รีวิว (Review) Nokia Lumia 920 Video Review :: วิดีโอรีวิว ทดสอบ มือถือ

สวัสดีครับ หลังจากที่ทีมงานได้นำ พรีวิว (Preview) Nokia Lumia 920 และ รีวิว (Review) Nokia Lumia 920 รวมไปถึง รีวิว (Review) การใช้งานแอพพลิเคชั่นบน Nokia Lumia 920 มาให้ทุกท่านได้ชมกันไปแล้วก่อนหน้านี้ ล่าสุดวันนี้ น้องเจน และ น้องจ๋า ก็มีโอาสได้นำ Nokia Lumia 920 มารีวิวทดสอบการใช้งานให้ทุกท่านได้ชมกันอีกครั้ง โดยในครั้งนี้เป็นการ ทดสอบการใช้งานแอพพลิเคชั่น HERE Maps, HERE Drive+ และ HERE City Lens บน Nokia Lumia 920 ซึ่งหากเป็นก่อนหน้านี้ ก็จะรู้จักกันดีในชื่อของ Nokia Maps, Nokia Drive+ และ Nokia City Lens นั่นเอง ซึ่งต่างก็เป็นแอพพลิเคชั่นที่มีประสิทธิภาพสูงสำหรับการค้นหาข้อมูลแผนที่, ค้นหาเส้นทาง, นำทาง และค้นหาร้านค้า หรือบริการต่างๆ ได้อย่างครบวงจร ดังนั้นในวันนี้เราก็จะมาดูกันว่า การใช้งาน HERE Maps, HERE Drive+ และ HERE City Lens จะใช้งานได้ดีมีประสิทธิภาพ และช่วยให้ชีวิตประจำวันของเราสะดวกสบายขึ้นได้อย่างไร

Nokia Lumia 920 Video Review & Focus (ทดสอบใช้งาน HERE Maps, HERE Drive+ และ HERE City Lens)

วิดีโอรีวิว (Video Review) Nokia Lumia 920 (ทดสอบใช้งาน HERE Maps, HERE Drive+ และ HERE City Lens)

รีวิวฉบับสมบูรณ์ และพรีวิว Nokia Lumia 920

ท่านสามารถติดตาม รีวิว Nokia Lumia 920 เวอร์ชันสมบูรณ์ และ พรีวิว Nokia Lumia 920 เพิ่มเติมได้โดยการคลิ๊กที่ Link ด้านล่างนี้

เนื้อหาเพิ่มเติม วิดีโอรีวิว (Video Review) Nokia Lumia 920 (รีวิวแอพพลิเคชั่น HERE Maps, HERE Drive+ และ HERE City Lens)

จุดเด่นที่สำคัญอันดับต้นๆ ของ สมาร์ทโฟน จาก โนเกีย ก็คือแอพพลิเคชั่น HERE Maps นั่นเอง ซึ่งมีประสิทธิภาพในการทำงานที่สูง สามารถใช้งานได้จริง มีการประมวลผลที่ลื่นไหล มีฟังก์ชันสำหรับการค้นหาสถานที่ สามารถค้นหาสถานที่ประเภทต่างๆ ที่กำลังได้รับความนิยมได้ รองรับการเก็บบันทึกสถานที่ๆ เราชื่นชอบ รองรับการดูแผนที่แบบดาวเทียม ดูระบบขนส่งมวลชน และสภาพการจราจร มีฟังก์ชันสำหรับการคำนวณเส้นทาง และที่สำคัญมากๆ ก็คือ เราสามารถดาวน์โหลดไฟล์แผนที่แบบออฟไลน์มาเก็บไว้ในเครื่องได้แบบฟรีๆ ทุกประเทศทั่วโลก ซึ่งก็แน่นอนว่าแผนที่ประเทศไทยก็สามารถดาวน์โหลดมาได้แบบฟรีๆ เช่นกัน นอกจากนั้นก็สามารถตั้งค่าใช้งานเพิ่มเติมได้ และอีกหนึ่งฟีเจอร์เด่นที่มีอยู่บนแอพพลิเคชั่น HERE Maps มานานแล้วก็คือ ฟังก์ชัน Landmarks ซึ่งสามารถแสดงสถานที่สำคัญๆ ในรูปแบบของภาพ 3 มิติได้นั่นเอง ซึ่งก็ทำให้ผู้ใช้สามารถมองเห็นภาพของสถานที่นั้นๆ ได้อย่างชัดเจน และสมจริงมากยิ่งขึ้นว่ามีลักษณะ หรือมีโครงสร้างเป็นอย่างไร

