Samsung Galaxy S4 (Galaxy S IV) Video Review & Focus
(รีวิวทดสอบการใช้งาน Samsung Galaxy S4)
 

 

วิดีโอรีวิว (Video Review) Samsung Galaxy S4 (Galaxy S IV)
(รีวิวทดสอบการใช้งาน Samsung Galaxy S4)

 

 

 
TMC Point

  8.91

การออกแบบดีไซน์

  8.0

ใช้งานง่ายและสะดวก

  9.0

คุณสมบัติเครื่อง

  9.5

ฟังก์ชันการใช้งาน

 9.5

เสถียรภาพและประสิทธิภาพ

  9.5

ความคุ้มค่าต่อราคา

  8.0

 
   

Samsung Galaxy S4 (Galaxy S IV) Video Review
Life Companion : ให้มือถือเป็นทุกอย่างสำหรับคุณ
Review Date (9-May-2013)

สวัสดีท่านผู้ชมเว็บไซต์ไทยโมบายเซ็นเตอร์ทุกท่านครับ สำหรับโทรศัพท์มือถือที่เรานำมารีวิวให้ชมกันในวันนี้ก็ได้แก่ Samsung Galaxy S4 ซึ่งเป็น สมาร์ทโฟน ตัวเรือธงรุ่นล่าสุดประจำปีนี้ (ปี 2013) ของ ซัมซุง และแน่นอนว่า Galaxy S4 ก็จะมาพร้อมกับประสิทธิภาพในการประมวลผลที่ดียิ่งกว่าเดิม ด้วยชิปเซ็ต Exynos 5 Octa 5410 แต่สิ่งที่ทาง ซัมซุง ต้องการนำเสนอมากเป็นพิเศษ คือฟีเจอร์ใหม่ๆ ที่ใส่เพิ่มเข้ามาอย่างมากมาย เช่น Dual Camera, Sound and Shot, Drama Shot, Cinema Photo, Group Play, Story Album, S Translator, Air View, Air Gesture, Smart Scroll และ Smart Pause เป็นต้น เพื่อให้สมกับคอนเซ็ปต์ของ Galaxy S4 ที่ว่า Life Companion หรือให้ให้มือถือเป็นทุกอย่างสำหรับคุณนั่นเองครับ 


 

Samsung Galaxy S4 (Galaxy S IV) Video Review & Focus
 

 

วิดีโอรีวิว (Video Review) Samsung Galaxy S4 (Galaxy S IV)

เนื้อหา วิดีโอรีวิว Samsung Galaxy S4 (Galaxy S IV)

- แนะนำข้อมูลเบื้องต้นของ Samsung Galaxy S4
- รูปลักษณ์ภายนอก และการออกแบบดีไซน์
- องค์ประกอบภายนอกตัวเครื่อง
- การถอดเปลี่ยนฝาหลัง และอุปกรณ์ด้านใน
- เอฟเฟคแบบ Lens Flare Effect
- คุณสมบัติเบื้องต้นของ Samsung Galaxy S4
- ส่วนติดต่อผู้ใช้ (User Interface)
- การจัดการกับแอพพลิเคชั่นที่เปิดใช้งานล่าสุด
- แอพพลิเคชั่น Google Now
- ฟังก์ชัน Multi Window
- ทดสอบการใช้งานกล้องดิจิตอล
- โหมดการถ่ายภาพแบบ Dual Camera
- โหมดการถ่ายภาพแบบ Sound & Shot
- โหมดการถ่ายภาพแบบ Drama Shot
- โหมดการถ่ายภาพแบบ Animated Photo
- โหมดการถ่ายภาพแบบ Eraser
- แอพพลิเคชั่น Group Play
- แอพพลิเคชั่น Story Album
- แอพพลิเคชั่น S Translator
- ฟังก์ชัน Air View
- ฟังก์ชัน Air Gesture
- ฟังก์ชัน Smart Scroll
- ฟังก์ชัน Smart Pause
- ฟังก์ชัน Pop Up Play
- ฟังก์ชัน Chapter Preview
- ทดสอบคุณสมบัติ Touch Sensitivity
- แอพพลิเคชั่น S Health
- โปรแกรมเล่นไฟล์เพลง
- ฟังก์ชัน S Voice
- แอพพลิเคชั่น Optical Reader
- แอพพลิเคชั่น S Memo
- แอพพลิเคชั่นเว็บเบราเซอร์
- แอพพลิเคชั่น Sound Recorder
- การตั้งค่าใช้งานเครื่อง
- การค้นหา และดาวน์โหลดแอพพลิเคชั่นผ่านทาง Samsung Apps
- แอพพลิเคชั่น Samsung Hub
- แอพพลิเคชั่น Samsung Link
- แอพพลิเคชั่น Samsung WatchON
- แอพพลิเคชั่นสอนวิธีการใช้งานเครื่อง (Help)
- ทดสอบประสิทธิภาพในการรับสัญญาณดาวเทียมจีพีเอส (GPS)
- ทดสอบการสัมผัสที่หน้าจอพร้อมกันหลายจุด (Multi-touch)
- ทดสอบการเล่นเกม Real Racing 3 และ Eternity Warriors 2
- ทดสอบประสิทธิภาพของการทำงานโดยรวมด้วย AnTuTu Benchmark
- ทดสอบประสิทธิภาพของการทำงานโดยรวมด้วย Quadrant Standard
- ทดสอบประสิทธิภาพของการประมวลผลภาพกราฟฟิคด้วย 3DMark
- ทดสอบประสิทธิภาพของการประมวลผลภาพกราฟฟิคด้วย AnTuTu 3DRating Benchmark
- ทดสอบประสิทธิภาพของการประมวลผลภาพกราฟฟิคด้วย NenaMark2
- ทดสอบประสิทธิภาพของการประมวลผลภาพกราฟฟิคด้วย An3DBenchXL
- สรุปผลการทดสอบ Samsung Galaxy S4

 


เนื้อหา วิดีโอรีวิว (Video Review) Samsung Galaxy S4 (Galaxy S IV)

วิดีโอรีวิว (Video Review) Samsung Galaxy S4 (ดูวิดีโอประกอบเนื้อหา)


รูปลักษณ์ภายนอกของ Samsung Galaxy S4 หากเทียบกับ Galaxy S3 โดยรวมก็จะดูมีความโค้งมนน้อยลง มีเหลี่ยมมุมมากกว่าเดิม แต่ก็ให้ความรู้สึกที่แข็งแกร่งมากขึ้นครับ กรอบตัวเครื่องจะเป็นโพลีคาร์บอเนตที่เคลือบพื้นผิวให้ดูเหมือนโลหะ


ส่วนฝาหลังก็จะเป็นโพลีคาร์บอเนตเช่นเดียวกัน โดยจะมีลวดลายที่ดูสวยไปคนละแบบกับ Galaxy S3 ส่วนความหนาจะอยู่ที่ 7.9 มิลลิเมตร ซึ่งถือว่าบางกว่า Galaxy S3 และน้ำหนักตัวจะอยู่ที่ 130 กรัม ซึ่งก็ถือว่าเบากว่า Galaxy S3 อยู่เล็กน้อยครับ


