, Android 7.0, ปุ่มโฮม Smart Touch โฉมใหม่ใต้กระจก และแบตเตอรี่ SuperCharge ขนาด 3200 mAh บนบอดีโลหะ Nano-Coating ที่ไม่กลัวน้ำ
Review
Date (27-มีนาคม-2560)

สำหรับ Huawei P10 สมาร์ทโฟนเรือธงตัวท็อปใหม่ล่าสุด นั้นเพิ่งได้เปิดตัวในประเทศไทยไปแบบสดๆ ร้อนๆ เมื่อวันที่ 16 มีนาคม 2560 ที่ผ่านมา โดยนอกจากจะเปิดตัวรุ่นมาตรฐานแล้ว ทางด้านสมาร์ทโฟนเรือธงตัวท็อปรุ่นใหญ่อย่าง Huawei P10 Plus ก็เปิดตัวในวันดังกล่าวด้วยเช่นกัน ซึ่งสมาร์ทโฟนทั้ง 2 รุ่น ก็ได้สร้างความตื่นตาตื่นใจให้กับผู้ที่มาร่วมงานเปิดตัวเป็นอย่างมาก ทั้งในเรื่องของการออกแบบดีไซน์ที่ดูหรูหราพรีเมียม ที่มาพร้อมกล้อง Leica ทั้งด้านหน้าด้านหลังรุ่นแรกของโลก และคุณสมบัติตัวเครื่องที่ไฮเอนด์จัดเต็มในทุกๆ ด้าน
โดยจุดเด่นของ Huawei P10 นั้นมีอยู่หลายส่วนด้วยกัน เริ่มตั้งแต่ เทคโนโลยีการผลิตตัวเครื่องแบบ Metal-Unibody ที่ทำให้ตัวเครื่องมีความสวยหรูพรีเมียม และแข็งแรงทนทานเป็นพิเศษ พร้อมความบางเฉียบเพียง 6.98 มิลลิเมตร, ตัวเครื่อง และแผงวงจรด้านในเคลือบสาร Nano-Coating สำหรับกันน้ำกระเซ็น หรือน้ำหกใส่ได้, หน้าจอแสดงผลแบบ IPS-Neo LCD ความละเอียด 1920x1080 พิกเซล ขนาด 5.1 นิ้ว พร้อมครอบทับด้วยกระจกขอบนูนแบบ 2.5D Gorilla Glass 5, เซ็นเซอร์สแกนนิ้วโฉมใหม่แบบใต้กระจก พร้อมเทคโนโลยี Smart Touch ซึ่งผู้ใช้สามารถสั่งงานผ่านเซ็นเซอร์สแกนลายนิ้วมือได้ทันที, กล้องดิจิทัลด้านหลังแบบ Leica Dual Camera (12MP RGB+20MP Monochrome) พร้อมขนาดรูรับแสงกว้างสูงสุดที่ f/2.2, ระบบป้องกันภาพสั่นไหวแบบ OIS, ไฟแฟลชแบบ Dual-Tone และเทคโนโลยีการโฟกัสภาพแบบ 4 In 1, กล้องดิจิทัลด้านหน้าจาก Leica ตัวแรกของโลก ความละเอียด 8 ล้านพิกเซล ที่มีขนาดรูรับแสง f/1.9, รองรับระบบเสียง DTS Sound, รองรับการใช้งานได้พร้อมกัน 2 ซิมการ์ด พร้อมรองรับการเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตผ่านระบบ 4G LTE กับ 3G และแบตเตอรี่ขนาด 3200 mAh พร้อมรองรับการชาร์จแบตเตอรี่ความเร็วสูง (SuperCharge)
สำหรับคุณสมบัติการประมวลผล ก็เรียกได้ว่าจัดเต็มไม่แพ้สมาร์ทโฟนแบรนด์คู่แข่งเลยก็ว่าได้ อีกทั้งยังสามารถตอบโจทย์การใช้งานการประมวลผลระดับสูงได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ ไม่ว่าจะเป็น ชิปเซ็ต Octa-Core Huawei Kirin 960 (Quad-Core Cortex-A73 2.4 GHz + Quad-Core Cortex A53 1.8GHz), ชิปเซ็ตประมวลผลภาพกราฟิกแบบ Mali-G71 MP8, หน่วยความจำแรม (RAM) ขนาด 4 GB, หน่วยความจำภายใน (ROM) ขนาด 64 GB, รองรับหน่วยความจำเสริมแบบ microSD สูงสุด 256 GB และทำงานอยู่บนระบบปฏิบัติการ Android 7.0 เวอร์ชัน Nougat ซึ่งถูกครอบทับด้วย EMUI 5.1 เวอร์ชันใหม่ล่าสุด
และจากข้อมูลทั้งหมดในข้างต้นจะเห็นได้ว่า Huawei P10 นั้นมาพร้อมคุณสมบัติตัวเครื่องที่จัดอยู่ในระดับไฮเอนด์ และสามารถตอบโจทย์การใช้งานที่ต้องมีการประมวลผลระดับสูงได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ ส่วนการใช้งานจริงจะเป็นอย่างไร, ดีไซน์ตัวเครื่องจะสวยหรูพรีเมียมขนาดไหน, กล้องจะถ่ายภาพได้สวยคมชัดสมคำร่ำลือหรือไม่ และสามารถตอบสนองต่อการใช้งานต่างๆ ได้ดีเพียงใด วันนี้เรามีคำตอบให้ทุกท่านครับ
รูปลักษณ์ภายนอกตัวเครื่อง และการออกแบบดีไซน์

Huawei P10 มาในกล่องแพ็กเกจสีขาว

โดยภายในกล่องก็มีอุปกรณ์มาให้ใช้งานอย่างครบครัน ไม่ว่าจะเป็น เคสใส, เข็มจิ้มถาดซิมการ์ด, คู่มือการใช้งาน, Adapter, สายเชื่อมต่อยุคใหม่แบบ USB Type-C และหูฟังแบบมาตรฐานขนาด 3.5 มิลลิเมตร

สำหรับ Adapter นั้นรองรับเทคโนโลยีการชาร์จแบตเตอรี่ความเร็วสูงแบบ SuperCharge

ภาพตัวอย่างการสวมใส่เคสใส

Huawei P10 นั้นมาพร้อมกับหน้าจอแสดงผลแบบ IPS-NEO LCD ความละเอียด 1920x1080 พิกเซล ขนาด 5.1 นิ้ว พร้อมครอบทับด้วยกระจกขอบนูนแบบ 2.5D Corning Gorilla Glass 5 โดยมีน้ำหนักของตัวเครื่องอยู่ที่ 145.3x69.3x6.98 มิลลิเมตร และน้ำหนัก 145 กรัม

และถึงแม้ว่าตัวกระจกหน้าจอของ Huawei P10 จะเป็นแบบ 2.5D Corning Gorilla Glass 5 ซึ่งถือว่าแข็งแกร่ง และป้องกันรอยขีดข่วนได้อย่างดีเยี่ยม แต่เพื่อความมั่นใจมากขึ้น ผู้ใช้ก็สามารถหาฟิล์มกันรอยมาติดตั้งเพิ่มเติมได้

