FAQ / รายชื่อสมาชิก / กลุ่มสมาชิก / ข้อมูลส่วนตัว / ดูข้อความส่วนตัว / เข้าระบบ / สมัครสมาชิก
วิธีเลือกซื้อโทรศัพท์มือถือ มือ 2 SP Community - หน้าแรก » สยามโฟน ดอท คอม : ชุมชนผู้ใช้โทรศัพท์มือถือ (SP ZONE)
ตอบ: 10 / เข้าชม: 24837
View previous topic :: View next topic
Author Message atthaphon_s SP Moderator
สมัครเมื่อ: 28 Nov 2005 จังหวัด: YaLa
หัวข้อ : วิธีเลือกซื้อโทรศัพท์มือถือ มือ 2 วันที่โพสท์ : 10 Nov 2007 22:56
________________________________________ วิธีและกลยุทธในการเลือกซื้อโทรศัพท์มือถือ มือ 2
บทความโดย: atthaphon_s
บทความนี้เป็นบทความส่วนตัว เผยแพร่ในเว็บไซต์ www.siamphone.com คอมเท่านั้น หากต้องการนำไปทำการเผยแพร่ ให้ติดต่อ [email protected] หรือ www.siamphone.com ------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------
ขอให้ทุกคนจำข้อนี้เอาใว้เลยครับว่า สินค้ามือสอง มีโอกาสและความเสี่ยงถึง 70% นั่นก็หมายความว่า เครื่องที่ขายอยู่ตามร้าน บางครั้ง อาจจะเป็นเครื่องที่ เสียหรือพัง เจ้าของเดิมซ่อมแล้วซ่อมอีกจนหมดปัญญา และก็ขายทิ้งมา ก็เป็นไปได้ แต่ขอให้ทุกคนจงเข้าใจเอาใว้ว่า สินค้ามือสอง คือ สินค้าที่ผ่านการใช้งานมาแล้ว ซึ่งบางครั้ง ซื้อมาอาจจะมีปัญหาในภายหลังได้ ดังนั้นตอนซื้อ คุณควรจะเลือกให้ดีๆ ตัดสินใจให้นานๆ ก่อนที่จะจ่ายเงินหรือตัดสินใจอะไรลงไป คิดให้ถี่ถ้วน จะเป็นผลดีกับตนเองครับ
ในการเลือกซื้อมือสองนั้น จะใช้ทักษะและการสังเกตมากกว่าเครื่องมือ 1 หลายเท่าตัว เพราะแน่นอน จะบอกว่าไม่เคยซ่อมไม่เคยทำตกมันพูดกันยากครับ ดังนั้น ต้องมีความอดทนพอสมควรในการเลือกซื้อเครื่องมือสอง
เพราะเหตุใด จึงต้องมือ 2 1.อยากได้แต่เงินไม่พอ ( ผมเชื่อว่าข้อนี้ เป็นอันดับต้นๆ ของการตัดสินใจของคุณ ) 2.เสียดาย ไม่อยากซื้อมือ 1 ( เงินนะมี แต่อยากได้อยากมี ขี้เหนียว ว่างั้นเหอะนะ ) 3.บางคนชอบเปลี่ยนรุ่นบ่อยๆ ซื้อมือ 1 เสียดาย มือสองมันซะเลย สิ้นเรื่อง ขายต่อราคาหายไปไม่มาก 4.เป็นคนซู่มซ่าม ซื้อเครื่องใหม่ทีไร ทำตกทำหล่นพังทุกที มือสองซะเลย 5.รุ่นนี้ชอบมั๊กๆ อยากได้ แต่ เลิกผลิตไปแล้ว แบบนี้ก็ต้อง มือสอง 6. ฯลฯ และอีกสารพัดเหตุผล
แล้วเหตุผลของคุณหละ คืออะไร
แก้ไขครั้งล่าสุดโดย atthaphon_s เมื่อวันที่ 15 Jul 2008 20:02; ทั้งหมด 9 ครั้ง
atthaphon_s SP Moderator
สมัครเมื่อ: 28 Nov 2005 จังหวัด: YaLa
หัวข้อ : วันที่โพสท์ : 12 May 2008 21:25
________________________________________ เจ้าเครื่องมือ 2 ที่ว่านี้ ไปซื้อได้ที่ใหนบ้าง
เดี๋ยวนี้ ถึงจะมือ 1 แต่อย่าเพิ่งเชื่อใจนะครับ แต่ เอาใว้กล่าวในข้อถัดไป เรามาดูอย่างอื่นกันก่อนดีกว่า สามารถหาซื้อได้ที่ร้านติ่มซำและร้านขายผัก( อะพูดเล่งๆ ) ล้อเล่นครับ แหม ก็ซื้อที่ร้านสิ เอ๊ะ แล้วไอ้ ร้านที่ว่าเนี่ย มันหน้าตาเป็นไง และแตกต่างกันยังไง อันนี้เรามาดูกัน โดยคุณมีตัวเลือก ดังนี้
1. ศูนย์ตัวแทนจำหน่าย ( บางแห่งจะมีเครื่องมือสอง วางจำหน่ายด้วย ) 2.ร้านตู้กระจก ร้านขายมือสอง 3.ซื้อต่อมือต่อมือ
ซึ่งทั้ง สามอย่างที่กล่าวมานี้ ต่างมีจุดเด่นจุดด้อยที่แตกต่างกันออกไป ขอกล่าวรวบๆ ไปก็แล้วกันครับ
1.ศูนย์ ศูนย์ตัวแทนจำหน่ายบางแห่ง จะมีเครื่องมือสองที่ลูกค้ามาแลกซื้อหรือเทรินเครื่องวางจำหน่ายอยู่ด้วย แต่น้อยครั้งที่จะพบ ( ที่พบส่วนใหญ่จะเป็นศูนย์ย่อยๆ ตามต่างจังหวัด )
-----------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------
2.ร้านตู้กระจก ร้านรับมือสอง อันนี้จะเป็นร้านย่อยๆ ที่เห็นทั่วๆ ไปตามห้างชั้นนำทั่วไปนะแหละคับ ร้านพวกนี้เราจะพบเห็นได้ทั่วๆ ไป บางร้านจะมีจำหน่ายทั้งเครื่องมือ 1 และมือสอง
-----------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------
3.การซื้อขายแลกเปลี่ยนแบบมือต่อมือ อันนี้ ไม่ต้องแปล คือ การซื้อขายแบบมือต่อมือนั่นเอง ซึ่งกรณีนี้คือเจ้าของมาขายเอง อย่างในเวป Thaiseconhand จะมีผุ้มาประกาศขายของอยู่มากมาย และเวปบอร์ดอื่นๆ ซึ่งเจ้าของเครื่องจะมาลงประกาศเอาใว้ ( บางทีก็ใว้ใจไม่ได้ )
-----------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------
ส่วนคุณจะไปซื้อที่ใหน อยู่ที่ดุลพินิจของตัวคุณเอง เพราะของแบบนี้ มันอยู่กันที่ความพึงพอใจ แต่ควรจะเลือกให้ดีๆ เพราะของมือสอง คือของใช้แล้วหากพังหรือเสียหายขึ้นมาจะปวดกบาลมิใช่น้อย
