รีวิว (Review) Huawei Y5 2019

Hauwei Y5 2019 มาพร้อมหน้าจอไร้ขอบแบบ IPS Dewdrop Display ขนาด 5.71 นิ้ว ในอัตราส่วน 19:9 ความละเอียดระดับ HD+ (720x1520 พิกเซล : 296 ppi) บนตัวเครื่องขนาดกะทัดรัดที่ 147.13x70.78x8.45 มิลลิเมตร และมีน้ำหนัก 146 กรัม

ด้านบนของหน้าจอมีการเว้นพื้นที่หน้าจอแสดงผล ตรงกลางไว้ หรือ Notch สำหรับกล้องหน้าความละเอียด 5 ล้านพิกเซล ที่มีขนาดรูรับแสงกว้างสูงสุดที่ F/2.0 และรองรับเซ็นเซอร์ต่างๆ ได้แก่ Ambient Light สำหรับตรวจวัดระดับความสว่างของสภาพแวดล้อม เพื่อปรับความสว่างของหน้าจอและแผงปุ่มกดให้เหมาะสม และ Proximity สำหรับการปิดหน้าจอแบบอัตโนมัติขณะสนทนา เพื่อประหยัดพลังงาน สำหรับลำโพงสนทนาจะอยู่เหนือกล้องหน้าขึ้นไป

และสำหรับท่านต้องการปิด Notch ก็สามารถทำได้ โดยเลือกเปลี่ยนการแสดงของ Notch ที่เมนูตั้งค่าในตัวเครื่อง ซึ่งตัวระบบจะทำการเปลี่ยนแถบด้านบนเป็นสีดำให้กลมกลืนไปกับ Notch แทน

Huawei Y5 2019 ยังรองรับการปลดล็อกด้วยใบหน้า (Face Recognition) อีกด้วย

ด้านล่างของหน้าจอมีเพียงโลโก้ Huawei พร้อมใช้ปุ่มควบคุมแบบสัมผัสบนหน้าจอ (Three-Key Navigation) ประกอบไปด้วยปุ่มย้อนกลับ, ปุ่ม Home และปุ่ม Recent Apps

รวมทั้งผู้ใช้ยังสามารถเปลี่ยนไปใช้งานวิธีควบ คุมแบบ Gestures ซึ่งเป็นการลาก และปัดบริเวณขอบหน้าจอเพื่อสั่งการได้ด้วย

ด้านซ้ายของตัวเครื่องมีถาดใส่ซิมการ์ด nanoSIM ได้ทั้งสองช่องแบบ Triple-Slot ซึ่งรองรับการใช้งาน 2 ซิมการ์ด และการ์ดหน่วยความจำภายนอกแบบ microSD ที่ความจุสูงสุด 256GB ได้ในเวลาเดียวกัน

ด้านขวาของตัวเครื่อง มีปุ่มปรับระดับเสียง และปุ่มเปิด-ปิดเครื่อง หรือล็อกหน้าจอ

ด้านบนของตัวเครื่องมีไมโครโฟนตัวที่สองสำหรับ ตัดเสียงรบกวน และช่องเชื่อมต่อหูฟังขนาด 3.5 มิลลิเมตร

ที่ด้านล่างของตัวเครื่องประกอบไปด้วย ลำโพงเสียงตัวหลัก, พอร์ตเชื่อมต่อแบบ microUSB และไมโครโฟนสำหรับการสนทนา หรือบันทึกเสียง

ด้านหลังของตัวเครื่องผลิตจากหนังสังเคราะห์แบบ Faux Leather ที่ให้สัมผัสนุ่มมือ และจับถือได้สะดวก

กล้องถ่ายภาพตัวหลักที่ด้านหลังของ Huawei Y5 2019 ความละเอียด 13 ล้านพิกเซล มีขนาดรูรับแสง f/1.8 พร้อมรองรับฟังก์ชันการถ่ายภาพ HDR, โหมดหน้าสวย Beauty และโหมด Pro ที่สามารถปรับตั้งค่าได้เองทั้งการวัดแสง, ความไวแสง, ความเร็วชัตเตอร์, ค่าชดเชยแสง, ระยะโฟกัส และสมดุลสีขาว

