รีวิว Xiaomi 14T Pro สมาร์ตโฟน Advanced AI กล้อง Leica 3 ตัว พร้อมชิปตัวท็อป Dimensity 9300+ จอ AI 144Hz เมมสูงสุด 1TB และชาร์จไว 120W บนดีไซน์กรอบโลหะสุดแกร่งไม่กลัวน้ำ ในราคาคุ้มค่า
ได้ฤกษ์เปิดตัวในไทยอย่างเป็นทางการแล้ว สำหรับสมาร์ตโฟนตระกูล T Series จากแบรนด์ Xiaomi นั่นก็คือ Xiaomi 14T และ Xiaomi 14T Pro สมาร์ตโฟนเรือธงรุ่นล่าสุด และรุ่นที่จะนำมารีวิวให้ชมกันในวันนี้ก็คือตัวท็อปอย่าง Xiaomi 14T Pro นั่นเอง
สำหรับ Xiaomi 14T Pro นั้น ยังคงชูจุดขายสำคัญในเรื่องของกล้องถ่ายภาพ ซึ่งมาพร้อมกับเลนส์ Leica Summilux ที่ครอบคลุม 5 ทางยาวโฟกัส ผสานงานฝีมือของ Leica ให้เข้ากับนวัตกรรมถ่ายภาพบนมือถือ อีกทั้งยังยกระดับการถ่ายภาพให้ดีกว่าเดิม ด้วยเซนเซอร์รับภาพรุ่นใหม่อย่าง Light Fusion 900 ขนาดใหญ่ 1/1.31 นิ้วที่ถูกออกแบบมาโดยเฉพาะ พร้อมเทคโนโลยี Dual Native ISO Fusion Max ที่มีความไวแสงยอดเยี่ยม จึงช่วยเก็บรายละเอียดแสง และเงาได้ดีขึ้นกว่าเดิม รวมถึงรูรับแสงขนาด f/1.6 ที่ใหญ่ขึ้น ซึ่งช่วยให้สามารถรับแสงได้ดีขึ้น 36% เมื่อเทียบกับรุ่นก่อน
นอกเหนือจากเรื่องของกล้องถ่ายภาพแล้ว Xiaomi 14T Pro ยังได้รับการอัปเกรดคุณสมบัติมาแบบรอบด้าน ไม่ว่าจะเป็นชิปเซ็ต MediaTek Dimensity 9300+ ชิปประมวลผลตัวท็อปของค่ายที่โดดเด่นด้วยสถาปัตยกรรมแบบ All-Big-Core ที่รองรับการใช้งานด้าน AI อย่างเต็มรูปแบบ ด้วย Advanced AI, จอแสดงผล AI AMOLED CrystalRes ที่มีอัตราการรีเฟรชสูงสูด 144Hz กับขอบจอที่บางเฉียบเพียง 1.7 มิลลิเมตร, พื้นที่เก็บบันทึกข้อมูลภายใน (ROM) สูงสุดถึง 1TB รวมถึงรองรับระบบชาร์จแบตเตอรี่ความเร็วสูงแบบ 120W HyperCharge และเป็น Xiaomi T Series รุ่นแรกที่มาพร้อมกับเทคโนโลยีชาร์จแบตเตอรี่แบบไร้สาย ซึ่งให้พลังชาร์จได้ถึง 50W
โดยคุณสมบัติระดับไฮเอนด์ข้างต้นนี้ถูกใส่ไว้ในตัวเครื่องดีไซน์กรอบโลหะอะลูมิเนียมอัลลอย 6M13 สุดแกร่ง ที่ทนต่อการบิดงอได้มากขึ้น และทนน้ำ-ทนฝุ่นได้มั่นใจในระดับ IP68 ที่สำคัญคือใครก็สามารถเป็นเจ้าของได้ในราคาเริ่มต้นเพียง 21,990 บาท เท่านั้น เรียกได้ว่าเป็นราคาที่คุ้มค่ามากเลยทีเดียว
ดังนั้นเรามาติดตามรายละเอียดเพิ่มเติมกันต่อดีกว่าว่า Xiaomi 14T Pro รุ่นนี้ จะมีความสนใจอย่างไร และตอบโจทย์ด้านการถ่ายภาพได้ดีขนาดไหน ใน รีวิว Xiaomi 14T Pro โดยทีมงาน Thaimobilecenter