โดยขณะนี้ก็เริ่มมีฟิล์มกันรอยสำหรับ Huawei P10 โดยเฉพาะเปิดตัวออกมาบ้างแล้ว เช่นฟิล์ม Focus Curved Fit TPU Perfect Edge ฟิล์มลงโค้งแบบใส ที่มีจุดเด่นในเรื่องของเนื้อ TPU ที่มีความยืดหยุ่นสูง มีผิวสัมผัสที่เรียบลื่นไม่สะดุด สามารถลงโค้งของหน้าจอได้ทุกสัดส่วน ซึ่งช่วยให้สามารถปกป้องหน้าจอได้แบบเต็ม 100% อีกทั้งด้วยเนื้อฟิล์มที่เป็นแบบใส จึงสามารถแสดงผลภาพได้อย่างคมชัด สีสันสดใส ซึ่งเหมาะกับการนำมาใช้งานร่วมกับ Huawei P10 เป็นอย่างยิ่ง โดยคาดว่าฟิล์มกันรอยของ Focus รุ่นนี้ น่าจะวางจำหน่ายพร้อมๆ กับ Huawei P10 ในช่วงวันที่ 31 มีนาคม ที่จะถึงนี้

ด้านหน้าส่วนบนประกอบไปด้วยกล้อง Leica ความละเอียด 8 ล้านพิกเซล ที่มีรูรับแสงขนาด f/1.9, ลำโพงเสียงภายนอกสำหรับฟังขณะทำการสนทนา, ระบบ Accelerometer Sensor สำหรับช่วยหมุนหรือปรับเปลี่ยนทิศทางการแสดงผลของหน้าจอให้แบบอัตโนมัติ ตามลักษณะการจับถือของผู้ใช้ และระบบ Proximity Sensor สำหรับการปิดหน้าจอแบบอัตโนมัติขณะสนทนา เพื่อประหยัดพลังงาน

ด้านหน้าส่วนล่างของตัวเครื่องมีปุ่มการสั่งงานแบบ On Screen ได้แก่ ปุ่ม Recent Apps, ปุ่มโฮม และปุ่มย้อนกลับ ถัดลงมาจะเป็นเซ็นเซอร์สแกนนิ้วโฉมใหม่แบบใต้กระจก ที่มาพร้อมเทคโนโลยี Smart Touch ซึ่งผู้ใช้สามารถสั่งงานผ่านเซ็นเซอร์สแกนลายนิ้วมือได้ทันที ไม่ว่าจะเป็น ย้อนกลับ, ปุ่มโฮม หรือเรียกใช้งานฟังก์ชัน Recent Apps

ด้านบนของตัวเครื่องมีไมโครโฟนตัวที่สองสำหรับตัดเสียงรบกวนจากภายนอกขณะบันทึกเสียง หรือบันทึกวิดีโอ

ด้านล่างของตัวเครื่องมีช่องเชื่อมต่อกับหูฟังแบบมาตรฐานขนาด 3.5 มิลลิเมตร, ไมโครโฟน, ช่องเชื่อมต่อยุคใหม่แบบ USB Type-C สำหรับชาร์จแบตเตอรี่ หรือโอนถ่ายข้อมูล และลำโพงเสียงภายนอก

ด้านขวาของตัวเครื่องมีปุ่มเปิด-ปิด เครื่อง หรือล็อกหน้าจอ และปุ่มเพิ่ม-ลด ระดับเสียง


ด้านซ้ายของตัวเครื่องมีถาดสำหรับใส่ซิมการ์ด ซึ่งรองรับการใช้งานได้พร้อมกันสอง 2 ซิมการ์ด สำหรับในช่องที่สองจะต้องเลือกใช้งานอย่างใดอย่างหนึ่งระหว่างการใช้งานซิมการ์ดที่ 2 หรือเพิ่มการ์ดหน่วยความจำภายนอกแบบ microSD


ด้านหลังของตัวเครื่องมีกล้องดิจิทัลแบบคู่ (Dual-Camera) จาก Leica โดยกล้องทั้งสองใช้งานเลนส์แบบ SUMMARIT-H 1:2.2/27 ASPH. แบบเดียวกับ Huawei Mate 9 ซึ่งกล้องตัวแรกมีความละเอียด 12 ล้านพิกเซล ส่วนกล้องตัวที่สองความละเอียด 20 ล้านพิกเซล, ขนาดรูรับแสงกว้างสูงสุดที่ f/2.2 และระบบป้องกันภาพสั่นไหว (OIS)

นอกจากนี้ ตัวเครื่องของ Huawei P10 นั้นผลิตมากจากโลหะ พร้อมเคลือบสาร Nano-Coating จึงทำให้ตัวเครื่องมีความแข็งแรงทนทาน และสามารถกันน้ำกระเซ็น หรือน้ำหกใส่ได้
เปิดเครื่องใช้งาน พร้อมการทดสอบฟังก์ชัน และแอปพลิเคชันต่างๆ
 
Huawei P10 นั้นขับเคลื่อนการทำงานด้วยระบบปฏิบัติการ Android เวอร์ชัน 7.0 (Nougat) พร้อมรองรับการใช้งานได้พร้อมกัน 2 ซิมการ์ด และรองรับการเชื่อมต่อผ่านระบบ 4G LTE กับ 3G

และที่พิเศษไปกว่านั้น คือ ระบบปฏิบัติการ Android 7.0 Nougat ที่ถูกครอบทับด้วย EMUI 5.1 เวอร์ชันใหม่ล่าสุด มาพร้อมฟีเจอร์ Highlights ที่พัฒนาร่วมกับ GoPro บริษัทกล้องชื่อดังระดับโลก โดยฟีเจอร์ Highlights จะอยู่ใน คลังภาพ (Photos หรือ Gallery) โดยจะเป็นการจัดกลุ่มรูปภาพภายในตัวเครื่องที่ยึดตามใบหน้าของบุคคล หรือกิจกรรมที่เกิดขึ้น พร้อมทั้งจัดทำคลิปวิดีโอจากภาพกิจกรรมเดียวกัน และให้ผู้ใช้เลือก Template หรือปรับแต่งได้อย่างอิสระ พร้อมแชร์ให้เพื่อนๆ ในโซเชียลได้เห็นในทันที
 
Huawei P10 มีหน่วยความจำภายในขนาด 64 GB พร้อมด้วยหน่วยความแรม (RAM) ขนาด 4 GB

สำหรับขุมพลังแห่งการประมวลผลของสมาร์ทโฟน Huawei นั่นก็คือ ชิปเซ็ตประมวลผล Kirin 960 ที่เร็ว และแรงที่สุดของค่ายในขณะนี้