Huawei Y5 2019 ขับเคลื่อนการทำงานด้วยระบบปฏิบัติการ Android เวอร์ชัน 9.0 Pie ที่ถูกครอบทับด้วย EMUI 9.0 และรองรับการใช้งานได้พร้อมกัน 2 ซิมการ์ด พร้อมการใช้งานบนเครือข่าย 4G LTE ได้พร้อมกัน 2 ซิมการ์ดแบบ Dual 4G

มีหน่วยความจำภายใน (ROM) ขนาด 32GB ที่สามารถเพิ่มหน่วยความจำภายนอกแบบ microSD Card ได้อีก 512GB และหน่วยความแรม (RAM) ขนาด 2GB

แอปพลิเคชัน Phone Manager จะช่วยในเรื่องการจัดการข้อมูลต่างๆ ด้วยการ Cleanup ข้อมูลที่ไม่จำเป็น เพื่อเพิ่มพื้นที่หน่วยความจำ หรือลดการสิ้นเปลืองแบตเตอรี่ เพื่อให้ตัวเครื่องใช้งานได้เต็มประสิทธิภาพที่สุด

เมื่อกดค้างที่หน้าจอจะเป็นการเข้าสู่เมนูการ ปรับแต่งหน้าจอ โดยผู้ใช้สามารถปรับแต่ง Themes และ Wallpaper ของตัวเครื่องได้อย่างอิสระ พร้อมเลือกใช้งาน Widget ที่ต้องการได้เช่นเดียวกัน

และผู้ใช้สามารถปรับแต่ง Wallpaper และ Theme ได้อย่างอิสระ ผ่านทางแอปพลิเคชัน Theme

เมื่อลากจากขอบด้านบนของหน้าจอลงมาก็จะมี ฟังก์ชันการแจ้งเตือนให้ใช้งาน และมีปุ่มทางลัดสำหรับการเปิด-ปิดฟังก์ชันต่างๆ มากมาย เช่น การใช้งานอินเทอร์เน็ต หรือการหมุนหน้าจออัตโนมัติ

นอกจากนี้ผู้ใช้ยังสามารถปรับแต่งตำแหน่งของ คีย์ลัดเองได้ด้วย

สำหรับบริการต่างๆ จากทาง Google ก็มีให้ใช้งานอย่างครบครัน

พร้อมแอปพลิเคชันพื้นฐานก็มีการติดตั้งมาไว้ให้ ได้ใช้งานอย่างครบครัน ไม่ว่าจะเป็น รายชื่อผู้ติดต่อ, สภาพอากาศ, เครื่องคิดเลข, การบันทึกเสียง, วิทยุ FM, ไฟฉาย, Backup, Phone Clone และการดาวน์โหลด

รวมถึงแอปพลิเคชันยอดนิยมก็มีการติดตั้งมาไว้ ให้ได้ใช้งานกันด้วย

Huawei Y5 2019 สามารถปรับตั้งค่าการแสดงผลของหน้าจอได้อย่างหลากหลาย ได้แก่ การปรับความสว่างแบบอัตโนมัติ พร้อมการปรับอุณหภูมิสีของหน้าจอที่เลือกระดับได้ตามที่ต้องการ

และสามารถเปิดใช้งานโหมดถนอมสายตา (Eye Comfort) ด้วยการลดแสงสีฟ้า สำหรับใช้งานในสภาวะแสงน้อย และด้วยดีไซน์ของ Huawei Y5 2019 ที่เป็นแบบ Dewdrop Display ในอัตราส่วน 19:9 จึงส่งผลให้บางแอปพลิเคชันสามารถแสดงผลในสัดส่วนแบบเต็มหน้าจอได้ด้วย

นอกจากนี้ยังรองรับโหมดการใช้งานแบบ Simple Mode เพื่อช่วยอำนวยความสะดวกในการใช้งานสำหรับผู้สูงอายุ

สำหรับท่านที่ต้องการปิด Notch ก็สามารถทำได้ โดยเลือกเปลี่ยนการแสดงของ Notch ที่เมนูตั้งค่าในตัวเครื่อง ซึ่งตัวระบบจะทำการเปลี่ยนแถบด้านบนเป็นสีดำให้กลมกลืนไปกับ Notch แทน

สามารถเลือกใช้งานหน้าจอได้ทั้งในโหมดปกติ หรือแบบ Drawer ที่เมนู Home Screen Style

สามารถสลับตำแหน่งของ System Navigation แบบ Three-Key Navigation ให้เหมาะกับการใช้งานของผู้ใช้แต่ละคนได้อีกด้วย

