รีวิว (Review) Flash Plus 2
สมาร์ทโฟน 4G สุดคุ้มน้องใหม่ ดีไซน์เรียบหรู กับฝาหลังอะลูมิเนียมถอดได้ พร้อมเซ็นเซอร์สแกนลายนิ้วมือแบบ 360 องศา, จอ Full HD ไซส์ใหญ่ 5.5 นิ้ว, กล้องหลัง 13 ล้านพิกเซล พร้อมระบบโฟกัสภาพแบบ PDAF, กล้องหน้า 5 ล้านพิกเซล พร้อมไฟแฟลช, ชิปเซ็ต Octa-Core Helio P10, แรมขนาด 2 GB, หน่วยความจำภายในขนาด 16 GB และชิปเสียงระดับ Hi-Fi บนแอนดรอยด์ Mashmallow ที่สดใหม่ ในราคาเพียง 4,990 บาท
Review
Date (23-พฤษภาคม-2559)

เมื่อช่วงบ่ายของวันที่ 18 พฤษภาคม 2559 ที่ผ่านมาสดๆ ร้อนๆ ทาง Flash ประเทศไทย ได้จัดงานเปิดตัวสมาร์ทโฟนสุดคุ้มน้องใหม่นั่นคือ Flash Plus 2 ที่มาพร้อมกับดีไซน์เรียบหรู พร้อมวัสดุที่แข็งแรงทนทาน และคุณสมบัติภายในที่เรียกได้ว่าจัดเต็มเกินราคา ที่เคาะขายเพียง 4,990 บาท เท่านั้น!
โดย Flash Plus 2 มีจุดขายที่น่าสนใจอยู่หลายส่วนด้วยกัน เริ่มตั้งแต่ ฝาหลังผลิตมาจากอะลูมิเนียม ซึ่งมีความพิเศษตรงที่สามารถถอดฝาหลังได้, มีเซ็นเซอร์สแกนลายนิ้วมือ พร้อมเทคโนโลยีสแกนลายนิ้วมือแบบ 360 องศา และใช้เวลาในการปลดล็อกภายในเวลาเพียง 0.5 วินาที, กล้องดิจิทัลด้านหลังความละเอียด 13 ล้านพิกเซล ที่มาพร้อมกับระบบโฟกัสแบบ PDAF ซึ่งสามารถโฟกัสได้ภาพภายในเวลาเพียง 0.1 วินาที และไฟแฟลชแบบ Double-Color RealTone, กล้องดิจิทัลด้านหน้าความละเอียด 5 ล้านพิกเซล (พร้อมเพิ่มความละเอียดได้สูงสุด 8 ล้านพิกเซล ด้วยซอฟต์แวร์) ที่มาพร้อมกับไฟแฟลช LED ซึ่งมีมุมมองกว้าง 84.4 องศา พร้อมโหมดถ่ายภาพใบหน้าสวย (Beautify), โหมดถ่ายภาพเด็กทารก ซึ่งเมื่อกดที่ไอคอนก็จะเกิดเสียงต่างๆ เช่น เสียงแมว หรือเสียงรถไฟ เพื่อเรียกความสนใจให้เด็กทารกหันมาที่กล้อง, ลำโพงเสียงภายนอกมาพร้อมกับชิปพาวเวอร์แอมป์ NXP9890 ที่ช่วยให้เพิ่มพลังเสียงมากกว่าปกติถึง 8 เท่า พร้อมด้วยชิปเสียงรุ่นพิเศษ Hi-Fi AK4375 เพื่อให้ผู้ใช้งานรับฟังเสียงคุณภาพระดับ Hi-Fi พร้อมด้วยโหมด DJ สำหรับมิกซ์เพลงได้ตามใจชอบ
สำหรับคุณสมบัติเด่นอื่นๆ ทาง Flash ก็จัดมาให้แบบครบเครื่อง เรียกได้ว่า สามารถตอบโจทย์การใช้งานได้ครบทุกรูปแบบ ได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ ไม่ว่าจะเป็น หน้าจอแสดงผลแบบ IPS ความละเอียด 1920x1080 พิกเซล ขนาด 5.5 นิ้ว ซึ่งใช้เทคโนโลยี OGS (One Glass Solution) คือ การผสานระหว่างกระจกภาพ และส่วนแสดงผลไว้เป็นชิ้นเดียว, ชิปเซ็ต Octa-Core Mediatek MT6755 Helio P10 ความเร็วในการประมวลผล 1.8 GHz, หน่วยประมวลผลกราฟิกแบบ Mali-T860 MP2, หน่วยความจำแรม (RAM) ขนาด 2 GB, หน่วยความจำภายในขนาด 16 GB, รองรับการใช้งานได้พร้อมกัน 2 ซิมการ์ด, รองรับการเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตผ่านระบบ 4G LTE กับ 3G ได้, แบตเตอรี่ Li-Ion ความจุ 3000 mAh มาพร้อมกับวงจรการชาร์จแบบ 9 Volt ซึ่งช่วยให้ชาร์จแบตเตอรี่ได้เร็วกว่าเดิมถึง 3 เท่า โดยสามารถชาร์จได้ถึง 50% ภายในเวลาเพียง 30 นาที และสามารถชาร์จเต็มภายในเวลาเพียง 1.5 ชั่วโมง และขับเคลื่อนการทำงานด้วยระบบปฏิบัติการ Android OS เวอร์ชัน 6.0 Marshmallow ซึ่งเป็นระบบปฏิบัติการแอนดรอย์ที่ใหม่ล่าสุด ณ ขณะนี้
ส่วนการใช้งานจริงจะเป็นอย่างไร ดีไซน์ตัวเครื่องจะสวยขนาดไหน ฟีเจอร์ที่มีอยู่บน Flash Plus 2 จะตอบสนองต่อการใช้งานได้ดีเพียงใด และจะคุ้มค่าสมคำร่ำลือหรือไม่ วันนี้เรามีคำตอบให้ทุกท่านครับ
รูปลักษณ์ภายนอกตัวเครื่อง และการออกแบบดีไซน์