ดีไซน์ภายนอก และสัมผัสตัวเครื่อง
สำหรับ Xiaomi 14T Pro ที่นำมารีวิวให้ชมกันในครั้งนี้ เป็นตัวเครื่องสีดำ Titan Black ที่ทั้งฝาด้านหลัง และกรอบรอบตัวเครื่องจะเป็นสีดำด้าน มาพร้อมกับหน้าจอแสดงผลแบบ CrystalRes AI Display ขนาด 6.67 นิ้ว ความละเอียด 2712x1220 พิกเซล พร้อมอัตราการรีเฟรชสูงสุด 144Hz และเร่งความสว่างได้สูงสุด 4,000 nits นอกจากนี้ ยังรองรับการแสดงผลคอนเทนต์แบบ Dolby Vision, HDR10+ และ HDR10
หน้าจอของ Xiaomi 14T Pro มีการรวมเอาเทคโนโลยี FIAA ขั้นสูง ทำให้สามารถออกแบบขอบจอได้แคบเป็นพิเศษ ซึ่งขอบจอด้านบน, ด้านซ้าย และด้านขวา มีขนาดขอบจอบางเพียง 1.7 มิลลิเมตร และขอบจอด้านล่างบางเพียง 1.9 มิลลิเมตร และความบางของขอบจอทั้ง 4 ด้านนี้ ส่งผลทำให้มีอัตราส่วนหน้าจอต่อตัวเครื่องมากถึง 93.6% เลยทีเดียว
นอกจากนี้ หน้าจอแสดงผลของ Xiaomi 14T Pro ยังใช้ประโยชน์ของเทคโนโลยีที่ขับเคลื่อนด้วย AI ด้วยการปรับเอฟเฟกต์จอแสดงผลให้เหมาะสมโดยอัตโนมัติตามการใช้งาน และสภาพแวดล้อม ซึ่งเทคโนโลยี AI ที่มีการปรับใช้กับหน้าจอแสดงผลก็ได้แก่
- AI Auto Brightness - ปรับความสว่างโดยการเรียนรู้พฤติกรรม และสถานการณ์ของผู้ใช้ผ่าน AI
- AI Video with Local Mapping - AI ระบุวัตถุ และพื้นหลังในเนื้อหาวิดีโอ โดยใช้อัลกอริทึมเพื่อให้การรับรู้เชิงลึก และสีที่สมจริง
- AI Adaptive Colors - AI ปรับอุณหภูมิสีอย่างแม่นยำตามแสงโดยรอบ และเนื้อหาการรับชมที่แตกต่างกัน ทำให้ฉากจริงดูสมจริงยิ่งขึ้น และสบายตา
- AI Touch Control - เพิ่มความไวต่อการสัมผัสเมื่อสวมถุงมือ ใช้ฟิล์มกันรอย หรือมือเปียก ในสถานการณ์การเล่นเกม จะได้รับอัตราการสุ่มตัวอย่างแบบสัมผัสทันทีที่สูงถึง 2160Hz
- AI Eye-Care - รองรับการหรี่แสงแบบ PWM 3840Hz ในสภาพแสงน้อยและการหรี่แสง DC ในสภาพแสงปกติ สามารถปกป้องดวงตาได้ตลอด 24 ชั่วโมง ด้วยอัลกอริทึมการตรวจจับอุณหภูมิสีโดยรอบที่ชาญฉลาดยิ่งขึ้น
ปุ่ม Power ด้านข้าง จะมีการบากผิวบนปุ่มเอาไว้ ทำให้แยกแยะได้ทันทีที่สัมผัส
ระบบเสียงของ Xiaomi 14T Pro เป็นแบบสเตอริโอ โดยเสียงจะออกจากช่องลำโพงด้านล่าง และลำโพงสนทนาด้านบน โดยด้านล่างจะมีถาดใส่ซิมการ์ด, ไมโครโฟน และพอร์ต USB-C สำหรับชาร์จ และโอนถ่ายข้อมูล
ถาดใส่ซิมของ Xiaomi 14T Pro เป็น Dual-Slot ใส่ซิมได้พร้อมกัน 2 ใบ แต่ไม่รองรับการ์ด microSD หรือหน่วยความจำเสริมแบบอื่น ๆ
