รีวิว (Review) Asus ZenFone 3 ZE552KL (Marshall Limited Edition)
สมาร์ทโฟนเรือธงซีรีส์ยอดฮิตโฉมใหม่ บนดีไซน์แบบ Metal-Glass สุดหรู พร้อมกล้อง 4-Axis OIS 16 ล้านพิกเซล, จอ Full HD ใหญ่เต็มตา 5.5 นิ้ว, ชิปเซ็ต Snapdragon 625, RAM 4GB, ROM 64GB, เซ็นเซอร์สแกนลายนิ้วมือแบบ 360 องศา, USB Type-C, แบตเตอรี่ 3000 mAh และ Android 6.0 Marshmallow พร้อมหูฟัง Marshall Major II ระดับพรีเมียม ในราคา 14,990 บาท
Review
Date (24 สิงหาคม 2559)
สวัสดีท่านผู้อ่านทุกท่านครับ กลับมาพบกับทีมงาน Thaimobilecenter กับการรีวิวสมาร์ทโฟนรุ่นเด็ดกันอีกครั้งนะครับ สำหรับสมาร์ทโฟนที่เราจะนำมารีวิวให้ทุกท่านได้รับชมกันในวันนี้ต้องขอเกริ่นสักเล็กน้อยว่า สมาร์ทโฟนรุ่นก่อนๆ ในตระกูลนี้เป็นมือถือที่ได้รับความนิยมจากผู้ใช้ชาวไทยอย่างล้นหลาม ด้วยความคุ้มค่าทั้งด้านราคา และคุณสมบัติตัวเครื่องที่ใช้งานได้อย่างครอบคลุม และครบครันในทุกๆ ส่วน ซึ่งล่าสุดทางแบรนด์ผู้ผลิตก็ได้ทำการเปิดตัวสมาร์ทโฟนตระกูลใหม่ที่จะมาสานต่อความสำเร็จของรุ่นพี่ และสมาร์ทโฟนรุ่นนี้มีชื่อว่า Asus ZenFone 3 (Limited Edition)
Asus ZenFone 3 Series เปิดตัวในประเทศไทยอย่างเป็นทางการเมื่อวันที่ 2 สิงหาคม 2559 ที่ผ่านมา โดยการกลับมาของสมาร์ทโฟนซีรีส์ดังในครั้งนี้ก็เรียกได้ว่ามาพร้อมกับการพลิกโฉมครั้งใหญ่จริงๆ เริ่มตั้งแต่รูปลักษณ์ภายนอกที่หรูหรา และพรีเมียมมากยิ่งขึ้นด้วยการใช้ดีไซน์แบบ Metal-Glass พร้อมกรอบตัวเครื่องที่ผลิตจากอะลูมิเนียม (Aluminium) สุดแกร่ง และกระจกป้องกันตัวเครื่องขอบนูนแบบ 2.5D Corning Gorilla Glass นอกจากนี้ Asus ZenFone 3 ยังมีกรอบโลหะรอบตัวเครื่องที่บางเฉียบเพียง 6.16 มิลลิเมตร เท่านั้น (ตัวเครื่องทั้งหมดรวมกระจกมีความหนาอยู่ที่ 7.69 มิลลิเมตร) เรียกได้ว่าเพียงแค่รูปลักษณ์ และดีไซน์ภายนอกก็น่าสนใจ และดูหรูหราเวลาจับถืออย่างแน่นอน
สำหรับคุณสมบัติตัวเครื่องด้านในก็น่าสนใจไม่แพ้กัน เพราะ Asus ZenFone 3 (ZE552KL) เปลี่ยนการใช้งานชิปเซ็ตประมวลผลจากค่าย Intel มาเป็นค่าย Qualcomm ซึ่งนับเป็นเป็นตระกูลแรกของค่าย โดย Asus ZenFone 3 นั้นประมวลผลการทำงานด้วยชิปเซ็ต Octa-Core 64-bit Qualcomm MSM8953 Snapdragon 625 ซึ่งมีความเร็วในการประมวลผลสูงสุดที่ 2.0GHz และยังมาพร้อมกับ หน้าจอแสดงผลแบบ Super IPS+ LCD Full HD 1080p ขนาด 5.5 นิ้ว ความละเอียด 1920x1080 พิกเซล ความหนาแน่นของเม็ดพิกเซล 401 ppi, หน่วยความจำภายในสำหรับเก็บบันทึกข้อมูลขนาด 64GB และ RAM ขนาด 4GB พร้อมรองรับการ์ดหน่วยความจำเสริมภายนอกแบบ microSD Card (TransFlash) สูงสุด 2TB, กล้องด้านหลังความละเอียด 16 ล้านพิกเซล พร้อมไฟแฟลชแบบคู่ (Dual-LED) ขนาดรูรับแสงกว้างสูงสุดที่ f/2.0 ใช้โครงสร้างแบบ 6 ชิ้นเลนส์ โดยใช้เวลาโฟกัสวัตถุเพียง 0.03 วินาทีด้วยระบบ Tri-Tech Autofocus พร้อมด้วยระบบกันสั่น OIS แบบ 4 แกน และโหมดถ่ายภาพ Super Resolution ถ่ายภาพความละเอียดสูงได้ถึง 64 ล้านพิกเซล, กล้องด้านหน้าความละเอียด 8 ล้านพิกเซล มีขนาดรูรับแสงกว้างสูงสุดที่ f/2.0 และใช้เลนส์มุมกว้าง 84 องศา, เซ็นเซอร์สแกนลายนิ้วมือ (Fingerprint Scanner) ที่ด้านหลังของตัวเครื่อง, รองรับการเชื่อมต่อด้วยเทคโนโลยี USB Type-C 2.0, แบตเตอรี่ความจุ 3000 mAh และทำงานอยู่บนระบบปฏิบัติการ Android 6.0 Marshmallow