Rem... สิงที่ควรจำเอาใว้เลยนะครับ โทรศัพท์มือ 2 น้อยครั้งที่จะไม่มีการซ่อมและย้อม เพราะมันคือเครื่องที่ผ่านการใช้งานมาแล้ว บางทีทำตกมาบ้าง หล่นน้ำมาบ้าง เสียมากเสียน้อยมาแล้ว ดังนั้น ขอให้ระรึกเอาใว้เสมอว่า ไม่มีเครื่องใหนที่บริสุทธ์ร้อยเปอร์เซ็น ( ขนาดเครื่องมือ 1 ยังโดนโกง โดนย้อมแมว แล้วมือ 2 มันจะไปเหลืออะไร )
atthaphon_s SP Moderator
สมัครเมื่อ: 28 Nov 2005 จังหวัด: YaLa
หัวข้อ : วันที่โพสท์ : 12 May 2008 21:25
________________________________________ เครื่องมือสองมีที่มาอย่างไร? และเหตุใดจึงต้องมีมือ 2
โทรศัพท์มือถือ มีออกใหม่กันแทบทุกเดือน ในแต่ละเดือน โทรศัพท์มือถือตกรุ่นเร็วมาก เป็นสินค้าฟุ่มเฟือยแบบสุดๆ ยิ่งออกรุ่นใหม่ เร็ว และถี่มากขึ้นเท่าใด เครื่องตกรุ่น และเครื่องมือสอง ก็จะมีมากเป็นทวีคูณ ใหม่วันนี้ พรุ่งนี้ก็เก่าแล้วครับ เอาเป็นว่า มาเข้าเรื่องกันดีกว่า
ที่มาของเครื่องมือสอง 1.ซ่อมแล้วซ่อมอีก จนเกินเยียวยา ขายทิ้งเลยดีกว่า 2.ประกันหมดแล้ว ใช้มานานแล้ว เปลี่ยนรุ่นดีกว่า 3.ทำตก ทำหล่น ขายทิ้ง 4.รุ่นใหม่ออกมาสวยสดกว่า ขายทิ้ง ซื้อรุ่นใหม่ดีกว่า 5.เสียบอล โดนหวยกิน ยับเยิน ไม่มีเงินใช้ ขายทิ้ง 6.ซื้อมาแล้ว ไม่ชอบใจ ไม่ถูกใจ เอ้า ขายยยยยยย 7.ขโมยเค้ามา เก็บได้ เลยเอามาขายยยยยยย( ถ้าโดนจับ คุ๊กนะครับ คุ๊กๆๆ ล้วนๆ คนซื้อระวังให้ดี ) 8.ฯลฯ และอีกมากมายหลายสาเหตุที่ต้องขายมือสอง
แล้วคุณคิดว่าเครื่องที่คุณจะไปซื้อมา มันมาจากกรรมวิธี หรือมาจากขั้นตอนใด อันนี้ มีข้อสังเกตคร่าวๆ ดังนี้
ประเภทที่ 1 สินค้าสภาพใหม่ แต่ ของไม่ครบ กล่องไม่มี ข้อนี้ จะน่ากลัวมาก เช่น เครื่องประกันยังอยู่ แต่กล่องไม่มี อุปกรณ์ไม่ครบ มีโอกาสจะเป็นเครื่องลักขโมยมาขาย หรือเครื่องที่วิ่งราวกระเป๋าเขามา มีความเป็นไปได้ถึง 70% เลยทีเดียว นั่นก็คือพูดง่ายๆ มีโอกาสที่จะเป็นข้อ 7,5 เพราะ คุณคิดว่า เครื่องถ้ายังใหม่ยังดี คนขายเค้าก็คงจะอยากได้ราคา ถ้าเขาอยากได้ราคาจริงๆ เค้าคงจะขายพร้อมกล่องและอุปกรณ์ไปแล้วหละ คงไม่ขายทั้งแบบนี้หรอก( อาการแบบนี้ผมเจอมาเยอะแล้ว )
ประเภทที่ 2 สินค้าสภาพใหม่ ของอยู่ครบทุกชิ้นทุกอัน ข้อนี้ ไม่ค่อยน่ากลัวอะไรมาก เพราะ ถ้ามีกล่อง มีโอกาสที่ สูง ที่เจ้าของเครื่องเป็นคนนำมาขาย ( ถ้าวิ่งราวมา มันเอามาได้แต่เครื่องแน่นอน มันคงไม่ลงทุนวิ่งไปขโมยกล่องใบเดียวจากในบ้านหรอก ) สาเหตุที่ขาย มีโอกาสจะเป็นข้อ 5,6
ประเภทที่ 3 สินค้าเป็นรุ่นเก่าๆ เลิกผลิตไปแล้ว ข้อนี้ มันมีสิทธิเป็นไปได้หลายข้อ และก็เหตุผลจะกว้างมากๆ มีสิทธิจะเป็นได้ตั้งแต่ข้อ 1-8 เลยทีเดียว ซึ่งสินค้าประเภทนี้ ถ้าเป็นรุ่นที่เก่ามากๆ โอกาสจะเจอเครื่องสภาพแย่ๆ ของไม่ครบ มีสูงมาก ซื้อไปแล้วก็วัดดวงเอาเลย 50/50 ลูกผีลูกคนเลยทีเดียว คนที่จะซื้อสินค้าประเภทนี้ต้องเซียน+เทพ พอตัวหน่อยครับ ถึงจะได้ของที่ดี
อันนี้เราควรจะพิจราณาด้วย เพราะเครื่องมือ 2 โอกาสที่จะเป็นของโจร ก็มีครับ ตอนซื้อควรจะคิดถึงข้อนี้ให้ดีๆ ด้วยครับ
atthaphon_s SP Moderator
สมัครเมื่อ: 28 Nov 2005 จังหวัด: YaLa
หัวข้อ : วันที่โพสท์ : 12 May 2008 21:26
________________________________________ หลักการเลือกซื้อมือสอง สิ่งที่คุณจะต้องมีนั่นก็คือ
1. อย่ามองโลกในแง่ดีเกินไป 2. จะต้องไม่เข้าข้างตัวเองจนเกินไป( ไม่หน้ามืดว่างั้นเหอะ ) 3. บางครั้งอย่าเชื่อในสิ่งที่ตาเห็น เผื่อใจใว้บ้าง 4. มีความเป็นกลาง 5. ไม่ละโมบโลภมาก 6. รอบคอบ ช่างสังเกตุ ช่างจับผิด 7. มีความรู้เรื่องอุปกรณ์พวกนี้ ( ไม่ต้องถึงกับเซียนหรอกครับ แค่พอจะเป็นนิดๆ หน่อยๆ ก็โอเคแล้ว ) และควรจะมีความรู้ในรุ่นที่ต้องการจะหาให้แน่นๆ เข้าใว้ 8. ไหวพริบดี ตัดสินใจเก่ง 9. ช่างเจรจาต่อรอง ( นี่ก็สำคัญ )
คุณมี 9 ข้อนี้หรือเปล่า ถ้ามี ก็ถือว่าใช้ได้แล้วครับ
ผมมีเทคนิคเล็กๆ น้อยๆ ในการพิจราณาการเลือกซื้อโทรศัพท์มือ 2 ครับ
สมมุติ
ต้องการซื้อ N72 มีร้านๆ นึ่ง ตั้งขาย 5600 บาท ของที่มากับเครื่อง มี กล่อง,เมโมรี่การ์ด,สายชาร์จ ( ของเกือบครบ ขาดหูฟังสมอลทอร์ค และ สายแปลง 3.5mm สำหรับเสียบลำโพง ) ก่อนคุณจะตัดสินใจซื้อ คุณควรสำราจราคาของเจ้าของที่ขาดด้วยครับ อย่างเช่น สายแปลง 3.5mm กับ สมอลทอร์ค ถ้าไปซื้อที่ศูนย์ Nokia Care แบบแกะกล่องมือ 1 เส้นนึงตกราวๆ 750 บาท เข้าไปแล้ว สองเส้นรวมกันก็ 1500 บาท
แต่ ราคาเครื่องมือ 1 นั่น ขายเพียง 7300 บาท คุณลองคิดให้ดีมันมีส่วนต่าง