ที่ด้านหน้าของตัวเครื่องจะประกอบไปด้วยไฟ LED สำหรับแสดงสถานะการทำงาน, RGB Light Sensor, ลำโพงหูฟังสำหรับการสนทนา, Gesture Sensor, Proximity Sensor, เลนส์กล้องความละเอียด 2 ล้านพิกเซล, หน้าจอแสดงผลแบบ Super AMOLED ขนาด 5.0 นิ้ว ความละเอียดระดับ Full HD หรือ 1920x1080 พิกเซล โดยจะใช้กระจกหน้าจอแบบ Gorilla Glass 3 ซึ่งจะมีความทนทานแข็งแรงเป็นพิเศษ ส่วนด้านล่างของหน้าจอจะมีปุ่มโฮม, ปุ่มฟังก์ชัน และปุ่มย้อนกลับ


ที่ด้านซ้ายของตัวเครื่องจะประกอบไปด้วยปุ่มเพิ่ม-ลดระดับเสียง


ที่ด้านขวาของตัวเครื่องจะประกอบไปด้วยปุ่มเปิด-ปิดเครื่อง หรือล็อคหน้าจอ


ที่ด้านบนของตัวเครื่องจะประกอบไปด้วยเซ็นเซอร์ Infrared, ไมโครโฟนตัวที่สอง และช่องเสียบสายหูฟังมาตรฐานขนาด 3.5 มิลลิเมตร


ที่ด้านล่างของตัวเครื่องจะประกอบไปด้วยไมโครโฟนสำหรับการสนทนา หรือบันทึกเสียง และช่องเสียบสายแบบ microUSB


ที่ด้านหลังของตัวเครื่องจะมีเลนส์กล้องความละเอียดระดับ 13 ล้านพิกเซล พร้อมไฟแฟลชแบบ LED, โลโก้ซัมซุง และลำโพงเสียงภายนอก


ฝาหลังของ Samsung Galaxy S4 ก็ยังคงสามารถถอดออกมาได้เช่นเคยครับ ซึ่งการถอดก็ให้ใช้นิ้วแงะที่ร่อง แล้วค่อยๆ ดึงออกมา โดยฝาหลังของ Galaxy S4 นั้นก็ผลิตจากวัสดุแบบโพลีคาร์บอเนต ซึ่งมีความแข็งแรงทนทาน มีความยืดหยุ่นสูง มีน้ำหนักเบา และจะมีลวดลายที่แตกต่างไปจาก Samsung Galaxy S3


เมื่อเปิดฝาหลังออกมาก็จะพบกับช่องใส่การ์ดหน่วยความจำแบบ microSD ซึ่งรองรับได้สูงสุดขนาด 64 GB, ช่องใส่ซิมการ์ดแบบ microSIM ส่วนแบตเตอรี่นั้นจะเป็นแบตเตอรี่แบบลิเธียมไอออน ซึ่งมีความจุถึง 2600 mAh และมีชิป NFC ฝังอยู่ในตัว นอกจากนั้นช่องใส่ซิมการ์ดก็จะมีกลไกสปริงสำหรับการล็อคอีกด้วยครับ

 

วิดีโอรีวิว (Video Review) Samsung Galaxy S4 (ดูวิดีโอประกอบเนื้อหา)


เอฟเฟคที่หน้าจอ Lock Screen บน Galaxy S3 จะเป็นแบบหยดน้ำ แต่พอมาถึงรุ่นใหม่อย่าง Galaxy S4 จะเปลี่ยนมาใช้เอฟเฟคแบบ Lens Flare แทน ซึ่งก็ดูสวยไปอีกแบบครับ


สำหรับ Samsung Galaxy S4 เครื่องทดสอบนี้ จะเป็นโมเดล i9500 ซึ่งมาพร้อมกับ Android 4.2.2, ชิปเซ็ต Exynos 5 Octa 5410, จีพียู PowerVR SGX 544MP, RAM ขนาด 2 GB, หน้าจอความละเอียดระดับ Full HD 1080p, พื้นที่เก็บบันทึกข้อมูลขนาด 16 GB แต่เหลือให้ใช้งานจริงอยู่ประมาณ 9 GB, กล้องหลังความละเอียด 13 ล้านพิกเซล, กล้องหน้าความละเอียด 2 ล้านพิกเซล และมีเซ็นเซอร์ต่างๆ อีกถึง 9 ชนิดเลยทีเดียว


User Interface บน Galaxy S4 ก็ยังคงใช้ TouchWiz UI ของ ซัมซุง เองเช่นเดิม สามารถแก้ไขหน้า Home Screen ได้ เพิ่มหน้า Home Screen ได้ หรือจะลบออกก็ได้เช่นกัน เมื่อเลื่อนแถบ Status Bar ลงมาก็จะพบกับทางลัดสำหรับการเปิด-ปิดฟังก์ชันพื้นฐานต่างๆ ซึ่งมีให้เลือกเยอะเป็นพิเศษ และสามารถเลือกเฉพาะทางลัดที่เราต้องการใช้ได้ด้วยครับ ส่วนทางลัด หรือวิดเจ็ตต่างๆ บนหน้า Home Screen เราก็สามารถย้ายตำแหน่ง หรือย้ายไปหน้า Home Screen อื่นได้ทันที โดยหน้าหลักนั้นจะแบ่งออกเป็นส่วนของวิดเจ็ตต่างๆ ซึ่งมีให้เลือกใช้มากมาย และหน้ารวมแอพพลิเคชั่นต่างๆ ภายในเครื่อง


ทางลัดพื้นฐาน 4 อย่างที่ด้านล่างจะประกอบไปด้วยโทรศัพท์, รายชื่อผู้ติดต่อ, อินเทอร์เน็ต และแอพพลิเคชั่น โดยหน้ารวมแอพพลิเคชั่นก็จะดูเรียบง่าย สามารถสไลด์ได้ทั้งด้านซ้าย และด้านขวา สามารถแก้ไขให้อยู่ในรูปแบบที่เราต้องการได้ เช่นการย้ายตำแหน่งของไอคอนภายในหน้าเดียวกัน ย้ายตำแหน่งของไอคอนไปที่หน้าอื่น หรือจะนำไอคอนไปวางไว้ที่หน้า Home Screen ก็ได้เช่นกัน และในกรณีที่เราต้องการลบแอพพลิเคชั่นใดๆ ออกจากเครื่อง ก็สามารถกดที่เครื่องหมายลบที่บริเวณมุมบนขวาได้ทันทีครับ


ในขณะที่อยู่หน้าใดๆ เมื่อเรากดปุ่ม Home ค้างเอาไว้ เครื่องก็จะแสดงให้เห็นแอพพลิเคชั่นที่เปิดใช้งานล่าสุด สามารถสไลด์ไปด้านซ้าย หรือด้านขวาเพื่อปิดแอพพลิเคชั่นได้ สามารถตรวจสอบพื้นที่เก็บบันทึกข้อมูลที่เหลือได้ รวมไปถึงหน่วยความจำ RAM ก็สามารถตรวจสอบได้เช่นกัน


