รีวิว (Review) Aston Thunder 8 Selfie
สมาร์ทโฟนกล้องหน้าคู่รุ่นประหยัด เพื่อคอเซลฟี่ตัวจริง! ด้วยกล้องหน้าคู่ 8+5 ล้านพิกเซล พร้อมจอ IPS HD ใหญ่กำลังดีที่ 5.5 นิ้ว, ชิปเซ็ต MediaTek MT6737P, RAM 2GB, ROM 16GB, กล้องหลัง 13 ล้านพิกเซล, รองรับ 4G และแบตเตอรี่ 3000 mAh บนตัวเครื่อง Unibody ในราคาเพียง 3,990 บาท
Review
Date (13-ธันวาคม-2560)

สมาร์ทโฟนในกลุ่มราคาไม่เกิน 4,000 บาท ถือว่ากำลังได้รับความสนใจจากผู้ใช้งานพอสมควร เพราะผู้ใช้บางส่วนต้องการสมาร์ทโฟนที่มีราคาไม่สูงมากนัก แต่สามารถตอบโจทย์การใช้งานได้อย่างหลากหลาย พร้อมมีฟังก์ชันการทำงานจัดวางมาให้แบบครบครัน ซึ่งภายในวันนี้ทางทีมงานก็มีสมาร์ทโฟนในช่วงราคาไม่เกิน 4,000 บาท มาแนะนำให้ท่านผู้อ่านได้รู้จักกันอักหนึ่งรุ่น นั่นก็คือ Aston Thunder 8 Selfie สมาร์ทโฟนรุ่นใหม่ล่าสุดจากแบรนด์ผู้ผลิตจากประเทศไทย
สำหรับจุดขายของ Aston Thunder 8 Selfie นั้นมีอยู่ด้วยกันหลายจุด ไล่ตั้งแต่ หน้าจอแสดงผลแบบ IPS LCD ความละเอียด 1280x720 พิกเซล ขนาดใหญ่กำลังดีที่ 5.5 นิ้ว, เทคโนโลยีการผลิตตัวเครื่องเป็นชิ้นเดียวกันแบบ Unibody, รองรับการใช้งานพร้อมกันได้ 2 ซิมการ์ด, รองรับการเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตบนเครือข่าย 4G LTE และ 3G, กล้องดิจิทัลหน้าแบบคู่ (Dual-Camera)
ความละเอียด 8+5 ล้านพิกเซล ที่รองรับการถ่ายภาพแบบหน้าชัดหลังเบลอ (SLR) พร้อมไฟแฟลชแบบ LED, กล้องดิจิทัลด้านหลังความละเอียด 13 ล้านพิกเซล พร้อมไฟแฟลชแบบ LED และแบตเตอรี่ความจุ 3000mAh
ด้านคุณสมบัติภายใน แม้จะถูกจัดวางมาให้อยู่ในระดับเริ่มต้น แต่พร้อมตอบโจทย์การใช้งานรอบด้าน โดยมาพร้อมกับ ชิปเซ็ต 64-bit Quad-Core MT6737P ความเร็วในการประมวลผล 1.25GHz, พร้อมด้วยหน่วยประมวลผลกราฟิกแบบ Mali-T720, หน่วยความจำแรม (RAM) ขนาด 2 GB, หน่วยความจำภายใน (ROM) ขนาด 16 GB และขับเคลื่อนการทำงานด้วยระบบปฏิบัติการ Android OS เวอร์ชัน
7.0 Nougat
Aston Thunder 8 Selfie เปิดราคาวางจำหน่าย เอาไว้เพียง 3,990 บาทเท่านั้น ซึ่งจากข้อมูลทั้งหมดจะเห็นได้ว่า Aston Thunder 8 Selfie นั้นเป็นมือถืออีกหนึ่งรุ่นที่มีความน่าสนใจบนท้องตลาด ทั้งในเรื่องของการดีไซน์แบบ Unibody ที่หยิบจับได้ถนัดมือ พร้อมระบบกล้องคู่ (Dual-Camera) ที่ด้านหน้า เพื่อเอาใจคนรักการถ่ายภาพเซลฟี่โดยเฉพาะ ส่วนการใช้งานจริงจะเป็นอย่างไร, ดีไซน์ตัวเครื่องมีความสวยงามมากน้อยขนาดไหน, กล้องดิจิทัลทั้งด้านหน้า และด้านหลังจะถ่ายภาพได้คมชัดเพียงใด
รวมทั้งจะมีฟีเจอร์เด่นอะไรให้ได้ใช้งานกันบ้าง ขอเชิญทุกทม่านไปรับชมรีวิว Aston Thunder 8 Selfie กันได้เลยครับ
รูปลักษณ์ภายนอกตัวเครื่อง และการออกแบบดีไซน์