สมมุติว่า คุณจะต้องไปซื้อชิ้นส่วนที่ขาดหายมา( ถ้าไม่คิดจะใช้ก็แล้วแต่ ) 1500 บาท + ค่าเครื่อง 5600บาท ซึ่งถ้าเป็นแบบนี้ จะเท่ากับว่า เครื่องนั้นเราซื้อมา 7100 บาท ซึ่ง เครื่องใหม่ขายอยู่ 7300 บาท แล้วแบบนี้ซื้อเครื่องใหม่ไปเลยไม่ดีกว่าเร่อ
ดังตัวอย่างจะเห็นได้ชัดว่า ก่อนคุณจะตัดสินใจซื้อ คุณต้องลองพิจราณาราคาระหว่าง มือ 1 และมือ 2 ให้ดีๆ อย่างบางรุ่นขายมือสอง 3000 บาท แต่มือ 1 ขายอยู่ 4000 บาท ถ้าแบบนี้ก็ไม่รู้จะซื้อไปทำไมเหมือนกัน เพิ่มอีก 1000 บาท ได้ของแถมครบ ได้ประกันเครื่องและค่าแรงฟรี 1 ปีไม่สบายกว่าเร่อ
ผมคิดว่า ส่วนนี้ คุณคงจะคิดเองได้
atthaphon_s SP Moderator
สมัครเมื่อ: 28 Nov 2005 จังหวัด: YaLa
หัวข้อ : วันที่โพสท์ : 12 May 2008 21:26
________________________________________ สำรวจราคามือ2+และมือ 1 ก่อนซื้อ มันก็เป็นสิ่งสำคัญนะครับ บางที เราอาจจะโดน( ต้มได้ ) เพราะคุณอย่าลืมว่า ราคาโทรศัพท์มือถือนั้น มันจะมีแต่ลงๆ และก็ลง เคยเจอหรือไม่ ซื้อมือสองมา 7พัน พอถัดไปอีก 5 วัน เครื่องศูนย์เหลือ 7500บาท -*- คนที่เคยโดนคงจะทราบถึงความเจ็บปวดรวดร้าวเป็นอย่างดี ( เคยโดนมาแล้ว ) ดังนั้น ก่อนซื้อหรือขาย แนะนำว่าให้สำรวจราคาให้ดีๆ ทั้งมือ 1 และมือสอง
**ดูราคาสิ รุ่นที่เราสนใจ มือ 1 ราคาเท่าไรหว่า
**ดูสิว่า ราคาของมือสองรุ่นที่เราสนใจ ตามร้านมือสองเค้าขายกันสักกี่บาท
วิธีสำรวจราคา 1.เดินสำรวจตามร้านขายมือ 1 และมือ 2 หลายๆ ร้าน 2.ตรวจสอบตามหน้าเวป
ข้อที่ 1 คงไม่ต้องพูดมาก แค่แต่งหน้าทาปาก เสริมหล่อเสริมสวยกันให้พอใจ ใส่รองเท้า และก็ออกมาเดินโบกรถแทกซี่ ( ไม่มีตังก็ นับเหรียญบาทในกระเป๋า แล้วก็โหนรถเมย์เอาก็แล้วกัน ) หรือไม่ก็ถ้าไม่อยากเสียเงินก็ ไปกับวงพลอย( พลอยติดรถชาวบ้านให้เขาพาไปส่งที่ร้าน -*- ) แล้วก็ไปถามเอาตามร้านเลย( ถามหลายๆ ร้าน ทั้งมือ 1 และมือ 2 )
ข้อที่ 2 ราคามือ 1 และมือสอง สามารถสำรวจได้ทางเวปไซด์ โดยยกตัวอย่างดังต่อไปนี้
ราคามือ 1 ดูได้ที่นี่ www.mlink.co.th http://www.siamphone.com/price/main.php
ราคามือ 2 เชิญได้ที่นี่ www.thaisecondhand.com ***เวปนี้ช่วยชีวิตผมเอาใว้หลายครั้ง [ เทคนิคส่วนตัวของผมเลย ผมจะใชวิธี เปิดหามือสองในเวปนี้แหละ โดยที่ ให้ค้นหารุ่นที่เราต้องการ พอหาเจอปุ๊บ เราลองเปรียบเทียบจากหลายๆ คนว่า เค้าขายกันราคาเท่าไรบ้าง โดยเราเอาราคานี้แหละมาเป็นเกณอ้างอิง ]
และเมื่อคุณสำรวจแล้ว ผมมีสิ่งนึงจะแนะนำครับว่า ถ้าราคาเครื่อมือสอง ถูกกว่าแค่ 20-30% ผมแนะนำให้เล่นมือ 1 เลยครับ ( เช่น มือ 1 ขาย 10000บาท แต่ มือสองดันขายกัน 7000-8000บาท ) ถ้าเป็นแบบนี้คุณลองคิดเอาสิว่า ส่วนต่างเพียง 20-30% นั้น มันจะแตกต่างแน่นอนหากเราเจอสภาพแบบนี้
1.ซื้อมาได้ 3 วัน ลำโพงไม่ดัง ( ใจไม่ดีแระ ) 2.ซื้อมาแล้ว ของก็ไม่ครบ ( คนขายไม่ลดสักบาท ของก็ไม่ครบ ) 3.ซื้อมาแล้วมารู้ทีหลังว่า หน้ากากปลอม แบตปลอม อุปกรณ์เสริมเก๊ ( ของแท้ เจ้าของหรือร้านค้า ขายรับประทานเกลี้ยงไปแระ เลยแถมของปลอมให้เราแทน ) 4.ซื้อมาแล้ว มารู้ทีหลังว่า เป็นเครื่องที่ลักขโมยมาอีกทีนึง( หนาวหละทีนี้ ) 5.ข้อนี้เด็ด ซื้อมาแล้ว เครื่องพัง เปิดไม่ติดเลย เห็น voild ประกันแปะอย่างหรูหรา ก็หลงคิดว่าประกันยังอยู่ พอเอาเข้าศูนย์ สิ่งที่ออกจากปากพนักงานกลับเจอคำๆ นี้ เช่น -เครื่องคุณ หมดประกันไปตั้งนานแล้วค่ะ นี่คือ voild ปลอม -เครื่องคุณเคยเปลี่ยนหน้ากาก ซ่อมมาแล้ว ตัดประกันค่ะ -เครื่องคุณ เจ้าของเก่า เคยเอามาเคลมแล้ว เนื่องจากทำตกน้ำ ทางศูนย์เลยตัดประกัน - ฯลฯ ( แค่นี้ก็สยองแล้ว )
คุณลองคิดสิว่า ส่วนต่าง แค่ 20-30% เนี่ย แล้วคุณต้องมาเจอกับเหตุการณ์แบบข้างบนนี้ คุณหละ อยากเจอมั๊ย
Rem... อุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ ความแน่นอน คือความไม่แน่นอน เพราะอุปกรณ์เหล่านี้ มันได้ถูก fix อายุงานมาแล้ว ถึงต่อให้คุณดูแลรักษาดีแค่ใหน สมมุติเค้าฟิ๊กอายุอุปกรณ์เอาใว้ 3 ปี หลังจากนั้นก็คือ พัง หรือทำงานอย่างไร้สเถียรภาพ เช่น เครื่องติดๆ ดับๆ จอติดบ้างไม่ติดบ้าง โทรออกไม่ได้บ้าง ฯลฯ ถ้าคนที่เรียนอิเล็กทรอนิกส์ หรือคนที่ชอบอิเล็กทรอนิกส์ เค้าจะเข้าใจนิยามนี้ดี
atthaphon_s SP Moderator
สมัครเมื่อ: 28 Nov 2005 จังหวัด: YaLa
หัวข้อ : วันที่โพสท์ : 12 May 2008 21:26