โดย CPU จะมีความเร็วเพิ่มขึ้น 18% และมาพร้อมเทคโนโลยี Ultra Memory ที่ช่วยจัดการแอปพลิเคชันแบบ Multi-Tasking ให้ใช้งานได้ลื่นไหล และรวดเร็วเพิ่มขึ้นถึง 30% และเทคโนโลยี Ultra Response ที่ช่วยให้ระบบสัมผัสสามารถตอบสนองต่อนิ้วมือ และการใช้งานได้ดีมากยิ่งขึ้น
 
พร้อมทั้งมีฟังก์ชันการแจ้งเตือนต่างๆ อีกทั้งยังสามารถเปิด-ปิด ฟังก์ชันลัดได้หลากหลาย เช่น NFC หรือการใช้งานอินเทอร์เน็ต
 
นอกจากนี้ ผู้ใช้ยังสามารถปรับแต่งหน้าจอโฮมสกรีนได้หลากหลาย ไม่ว่าจะเป็น การเปลี่ยนภาพวอลเปเปอร์, การนำวิดเจ็ตที่ต้องการใช้งานมาไว้ที่หน้าจอโฮมสกรีน หรือการเปลี่ยนเอฟเฟกต์ปลดล็อกหน้าจอ
 
อีกทั้งยังมีธีมให้เลือกใช้งานหลากหลายรูปแบบ และสามารถดาวน์โหลดธีมอื่นๆ มาใช้งานเพิ่มเติมได้ผ่านแอปพลิเคชัน Theme
 
ในส่วนของฟังก์ชันโทรศัพท์นั้นก็มีหน้าตาที่สามารถใช้งานได้ง่าย พร้อมด้วยปุ่มตัวเลขที่มีขนาดพอดีกับนิ้วมือ ผู้ใช้จึงสามารถกดหมายเลขที่ต้องการได้อย่างแม่นยำ ไม่เพียงเท่านั้น ผู้ใช้ยังสามารถเข้าดูรายชื่อโทรศัพท์ หรือบันทึกการโทรล่าสุดได้ทันที
 
ทางด้านบริการต่างๆ จากทาง Google ก็มีให้ใช้งานครบครันบน Huawei P10
 
สำหรับการใช้งานเว็บเบราว์เซอร์ก็ตอบสนองต่อการใช้งานได้อย่างลื่นไหล
 
ส่วนทางด้านแอปพลิเคชันอัลบั้มภาพถ่ายนั้นสามารถแสดงภาพถ่ายได้หลากหลายรูปแบบ เช่น แสดงแบบแยกอัลบั้ม หรือแสดงแบบรวมภาพถ่ายทั้งหมด
 
และที่พิเศษไปกว่านั้น คือ Huawei P10 รองรับการใช้งานแอปพลิเคชัน Facebook และ WhatsApp ได้พร้อมกันถึง 2 แอคเคาท์ เรียกได้ว่า ช่วยเพิ่มความสะดวกสบายในการใช้งานเป็นอย่างมาก
 
ไม่เพียงเท่านั้น Huawei P10 ยังมีกับฟังก์ชันลดแสงสีฟ้า เพื่อถนอมสายตาได้อีกด้วย
 
และที่พิเศษไปกว่านั้นคือ สามารถเลือกใช้งานปุ่มควบคุมการสั่งงานได้ 2 แบบ คือ แบบ On Screen หรือแบบสั่งงานผ่านฟังก์ชัน Smart Touch บนเซ็นเซอร์สแกนลายนิ้วมือ สำหรับปุ่มการสั่งงานแบบ On Screen ยังสามารถตั้งค่าสลับปุ่มการสั่งงานได้หลากหลาย
 
ส่วนแอปพลิเคชันสำหรับจัดการโทรศัพท์ก็มีความสามารถที่หลากหลาย เช่น การเคลียร์ Cache, การเคลียร์หน่วยความจำแรม (RAM) หรือแม้แต่ตรวจสอบการใช้งานปริมาณอินเทอร์เน็ตก็สามารถทำได้จากส่วนนี้เช่นเดียวกัน
 
พร้อมทั้งสามารถเปิดใช้งานโหมดประหยัดพลังงานขั้นสูงได้
 
ทางด้านเซ็นเซอร์สแกนลายนิ้วมือนั้นสามารถเพิ่มลายนิ้วมือได้มากกว่า 1 ลายนิ้วมือ และที่พิเศษไปกว่านั้นคือ ด้วยเทคโนโลยี Smart Touch ผู้ใช้สามารถสั่งงานผ่านเซ็นเซอร์สแกนลายนิ้วมือได้ทันที ไม่ว่าจะเป็น ย้อนกลับ, ปุ่มโฮม หรือเรียกใช้งานฟังก์ชัน Recent Apps
 
นอกจากนี้ Huawei P10 นั้นรองรับการสั่งงานด้วยท่าทางได้ เช่น การพลิกคว่ำตัวเครื่องเพื่อปิดเสียงเรียกเข้า หรือปิดเสียงนาฬิกาปลุก, ยกโทรศัพท์แนบใบหูเพื่อรับสาย หรือโทรออกรายชื่อโทรศัพท์ที่ต้องการได้ทันที

อีกทั้งผู้ใช้ยังสามารถถ่ายภาพหน้าจอด้วยการดับเบิ้ลคลิกที่หน้าจอได้
 
นอกจากนี้ Huawei P10 ยังสามารถวาดตัวอักษรเพื่อสั่งงานได้ด้วยเช่นกัน ไม่ว่าจะเป็น การวาดตัวอักษร C เพื่อเรียกใช้งานแอปพลิเคชันกล้องถ่ายภาพ หรือวาดตัวอักษร M เพื่อเรียกใช้งานแอปพลิเคชันสำหรับฟังเพลง
 
ไม่เพียงเท่านั้น บน Huawei P10 ยังสามารถเปิดใช้งานฟังก์ชันพิเศษสำหรับควบคุมชุดหูฟังเพื่อช่วยเพิ่มความสะดวกสบายต่อการใช้งานให้เพิ่มมากขึ้น ได้แก่ กดปุ่มบวก 1 ครั้งเพื่อเพิ่มเสียง แต่ถ้ากดปุ่มบวก 2 ครั้ง จะเป็นการถูกใจเพลง, กดปุ่มสี่เหลี่ยม 1 ครั้ง เพื่อเล่น หรือหยุดเพลง แต่ถ้ากดปุ่มสี่เหลี่ยม 2 ครั้ง จะเปลี่ยนเพลงไปข้างหน้า แต่ถ้ากดปุ่มสี่เหลี่ยม 3 ครั้ง จะย้อนไปเล่นเพลงที่ผ่านมา, กดปุ่มลบ 1 ครั้ง เพื่อลดระดับเสียง แต่ถ้ากดปุ่มลบ 2 ครั้ง เพื่อเล่นเพลงแบบสุ่ม
 