สำหรับ Aston Thunder 8 Selfie มาพร้อมกับแพ็กเพจสีเทา ซึ่งที่ด้านหน้ามีการประทับชื่อรุ่นเอาไว้แบบเด่นชัด

ด้านหลังของกล่อง มีการระบุจุดเด่นของ Aston Thunder 8 Selfie เอาไว้แบบครบถ้วน ไม่ว่าจะเป็น กล้องหน้าคู่ (Dual-Camera) ความละเอียด 8+5 ล้านพิกเซล พร้อมไฟแฟลชแบบ LED, กล้องหลังความละเอียด 13 ล้านพิกเซล พร้อมไฟแฟลชแบบ LED, หน่วยความจำแรม (RAM) ขนาด 2 GB, หน่วยความจำภายใน (ROM) ขนาด 16 GB, รองรับการใช้งานบนเครือข่าย 4G LTE, หน้าจอที่มีความคมชัดระดับ HD พร้อมเทคโนโลยี MiraVision และทำงานอยู่บนระบบปฏิบัติการ Android OS เวอร์ชัน 7.0 Nougat ตั้งแต่แกะกล่อง

ส่วนด้านล่างมีการระบุสีสันของตัวเครื่องเอาไว้ ซึ่งสีที่ทีมงานได้รับมารีวิวในวันนี้ นั่นก็คือ สีแดง (Red)

Aston Thunder 8 Selfie มาพร้อมกับหน้าจอแสดงผลแบบ IPS LCD ความละเอียด 1280x720 พิกเซล ขนาด 5.5 นิ้ว โดยมีขนาดของตัวเครื่องอยู่ที่ 158x77x8 มม. น้ำหนักรวม 180 กรัม

ด้านหน้าส่วนบนประกอบไปด้วย ไฟแฟลชแบบ LED, ไฟแสดงสถานะแบบ LED, กล้องดิจิทัลแบบคู่ (Dual-Camera) ความละเอียด 8+5 ล้านพิกเซล, ลำโพงสำหรับฟังขณะสนทนา, ระบบ Accelerometer Sensor สำหรับหมุนหรือปรับเปลี่ยนทิศทางหารแสดงผลของหน้าจอแบบอัตโนมัติ ตามลักษณะการจับถือของผู้ใช้ และระบบ Proximity Sensor สำหรับการเปิดหน้าจอแบบอัตโนมัติ เพื่อประหยัดพลังงาน

ด้านหน้าส่วนล่างมีปุ่มการสั่งงานแบบ On Screen ซึ่งประกอบไปด้วย ปุ่มย้อนกลับ, ปุ่มโฮม และปุ่ม Recent Apps ถัดลงมาเป็นปุ่มโฮมแบบ Physical

ด้านบนของตัวเครื่องมีช่องเชื่อมต่อหูฟังมาตรฐานขนาด 3.5 มิลลิเมตร

ด้านล่างของตัวเครื่อง ประกอบไปด้วย ไมโครโฟน, ช่องเชื่อมต่อบแบ microUSB สำหรับชาร์จแบตเตอรี่ หรือโอนถ่ายข้อมูล และลำโพงเสียงภายนอก