นอกจากนี้ ตัวเครื่องมีคุณสมบัติกันน้ำ-กันฝุ่นตามมาตรฐาน IP68 สามารถทนต่อการจมน้ำลึก 2 เมตรได้นาน 30 นาที ต่อให้เปียกน้ำหรือฝนตก ก็ไม่เป็นปัญหาต่อการใช้งานแต่อย่างใด
กล้องด้านหลัง มีการออกแบบโมดูลกล้องเป็นสี่เหลี่ยมขนาดค่อนข้างใหญ่ ติดตั้งกล้อง 3 ตัว (Triple Camera) และไฟแฟลช 1 ดวง โดยใช้ชุดเลนส์ LEICA VARIO-SUMMILUX 1:1.6-2.2/15-60 ASPH ซึ่งรายละเอียดของเลนส์แต่ละตัว เป็นดังนี้
- กล้องหลัก (Main : Wide) ความละเอียด 50 ล้านพิกเซล พร้อมเซนเซอร์รับภาพ Light Fusion 900 ขนาด 1/1.31 นิ้ว, เม็ดพิกเซลขนาด 1.2 ไมครอน (หรือ 2.4 ไมครอน ในแบบ 4-in-1 Super Pixel), รูรับแสงขนาด f1.6, ทางยาวโฟกัส 23 มิลลิเมตร, ระบบโฟกัสอัตโนมัติแบบ PDAF และระบบป้องกันการสั่นแบบ OIS
- กล้อง Telephoto ความละเอียด 50 ล้านพิกเซล พร้อมเซนเซอร์รับภาพขนาด 1/2.88 นิ้ว, เม็ดพิกเซลขนาด 0.61 ไมครอน, รูรับแสงขนาด f2.0, ทางยาวโฟกัส 60 มิลลิเมตร (2.6x Optical Zoom) และระบบโฟกัสอัตโนมัติแบบ PDAF
- กล้อง Ultra Wide ความละเอียด 12 ล้านพิกเซล พร้อมเซนเซอร์รับภาพขนาด 1/3.06 นิ้ว, เม็ดพิกเซลขนาด 1.12 ไมครอน, รูรับแสงขนาด f2.2 และทางยาวโฟกัส 15 มิลลิเมตร (มุมรับภาพ 120°)
โดยกล้องหลักที่ด้านหลังนี้รองรับการบันทึกวิดีโอได้ที่ความละเอียดสูงสุดถึงระดับ 8K (30fps)
ส่วนกล้องด้านหน้า มีความละเอียดอยู่ที่ 32 ล้านพิกเซล พร้อมรูรับแสงขนาด f2.0, ทางยาวโฟกัส 25 มิลลิเมตร (มุมรับภาพ 80.8°) และรองรับการบันทึกวิดีโอที่ความละเอียดสูงสุดระดับ 4K (30fps)
สำหรับอุปกรณ์ที่ให้มาภายในกล่อง ประกอบด้วยเคสกันกระแทก, คู่มือ, เข็มถอดถาดใส่ซิมการ์ด และสาย USB-C แต่จะไม่มีอะแดปเตอร์ชาร์จแถมมาให้
ซอฟต์แวร์ และประสิทธิภาพการทำงานทั่วไป
Xiaomi 14T Pro มาพร้อมกับ MediaTek Dimensity 9300+ ซึ่งเป็นชิปเซ็ตมือถือ 5G เรือธงตัวแรกของวงการที่ใช้เทคโนโลยีแกนขนาดใหญ่ทั้งหมด และถูกออกแบบมาเพื่อให้ผู้ใช้ได้สัมผัสกับประสิทธิภาพสูงสุด
โดยชิปเซ็ต MediaTek Dimensity 9300+ ผลิตบนสถาปัตยกรรมขนาด 4 นาโนเมตรจาก TSMC ซึ่งเป็นชิปเซ็ตแบบ Octa-Core ระดับ Big Cores ความเร็วในการประมวลผลสูงสุด 3.4GHz ผสานการทำงานร่วมกับชิปประมวลภาพ ARM Immortalis-G720 MC12 GPU (12-core) รุ่นเรือธงพร้อมกลไก Raytracing ฮาร์ดแวร์รุ่นที่ 2 พร้อม MediaTek NPU 790 ช่วยให้การประมวลผล AI บนอุปกรณ์รวดเร็วและปลอดภัยยิ่งขึ้น รวมถึงใช้หน่วยความจำ RAM แบบ LPDDR5X ขนาด 12GB และ ROM แบบ UFS 4.0 ขนาด 512GB