และล่าสุดสำหรับแอพพลิเคชั่น HERE Maps ก็ยังมีฐานข้อมูลของร้านค้าตามชั้นต่างๆ บนห้างสรรพสินค้าชื่อดังเพิ่มเข้ามาอีกด้วย ซึ่งทำให้เราสามารถค้นหาร้านค้าแบบแยกชั้นได้ทันที ยกตัวอย่างเช่น หากเราอยากทราบว่าร้าน Nokia Lifestyle Shop อยู่ที่ชั้นไหนของห้างสรรพสินค้าสยามพารากอน ก็สามารถค้นหาได้อย่างง่ายดาย เป็นต้น

สำหรับการนำทางก็สามารถใช้งานได้ด้วยแอพพลิเคชั่น HERE Drive+ ซึ่งชิปจีพีเอสบน Lumia 920 นั้นมีการตรวจจับสัญญาณที่รวดเร็วและแม่นยำ สามารถเลือกให้แสดงแผนที่แบบ 3 มิติ หรือ 2 มิติก็ได้ตามใจชอบ เริ่มต้นใช้งานได้ง่ายๆ ด้วยการกำหนดจุดหมายที่เราต้องการจะไป ซึ่งจะมีฟังก์ชันค้นหาให้ใช้งาน เมื่อเลือกจุดหมายที่ต้องการได้แล้ว ก็สามารถสั่งให้โปรแกรมคำนวณเส้นทางให้ และเริ่มการนำทางได้ทันที ซึ่งอีกสิ่งหนึ่งที่น่าประทับใจก็คือ แอพพลิเคชั่น HERE Drive+ บน Lumia 920 นั้น มีเสียงนำทางภาษาไทยให้ใช้งานกันด้วย และเมื่อต้องการยกเลิกการนำทาง ก็ให้กดปุ่ม Stop นอกจากนั้น ก็สามารถกำหนดสีของแผนที่แบบกลางวัน และกลางคืนได้ มีฟังก์ชันสำหรับจัดการกับไฟล์แผนที่ มีการจำกัดความเร็ว สามารถเลือกให้หลีกเลี่ยงเส้นทางแบบต่างๆ ได้ สามารถดาวน์โหลดเสียงนำทางภาษาอื่นๆ เพิ่มเติมได้มากมาย กำหนดรูปแบบของหน่วยวัดได้ และจะสังเกตเห็นว่าใบอนุญาตของการนำทางนั้นเป็นแบบ Global ซึ่งนั่นก็หมายความว่าสามารถใช้งานระบบนำทางได้ฟรีทั่วโลกนั่นเอง สรุปแล้วเมื่อ HERE Maps ผนวกเข้ากับ HERE Drive+ ก็จะเกิดเป็นอุปกรณ์นำทางที่สมบูรณ์แบบ