ด้านซ้ายของตัวเครื่องมีปุ่มเพิ่ม-ลด ระดับเสียง และปุ่มเปิด-ปิด เครื่อง หรือล็อกหน้าจอ


ด้านขวาของตัวเครื่องมีถาดใส่ซิมการ์ดแบบ Hybrid Slot ซึ่งรอบรับการใช้งานได้พร้อมกัน 2 ซิมการ์ด (microSIM + nanoSIM) ซึ่งในช่องที่สองผู้ใช้จะต้องเลือกใช้งานระหว่างซิมการ์ดที่ 2 หรือ้พิ่มหน่วยความจำภายนอกแบบ microSD Card


ด้านหลังของตัวเครื่องมีกล้องดิจิทัลความละเอียด 13 ล้านพิกเซล พร้อมไฟแฟลชแบบ LED ซึ่งบอดี้ของ Aston Thunder 8 Selfie นั้น จะถูกผลิตด้วยเทคโนโลยีแบบ Unibody ด้วยวัสดุที่ถูกขึ้นรูปเป็นชิ้นเดียวกัน นอกจากนี้ภายในตัวเครื่องยังมาพร้อมกับแบตเตอรี่ขนาด 3000 mAh

สำหรับอุปกรณ์ภายในกล่องก็มีมาให้ใช้งานอย่างครบครัน เริ่มตั้งแต่ เคสใส, ใบรับประกัน, คู่มือการใช้งาน, เข็มจิ้มถาดซิมการ์ด, ฟิล์มกันรอย, ฟิล์มกระจกกันรอย, อะแดปเตอร์, สายเชื่อมต่อแบบ microUSB สำหรับโอนถ่ายข้อมูล หรือชาร์จแบตเตอรี่ และหูฟังแบบมาตรฐานขนาด 3.5 มิลลิเมตร

ภาพตัวอย่างการสวมใส่เคสใสที่แถมมาให้ภายในกล่อง
เปิดเครื่อง พร้อมทดสอบการใช้งานด้านซอฟต์แวร์
 
Aston Thunder 8 Selfie ขับเคลื่อนการทำงานด้วยระบบปฏิบัติการ Android OS เวอร์ชัน 7.0 Nougat รองรับการใช้งานพร้อมกันได้ 2 ซิมการ์ด พร้อมรองรับการเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตผ่านทั้งระบบ 4G LTE และ 3G
 
มาพร้อมกับหน่วยความจำภายใน (ROM) ขนาด 16 GB และหน่วยความจำแรม (RAM) ขนาด 2 GB
 
เมื่อลากนิ้วจากบนลงล่าง จะพบกับ Toggle Switch สำหรับเปิด-ปิด ฟังก์ชันการใช้งานได้หลากหลาย ซึ่งผู้ใช้สามารถปรับแต่งคีย์ลัดเองได้ ถัดลงมาคือ Notification Center ซึ่งเป็นหน้ารวมสำหรับแสดงการแจ้งเตือนต่างๆ
 
ด้านฟังก์ชันโทรศัพท์ถูกออกแบบมาให้ใช้งานได้ง่าย ด้วยแป้นตัวเลขขนาดใหญ่ มองเห็นได้ชัดเจน และสามารถเรียกดูรายชื่อผู้ติดต่อทั้งหมดได้

เมื่อกดปุ่ม Recent Apps จะพบกับแอปพลิเคชันที่เปิดใช้งานเอาไว้ ซึ่งผู้ใช้ปิดแอปพลิเคชันที่เปิดค้างเอาไว้ทั้งหมดได้อย่างง่ายดาย เพียงแค่แตะปุ่มไอคอนที่ด้านล่าง

Aston Thunder 8 Selfie มาพร้อมกับเทคโนโลยี MiraVision ที่ช่วยปรับหน้าจอให้แสดงผลได้อย่างเหมาะสมแก่การใช้งานที่สุด และยังช่วยถนอมสายตาอีกด้วย
 