ด้านระบบปฏิบัติการ จะเป็น Xiaomi HyperOS เวอร์ชันล่าสุด ที่ถูกพัฒนาขึ้นมาแทน MIUI เดิม โดยจะเน้นการจัดการทรัพยากรฮาร์ดแวร์ที่มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น, ปรับปรุงการใช้งานแบบ Multi-Tasking และการเรนเดอร์ภาพคุณภาพสูง พร้อมระบบรักษาความปลอดภัยแบบ End-to-End ซึ่งโดยรวมแล้วถือว่ามีความเสถียรมากขึ้นจากเวอร์ชันก่อนหน้า
และจากการทดสอบประสิทธิภาพด้วยโปรแกรม AnTuTu พบว่า Xiaomi 14T Pro สามารถทำคะแนนทดสอบได้มากถึง 1,814,015 คะแนน เลยทีเดียว
สำหรับการเล่นเกม Xiaomi 14T Pro มีการปรับแต่งและเพิ่มประสิทธิภาพสำหรับเกมยอดนิยมหลากหลายเกม ไม่ว่าจะเป็น PUBG Mobile, Call of Duty, Genshin Impact รวมถึง Real Racing 3
แบตเตอรี่ และการชาร์จ
Xiaomi 14T Pro มาพร้อมกับแบตเตอรี่ขนาด 5,000 mAh ซึ่งการทำงานร่วมกันระหว่างชิปเซ็ต MediaTek Dimensity 9300+ และ Xiaomi HyperOS ทำให้อายุการใช้งานของแบตเตอรี่ยาวนานขึ้น 14% อีกทั้งยังรองรับระบบชาร์จเร็ว HyperCharge 120W แบบมีสาย สามารถชาร์จได้ 100% ในเวลา 18 นาที 35 วินาที รวมถึงรองรับการชาร์จแบบไร้สาย Wireless HyperCharge 50W ที่ใช้เวลาในการชาร์จถึง 50% ใน 20 นาที ซึ่งถือว่า เพียงพอต่อการใช้งานระดับปานกลางตลอดทั้งวัน
อย่างไรก็ตาม Xiaomi 14T Pro ไม่มีอะแดปเตอร์มาให้ในกล่อง หากต้องการชาร์จด้วยความเร็วเต็มสปีดจะต้องใช้อะแดปเตอร์ที่รองรับ HyperCharge 120W หรือแท่นชาร์จไร้สายที่รองรับ Wireless HyperCharge 50W เท่านั้น ส่วนอะแดปเตอร์และแท่นชาร์จไร้สายอื่น ๆ สามารถใช้ได้เช่นกัน แต่อาจจะได้ความเร็วไม่เต็มที่
การถ่ายภาพนิ่ง และวิดีโอ
อย่างที่กล่าวในตอนต้นว่า Xiaomi 14T Pro รุ่นนี้ ชูจุดเด่นในเรื่องของการถ่ายภาพโดยเฉพาะ ซึ่งกล้องด้านหลังทั้ง 3 ตัวนั้น เป็นเลนส์ Leica Summilux พร้อมเซนเซอร์รับภาพ Light Fusion 900 และรูรับแสง f/1.6 ขนาดใหญ่ ทำให้รับแสงได้มากขึ้นเมื่อถ่ายภาพในที่แสงน้อย ซึ่งรูรับแสงที่กว้างขึ้นส่งผลทำให้พื้นหลังเบลอได้อย่างเด่นชัดมากขึ้น และแยกวัตถุหลักออกจากพื้นหลังได้อย่างมีประสิทธิภาพ นอกจากนี้ ยังสามารถซูมแบบ Optical ได้ไกลสุด 5 เท่า โดยไม่สูญเสียรายละเอียดของภาพ