เรียกได้ว่า Asus ZenFone 3 กลับมาพร้อมกับการพลิกโฉมดีไซน์ครั้งใหญ่ ที่ดูหรูหราพรีเมียมยิ่งกว่ารุ่นก่อนๆ และคุณสมบัติด้านในก็ถูกยกเครื่องให้ดีขึ้นมากเลยทีเดียว และในวันนี้ตัวเครื่อง Asus ZenFone 3 ที่ทีมงาน Thaimobilecenter จะนำมารีวิวให้ทุกท่านได้ชมกันนั้นมีความพิเศษอีกหนึ่งอย่าง เพราะว่าเป็นตัวเครื่อง Asus ZenFone 3 รุ่น Limited Edition ที่มาพร้อมกับของสมนาคุณชั้นเยี่ยม นั่นก็คือ หูฟัง Marshall Major II หูฟังเสียงดีที่มอบให้ฟรีทั้งผู้ที่สั่งจอง (Pre-Order) ตัวเครื่อง Asus ZenFone 3 รุ่นหน้าจอขนาด 5.5 นิ้ว ล่วงหน้า รวมไปถึงผู้ที่ซื้อตามหน้าร้านตัวแทนจำหน่าย แต่อย่างไรก็ดีหูฟัง Marshall Major II ที่แถมให้นั้นมีจำนวนจำกัด หากท่านใดที่สนใจก็คงต้องรีบตัดสินใจกันสักหน่อย และเพื่อไม่ให้เป็นการเสียเวลา ขอเชิญทุกท่านติดตามรับชมรีวิว Asus ZenFone 3 Litmited Edition ไปพร้อมกันได้เลยครับ
แกะกล่องชมรูปลักษณ์ภายนอกตัวเครื่อง และการออกแบบดีไซน์
Asus ZenFone 3 Limited Edition มาพร้อมกับแพ็กเกจที่ดูหรูหราพรีเมียม ขนาดกล่องค่อนข้างใหญ่พอสมควร มีโลโก้ ZenFone 3 และ Marshall อยู่คู่กันอย่างเด่นชัด
เมื่อเปิดกล่องออกมาจะเจอกับแผ่นรองอีกชั้นหนึ่งพร้อมข้อความว่า "Incredible is Now" ซึ่งก็หมายความว่า "เรื่องเหลือเชื่อ หรือเรื่องมหัศจรรย์ ได้เกิดขึ้นแล้ว" นั่นเอง
ผลิตภัณฑ์ทั้งหมดในกล่องใหญ่ แบ่งออกเป็นสองกล่องย่อย คือ หูฟัง Marshall Major II และ Asus ZenFone 3
อุปกรณ์ทั้งหมดที่แถมมาภายในกล่อง คือ อะแดปเตอร์ชาร์จแบตเตอรี่, สายเชื่อมต่อ USB Type-C, หูฟังแบบ In-Ear และจุกยางสำหรับหูฟัง 2 ขนาด คือ S และ L (ที่ใส่อยู่ในหูฟังคือไซส์ M)
Asus ZenFone 3 ถูกปรับดีไซน์ใหม่ทั้งให้ดูหรูหราพรีเมียมยิ่งขึ้นกว่าเดิม ด้วยการใช้งานดีไซน์แบบ Metal-Glass โดยกรอบตัวเครื่องผลิตจากอะลูมิเนียม (Aluminium) และใช้กระจกป้องกันขอบนูนแบบ 2.5D Corning Gorilla Glass 3 ทั้งด้านหน้า และด้านหลัง
Asus ZenFone 3 มาพร้อมกับ หน้าจอแสดงผลแบบ Super IPS+ LCD Full HD 1080p ขนาด 5.5 นิ้ว ความละเอียด 1920x1080 พิกเซล ความหนาแน่นของเม็ดพิกเซล 401 ppi โดยมีขนาดตัวเครื่องอยู่ที่ 152.59x77.38x7.69 มิลลิเมตร และมีน้ำหนัก 155 กรัม
ด้านหน้าส่วนบนประกอบด้วย : ลำโพงหูฟังสำหรับการสนทนา, เซ็นเซอร์ Proximity, เซ็นเซอร์ Ambient Light, เซ็นเซอร์ Accelerometer และกล้องดิจิทัลด้านหน้าความละเอียด 8 ล้านพิกเซล มีขนาดรูรับแสงกว้างสูงสุดที่ F/2.0
ด้านหน้าส่วนล่างประกอบด้วย : ปุ่มซอฟต์คีย์ 3 ปุ่มหลัก คือ ปุ่มย้อนกลับ, ปุ่มโฮม และปุ่ม Recent Apps
ด้านซ้ายของตัวเครื่องประกอบด้วย : ถาดใส่ซิมการ์ดแบบ Dual-SIM ซึ่งรองรับการใช้งานร่วมกับซิมการ์ดแบบ nanoSIM และ microSIM
ด้านขวาของตัวเครื่องประกอบด้วย : ปุ่มล็อกหน้าจอ หรือ เปิด-ปิด เครื่อง และปุ่ม เพิ่ม-ลด ระดับเสียง
ด้านบนของตัวเครื่องประกอบด้วย : ไมโครโฟนตัวที่สองสำหรับการตัดเสียงรบกวน และช่องเชื่อมต่อหูฟังมาตรฐานขนาด 3.5 มิลลิเมตร
ด้านล่างของตัวเครื่องประกอบด้วย : ไมโครโฟนสำหรับทำการสนทนา, ช่องเชื่อมต่อสาย USB Type-C และลำโพงหลักของตัวเครื่อง
ด้านหลังส่วนบนของตัวเครื่องประกอบด้วย : กล้องดิจิทัลตัวหลักความละเอียด 16 ล้านพิกเซล พร้อมไฟแฟลชแบบคู่ (Dual-LED) ซึ่งมีขนาดรูรับแสงกว้างสูงสุดที่ f/2.0, ใช้โครงสร้างแบบ 6 ชิ้นเลนส์, ใช้เวลาโฟกัสวัตถุเพียง 0.03 วินาทีด้วยระบบ Tri-Tech Autofocus, ระบบกันสั่น OIS แบบ 4 แกน และโหมดถ่ายภาพ Super Resolution ซึ่งถ่ายภาพความละเอียดสูงได้ถึง 64 ล้านพิกเซล ส่วนด้านล่างของกล้องดิจิทัลจะเป็นเซ็นเซอร์สแกนลายนิ้วมือแบบ 360 องศา