________________________________________ Voild ประกัน กับเครื่องมือ 2
..... ในกรณีโทรศัพทมือสองนั้น ขอให้คุณทำใจเอาใว้หน่อยครับ บางทีเห็น Voild ประกันแปะอยู่ บางคนอาจจะคิดว่า เครื่องยังมีประกัน ( เข้าใจผิด เลยซื้อมา ) แต่พอเอามาเครื่องมีปัญหา เห็น Voild แปะอยู่ เลยเอาส่งศูนย์บริการ แต่ผลปรากฏว่า เครื่องหมดประกันแล้ว เช่น ร้านแปะ voild ปลอมมา แล้ว up วันที่เพื่อให้เครื่องดูดีมีราคา,เครื่องเคยตกน้ำมาแล้ว ศูนย์ตัดประกัน เลยเอามาหลอกขาย( voild ยังไม่หมด แต่เครื่องเคยส่งศูนย์ไปแล้ว และก็โดนทำเรื่องตัดประกันไปแล้ว แต่ voild ยังแปะอยู่ ) และยังมีอีกสารพัดเรื่อง ดังนั้น ขอให้ทำความเข้าใจเอาใว้ตรงนี้เลยว่า voild ที่แปะอยู่นั้น บางทีเครื่องอาจจะไม่มีประกันแล้วก็เป็นได้
..... สำหครับเครื่องมือ 2 แล้ว Voild ประกัน เป็นสิ่งๆ นึง ที่เอาใว้ดูต่างหน้า เพราะ บางที วันที่ๆ ระบุเอาใว้ที่ voild อาจจะหมดประกันไปแล้ว ไม่ว่าจะด้วยสาเหตุใดๆ ก็ตาม อย่าถือเป็นจริงเป็นจัง
ตัวอย่าง Voild ประกันของบริษัทต่างๆ
... นี่คือตัวอย่าง หน้าตาของ Voild ประกันในแต่ละบริษัท จะมีความแตกต่างกันไป โดยในตัวของ Voild เอง บางบริษัทจะมีการบอกวันหมดอายุ EMEI และอื่นๆ เอาใว้ที่ตัว Voild ประกันอีกด้วย อยากรู้ว่าปมดประกันวันใหน ดูที่ Voild ได้
...Voild นี้ เป็นของ ศูนย์ MFA (Mobile Form Advance ) จะมีหน้าตาดังรูป โดยบริษัทนี้ จะบอกวันเริ่มประกันนะครับ โดยจะบอก เดือน/ปี ปีที่เริ่มการประกัน
...Voild นี้ เป็นของ UD จะมีหน้าตาดังรูป โดยบริษัทนี้ จะบอกวันเริ่มประกันนะครับ โดยจะบอก เดือน/ปี ปีที่เริ่มการประกัน
...Voild นี้ เป็นของ Mlink จะมีหน้าตาดังรูป โดยบริษัทนี้ สติ๊กเกอร์จะไม่บอกวันหมดอายุ เราสามารถเช็ควันเริ่มประกัน และวันหมดประกันได้จากศูนย์บริการ
...Voild นี้ เป็นของ True Shop จะมีหน้าตาดังรูป โดยบริษัทนี้ จะบอกวันหมดประกันนะครับ โดยจะบอก เดือน/ปี ที่หมดประกัน แต่ของศูนย์ True จะมีสิ่งนึงที่แตกต่างไปจากบริษัทอื่น คือ จะมีเลข EMEI ของโทรศัพท์ สกรีนบน Voild ด้วย ( ในรูป Voild มันเก่า เลข EMEI ลอกหมดแล้วครับ ^^ )
Rem.... แต่ละบริษัทจะมี Voild ประกันเป็นของตัวเอง และทุกๆ บริษัทจะมีกฏกติกาข้อนึงที่เหมือนกันนั่นก็คือ Voild ฉีกขาดเมื่อไร ถือเป็นอันสิ้นสุดการรับประกันสินค้า -*- ซื้อโทรศัพท์มาระวังๆ นะครับ ไม่ใช่เห็นว่าสติ๊กเกอร์อะไรไม่รู้ ดึงออกซะงั้น พอเสียขึ้นมาถ้าเขาไม่ซ่อมให้อย่าว่ากันเน่อ แต่ในบทความการเลือกซื้อโทรศัพท์มือถือ Voild เป็นเพียงสิ่งที่เอาใว้ดูต่างหน้าเท่านั้น ( ในบางครั้ง )
atthaphon_s SP Moderator
สมัครเมื่อ: 28 Nov 2005 จังหวัด: YaLa
หัวข้อ : วันที่โพสท์ : 12 May 2008 21:27
________________________________________ ระวัง! หากคุณพบเห็นตำหนิต่างๆ เหล่านี้ ให้หลีกเลี่ยง และ อย่าซื้อเป็นอันขาด
- ดังรูป ที่ผมวงกลมเอาใว้ นั่นคือลักษณะของจอแตก ซึ่งปกติแล้ว การแตกของจอมันมีอยู่หลักๆ 2 ลักษณะก็คือ 1. แตกหักจากภายนอก ( อย่าคิดลึก ) อันนี้ผมเชื่อว่า คุณน่าจะดูออก ก็คือ แตกหักไปเลย เห็นจะๆ 2. จะเป็นแบบในรูปคือ การแตกหักจากการกระแทกภายใน ซึ่งมันคล้าย Death Pixel ครับ ดูให้ดีๆ ถ้ามีอาการดังกล่าว เลี่ยงได้ก็เลี่ยงเลยนะครับ อย่าที่ยวไปซื้อมา
- ในส่วนของจอภาพ ให้เราลองดูที่จอภาพ อย่างที่วงกลมสีแดงเอาใว้ นั่นคือ Death Pixel หรือจุดตายสี แนะนำว่า ถ้ามีจุดดังกล่าวขึ้นบนจอภาพ อย่าเอาเลยจะดีกว่า ( ถ้ามีแค่ 1-2 จุด ไม่มีปัญหา ถ้ามีเยอะๆ ไม่เวอร์ค เพราะถ้ามีปัญหาขึ้นมาอย่างน้อยๆ ค่าเปลี่ยนจอก็ 1000-3000 บาทเป็นอย่างต่ำครับ ถ้าเป็นพวกที่ TutchScreen อย่างพวก PPC Phone แล้ว บางรุ่นราคาแพงกว่านี้อีก )
- เลข EMEI หากเลข EMEI ไม่ตรง เช่น ตัวถังเลขนึง เมนบอร์ดอีกเลขนึง อันนี้แนะนำว่าอย่าซื้อเลย แสดงว่าบอร์ดเดิมพังแล้ว เจ้าของเดิมคงใช้หยาบน่าดู ซึ่งแน่นอน แสดงว่าเครื่องนี้คือเครื่องยำ 100% อย่างไม่ต้องสงสัยเลย
- Voild ขาด ข้อนี้ให้ระวังให้ดี ถ้ามันขาดเพราะเปื่อยหรือขาดตามอายุ ไม่เป็นไร แต่ถ้าขาดเพราะการซ่อม หรืออื่นๆ ให้เลี่ยง แสดงว่าเครื่องนี้ซ่อมมาแล้ว
- น๊อตมีรอยแกะ หรือขึ้นสนิม พวกนี้ ห่างๆ ได้เลย
- บอดี้มีรอยแตกหักเสียหาย
- เมนบอร์ดบวม ซึ่งอาการนี้จะสังเกตได้ชัด เพราะ มันจะยึดกับตัวถังไม่อยู่ และมันจะลอยออกมา
- เสียบเข้าไปกี่ซิมๆ ก็หาซิมไม่เจอ หรือ พอปิดเปิดเครื่องทีไร หาซิมไม่ได้ทุกที หรือหาเจอบ้างไม่เจอบ้าง สัญญาณไม่ยอมขึ้น บางทีก็ Offline ให้คุณ เลี่ยงเลยครับ