และบน Huawei Y5 2019 สามารถเลือกใช้งานการควบคุมแบบ Gestures ในการปัดหน้าจอขึ้นลักษณะต่างๆ เพื่อสั่งการ ทั้งหมด 4 แบบ ได้แก่ ปัดนิ้วจากด้านซ้าย หรือขวาของหน้าจอเพื่อกดย้อนกลับ (Back), ปัดนิ้วขึ้นจากขอบล่างหน้าจอเพื่อเข้าสู่หน้าหลัก (Home), ปัดหน้าจอจากขอบล่างหน้าจอ แล้วกดข้างไว้เพื่อเข้าสู่หน้า Recent Tasks และเข้าใช้งาน Google Assistant ได้ด้วยการปัดขึ้นจากมุมล่างของหน้าจอ

Huawei Y5 2019 มาพร้อมแบตเตอรี่ความจุ 3020 mAh พร้อมพร้อมระบบจัดการพลังงาน ที่ช่วยให้ใช้งานได้นานยิ่งขึ้น รวมถึง Ultra Saving Mode กับโหมดการประหยัดพลังงานขั้นสุด และโหมดเร่งประสิทธิภาพ การประมวลผลอย่าง Performance Mode

รองรับฟังก์ชัน Do Not Disturb สำหรับปิดการแจ้งเตือนทั้งหมดแบบไม่มีการสั่นเตือน ยกเว้นการตั้งปลุกที่ผู้ใช้ตั้งค่าเอาไว้ โดยจะมีสัญลักษณ์รูปพระจันทร์ที่ด้านบนเมื่อเปิดการใช้งาน

Huawei Y5 2019 ยังมี Motion Control สำหรับการใช้งานพื้นฐาน รองรับการสั่งงานด้วยท่าทางได้ ได้แก่ การคว่ำหน้าจอลงเพื่อปิดเสียงสายเรียกเข้า หรือเสียงนาฬิกาปลุก

ยกตัวเครื่องขึ้นเพื่อเปิดหน้าจอ และแคปเจอร์หน้าจอได้เพียงลาก 3 นิ้ว จากด้านบนลงมาล่าง

Huawei Y5 2019 รองรับการปลดล็อกด้วยใบหน้า (Face Unlock) ที่สามารถปลดล็อกได้อย่างรวดเร็ว โดยสามารถลงทะเบียนได้เพียง 1 ใบหน้าเท่านั้น

สามารถตั้งค่าความเป็นส่วนตัวเพิ่มได้ด้วยฟี เจอร์ App Lock และ Safe โดยจะต้องตั้งรหัสผ่านในการเข้าใช้งาน

สำหรับข้อมูลในเครื่อง หรือไฟล์ต่างๆ ที่บันทึกไว้สามารถมาจัดการคัดลอก หรือย้ายโฟลเดอร์ได้ที่แอปพลิเคชัน Files

แอปพลิเคชัน Tips เป็นแหล่งรวบรวมเกร็ดเล็กเกร็ดน้อยในการใช้งาน เพื่อให้ผู้ใช้ทราบถึงวิธีการ หรือเคล็ดลับบางอย่าง

นอกจากนี้ Huawei Y5 2019 ยังมาพร้อมแอปพลิเคชัน HiCare ที่รวบรวมข้อมูลบริการหลังการขาย, การใช้งาน และวิธีแก้ปัญหาเบื้องต้นไว้อย่างครบถ้วน

ท่านที่ใช้งาน Huawei Y5 2019 เป็นสมาร์ทโฟนเครื่องใหม่แล้วอยากย้ายข้อมูลจากสมาร์ทโฟนเครื่องเดิม ก็สามารถโอนย้ายข้อมูลด้วยแอปพลิเคชัน Phone Clone ได้ทันที

Huawei Y5 2019 มาพร้อมกับระบบเสียง Huawei Histen

ทางด้านอัลบั้มภาพถ่ายนั้นสามารถแสดงภาพถ่ายได้ หลักๆ 2 แบบ คือ แสดงแบบแยกอัลบั้ม กับแบบรวมภาพถ่ายทั้งหมด

ในส่วนของเว็บเบราว์เซอร์ก็ตอบสนองต่อการใช้งาน ได้ดี ไหลลื่น และสามารถแสดงเนื้อหาทั้งหมดได้อย่างถูกต้องครบถ้วน