ด้านหลังส่วนล่างประกอบด้วย : โลโก้แบรนด์ Asus ที่มองเห็นได้อย่างเด่นชัด
เนื่องจาก Asus ZenFone 3 ใช้ดีไซน์แบบ Metal-Glass ซึ่งเป็นการผสมผสานระหว่างกรอบตัวเครื่องแบบอะลูมิเนียม เข้ากับกระจกขอบนูนแบบ 2.5D Gorilla Glass ที่ด้านหน้า และด้านหลัง จึงทำให้ตัวเครื่องดูเงางามพรีเมียมมากยิ่งขึ้น และถ้าหากมีแสงมากระทบกับตัวเครื่องบางมุมก็จะทำให้เกิดการสะท้อนแสงที่สวยงามไปอีกแบบด้วย
เแกะกล่องชมรูปลักษณ์ภายนอก และการออกแบบดีไซน์ของหูฟัง Marshall Major II
หูฟัง Marshall Major II เป็นของสมนาคุณพิเศษสำหรับผู้ที่สั่งจอง Asus ZenFone 3 Limited Edition เท่านั้น โดยเมื่อแกะกล่องออกมาก็จะพบกับหูฟังที่วางอยู่อย่างสวยงาม
อุปกรณ์ภายในจะมีสายเชื่อมต่อหูฟังแบบมาตรฐานขนาด 3.5 มิลลิเมตร โดยบริเวณปลายสายทั้งสองด้านจะถูกหุ้มด้วยทองเหลือง พร้อมทั้งประทับตราโลโก้แบรนด์ Marshall ไว้ด้วย และบริเวณช่วงกลางของสายจะทำมาแบบม้วนกลม ซึ่งถือว่าสะดวกสบายต่อการใช้งาน เพราะไม่ต้องม้วนสายเก็บจนสายงอ และดีกว่าการปล่อยสายตรงๆ ที่อาจเกะกะ หรือเป็นอุปสรรคขณะเดินในที่ที่มีคนเยอะๆ ด้วย
หูฟัง Marshall Major II เป็นหูฟังแบบ On-Ear ที่ทำมาจากหนังแท้ทั้งหมด ซึ่งมีความนุ่ม และดูหรูหราพรีเมียมสมกับที่เป็น Marshall โดยบริเวณที่ครอบหูบุด้วยโฟม และหนังทำให้เวลาสวมใส่จะไม่เกิดอาการเจ็บหูแต่อย่างใด
ด้านนอกของที่ครอบหูมีการปั๊มโลโก้ Marshall ด้วยตัวอักษรสีขาวลงบนแผ่นหนังที่สามารถมองเห็นได้อย่างชัดเจน พร้อมก้านปรับระดับหูฟังที่ผลิตจากโลหะ
ด้านล่างของที่ครอบหูทั้งสองข้างจะมีช่องเชื่อมต่อหูฟังมาตรฐานขนาด 3.5 มิลลิเมตร ทั้งสองข้าง ซึ่งผู้ใช้สามารถเลือกเชื่อมต่อกับหูฟังข้างใดก็ได้ตามความถนัด
บริเวณด้านในของที่ปรับระดับก้านหูฟังจะมีตราปั๊มที่บอกด้านของหูฟังไว้ด้วย
ก้านครอบศีรษะด้านนอกบุด้วยหนังแท้ที่มีรายละเอียดของหนังค่อนข้างเด่นชัด โดยพื้นผิวของหนังค่อนข้างนุ่ม ให้สัมผัสนิ่มมือ และดูสวยงาม
ด้านในของก้านครอบศีรษะจะบุด้วยหนังกลับอย่างดี และปั๊มโลโก้ Marshall ด้วยตัวอักษรสีทองหรูหรา เวลาสวมใส่กับศีรษะจะให้สัมผัสที่นุ่มสบาย แต่ต้องระวังความสะอาดกันสักเล็กน้อย เพราะหนังกลับจะค่อนข้างดูแลรักษายากกว่าหนังธรรมดาด้านนอก
นอกจากนี้ หูฟัง Marshall Major II ยังสามารถใช้งานเป็น Small Talk ได้ด้วยเช่นกัน โดยไมโครโฟน และปุ่มควบคุมการใช้งานจะอยู่ใกล้ๆ กับบริเวณปลายสายด้านที่ต้องเชื่อมต่อหูฟัง
ด้านการสวมใส่ใช้งานก็ถือว่าทำออกมาได้ดี เนื่องจากตัวหูฟังบุด้วยหนังแท้ที่มีความนุ่ม และให้สัมผัสที่สบาย ไม่เกิดอาการกดใบหูที่มักเกิดกับหูฟังแบบ On-Ear ทั่วไป อีกทั้งด้านครอบศีรษะก็ไม่บีบรัดจนเกินไป แต่อยู่ในระดับที่แน่นกำลังดี ไม่หลุดง่าย สามารถใส่ฟังเพลงได้ยาวนานกว่าที่คาดไว้ตอนแรก
เปิดเครื่องใช้งาน พร้อมการทดสอบฟังก์ชัน และแอปพลิเคชันต่างๆ
Asus ZenFone 3 ขับเคลื่อนการทำงานด้วยระบบปฏิบัติการ Android 6.0 Marshmallow ซึ่งถูกครอบทับด้วย ZenUI
เมื่อกดค้างบนพื้นที่ว่างของหน้าจอจะเข้าสู่เมนู Manage Home ที่สามารถปรับเปลี่ยน หรือจัดรูปแบบหน้าจอได้ตามความต้องการ
หากสไลด์นิ้วจากด้านบนลงด้านล่างจะพบกับส่วนแสดงการแจ้งเตือน (Notification Tab) และทางลัดในการ เปิด-ปิด ฟังก์ชันต่างๆ
หากสไลด์นิ้วลงบริเวณตรงกลางหน้าจอ จะเข้าสู่เมนู Quick Search หรือการเข้าสู่ Recent Apps
แอปพลิเคชันพื้นฐานของ Google และ Asus ก็มีให้เลือกใช้งานอย่างครบครัน