- พวกเครื่องที่มีรอยซ่อมดังรูป ( ปกติมันจะมองไม่เห็น เพราะมันอยุ่ที่ตัวเมนบอร์ด ) แนะนำว่า หากคุณพบเห็นสิ่งผิดปกติเช่น บอร์ดมีรอยคราบใหม้ หรืออื่นๆ แนะนำว่า ให้หลีกเลี่ยงจะดีที่สุด
- หากพบเห็นว่า สติ๊กเกอร์ EMEI มีรอยยับ หรือรอยบิ่น รอยแกะ แนะนำว่าอย่าเอา แสดงว่าเครื่องน่าจะเคยเปลี่ยนบอดี้ มาแล้ว
Rem.... ถ้าพบเจอสิ่งเหล่านี้ ให้คุณถอยให้ไกลๆ เลย อย่าได้ไปเฉียดกับมันเป็นอันขาด และอย่าคิดที่จะซื้อกลับบ้าน ถ้าไม่อยากเจอปัญหาตามมา
atthaphon_s SP Moderator
สมัครเมื่อ: 28 Nov 2005 จังหวัด: YaLa
หัวข้อ : วันที่โพสท์ : 12 May 2008 21:27
________________________________________ ปัญหาที่เกิดตามมาหลังจากซื้อเครื่องมือสอง และตัวอย่างบทเรียนราคาแพง จากการที่ไม่รอบคอบในขั้นตอนเลือกซื้อ
ตัวอย่างนี้เป็นตัวอย่างทิ้งท้าย เป็นอีก 1 บทเรียน ของการที่เราไม่รอบคอบในขณะเลือกซื้อเครื่องมือสอง
ของมือสองนั้นตาดีได้ ตาร้ายเสีย บางที เสียมากกว่าที่จะได้ ตรงนี้ผมได้มีตัวอย่างมาให้ท่านชม 1 เครื่องครับ เป็นเครื่องของเพื่อนผมเอง เอาเป็นว่า ผมให้ดูรูปก่อนเลยนะครับ
- หน้าตาสวยใสไร้ที่ติ งดงามมากๆ ครับ
ตอนแรกๆ ซื้อมา ไม่มีปัญหาใช้ได้ตามปกติ แต่หลังๆ เครื่องเริ่มกินแบต หาสัญญาณเจอมั่งไม่เจอมั่ง บางทีบลูทูธก็เปิดไม่ได้ พอเอาไปที่ร้านๆ ก็บ่ายเบี่ยง จนเพื่อนผมมันอดรนทนไม่ได้ เลยเอามาให้ผมดู แต่สิ่งที่พบ เป็นดังนี้
- มี Voild แปะมา ( ไม่ใช่ Voild ศูนย์ แต่เป็น Voild ร้านที่ซ่อมเครื่อง ) ซึ่ง Voild ดังกล่าว อยู่ในสภาพที่ฉีกขาดไปแล้ว แสดงว่าภายในได้มีการซ่อมมาแล้วอย่างแน่นอน
- มีร่องรายน้ำยาประสานและมีร่องรอยการซ่อมมาแล้วอย่างโชกโชน ไม่ว่าจะเป็น CPU หรือภาครับสัญญาณ 3G ก็โดนแก้ใขมาแล้ว
- ฮีดซิงค์ก็ไม่มี ตอนซ่อมช่างไม่ได้ใส่มาให้ด้วย แถมรอยซ่อมก็มี
สรุป ตอนนี้กลายเป็นขยะไปแล้วครับ เพราะมันเปิดไม่ติดเป็นที่เรียบร้อยแล้ว เครื่องนี้ ซื้อใช้ได้แค่ 1 เดือน
ตอนซื้อ 6600บาท แต่ถ้าจะให้ซ่อม ซ่อมไม่ได้แล้ว เพราะลาย CPU ขาดไปแล้ว ต้องเปลี่ยนบอร์ด ซึ่งร้านซ่อมคิดค่าบอร์ด 3000บาท ทีนี้คุณก็ลองคิดเอาสิว่า
6600+3000= 9600บาท เท่ากับว่า ถ้าคุณซ่อมเครื่องนี้ ก็เท่ากับคุณซื้อเครื่องนี้มา 9600บาท ซึ่งราคามันเทียบเท่ากับเครื่องมือ 1 เชียวนะครับ คุณลองคิดดูให้ดีๆ สิครับ ซื้อมา หูฟังก็ไม่มี สายดาต้าก็ไม่มี
นี่แหละครับ ผลจากการที่เราไม่รอบคอบไม่คิดให้ดีก่อนซื้อ ฝากเอาใว้ตรงนี้ด้วยนะครับ ผมเชื่อว่าหลายๆ ท่านน่าจะเคยประสบมาบ้างแล้ว ซื้อมา 6600บาท ใช้ได้เดือนเดียว เสีย เงินหายไปแบบสูญเปล่าโดยที่ไม่ได้อะไรกลับมา ( เครื่องนี้เพื่อนผมซื้อจาก...... เมื่อหลายเดือนก่อน แต่ไม่ทราบว่าซื้อมาจากร้านใหน ผมเลยยืมเอามาทำรีวิวให้ดู )
atthaphon_s SP Moderator
สมัครเมื่อ: 28 Nov 2005 จังหวัด: YaLa
หัวข้อ : วันที่โพสท์ : 12 May 2008 21:29
________________________________________ วิธีและกลยุทธในการเลือกซื้อโทรศัพท์มือถือ มือ 2
สิ่งที่สำคัญที่สุด ต้องดูให้ดีๆ ก็คือเริ่มจากสภาพภายนอกเลย ซึ่งในการเลือกซื้อมือสอง จะละเลยไม่ได้เลยแม้แต่ข้อเดียว เพราะมันเป็นของที่ถูกใช้งานมาแล้ว จะมาให้ซื้อไปอย่างสบายๆ แบบเครื่องมือ 1 ได้อย่างไร หากใว้ใจมันมากเกินไป สักวันคุณจะปวดหัวเอง ถ้าได้ของดีก็ดีไป ถ้าเจอคนหลอกขายของพังๆ มาเมื่อไร คงจะเสียความรู้สึกอย่างแน่นอน ดังนั้น กันใว้ดีกว่าแก้ ของมือสองต้องใช้เวลาดู เพราะประสบการณ์ผมก็เคยเจอกับตัวเองบ่อย พอเจอรุ่นนี้ ราคาถูกใจ ขายไม่แพง สภาพสวย พอซื้อได้ 3 วัน เปิดไม่ติดแล้ว เอาไปที่ร้านที่ซื้อ เค้าก็ปัดความรับผิดชอบ พอเอาไปให้ร้านข้างนอกซ่อม ปรากฏว่า เครื่องเคยทำตกน้ำมาแล้ว บอร์ดใหม้ ลายวงจรขาด เคยซ่อมมาแล้ว มันจะมีสายไฟเส้นนึงบัดกรีต่อวงจรเอาใว้ นี่ยังไม่นับอย่างอื่นอีกนะครับ ช่างเค้าบอกแค่ว่า ซื้อใหม่เหอะครับ พอถามราคาค่าซ่อม ช่างบอก 2000บาท ( อึ้งไปเลย เพราะผมซื้อมือ 2 มา 3500.- แต่ต้องมาซ่อมอีก 2,000.- ทั้งๆ ที่ราคามือ 1 แค่ 5800บาท เสียความรู้สึกมาก ) ดังนั้นอย่าใว้ใจคนมากเกินไปครับ ของผมยังดี นี่แค่ตัวอย่างเดียวครับ เรื่องเงินอาจจะฟังดูไม่มากมาย แต่ เจ็บใจครับ ตอนไปซื้อพูดซะดิบดี พอขายได้แล้ว หน้ามือกับหลังฝ่าเท้า เหมือนเราจะไปขอทานเค้าอย่างงั้นแหละ จำเอาใว้ครับ มันไม่โชคดีเสมอไป ผมยังคิดอยู่เลยว่า เหมือนเอาเงินไปทิ้งเลย เอาไปบริจาค หรือทำบุญซะยังดีกว่ามาเสียกับเรื่องโง่ๆ แบบนี้ เอาเป็นว่า มาดูขั้นตอนกันเลยดีกว่าครับ