สำหรับเซ็นเซอร์ในเครื่องนั้นประกอบด้วย Accelerometer Sensor, Light Sensor, Proximity Sensor และ Sound Sensor

สามารถจับสัญญาณดาวเทียม GPS ในที่กลางแจ้งได้ดี พร้อมรองรับระบบดาวเทียม GLONASS ของรัสเซีย โดยจากภาพตัวอย่างการทดสอบข้างต้นจะเห็นว่าสามารถจับสัญญาณดาวเทียมได้ทั้งหมด 47 ดวง และมีความแม่นยำในระดับบวกลบ 2 เมตร แต่อย่างไรก็ดีคุณภาพของสัญญาณดาวเทียม GPS ก็ขึ้นอยู่กับพื้นที่ ที่กำลังใช้งานอยู่ หรือสภาพอากาศด้วย

Huawei Y5 2019 มาพร้อมชิปเซ็ตประมวลผล MediaTek MT6761 Helio A22 แบบ 4-แกน (Quad-Core) ที่มีความเร็วในการประมวลผลสูงสุดที่ 2.0 GHz พร้อมหน่วยประมวลผลด้านกราฟิก (GPU) แบบ IMG PowerVR, หน่วยความจำแรม (RAM) ขนาด 2GB, หน่วยความจำภายใน (ROM) ขนาด 32GB ที่สามารถเพิ่มหน่วยความจำภายนอกแบบ microSD Card ได้อีก 512GB และทำงานอยู่บนระบบปฏิบัติการ Android 9.0 Pie พร้อมครอบทับด้วย EMUI 9.0

Huawei Y5 2019 มีผลทดสอบจากแอปพลิเคชัน AnTuTu Benchmark ที่ 65,344 คะแนน และผลทดสอบจาก Geekbench 4 ในด้านการประมวลผลแบบแกนเดี่ยว (Single-Core) ที่ 840 คะแนน และในด้านการประมวลผลหลายแกน (Multi-Core) ที่ 2,483 คะแนน

สำหรับการทดสอบด้วยแอปพลิเคชัน 3D Mark แบบ OpenGL ES 3.1 ได้คะแนนการทดสอบที่ 272 คะแนน ส่วนการทดสอบแบบ Vulkan ได้คะแนนการทดสอบที่ 264 คะแนน

Huawei Y5 2019 รองรับการสัมผัสได้พร้อมกันสูงสุด 10 จุด

Huawei Y5 2019 ยังมาพร้อมกับฟังก์ชันสำหรับเกมเมอร์อย่าง AppAssistant ที่ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการประมวลผล และบล็อกการแจ้งเตือนต่างๆ ขณะเล่นเกม

จากการทดสอบด้วยการเล่นเกมอย่าง ROV และ Dragon Nest M ก็พบว่า Huawei Y5 2019 นั้นสามารถตอบสนองต่อการใช้งานได้อย่างไหลลื่น แต่ก็มีอาการหน่วง และกระตุก รวมถึงการสะสมความร้อนให้ได้เห็นบ้าง เมื่อใช้งานติดต่อกันเป็นเวลานาน

Huawei Y5 2019 มาพร้อมกับหน้าจอแสดงผลขนาด 5.71 นิ้ว ความละเอียดระดับ HD+ และมีอัตราส่วนแบบ 19:9 จึงสามารถเปิดเล่นไฟล์วิดีโอความละเอียดระดับ HD 720p ได้อย่างคมชัด และให้มุมมองที่กว้างเต็มตาเป็นพิเศษ

Huawei Y5 2019 มาพร้อมกล้องตัวหลักที่ด้านหลังความละเอียด 13 ล้านพิกเซล มีขนาดรูรับแสงกว้างสูงสุดที่ f/1.8 โดย Interface ของแอปพลิเคชันกล้องมีการดีไซน์สบายตา และมีเมนูให้ได้เลือกใช้อย่างชัดเจน สามารถเปิดใช้งานฟังก์ชันต่างๆ ได้อย่างง่ายดาย 

สามารถตั้งค่าการใช้งานด้านอื่นๆได้ และรองรับการถ่ายภาพคมชัดสูงสุดที่ 13 ล้านพิกเซล