ด้านเว็บเบราว์เซอร์พื้นฐานที่ติดตั้งมาให้ ก็สามารถตอบสนองต่อการใช้งานได้เป็นอย่างดี โดยแสดงเนื้อหา และรายละเอียดต่างๆ ภายในเว็บไซต์ได้อย่างครบถ้วน
 
ในส่วนของแอปพลิเคชันแกลอรี สามารถแสดงภาพถ่ายภายในตัวเครื่องได้ทั้งหมด 3 รูปแบบ ได้แก่ แสดงแยกอัลบั้ม, แสดงแยกตามสถานที่ และแสดงโดยเรียงตามเวลา

นอกจากนี้ Aston Thunder 8 Selfie ยังมาพร้อมกับฟังก์ชัน Intelligent Assist สำหรับเปิดใช้งานวิธีสั่งการตัวเครื่องในรูปแบบอื่นๆ เช่น การคว่ำหน้าจอโทรศัพท์เพื่อปิดเสียงเรียกเข้า หรือการรับสายเรียกเข้าอัตโนมัติ เพียงแค่ยกโทรศัพท์ขึ้นมาไว้ข้างหู

และยังสามารถปรับแต่งการจัดเรียงของปุ่มควบคุม On Screen ได้ด้วยตนเอง
 
Aston Thunder 8 Selfie มาพร้อมกับแอปพลิเคชันสำหรับฟังเพลง และเล่นไฟล์เสียง โดยผู้ใช้สามารถปรับอีควอไลเซอร์ได้หลากหลายรูปแบบ ไม่ว่าจะเป็น แดนซ์, โฟลค์, แจ๊ส, ป๊อป หรือร็อค
 
นอกจากนี้ ยังรองรับวิทยุ FM ภายในตัว ซึ่งผู้ใช้สามารถบันทึกเสียงเพื่อเก็บไว้ฟังในภายหลังได้

สามารถเล่นไฟล์วิดีโอที่ความละเอียดระดับ HD (720p) ได้อย่างลื่นไหล
 
ด้านประสิทธิภาพการทำงาน Aston Thunder 8 Selfie มาพร้อมกับชิปเซ็ต 64-bit Quad-Core MT6737P ความเร็วในการประมวลผล 1.25GHz, พร้อมด้วยหน่วยประมวลผลกราฟิกแบบ Mali-T720, หน่วยความจำแรม (RAM) ขนาด 2 GB, หน่วยความจำภายใน (ROM) ขนาด 16 GB และขับเคลื่อนการทำงานด้วยระบบปฏิบัติการ Android OS เวอร์ชัน 7.0 Nougat

แม้ว่า Aston Thunder 8 Selfie จะมีคุณสมบัติโดยรวมจัดอยู่ในขั้นพื้นฐาน แต่ก็สามารถตอบโจทย์การเล่นเกมกราฟิกแบบสามมิติได้อย่างลื่นไหล อย่างไรก็ดี ในบางช่วงจะปรากฏอาการหน่วงให้เห็นบ้างเล็กน้อย แต่โดยรวมแล้วถือว่าทำผลงานได้อย่างน่าประทับใจ

และเมื่อนำ Aston Thunder 8 Selfie ไปทเสอบประสิทธิภาพการทำงานโดยรวมด้วยแอปพลิเคชัน AnTuTu Benchmark พบว่า สามารถทำคะแนนได้อยู่ที่ประมาณ 30134 คะแนน

ส่วนระบบสัมผัสแบบ Multi-touch รองรับการสัมผัสพร้อมกันทั้งหมด 2 จุด
 
โดยผู้ใช้สามารถดาวน์โหลดแอปพลิเคชันอื่นๆ มาใช้งานได้ผ่าน Google Play Store
กล้องดิจิทัล การถ่ายภาพนิ่ง และภาพวิดีโอ
 