การถ่ายวิดีโอด้วยกล้องหลังทำได้ที่ความละเอียดสูงสุด 8K และมีโหมด Master Cinema ที่มีการอ้างอิงสีตามหลักภาพยนตร์ และเข้ารหัสเป็น Rec.2020 10-bit พร้อมรองรับ Dual Native ISO Fusion Max ทำให้เก็บรายละเอียดเงา และไฮไลท์ได้มากขึ้น เหมาะสำหรับการนำไปเกรดสี และตัดต่อในภายหลัง
ความพิเศษของกล้อง Leica บน Xiaomi 14T Pro ก็คือ ในโหมดอัตโนมัติ เราสามารถเลือกโปรไฟล์ภาพถ่ายได้ 2 แบบคือ Leica Authentic และ Leica Vibrant ซึ่งเป็นโทนสีที่เป็นเอกลักษณ์ของ Leica นั่นเอง นอกจากนี้ ยังมีฟิลเตอร์กล้อง Leica ให้เลือกมากถึง 6 แบบ ได้แก่
- Leica Vivid: เพิ่มสีสันให้กับงานศิลปะที่มีชีวิตชีวา เหมาะสำหรับการถ่ายภาพทิวทัศน์และภาพนิ่งซึ่งสีเป็นสิ่งสำคัญ
- Leica Natural: ปรับให้เหมาะสมสำหรับการถ่ายภาพบุคคลให้ดูเป็นธรรมชาติ รักษาโทนสีผิวและความแตกต่างของสีได้อย่างละเอียดอ่อน
- Leica Black & White Natural: สร้างภาพบุคคลขาวดำที่ดูเป็นธรรมชาติ รักษาพื้นผิวและการไล่โทนสี
- Leica Black & White High Contrast: เหมาะสำหรับการถ่ายภาพแนวสตรีทที่น่าทึ่ง โดยเน้นองค์ประกอบภาพที่ชัดเจนผ่านคอนทราสต์ที่สูงขึ้น
- Leica Sepia: ให้ลุควินเทจคลาสสิก เหมาะสำหรับการสร้างภาพที่ชวนให้นึกถึงอดีตเหนือกาลเวลา
- Leica Blue: สร้างบรรยากาศที่มีสไตล์และอารมณ์แปรปรวน เหมาะสำหรับการถ่ายภาพร่วมสมัยและสื่ออารมณ์
และในโหมดถ่ายภาพบุคคล จะมีโหมดถ่ายภาพให้เลือก 4 โหมด ได้แก่ 35 มม. เหมาะกับการถ่ายภาพวัตถุที่เป็นธรรมชาติ, 50 มม. จะสร้างเอฟเฟกต์โบเก้หมุนวน, 75 มม. เหมาะสำหรับการถ่ายภาพบุคคล และ 90 มม. จะเป็นการถ่ายแบบซอฟต์โฟกัส
นอกจากนี้ Xiaomi 14T Pro ยังยกระดับการถ่ายภาพบนมือถือด้วยฟีเจอร์ AI Image Edit ขั้นสูง ซึ่งได้แก่ AI Image Expansion ที่มาช่วยจัดองค์ประกอบภาพหลังการถ่ายภาพ รวมถึง AI Magic Removal Pro ที่สามารถลบวัตถุหรือบุคคลที่ไม่ต้องการออกจากภาพ
ตัวอย่างภาพถ่ายจากกล้องด้านหลังของ Xiaomi 14T Pro
ตัวอย่างภาพถ่ายจากกล้องด้านหน้าของ Xiaomi 14T Pro
คุณสมบัติด้าน AI ที่มากับ Xiaomi 14T Pro
Xiaomi 14T Pro เรียกได้ว่า เป็นสมาร์ตโฟนของ Xiaomi ที่ก้าวเข้าสู่ยุค AI แบบเต็มตัว โดยร่วมมือกับทั้ง Google และ Microsoft Azure ในการใช้ประโยชน์จากความสามารถของ AI เพื่อปรับปรุงการใช้งานในด้านต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็น การค้นหา, เสียง, รูปภาพ และอื่น ๆ รวมถึงรองรับฟีเจอร์ Google Gemini Assistant และ Circle to Search นอกจากนี้ ยังรองรับชุดแอปพลิเคชัน AI ของ Xiaomi ด้วย ไม่ว่าจะเป็น