Huawei P10 นั้นมีแอปพลิเคชันสำหรับฟังเพลงให้ใช้งาน พร้อมทั้งสามารถใช้งานร่วมกับระบบเสียง DTS Sound ได้อีกด้วย (การเปิดใช้งานระบบเสียง DTS Sound จำเป็นต้องเชื่อมต่อกับหูฟังเสียก่อน)


และสามารถเปิดเล่นไฟล์วิดีโอความละเอียดระดับ Full HD (1080p) ได้อย่างไหลลื่น อีกทั้งยังสามารถแสดงผลภาพได้เต็มความละเอียดของไฟล์วิดีโอ เนื่องด้วย Huawei P10 มีความละเอียดของหน้าจอแสดงผลอยู่ที่ 1920x1080 พิกเซล

ทางด้านฟังก์ชัน Popup Play ก็มีให้ใช้งานบน Huawei P10 ด้วยเช่นกัน
 
สำหรับ Huawei P10 จะมาพร้อมกับชิปเซ็ต Octa-Core Huawei Kirin 960 (Quad-Core Cortex-A73 2.4 GHz + Quad-Core Cortex A53 1.8GHz), ชิปเซ็ตประมวลผลภาพกราฟิก Mali-G71 MP8, หน่วยความจำแรม (RAM) ขนาด 4 GB, หน่วยความจำภายใน (ROM) ขนาด 64 GB รองรับหน่วยความจำเสริมแบบ microSD สูงสุด 256 GB และทำงานอยู่บนระบบปฏิบัติการ Android 7.0 เวอร์ชัน Nougat ซึ่งถูกครอบทับด้วย EMUI 5.1 เวอร์ชันใหม่ล่าสุด


ด้วยคุณสมบัติตัวเครื่องที่จัดอยู่ในระดับท็อป จึงทำให้ Huawei P10 สามารถตอบโจทย์ด้านการเล่นเกมที่มีกราฟิกระดับสูงได้อย่างไหลลื่น โดยไม่มีอาการหน่วงให้พบเจอ
 
และเมื่อนำ Huawei P10 มาทดสอบด้วยแอปพลิเคชัน AnTuTu Benchmark พบว่าได้คะแนนอยู่ที่ 131950 คะแนน และต่อด้วยการทดสอบผ่านแอปพลิเคชัน 3DMark พบว่าได้คะแนนอยู่ที่ 2067 คะแนน

Huawei P10 นั้นสามารถรองรับการสัมผัสได้พร้อมกัน 10 จุด
 
และสามารถดาวน์โหลดแอปพลิเคชันอื่นๆ มาใช้งานเพิ่มเติมได้ผ่านแอปพลิเคชัน Google Play Store
กล้องดิจิทัล การถ่ายภาพนิ่ง และภาพวิดีโอ
 
สำหรับ Interface ของกล้องถ่ายภาพนั้นมีหน้าตาที่ใช้งานได้ง่าย พร้อมทั้งแสดงไอคอนฟังก์ชันต่างๆ ไว้ให้เลือกใช้งานได้ทันที และมีโหมดถ่ายภาพให้เลือกใช้งานหลากหลาย เช่น โหมดถ่ายภาพปกติ, โหมดถ่ายภาพขาว-ดำ (Monochrome) และโหมดถ่ายภาพ HDR
 
ตัวอย่าง Interface โหมดถ่ายภาพขาว-ดำ อีกทั้งยังมีโหมดถ่ายภาพด้วยแสง สำหรับถ่ายภาพแสงไฟท้ายรถยนต์ หรือดวงดาว ให้ใช้งานด้วยเช่นกัน
 
ในส่วนของโหมดถ่ายภาพโปรก็มีให้ใช้งานบน Huawei P10 ด้วยเช่นกัน ซึ่งผู้ใช้สามารถปรับค่าเพื่อถ่ายภาพได้หลายอย่างด้วยกัน เช่น ค่า ISO, ความเร็วชัตเตอร์ และจุดโฟกัส
 
นอกจากนี้ ยังสามารถปรับค่าเพื่อถ่ายภาพเพิ่มเติมได้อีกหลายอย่างด้วยกัน ไม่ว่าจะเป็น การเปิดใช้งานไฟแฟลช LED, ฟังก์ชันถ่ายภาพ Bokeh พร้อมฟังก์ชัน Refocus
 
Huawei P10 ยังมาพร้อมกับฟังก์ชันใหม่ที่มีชื่อว่า Portrait ซึ่งผู้ใช้สามารถปรับค่าผิวเนียนได้มากถึง 10 ระดับ และมีเอฟเฟกต์ปรับให้ฉากหลังเบลอให้เบลอได้อีกด้วย พร้อมทั้งสามารถถ่ายภาพให้มีสีสันที่สดใสโดดเด่นมากขึ้นได้ง่ายๆ ด้วยโหมด Standard, Vivid Colors และ Smooth Colors
 
ทางด้านเอฟเฟกต์สำหรับถ่ายภาพก็มีให้ใช้งานหลากหลาย เช่น สดใส หรือสว่าง
 
นอกจากนี้ ยังสามารถตั้งค่าการใช้งานได้เพิ่มเติมได้อีกหลายส่วนด้วยกัน ได้แก่ การเลือกความละเอียดของกล้องถ่ายภาพ ซึ่งสามารถเลือกความละเอียดได้สูงสุดที่ 20 ล้านพิกเซล, สามารถเปิด-ปิด การแท็กสถานที่บนภาพถ่าย, เพิ่มลายน้ำของ Leica และปิดเสียงชัตเตอร์ได้
 
สามารถตั้งเวลาเพื่อถ่ายภาพได้นานสูงสุด 10 วินาที, สามารถเปิดการสั่งงานถ่ายภาพด้วยเสียงได้
 
สามารถเปิด-ปิด การสัมผัสเพื่อถ่ายภาพ, ระบบตรวจจับรอยยิ้ม, ระบบโฟกัสติดตามวัตถุได้ และสามารถเพิ่มฟังก์ชันให้กับการปุ่มชัตเตอร์ค้างได้ 2 แบบ คือ การถ่ายภาพต่อเนื่อง และการโฟกัสภาพ
 
สามารถเพิ่มความสามารถให้กับปุ่มลดระดับเสียงได้ 2 แบบ ชัตเตอร์ถ่ายภาพ หรือการโฟกัสภาพ, สามารถเพิ่มฟังก์ชันการกดสองครั้งที่ปุ่มลดระดับเสียงได้ 3 อย่าง ได้แก่ เปิดกล้องถ่ายภาพ และถ่ายภาพแบบด่วน, เปิดกล้องถ่ายภาพ และปิด
 
สามารถปรับสมดุลของภาพถ่ายได้ ไม่ว่าจะเป็น ความเข้ม, ความคมชัด หรือความสว่าง และสามารถคืนการตั้งค่าทั้งหมดได้
 
นอกจากนี้ สำหรับโหมดถ่ายวิดีโอก็สามารถปรับค่าได้หลายส่วนด้วยกัน ไม่ว่าจะเป็น การเปิดใช้งานไฟแฟลช LED, ฟังก์ชัน Bokeh, ฟังก์ชัน Portrait และสามารถเปิดใช้งานโหมด Standard, Vivid Colors และ Smooth Colors ได้เช่นเดียวกับโหมดถ่ายภาพ
 