เมื่อเรากดปุ่มฟังก์ชันค้างเอาไว้ ก็จะเป็นการเข้าสู่แอพพลิเคชั่น Google Now หรือถ้ากดปุ่มย้อนกลับค้างเอาไว้ ก็จะเป็นการเปิดฟังก์ชัน Multi Window ซึ่งรองรับการเปิดใช้งาน 2 แอพพลิเคชั่นพร้อมกัน โดยมีการแบ่งออกเป็นหน้าต่าง 2 หน้าต่าง ยกตัวอย่างเช่นหากต้องการใช้งาน Google Chrome ไปพร้อมๆ กับเปิดดูรูปภาพ ก็สามารถทำได้ และสามารถปรับขนาดของหน้าต่างได้อีกด้วยครับ

 

วิดีโอรีวิว (Video Review) Samsung Galaxy S4 (ดูวิดีโอประกอบเนื้อหา)


กล้อง 13 ล้านพิกเซล ของ Galaxy S4 มาพร้อมกับฟีเจอร์ใหม่มากมายครับ อย่างแรกก็คือ Dual Camera ซึ่งเราสามารถถ่ายภาพได้พร้อมกันทั้งกล้องหน้า และกล้องหลัง โดยกรอบเฟรมของกล้องหน้า เราสามารถย้ายตำแหน่งได้อย่างอิสระ และที่น่าสนใจก็คือเราสามารถเปลี่ยนสไตล์ของเฟรมได้หลายแบบอีกด้วยครับ ซึ่งก็แล้วแต่ว่าผู้ใช้จะชอบแบบไหนมากที่สุด โดยฟังก์ชัน Dual Camera นอกจากจะใช้กับการถ่ายภาพนิ่งได้แล้ว ก็ยังสามารถใช้กับการถ่ายวิดีโอได้ด้วยเช่นกันครับ


นี่ก็คือตัวอย่างในการใช้งานจริงของฟังก์ชัน Dual Camera ครับ ซึ่งจะเห็นว่านอกจากจะถ่ายภาพคนอื่น หรือภาพวิวทิวทัศน์ได้ตามปกติแล้ว ตากล้องก็สามารถเก็บภาพของตัวเองได้อีกด้วยครับ


เมื่อเรากดไปที่ปุ่มโหมด ก็จะมีโหมดการถ่ายภาพแบบสำเร็จรูปให้เลือกคล้ายกล้องดิจิตอลจริงๆ เลยครับ ทั้งโหมดอัตโนมัติ, โหมดถ่ายภาพในที่มืด, โหมด Sports, โหมดถ่ายภาพมุมกว้าง, โหมด Eraser, โหมด HDR, โหมด Animated Photo, โหมด Drama, โหมด Sound & Shot, โหมด Best Face, โหมด Best Photo และโหมด Beauty Face


โหมด Sound & Shot จะช่วยให้เราสามารถบันทึกเสียงไว้พร้อมกับรูปภาพได้นั่นเองครับ โดยจะบันทึกได้สูงสุด 9 วินาที เพราะฉะนั้นนอกจากเราจะสามารถมองเห็นความทรงจำดีๆ จากรูปภาพได้แล้ว ก็ยังสามารถได้ยินเสียงจากความทรงจำดีๆ นั้นอีกด้วยครับ


โหมด Drama Shot คือโหมดที่จะทำการถ่ายภาพต่อเนื่องหลายๆ ภาพอย่างรวดเร็วแล้วนำมารวมเป็นภาพเดียวกัน เช่นหากมีคนวิ่งผ่านกล้อง ก็จะเห็นเหมือนกับว่าคนๆ นั้นสามารถแยกร่างได้นั่นเองครับ และนี่ก็คือตัวอย่างของผลลัพธ์ที่ได้จากโหมดการถ่ายภาพแบบ Drama Shot


โหมด Animated Photo จะเป็นการถ่ายภาพเคลื่อนไหวในแบบที่ไม่ธรรมดาครับ คือเราสามารถเลือกส่วนของภาพที่ต้องการให้เคลื่อนไหว และส่วนที่ไม่ต้องการให้เคลื่อนไหวได้ อย่างภาพนี้ก็จะเห็นว่าม้าหมุนกำลังหมุน แต่คนกำลังหยุดนิ่งครับ


เมื่อเราถ่ายภาพด้วยโหมด Animated Photo โปรแกรมก็จะวิเคราะห์ส่วนที่เคลื่อนไหวภายในภาพให้เราเห็นครับ โดยเราสามารถระบายเพื่อเลือกส่วนที่ต้องการให้เคลื่อนไหวได้ หรือจะระบายเพื่อหยุดการเคลื่อนไหวก็ได้เช่นกัน และเรายังสามารถกำหนดทิศทางของการเล่นภาพเคลื่อนไหวได้ด้วยครับ ทั้งแบบไป-กลับ, ไปข้างหน้า และย้อนหลัง และนอกจากนั้นเรายังสามารถเลือกเฉพาะเฟรมที่ต้องการให้แสดงผลได้ด้วยครับ


เมื่อเราใช้งานโหมดถ่ายภาพแบบ Eraser เราก็สามารถที่จะลบวัตถุ หรือคนที่ไม่ต้องการออกไปจากรูปภาพได้ทันที ดังตัวอย่างที่เห็นอยู่นี้นั่นเองครับ


การถ่ายภาพเราสามารถกำหนดเอฟเฟคแบบต่างๆ ได้มากมายดังที่เห็นนี้ครับ มีปุ่มสำหรับสลับไปใช้กล้องหน่า,  เลือกจุดโฟกัสภาพได้อย่างอิสระด้วยการสัมผัส, เปิด-ปิดไฟแฟลชได้, มีระบบตรวจจับสภาพแสงน้อย, การสั่งงานด้วยเสียง, โหมดการถ่ายภาพวิดีโอแบบต่างๆ, การแชร์รูปภาพ, กำหนดความละเอียดได้สูงสุดที่ 13 ล้านพิกเซล, การถ่ายภาพต่อเนื่อง, การตรวจจับใบหน้า, การวัดแสง, การตรวจจับสภาพแสงน้อย


กำหนดความละเอียดของวิดีโอได้สูงสุดที่ระดับ Full HD 1080p, ระบบกันสั่นของวิดีโอ, Geo-Tagging, การแสดงภาพตัวอย่าง, การใช้งานปุ่มเพิ่ม-ลดเสียง, การตั้งเวลาถ่ายภาพล่วงหน้า, ปรับสมดุลแสงสีขาว, ปรับค่าชดเชยแสง, เส้นกริด, ไฟแฟลช, การสั่งงานด้วยเสียง และการกำหนดชื่อไฟล์ และเมื่อสลับมาใช้กล้องหน้า ก็จะมีอินเทอร์เฟสดังนี้ครับ สามารถตั้งค่าใช้งานเพิ่มเติมได้เช่นกัน ปรับความละเอียดได้สูงสุดที่ระดับ 2 ล้านพิกเซล, ถ่ายภาพต่อเนื่องได้, ถ่ายวิดีโอแบบ Full HD 1080p ได้, แสดงเส้นกริดได้ และควบคุมด้วยเสียงได้ เป็นต้น ต่อไปเราก็จะมาดูตัวอย่างความเร็วของการถ่าย าพแบบต่อเนื่องกันครับ ซึ่งจะเห็นว่าสามารถถ่ายภาพต่อเนื่องได้สูงสุดครั้งละ 20 ภาพนั่นเอง