- AI Notes: สรุป AI, องค์ประกอบ AI, การแก้ไข AI และการแปล AI
- AI Recorder: การถอดเสียงเป็นข้อความ การสร้างสรุปอัตโนมัติ การระบุผู้พูด และการแปลโดย AI
- AI Interpreter: คุณสมบัติการแปลแบบเรียลไทม์
- AI Message Assistant: เขียนข้อความในสไตล์ที่หลากหลายโดยใช้ Gemini Nano รุ่นที่ติดตั้งมากับอุปกรณ์
- AI Video Subtitles: การสร้างคำบรรยายวิดีโอแบบเรียลไทม์และการแปล
- AI Film: สร้างคลิปวิดีโอสั้นที่ตัดต่อแล้วจากฟุตเทจในแกลเลอรี โดยป้อนคำอธิบายข้อความ โดยที่ AI จะจดจำวัตถุต่าง ๆ ใช้การเคลื่อนไหวของกล้องแบบพิเศษ และซิงค์กับจังหวะเพลง
ทั้งนี้ ฟีเจอร์ AI บางส่วน ได้แก่ Circle to Search, AI Interpreter, AI Notes, AI Recorder, AI Subtitles, AI Film, AI Image Editing และ AI Portrait จะถูกส่งผ่านการอัปเดต OTA ในช่วงแรก ซึ่ง AI Interpreter จะรองรับภาษาไทยในการอัปเดต OTA ครั้งต่อไป
ราคา, โปรโมชัน และการวางจำหน่ายของ Xiaomi 14T Pro
สำหรับ Xiaomi 14T Pro ที่จะวางจำหน่ายในประเทศไทย จะมีให้เลือก 3 สี ได้แก่ Titan Black, Titan Blue และ Titan Gray แบ่งเป็น 2 รุ่น 2 ราคา ได้แก่
- Xiaomi 14T Pro (12GB + 512GB) ราคา 21,990 บาท
- Xiaomi 14T Pro (12GB + 1TB) ราคา 24,990 บาท
และสำหรับผู้ที่จองในช่วง Pre-order ตั้งแต่วันที่ 28 กันยายน-11 ตุลาคม 2567 รับสิทธิพิเศษมากมาย ได้แก่
- รับฟรี Xiaomi OpenWear Stereo, 67W Charger Adapter Kit และ VIP Services ต่าง ๆ รวมมูลค่ากว่า 18,674 บาท
- สิทธิ์ร่วมผ่อนโปรแกรม SGFINANCE+
- รับฟรี Google One ความจุ 100GB 6 เดือน
- รับฟรี Spotify Premium Member 4 เดือน
- รับฟรี สิทธิ์เข้า VIP Dragonpass 1 สิทธิ์
- รับส่วนลดเพิ่ม 500 บาท ในวันรับเครื่อง
Xiaomi 14T Pro วางจำหน่ายแล้ววันนี้ ที่ Xiaomi Store, ร้านตัวแทนจำหน่ายที่ร่วมรายการทั่วประเทศ หรือช้อปผ่านช่องทางออนไลน์ได้ที่
- Xiaomi 14T : https://bit.ly/Xiaomi-14T
- Xiaomi 14T Pro : https://bit.ly/Xiaomi-14T-Pro
สรุปประสบการณ์หลังใช้งาน Xiaomi 14T Pro