ตัวอย่างสาธิตการตรวจสอบการเลือกซื้อเครื่องมือสอง
ในที่นี้ผมได้เอาพระเอกในอดีตอย่าง 3650 มาเป็นผู้แสดงนะครับ โดยการสาธิตนี้ จะทำให้คุณเห็นภาพรวมมากขึ้น เรามาดูการสาธิตกันเลยดีกว่า
วิธีเลือกซื้อโทรศัพท์มือถือมือ 2
1. เริ่มแรก สัมผัสภายนอก ดูให้ทั่วทุกมุม เพื่อหาตำหนิว่า มีรอยถลอกหรือไม่ มีอะไรแตกหักเสียหายบ้างหรือเปล่า ก็ไม่มีอะไรมาก ก็จับมาพลิกไปพลิกมาดูไปรอบๆ ตัวเครื่องว่า มีรอยบิ่น รอยหัก หรือว่ามีรอยแตก รอยถลอกมากน้อยเพียงใด ที่เหลือเราก็จะนำมาพิจราณาในการตัดสินใจต่อไป
- หน้า ดูสิว่า หน้ากากมีรอยแตกหักถลอกปอกเปิกหรือไม่
- หลัง ดูสิว่า มีรอยมากน้อยเพียงใด รวมถึงเลนส์กล้องด้วย
- ซ้าย ช่อง ir หลวม หรือแตกบ้างหรือไม่ เช็คให้ละเอียด ดูร่องรอยความเสียหายให้ดีๆ
- ขวา พยายามดูร่องรอยความเสียหาย
- บน พวกปุ่มเปิดเครื่องลองดูสิว่า มีรอยขาด ผุ หรือเสียหายบ้างหรือเปล่า กดยากหรือไม่ ดูให้ดีๆ
- ล่าง พยายามลองดูสิว่า พวกช่องเสียบหูฟังหรือสายชาร์จมีร่องรอยความเสียหายบ้างหรือเปล่า ถ้ามีเป็นมากหรือไม่ ดูให้ดีๆ
Rem.. หากเครื่องมีตำหนิมากเกินไป เช่น สีถลอกปอกเปิก หน้ากากมีรอย ตัวถังร้าว ฯลฯ ที่เหลือคงไม่ต้องดูแล้วหละครับ วางๆ ไปเลย ดูไปก็เสียอารมณ์
-----------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------
2. สัมผัสภายใน อย่างกรณี 3650 เป็นรุ่นที่สามารถถอดเปลี่ยนหน้ากากได้ แนะนำว่า ให้เราถอดหน้ากากรวมไปถึง ถอดแบตถอดซิม ออกมาให้หมด และให้เราลองสังเกตตำหนิต่างๆ บนตัวเครื่อง โดยในที่นี้ เราการสังเกตจะแบ่งเป็นสองส่วนใหญ่ๆ ก็คือ
2.1 ตัวเคสบอดี้กลาง( หรือตัวเครื่องนั่นเอง ) 2.2 หน้ากาก หรือฝาครอบต่างๆ ที่ถอดออกมา รวมถึงแผงปุ่มกด
ตัวเคสบอดี้กลาง ( สำคัญมากๆ ดูให้ดีๆ เน่าไม่เน่าอยู่ที่เจ้านี่แหละ )
Trip...ในขณะที่คุณไล่มุมหรือดูตามตัวเครื่องหลังจากที่ถอดหน้ากากแล้วนั้น ให้คุณพยายามจับผิดหรือสังเกตตัวน๊อต หรือตามขอบต่างๆ ให้ดีว่า มีรอยขัน หรือรอยแตก รอยซ่อมมาบ้างหรือไม่ และพยายามสังเกตเดือยล็อคหน้ากากว่า มีรอยแตกหักหรือบิ่นเสียหายหรือไม่ ถ้ามีให้พยายามเลี่ยงๆ จะดีที่สุด
- ถอดออกให้หมด
- เริ่มกันเลย ให้เราสังเกตุตามมุมต่างๆ เช่น มุมบนของจอ ตรงที่ผมวงกลมสีแดงเอาใว้ นั่นคือน๊อต คุณต้องสังเกตดูว่า น๊อตมีรอยบิ่นหรือเปล่า และตรงที่วงกลมเอาใว้ ตรงมุมจอ ให้คุณลองสังเกตให้ดีๆ ว่า มีรอยแตกหัก หรือร้าวหรือไม่ ( ปกติเครื่องพวกนี้ ถ้าเคยซ่อมมาบ่อย จอจะถูกขันอยู่บ่อยๆ และจอพวกนี้จะมีจุดอ่อน ถ้าโดนขันบ่อยๆ มันจะมีรอยร้าว ดังนั่นสังเกตให้ดีๆ )
- ลองไล่มุมไปเรื่อยๆ อย่างมุมนี้เป็น Port Ir ( ช่องสีดำๆ )และตรงทีผมวงกลมเอาใว้ นั่นเป็นเดือยล็อคหน้ากาก ดูให้ดีๆ ว่า แตกหัก หรือบิ่นบ้างหรือไม่ ถ้าบิ่นหรือแตกหัก จะทำให้ตอนใส่หน้ากากมันจะล็อคไม่แน่น ดูให้ดีๆ ครับ
- ลองสังเกตดูว่า แผงปุ่มกด มีรอยรื้อ หรือว่ามีรอยใหม้ หรือมีคราบเกลือขึ้นมาบ้างหรือไม่
- ตรงที่ผมวงกลมสีแดงเอาใว้ นั่นก็คือ ถาดอ่านซิม และที่เสียบ Memory และก็ขั้วแบต ซึ่งพูดกันง่ายๆ ตรงขั้ว Contac ต่างๆ จะต้องไม่บิดงอ บิ่น หรือเป็นรอยใหม้เป็นอันขาด หากพบว่ามีตำหนิเช่นสนิม รอบบิดงอ หรืออื่นๆ แนะนำว่า อย่าเอาครับ วางเหอะ เอาไปก็สร้างปัญหาอีก
Rem... ซึ่งส่วนนี้ จะเป็นที่อยู่อาศัยของเมนบอร์ด จอ ปุ่มกด และอื่นๆ ซึ่ง ถ้าเราดูไม่ดี หรือไม่สังเกตให้ดีๆ โอกาสจะได้เครื่องสภาพไม่ดี ก็มีสูง ซึ่งตรงส่วนนี้ หากพบความผิดปกติ แนะนำว่าให้เลี่ยงเลยครับ อย่าเที่ยวไปซื้อมาเป็นอันขาด
หน้ากาก หรือฝาครอบต่างๆ ที่ถอดออกมา รวมถึงแผงปุ่มกด
- ในจุดที่ผมวงกลมสีแดงเอาใว้ นั่นคือตำแหน่งของเดือยล็อคหน้ากาก ซึ่งจะไปยึดกับตัวถังเครื่องอีกทีนึง ตรงนี้ให้คุณสังเกตดีๆ ว่ามีรอยแตกหักเสียหายหรือไม่ เพราะหากมันแตกหักจะทำให้มันยึดกับตัวถังไม่แน่น ทำให้เหงื่อหรือน้ำสามารถซึมผ่านเข้าไปทำลายอุปกรณ์ภายในได้ สังเกตให้ดีๆ
- ส่วนของปุ่มกดนั้น ตัวปุ่มยาง ให้คุณลองสังเกตให้ดีๆ ว่า มีรอยฉีกขาด หรือว่าตัวปุ่มมีรอยหรือทำท่าจะหลุดหรือไม่ ให้ดูให้ดีๆ