Flash Plus 2 จะมาพร้อมกับหน้าจอแสดงผลแบบ IPS ความละเอียดระดับ 1920x1080 พิกเซล ขนาด 5.5 นิ้ว พร้อมด้วยเทคโนโลยี OGS (One Glass Solution) คือ การผสานระหว่างกระจกภาพ และส่วนแสดงผลไว้เป็นชิ้นเดียว ช่วยให้ได้หน้าจอที่บางมากกว่าหน้าจอทั่วๆ โดยมีขนาดตัวเครื่องอยู่ที่ 152.6x76.4x8.2 มิลลิเมตร กับน้ำหนัก 157 กรัม

ด้านหน้าส่วนบนประกอบไปด้วยสัญญาณไฟ LED สำหรับการแจ้งเตือนต่างๆ, ลำโพงสำหรับฟังขณะทำการสนทนา, , ระบบ Accelerometer Sensor สำหรับช่วยหมุนหรือปรับเปลี่ยนทิศทางการแสดงผลของหน้าจอให้แบบอัตโนมัติ ตามลักษณะการจับถือของผู้ใช้ และระบบ Proximity Sensor สำหรับการปิดหน้าจอแบบอัตโนมัติขณะสนทนา เพื่อประหยัดพลังงาน, กล้องดิจิทัลความละเอียด 5 ล้านพิกเซล (พร้อมเพิ่มความละเอียดได้สูงสุด 8 ล้านพิกเซล ด้วยซอฟต์แวร์) ซึ่งมีมุมมองกว้าง 84.4 องศา และไฟแฟลช LED

ด้านหน้าส่วนล่างมีปุ่มการสั่งงานแบบสัมผัส (Touch Panel) ได้แก่ ปุ่มย้อนกลับ, ปุ่มโฮม หรือเซ็นเซอร์สแกนลายนิ้วมือ สำหรับตรวจสอบสิทธิ์ของการเข้าใช้งานเครื่อง และการเข้าถึงข้อมูลภายใน พร้อมเทคโนโลยีสแกนลายนิ้วมือแบบ 360 องศา ซึ่งสามารถสแกนลายนิ้วมือภายในเวลาเพียง 0.5 วินาที และปุ่ม Recent Apps

ด้านบนของตัวเครื่องมีไมโครโฟนตัวที่สอง สำหรับตัดเสียงรบกวนขณะทำการบันทึกเสียง หรือบันทึกวิดีโอ และช่องสำหรับเชื่อมต่อหูฟังแบบมาตรฐานขนาด 3.5 มิลลิเมตร

ด้านล่างของตัวเครื่องมีไมโครโฟน และช่องเชื่อมต่อกับสาย microUSB สำหรับส่งผ่านข้อมูล หรือชาร์จแบเตเตอรี่

ด้านขวาของตัวเครื่องมีปุ่ม เปิด-ปิด เครื่อง หรือล็อกหน้าจอ และปุ่ม เพิ่ม-ลด ระดับของเสียง

ด้านซ้ายของตัวเครื่องจะไม่มีปุ่มการสั่งงานใดๆ ให้ใช้งาน

ด้านหลังของตัวเครื่องประกอบไปด้วยกล้องดิจิทัลความละเอียด 13 ล้านพิกเซล ซึ่งมาพร้อมกับระบบโฟกัสภาพอัตโนมัติแบบ PDAF (Phase Detection Autofocus) ที่สามารถโฟกัสภาพได้ภายในเวลาเพียง 0.1 วินาที พร้อมด้วยรูรับแสงขนาด F/2.0, ไฟแฟลช Double-Color RealTone และลำโพงเสียงภายนอก ซึ่งมาพร้อมกับชิปพาวเวอร์แอมป์ NXP9890 ที่ช่วยให้เพิ่มพลังเสียงมากกว่าปกติถึง 8 เท่า และยังให้พลังเสียงได้ดีแม้ว่าจะอยู่ในที่โล่งแจ้ง พร้อมชิปเสียงรุ่นพิเศษ Hi-Fi AK4375 เพื่อให้คุณได้ฟังเสียงคุณภาพระดับ Hi-Fi

สำหรับฝาหลังของ Flash Plus 2 จะทำมาจากโลหะถึง 3 ชนิด จึงทำให้มีความแข็งแรงทนทานเป็นพิเศษ อีกทั้งตัวฝาหลับสามารถถอดเปลี่ยนได้ และมีให้เลือก 2 สี คือ สีเงินลูน่า และสีทองวินัส

เมื่อเปิดฝาหลังออกมาก็จะพบกับช่องสำหรับใส่ซิมการ์ดที่ 1, ช่องสำหรับใส่ซิมการ์ดที่ 2 และช่องสำหรับเพิ่มหน่วยความจำภายนอกแบบ microSD