สามารถถ่ายวิดีโอได้ที่ความละเอียดสูงสุดระดับ 4K Ultra HD พร้อมระบบการบันทึกเสียงแบบ Stereo, สามารถเปิดฟังก์ชันการแท็กสถานที่ และปิดเสียงชัตเตอร์ได้
 
สามารถเพิ่มฟังก์ชันให้กับปุ่มลดระดับเสียงได้ 3 แบบ ได้แก่ ชัตเตอร์เพื่อบันทึกวิดีโอ, ซูม หรือการโฟกัสภาพ และและสามารถคืนการตั้งค่าทั้งหมดได้
 
ส่วนกล้องดิจิทัลด้านหน้าก็มีหน้าตาที่ใช้งานได้ง่ายเช่นเดียวกับกล้องดิจิทัลด้านหลัง พร้อมทั้งแสดงไอคอนฟังก์ชันต่างๆ ไว้ให้เลือกใช้งานได้ทันที และมีโหมดถ่ายภาพให้เลือกใช้งานหลากหลาย เช่น โหมดถ่ายภาพปกติ, โหมดถ่ายภาพพาโนราม่า และโหมดถ่ายภาพแบบใส่ลายน้ำ
 
กล้องดิจิทัลด้านหน้าก็ยังมาพร้อมกับฟังก์ชันใหม่ที่มีชื่อว่า Portrait ซึ่งผู้ใช้สามารถปรับค่าผิวเนียนได้มากถึง 10 ระดับ และสามารถเอฟเฟกต์ปรับให้ฉากหลังเบลอให้เบลอได้อีกด้วย
 
อีกทั้งยังสามารถเปิดใช้งานฟีเจอร์ไฟแฟลชโดยใช้แสงสว่างของหน้าจอ และมีเอฟเฟกต์สำหรับถ่ายภาพให้เลือกใช้งานหลากหลายรูปแบบ
 
นอกจากนี้ยังสามารถตั้งค่าการใช้งานได้อีกหลายส่วนด้วยกัน เริ่มตั้งแต่ การเลือกความละเอียดของกล้องถ่ายภาพ ซึ่งสามารถเลือกได้สูงสุดที่ความละเอียด 8 ล้านพิกเซล, สามารถเปิดใช้งานฟังก์ชัน การแท็กสถานที่บนภาพถ่าย, กระจกเงาสะท้อน และปิดเสียงชัตเตอร์
 
สามารถตั้งเวลาเพื่อถ่ายภาพได้นานสูงสุด 10 วินาที, สามารถเปิดใช้งานการสั่งงานถ่ายภาพด้วยเสียงได้
 
สามารถเปิดใช้งานการสัมผัสเพื่อถ่ายภาพ กับระบบตรวจจับรอยยิ้มได้ และสามารถเพิ่มความสามารถให้กับปุ่มลดระดับเสียงได้ 2 แบบ ได้แก่ ชัตเตอร์กล้องถ่ายภาพ หรือซูม
 
สามารถปรับค่าไวท์บาลานซ์ได้หลายแบบ เช่น หลอดไส้ หรือฟลูออเรสเซนต์, สามารถปรับค่า ISO ได้สูงสุดที่ 1600
 
สามารถปรับสมดุลของภาพถ่ายได้ ไม่ว่าจะเป็น ความเข้ม, ความคมชัด หรือความสว่าง และสามารถคืนการตั้งค่าทั้งหมดได้
 
ทางด้านโหมดถ่ายวิดีโอก็สามารถปรับค่าได้หลากหลาย ไม่ว่าจะเป็น การเปิดใช้งานฟังก์ชัน Portrait ซึ่งผู้ใช้สามารถปรับค่าผิวเนียนได้มากถึง 10 หรือเอฟเฟกต์สำหรับถ่ายภาพ
 
สามารถเลือกความละเอียดของไฟล์วิดีโอได้สูงสุดที่ความละเอียดระดับ Full HD (1080p), สามารถเปิดใช้งานการแท็กสถานที่บนไฟล์วิดีโอ, ปิดเสียงชัตเตอร์ หรือระบบลดการสั่นไหวได้
 
สามารถเพิ่มฟังก์ชันให้กับปุ่มลดระดับเสียงได้ 2 แบบ ได้แก่ ชัตเตอร์เพื่อบันทึกวิดีโอ หรือซูม และและสามารถคืนการตั้งค่าทั้งหมดได้
ตัวอย่างภาพถ่ายจากกล้องดิจิทัลตัวหลักแบบ Dual-Camera ความละเอียด 20+12 ล้านพิกเซล ของ Huawei P10

ตัวอย่างภาพที่ถ่ายด้วยโหมดถ่ายภาพปกติ

ตัวอย่างภาพที่ถ่ายด้วยโหมดถ่ายภาพปกติ

ตัวอย่างภาพที่ถ่ายด้วยโหมดถ่ายภาพปกติ

ตัวอย่างภาพที่ถ่ายด้วยโหมดถ่ายภาพปกติ

ตัวอย่างภาพที่ถ่ายด้วยโหมดถ่ายภาพปกติ

ตัวอย่างภาพที่ถ่ายด้วยโหมดถ่ายภาพปกติ

ตัวอย่างภาพที่ถ่ายด้วยโหมดถ่ายภาพปกติ

ตัวอย่างภาพที่ถ่ายด้วยโหมดถ่ายภาพปกติ

ตัวอย่างภาพที่ถ่ายด้วยโหมดถ่ายภาพปกติ

ตัวอย่างภาพที่ถ่ายด้วยโหมดถ่ายภาพปกติ

ตัวอย่างภาพที่ถ่ายด้วยโหมดถ่ายภาพปกติ

ตัวอย่างภาพที่ถ่ายด้วยโหมดถ่ายภาพปกติ

ตัวอย่างภาพขาว-ดำ ด้วยโหมดถ่ายภาพแบบ Monochrome

ตัวอย่างภาพขาว-ดำ ด้วยโหมดถ่ายภาพแบบ Monochrome

ตัวอย่างภาพขาว-ดำ ด้วยโหมดถ่ายภาพแบบ Monochrome

ตัวอย่างภาพขาว-ดำ ด้วยโหมดถ่ายภาพแบบ Monochrome

ตัวอย่างภาพที่ภาพที่ถ่ายด้วยโทนสีแบบ Standard

ตัวอย่างภาพที่ภาพที่ถ่ายด้วยโทนสีแบบ Vivid Colors

ตัวอย่างภาพที่ภาพที่ถ่ายด้วยโทนสีแบบ Smooth Colors

ตัวอย่างภาพที่ถ่ายด้วยโหมดถ่ายภาพปกติในสภาวะแสงน้อย
\
ตัวอย่างภาพที่ถ่ายด้วยโหมดถ่ายภาพปกติในสภาวะแสงน้อย