การใช้งานกล้องสามารถใช้งานได้ทั้งแนวตั้ง และแนวนอนครับ เช่นถ้าหากใช้งานในแนวนอนไอคอนต่างๆ ก็จะถูกเปลี่ยนให้เป็นแบบแนวนอนด้วยโดยอัตโนมัติ


ด้วยประสิทธิภาพในการประมวลผลระดับสูงของ Samsung Galaxy S4 ก็ทำให้ในขณะที่เรากำลังถ่ายวิดีโออยู่นั้น เราสามารถกดถ่ายภาพไปด้วยได้ทันที

 

วิดีโอรีวิว (Video Review) Samsung Galaxy S4 (ดูวิดีโอประกอบเนื้อหา)


ฟังก์ชัน Group Play จะช่วยให้เราสามารถแชร์ไฟล์มัลติมีเดียต่างๆ ไปเปิดเล่นบนเครื่องอื่นๆ หลายๆ เครื่องที่อยู่ในบริเวณเดียวกันได้ครับ ซึ่งรองรับได้สูงสุด 8 เครื่องเลยทีเดียว โดยการสร้างกลุ่มใหม่ ก็ต้องกำหนดรหัสผ่านขึ้นมาก่อน จากนั้นก็สามารถแชร์ แล้วเปิดเล่นได้ทั้งเพลง, รูปภาพ, เอกสาร และเล่นเกมส์ร่วมกัน


ที่เห็นเป็นภาพเคลื่อนไหวบนหน้าจอขณะนี้ ก็คือความสามารถของแอพพลิเคชั่น Story Album นั่นเองครับ โดยเป็นการนำรูปภาพในอัลบั้มต่างๆ มาจัดเรียงเอาไว้ในสไตล์ที่สวยๆ ซึ่งสามารถช่วยบอกเล่าเรื่องราวต่างๆ ภายในอัลบั้มได้ดีขึ้น


โดยสามารถเปลี่ยนธีมได้ทั้งหมด 6 รูปแบบ สามารถเปลี่ยนภาพหน้าปกได้ และสามารถแก้ไขชื่ออัลบั้มได้ครับ


แอพพลิเคชั่น S Translator ก็คือแอพพลิเคชั่นสำหรับแปลภาษานั่นเองครับ แต่ก็จะรองรับแค่ภาษาหลักๆ เท่านั้น และสามารถวิเคราะห์เสียงของเราได้ด้วยครับ เช่นถ้าพูดว่า Samsung Galaxy เครื่องก็จะแปลงเป็นตัวอักษรให้โดยอัตโนมัติ สามารถอ่านออกเสียงได้ทั้งภาษาอังกฤษ และภาษาอื่นๆ


สำหรับฟังก์ชัน Air View เดิมทีใน Samsung Galaxy Note 2 จะต้องใช้ร่วมกับปากกา แต่ใน Galaxy S4 ใช้แค่นิ้วมือจ่อไว้ใกล้ๆ หน้าจอ ก็สามารถมองเห็นตัวอย่างของคอนเทนต์ด้านในได้แล้วครับ


ถ้าชี้ไปที่อัลบั้ม ก็จะเห็นตัวอย่างของภาพหลายๆ ภาพในอัลบั้มนั้น


ในส่วนของ My Video ก็สามารถใช้ฟังก์ชัน Air View ได้ครับ โดยเมื่อเราชี้นิ้วไปที่วิดีโอใด ก็จะเห็นตัวอย่างของวิดีโอนั้นๆ เล่นให้ดูแบบ Real Time เลยทีเดียวครับ


ในขณะที่เปิดเล่นวิดีโอเมื่อเราชี้นิ้วไปที่แถบเวลา ก็จะเห็นตัวอย่างของวิดีโอ ณ ช่วงเวลานั้นๆ โดยทันที ซึ่งช่วยให้เราสามารถเลือกฉากที่ต้องการจะข้ามไปดูได้ง่าย และรวดเร็วขึ้นครับ


ด้วยฟังก์ชัน Air Gesture เครื่องก็จะมองเห็นการเคลื่อนไหวของเรา แล้วทำงานตามคำสั่งได้ครับ เช่นเราสามารถปัดฝ่ามือเพื่อเลื่อนภาพได้ ปัดไปทางซ้ายภาพก็จะเลื่อนไปทางซ้าย ปัดไปทางขวาภาพก็จะเลื่อนไปทางขวา แต่หากจะใช้งานให้คล่องมือ ก็อาจจะต้องอาศัยการฝึกฝนเล็กน้อยครับ


นอกจากจะใช้ฟังก์ชัน Air Gesture เพื่อเลื่อนภาพได้แล้ว ก็ยังใช้เลื่อนหน้าเว็บได้ด้วยครับ โดยโบกมือขึ้น หรือลงเพื่อเลื่อนหน้าเว็บในแนวตั้ง หรือโบกมือไปด้านซ้าย หรือด้านขวา เพื่อเลื่อนหน้าเว็บถัดไป หรือหน้าเว็บที่เคยเปิดก่อนหน้านั้น


อีกฟังก์ชันใหม่ล่าสุด ก็คือฟังก์ชัน Smart Scroll ครับ เช่นเวลาเปิดหน้าเว็บไซต์ เครื่องจะทำการตรวจจับสายตาของเราเอาไว้ เมื่อเราก้มหน้าลงเล็กน้อย หน้าเว็บก็จะเลื่อนลงด้านล่าง หรือเมื่อเราเงยหน้าขึ้นเล็กน้อย หน้าเว็บก็จะเลื่อนขึ้นด้านบน ซึ่งก็จะช่วยอำนวยความสะดวกได้ในเวลาที่เรามือไม่ว่างนั่นเองครับ


อีกฟังก์ชันที่ใช้ประโยชน์จากเซ็นเซอร์ตรวจจับสายตาก็คือ ฟังก์ชัน Smart Pause ครับ เช่นเวลาที่เรากำลังเปิดเล่นวิดีโอ หากเราไม่ได้มองที่หน้าจอ วิดีโอก็จะหยุดเล่นชั่วคราว แต่หากเราหันกลับมามองที่หน้าจออีกครั้ง วิดีโอก็จะกลับมาเล่นต่อให้โดยอัตโนมัติครับ


สำหรับฟังก์ชัน Pop Up Play ก็เป็นอีกฟังก์ชันที่ถูกถ่ายทอดมาจาก Galaxy S3 ครับ ซึ่งทำให้เราสามารถย่อหน้าจอของเครื่องเล่นวิดีโอ และสามารถเปิดดูคลิปวิดีโอได้พร้อมๆ กันกับการใช้งานแอพพลิเคชั่นอื่นๆ สามารถย้ายตำแหน่งของหน้าจอได้อย่างอิสระ โดยการเล่นวิดีโอนั้นก็ยังคงเป็นไปอย่างราบรื่น ไม่มีอาการสะดุดให้เห็นเลยแม้แต่น้อย และหากจะกดเข้าไปดูวิดีโอบนหน้าจอขนาดใหญ่ ก็เพียงแค่สัมผัสสองครั้งติดๆ กันเท่านั้นครับ