Rem... ข้อนี้ สำหรับการดูหน้ากากหรือฝาครอบนั้นไม่น่าซีเรียสมากนัก เพราะ มันหาซื้อง่าย และหาเปลี่ยนง่าย มีอยู่ทั่วๆ ไป มีทั้งถูกทั้แพง ( ยกเว้นรุ่นที่เลิกผลิตแล้วอย่างรุ่นนี้ น่ากลัวหน่อย อาจจะไม่มีให้เปลี่ยนอีกแล้วก็ได้ ระวังให้ดีๆ ) ในกรณีแบบนี้ หากเป็นเครื่องรุ่นปัจจุบัน หรือรุ่นที่ยังมีมือ 1 ขายอยู่ ก็ไม่น่าเป็นห่วงอะไรสำหรับข้อนี้ แต่ถ้าเป็นรุ่นที่เลิกผลิตไปแล้ว จะน่ากลัวซะหน่อย เวลาพังอาจจะไม่มีอะไหล่เปลี่ยนก็เป็นได้ ( เหมือนกับ 7710 ของเพื่อนผม ปุ่มกดวางสายขาด จนบัดนี้ ยังหาเปลี่ยนไม่ได้เลย )
-----------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------
3. ดู Voild ประกัน ในข้อนี้ ผมไม่อยากให้ซีเรียสมาก เพราะเครื่องมือสองมันคือเครื่องที่ใช้แล้ว บางที Voild ที่แปะ บางครั้ง ( คนที่ทุจริต เค้า สามารถแปะวันใหม่หรือเป็นปัจจุบันได้ ) ดังนั้นอย่าไปใส่ใจ บางเครื่องก็ใช้งานมานานจนประกันหมดแล้วก็มี หรือบางเครื่องเคยซ่อมมาก่อน Voild อาจจะโดนแกะหรือหลุดไปแล้วก็มี ให้เราละใว้ในฐานที่เข้าใจดีกว่าครับ เราจะพิจราณามันก็ต่อเมื่อ เราเจอเครื่องที่มีสภาพใหม่มากๆ และของอยู่ครบ อันนี้เรามาพิจราณากันอีกทีได้ครับ วิธีดูวันหมด ก็เหมือนๆ กับวิธีดูเครื่องมือ 1 ที่ผมเสนอไปแล้วนะแหละครับ ( ถ้าได้เครื่องที่ยังมีประกันอยู่ก็จะดีไม่น้อยเลยครับ )
-----------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------
4. ลองใส่แบต ใส่ซิม ใส่เมโมรี่การ์ด เพื่อทดลองเปิดเครื่อง โดยข้อนี้ให้คุณสังเกตหลักๆ ดังนี้
- ตัวแบต จะต้องอยู่ในสภาพดี และทางที่ดีควรจะเป็นแบตแท้ และที่สำคัญ จะต้องไม่มีรอยยุบ หรือสติ๊กเกอร์จะต้องไม่มีรอยฉีกขาด หรือพูดกันง่ายๆ จะต้องไม่ใช่แบตที่เก่าจนเกินไป
เมื่อใส่แบตใส่ซิมไปแล้ว ให้เราเปิดเครื่องได้เลย โดยเมื่อเปิดขึ้นมาแล้ว ให้คุณสังเกตดูหลักๆ ดังนี้
1. ไฟที่แผงปุ่มกด จะต้องติดทุกดวง
2. สัญญาณจะต้องขึ้น ( แนะนำว่า ตอนที่ลองซื้อให้เอาซิมไปสัก 2 อัน โดยให้เลือกซิมไป 2 เครื่อข่ายเช่น Dtac,GSM เพราะเราจะได้เทสว่าภาครับสัญญาณมีปัญหาหรือไม่ เพราะผมก็เคยประสบมาเหมือนกัน ใส่ซิมได้ไม่ทุกซิม ) ซึ่งข้อนี้สำคัญมากๆ หากคุณใส่ซิมแล้วเครื่องไม่อ่านซิม หรือขึ้น Insert Sim Card ตลอดเวลา หรือใส่ซิมแล้วเครื่องเห็นซิมบ้างไม่เห็นซิมบ้าง แบบนี้ไม่ต้องเอาแล้วครับ วางเหอะ อย่าไปซื้อเลย เอามาก็มีปัญหาเปล่าๆ
3. ลองกดปุ่มดูทุกปุ่มว่า กดติดทุกปุ่มหรือไม่ แล้วตอนกดปุ่มปกติดีหรือเปล่า ถ้าผิดปกติเช่น ปุ่มยวบยาบ หรือกดไม่ค่อยไป อันนี้ก็ดูให้ดีๆ ว่าเป็นที่ยางปุ่มกด หรือเป็นที่แผงคีย์บอร์ด ถ้าเป็นที่ยางปุ่มกดยังพออภัย แต่ถ้าเป็นที่แผงคีย์บอร์ดเลยก็วางเหอะครับเพ่น้อง!
- ในส่วนของจอภาพ ให้เราลองดูที่จอภาพ อย่างที่วงกลมสีแดงเอาใว้ นั่นคือ Death Pixel หรือจุดตายสี แนะนำว่า ถ้ามีจุดดังกล่าวขึ้นบนจอภาพ อย่าเอาเลยจะดีกว่า ( ถ้ามีแค่ 1-2 จุด ไม่มีปัญหา ถ้ามีเยอะๆ ไม่เวอร์ค เพราะถ้ามีปัญหาขึ้นมาอย่างน้อยๆ ค่าเปลี่ยนจอก็ 1000-3000 บาทเป็นอย่างต่ำครับ ถ้าเป็นพวกที่ TutchScreen อย่างพวก PPC Phone แล้ว บางรุ่นราคาแพงกว่านี้อีก )
-----------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------
5. ให้เราทำการตรวจสอบเลข EMEI โดยให้เรากด *#06# แล้วให้เรานำเลขดังกล่าว มาเปรียบเทียบกับ EMEI ตัวเครื่องซึ่งจะอยู่ใต้ของแบตเตอรรี่
กดแล้วได้เลขอะไร เอามาเทียบกับตัวถังเครื่องได้เลย
Rem.... ในกรณีนี้เหมือนเดิม แต่จะแตกต่างกันตรงที่ เครื่องมือสอง อาจจะไม่มีกล่อง ดังนั้นให้พยายามเปรียบเทียบกันสองส่วนระหว่าง ตัวเครื่อง กับหน้าจอ ให้ตรงกันเป็นพอ ( ถ้ามีกล่องก็เอากล่องมาเทียบด้วยเลย ) ถ้าเลขไม่ตรง อันนี้ก็อยู่ที่ตัวคุณแล้วหละครับ ต้องเข้าใจว่า ของมือสอง แน่นอน โอกาสที่บอร์ดเดิมอาจจะพังแล้ว เจ้าของไปเปลี่ยนบอร์ดใหม่มา ทำให้ EMEI ไม่ตรง แต่แนะนำว่า อย่าเอาเลยจะดีกว่าครับ ( ยกเว้นถ้าเครื่องมันเป็นรุ่นที่เก่ามากแล้วอย่างพวก 3310 พวกนี้ไม่ต้องไปซีเรียสแล้วครับ เพราะเครื่องมันถูก แถมหาสภาพดีก็ยากเต็มทนแล้ว ) แต่ถ้ากรณีเครื่องรุ่นใหม่ๆ อยู่ หรือรุ่นที่ยังมีราคาแพงๆ อย่าไปเสี่ยงจะดีกว่าครับ
-----------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------
6. ตรวจสอบว่าเครื่องเราได้ผ่านการใช้งานมานานเท่าไรแล้ว ให้เรากด *#92702689# ( ตรวจ Life Time ) และดูเลขที่ปรากฏ ว่าเครื่องนี้ใช้งานมานานเท่าไรแล้ว แต่สำหรับตรงจุดนี้ไม่อยากให้ซีเรียส เพราะเครื่องมือสอง มันเป็นเรื่องธรรมดาที่จะมีชั่วโมงการใช้มากๆ เราดูเอาใว้เพื่อประกอบการตัดสินใจ แต่อย่าถือเอาจริงเอาจังสำหรับข้อนี้( ชุดคำสั่งนี้ใช้ได้กับโทรศัพท์บางรุ่นนะครับ โดยบางรุ่นจะมีวิธีเช็คที่แตกต่างกันออกไปครับ )