ตัวอย่างภาพที่ถ่ายด้วยโหมดถ่ายภาพปกติในสภาวะแสงน้อย

ตัวอย่างภาพที่ถ่ายด้วยโหมดถ่ายภาพปกติในสภาวะแสงน้อย

ตัวอย่างภาพที่ถ่ายด้วยโหมดถ่ายภาพปกติในสภาวะแสงน้อย

ตัวอย่างภาพที่ถ่ายด้วยโหมดถ่ายภาพปกติในสภาวะแสงน้อย

ตัวอย่างภาพถ่ายหน้าชัดหลังเบลอ หรือภาพโบเก้ (Bokeh)

ตัวอย่างภาพถ่ายหน้าเบลอหลังชัด หรือภาพโบเก้ (Bokeh)

ตัวอย่างภาพถ่ายหน้าชัดหลังเบลอ หรือภาพโบเก้ (Bokeh)

ตัวอย่างภาพถ่ายหน้าชัดหลังเบลอ หรือภาพโบเก้ (Bokeh)

ตัวอย่างภาพถ่ายหน้าชัดหลังเบลอ หรือภาพโบเก้ (Bokeh)

ตัวอย่างภาพถ่ายหน้าเบลอหลังชัด หรือภาพโบเก้ (Bokeh)
 
ตัวอย่างภาพที่ถ่ายด้วยโหมดถ่าย Portrait พร้อมปรับค่าผิวเนียนระดับ 5 และไม่เปิดใช้งานฟังก์ชันปรับฉากหลังเบลอ
 
ตัวอย่างภาพที่ถ่ายด้วยโหมดถ่าย Portrait พร้อมปรับค่าผิวเนียนระดับ 5 และเปิดใช้งานฟังก์ชันปรับฉากหลังเบลอ

ตัวอย่างภาพที่ถ่ายด้วยโหมดถ่ายภาพโปร พร้อมปรับความเร็วชัตเตอร์ที่ 1/4000

ตัวอย่างภาพที่ถ่ายด้วยโหมดถ่ายภาพโปร พร้อมปรับความเร็วชัตเตอร์ที่ 1/4000

ตัวอย่างภาพที่ถ่ายด้วยโหมดถ่ายภาพโปร พร้อมปรับความเร็วชัตเตอร์ที่ 1/4000

ตัวอย่างภาพที่ถ่ายด้วยโหมดถ่ายภาพวาดภาพด้วยแสง พร้อมเปิดใช้งานฟังก์ชัน Car Light Trials (แสงไฟท้ายรถ)

ตัวอย่างภาพที่ถ่ายด้วยโหมดถ่ายภาพวาดภาพด้วยแสง พร้อมเปิดใช้งานฟังก์ชัน Car Light Trials (แสงไฟท้ายรถ)

ตัวอย่างภาพที่ถ่ายด้วยโหมดถ่ายภาพวาดภาพด้วยแสง พร้อมเปิดใช้งานฟังก์ชัน Light Graffiti (การพ่นสีด้วยแสง)

ตัวอย่างภาพที่ถ่ายด้วยโหมดถ่ายภาพวาดภาพด้วยแสง พร้อมเปิดใช้งานฟังก์ชัน Light Graffiti (การพ่นสีด้วยแสง)
ตัวอย่างภาพถ่ายจากกล้องดิจิทัลด้านหน้าของตัวเครื่อง ความละเอียด 8 ล้านพิกเซล ผ่านโหมดถ่ายภาพหน้าสวย ของ Huawei P10
 
ตัวอย่างภาพที่ถ่ายด้วยโหมดถ่าย Portrait พร้อมปรับค่าผิวเนียนระดับ 0
 
ตัวอย่างภาพที่ถ่ายด้วยโหมดถ่าย Portrait พร้อมปรับค่าผิวเนียนระดับ 5
 
ตัวอย่างภาพที่ถ่ายด้วยโหมดถ่าย Portrait พร้อมปรับค่าผิวเนียนระดับ 10
 
ตัวอย่างภาพที่ถ่ายด้วยโหมดถ่าย Portrait พร้อมปรับค่าผิวเนียนระดับ 4 และไม่เปิดใช้งานฟังก์ชันปรับฉากหลังเบลอ
 
ตัวอย่างภาพที่ถ่ายด้วยโหมดถ่าย Portrait พร้อมปรับค่าผิวเนียนระดับ 4 และเปิดใช้งานฟังก์ชันปรับฉากหลังเบลอ
สรุปผลการทดสอบของ Huawei P10