โดยซิมการ์ดที่ใช้จะเป็นแบบ microSIM ในช่องซิมการ์ดที่ 1 และแบบ nanoSIM ในช่องซิมการ์ดที่ 2 ส่วนแบตเตอรี่จะเป็นแบบยึดติดกับตัวเครื่อง ไม่สามารถถอด หรือเปลี่ยนแบตเตอรี่ได้ด้วยตนเอง ซึ่งมีความจุที่ 3000 mAh มาพร้อมกับวงจรการชาร์จแบบ 9 Volt ซึ่งช่วยให้ชาร์จแบตเตอรี่ได้เร็วกว่าเดิมถึง 3 เท่า โดยสามารถชาร์จได้ถึง 50% ภายในเวลาเพียง 30 นาที และสามารถชาร์จเต็มภายในเวลาเพียง 1.5 ชั่วโมง
เปิดเครื่องใช้งาน พร้อมการทดสอบฟังก์ชัน และแอปพลิเคชันต่างๆ
 
Flash Plus 2 ขับเคลื่อนการทำงานด้วยระบบปฏิบัติการ Android OS เวอร์ชัน 6.0 Marshmallow

โดยมาพร้อมกับหน่วยความจำภายในขนาด 16 GB
 
ซึ่งมีฟังก์ชันสำหรับการแจ้งเตือนต่างๆ อีกทั้งยังสามารถ เปิด-ปิด ฟังก์ชันลัดต่างๆ ได้อย่างง่ายดาย
 
และสามารถปรับแต่งหน้าจอโฮมสกรีนได้หลากหลาย เริ่มตั้งแต่ การเปลี่ยนภาพวอลเปเปอร์ หรือการนำวิดเจ็ตที่ต้องการใช้งานมาไว้ที่หน้าจอโฮมสกรีน
 
สำหรับบริการต่างๆ จากทาง Google ก็มีให้ใช้งานครบบน Flash Plus 2
 
ในส่วนของฟังก์ชันโทรศัพท์ก็มีหน้าตาที่ใช้งานได้ง่าย พร้อมด้วยปุ่มตัวเลขขนาดใหญ่ สามารถกดหมายเลขได้อย่างแม่นยำ อีกทั้งสามารถเข้าสู่รายชื่อทั้งหมดได้เพียงแค่เลือกที่ไอคอนรูปบุคคล
 
แอปพลิเคชันอัลบั้มภาพถ่ายจะแสดงแสดงภาพถ่ายได้ 2 แบบ คือ รวมภาพถ่ายทั้งหมด กับแบบแยกอัลบั้ม
 
Flash Plus 2 ยังมีฟีเจอร์การสั่งงานด้วยท่าทางให้ใช้งาน 2 อย่างด้วยกัน คือ การแตะหน้าจอสองครั้งเพื่อปลุกการทำงานของ Flash Plus 2 และการแตะหน้าจออีกสองครั้งเพื่อให้ Flash Plus 2 เข้าสู่โหมดสลีป
 
นอกจากนี้ Flash Plus 2 สามารถตั้งค่าการทำงานของเซ็นเซอร์สแกนลายนิ้วมือได้หลากหลาย เช่น การปลดล็อกหน้าจอ หรือการเข้าถึงแอปพลิเคชันที่ต้องการ อีกทั้งยังสามารถเพิ่มลายนิ้วมือได้สูงสุดถึง 5 ลายนิ้วมือเลยทีเดียว
 
อีกหนึ่งความน่าสนใจบน Flash Plus 2 คือ ฟังก์ชันเทอร์โบดาวน์โหลด ซึ่งมีความสามารถในการดาวน์โหลดไฟล์ที่มีขนาดใหญ่ได้รวดเร็วมากขึ้นด้วยการใช้สัญญาณร่วมกันระหว่าง เครือข่ายมือถือ และ WiFi
 
Flash Plus 2 มีแอปพลิเคชันสำหรับฟังเพลงให้ใช้งาน และที่เพิ่มความสนุกให้กับการฟังเพลงไปอีกขั้น คือ บน Flash Plus 2 มีโหมด DJ ให้ใช้งาน ซึ่งคุณสามารถสแครชแผ่นเสียงที่หน้าจอได้ทันที นอกจากนี้ยังมีเอฟเฟกต์เสียงอื่นๆ ให้ใช้งานร่วมกันได้อีกด้วย

ตัวอย่างภาพขณะเปิดใช้งานโหมด DJ ซึ่งคุณสามารถมิกซ์เพลงได้ตามใจชอบ
 
ทางด้านแอปพลิเคชันสำหรับฟังวิทยุ FM ก็มีให้ใช้งานด้วยเช่นกัน

นอกจากนี้ Flash Plus 2 ยังสามารถเปิดเล่นไฟล์วิดีโอความละเอียดสูงระดับ Full HD (1080p) ได้อย่างไหลลื่น และด้วยหน้าจอขนาดใหญ่ถึง 5.5 นิ้ว ยิ่งช่วยเพิ่มอรรถรสในการชมภาพยนตร์ได้อย่างเพลิดเพลิน โดยไม่ต้องเพ่งดวงตาอีกด้วย
 