ในขณะที่เรากำลังเปิดดูวิดีโอ เมื่อเลือกไปที่ฟังก์ชัน Chapter Preview เราก็จะเห็นภาพรวมของวิดีโอทั้งเรื่องในช่วงเวลาต่างๆ ทำให้สามารถเลือกดูตามช่วงเวลาที่ต้องการได้อย่างรวดเร็ว และนอกจากนั้นก็ยังมีเครื่องมือสำหรับตัด หรือแก้ไขไฟล์วิดีโอมาให้ใช้งานอีกด้วย รวมไปถึงสามารถตั้งค่าการเล่นวิดีโอได้ ทั้งการจับภาพหน้าจอ, ความเร็ว, SoundAlive, Subtitles และ Tag Buddy


หน้าจอของ Samsung Galaxy S4 นั้นมีคุณสมบัติในการตอบสนองต่อการสัมผัสได้ดีเป็นพิเศษครับ เพราะนอกจากที่เราจะใช้นิ้วมือสัมผัสได้ตามปกติแล้ว เราก็ยังสามารถสวมถุงมือ หรือใช้วัสดุอื่นๆ บางชนิด เพื่อใช้งานระบบสัมผัสได้เช่นกัน ยกตัวอย่างเช่นหากเราเอาผ้ามาคลุมนิ้วมือเอาไว้ เราก็ยังสามารถใช้งานระบบสัมผัสได้ตามปกตินั่นเองครับ


ด้วยแอพพลิเคชั่น S Health จะช่วยให้เราสามารถดูแลสุขภาพร่างกายของเราได้ดีขึ้นครับ โดยขั้นแรกก็ให้กำหนดโปรไฟล์ของเราก่อน เช่นอายุ, น้ำหนัก หรือส่วนสูง จากนั้นเครื่องก็จะตรวจจับการก้าวเดินของเรา และคำนวณให้ว่าเดินได้กี่ก้าว ได้ระยะทางเท่าไหร่ และเกิดการเผาผลาญไปทั้งหมดกี่แคลอรี่ และนอกจากนั้นเราก็ยังสามารถกำหนดเมนูอาหารมื้อต่างๆ ได้ด้วย ทั้งมื้อเช้า, มื้อเที่ยง, มื้อเย็น หรือมื้ออื่นๆ โดยสามารถค้นหาเมนูอาหารที่ต้องการได้ เช่นหากเลือกที่เมนูข้าวผัด เครื่องก็จะคำนวณให้ว่าเราจะได้พลังงานมาทั้งหมด 333 แคลอรี่ เป็นต้น และนอกจากนั้นก็ยังมี Timeline แสดงให้เห็นด้วยครับ


นี่ก็คือการทดสอบแอพพลิเคชั่น S Health ด้วยการก้าวเดินนะครับ ซึ่งจะเห็นว่าจำนวนก้าว, ระยะทาง และอัตราการเผาผลาญก็จะเพิ่มขึ้นไปเรื่อยๆ ดังนั้นยิ่งเดินเยอะเท่าไหร่ ก็จะยิ่งช่วยเพิ่มการเผาผลาญของเราได้เท่านั้นครับ


สำหรับโปรแกรมเครื่องเล่นเพลงก็จะมีระบบเสียงมาให้ใช้งานค่อนข้างหลากหลายครับ เช่นระบบเสียง SoundAlive ซึ่งสามารถปรับอีควอไลเซอร์ของเสียงได้หลายรูปแบบ สามารถกำหนดความถี่เองได้ และมีฟังก์ชันการปรับแต่งพิเศษอีก เช่นการการปรับเสียงเบสเป็นต้น นอกจากนั้นก็จะมีฟังก์ชัน Adapt Sound, ปรับความเร็วในการเล่น และอื่นๆ อีกมากมายครับ


อีกฟังก์ชันเด่นที่ได้รับการถ่ายทอดมาจากรุ่นพี่ก็คือฟังก์ชัน S Voice นั่นเองครับ โดยจะเป็นการสั่งงาน หรือโต้ตอบกับเครื่องด้วยเสียงพูดของเราเอง เช่นพูดว่า Hi Galaxy ก็จะเป็นการปลุกฟังก์ชันให้เตรียมฟังคำพูดของเรา เช่นหากอยากรู้ว่าขณะนี้เป็นเวลาเท่าไหร่ ก็ให้พูดว่า What Time เป็นต้นครับ


แอพพลิเคชั่น Optical Reader จะใช้สำหรับการสแกนข้อความต่างๆ บนนามบัตร หรือบนเอกสารต่างๆ แล้วแปลงเป็นข้อมูล Text ให้โดยอัตโนมัติ เช่นหากเราต้องการเก็บข้อมูลนามบัตรของลูกค้า เราก็เพียงแค่ขอยืมนามบัตรของลูกค้ามาสแกนเก็บเอาไว้เท่านั้นเองครับ


การจดบันทึก ก็จะมีแอพพลิเคชั่น S Memo มาให้ใช้งานครับ โดยมีให้เลือก 2 โหมดหลักๆ คือ Drawing และ Text ในโหมด Drawing ก็จะสามารถเลือกปากกาแบบต่างๆ ได้ทั้งหมด 4 แบบ ซึ่งจะมีลักษณะของเส้นที่แตกต่างกันไป และสามารถเลือกสีสันได้ตามต้องการ สามารถป้อนข้อมูลแบบ Text ได้ทันที มียางลบสำหรับลบส่วนที่ไม่ต้องการ สามารถแนบรายละเอียดในรูปแบบต่างๆ ได้ เช่นรูปภาพ, คลิปบอร์ด หรือคลิปอาร์ท


การเปิดดูหน้าเว็บไซต์ขนาดใหญ่ก็สามารถประมวลผลได้รวดเร็วลื่นไหลเป็นอย่างดีครับ ด้วยคุณสมบัติของการประมวลผลระดับสูงใน Samsung Galaxy S4 ทั้งการเลื่อนหน้า การซูมย่อขยาย หรือจะเอียงเครื่องเพื่อดูหน้าเว็บไซต์ในแนวกว้างก็ย่อมได้


สำหรับโปรแกรมบันทึกเสียงใน Galaxy S4 ก็จะมีฟังก์ชันให้ปรับแต่งมากเป็นพิเศษครับ เช่นการกำหนดคุณภาพของการบันทึกเสียง, ฟังก์ชันลดเสียงรบกวน, ระดับความดังของเสียงที่บันทึก


และสามารถรองรับการบันทึกเสียงแบบ Stereo ได้ ด้วยไมโครโฟน 2 ตัว ที่ด้านบน และด้านล่างของตัวเครื่องนั่นเองครับ