แอพพลิเคชั่น HERE City Lens ก็เป็นแอพพลิเคชั่นแนว Augmented Reality ที่น่าสนใจมากๆ เนื่องจากสามารถค้นหาสินค้า, บริการ หรือสถานที่ ได้แบบเสมือนจริง โดยอาศัยการส่องกล้องไปในทิศทางต่างๆ นั่นเอง หากบริเวณใดมีข้อมูลอยู่หนาแน่น เราก็สามารถกดขยายออกมาได้ สามารถแสดงผลได้ทั้งแนวตั้ง, แนวนอน และแนวระนาบกันพื้น สามารถกดเข้าไปดูข้อมูลของสถานที่ๆ เราสนใจได้ สามารถสั่งให้เครื่องคำนวณเส้นทางให้ได้ทันที รวมไปถึงสั่งให้นำทางได้ด้วยเช่นกัน สำหรับหมวดหมู่ต่างๆ ก็จะแบ่งออกเป็นสถานที่ๆ ใกล้เคียง, อาหารการกิน, โรงแรม, ช้อปปิ้ง, สถานที่ๆ มีชื่อเสียง, นันทนาการ, สถานที่สำคัญ และการขนส่งมวลชน

ก็นับว่าการมาของ Nokia Lumia 920 นั้น เป็นเหมือนกับการสร้างความสดใหม่ และทางเลือกใหม่ให้กับวงการ สมาร์ทโฟน ในปลายปี 2012 ท่ามกลาง สมาร์ทโฟน ใน แพลทฟอร์ม ยอดนิยมอื่นๆ ไม่ว่าจะเป็น แอนดรอยด์ หรือ ไอโอเอส แต่ Nokia Lumia 920 นั้นเลือกที่จะแตกต่าง ด้วยระบบปฏิบัติการสำหรับ สมาร์ทโฟน ที่เป็นคลื่นลูกใหม่อย่างระบบปฏิบัติการ Windows Phone 8 ซึ่งมีการยกเครื่องใหม่ให้มีความสมบูรณ์แบบมากยิ่งขึ้น โดยเฉพาะในเรื่องการใช้งานภาษาไทยนั้น ถือได้ว่ามีการพัฒนาแก้ไขปรับปรุงมาให้ใช้งานได้อย่างเต็มรูปแบบ ทำให้ผู้ใช้ในประเทศไทยไม่ต้องกังวลกับเรื่องปัญหาในการใช้งานภาษาไทยอีกต่อไป ซึ่งแสดงให้เห็นว่า สมาร์ทโฟน Windows Phone นั้นมีการพัฒนาอย่างจริงจัง และจะมีอนาคตอีกยาวไกล

นอกจากความโดดเด่นในเรื่องของระบบปฏิบัติการ Windows Phone 8 แล้ว Nokia Lumia 920 นั้นก็ยังมาพร้อมกับนวัตกรรมระดับไฮเอนด์อีกมากมายที่ไม่สามารถมองข้ามได้ เริ่มตั้งแต่นวัตกรรมด้านการถ่ายภาพ และวิดีโอ ไม่ว่าจะเป็นเทคโนโลยี PureView, เลนส์ Carl Zeiss, เทคโนโลยีเลนส์แบบ Floating, ระบบกันสั่นแบบ Optical Image Stabilization หรือไฟแฟลช Dual LED แบบสัญญาณพัลส์กำลังสูง เป็นต้น ซึ่งทำให้ประสิทธิภาพของการถ่ายภาพ และวิดีโอนั้นอยู่ในระดับสูง

