ตอนนี้คุณอยู่ที่ >> หน้าแรก >> หน้ารวม เคล็ดลับมือถือ >> รู้หรือไม่? การปิดแอปพลิเคชันบน iPhone ไม่ได้ทำให้เครื่องเร็วขึ้น หรือใช้ได้นานขึ้น เพราะอะไร? วันนี้เรามีคำตอบ


รู้หรือไม่? การปิดแอปพลิเคชันบน iPhone ไม่ได้ทำให้เครื่องเร็วขึ้น หรือใช้ได้นานขึ้น เพราะอะไร? วันนี้เรามีคำตอบ


สมาร์ทโฟนยอดนิยมที่สุดแบรนด์หนึ่งของผู้ใช้ทั่วโลกในปัจจุบัน คงหนีไม่พ้น iPhone 6s และ iPhone 6s Plus จากค่าย Apple เพราะไม่ว่าจะเปิดตัวมากี่ครั้ง กี่รุ่นก็ตาม ก็ยังคงมีผู้ให้ความสนใจอย่างล้นหลาม และยอดขายก็เพิ่มสูงขึ้นทุกปี ซึ่งนอกจากระบบปฏิบัติการ iOS ที่ใช้งานได้อย่างมีเสถียรภาพแล้ว ระบบ Multitasking ก็ยังคงใช้งานได้ลื่นไหลอีกด้วย

หากแต่ว่าพฤติกรรมหนึ่งที่ผู้ใช้อุปกรณ์ iDevice บางส่วนมักปฏิบัติเป็นประจำก็คือ การปิดแอปพลิเคชันทุกครั้งเมื่อไม่ได้ใช้งาน หรือการ Force Close ที่ใช้งานด้วยการกดปุ่มโฮมติดกัน 2 ครั้ง แล้วสไลด์หน้าจอแอปพลิเคชันนั้นๆ ขึ้นไปด้านบนเพื่อปิดการทำงาน ซึ่งผู้ใช้หลายท่านคิดว่าการปฏิบัติเช่นนี้จะช่วยให้ลดการใช้งานทรัพยากรเครื่อง และน่าจะช่วยยืดอายุพลังงานแบตเตอรี่ให้ใช้งานได้นานยิ่งขึ้น แต่แท้ที่จริงแล้วการกระทำดังกล่าวไม่เกิดประโยชน์ใดๆ ทั้งสิ้น ทีมงาน Thaimobilecenter จึงขอสรุปสาเหตุมาให้ทุกท่านได้รับทราบกันดังต่อไปนี้
 


Apple ได้พัฒนาระบบปฏิบัติการ iOS ให้มีฟังก์ชันการปิดแอปพลิเคชันผ่านทางหน้าจอ App Switcher มาเป็นเวลาหลายปีแล้ว ถึงแม้ว่ารูปร่างหน้าตาของหน้าจอดังกล่าวจะเปลี่ยนไปตามการดีไซน์ iOS เวอร์ชันใหม่ๆ แต่ระบบการทำงานพื้นฐานของหน้าจอนี้ก็คือ การสับเปลี่ยนการใช้งานระหว่างแอปพลิเคชัน (Multitasking) แต่ผู้ใช้บางส่วนเข้าใจว่า หน้าต่างแอปพลิเคชันที่ปรากฏขึ้นมาบนหน้าจอ App Switcher นั้นกำลังทำงานอยู่ตลอดเวลา (Background Apps Running) และจะทำให้เครื่องช้า, หน่วง รวมไปถึงการทำให้แบตเตอรี่หมดไวด้วย ซึ่งทั้งหมดนี้ "เป็นความเข้าใจที่ผิด"
 


ระบบปฏิบัติการ iOS ของ Apple ถูกออกแบบมาให้สามารถทำงานได้อย่างชาญฉลาด หมายความว่า ระบบปฏิบัติการนี้สามารถวิเคราะห์ได้เองว่า เมื่อคุณออกจากแอปพลิเคชันมาสู่หน้าจอหลัก (Home Screen) แอปพลิเคชันตัวนี้ควรประมวลผลต่อไป หรือหยุดการทำงาน และปิดแอปพลิเคชันในทันที ซึ่งทั้งหมดนี้จะเป็นการทำงานโดยอัตโนมัติทั้งสิ้น ดังนั้น การทำงานของหน้าจอ App Switcher คือการแสดงผล "แอปพลิเคชันที่เคยถูกเปิดใช้งานมาแล้ว" เท่านั้น โดยไม่คำนึงว่าแอปพลิเคชันดังกล่าวจะประมวลผลอยู่หรือไม่ก็ตาม
 


ความเข้าใจที่ผิดพลาดนี้ส่งผลให้ผู้ใช้บางคนถึงกับปิดแอปพลิเคชันบ่อยครั้ง จนกลายเป็นพฤติกรรมที่ต้องทำเป็นประจำ เพราะกลัวว่าเครื่องจะช้า หรือแบตเตอรี่จะหมดเร็ว ซึ่งข้อพิสูจน์ว่าเรื่องที่กังวลนั้นไม่เป็นความจริงสามารถทำได้ง่ายๆ โดยการเปิดแอปพลิเคชันขึ้นมาตามที่ต้องการ จากนั้นให้คุณรีสตาร์ทตัวเครื่อง (โดยไม่ต้องปิดแอปพลิเคชันเหมือนที่เคยทำ) และเมื่อตัวเครื่องกลับมาอยู่ในสภาพพร้อมใช้งาน ให้คุณลองกดปุ่มโฮมติดกัน 2 ครั้งโดยที่ยังไม่ต้องเข้าแอปพลิเคชันใดๆ คุณจะเห็นว่าในหน้าจอ App Switcher ก็ยังคงปรากฏหน้าต่างแอปพลิเคชันที่คุณเคยใช้งานก่อนหน้าที่จะรีสตาร์ทตัวเครื่อง แม้ว่า iPhone ของคุณจะผ่านการรีสตาร์ทอย่างสมบูรณ์มาแล้วก็ตาม
 