ก็นับว่าเป็นสมาร์ทโฟนเรือธงตัวท็อปอีกหนึ่งรุ่นที่มีความน่าสนใจเป็นอย่างมากเลยทีเดียว สำหรับ Huawei P10 รุ่นนี้ และถ้าหากถามว่าสิ่งที่โดดเด่นที่สุดของสมาร์ทโฟนรุ่นนี้ คืออะไร? ก็แน่นอนว่าคงจะหนีไม่พ้นในเรื่องของกล้องถ่ายภาพอย่างแน่นอน โดยเฉพาะกล้องดิจิทัลด้านหลังแบบ Leica Dual Camera (12MP RGB+20MP Monochrome) พร้อมขนาดรูรับแสงกว้างสูงสุดที่ f/2.2, ระบบป้องกันภาพสั่นไหวแบบ OIS, ไฟแฟลชแบบ Dual-Tone และเทคโนโลยีการโฟกัสภาพแบบ 4 In 1 ซึ่งจากการทดสอบพบว่ากล้องดิจิทัลด้านหลังนั้นสามารถตอบโจทย์ด้านการถ่ายภาพได้ดีเป็นอย่างมาก นอกจากนี้ ยังมีฟังก์ชันการถ่ายภาพ Bokeh สำหรับถ่ายภาพหน้าชัดหลังเบลอ หรือหน้าเบลอหลังชัด เรียกได้ว่า สามารถมอบประสบการณ์การถ่ายภาพระดับสูงให้กับผู้ใช้ได้อย่างแน่นอน ไม่เพียงเท่านั้น ยังมีโหมดถ่ายภาพโปรให้ใช้งานอีกด้วย ซึ่งสามารถปรับค่าต่างๆ ได้ประหนึ่งเป็นกล้อง DSLR ขนาดพกพา ที่ติดตัวไปทุกที่ทุกเวลา และสามารถหยิบขึ้นมาถ่ายภาพได้อย่างคล่องตัว ซึ่งคุณจะไม่พลาดที่จะถ่ายภาพเหตุการณ์สำคัญๆ อีกต่อไป
ในส่วนของกล้องดิจิทัลด้านหน้าจาก Leica ความละเอียด 8 ล้านพิกเซล ที่มีขนาดรูรับแสง f/1.9 ก็ตอบสนองด้านการถ่ายภาพได้ดีไม่แพ้กัน พร้อมทั้งยังสามารถทำงานร่วมกับโหมดถ่าย Portrait ที่สามารถปรับค่าผิวเนียน พร้อมเบลอฉากหลัง ได้อย่างดีเยี่ยมอีกด้วย
สำหรับ Huawei P10 นอกจากจะมีความโดดเด่นในเรื่องของกล้องถ่ายภาพแล้ว ทางด้านการออกแบบ ดีไซนื ก็ถือเป็นอีกหนึ่งจุดขายสำคัญของสมาร์ทโฟนรุ่นนี้ด้วยเช่นกัน ซึ่ง Huawei P10 นั้นใช้เทคโนโลยีในการผลิตแบบ Metal-Unibody จึงทำให้ตัวเครื่องมีความสวยหรูพรีเมียม และแข็งแรงทนทานเป็นพิเศษ อีกทั้งตัวเครื่องยังมีความบางเฉียบเพียง 6.98 มิลลิเมตร พร้อมด้วยพื้นผิวแบบทรายที่ด้านหลังของตัวเครื่อง (Huawei P10 มีพื้นผิว 3 แบบ คือ Sandblast, Glossy และ Hyper Diamond-cut) จึงทำให้สามารถจับ หรือถือใช้งานได้อย่างคล่องตัว โดยไม่ต้องกังวลว่าตัวเครื่องจะหลุดออกจากมือ และที่พิเศษไปกว่านั้นคือ ตัวเครื่อง และแผงวงจรด้านในยังเคลือบสาร Nano-Coating จึงทำให้สามารถกันน้ำกระเซ็น หรือน้ำหกใส่ได้อีกด้วย
ส่วนคุณสมบัติด้านการประมวลผลของสมาร์ทโฟนรุ่นนี้ก็นับว่าอยู่ในระดับท็อป จัดเต็มไฮเอนด์ไม่แพ้สมาร์ทโฟนเรือธงรุ่นใหญ่จากแบรนด์คู่แข่ง และสามารถตอบสนองต่อการใช้งานระดับสูงได้ดีเป็นอย่างมาก เริ่มตั้งแต่ หน้าจอแสดงผลแบบ IPS-Neo LCD ความละเอียด 1920x1080 พิกเซล ที่มีขนาดใหญ่ 5.1 นิ้ว พร้อมครอบทับด้วยกระจกขอบนูนแบบ 2.5D Gorilla Glass 5, เซ็นเซอร์สแกนนิ้วโฉมใหม่แบบใต้กระจก พร้อมเทคโนโลยี Smart Touch ซึ่งผู้ใช้สามารถสั่งงานผ่านเซ็นเซอร์สแกนลายนิ้วมือได้ทันที, รองรับระบบเสียง DTS Sound, รองรับการใช้งานได้พร้อมกัน 2 ซิมการ์ด พร้อมรองรับการเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตผ่านระบบ 4G LTE กับ 3G และแบตเตอรี่ขนาด 3200 mAh พร้อมรองรับการชาร์จแบตเตอรี่ความเร็วสูง (SuperCharge)
ทางด้านประสิทธิภาพการประมวลผลนั้นจัดอยู่ในระดับท็อปที่จัดเต็มไฮเอนด์ไม่แพ้สมาร์ทโฟนเรือธงรุ่นใหญ่จากแบรนด์คู่แข่งเช่นเดียวกัน เริ่มตั้งแต่ ชิปเซ็ต Octa-Core Huawei Kirin 960 (Quad-Core Cortex-A73 2.4 GHz + Quad-Core Cortex A53 1.8GHz), ชิปเซ็ตประมวลผลภาพกราฟิก Mali-G71 MP8, หน่วยความจำแรม (RAM) ขนาด 4 GB, หน่วยความจำภายใน (ROM) ขนาด 64 GB, รองรับหน่วยความจำเสริมแบบ microSD สูงสุด 256 GB และทำงานอยู่บนระบบปฏิบัติการ Android 7.0 เวอร์ชัน Nougat ซึ่งถูกครอบทับด้วย EMUI 5.1 เวอร์ชันใหม่ล่าสุด
และจากการทดสอบทั้งหมดที่ผ่านมาก็พอที่จะสรุปได้ว่า Huawei P10 น่าจะเหมาะกับผู้ที่กำลังมองหาสมาร์ทโฟนเรือธงตัวท็อปที่มีความสามารถในการประมวลผลระดับสูง, พร้อมดีไซน์สวยหรูระดับพรีเมียม, กล้องถ่ายระดับไฮเอนด์ที่ถ่ายภาพสวยคมชัดไม่แพ้กล้องโปร และมีฟีเจอร์ให้ใช้งานหลากหลาย ซึ่ง Huawei P10 เป็นอีกหนึ่งตัวเลือกที่ไม่ควรมองข้าม