หลังจากที่ทีมงานได้มีโอกาสทดสอบใช้งาน Xiaomi 14T Pro มาระยะหนึ่ง ก็พบกับความประทับใจหลาย ๆ ด้าน เรียกได้ว่า เป็นมือถือกล้อง Leica ที่อัปเกรดเรื่องการถ่ายภาพ และการบันทึกวิดีโออย่างแท้จริง เพราะนอกจากจะยกความสามารถเรื่องกล้อง Leica ที่ถ่ายได้ครบทุกระยะถึง 5 ทางยาวโฟกัสแล้ว ยังมีการนำเทคโนโลยี AI เข้ามาเสริมทัพ ที่ช่วยทำให้การถ่ายภาพง่ายขึ้น และหลากหลายมากขึ้น ด้วยการนำทัพของเซนเซอร์ตัวหลักอย่าง Light Fusion 900 นอกจากนี้ยังมีเอกลักษณ์การถ่ายภาพเฉพาะตัว ด้วยโปรไฟล์ภาพสไตล์ Leica ที่โดดเด่นในเรื่องของคอนทราสต์ และโทนสีที่สมจริงเป็นธรรมชาติ
ในเรื่องของประสิทธิภาพการใช้งานทั่วไป ก็ทำได้ดีสมกับการเป็นมือถือระดับเรือธง ด้วยชิปเซ็ต MediaTek Dimensity 9300+ ที่เร็วแรงเป็นพิเศษทุกการใช้งาน พร้อมหน่วยความจำ RAM แบบ LPDDR5X ขนาดใหญ่ 12GB หน่วยความจำภายใน (ROM) ความเร็วสูงแบบ UFS 4.0 ขนาดสูงสุด 1TB และระบบระบายความร้อน Xiaomi 3D IceLoop ที่ช่วยกระจายความร้อนได้เยี่ยมด้วยโครงสร้างแบบ 3 มิติ ทำให้อุปกรณ์สามารถรักษาประสิทธิภาพที่ดีที่สุดเป็นระยะเวลานาน ซึ่งจากการทดสอบก็คือ สามารถตอบสนองต่อการทำงานทุกประเภทได้อย่างรวดเร็ว ไม่มีอาการแอปเด้ง หรือแอปค้าง รวมถึง การเปิดกล้องถ่ายภาพเป็นเวลานาน ก็ยังอยู่ในเกณฑ์ที่รับได้
นอกจากนี้คุณสมบัติในด้านอื่น ๆ ก็นับว่าจัดเต็ม ไม่ว่าจะเป็นจอ AI AMOLED CrystalRes ที่แสดงผลได้สวยลื่นไหลในระดับ 144Hz พร้อมการปรับแต่งด้วย AI ที่ชาญฉลาด รวมทั้งสว่างสูงสุดถึง 4000nits, ระบบชาร์จแบตเตอรี่ความเร็วสูงแบบ 120W HyperCharge ที่ชาร์จแบตเตอรี่ได้เต็มภายในเวลาเพียง 19 นาที และลำโพงคู่ พร้อมระบบเสียงแบบ Dolby Atmos
โดยรวมแล้ว Xiaomi 14T Pro เป็นอีกหนึ่งตัวเลือกสำหรับผู้ที่มองหาสมาร์ตโฟนเรือธงที่เน้นการถ่ายรูป พร้อมประสิทธิภาพระดับสูง, ความสามารถของ Advanced AI และฟีเจอร์ครบเครื่องระดับไฮเอนด์ บนตัวเครื่องดีไซน์สวยแกร่งทนทาน ในราคาที่คุ้มค่าเอื้อมถึงได้ไม่ยาก
สรุปคุณสมบัติเด่นของ Xiaomi 14T Pro
- ตัวเครื่องมีคุณสมบัติในการทนน้ำ และทนฝุ่น ตามมาตรฐาน IP68
- จอแสดงผล AI อัจฉริยะแบบ CrystalRes AI Display ขนาด 6.67 นิ้ว ความละเอียด 2712x1220 พิกเซล พร้อมอัตราการรีเฟรชสูงสุด 144Hz, ความสว่างสูงสุด 4000nits, รองรับการแสดงผลคอนเทนต์แบบ Dolby Vision, HDR10+ และ HDR10
- ประมวลผลด้วยชิปเซ็ต MediaTek Dimensity 9300+
- ระบบระบายความร้อนแบบ Xiaomi 3D IceLoop