-----------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------
7. ลองโทรออก รับสายดู ว่ามีอะไรผิดปกติมั๊ย เสียงดังฟังชัดหรือเปล่า ในขณะที่ลองนั้น ให้เราลองดูเลยว่า เสียงริงโทนดังหรือไม่ เครื่องสั่นหรือไม่ ดูให้ดีๆ นะครับตรงจุดนี้
-----------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------
8. ลองเล่นฟังค์ชั่นต่างๆ ที่มีมาในเครื่อง ดูสิว่ามีปัญหาอะไรหรือไม่ ดังตัวอย่างเช่น
- ลองถ่ายรูปดูสิว่า เครื่องค้างเครื่องแฮ้งหรือไม่
- ลองดูในส่วนของ Memory Card ดูสิว่า ใส่การ์ดแล้วเครื่องมองเห็นหรือไม่ ถ้าให้ชัวร์ ลองย้ายข้อมูลจาก Phone Mem ลง Memcard เล่นๆ หรือลองถ่ายรูปแล้วสั่งบันทึกลง Memory Card เล่นๆ ดู ถ้าใช้ได้ก็โอเค ( ข้อนี้ระวังให้ดีๆ เคยเจอมาแล้วเหมือนกัน ซื้อเครื่องมา ลองเครื่องไม่ดี เจอเครื่องเน่าไม่อ่านการ์ดซะงั้น ตกลง บอร์ดเสีย ซื้อเครื่องมา 4000 โดนค่าซ่อมอีก 1000 บาท ไม่คุ้มเอาซะเลย )
- ลองเปิดเพลงหรือฟังเสียงเรียกเข้าดูว่า ลำโพงดังมั๊ย หรือว่ามีปัญหาอะไรหรือเปล่าเช็คดูให้ดีๆ
- ถ้ามีอุปกรณ์เชื่อมต่ออย่าง Bluetooth หรือ Infarade ให้เราลองทำการค้นหาอุปกรณ์แล้วลองเชื่อมต่อเพื่อทดสอบในการโอนถ่ายข้อมูลดูจะดีไม่ใช่น้อย ( ระวังนะครับข้อนี้ เคยโดนมากับตัวเหมือนกัน ซื้อเครื่องมา บลูทูธขาด โอนข้อมูลไม่ได้เลย ข้อนี้ให้ระวังให้ดีๆ เพราะถ้ามีปัญหาแล้วซ่อมยากนะครับเจ้า Bluetooth เนี่ย ถึงซ่อมได้ค่าซ่อมก็แพงอีก )
Rem... ง่ายๆ ข้อนี้ ให้ลองเล่นฟังค์ชั่นที่สำคัญๆ ต่างๆ ของเครื่องดู หากพบเห็นว่า ใช้ไม่ได้หรือชำรุด เช่น โอนข้อมูลไม่ได้ ให้ระวังให้ดีๆ ครับตรงจุดนี้
-----------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------
9. ทดลองเสียบอุปกรณ์เชื่อมต่อ หรืออุปกรณ์ชาร์จ
- ชาร์จเข้าหรือไม่ ลองเสียบที่ชาร์จดู ถ้าชาร์จได้ ก็โอเค
- ลองเสียบหูฟังดู ถ้าใช้ได้ ผ่าน
Rem... พูดง่ายๆ มันสามารถเสียบกับอุปกรณ์ชนิดใดได้ ก็ลองมันให้หมด( เท่าที่จะทำได้ เท่าที่จะเอื้ออำนวย ) เพราะถ้าดูไม่ดี เอากลับบ้านไป ชาร์จไม่เข้า เสียบหูฟังไม่ได้ เสียบสายดาต้าโอนข้อมูลไม่ได้ เป็นเรื่องหละสิงานนี้ ดูให้ดีครับ
-----------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------
10. ดูของที่แถมมากับเครื่องว่า อยู่ครบมั๊ย เหลืออยู่กี่ชิ้นแล้ว -*-
Rem.... ในที่นี้ต้องเข้าใจว่า ของมือสอง แน่นอน บางทีของที่ได้ย่อมไม่ครบเป็นธรรมดา ถ้ามันครบก็ดี แต่ถ้าไม่ครบเราก็ต้องดูว่า โอเคมั๊ย โดยตัวที่จะบอกว่าคุ้มไม่คุ้ม อยู่ที่ราคาครับ เช่นมือ 1 ขาย 6000 บาท มือสองขาย 4800บาท แต่ของไม่ครบ หรือขาดหลายชิ้น แบบนี้ซื้อมือ 1 ไม่ดีกว่าหรือครับ
-----------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------
บางสิ่งบางอย่าง ผมไม่อาจจะสอนได้หมด เพราะบางอย่าง มันต้องอาศัยประสบการณ์ แต่จำใว้นะครับ ขนาดร้านรับซื้อมือสอง ที่ว่าดูเครื่องชำนาญๆ ทำมาหลายๆ ปี ยังเคยเจอเครื่องเน่าๆ ที่ลูกค้าหลอกขายมาแล้วออกจะบ่อยไป เจอมาเยอะครับ ของแบบนี้รู้หน้าไม่รู้ใจ ว่ากันที่สภาพดีกว่าครับ
สรุปหลักการเลือกซื้อที่สำคัญๆ 1.เดินสำรวจหลายๆ ที่หลายๆ ร้าน 2.ถามราคาหลายๆ ร้าน 3.ขอดูเครื่อง เช็คสภาพโดยรวม 4.ตกลงซื้อขาย หรือต่อรองราคา 5.จ่ายเงิน หิ้วกลับบ้าน
อ่านมาซะยืดยาว หลักสั้นๆ มันก็มีแค่นี้แหละครับ
kAtwOmAn SP Moderator
สมัครเมื่อ: 14 May 2003 จังหวัด: Bangkok
หัวข้อ : วันที่โพสท์ : 16 Sep 2008 22:31
________________________________________ เป็นบทความที่ดีและมีประโยชน์มากๆ เลยจ้า ขอบคุณที่นำความรู้มาแบ่งปันนะจ๊ะ
joey_015 New Member
สมัครเมื่อ: 10 May 2006
หัวข้อ : วันที่โพสท์ : 02 Jan 2009 15:04
________________________________________ ได้ความรู้มากเลยครับ กะลังจะไปหาซื้อ Nokia 3250 พอดี
แสดงผู้ตอบย้อนหลัง:
SP Community - หน้าแรก » สยามโฟน ดอท คอม : ชุมชนผู้ใช้โทรศัพท์มือถือ (SP ZONE)
หน้าที่ 1 จากทั้งหมด 1
ไปยังหัวข้อ:
หน้าแรกสยามโฟน - โทรศัพท์มือถือ - รีวิวโทรศัพท์มือถือ - 3จี ซีดีเอ็มเอ - จาวาเกมส์ - ราคามือถือ - คำศัพท์มือถือ - Andorid Community - ThaiEcigforum
http://truehits.net/stat.php?login=siamphone
|