การปิดแอปพลิเคชันด้วยวิธีการ Force Close จำเป็นต้องทำก็ต่อเมื่อ แอปพลิเคชันที่คุณกำลังใช้งานอยู่นั้นเกิดอาการค้าง หรือไม่ตอบสนอง เช่น หากคุณกำลังใช้งานแอปพลิเคชัน Facebook แล้วเกิดอาการค้างจนไม่สามารถใช้งานได้ ให้คุณออกจากแอปพลิเคชันมาสู่หน้าจอหลัก (Home Screen) จากนั้นกดปุ่มโฮมติดกัน 2 ครั้ง แล้วใช้นิ้วสไลด์หน้าต่าง Facebook ที่ปรากฏขึ้นไปด้านบนเพื่อบังคับปิดการทำงาน จากนั้นจึงเข้าแอปพลิเคชันใหม่เพื่อกลับเข้าสู่การประมวลผล และการใช้งานตามปกติ
 


นอกจากนี้ ถ้าคุณยังเป็นห่วงเรื่องของแบตเตอรี่ หรือทรัพยากรตัวเครื่อง วิธีที่จะช่วยคุณได้จริงๆ ก็คือ การปรับลดความสว่างของหน้าจอ (Screen Brightness), เปิดใช้งานโหมด Low Power (เฉพาะใน iOS 9) หรือเข้าไปตั้งค่าปิดการใช้งาน Background App Refresh (Settings > General) เพียงเท่านี้ก็สบายใจได้แน่นอนว่า ทรัพยากรเครื่อง และแบตเตอรี่ของคุณจะใช้งานได้อย่างยาวนานขึ้นแน่นอน

 

นำเสนอทิป&ทริคโดย : Thaimobilecenter.com



วันที่ : 22/10/58



  แสดงความคิดเห็นที่นี่
ชื่อผู้โพสต์  (สมาชิกlogin ที่นี่) / สมัครสมาชิก
*
รายละเอียด
*

 
           Tags | More Smiles
ใส่ปี พ.ศ. ปัจจุบัน   ใส่เฉพาะปี พ.ศ. 4 ตัวเท่านั้น  
 


May be  (Guest)
 
 ความคิดเห็นที่ 4 Quote


 โพสต์เมื่อ 18/11/2018  เวลา 23:51      โหวตให้   โหวตลบ  

BOO  (Guest)
 
 ความคิดเห็นที่ 3 Quote
เปิดแอปกล้องโดยไม่ปิด แบตหมดเร็วมาก

 โพสต์เมื่อ 12/02/2017  เวลา 20:44      โหวตให้   โหวตลบ  

Test  (Guest)
 
 ความคิดเห็นที่ 2 Quote
จริงอยู่ App Switcher จะแสดงผล "แอปพลิเคชันที่เคยถูกเปิดใช้งานมาแล้ว" ซึ่งบางแอพได้ถูกหยุดการทำงานไปแล้ว แต่บางแอพที่เปิดใช้งานล่าสุด อาจจะหนึ่งแอพหรือมากกว่ายังคงทำงานอยู่ การปิดแอพโดยเลื่อนเพื่อ Force close ทำให้แอพที่ยังรันอยู่ปิดตัวลงได้ โดยสังเกตุจากเมื่อ Force close แล้วเปิดแอพใหม่ แอพจะเริ่มต้นทำงานใหม่ตั้งแต่แรก แต่ถ้าแค่กดปุ่ม Home แล้วเข้าแอพที่ยังทำงานอยู่จะเป็นเหมือนการ resume เข้าแอพและทำงานต่อจากที่ค้างไว้ล่าสุด

การสิ้นเปลืองแบตเตอรี่ที่ปล่อยให้แอพทำงานเป็น Background ย่อมสิ้นเปลืองกว่าการไม่ให้รันแอพรันเลยโดยการ Force close แน่นอนครับ แต่มากน้อยแค่ใหนต้องวัดเอาเองครับ

 โพสต์เมื่อ 25/10/2015  เวลา 19:57      โหวตให้   โหวตลบ  

Test  (Guest)
 
 ความคิดเห็นที่ 1 Quote
Test

 โพสต์เมื่อ 25/10/2015  เวลา 19:43      โหวตให้   โหวตลบ  













    Catalog มือถือ     market     Review มือถือ      ราคามือถือ     forum
Catalog มือถือ
Catalog มือถือ Nokia
Catalog มือถือ Samsung
Catalog มือถือ SonyEricsson
Catalog มือถือ i-mobile
Catalog มือถือ LG
Catalog มือถือ BlackBerry
ลงประกาศสินค้ามือถือ
สมัครสมาชิก
หน้าแรกตลาดซื้อขายมือถือ
 
หน้าแรกรีวิว
รีวิว มือถือ Nokia
รีวิว มือถือ Samsung
รีวิว มือถือ Motorola
รีวิว มือถือ LG
 

ราคามือถือ Samsung
ราคามือถือ iPhone
ราคามือถือ Huawei
ราคามือถือ OPPO
ราคามือถือ Vivo
   
   
หน้าแรก cafe
Nokia club
ตั้งหัวข้อใหม่
 

© Copyright all rights reserved : ThaiMobileCenter.com