หากใครที่ชื่นชอบการเปลี่ยนไอคอนแอปพลิเคชัน และรูปแบบหน้าจอใหม่ๆ ทาง Asus ก็มีแอปพลิเคชัน Themes ไว้ให้เลือกใช้งานอย่างหลากหลาย โดยมีทั้งแบบฟรี และแบบจ่ายเงิน รวมไปถึง Icon Packs ที่มีให้เลือกหลายรูปแบบเช่นเดียวกัน
แอปพลิเคชัน My Asus ที่เปรียบเสมือนผู้ช่วยคนสำคัญ โดยผู้ใช้สามารถแจ้งเหตุขัดข้อง หรือสอบถามปัญหาเกี่ยวกับผลิตภัณฑ์ของ Asus ได้ตลอดเวลา รวมไปถึงการซื้อสินค้าของ Asus ผ่านทางแอปพลิเคชันนี้ได้ด้วย
หากผู้ใช้มีปัญหาบางอย่างเกี่ยวกับการใช้งาน หรือไม่รู้ขั้นตอนการใช้งาน สามารถหาคำตอบได้ที่แอปพลิเคชัน ZenFone Care ซึ่งจะมี FAQs รวบรวมไว้หลายหัวข้อ
เรียกได้ว่าผู้ใช้ Asus ZenFone มีอยู่ทั่วทุกมุมโลก ดังนั้น Asus จึงมีกลุ่มสังคมออนไลน์สำหรับผู้ใช้ Asus ZenFone โดยเฉพาะในชื่อ ZenTalk ซึ่งคล้ายๆ กับเว็บบอร์ดสำหรับการ ถาม-ตอบ หรือพูดคุยกันระหว่างผู้ใช้ รวมไปถึงการอัปเดตข่าวสารใหม่ๆ ของแบรนด์ก็จะอยู่ ZenTalk เช่นเดียวกัน
Asus ZenFone 3 มาพร้อมกับแอปพลิเคชัน Mobile Manager ที่จะช่วยจัดการทรัพยากรของตัวเครื่อง รวมไปถึงการจัดการต่างๆ เช่น การใช้งานข้อมูล (Data), การใช้งานโหมดประหยัดพลังงาน (Battery Saver) หรือการรักกษาความปลอดภัย เป็นต้น และเมื่อกดปุ่ม Scan ที่กลางวงกลม ตัวแอปพลิเคชันก็จะทำการ Boost ตัวเครื่องให้อยู่ในสถานะพร้อมใช้งานที่ดีที่สุด และจะทำการปิดแอปพลิเคชันที่ไม่จำเป็น หรือไม่ได้ใช้งานทิ้งไป
แอปพลิเคชัน File Manager ก็มีให้ใช้งานด้วยเช่นกัน โดยผู้ใช้สามารถจัดงานไฟล์ต่างๆ ภายในเครื่องได้อย่างง่ายดายผ่านทางแอปพลิเคชันนี้ เพราะตัวแอปพลิเคชันจะจัดแบ่งไฟล์ต่างๆ ไว้ให้เป็นหมวดหมู่ ซึ่งทำให้สะดวกต่อการค้นหา และจัดการอย่างมาก
หน้าจอแอปพลิเคชัน Phone แสดงผลด้วยตัวเลข และตัวอักษรที่ค่อนข้างใหญ่ ผนวกกับหน้าจอขนาด 5.5 นิ้ว ก็หมดกังวลได้เลยว่าจะมองไม่เห็นตัวหนังสือ หรือตัวเลข แต่อย่างใด
แอปพลิเคชันวัดระยะห่างด้วยลำแสงเลเซอร์ (Laser Ruler) ก็เป็นอีกหนึ่งแอปพลิเคชันที่มีประโยชน์ เพราะผู้ใช้สามารถวัดระยะห่างของวัตถุกับจุดที่เรายืนอยู่ได้อย่างง่ายดาย ซึ่งฟังก์ชันนี้เหมาะสำหรับสถาปนิก, มัณฑนากร หรือผู้ที่มองหาของตกแต่งบ้าน และต้องการวัดขนาด หรือความห่างของพื้นที่ เพื่อที่จะได้เลือกซื้อเฟอร์นิเจอร์ หรือจัดวางสิ่งของต่างๆ ได้ตรงตามความต้องการ
Asus ZenFone 3 ยังมาพร้อมกับวิทยุ FM ที่สามารถใช้งานได้อย่างดีเยี่ยม และสามารถบันทึกคลื่นวิทยุไว้เป็น Favorites ได้อีกด้วย
ฟังก์ชัน Touch Gesture ก็มีให้ใช้งานเช่นเดียวกัน โดยผู้ใช้สามารถเปิดการใช้งานฟังก์ชันดังกล่าว และใช้งานการแตะนิ้วลงบนหน้าจอ 2 ครั้ง (Double-Tap) เพื่อ เปิด หรือ ล็อกหน้าจอได้ทันที ส่วนฟังก์ชัน Motion Gesture ก็มีให้ใช้งานด้วยเช่นเดียวกัน ซึ่งฟังก์ชันบางอย่างก็สะดวกต่อการใช้งาน เช่น ฟังก์ชัน Hands Up สามารถทำให้ผู้ใช้รับสายได้ทันทีเพียงยกโทรศัพท์มาแนบหู โดยไม่ต้องสไลด์หน้าจอเพื่อรับสายก่อน เป็นต้น
ฟีเจอร์ประหยัดพลังงาน (Power Saver) ก็มีให้ใช้งานด้วย โดยผู้ใช้สามารถเลือกโหมดได้ตามความต้องการ และเมื่อกดที่ปุ่ม Scan ตัวเครื่องก็จะทำการตรวจสอบว่าในขณะนี้มีแอปพลิเคชันใด หรือการทำงานใดที่ใช้พลังงานแบตเตอรี่อยู่บ้าง
ระบบรักษาความปลอดภัยอย่างเซ็นเซอร์สแกนลายนิ้วมือ (Fingerprint Scanner) ก็สามารถใช้งานได้หลากหลายรูปแบบ ไม่ว่าจะเป็น การรับสายโทรเข้า, การใช้งาน Quick Camera และการถ่ายภาพ นอกจากนี้ แม้ว่าตัวเครื่องจะทำการล็อกด้วยลายนิ้วมือแล้ว แต่ก็ยังมีการใช้งานรหัสผ่านขั้นที่สองหลังจากสแกนลายนิ้วมือด้วย โดยรหัสผ่านขั้นที่สองนี้จะช่วยป้องกันการเข้าถึงข้อมูลภายในหากโทรศัพท์โดนขโมย หรือมีผู้ที่พยายามจะเข้าสู่ตัวเครื่อง