Huawei P10 และ P10 Plus มาพร้อมตัวเลือกทั้งหมด 6 สี ได้แก่ Dazzling Blue, Dazzling Gold, Greenery (เฉพาะรุ่น P10 Plus), Mystic Silver, Graphite Black และ Prestige Gold โดยจะเปิดให้ทำการสั่งจองล่วงหน้า (Pre-Order) ในวันที่ 17-26 มีนาคมนี้ พร้อมรับของแถมสุดพรีเมียม และจะเริ่มส่งมอบเครื่อง และเริ่มวางจำหน่ายอย่างเป็นทางการตั้งแต่วันที่ 31 มีนาคมเป็นต้นไป ทั้งหมด 3 รุ่นย่อย ดังนี้
- Huawei P10 (RAM 4 GB + ROM 32 GB) ราคา 17,900 บาท ซึ่งวางจำหน่ายด้วยกัน 2 สี คือ Mystic Silver กับ Prestige Gold
- Huawei P10 (RAM 4 GB + ROM 64 GB) ราคา 19,900 บาท ซึ่งวางจำหน่ายด้วยกัน 3 สี คือ Dazzling Gold, Dazzling Blue และ Graphite Black
- Huawei P10 Plus (RAM 4 GB + ROM 64 GB) ราคา 23,900 บาท ซึ่งวางจำหน่ายทั้งหมด 4 สี คือ Dazzling Gold, Dazzling Blue, Graphite Black และ Greenery (เริ่มวางจำหน่ายวันที่ 10 เมษายน) (สี Greenery จะเข้ามาจำหน่ายในภายหลัง)
สำหรับผู้ที่สั่งจอง Huawei P10 จะได้รับฟรี Huawei View Cover กับ Huawei Camera Box Set ส่วนท่านใดที่จอง Huawei P10 Plus จะได้รับฟรี Huawei Leica Case กับ Huawei Camera Box Set
นอกจากนี้ Huawei P9 กับ P9 Plus อดีตเรือธงปีก่อนก็ทำการปรับลดเหลือราคาพิเศษเพียง 14,900 บาท และ 19,900 บาท ตามลำดับ
หมายเหตุ : สี Rose Gold กับ Ceramic White นั้นไม่เข้ามาจำหน่ายในประเทศไทย
สุดท้ายนี้ ต้องขอขอบคุณทาง Huawei ประเทศไทย ที่ให้ความไว้วางใจส่งเครื่อง Huawei P10 มาให้ทางทีมงานได้ทำการรีวิวให้ท่านผู้อ่านได้รับชมกัน สำหรับวันนี้ต้องขอลาไปก่อน พบกันได้ใหม่ ในโอกาสหน้า สวัสดีครับ
จุดเด่นของ Huawei P10
- ตัวเครื่องมีความบางเฉียบเพียง 6.98 มิลลิเมตร
- ตัวเครื่องใช้เทคโนโลยีการผลิตแบบ Metal-Unibody จึงทำให้ตัวเครื่องมีความสวยงามดูเรียบหรู และมีความแข็งแรงทนทานเป็นพิเศษ อีกทั้งยังเคลือบสาร Nano-Coating ที่ตัวเครื่อง และแผงวงจรด้านใน จึงทำให้สามารถกันน้ำกระเซ็น หรือน้ำหกใส่ได้
- เซ็นเซอร์สแกนลายนิ้วมือ (Fingerprint Sensor) ที่ปุ่มโฮม สำหรับตรวจสอบสิทธิ์ของการเข้าใช้งานเครื่อง และการเข้าถึงข้อมูลภายใน ซึ่งรองรับการสั่งถ่ายภาพ หรือรับสายเรียกเข้า พร้อมเทคโนโลยี Smart Touch ซึ่งผู้ใช้สามารถสั่งงานผ่านเซ็นเซอร์สแกนลายนิ้วมือได้ทันที
- จอแสดงผลแบบ IPS LCD Capacitive Touchscreen 16,700,000 สี ความละเอียด 1920x1080 Pixels ขนาด 5.1 นิ้ว พร้อมครอบทับด้วยกระจกขอบนูนแบบ 2.5D Gorilla Glass 5
- ประมวลผลการทำงานด้วยชิปเซ็ต Octa-Core Huawei Kirin 960 (Quad-Core Cortex-A73 2.4 GHz + Quad-Core Cortex A53 1.8GHz)
- หน่วยประมวลผลภาพกราฟิกโดยเฉพาะ (GPU : Graphics Processing Unit) แบบ Mali-G71 MP8
- ขับเคลื่อนการทำงานด้วยระบบปฏิบัติการ Android เวอร์ชัน 7.0 Nougat พร้อมครอบทับด้วย EMUI 5.1
- หน่วยความจำ RAM ขนาด 4 GB
- หน่วยความจำภายในสำหรับเก็บบันทึกข้อมูลขนาด 64 GB และรองรับการ์ดหน่วยความจำเสริมภายนอกแบบ microSD Card (TransFlash) ได้สูงสุดขนาด 256 GB
- กล้องดิจิทัลตัวหลักที่ด้านหลังแบบ Leica Dual Camera (12MP RGB+20MP Monochrome) ที่มีขนาดรูรับแสงกว้างสูงสุดที่ f/2.2, ระบบป้องกันภาพสั่นไหว (OIS), ระบบโฟกัสภาพแบบ 4 In 1 พร้อมไฟแฟลชแบบ Dual-Tone และรองรับการถ่ายวิดีโอได้ที่ความละเอียดสูงสุดระดับ 4K Ultra HD
- กล้องดิจิทัลด้านหน้าจาก Leica ความละเอียด 8 ล้านพิกเซล ที่มีขนาดรูรับแสง f/1.9, ระบบโฟกัสภาพแบบอัตโนมัติ, โหมดถ่ายภาพ Portrait และรองรับการถ่ายวิดีโอได้ที่ความละเอียดสูงสุดระดับ Full HD 1080p
- รองรับการใช้งานได้พร้อมกัน 2 ซิมการ์ด (Dual SIM)
- รองรับการเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตผ่านทางระบบ 4G LTE, 3G, EDGE และ GPRS
- ระบบ GPS+A-GPS ในตัว (Global Positioning System : ระบบดาวเทียมนำร่อง)
- แบตเตอรี่แบบ Li-Ion Polymer 3200 mAh พร้อมรองรับเทคโนโลยีการชาร์จแบตเตอรี่ความเร็วสูงแบบ SuperCharge
- ลำโพงเสียงภายนอกรองรับระบบเสียง DTS Sound
- รองรับการเชื่อมต่อผ่านพอร์ต USB Type-C ซึ่งเป็นพอร์ตรูปแบบใหม่
- ในประเทศไทยวางจำหน่ายทั้งหมด 6 สีได้แก่ Dazzling Blue, Dazzling Gold, Greenery (เฉพาะรุ่น P10 Plus), Mystic Silver, Graphite Black และ Prestige Gold
- ราคา 19,900 บาท สำหรับรุ่นความจุ 64GB หรือ 17,900 บาท สำหรับรุ่นความจุ 32GB
จุดที่อาจจะต้องพิจารณาเพิ่มเติมของ Huawei P10
- แบตเตอรี่เป็นแบบ Built-in Battery จึงไม่สามารถถอด หรือเปลี่ยนด้วยตนเองได้
- ไม่มีวิทยุ FM ให้ใช้งาน
- ถาดซิมการ์ดเป็นแบบ Hybrid Slot ซึ่งในช่องที่สองจะต้องเลือกใช้งานระหว่างซิมการ์ดที่ 2 หรือเพิ่มหน่วยความจำภายนอก ซึ่งไม่สามารถใช้งานได้พร้อมกันได้
- สี Rose Gold กับ Ceramic White นั้นไม่เข้ามาจำหน่ายในประเทศไทย
โปรดทราบ
* โทรศัพท์มือถือที่ท่านเห็นในบทความรีวิวนี้เป็นเพียงเครื่องทดสอบจากทางศูนย์ เพราะฉะนั้นคุณสมบัติบางอย่างอาจมีความแตกต่างจากเครื่องที่วางจำหน่ายจริงบ้างไม่มากก็น้อย รวมถึงจุดด้อยบางประการที่พบในเครื่องทดสอบ อาจจะถูกแก้ไขปรับปรุงให้ดีขึ้นในเครื่องที่วางจำหน่ายจริง ดังนั้นหากท่านสนใจซื้อโทรศัพท์มือถือรุ่นนี้ ควรตรวจสอบหรือทดลองใช้งานสินค้าด้วยตนเองอีกครั้งหนึ่ง *
ข้อมูลเพิ่มเติมของ Huawei P10
รวม 11 สุดยอดฟีเจอร์ทีเด็ด ใน Huawei P10 และ Huawei P10 Plus
สรุปข้อมูล และข่าวอัปเดตล่าสุดของ Huawei P10
สรุปคุณสมบัติโดยละเอียดของ Huawei P10
สรุปคุณสมบัติโดยละเอียดของ Huawei P10 Plus

:: ไปหน้าแรกเว็บไซต์ Thaimobilecenter
| ไปหน้าแรก
Mobile Focus ::
|