โดย Flash Plus 2 มาพร้อมกับชิปเซ็ต Octa-Core Mediatek MT6755 Helio P10 ความเร็วในการประมวลผล 1.8 GHz, หน่วยประมวลผลภาพกราฟิกแบบ Mali-T860 MP2, หน่วยความจำภายในขนาด 16 GB, หน่วยความจำ RAM ขนาด 2 GB และขับเคลื่อนการทำงานด้วยระบบปฏิบัติการ Android OS เวอร์ชัน 6.0 Marshmallow

ด้วยคุณสมบัติที่เต็มเปี่ยมไปด้วยประสิทธิภาพ จึงทำให้ Flash Plus 2 ตอบโจทย์ด้านการเล่นเกมได้อย่างดีเยี่ยม ไม่ว่าจะเป็น เกมที่มีกราฟิกแบบสามมิติที่ต้องมีการประมวลผลหนักๆ หรือการเปิดเล่นไฟล์วิดีโอความละเอียดสูงแบบต่อเนื่อง Flash Plus 2 ก็ตอบสนองต่อการใช้งานได้ดี ไม่มีอาการหน่วงให้พบเจอ

และเมื่อนำ Flash Plus 2 มาทดสอบด้วยแอปพลิเคชัน Geekbench 3 พบว่าการประมวลผลแบบ Single-Core ได้คะแนนอยู่ที่ 786 คะแนน ส่วนการประมวลผลแบบ Multi-Core ได้คะแนนอยู่ที่ 3027 คะแนน

ต่อด้วยการทดสอบด้วยแอปพลิเคชัน AnTuTu 3DRating Benchmark พบว่าได้คะแนนอยู่ที่ 2863 คะแนน

Flash Plus 2 สามารถรองรับการสัมผัสได้พร้อมกันสูงสุด 5 จุด
 
และยังสามารถดาวน์โหลดแอปพลิเคชันอื่นๆ มาใช้งานเพิ่มเติมได้ผ่านแอปพลิเคชัน Google Play Store
กล้องดิจิตอล การถ่ายภาพนิ่ง และภาพวีดีโอ
 
สำหรับ Interface กล้องถ่ายภาพด้านหลังจะมีหน้าตาที่ใช้งานได้ง่าย โดยมีการแสดงไอคอนฟังก์ชันการใช้งานต่างๆ ไว้ชัดเจน สามารถ เปิด-ปิด เพื่อใช้งานได้ทันที เช่น ไฟแฟลช LED, HDR หรือกลางคืน อีกทั้งยังมีโหมดการถ่ายภาพให้เลือกใช้งาน 3 อย่างด้วยกัน ได้แก่ โหมดถ่ายภาพปกติ, โหมดถ่ายภาพพาโนราม่า และโหมดถ่ายภาพ PIP คือ การถ่ายภาพพร้อมกันทั้งกล้องดิจิทัลด้านหน้า และกล้องดิจิทัลด้านหลัง
 
อีกหนึ่งความน่าสนใจ คือ มีเอฟเฟกต์สำหรับถ่ายภาพ และโหมดถ่ายภาพเด็กทารกให้ใช้งาน ซึ่งเมื่อกดที่ไอคอนก็จะเกิดเสียงต่างๆ เช่น เสียงแมว หรือเสียงรถไฟ เพื่อเรียกความสนใจให้เด็กทารกหันมาที่กล้องนั่นเอง
 
อีกทั้งยังสามารถตั้งค่าการใช้งานอื่นๆ เพิ่มเติมได้ ไม่ว่าจะเป็น การแท็กสถานที่บนภาพถ่าย, การใช้งานโหมดใบหน้าสวย (Beauty), การชดเชยแสง ซึ่งสามารถปรับค่าชดเชยแสงได้ตั้งแต่ -3 ไปจนถึง +3, การปรับค่าไวท์บาลานซ์ และสามารถคืนการตั้งค่าทั้งหมดได้
 
นอกจากนี้ ยังสามารถตั้งค่ากล้องถ่ายภาพในส่วนอื่นๆ ได้อีกหลายอย่างด้วยกัน เช่น การ เปิด-ปิด เสียงชัตเตอร์, โหมดการถ่ายภาพเด็กทารก, การ เปิด-ปิด ฟังก์ชัน ZSD (Zero Shutter Delay), การ เปิด-ปิด ระยะการสั่นไหว, ฟังก์ชันการตรวจจับใบหน้า, และฟังก์ชันการตรวจจับรอยยิ้ม, การตั้งเวลาเพื่อถ่ายภาพ ที่สามารถตั้งเวลาได้นานสุด 10 วินาที, สามารถเลือกความละเอียดของกล้องถ่ายภาพได้สูงสุดที่ความละเอียด 13 ล้านพิกเซล, สามารถเลือกสัดส่วนของภาพถ่ายได้ และสามารถปรับค่า ISO ได้อีกด้วย
 
ในส่วนของโหมดถ่ายวิดีโอก็สามารถตั้งค่าการใช้งานได้ เช่น การ เปิด-ปิด ไมโครโฟน หรือการตั้งเวลาเพื่อถ่ายวิดีโอ และสามารถปรับความละเอียดของไฟล์วิดีโอได้สูงสุดที่ความละเอียดระดับ Full HD (1080p)
 