การตั้งค่าใช้งานเครื่องก็จะแบ่งออกเป็น 4 ส่วนหลักๆ คือ Connections, My Device, Accounts และอื่นๆ โดยการตั้งค่าในส่วนของ Connections ก็เช่น การตั้งค่า WiFi, การแชร์อินเทอร์เน็ตผ่านทางสัญญาณ WiFi, การตรวจสอบปริมาณข้อมูลที่ใช้งานไป, การเปิด-ปิดสัญญาณ NFC, ฟังก์ชัน S Beam, การตั้งค่า DLNA, การแชร์ภาพหน้าจอไปยังอุปกรณ์อื่นๆ ส่วนการตั้งค่าในส่วนของ My Devices ก็เช่นการตั้งค่าการแสดงผล ซึ่งมีโหมด Adapt Display ที่จะปรับหน้าจอให้เหมาะสมโดยอัตโนมัติ หรือจะเลือกใช้โหมดอื่นๆ ก็ได้เช่นกัน, การกำหนดระยะเวลาของไฟที่จะแสดงบนปุ่มสัมผัส, ระบบการปรับระดับของการตอบสนองต่อการสัมผัสโดยอัตโนมัติ, การกำหนดค่าต่างๆ สำหรับหน้าจอ Lock Screen, วิดเจ็ตบนหน้าจอ Lock Screen, เอฟเฟคของการปลดล็อคหน้าจอ, ไฟ LED สำหรับแสดงสถานะการทำงานพื้นฐาน, การตั้งค่าเสียง, โหมดของหน้า Home Screen ซึ่งมีแบบมาตรฐาน และแบบง่าย, ตั้งค่าการโทร, การแจ้งเหตุด่วนเหตุร้าย, ตั้งค่าอุปกรณ์เสริม, โหมดประหยัดพลังงาน, การเคลื่อนไหว และการตรวจจับท่าทาง, การตั้งค่า Smart Screen ซึ่งประกอบไปด้วย Smart Stay, Smart Rotation, Smart Pause และ Smart Scroll, การตั้งค่าฟังก์ชัน Air View, การตั้งค่าการควบคุมด้วยเสียง, ส่วนการตั้งค่า Accounts ก็จะเป็นการจัดการกับบัญชีต่างๆ ภายในที่เดียวกัน และการตั้งค่าอื่นๆ ก็เช่นการตั้งค่าสถานที่, ตั้งค่าความปลอดภัย, การจัดการแอพพลิเคชั่นต่างๆ ที่ติดตั้งเอาไว้ภายในเครื่อง, การตรวจสอบการใช้งานแบตเตอรี่ และการตรวจสอบพื้นที่หน่วยความจำ เป็นต้นครับ


ในส่วนของ Samsung Apps ก็คือศูนย์รวมของแอพพลิเคชั่นที่น่าสนใจ ที่ทาง ซัมซุง ได้คัดเลือกเอาไว้ให้ภายในที่เดียวกันครับ


แอพพลิเคชั่น Samsung Hub ก็คือศูนย์รวมของคอนเทนต์ต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นวิดีโอ, หนังสือ, เกมส์ และการเรียนรู้ ครับ


แอพพลิเคชั่น Samsung Link ก็คือเครื่องมือสำหรับการโอนย้ายไฟล์ต่างๆ ไปเก็บไว้ในเครื่องคอมพิวเตอร์ผ่านทางเครือข่ายอินเทอร์เน็ต หรือผ่านทางสัญญาณ WiFi นั่นเองครับ


แอพพลิเคชั่น Samsung WatchON ก็คือเครื่องมือสำหรับทำให้เครื่อง Samsung Galaxy S4 กลายเป็นรีโมทควบคุมจอโทรทัศน์ หรืออุปกรณ์อื่นๆ โดยทำการเลือกประเทศที่ต้องการ เลือกชนิดของอุปกรณ์ และเลือกยี่ห้อของอุปกรณ์ ซึ่งทั้งหมดนี้ก็จะทำงานผ่านทางเซ็นเซอร์อินฟราเรดนั่นเองครับ


สำหรับท่านใดที่ต้องการจะศึกษาวิธีการใช้งาน หรือเทคนิคการใช้งานฟีเจอร์ต่างๆ ใน Samsung Galaxy S4 ก็จะมีแอพพลิเคชั่น Help ซึ่งจะมีเนื้อหาที่ช่วยแนะนำวิธีการใช้งานในส่วนต่างๆ ของ Samsung Galaxy S4 มาให้ศึกษาเพิ่มเติมกันอย่างครบถ้วน เป็นขั้นเป็นตอน สามารถเข้าใจได้ง่าย โดยสอนตั้งแต่ระดับพื้นฐาน ไปจนถึงระดับสูงเลยทีเดียวครับ

 

วิดีโอรีวิว (Video Review) Samsung Galaxy S4 (ดูวิดีโอประกอบเนื้อหา)


แน่นอนครับว่า Samsung Galaxy S4 นั้นมีอุปกรณ์รับสัญญาณจีพีเอสอยู่ในตัว ซึ่งประสิทธิภาพในการรับสัญญาณนั้นถือว่าดีมากๆ ครับ สามารถจับสัญญาณได้รวดเร็ว แม้ว่าจะไม่ได้อยู่ในพื้นที่เปิดโล่งก็ตาม


เมื่อลองทดสอบกับอีกแอพพลิเคชั่น ก็ยังได้ผลลัพธ์ที่ดีเช่นเดิมครับ


ต่อไปก็มาลองทดสอบระบบ Multi-touch กันครับ ซึ่งจะเห็นว่า Samsung Galaxy S4 นั้นรองรับการสัมผัสได้พร้อมกันถึง 10 จุดเลยทีเดียว และนอกจากนั้นแต่ละจุดก็ทำงานแบบอิสระต่อกันอย่างสมบูรณ์ มีความรวดเร็วแม่นยำ และไม่มีข้อผิดพลาดให้เห็นแต่อย่างใดครับ


คราวนี้ก็มาลองทดสอบประสิทธิภาพในการเล่นเกมส์กันดูบ้างครับ โดยเกมแรกก็จะเป็นเกมแข่งรถที่มีกราฟฟิคความละเอียดสูงอย่างเกม Real Racing นั่นเองครับ ซึ่งจะเห็นว่าด้วยหน้าจอที่มีความละเอียดระดับ Full HD ของ Samsung Galaxy S4 ก็ช่วยให้สามารถแสดงผลได้อย่างละเอียดสวยงามเป็นพิเศษ และนอกจากนั้นด้วยประสิทธิภาพของซีพียู และจีพียู ระดับสูง จึงทำให้การเคลื่อนไหวของภาพกราฟฟิคมีความราบรื่นเป็นอย่างมาก และมีการตอบสนองต่อการควบคุมที่รวดเร็วแม่นยำอีกด้วยครับ


ต่อไปก็มาลองเกมแนว Action RPG สนุกๆ กราฟฟิคสวยๆ อย่างเกม Eternity Warriors กันบ้างครับ ซึ่งจะเห็นว่าเกมนี้ก็เป็นอีกเกมที่มีรายละเอียดของกราฟฟิคที่ค่อนข้างเยอะ แต่สเปคระดับ Samsung Galaxy S4 นั้นสามารถเล่นเกมนี้ได้แบบสบายๆ หายห่วงแน่นอนครับ


ต่อไปเป็นการทดสอบประสิทธิภาพของการทำงานโดยรวมด้วยโปรแกรม AnTuTu Benchmark ซึ่งผลคะแนนรวมที่ได้ก็คือ 26983 คะแนน โดยมีคะแนนแยกเป็นส่วนต่างๆ ดังนี้ครับ และเมื่อเปรียบเทียบกับสมาร์ทโฟนระดับไฮเอนด์รุ่นอื่นๆ ก็จะเห็นว่า Galaxy S4 มีคะแนนสูงสุดเลยทีเดียวครับ


ต่อไปเป็นการทดสอบประสิทธิภาพของการทำงานโดยรวมด้วยโปรแกรม Quadrant Standard โดยผลคะแนนที่ได้ก็คือ 12119 คะแนน ซึ่งอยู่ในระดับสูงสุดอีกเช่นเดียวกัน