นอกจากนั้น Nokia Lumia 920 ยังมีองค์ประกอบที่โดดเด่นอีกหลายด้าน ตั้งแต่บอดี้ตัวเครื่องแบบ Unibody พร้อมวัสดุแบบโพลีคาร์บอเนต ซึ่งช่วยให้มีความแข็งแรงทนทาน พร้อมสีสันของตัวเครื่องที่มีให้เลือกถึง 5 สี (สีแดง, สีเหลือง, สีขาว, สีเทา และสีดำ), จอภาพ 4.5 นิ้วแบบ PureMotion HD+ ซึ่งให้ความละเอียดสูงถึง 1280x768 พิกเซล พร้อมอัตราการตอบสนองที่สูงถึง 60 เฟรมต่อวินาที, กระจกหน้าจอแบบ Gorilla Glass 2, เทคโนโลยีการชาร์จแบตเตอรี่แบบไร้สาย, หน่วยประมวลผลแบบ Dual-Core Snapdragon S4 ความเร็ว 1.5 GHz ที่ได้ทั้งความแรง และการประหยัดพลังงาน, หน่วยความจำแรมขนาด 1 GB, หน่วยความจำสำหรับเก็บบันทึกข้อมูลขนาด 32 GB, รองรับการใช้งาน 3G ทุกเครือข่าย, เทคโนโลยีการเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตที่ครบครัน, การเชื่อมต่อไร้สายแบบ NFC, โปรแกรมแผนที่ Nokia Maps และโปรแกรมนำทาง Nokia Drive ที่มั่นใจได้ในประสิทธิภาพ และใช้งานได้ฟรีตลอดชีพ, โปรแกรม Nokia City Lens ที่รองรับเทคโนโลยี AR อย่างเต็มรูปแบบ และอื่นๆ อีกมากมาย เรียกได้ว่ากับราคาค่าตัวที่ 21,500 บาท เมื่อแลกกับนวัตกรรมที่ใส่มาให้มากมายขนาดนี้ ก็ถือว่าคุ้มค่าครับ สุดท้ายนี้ก็ขอขอบคุณทุกท่านที่ติดตามชม พบกันได้ใหม่ในวิดีโอรีวิวรุ่นต่อไป สวัสดีครับ