ในส่วนของกล้องดิจิทัลด้านหน้าก็มีหน้าตาที่ใช้งานได้ง่ายเช่นเดียวกัน ซึ่งสามารถ เปิด-ปิด ฟังก์ชันต่างๆ ได้ทันที เช่น ไฟแฟลช LED, HDR หรือกลางคืน อีกทั้งยังมีโหมดการถ่ายภาพให้เลือกใช้งาน 3 อย่างด้วยกัน ได้แก่ โหมดถ่ายภาพปกติ, โหมดถ่ายภาพพาโนราม่า, โหมดถ่ายภาพหน้าสวย (Beautify) และโหมดถ่ายภาพ PIP คือ การถ่ายภาพพร้อมกันทั้งกล้องดิจิทัลด้านหน้า และกล้องดิจิทัลด้านหลัง
 
ส่วนเอฟเฟกต์สำหรับถ่ายภาพ และโหมดถ่ายภาพเด็กทารกให้ใช้งาน และโหมดถ่ายภาพเด็กทารกให้ใช้งาน ซึ่งเมื่อกดที่ไอคอนก็จะเกิดเสียงต่างๆ เช่น เสียงแมว หรือเสียงรถไฟ เพื่อเรียกความสนใจให้เด็กทารกหันมาที่กล้องนั่นเอง
 
สามารถตั้งค่าการใช้งานอื่นๆ เพิ่มเติมได้ ไม่ว่าจะเป็น การแท็กสถานที่บนภาพถ่าย, การใช้งานโหมดใบหน้าสวย (Beautify), การชดเชยแสง ซึ่งสามารถปรับค่าชดเชยแสงได้ตั้งแต่ -3 ไปจนถึง +3, การปรับค่าไวท์บาลานซ์ และสามารถคืนการตั้งค่าทั้งหมดได้
 
นอกจากนี้ ยังสามารถตั้งค่ากล้องถ่ายภาพในส่วนอื่นๆ ได้อีกหลายอย่างด้วยกัน เช่น การ เปิด-ปิด เสียงชัตเตอร์, โหมดการถ่ายภาพเด็กทารก, การ เปิด-ปิด ฟังก์ชัน ZSD (Zero Shutter Delay), การ เปิด-ปิด ระยะการสั่นไหว, ฟังก์ชันการตรวจจับใบหน้า, และฟังก์ชันการตรวจจับรอยยิ้ม, การตั้งเวลาเพื่อถ่ายภาพ ที่สามารถตั้งเวลาได้นานสุด 10 วินาที, สามารถเลือกความละเอียดของกล้องถ่ายภาพได้สูงสุดที่ความละเอียด 5 ล้านพิกเซล, สามารถเลือกสัดส่วนของภาพถ่ายได้ และสามารถปรับค่า ISO ได้อีกด้วย
 
ในส่วนของโหมดถ่ายวิดีโอก็สามารถตั้งค่าการใช้งานได้ เช่น การ เปิด-ปิด ไมโครโฟน หรือการตั้งเวลาเพื่อถ่ายวิดีโอ และสามารถปรับความละเอียดของไฟล์วิดีโอได้สูงสุดที่ความละเอียดระดับ HD (720p)
ตัวอย่างภาพถ่ายจากกล้องดิจิทัลด้านหลังความละเอียดระดับ 13 ล้านพิกเซล ของ Flash Plus 2

ตัวอย่างภาพถ่ายที่ถ่ายด้วยโหมดถ่ายภาพปกติ

ตัวอย่างภาพถ่ายที่ถ่ายด้วยโหมดถ่ายภาพปกติ

ตัวอย่างภาพถ่ายที่ถ่ายด้วยโหมดถ่ายภาพปกติ

ตัวอย่างภาพถ่ายที่ถ่ายด้วยโหมดถ่ายภาพปกติ

ตัวอย่างภาพถ่ายที่ถ่ายด้วยโหมดถ่ายภาพปกติ

ตัวอย่างภาพถ่ายที่ถ่ายด้วยโหมดถ่ายภาพปกติ

ตัวอย่างภาพถ่ายที่ถ่ายด้วยโหมดถ่ายภาพปกติ

ตัวอย่างภาพถ่ายที่ถ่ายด้วยโหมดถ่ายภาพปกติ

ตัวอย่างภาพถ่ายที่ถ่ายด้วยโหมดถ่ายภาพปกติ

ตัวอย่างภาพถ่ายที่ถ่ายด้วยโหมดถ่ายภาพปกติ
ตัวอย่างภาพถ่ายจากกล้องดิจิทัลด้านหน้าความละเอียดระดับ 5 ล้านพิกเซล ในโหมด Beautify ของ Flash Plus 2
 