ต่อไปเป็นการทดสอบประสิทธิภาพของการประมวลผลภาพกราฟฟิคด้วยโปรแกรม 3DMark ซึ่งโปรแกรมนี้จะทดสอบด้วยภาพกราฟฟิค 3 มิติที่ความละเอียดสูงเป็นพิเศษดังที่เห็นอยู่นี้ครับ สำหรับการทดสอบภาพกราฟฟิคที่มีรายละเอียดในระดับสูงสุดด้วยโปรแกรม 3DMark เฟรมเรทที่ได้ก็อาจจะดูเหมือนไม่มากนัก แต่ก็ถือว่าเป็นระดับที่สูงมากแล้วสำหรับการแสดงผลด้วยกราฟฟิคที่มีความละเอียดสูงขนาดนี้ครับ


ซึ่งผลคะแนนรวมที่ได้ก็คือ 6429 คะแนน โดยแบ่งเป็นคะแนนในส่วนต่างๆ ดังนี้ครับ


ต่อไปเป็นการทดสอบประสิทธิภาพของการประมวลผลภาพกราฟฟิคด้วยโปรแกรม AnTuTu 3DRating ซึ่งผลคะแนนรวมที่ได้ก็คือ 8155 คะแนน โดยมีคะแนนในส่วนต่างๆ ดังนี้ครับ


ต่อไปเป็นการทดสอบประสิทธิภาพของการประมวลผลภาพกราฟฟิคด้วยโปรแกรม NenaMark2 ซึ่งผลคะแนนที่ได้ก็คือ 59.6 เฟรมต่อวินาทีครับ


ต่อไปเป็นการทดสอบประสิทธิภาพของการประมวลผลภาพกราฟฟิคด้วยโปรแกรม An3DBenchXL ซึ่งผลคะแนนรวมที่ได้ก็คือ 45045 คะแนน

 

ตัวอย่างภาพถ่ายจากกล้องดิจิตอล 13 ล้านพิกเซล ของ Samsung Galaxy S4

ตัวอย่างภาพถ่ายความละเอียด 13 ล้านพิกเซล (4128x3096 Pixels) : คุณภาพสูงสุด : ไม่ผ่านการปรับแต่งใดๆ













 

ตัวอย่างภาพถ่ายความละเอียด 13 ล้านพิกเซล ในโหมด HDR (High Dynamic Range)





 

ตัวอย่างภาพถ่ายในแนวกว้าง (Panorama)

 

สรุปผลการทดสอบของ Samsung Galaxy S4 (Galaxy S IV)

วิดีโอรีวิว (Video Review) Samsung Galaxy S4 (ดูวิดีโอประกอบเนื้อหา)

ก็เรียกได้ว่าสำหรับ Samsung Galaxy S4 นั้นมีฟีเจอร์ และลูกเล่นต่างๆ มาให้ทีมงานได้ทดสอบ และลองเล่นกันอย่างมากมายจริงๆ ครับ ตั้งแต่ฟีเจอร์เด่นดั้งเดิมที่ถูกสืบทอดมาจาก สมาร์ทโฟน รุ่นเรือธงก่อนหน้านี้อย่าง Samsung Galaxy S3 (Galaxy S III) หรือ Samsung Galaxy Note 2 (Galaxy Note II) ไปจนถึงฟีเจอร์ใหม่ล่าสุดหลายๆ อย่างที่พัฒนาขึ้นมาใหม่เพื่อนำมาใส่ไว้ใน Samsung Galaxy S4 โดยเฉพาะ ซึ่งทั้งหมดนี้ก็เพื่อให้ Samsung Galaxy S4 นั้นไปถึงจุดที่ทาง ซัมซุง ได้คาดหวังเอาไว้ก็คือ ให้มือถือเป็นทุกอย่างสำหรับคุณ หรือ Life Companion นั่นเอง โดยการมาของ Galaxy S4 ในครั้งนี้ แม้ว่าตัวเครื่องเองจะมีคุณสมบัติที่อยู่ในระดับสูงสุดไม่ว่าจะเป็นชิปเซ็ต Exynos 5 Octa 5410, หน้าจอ Super AMOLED ความละเอียดระดับ Full HD พร้อมกระจกหน้าจอสุดแกร่งแบบ Gorilla Glass 3, RAM ขนาด 2 GB, Android OS เวอร์ชัน 4.2.2 หรือกล้องดิจิตอลความละเอียดระดับ 13 ล้านพิกเซล แต่ ซัมซุง เลือกที่จะเน้นนำเสนอความโดดเด่นในเรื่องของการใช้งานในชีวิตประจำวันเสียมากกว่า ด้วยฟีเจอร์สุดล้ำต่างๆ มากมายที่ใส่มาให้ใน Samsung Galaxy S4 ไม่ว่าจะเป็น Dual Camera, Sound and Shot, Drama Shot, Cinema Photo, Eraser Shot, Group Play, Story Album, S Translator, การใช้ ChatON ด้วย Dual Camera, Air View, Air Gesture, Smart Scroll, Smart Pause, Glove Friendly, Home Sync, S Health, Adapt Display, Lens Flare Effect, การชาร์จแบตเตอรี่แบบไร้สาย, S View Cover และอื่นๆ อีกมากมาย

โดยขณะนี้นั้น Samsung Galaxy S4 ก็เพิ่งเปิดตัว และวางจำหน่ายในประเทศไทยไปสดๆ ร้อนๆ ด้วยราคา 21,900 บาท ซึ่งก็เท่ากันกับราคาเปิดตัวของ Samsung Galaxy S3 และทาง ซัมซุง ก็ได้ตั้งเป้าเอาไว้ว่าภายในเดือนแรกของการวางจำหน่าย Samsung Galaxy S4 ทั่วโลก จะสามารถจำหน่ายได้ถึง 10 ล้านเครื่องเลยทีเดียว ซึ่งก็ต้องมาติดตามข่าวกันอีกทีว่าจะประสบความสำเร็จตามเป้าหมายหรือไม่ แต่ก็เชื่อว่าด้วยความสามารถระดับ Samsung Galaxy S4 ก็น่าจะทำให้ไปถึงจุดนั้นได้ไม่ยากครับ สุดท้ายนี้ก็ขอขอบคุณทุกท่านที่ติดตามชม พบกันได้ใหม่ในวิดีโอรีวิวรุ่นต่อไป สวัสดีครับ

 

สรุปจุดเด่น ของ Samsung Galaxy S4 (Galaxy S IV)