มาดูที่รายละเอียดคุณสมบัติตัวเครื่องกันบ้าง Asus ZenFone 3 มาพร้อมกับ ชิปเซ็ตประมวลผล Octa-Core 64-bit Qualcomm MSM8953 Snapdragon 625 ความเร็วในการประมวลผล 2.0 GHz, ชิปเซ็ตประมวลผลภาพกราฟิก Adreno 506, หน่วยความจำแรม (RAM) ขนาด 4GB, หน่วยความจำภายในขนาด 64GB รองรับหน่วยความจำเสริมแบบ microSD สูงสุด 2TB และทำงานอยู่บนระบบปฏิบัติการ Android 6.0 Marshmallow
ทดสอบประสิทธิภาพการทำงานของตัวเครื่องด้วยแอปพลิเคชัน AnTuTu Benchmark เวอร์ชัน 6.2.1 ทำคะแนนได้ 62,032 คะแนน
ทดสอบประสิทธิภาพการประมวลผลด้วยแอปพลิเคชัน GeekBench 3 ทำคะแนนในส่วน Single-Core ได้ 914 คะแนน และในส่วน Multi-Core ได้ 5,185 คะแนน
ทดสอบด้วยการเล่นเกมที่มีการประมวลผลกราฟิกค่อนข้างสูงก็สามารถใช้งานได้ดี ไม่มีอาการค้าง หรือกระตุก ให้เห็นแม้แต่น้อย
ด้วยหน้าจอขนาดใหญ่ถึง 5.5 นิ้ว และมีความละเอียดสูงระดับ Full HD 1080p ก็ส่งผลให้ Asus ZenFone 3 สามารถตอบโจทย์ด้านความบันเทิงได้เต็มพิกัด โดยเฉพาะการรับชมคลิปวิดีโอ หรือไฟล์ภาพยนตร์ที่มีความละเอียดสูง
กล้องดิจิทัลด้านหลังความละเอียด 16 ล้านพิกเซล ของ Asus ZenFone 3
กล้องดิจิทัลด้านหลังของ Asus ZenFone 3 มาพร้อมความละเอียด 16 ล้านพิกเซล พร้อมไฟแฟลชแบบคู่ (Dual-LED), ขนาดรูรับแสงกว้างสูงสุดที่ f/2.0, ใช้โครงสร้างแบบ 6 ชิ้นเลนส์, ใช้เวลาโฟกัสวัตถุเพียง 0.03 วินาทีด้วยระบบ Tri-Tech Autofocus, ระบบกันสั่น OIS แบบ 4 แกน พร้อมโหมดถ่ายภาพ Super Resolution ถ่ายภาพความละเอียดสูงได้ถึง 64 ล้านพิกเซล ซึ่งหน้าจอ Interface ของเมนูกล้องยังคงคล้ายคลึงกับรุ่นก่อนๆ พร้อมทั้งมีโหมดถ่ายภาพให้เลือกใช้อย่างครบครัน
หากแตะที่ปุ่มตัวอักษร M ข้างๆ ปุ่มชัตเตอร์ จะเป็นการเข้าสู่โหมด Manual ที่ผู้ใช้สามารถปรับค่าต่างๆ ได้เหมือนกับการใช้งานกล้อง DSLR โดยสามารถปรับได้ทั้ง รูปแบบการวัดแสง (AF), ความเร็วชัดเตอร์, ค่าความไวแสง (ISO), ค่าชดเชยแสง (Exposure Value) และสมดุลแสงขาว (White Balance)
สำหรับการตั้งค่าต่างๆ ในโหมดถ่ายภาพแบบ Auto สามารถทำได้โดยการกดที่ปุ่มตั้งค่าบริเวณด้านซ้ายบน ซึ่งจะมีการปรับตั้งค่าในทุกๆ ส่วน ทั้งการถ่ายภาพ และถ่ายวิดีโอ โดยภาพถ่ายความละเอียดสูงสุด คือ 16 ล้านพิกเซล ความละเอียด 4656x3492 พิกเซล มีอัตราส่วนของภาพ 4:3 ขณะที่การถ่ายวิดีโอสามารถรองรับความละเอียดสูงสุดที่ระดับ 4K Ultra HD ความละเอียด 3840x2160 พิกเซล
ส่วนกล้องดิจิทัลด้านหน้าของ Asus ZenFone 3 มาพร้อมความละเอียด 8 ล้านพิกเซล, ขนาดรูรับแสงกว้างสูงสุดที่ f/2.0 และใช้เลนส์มุมกว้าง 84 องศา ซึ่งยังคงมีหน้าจอ Interface ที่คล้ายกับกล้องด้านหลัง เพียงแต่จะไม่มีโหมดถ่ายภาพแบบ HDR (High Dynamic Range) แต่จะมีโหมด HDR Pro เท่านั้น และยังคงมีโหมดถ่ายภาพให้เลือกหลายแบบเช่นเดียวกัน
เมนูการตั้งค่าต่างๆ ยังคงใช้งานแบบเดียวกับกล้องด้านหลัง โดยกล้องด้านหน้าสามารถถ่ายภาพความละเอียดสูงสุดได้ที่ 8 ล้านพิกเซล ความละเอียด 3264x2448 พิกเซล มีอัตราส่วนของภาพ 4:3 ขณะที่การถ่ายวิดีโอสามารถรองรับความละเอียดสูงสุดที่ระดับ Full HD 1080p ความละเอียด 1920x1080 พิกเซล
โหมดยอดนิยมสำหรับสุภาพสตรีอย่าง Beautification ก็มีให้ใช้งานด้วยเช่นเดียวกัน โดยมีฟังก์ชันให้ปรับค่าอย่างหลากหลาย ไม่ว่าจะเป็น โทนสีผิว, สีแก้ม, ความเนียนใสของใบหน้า, ความขาวของใบหน้า, ดวงตา และหน้าเรียว ซึ่งเวลาผู้ใช้ปรับค่าต่างๆ หน้าจอก็จะแสดงผลภาพจริงหลังการปรับค่าให้เห็นทันทีด้วยเช่นกัน