ตัวอย่างภาพถ่ายที่ถ่ายด้วยโหมดถ่ายภาพปกติ
 
ตัวอย่างภาพถ่ายที่ถ่ายด้วยโหมด Beautify
สรุปผลการทดสอบของ Flash Plus 2

เป็นอย่างไรกันบ้างครับ สำหรับการรีวิวสมาร์ทโฟนสเปคคุ้มค่าเกินราคา ดีไซน์เรียบหรูใหม่ล่าสุดอย่าง Flash Plus 2 อันดับแรกเลยต้องขอยอมรับในเรื่องของจุดขายต่างๆ บน Flash Plus 2 ที่บอกได้เลยว่า คุ้มค่ามากๆ อีกทั้งยังสามารถตอบสนองต่อการใช้งานได้เป็นอย่างดี ไม่ว่าจะเป็น เซ็นเซอร์สแกนลายนิ้วมือ พร้อมเทคโนโลยีสแกนลายนิ้วมือแบบ 360 องศา และใช้เวลาในการปลดล็อกภายในเวลาเพียง 0.5 วินาที, ลำโพงเสียงภายนอกที่มาพร้อมกับชิปพาวเวอร์แอมป์ NXP9890 ที่ให้พลังเสียงมากกว่าปกติถึง 8 เท่า พร้อมด้วยชิปเสียงรุ่นพิเศษ Hi-Fi AK4375 เพื่อให้ผู้ใช้งานรับฟังเสียงคุณภาพระดับ Hi-Fi และหน้าจอแสดงผลแบบ IPS ความละเอียดระดับ Full HD ขนาด 5.5 นิ้ว พร้อมด้วยเทคโนโลยี OGS ที่เป็นการผสานระหว่างกระจกหน้าจอ และส่วนแสดงผลไว้ชิ้นเดียวกัน ซึ่งเรียกได้ว่า ครอบคลุมทั้งความปลอดภัย, ฟังเพลงเพราะ และแสดงผลได้คมชัด ในเครื่องเดียว
ทางด้านกล้องถ่ายภาพก็ถือเป็นอีกหนึ่งจุดขายหลักของ Flash Plus 2 เลยก็ว่าได้ ซึ่งสามารถตอบโจทย์ด้านการถ่ายภาพได้ดี โดยเฉพาะกล้องดิจิทัลด้านหลังความละเอียด 13 ล้านพิกเซล ซึ่งมาพร้อมกับระบบโฟกัสแบบ PDAF (Phase Detection Autofocus) ที่สามารถโฟกัสภาพได้ภายในเวลาเพียง 0.1 วินาที, รูรับแสงขนาด F/2.0 และไฟแฟลชแบบ Double-Color RealTone ซึ่งภาพถ่ายที่ได้มีความคมชัดสมจริง สีสันสดใส ทั้งการถ่ายภาพในสภาวะแสงปกติ หรือการถ่ายภาพในสภาวะแสงน้อย และสามารถโฟกัสภาพได้รวดเร็วทันใจ เรียกได้ว่า หยิบตัวเครื่องออกมาเมื่อไหร่ ก็สามารถถ่ายภาพได้ทันที ส่วนกล้องดิจิทัลด้านหน้าความละเอียด 5 ล้านพิกเซล (พร้อมเพิ่มความละเอียดได้สูงสุด 8 ล้านพิกเซล ด้วยซอฟต์แวร์) ซึ่งมีมุมมองกว้าง 84.4 องศา และไฟแฟลช LED ก็สามารถถ่ายภาพได้ดี คมชัด ส่วนสีสันจะออกโทนเย็น และไม่สดใสมากนัก
อีกหนึ่งความน่าสนใจ คือ ทั้งกล้องดิจิทัลด้านหน้า และด้านหลัง จะมีโหมดถ่ายภาพเด็กทารก โดยตัวฟังก์ชันจะส่งเสียงตามที่ผู้ใช้งานเลือก เพื่อเรียกความสนใจให้เด็กทารกหันมาที่กล้อง ซึ่งเหมาะกับคุณพ่อ คุณแม่ ที่ชื่นชอบถ่ายภาพลูกๆ เป็นอย่างมาก
นอกจากนี้ ตัวเครื่องของ Flash Plus 2 ก็มีการออกแบบดีไซน์ที่ลงตัวมากๆ อีกทั้งมุมตัวเครื่องทั้งสี่ด้านยังมีความโค้งมน ช่วยให้จับ หรือถือได้ถนัดมือ ถึงแม้จะเป็นมือเล็กๆ ของคุณสุภาพสตรีก็ตาม นอกจากนี้ ตัวฝาหลังยังผลิตมาจากอะลูมิเนียม จึงช่วยให้ตัวฝาหลังมีความแข็งแรงทนทานเป็นพิเศษ อีกทั้งตัวฝาหลังของ Flash Plus 2 ยังสามารถถอด หรือเปลี่ยนได้อีกด้วย