สำหรับหน้า UI กล้องถ่ายภาพของ Aston Thunder 8 Selfie นั้น ถูกออกแบบมาให้ใช้งานได้อย่างง่ายดาย ด้วยการจัดวางไอคอนฟังก์ชันต่างๆ ให้อยู่ในตำแหน่งที่มองเห็นได้อย่างชัดเจน และเลือกใช้งานได้อย่างทันที โดยมีโหมดถ่ายภาพให้เลือกทั้งหมด 4 รูปแบบ ได้แก่ โหมดถ่ายภาพปกติ, โหมดถ่ายภาพหน้าสวย, โหมดถ่ายภาพพาโนราม่า และโหมดถ่ายภาพหน้าชัดหลังเบลอ (SLR)

โดยผู้ใช้สามารถปรับแต่งการใช้งานเพิ่มเติมได้อีกหลายส่วน เริ่มตั้งแต่ การแท็กสถานที่บนภาพถ่าย, การใช้งานฟังก์ชันตรวจจับใบหน้าของผู้ถูกถ่าย, การเปิดใช้งานฟังก์ชัน ZSD (Zero Shutter Delay)

การตั้งเวลาเพื่อถ่ายภาพได้นานสูงสุด 10 วินาที
 
สามารถปรับค่าการชดเชยแสงได้ตั้งแต่ -3 ไปจนถึง +3 รวมทั้งยังสามารถปรับค่าสมดุลสีขาวได้อีกด้วย
 
การเปิดใช้งานฟังก์ชันป้องกันการกระพริบที่หน้าจอได้สูงสุดที่ 60Hz และปรับค่า ISO ได้สูงสุดที่ 1600
 
นอกจากนี้ ยังมีโหมดถ่ายภาพแบบสำเร็จรูปให้เลือกใช้งาน พร้อมทั้งสามารถตั้งค่าความละเอียดของภาพถ่ายได้สูงสุด 13 ล้านพิกเซล
 
ส่วนทางด้านโหมดถ่ายวิดีโอนั้น ผู้ใช้สามารถตั้งค่าการใช้งานเพิ่มเติมได้อีกหลายส่วนเช่นเดียวกัน ไม่ว่าจะเป็น การเปิดใช้งานระบบลดเสียงรบกวน, ระบบป้องกันภาพสั่นไหวแบบ EIS (Electronic Image Stabilization), ไมโครโฟน, สามารถตั้งเวลาได้นานสูงสุด 10 วินาที โดย Aston Thunder 8 Selfie รองรับการบันทึกภาพวิดีโอที่ความละเอียดสูงสุดระดับ HD (720p)
 
ทางด้านโหมดถ่ายวิดิโอก็สามารถปรับแต่งค่าเพิ่มเติมได้เช่นกัน ไม่ว่าจะเป็น ระบบป้องกันภาพสั่นไหวแบบ EIS (Electronics Image Stabilization), ไมโครโฟน, โหมดเสียง, การตั้งเวลาได้นานสูงสุด 10 วินาที และสามารถเลือกคุณภาพของไฟล์วิดีโอได้สูงสุดที่ความละเอียดระดับ HD (720p)
 
ส่วนกล้องหน้าที่เป็นฟังก์ชันชูโรงของรุ่นนี้ ก็มีหน้า UI ที่ใช้งานได้ง่ายเช่นเดียวกัน พร้อมทั้งแสดงไอคอนฟังก์ชันต่างๆ ให้เลือกใช้งานเอาไว้อย่างเด่นชัด เช่น การเปิดโหมดถ่ายภาพปกติ, โหมดถ่ายภาพหน้าสวย และโหมดถ่ายภาพหน้าชัดหลังเบลอ (SLR)
 
โดยผู้ใช้สามารถปรับแต่งค่าเพิ่มเติมได้เช่นเดียวกับกล้องหลัง เริ่มตั้งแต่ การแท็กสถานที่บนภาพถ่าย, การตั้งค่าเวลาถ่ายภาพได้สูงสุด 10 วินาที
 