ตัวอย่างภาพถ่ายจากกล้องดิจิทัลความละเอียด 16 ล้านพิกเซล ของ Asus ZenFone 3
ตัวอย่างภาพถ่ายโหมด Auto
(บน - ปิดโหมด HDR, ล่าง - เปิดโหมด HDR)
(บน - ปิดโหมด HDR, ล่าง - เปิดโหมด HDR)
(คลิกเพื่อชมภาพขนาดเต็ม)
ตัวอย่างภาพถ่ายโหมด Super Resolution ความละเอียด 64 ล้านพิกเซล (9312x6984 พิกเซล)
ตัวอย่างภาพถ่ายจากกล้องดิจิทัลด้านหน้าความละเอียด 8 ล้านพิกเซล ของ Asus ZenFone 3
ตัวอย่างภาพถ่าย Selfie ด้วยโหมด Beauty โดยปรับระดับตั้งแต่ 0, 3, 7 และ 10 ตามลำดับ
สรุปผลการทดสอบของ Asus ZenFone 3 ZE552KL (Marshall Limited Edition)
การกลับมาของ Asus ZenFone 3 ในครั้งนี้เรียกได้ว่าเป็นการพลิกโฉมดีไซน์ตัวเครื่องใหม่ทั้งหมด โดย Asus ZenFone 3 หันมาใช้งานดีไซน์แบบ Metal-Glass ที่มีความหรูหราพรีเมียมเพิ่มขึ้นหลายเท่า กรอบตัวเครื่องผลิตจากวัสดุ อะลูมิเนียม (Aluminium) ที่มีความทนทาน และป้องกันความเสียหายจากการตกกระแทก รวมไปถึงกระจกป้องกันตัวเครื่องทั้งด้านหน้า และด้านหลังแบบขอบนูน 2.5D Corning Gorilla Glass ที่มีความทนทานเช่นเดียวกัน นอกจากนี้ Asus ZenFone 3 ยังมาพร้อมกับความบางเฉียบของกรอบโลหะรอบตัวเครื่องเพียง 6.16 มิลลิเมตร เท่านั้น (หากรวมกระจกจะมีความหนาอยู่ที่ 7.69 มิลลิเมตร) ถึงแม้ว่าจะมีหน้าจอขนาดใหญ่ แต่ด้วยความบางของตัวเครื่องจึงทำให้พกพาได้สะดวก ไม่รู้สึกว่าเทอะทะแต่อย่างใด
สำหรับคุณสมบัติภายในของ Asus ZenFone 3 ก็เรียกได้ว่าพกพาประสิทธิภาพ และความสามารถมาอย่างครบครัน อัปเกรดยกเครื่องจาก Asus ZenFone 2 รุ่นเดิมแทบทุกจุด เริ่มตั้งแต่ หน้าจอแสดงผลแบบ Super IPS+ LCD Full HD 1080p ขนาด 5.5 นิ้ว ความละเอียด 1920x1080 พิกเซล ความหนาแน่นของเม็ดพิกเซล 401 ppi ที่มีการแสดงผลคมชัด และสีสันจัดจ้านชัดเจน, ประมวลผลการทำงานด้วยชิปเซ็ต Octa-Core 64-bit Qualcomm MSM8953 Snapdragon 625 ซึ่งมีความเร็วในการประมวลผลสูงสุดที่ 2.0GHz, หน่วยความจำภายในสำหรับเก็บบันทึกข้อมูลขนาด 64GB และ RAM ขนาด 4GB พร้อมรองรับการ์ดหน่วยความจำเสริมภายนอกแบบ microSD Card (TransFlash) สูงสุด 2TB, กล้องด้านหลังความละเอียด 16 ล้านพิกเซล พร้อมไฟแฟลชแบบคู่ (Dual-LED) ขนาดรูรับแสงกว้างสูงสุดที่ f/2.0 ใช้โครงสร้างแบบ 6 ชิ้นเลนส์ โดยใช้เวลาโฟกัสวัตถุเพียง 0.03 วินาทีด้วยระบบ Tri-Tech Autofocus พร้อมด้วยระบบกันสั่น OIS แบบ 4 แกน และโหมดถ่ายภาพ Super Resolution ถ่ายภาพความละเอียดสูงได้ถึง 64 ล้านพิกเซล, กล้องด้านหน้าความละเอียด 8 ล้านพิกเซล มีขนาดรูรับแสงกว้างสูงสุดที่ f/2.0 และใช้เลนส์มุมกว้าง 84 องศา, เซ็นเซอร์สแกนลายนิ้วมือ (Fingerprint Scanner) แบบ 360 องศาที่ด้านหลังของตัวเครื่อง, รองรับการเชื่อมต่อด้วยเทคโนโลยี USB Type-C 2.0, แบตเตอรี่ความจุ 3000 mAh และทำงานอยู่บนระบบปฏิบัติการ Android 6.0 Marshmallow ซึ่งหลังจากการทดลองใช้งาน Asus ZenFone 3 ก็พบว่าตัวเครื่องมีการตอบสนองต่อการใช้งานได้ค่อนข้างดี สามารถเล่นเกมที่มีการประมวลผลกราฟิกหนักๆ ได้บ้าง แต่ถ้าหากเล่นเกม หรือใช้งานแอปพลิเคชันที่มีการประมวลผลกราฟิกเป็นเวลาๆ นาน ตัวเครื่องด้านหลังบริเวณกล้องถ่ายภาพจะมีอาการสะสมความร้อนเพิ่มมากขึ้น แต่ไม่ได้เป็นปัญหาต่อการใช้งานแต่อย่างใด นอกจากนี้ การใช้งานดีไซน์แบบ Metal-Glass ทำให้ตัวเครื่องมีความลื่นอยู่บ้าง หากผู้ใช้จับถือไม่แน่น หรือวางไว้บนพื้นผิวที่เรียบลื่น ก็อาจทำให้ตัวเครื่องร่วงหล่น และตกกระแทกพื้นจนเกิดความเสียหายได้