- การออกแบบดีไซน์สวยหรู ทันสมัย พร้อมสีสันที่สดใส และมีให้เลือก 5 สีสัน ได้แก่ สีเหลือง, สีแดง, สีขาว, สีเทา และสีดำ
- มีพื้นผิวของตัวเครื่องให้เลือก 2 แบบคือแบบผิวมัน (Glossy) ได้แก่ สีเหลือง, สีแดง และสีขาว และพื้นผิวแบบด้าน ได้แก่ สีเทา และสีดำ
- ตัวเครื่องผลิตจากวัสดุแบบโพลีคาร์บอเนต พร้อมการขึ้นรูปเป็นชิ้นเดียวแบบ Unibody ซึ่งช่วยให้ตัวเครื่องมีความแข็งแรงทนทาน และดูแน่นหนามากเป็นพิเศษ
- รองรับการใช้งานภาษาไทยอย่างเต็มรูปแบบ ทั้งการพิมพ์ด้วยคีย์บอร์ดภาษาไทย, การอ่านข้อความภาษาไทย, เมนูใช้งาน, เว็บไซต์ภาษาไทย และการใช้งานฟังก์ชัน หรือแอพพลิเคชั่นอื่นๆ
- จอแสดงผลแบบ IPS TFT Capacitive Touchscreen 16,700,000 สี ความละเอียด 1280x768 Pixels (กว้าง 4.5 นิ้ว : 332 ppi : อัตราส่วน 15:9) พร้อมหน่วยประมวลผลภาพกราฟฟิคโดยเฉพาะแบบ Adreno 225
- เทคโนโลยี PureMotion HD+ ซึ่งความละเอียดในการแสดงผลมากถึง 1280x768 พิกเซล พร้อมอัตราการตอบสนองสูงสุดที่ 60 เฟรมต่อวินาที
- เทคโนโลยีหน้าจอความไวสูงแบบ Super Sensitive Touch ซึ่งสามารถตอบสนองต่อการสัมผัสได้หลากหลายนอกจากการใช้นิ้วมือ เช่น การสวมถุงมือ, การใช้ปลายเล็บ หรือการใช้ปากกา Stylus เป็นต้น
- กระจกหน้าจอแบบ Corning Gorilla Glass 2 ซึ่งมีความแข็งแกร่งทนทาน และป้องกันรอยขีดข่วนได้ดีเป็นพิเศษ
- ขับเคลื่อนการทำงานด้วยระบบปฏิบัติการ Microsoft Windows Phone 8 ซึ่งมีการพัฒนาประสิทธิภาพให้ดีขึ้นอย่างเห็นได้ชัดในหลายๆ ด้าน
- ประมวลผลการทำงานด้วย Dual-Core Krait Processor (ชิปเซ็ต Qualcomm MSM8960 Snapdragon S4 Plus) ความเร็วในการประมวลผล 1.5 GHz ซึ่งช่วยให้การประมวลผลโดยรวมมีความลื่นไหลเป็นอย่างมาก
- หน่วยความจำภายในสำหรับเก็บบันทึกข้อมูลขนาด 32 GB
- รองรับการใช้งานในโหมดของ Mass Storage ซึ่งหมายความว่าผู้ใช้สามารถเชื่อมต่อกับเครื่องคอมพิวเตอร์เพื่อโอนย้ายไฟล์ได้ทันที โดยไม่ต้องติดตั้งซอฟต์แวร์เพิ่มเติมแต่อย่างใด
- หน่วยความจำ RAM ขนาด 1 GB
- รองรับการเก็บบันทึกข้อมูลแบบ Cloud Storage ด้วยบริการ SkyDrive ได้สูงสุดขนาด 7 GB
- กล้องดิจิตอลตัวหลักที่ด้านหลังของตัวเครื่อง ความละเอียดระดับ 8.7 ล้านพิกเซล พร้อมเทคโนโลยี PureView และเลนส์กล้องคุณภาพสูงจาก Carl Zeiss
- เทคโนโลยีเลนส์แบบ Floating ช่วยให้มีประสิทธิภาพในการถ่ายภาพในที่แสงน้อย หรือที่มืดได้ดีเป็นพิเศษ (Low Light) โดยสามารถรับแสงได้มากกว่า สมาร์ทโฟน ทั่วไปถึง 5 เท่า (โดยไม่ต้องใช้ไฟแฟลช)
- เทคโนโลยี OIS (Optical Image Stabilization) ซึ่งเป็นระบบกันสั่นด้วยเลนส์ ดังนั้นจึงมีประสิทธิภาพมากกว่าระบบกันสั่นแบบทั่วไปที่ประมวลผลด้วยซอฟต์แวร์
- ไฟแฟลช Dual LED แบบสัญญาณพัลส์กำลังสูง
- ปุ่มกล้องดิจิตอลแบบ 3 จังหวะโดยเฉพาะที่ด้านข้างของตัวเครื่อง
- ค่ารูรับแสง (Aperture) กว้างสูงสุดที่ F/2.0 พร้อมทางยาวโฟกัส (Focal Length) 26 มิลลิเมตร
- ระบบโฟกัสภาพอัตโนมัติ พร้อมไฟสำหรับช่วยในการโฟกัสภาพ
- มีแอพพลิเคชั่น Lenses ให้เลือกใช้งานหลายอย่าง เช่น Bing Vision, Panorama, Cinemagraph และ Smart Shoot ซึ่งรองรับการถ่ายภาพในรูปแบบพิเศษมากมาย เช่นการถ่ายภาพในแนวกว้าง, การถ่ายภาพเคลื่อนไหวเฉพาะจุด, การเลือกใบหน้าที่ดีที่สุด และการลบวัตถุที่ไม่ต้องการออกไปจากภาพ เป็นต้น
- รองรับการถ่ายภาพวิดีโอที่ความละเอียดสูงสุดระดับ Full HD 1080p (1920x1080 Pixels : 30 fps)
- กล้องดิจิตอลขนาดเล็กที่ด้านหน้าของตัวเครื่อง ความละเอียดระดับ 1.2 ล้านพิกเซล พร้อมรองรับการถ่ายภาพวิดีโอที่ความละเอียดระดับ 720p (1280x720 พิกเซล : 30 fps)
- ค้นหาข้อมูลแผนที่ด้วยโปรแกรม Nokia Maps และนำทางด้วยโปรแกรม Nokia Drive+ พร้อมเสียงนำทางภาษาไทย และสามารถดาวน์โหลดแผนที่ และใช้งานระบบนำทางได้ฟรีตลอดชีพ ทุกประเทศทั่วโลก
- แอพพลิเคชั่น Nokia City Lens ซึ่งรองรับการค้นหาสถานที่, บริการ หรือสินค้าแบบเสมือนจริง ด้วยเทคโนโลยี AR (Augmented Reality)
- แบตเตอรี่มีความจุมากขึ้น ประกอบกับเทคโนโลยีหน่วยประมวลผลแบบ Snapdragon S4 จึงช่วยให้ประหยัดพลังงาน และใช้งานได้ยาวนานมากขึ้น
- รองรับเทคโนโลยีการชาร์จแบตเตอรี่แบบไร้สาย (Wireless Charging) พร้อมรองรับการใช้งานกับอุปกรณ์เสริมรูปแบบมากมาย
- รองรับเทคโนโลยีการเชื่อมต่อระยะใกล้แบบ NFC (Near Field Communications)
- รองรับการใช้งานกับคลื่นความถี่ 3G ได้ครบทุกคลื่นความถี่ในตัวเดียวกัน
- รองรับการใช้งาน Tiles และ Live Tiles พร้อมการปรับเปลี่ยนขนาด และการย้ายตำแหน่งของ Tiles ต่างๆ ได้อย่างอิสระ
รองรับการใช้งานแอพพลิเคชั่นที่กำลังได้รับความนิยม เช่น Line, WhatsApp, Facebook, Twitter และอื่นๆ
- เริ่มมีแอพพลิเคชั่นเฉพาะที่ออกมาแบบสำหรับคนไทยเพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ

สรุปประเด็นที่ผู้ซื้อต้องพิจารณาเพิ่มเติมของ Nokia Lumia 920

- ไม่สามารถใส่การ์ดหน่วยความจำแบบ microSD Card หรือแบบอื่นๆ เพิ่มเติมได้
- ไม่มีไฟ LED สำหรับการแสดงสถานะการทำงานของตัวเครื่อง
- ตัวเครื่องมีน้ำหนักมากขึ้น เมื่อเทียบกับรุ่นก่อนหน้านี้อย่าง Nokia Lumia 900
- พื้นผิวของตัวเครื่องสีแดง, สีเหลือ และสีขาว มีความมันลื่น และเกิดคราบเปื้อน หรือคราบมันได้ง่าย
- ไม่มีวิทยุ FM ในตัว
- การใช้งานคีย์บอร์ด ไม่รองรับฟังก์ชันตอบสนองด้วยระบบสั่น
- ไม่สามารถซูมภาพขณะที่กำลังถ่ายวิดีโอได้ ต้องซูมไว้ล่วงหน้าก่อนที่จะถ่าย
- จำนวนของแอพพลิเคชั่น ณ ปัจจุบันยังคงน้อยกว่าระบบปฏิบัติการคู่แข่ง เช่น ไอโอเอส หรือแอนดรอยด์
- ไม่สามารถถอดเปลี่ยนแบตเตอรี่ได้

* โทรศัพท์มือถือที่ท่านเห็นในบทความรีวิวนี้เป็นเพียงเครื่องทดสอบจากทางศูนย์ เพราะฉะนั้นคุณสมบัติบางอย่างอาจมีความแตกต่างจากเครื่องที่วางจำหน่ายจริงบ้างไม่มากก็น้อย รวมถึงจุดด้อยบางประการที่พบในเครื่องทดสอบ อาจจะถูกแก้ไขปรับปรุงให้ดีขึ้นในเครื่องที่วางจำหน่ายจริง ดังนั้นหากท่านสนใจซื้อโทรศัพท์มือถือรุ่นนี้ ควรตรวจสอบหรือทดลองใช้งานสินค้าด้วยตนเองอีกครั้งหนึ่ง *

สรุปคุณสมบัติเครื่อง

ท่านสามารถตรวจสอบคุณสมบัติแบบสรุป (Specification) ของ Nokia Lumia 920 ได้โดยการคลิ๊กที่ Link ด้านล่างนี้

บทความเด่นที่น่าสนใจสำหรับ Nokia Lumia 920