- หน่วยความจำ RAM แบบ LPDDR5X ขนาด 12GB
- หน่วยความจำ ROM แบบ UFS 4.0 ขนาด 512GB หรือ 1TB
- แบตเตอรี่ความจุ 5,000 mAh พร้อมระบบชาร์จแบตเตอรี่ความเร็วสูงแบบ 120W HyperCharge และ 50W Wireless HyperCharge
- ชิปช่วยจัดสรรการจ่ายพลังงาน Xiaomi Surge G1
------------------------------
กล้องหลัง 3 ตัว (Leica Triple Camera) พร้อมเลนส์ออปติคัล LEICA VARIO-SUMMILUX 1:1.6-2.2/15-60 ASPH ประกอบด้วย
- กล้องหลัก (Main : Wide) ความละเอียด 50 ล้านพิกเซล พร้อมเซนเซอร์รับภาพ Light Fusion 900 ขนาด 1/1.31 นิ้ว, เม็ดพิกเซลขนาด 1.2 ไมครอน (หรือ 2.4 ไมครอน ในแบบ 4-in-1 Super Pixel), รูรับแสงขนาด f1.6, ทางยาวโฟกัส 23 มิลลิเมตร, ระบบโฟกัสอัตโนมัติแบบ PDAF และระบบป้องกันการสั่นแบบ OIS
- กล้อง Telephoto ความละเอียด 50 ล้านพิกเซล พร้อมเซนเซอร์รับภาพขนาด 1/2.88 นิ้ว, เม็ดพิกเซลขนาด 0.61 ไมครอน, รูรับแสงขนาด f2.0, ทางยาวโฟกัส 60 มิลลิเมตร (2.6x Optical Zoom) และระบบโฟกัสอัตโนมัติแบบ PDAF
- กล้อง Ultra Wide ความละเอียด 12 ล้านพิกเซล พร้อมเซนเซอร์รับภาพขนาด 1/3.06 นิ้ว, เม็ดพิกเซลขนาด 1.12 ไมครอน, รูรับแสงขนาด f2.2 และทางยาวโฟกัส 15 มิลลิเมตร (มุมรับภาพ 120°)
พร้อมรองรับการบันทึกวิดีโอได้ที่ความละเอียดสูงสุดระดับ 8K (30fps)
กล้องด้านหน้าความละเอียด 32 ล้านพิกเซล
พร้อมรูรับแสงขนาด f2.0, ทางยาวโฟกัส 25 มิลลิเมตร (มุมรับภาพ 80.8°) และรองรับการบันทึกวิดีโอที่ความละเอียดสูงสุดระดับ 4K (30fps)
------------------------------
- เชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตผ่านทางระบบ Wi-Fi 7, 5G, 4G LTE, 3G WCDMA และ 2G EDGE/GPRS
- เทคโนโลยี 2x2 MIMO, 8x8 Sounding สำหรับ MU-MIMO และ WiFi Direct
- เชื่อมต่อข้อมูลแบบไร้สายผ่านทาง Bluetooth 5.4 และ NFC
- ระบบดาวเทียม GPS L1+L5, Galileo, GLONASS, Beidou และ NavIC
- พอร์ตเชื่อมต่อแบบ USB Type-C
- ลำโพงเสียงแบบคู่ พร้อมระบบเสียง Dolby Atmos และรองรับไฟล์เสียงความละเอียดสูงแบบ Hi-Res & Hi-Res Audio Wireless
- ไมโครโฟน 2 ตัว
จุดที่อาจจะต้องพิจารณาเพิ่มเติมของ Xiaomi 14T Pro
- ไม่รองรับการใส่การ์ดหน่วยความจำแบบ microSD หรือแบบอื่น ๆ
- ไม่มีพอร์ตหูฟังขนาด 3.5 มิลลิเมตร
- ไม่มีอะแดปเตอร์ชาร์จแบตเตอรี่แถมมาให้พร้อมชุดจำหน่ายมาตรฐาน
วันที่ : 28/09/2024