ในส่วนของคุณสมบัติภายในก็ถือว่าคุ้มค่าคุ้มราคามากๆ ไม่ว่าจะเป็น ชิปเซ็ต Octa-Core Mediatek MT6755 Helio P10 ความเร็วในการประมวลผล 1.8 GHz, หน่วยประมวลผลกราฟิกแบบ Mali-T860 MP2, หน่วยความจำแรม (RAM) ขนาด 2 GB, หน่วยความจำภายในขนาด 16 GB, รองรับการใช้งานได้พร้อมกัน 2 ซิมการ์ด, ร้องรับการเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตผ่านระบบ 4G LTE กับ 3G ได้, แบตเตอรี่ Li-Ion ความจุ 3000 mAh มาพร้อมกับวงจรการชาร์จแบบ 9 Volt ซึ่งช่วยให้ชาร์จแบตเตอรี่ได้เร็วกว่าเดิมถึง 3 เท่า โดยสามารถชาร์จได้ถึง 50% ในเวลาเพียง 30 นาที และสามารถชาร์จเต็มภายในเวลาเพียง 1.5 ชั่วโมง และขับเคลื่อนการทำงานด้วยระบบปฏิบัติการ Android OS เวอร์ชัน 6.0 Marshmallow ซึ่งจากการทดสอบการใช้งานต่างๆ ทั้งการเล่นเกมที่มีกราฟิกแบบสามมิติ หรือเปิดไฟล์วิดีโอความละเอียดสูงระดับ Full HD (1080p) Flash Plus 2 ก็ตอบสนองต่อการใช้งานได้อย่างไหลลื่น ไม่มีอาการหน่วง อีกทั้งตัวเครื่องยังไม่สะสมความร้อนอีกด้วย
และจากการทดสอบทั้งหมดที่ผ่านมาก็พอที่จะสรุปได้ว่า Flash Plus 2 น่าจะเหมาะกับผู้ที่กำลังมองหาสมาร์ทโฟนที่มาพร้อมสเปคครบเครื่อง, ถ่ายภาพสวย, ฟังเพลงไพเราะ, มีฟีเจอร์ให้ใช้งานหลากหลาย, แบตเตอรี่ใช้งานได้ยาวนาน และต้องมีราคาไม่เกิน 5,000 บาท ซึ่ง Flash Plus 2 ถือเป็นตัวเลือกสุดคุ้มในอันดับต้นๆ ที่ไม่ควรมองข้ามเป็นอย่างยิ่ง
โดย Flash Plus 2 จะแบ่งออกเป็นสองรุ่นด้วยกัน คือ รุ่นที่มาพร้อมกับหน่วยความจำแรมขนาด 2 GB กับหน่วยความจำภายในขนาด 16 GB จะมีราคาอยู่ที่ 4,990 บาท (เครื่องที่นำมาทดสอบในบทความรีวิวนี้) ส่วนรุ่นหน่วยความจำแรมขนาด 3 GB กับหน่วยความจำภายในขนาด 32 GB จะมีราคาอยู่ที่ 5,990 บาท สำหรับท่านใดที่สนใจ Flash Plus 2 สามารถสั่งซื้อได้ผ่านทาง Lazada พร้อมโปรโมชั่นพิเศษจากทรูมูฟ เอช คือ รับค่าโทรในเครือข่ายฟรี 5,400 บาท และอินเทอร์เน็ต 4G ฟรี 9 GB มูลค่า 300 บาท (30 วัน/รอบ) หรืออินเทอร์เน็ต 500 MB/เดือน (15 วัน/รอบ) สุดท้ายนี้ ต้องขอขอบคุณทาง Flash ประเทศไทย ที่ให้ความไว้วางใจส่งเครื่อง Flash Plus 2 มาให้ทางทีมงานไทยโมบายเซ็นเตอร์ได้ทำการรีวิวให้ท่านผู้อ่านได้รับชมกัน สำหรับวันนี้ต้องขอลาไปก่อน พบกันได้ใหม่ในโอกาสหน้า สวัสดีครับ
จุดเด่นของ Flash Plus 2
- ฝาหลังผลิตมาจากุอะลูมิเนียม ซึ่งสามารถถอด หรือเปลี่ยนฝาหลังได้
- เซ็นเซอร์สแกนลายนิ้วมือ (Fingerprint Sensor) ที่ด้านหลังของตัวเครื่อง สำหรับตรวจสอบสิทธิ์ของการเข้าใช้งานเครื่อง และการเข้าถึงข้อมูลภายใน พร้อมเทคโนโลยีสแกนลายนิ้วมือแบบ 360 องศา และใช้เวลาในการสแกนลายนิ้วมือภายในเวลา 0.5 วินาที
- จอแสดงผลแบบ IPS LCD Capacitive Touchscreen 16,700,000 สี ความละเอียด 1920x1080 Pixels ขนาด 5.5 นิ้ว ซึ่งใช้เทคโนโลยี OGS (One Glass Solution) คือ การผสานระหว่างกระจกภาพ และส่วนแสดงผลไว้เป็นชิ้นเดียวกัน พร้อมหน่วยประมวลผลกราฟิกโดยเฉพาะ (GPU : Graphics Processing Unit) แบบ Mali-T860 MP2
- ประมวลผลการทำงานด้วยชิปเซ็ต Octa-Core Mediatek MT6755 Helio P10 ความเร็วในการประมวลผล 1.8 GHz
- ขับเคลื่อนการทำงานด้วยระบบปฏิบัติการ Android OS เวอร์ชัน 6.0 Marshmallow
- หน่วยความจำภายในสำหรับเก็บบันทึกข้อมูลขนาด 16 GB หรือขนาด 32 GB
- หน่วยความจำ RAM ขนาด 2 GB (ราคา 4,990 บาท) หรือหน่วยความจำแรมขนาด 3 GB (ราคา 5,990 บาท)
- รองรับการ์ดหน่วยความจำเสริมภายนอกแบบ microSD Card (TransFlash) ได้สูงสุดขนาด 128 GB