สิ่งสำคัญอีกสิ่งหนึ่งที่ถือเป็นไฮไลต์ของ Asus ZenFone 3 รุ่น Limited Edition ก็คือ หูฟัง Marshall Major II ที่ได้รับการออกแบบดีไซน์มาเป็นอย่างดี เพราะ หูฟัง Marshall Major II ใช้วัสดุในการผลิตจากหนังแท้ทั้งหมด ส่งผลให้ตัวหูฟังมีความพรีเมียม ให้สัมผัสที่นุ่มนวลเวลาสวมใส่ ซึ่งจากการทดลองใช้งานฟังเพลงเป็นเวลานาน ก็พบว่า ตัวหูฟังไม่บีบรัดศีรษะแน่นจนเกินไป ทำให้สามารถสวมใส่ได้เป็นเวลานานโดยไม่เกิดอาการเจ็บ หรือบีบรัดเหมือนกับหูฟัง On-Ear รุ่นอื่นๆ อีกทั้งตัวที่ครอบหูที่ทำมาจากหนังแท้ ก็ช่วยให้ไม่เกิดอาการเจ็บที่ใบหูจากการใช้งานด้วยเช่นกัน
สำหรับเรื่องเสียงที่ถือเป็นสิ่งสำคัญที่สุดของหูฟังก็ต้องขอบอกว่า จากที่ได้ทดลองฟังเพลงไฟล์ MP3 (320kbps) และไฟล์ Lossless ผ่านทางหูฟัง Marshall Major II พบว่า ตัวหูฟังค่อนข้างให้รายละเอียดเสียงได้ดี เสียงเบสออกเป็นลูกๆ ส่วนเสียงกลางชัดเจนใสเคลียร์ และเสียงแหลมปลายเสียงค่อนข้างดี ไม่แหลมจนเกินไป แต่ภาพรวมของเสียงทั้งหมดยังให้ Stage ไม่กว้างเท่าที่ควร ใครที่ชื่นชอบการฟังเพลงแนวโรงละคร, การแสดงโอเปร่า หรือดนตรีคลาสสิก อาจจะไม่เหมาะเท่าใดนัก แต่ถ้าหากเป็นการฟังเพลงทั่วไป ไม่จริงจังกับการฟังเพลงแบบไฟล์ Lossless ก็ถือว่าหูฟัง Marshall Major II ตอบโจทย์การฟังเพลงได้ดีพอสมควร นอกจากนี้ หูฟัง Marshall Major II ยังมาพร้อมกับฟังก์ชัน Small Talk ที่สามารถใช้งานในด้านการโทรศัพท์ได้เหมือนกับหูฟังทั่วๆ ไป พร้อมปุ่มควบคุมครบชุด ซึ่งก็นับว่าคุ้มค่าทีเดียว
หลังจากที่ได้ทดลองใช้งาน Asus ZenFone 3 Limited Edition พร้อมกับหูฟัง Marshall Major II มาได้สักระยะ ก็ต้องขอบอกเลยว่า Asus ZenFone 3 ยังคงเป็นสมาร์ทโฟนที่สามารถใช้งานได้ลื่นไหล และมีประสิทธิภาพที่ยอดเยี่ยมเช่นเคย ประกอบกับดีไซน์ตัวเครื่องที่เพิ่มความหรูหรา, ฟีเจอร์การใช้งานที่หลากหลายขึ้น และที่สำคัญคือมาพร้อมกับหูฟังระดับพรีเมียมอย่าง Marshall Major II ที่ขึ้นชื่อในวงการเครื่องเสียง หรือวงการดนตรีอยู่แล้ว หากท่านใดที่กำลังสนใจสมาร์ทโฟนดีไซน์หรู, ใช้งานทุกรูปแบบได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ, หน้าจอใหญ่ และอยากได้หูฟังดีๆ สักหนึ่งรุ่นมาฟังเพลงโปรดในเพลย์ลิสต์ของท่าน Asus ZenFone 3 Limited Edition ก็เป็นอีกหนึ่งตัวเลือกที่น่าสนใจไม่น้อยทีเดียวครับ
Asus ZenFone 3 Limited Edition รุ่น หน่วยความจำแรม (RAM) ขนาด 4GB + หน่วยความจำภายใน (ROM) ขนาด 64GB วางจำหน่ายแล้ววันนี้ โดยเปิดราคาวางจำหน่ายที่ 14,990 บาท พร้อมของสมนาคุณ หูฟัง Marshall Major II ในแพ็กเกจตัวเครื่องสุดหรู (มีจำนวนจำกัด) หากท่านใดสนใจจับจองเป็นเจ้าของสมาร์ทโฟนดีไซน์หรู พร้อมหูฟังระดับพรีเมียม ก็สามารถแวะไปทดลองจับถือ และใช้งานกันในเบื้องต้นก่อนได้ที่ศูนย์บริการ Asus หรือร้านค้าตัวแทนจำหน่ายใกล้บ้านท่านนะครับ สำหรับวันนี้ทีมงาน Thaimobilecenter ต้องขอลาไปก่อน แล้วพบกันใหม่ในรีวิวสมาร์ทโฟนรุ่นเด็ดรุ่นต่อไป สวัสดีครับ
จุดเด่นของ Asus ZenFone 3 (ZE552KL)
- ดีไซน์ตัวเครื่องแบบ Metal-Glass ด้วยกรอบตัวเครื่องแบบอะลูมิเนียม และกระจกขอบนูนแบบ 2.5D Gorilla Glass ที่ด้านหน้า และด้านหลังของตัวเครื่อง
- เซ็นเซอร์สแกนลายนิ้วมือ (Fingerprint Sensor) แบบ 360 องศา ที่ด้านหลังของตัวเครื่อง
- จอแสดงผลแบบ Super IPS+ LCD Capacitive Touchscreen 16,700,000 สี ความละเอียด 1920x1080 Pixels (Full HD 1080p : กว้าง 5.5 นิ้ว : 401 ppi) พร้อมหน่วยประมวลผลกราฟิกโดยเฉพาะ (GPU : Graphics Processing Unit) แบบ Adreno 506