สามารถปรับค่าการชดเชยแสงได้ตั้งแต่ -3 ไปจนถึง +3 พร้อมโหมดถ่ายภาพแบบสำเร็จรูปให้เลือกใช้งาน
 
และยังสามารถเปิดใช้งานฟังก์ชันป้องกันการกระพริบที่หน้าจอได้สูงสุด 60Hz ส่วนความละเอียดของภาพถ่าย สามารถตั้งค่าได้สูงสุดที่ความละเอียด 8 ล้านพิกเซล
 
ในส่วนของโหมดถ่ายภาพวิดีโอ สามารถปรับค่าการใช้งานเพิ่มเติมได้หลายรูปแบบ ไม่ว่าจะเป็น ไมโครโฟน, โหมดเสียง, การตั้งเวลาได้สูงสุดที่ 10 วินาที, การเปิดใช้งานระบบป้องกันภาพสั่นไหวแบบ EIS (Electronics Image Stabilization) และสามารถเลือกคุณภาพของภาพถ่ายได้สูงสุดที่ความละเอียดระดับ SD (480p)
ตัวอย่างภาพถ่ายจากกล้องดิจิทัลตัวหลักที่ด้านหลังของตัวเครื่อง ความละเอียดระดับ 13 ล้านพิกเซล ของ Aston Thunder 8 Selfie
ตัวอย่างภาพที่ถ่ายด้วยโหมดถ่ายภาพปกติ
ตัวอย่างภาพที่ถ่ายด้วยโหมดถ่ายภาพปกติ

ตัวอย่างภาพที่ถ่ายด้วยโหมดถ่ายภาพปกติ

ตัวอย่างภาพที่ถ่ายด้วยโหมดถ่ายภาพปกติ
ตัวอย่างภาพถ่ายจากกล้องดิจิทัลด้านหน้าของตัวเครื่อง ความละเอียด 8+5 ล้านพิกเซล ของ Aston Thunder 8 Selfie
 
ตัวอย่างภาพที่ถ่ายด้วยโหมดถ่ายภาพปกติ
 
ตัวอย่างภาพที่ถ่ายด้วยโหมดถ่ายภาพหน้าสวย พร้อมปรับค่าที่ระดับกลาง
 
ตัวอย่างภาพที่ถ่ายด้วยโหมดถ่ายภาพหน้าสวย พร้อมปรับค่าระดับระดับสูงสุด

ตัวอย่างภาพที่ถ่ายด้วยโหมดถ่ายภาพหน้าชัดหลังเบลอ (SLR) พร้อมปรับระดับการเบลอที่ระดับกลาง

ตัวอย่างภาพที่ถ่ายด้วยโหมดถ่ายภาพหน้าชัดหลังเบลอ (SLR) พร้อมปรับระดับการเบลอที่ระดับสูงสุด
สรุปผลการทดสอบของ Aston Thunder 8 Selfie