- กล้องดิจิทัลตัวหลักที่ด้านหลังของตัวเครื่อง ความละเอียดระดับ 13 ล้าน Pixels พร้อมไฟแฟลชแบบ LED, ระบบโฟกัสภาพอัตโนมัติแบบ PDAF (Phase Detection Autofocus) ซึ่งสามารถโฟกัสภาพได้ภายในเวลา 0.1 วินาที พร้อมไฟแฟลช LED แบบ Double-Color RealTone และรองรับการถ่ายภาพวิดีโอได้ที่ความละเอียดสูงสุดระดับ Full HD 1080p (1920x1080 Pixels : 30 fps)
- กล้องดิจิทัลขนาดเล็กที่ด้านหน้าของตัวเครื่อง ความละเอียดระดับ 5 ล้าน Pixels (พร้อมเพิ่มความละเอียดได้สูงสุด 8 ล้านพิกเซล ด้วยซอฟต์แวร์) ที่มาพร้อมกับไฟแฟลช LED ซึ่งมีมุมมองกว้าง 84.4 องศา พร้อมโหมดถ่ายภาพใบหน้าสวย (Beautify ) และรองรับการถ่ายภาพวิดีโอได้ที่ความละเอียดสูงสุดระดับ HD 720p
- ทั้งกล้องดิจิทัลด้านหน้า และกล้องดิจิทัลด้านหลัง มีโหมดถ่ายภาพเด็กทารกให้ใช้งาน ซึ่งเมื่อกดที่ไอคอนก็จะเกิดเสียงต่างๆ เช่น เสียงแมว หรือเสียงรถไฟ เพื่อเรียกความสนใจให้เด็กทารกหันมาที่กล้อง
- ลำโพงเสียงภายนอกมาพร้อมกับชิปพาวเวอร์แอมป์ NXP9890 ที่ช่วยให้เพิ่มพลังเสียงมากกว่าปกติถึง 8 เท่า พร้อมด้วยชิปเสียงรุ่นพิเศษ Hi-Fi AK4375 เพื่อให้ผู้ใช้งานรับฟังเสียงคุณภาพระดับ Hi-Fi พร้อมด้วยโหมด DJ สำหรับมิกซ์เพลงได้ตามใจชอบ
- ฟังก์ชันเทอร์โบดาวน์โหลด ซึ่งมีความสามารถในการดาวน์โหลดไฟล์ที่มีขนาดใหญ่ได้รวดเร็วมากขึ้นด้วยการใช้สัญญาณร่วมกันระหว่างเครือข่ายมือถือ และ WiFi
- รองรับการใช้งานได้พร้อมกัน 2 ซิมการ์ด
- รองรับการเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตผ่านทางระบบ 4G LTE, 3G, WiFi, EDGE และ GPRS
- ระบบ GPS ในตัว (Global Positioning System : ระบบดาวเทียมนำร่อง) พร้อมฟังก์ชัน A-GPS และรองรับระบบดาวเทียม GLONASS ของรัสเซีย
- ชนิดแบตเตอรี่ Li-Ion ความจุ 3000 mAh มาพร้อมกับวงจรการชาร์จแบบ 9 Volt ซึ่งช่วยให้ชาร์จแบตเตอรี่ได้เร็วกว่าเดิมถึง 3 เท่า โดยสามารถชาร์จได้ถึง 50% ภายในเวลาเพียง 30 นาที และสามารถชาร์จเต็มภายในเวลาเพียง 1.5 ชั่วโมง
- มีวิทยุ FM ในตัว
- ราคา 4,990 บาท สำหรับรุ่นที่มาพร้อมกับหน่วยความจำแรมขนาด 2 GB กับหน่วยความจำภายในขนาด 16 GB ส่วนรุ่นหน่วยความจำแรมขนาด 3 GB กับหน่วยความจำภายในขนาด 32 GB จะมีราคาอยู่ที่ 5,990 บาท ซึ่งหากเทียบกับคุณสมบัติโดยรวมถือว่ามีความคุ้มค่าเป็นอย่างยิ่ง
จุดที่อาจจะต้องพิจารณาเพิ่มเติมของ Flash Plus 2
- แบตเตอรี่เป็นแบบยึดติดกับตัวเครื่อง ไม่สามารถถอด หรือเปลี่ยนแบตเตอรี่ได้ด้วยตนเอง
- ภาพถ่ายจากกล้องด้านหน้า สีสันจะออกโทนเย็น และไม่สดมากนัก
- ไม่สามารถหาซื้อได้ตามร้านค้าตัวแทนจำหน่ายทั่วไป เนื่องจากต้องซื้อผ่านเว็บไซต์ Lazada เท่านั้น
- โครงสร้างของตัวเครื่องยังไม่ใช่แบบ Unibody โดยฝาหลังยังสามารถเปิดออกมาได้
โปรดทราบ
* โทรศัพท์มือถือที่ท่านเห็นในบทความรีวิวนี้เป็นเพียงเครื่องทดสอบจากทางศูนย์ เพราะฉะนั้นคุณสมบัติบางอย่างอาจมีความแตกต่างจากเครื่องที่วางจำหน่ายจริงบ้างไม่มากก็น้อย รวมถึงจุดด้อยบางประการที่พบในเครื่องทดสอบ อาจจะถูกแก้ไขปรับปรุงให้ดีขึ้นในเครื่องที่วางจำหน่ายจริง ดังนั้นหากท่านสนใจซื้อโทรศัพท์มือถือรุ่นนี้ ควรตรวจสอบหรือทดลองใช้งานสินค้าด้วยตนเองอีกครั้งหนึ่ง *
สรุปคุณสมบัติเครื่อง
ท่านสามารถตรวจสอบคุณสมบัติแบบสรุป (Specification) ของ Flash Plus 2 ได้โดยการคลิกที่ลิงก์ด้านล่างนี้
สรุปคุณสมบัติโดยละเอียดของ Flash Plus 2

Flash Plus 2 เปิดขายครั้งต่อไปวันที่ 22 มิถุนายน 2559 เวลา 12.00-14.00 น. จำนวนจำกัด มาร่วมเป็นคนกลุ่มแรกที่ได้สัมผัสมือถือสุด exclusive ได้ที่ : www.lazada.co.th/flash-plus-2/

:: ไปหน้าแรกเว็บไซต์ Thaimobilecenter
| ไปหน้าแรก
Mobile Focus ::
|