- ประมวลผลการทำงานด้วยชิปเซ็ต Octa-Core 64-bit Qualcomm MSM8953 Snapdragon 625 ความเร็วในการประมวลผล 2.0 GHz
- ขับเคลื่อนการทำงานด้วยระบบปฏิบัติการ Android OS เวอร์ชัน 6.0.1 (Marshmallow)
- หน่วยความจำแรม (RAM) ขนาด 4GB
- หน่วยความจำภายในสำหรับเก็บบันทึกข้อมูลขนาด 64 GB พร้อมรองรับการ์ดหน่วยความจำเสริมภายนอกแบบ microSD Card (TransFlash) ได้สูงสุดขนาด 2TB
- กล้องดิจิทัลตัวหลักที่ด้านหลังของตัวเครื่อง ความละเอียดระดับ 16 ล้านพิกเซล พร้อมขนาดของรูรับแสง (Aperture) กว้างสูงสุดที่ F/2.0, กระจก Sapphire ที่ด้านนอก สำหรับปกป้องเลนส์ชั้นใน, โครงสร้างแบบ 6 ชิ้นเลนส์, ระบบป้องกันการสั่นแบบ 4-Axis OIS และ 3-Axis EIS, ไฟแฟลชในตัว (Dual-LED : Dual-Tone), ระบบโฟกัสภาพอัตโนมัติแบบ TriTech ด้วยลำแสงเลเซอร์ (Laser Autofocus) และ PDAF (Phase Detection Autofocus) (โฟกัสวัตถุได้ภายในเวลา 0.03 วินาที), เทคโนโลยี PixelMaster 3.0, เทคโนโลยี PixelEnhancing, เปิดม่านชัตเตอร์ได้นานสูงสุด 32 วินาที และรองรับการถ่ายภาพวิดีโอได้ที่ความละเอียดสูงสุดระดับ 4K UHD
- กล้องดิจิทัลขนาดเล็กที่ด้านหน้าของตัวเครื่อง ความละเอียดระดับ 8 ล้านพิกเซล พร้อมขนาดของรูรับแสง (Aperture) กว้างสูงสุดที่ F/2.0, เทคโนโลยี PixelMaster 3.0, เทคโนโลยี PixelEnhancing และรองรับการถ่ายภาพวิดีโอได้ที่ความละเอียดสูงสุดระดับ Full HD 1080p
- USB Type-C 2.0 (USB เวอร์ชัน 2.0) ซึ่งสามารถสลับทิศทางของหัวต่อได้อย่างอิสระ
- รองรับการใช้งานอินเทอร์เน็ตผ่านทางระบบ WiFi, 4G LTE Cat6, HSPA+, EDGE และ GPRS
- ระบบ GPS และ A-GPS ในตัว พร้อมรองรับการใช้งานร่วมกับระบบดาวเทียม GLONASS และ BDS
- รองรับการใช้งาน 2 ซิมการ์ดพร้อมกันภายในเครื่องเดียว (Dual SIM : Dual Standby)
- ชนิดแบตเตอรี่ Li-Ion 3000 mAh
- มี 3 สีมาตรฐานให้เลือก (Moonlight White, Shimmer Gold และ Sapphire Black)
- ราคาเปิดตัว 14,990 บาท (ประเทศไทย) พร้อมของสมนาคุณ หูฟัง Marshall Major II (จำนวนจำกัด) เฉพาะรุ่น Limited Edition เท่านั้น
จุดที่อาจจะต้องพิจารณาเพิ่มเติมของ Asus ZenFone 3 (ZE552KL)
- ไม่รองรับเทคโนโลยีการส่งผ่านข้อมูลไร้สายแบบ NFC
- ในช่องซิมการ์ดที่สองต้องเลือกใช้งานระหว่างซิมการ์ดที่ 2 หรือการ์ดหน่วยความจำภายนอกแบบ microSD
- ถ้าใช้งานต่อเนื่องอาจมีการสะสมความร้อนที่ด้านหลังของตัวเครื่องได้ เช่น การเล่นเกม, การเปิดใช้งานกล้องถ่ายภาพเป็นเวลานาน หรือการใช้งานที่มีการประมวลผลค่อนข้างหนัก
- แบตเตอรี่เป็นแบบ Built-in Battery จึงไม่สามารถถอด หรือเปลี่ยนด้วยตนเองได้
- เนื่องจากการดีไซน์แบบ Metal-Glass อาจทำให้ตัวเครื่องมีความลื่นหลุดออกจากมือ และเป็นรอยนิ้วมือ หรือคราบเปื้อนได้ง่าย
โปรดทราบ
* โทรศัพท์มือถือที่ท่านเห็นในบทความรีวิวนี้เป็นเพียงเครื่องทดสอบจากทางศูนย์ เพราะฉะนั้นคุณสมบัติบางอย่างอาจมีความแตกต่างจากเครื่องที่วางจำหน่ายจริงบ้างไม่มากก็น้อย รวมถึงจุดด้อยบางประการที่พบในเครื่องทดสอบ อาจจะถูกแก้ไขปรับปรุงให้ดีขึ้นในเครื่องที่วางจำหน่ายจริง ดังนั้นหากท่านสนใจซื้อโทรศัพท์มือถือรุ่นนี้ ควรตรวจสอบหรือทดลองใช้งานสินค้าด้วยตนเองอีกครั้งหนึ่ง *
สรุปคุณสมบัติเครื่อง
ท่านสามารถตรวจสอบคุณสมบัติแบบสรุป (Specification) ของ Asus ZenFone 3 (ZE552KL) ได้โดยการคลิกที่ลิงก์ด้านล่างนี้
สรุปคุณสมบัติโดยละเอียดของ Asus ZenFone 3 (ZE552KL)
:: ไปหน้าแรกเว็บไซต์ Thaimobilecenter
| ไปหน้าแรก
Mobile Focus ::
|