จบลงไปเป็นที่เรียบร้อยแล้วนะครับ สำหรับการรีวิวสมาร์ทโฟนรุ่นล่าสุดอย่าง Aston Thunder 8 Selfie ซึ่งก็ถือว่าเป็นอีกหนึ่งสมาร์ทโฟนราคาประกยัดที่มีความน่าสนใจรุ่นหนึ่งเลยทีเดียว ไม่ว่าจะเป็น การออกแบบดีไซน์แบบ Unibody ที่ช่วยให้ตัวเครื่องดูมีความสวยงามเรียบหรู, หน้าจอแสดงผลขนาดเต็มตา และคุณสมบัติที่พร้อมตอบโจทย์การใช้งานแบบรอบด้าน
สำหรับจุดขายสำคัญของ Aston Thunder 8 Selfie คงหนีไม่พ้นการเลือกใช้งานระบบกล้องดิจิทัลด้านหน้าแบบคู่ (Dual-Camera) ความละเอียด 8+5 ล้านพิกเซล พร้อมไฟแฟลชแบบ LED ที่สามารถถ่ายภาพได้อย่างคมชัด และมีสีสันที่สดใส พร้อมลูกเล่นการถ่ายภาพให้เลือกใช้อีกมากมาย นอกจากนี้ ยังรองรับการถ่ายภาพเซลพี่แบบหน้าชัดหลังเบลอ (SLR) ซึ่งผู้ใช้สามารถปรับระดับความเบลอได้ตามอิสระ แต่อย่างไรก็ดี การตัดขอบของตัวแบบอาจจะยังดูไม่เนียนตาเท่าที่ควร
สำหรับคุณสมบัติด้านอื่นๆ ก็จัดวางมาให้แบบครบครัน พร้อมตอบโจทย์ทุกการใช้งาน เริ่มตั้งแต่ หน้าจอแสดงผลแบบ IPS LCD ความละเอียด 1280x720 พิกเซล ขนาด 5.5 นิ้ว พร้อมเทคโนโลยี MiraVision สำหรับช่วยปรับการแสดงผลให้เหมาะสมต่อการใช้งานมากที่สุด และช่วยถนอมสายตาได้, พร้อมด้วยชิปเซ็ต 64-bit Quad-Core MT6737P ความเร็วในการประมวลผล 1.25GHz, หน่วยประมวลผลกราฟิกแบบ Mali-T720,
หน่วยความจำแรม (RAM) ขนาด 2 GB, หน่วยความจำภายในความจุ 16 GB, รองรับการใช้งานไดเพร้อมกัน 2 ซิมการ์ด, รองรับการเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตผ่านระบบ 4G LTE และ 3G, แบตเตอรี่ขนาด 3000 mAh และขับเคลื่อนการทำงานด้วยระบบปฏิบัติการ Android OS เวอร์ชัน 7.0 Nougat และจากที่ทดสอบเล่นไฟล์วิดีโอความละเอียดสูงระดับ HD (720p) และจากการทดสอบเล่นเกมกราฟิกสามมิติ ก็พบว่า Aston Thunder
8 Selfie ตอบสนองการใช้งานได้อย่างลื่นไหล แม้ว่าในบางครั้งอาจปรากฏอาการหน่วงให้เห็นบ้างเล็กน้อย แต่ก็ไม่มีผลต่อการใช้งานแต่อย่างใด
และจากการทั้งสอบทั้งหมดก็พอจะสรุปได้ว่า Aston Thunder 8 Selfie เหมาะสำหรับผู้ที่มองหามือถือที่มีจุดเด่นด้านกล้องหน้าเซลฟี่ พร้อมคุณสมบัติแบบครบครันรอบด้าน ในงบประมาณที่ไม่เกิน 4,000 บาท ซึ่งถือว่ามือถือรุ่นดังกล่าวสามารถตอบโจทย์ได้เป็นอย่างดี
สำหรับ Aston Thunder 8 Selfie เปิดราคาวางจำหน่ายเอาไว้เพียง 3,990 บาท มีให้เลือกทั้งหมด 2 เฉดสี ได้แก่ สีแดง และสีทอง โดยจะเริ่มวางจำหน่ายผ่านช่องทางเว็บไซต์ Lazada และเว็บไซต์อย่างเป็นทางการของ Aston