- ตัวเครื่องมีการออกแบบดีไซน์ที่ดูสวยหรูทันสมัย พร้อมวัสดุแบบโพลีคาร์บอเนต ซึ่งมีความทนทานแข็งแรง แต่มีน้ำหนักเบา และบางเฉียบเพียง 7.9 มิลลิเมตร และที่กรอบด้านข้างให้ความรู้สึกที่เหมือนกับโลหะ แต่จริงๆ แล้วเป็นวัสดุแบบโพลีคาร์บอเนต
- จอแสดงผลแบบ Full HD Super AMOLED Capacitive Touchscreen 16,700,000 สี ความละเอียด 1920x1080 Pixels (Full HD 1080p : กว้าง 4.99 นิ้ว : 441 ppi) พร้อมหน่วยประมวลผลภาพกราฟฟิคโดยเฉพาะ (GPU : Graphics Processing Unit) แบบ Triple-Core PowerVR SGX 544MP3
- กระจกหน้าจอแบบ Corning Gorilla Glass 3 ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการป้องกันแรงกระแทก หรือรอยขีดข่วน
- หน้าจอมีการตอบสนองที่ไวเป็นพิเศษ (Auto Adjust Touch Sensitivity) สามารถสั่งงานด้วยการสัมผัสได้แม้ในขณะที่กำลังสวมถุงมือ
- ประมวลผลการทำงานด้วยชิปเซ็ต Exynos 5 Octa 5410 (1.6 GHz Octa-Core Processor) (ซีพียูแบบ Quad-Core Cortex-A15 Processor ความเร็วในการประมวลผล 1.6 GHz และ Quad-Core Cortex-A7 ความเร็วในการประมวลผล 1.2 GHz)
- ขับเคลื่อนการทำงานด้วยระบบปฏิบัติการ Android OS เวอร์ชัน 4.2.2 (Jelly Bean)
- หน่วยความจำ RAM (LPDDR3) ขนาด 2 GB
- รองรับการ์ดหน่วยความจำเสริมภายนอกแบบ microSD Card (TransFlash) ได้สูงสุดขนาด 64 GB
- กล้องดิจิตอลตัวหลักที่ด้านหลังของตัวเครื่อง ความละเอียดระดับ 13 ล้าน Pixels พร้อมไฟแฟลชแบบ LED ในตัว
- เซนเซอร์รับภาพแบบ Backside-illuminated Sensor (BSI) ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพของการถ่ายภาพในที่มืด ทั้งกล้องด้านหลัง และกล้องด้านหน้า
- โหมดถ่ายภาพแบบ HDR (High Dynamic Range)
- กล้องดิจิตอลขนาดเล็กที่ด้านหน้าของตัวเครื่อง ความละเอียดระดับ 2 ล้าน Pixels
- รองรับการถ่ายภาพวิดีโอความละเอียดสูงระดับ Full HD 1080p (1920x1080 Pixels : 30 fps) ได้ทั้งกล้องด้านหลัง และกล้องด้านหน้า
- มีฟีเจอร์ใหม่ๆ และลูกเล่นต่างๆ มากมายที่เพิ่มความสนุกสนานในการใช้งาน และเอื้อประโยชน์ในชีวิตประจำวัน เช่น Dual Camera, Sound and Shot, Drama Shot, Cinema Photo, Eraser Shot, Group Play, Story Album, S Translator, การใช้ ChatON ด้วย Dual Camera, Air View, Air Gesture, Smart Scroll, Smart Pause, Glove Friendly, Home Sync, S Health, Adapt Display, Lens Flare Effect, การชาร์จแบตเตอรี่แบบไร้สาย และ S View Cover เป็นต้น
- รองรับการใช้งาน NFC (Near Field Communication : การสื่อสารข้อมูลระยะใกล้ : อ่าน, เขียน, แชร์)
- มีเซ็นเซอร์อินฟราเรด (Infrared) ในตัว ซึ่งรองรับการใช้งานร่วมกับแอพพลิเคชั่น Samsung WatchON ( IR LED Remote Control)
- รองรับการเชื่อมต่อกับจอแสดงผลภายนอกผ่านทางสาย MHL (MHL เวอร์ชัน 2.0)
- รองรับเทคโนโลยี USB OTG (USB On-the-Go)
- รองรับการใช้งานระบบ 3G ได้ทุกคลื่นความถี่ภายในเครื่องเดียวกัน (WCDMA/HSPA+ Quad Band 850/900/1900/2100 MHz)
- อุปกรณ์รับสัญญาณดาวเทียมในตัว (GPS) พร้อมฟังก์ชัน A-GPS และรองรับการใช้งานกับระบบดาวเทียมของรัสเซีย (GLONASS)
- มีเซ็นเซอร์ตรวจจับถึง 9 ชนิดภายในตัวเครื่อง ได้แก่ Gesture Sensor, Proximity Sensor, Gyro Sensor, Geomagnetic Sensor, Accelerometer Sensor, Temperaturel Humidity Sensor, Barometer Sensor, Hall Sensor และ RGB Light Sensor
- มีไมโครโฟนแยกอิสระกัน 2 ตัว ซึ่งมีประโยชน์ในการตัดเสียงรบกวนขณะสนทนา และการบันทึกเสียงแบบ Stereo
- แบตเตอรี่ลิเธียมไอออนมีความจุ 2,600 mAh ซึ่งใช้งานได้ยาวนานตลอดทั้งวัน

 

สรุปประเด็นที่ผู้ซื้อต้องพิจารณาเพิ่มเติมของ Samsung Galaxy S4 (Galaxy S IV)

- เครื่อง Samsung Galaxy S4 ที่วางจำหน่ายในประเทศไทย ไม่สามารถรองรับการใช้งานเครือข่ายแบบ 4G LTE ได้
- พื้นที่เก็บบันทึกข้อมูลภายในตัวเครื่อง จากทั้งหมด 16 GB จะเหลือให้ใช้งานจริงเพียงแค่ประมาณ 9 GB เท่านั้น
- การใช้งานฟังก์ชัน Smart Scroll ต้องอาศัยการจ้องไปที่หน้าจอ แล้วก้มหน้า หรือเงยหน้า ไม่สามารถใช้งานด้วยวิธีการกลอกลูกตาได้
- วัสดุที่ใช้ผลิตตัวเครื่องยังคงเป็นพลาสติก (โพลีคาร์บอเนต) ทั้งหมด จึงให้ความรู้สึกที่ไม่เหมือนกับเป็นผลิตภัณฑ์ระดับพรีเมียม ในขณะที่สมาร์ทโฟนในระดับเดียวกันบางรุ่น ใช้วัสดุที่เป็นโลหะ หรือใช้เทคโนโลยีการผลิตตัวเครื่องที่ขึ้นรูปเป็นชิ้นเดียวแบบ Unibody เป็นต้น
- ไม่มีวิทยุ FM ในตัว

 

 

โปรดทราบ

* โทรศัพท์มือถือที่ท่านเห็นในบทความรีวิวนี้เป็นเพียงเครื่องทดสอบจากทางศูนย์ เพราะฉะนั้นคุณสมบัติบางอย่างอาจมีความแตกต่างจากเครื่องที่วางจำหน่ายจริงบ้างไม่มากก็น้อย รวมถึงจุดด้อยบางประการที่พบในเครื่องทดสอบ อาจจะถูกแก้ไขปรับปรุงให้ดีขึ้นในเครื่องที่วางจำหน่ายจริง ดังนั้นหากท่านสนใจซื้อโทรศัพท์มือถือรุ่นนี้ ควรตรวจสอบหรือทดลองใช้งานสินค้าด้วยตนเองอีกครั้งหนึ่ง *

 

สรุปคุณสมบัติเครื่อง

ท่านสามารถตรวจสอบคุณสมบัติแบบสรุป (Specification) ของ Samsung Galaxy S4 ได้โดยการคลิ๊กที่ Link ด้านล่างนี้

Samsung Galaxy S4 Specification

 

:: ไปหน้าแรกเว็บไซต์ Thaimobilecenter | ไปหน้าแรก Mobile Focus ::