และในโหมด Beauty สามารถปรับค่าผิวเนียน ได้ทั้งหมด 10 ระดับ

รองรับการถ่ายภาพมุมกว้างด้วย Panorama พร้อม HDR และ Pro

โดยในโหมด Pro บน Huawei Y5 2019 มาพร้อมกับรายละเอียดการตั้งค่าต่างๆ ที่ครบครัน และครอบคลุมสำหรับช่างภาพแทบทั้งหมด

การถ่ายวิดีโอบน Huawei Y5 2019 สามารถบันทึกความละเอียดสูงสุดที่ระดับ Full HD 1080p

ทางด้านกล้องดิจิทัลด้านหน้าก็มีหน้าตา Interface ที่สามารถใช้งานได้ง่ายเช่นเดียวกัน พร้อมทั้งแสดงไอคอนเอาไว้ให้ใช้งานได้ทันที

สามารถตั้งค่าการใช้งานด้านอื่นๆได้ และรองรับการถ่ายภาพคมชัดสูงสุดที่ 5 ล้านพิกเซล

ปรับค่าผิวเนียนในโหมด Beauty ได้ทั้งหมด 10 ระดับ

และสำหรับการถ่ายวิดีโอด้วยกล้องหน้าสามารถ บันทึกความละเอียดสูงสุดที่ระดับ Full HD 1080p

ภาพถ่ายจากโหมดปกติ

ภาพถ่ายจากโหมด Beauty ที่ระดับ 5

ภาพถ่ายจากโหมด Beauty ที่ระดับ 10

ภาพถ่ายจากโหมดปกติ ในเวลากลางคืน

ภาพถ่ายจากโหมดปกติ

ภาพถ่ายจากโหมด Beauty ที่ระดับ 5

ภาพถ่ายจากโหมด Beauty ที่ระดับ 10

จากการทดสอบทั้งหมดในข้างต้น ถือได้ว่า Huawei Y5 2019 เป็นสมาร์ทโฟนระดับเริ่มต้นอีกหนึ่งรุ่นที่น่าสนใจในช่วงนี้ เริ่มที่ดีไซน์ฝาหลังตัวเครื่องที่ผลิตจากหนังสังเคราะห์แบบ Faux Leather ที่ช่วยเพิ่มความสวยงามพรีเมียมให้กับตัวเครื่องได้เป็นอย่างดี และให้สัมผัสที่นุ่มมือ สามารถจับถือได้สะดวก (เฉพาะตัวเลือกสี Amber Brown และ Midnight Black) พร้อมกับหน้าจอไร้ขอบแบบ Dewdrop Display ขนาด 5.71 นิ้ว ในอัตราส่วน 19:9 กับความคมชัดที่ระดับ HD+ (720x1520 พิกเซล : 295 ppi) คิดเป็นพื้นที่การแสดงผล 84.6% ที่แสดงผลคอนเทนต์ต่างๆ ได้อย่างคมชัด และให้มุมมองที่กว้างเต็มตาเป็นพิเศษ

โดยทั้งหมดนี้ทำงานอยู่บนระบบปฏิบัติการ Android 9.0 Pie ที่ถูกครอบทับด้วย User Interface แบบ EMUI 9.0 และมีแบตเตอรี่ความจุ 3020 mAh พร้อมระบบจัดการพลังงานที่ช่วยให้ใช้งานได้นานยิ่งขึ้น รวมถึงฟังก์ชันสำหรับเกมเมอร์อย่าง AppAssistant ที่ช่วย เพิ่มประสิทธิภาพการประมวลผล และบล็อกการแจ้งเตือนต่างๆ ขณะเล่นเกม

นอกจากคุณสมบัติเด่นในข้างต้น Huawei Y5 2019 ยังรองรับฟีเจอร์ที่ช่วยอำนวยความสะดวกในด้านอื่นๆ อย่างครบครัน ไม่ว่าจะเป็น โหมดการแสดงผลแบบง่ายอย่าง Simple Mode เพื่อช่วยอำนวยความสะดวกในการใช้งานให้กับผู้สูงอายุ, การสแตนด์บายบนเครือข่าย 4G พร้อมกันทั้ง 2 ซิมการ์ดแบบ Dual 4G, สามารถโอนย้ายข้อมูลเดิมจากสมาร์ทโฟนเครื่องก่อนได้ด้วย Phone Clone รวมถึงฟีเจอร์ App Lock และ Safe ในการตั้งค่าความเป็น ส่วนตัวสำหรับแอปพลิเคชันที่ต้องการ