ตั้งแต่วันที่ 1 ธ.ค. 2560 เป็นต้นไป ซึ่งสุดท้ายนี้ต้องขอขอบคุณทาง Aston ประเทศไทย ที่ไว้วางใจส่งเครื่อง Aston Thunder 8 Selfie มาให้ทางทีมงานได้รีวิวให้ท่านผู้อ่านได้รับชมกัน สำหรับวันนี้ทางทีมงานต้องขอตัวลาไปก่อน แล้วพบกันใหม่ในโอกาสหน้า สวัสดีครับ
จุดเด่นของ Aston Thunder 8 Selfie
- เทคโนโลยีการผลิตตัวเครื่องเป็นชิ้นเดียวกันแบบ Unibody
- จอแสดงผลแบบ IPS LCD Capacitive Touchscreen 16,700,000 สี ความละเอียด 1280x720 พิกเซล ขนสด 5.5 นิ้ว พร้อมเทคโนโลยี MiraVision
- ประมวลผลการทำงานด้วยชิปเซ็ต 64-bit Quad-Core MT6737P ความเร็วในการประมวลผล 1.25GHz
- หน่วยประมวลผลภาพกราฟิกโดยเฉพาะ (Graphic Processing Unit : GPU) แบบ Mali-T720
- หน่วยความจำแรม (RAM) ขนาด 2 GB
- หน่วยความจำภายในสำหรับบันทึกข้อมูล (ROM) ขนาด 16 GB พร้อมรองรับการเพิ่มหน่วยความจำภายนอกแบบ microSD Card ได้สูงสุด 128 GB
- ขับเคลื่อนการทำงานด้วยระบบปฏิบัติการ Android OS เวอร์ชัน 7.0 Nougat
- กล้องดิจิทัลด้านหน้าแบบคู่ (Dual-Camera) ความละเอียด 8+5 ล้านพิกเซล พร้อมไฟแฟลชแบบ LED, รองรับการถ่ายภาพในโหมดหน้าสวย และการถ่ายภาพแบบหน้าชัดหลังเบลอ (SLR)
- กล้องดิจิทัลด้านหลังความละเอียด 13 ล้านพิกเซล พร้อมไฟแฟลชแบบ LED รองรับการถ่ายภาพวิดีโอที่ความละเอียดสูงสุดระดับ HD (720p)
- รองรับการใช้งานแบบ 2 ซิมการ์ด (Dual SIM)
- รองรับการเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตผ่านระบบ 4G LTE และ 3G
- แบตเตอรี่แบบ Li-Ion Polymer ขนาด 3000 mAh
- ราคาเพียง 3,990 บาท ซึ่งเป็นราคาที่คุ้มค่าเมื่อเทียบกับคุณสมบัติโดยรวม
จุดที่อาจจะต้องพิจารณาเพิ่มเติมของ Aston Thunder 8 Selfie
- การเบลอฉากหลังด้วยกล้องหน้าแบบคู่ ยังดูไม่เนียนตาเท่าที่ควร
- หน้าจอแสดงผลยังไม่ใช่ความละเอียดระดับ Full HD
- เนื่องจากตัวเครื่องเป็นแบบไม่มีฝาหลัง จึงไม่สามารถถอด หรือเปลี่ยนแบตเตอรี่ด้วยตนเองได้
- ถาดใส่ซิมการ์ดเป็นแบบ Hybrid Slot ซึ่งไม่สามารถใส่ซิมการ์ดที่สอง กับการ์ดหน่วยความจำแบบ microSD พร้อมกันได้
- ในช่วงแรกยังไม่หาซื้อได้ตามร้านค้าตัวแทนจำหน่ายทั่วไปได้ ต้องซื้อผ่านเว็บไซต์ Lazada เท่านั้น
โปรดทราบ
* โทรศัพท์มือถือที่ท่านเห็นในบทความรีวิวนี้เป็นเพียงเครื่องทดสอบจากทางศูนย์ เพราะฉะนั้นคุณสมบัติบางอย่างอาจมีความแตกต่างจากเครื่องที่วางจำหน่ายจริงบ้างไม่มากก็น้อย รวมถึงจุดด้อยบางประการที่พบในเครื่องทดสอบ อาจจะถูกแก้ไขปรับปรุงให้ดีขึ้นในเครื่องที่วางจำหน่ายจริง ดังนั้นหากท่านสนใจซื้อโทรศัพท์มือถือรุ่นนี้ ควรตรวจสอบหรือทดลองใช้งานสินค้าด้วยตนเองอีกครั้งหนึ่ง *
:: ไปหน้าแรกเว็บไซต์ Thaimobilecenter | ไปหน้าแรก
Mobile Focus :: |