รีวิว (Review) vivo X60 Pro 5G
เรือธงกล้อง ZEISS ใส่ Gimbal รุ่นแรก พร้อมความแรงระดับท็อป และฟีเจอร์ไฮเอนด์จัดเต็ม บนบอดี้สุดพรีเมียม
10 มิถุนายน 2021 - เปิดตัวในประเทศไทยอย่างเป็นทางการแล้วแบบสด ๆ ร้อน ๆ เมื่อช่วงเย็นที่ผ่านมา สำหรับ vivo X60 Pro 5G สมาร์ทโฟนเรือธงรุ่นใหม่ล่าสุดแห่งตระกูล X Series ที่จะเข้ามาเปลี่ยนนิยามใหม่แห่งการถ่ายภาพ ตามสโลแกน Photography. Redefined. ด้วยการจับมือพัฒนาระบบกล้องถ่ายภาพอย่างใกล้ชิดกับแบรนด์ผู้ผลิตเลนส์กล้องถ่ายภาพระดับโลกอย่าง ZEISS จนก่อให้เกิดเป็นสุดยอดนวัตกรรมระบบถ่ายภาพแบบใหม่ที่เรียกว่า vivo ZEISS Co-Engineered imaging System
สำหรับกล้องถ่ายภาพของ vivo X60 Pro 5G มีความโดดเด่นด้วยระบบกล้องหลังจำนวน 3 ตัว ความละเอียดสูงสุด 48 ล้านพิกเซล ที่ได้ใช้เลนส์ถ่ายภาพคุณภาพสูงจาก ZEISS พร้อมฟีเจอร์การถ่ายภาพแบบจัดเต็ม ไม่ว่าจะเป็นการถ่ายภาพ Portrait พร้อมการละลายฉากหลังอันเป็นเอกลักษณ์แบบเลนส์ ZEISS Biotar, การถ่ายภาพแบบ Long-Exposure ไปจนถึงการถ่ายภาพกลางคืนให้มีความสว่างคมชัดกว่าที่เคยด้วยระบบ Extreme Night Vision
อีกอย่างที่เป็นจุดขายสำคัญคือมาพร้อมกับระบบป้องกันการสั่นสุดล้ำแบบ Gimbal Stabilization 2.0
กับ VIS 5-Axis Video Stabilization ที่ได้รับการพัฒนาต่อยอดมาอีกขั้นจากรุ่น vivo X50 Pro
ซึ่งช่วยให้ภาพที่ได้มีความเบลอน้อยลง และคมชัดมากยิ่งขึ้น
ในส่วนของคุณสมบัติในด้านอื่น ๆ นั้นถือว่า vivo X60 Pro 5G ใส่มาให้แบบไฮเอนด์จัดเต็ม ไม่ว่าจะเป็นหน้าจอขอบโค้งที่สวยงามดูมีราคาแบบ 3D Curved AMOLED Ultra O Screen ขนาด 6.56 นิ้ว พร้อมค่า Refresh Rate ระดับ 120Hz เพื่อช่วยให้แสดงผลได้อย่างลื่นไหล และค่า Response Rate ระดับ 240Hz ตอบสนองต่อการสัมผัสได้อย่างฉับไว ภายในขับเคลื่อนด้วยขุมพลัง Qualcomm Snapdragon 870 5G ประกบคู่ RAM ขนาด 12GB ที่มี Extended RAM หรือหน่วยความจำ RAM เสริมอีก 3GB พร้อมหน่วยความจำภายใน (ROM) แบบ UFS 3.1 ขนาด 256GB
นอกจากนี้ยังมีแบตเตอรี่ความจุ 4200 mAh ที่ชาร์จได้รวดเร็วทันใจด้วยเทคโนโลบี 33W vivo FlashCharge, เซนเซอร์สแกนลายนิ้วมือแบบฝังใต้หน้าจอ ซึ่งเป็นเทคโนโลยีสำหรับสมาร์ทโฟนยุคใหม่ และแน่นอนว่ารองรับการใช้งานกับเครือข่าย 5G ในประเทศไทยตั้งแต่แกะกล่อง โดยความสามารถทั้งหมดนี้ถูกใส่ไว้ในตัวเครื่องดีไซน์สุดพรีเมียมที่โค้งมนบางเฉียบลงตัวตั้งแต่ด้านหน้า ไปจนถึงด้านหลัง
สำหรับ vivo X60 Pro 5G ตัวเครื่องจริงจะมีความสวยงามเพียงใด
และจะมีฟีเจอร์อะไรที่น่าสนใจบ้าง ไปติดตามรับชมรีวิวจากทีมงาน
Thaimobilecenter กันได้เลยครับ
รูปลักษณ์ภายนอกตัวเครื่อง และการออกแบบดีไซน์
vivo X60 Pro 5G มาพร้อมกับกล่องผลิตภัณฑ์สีน้ำเงินเข้ม ซึ่งที่ด้านหน้าของกล่องมีการระบุถึงชื่อรุ่น และข้อตวาม Co-engineered with ZEISS ซึ่งสื่อถึงการร่วมมือกันกับแบรนด์ ZEISS เพื่อพัฒนากล้องถ่ายภาพของสมาร์ทโฟนรุ่นนี้นั่นเอง
เมื่อเปิดกล่องออกมาจะพบกับข้อความ Gimbal Stabilization 2.0 ซึ่งเป็นเทคโนโลยีป้องกันภาพสั่นไหวเวอร์ชันใหม่ล่าสุด
สำหรับอุปกรณ์ภายในกล่องประกอบไปด้วย เคสใส, สายเชื่อมต่อแบบ USB Type-C สำหรับโอนถ่ายข้อมูล และเชื่อมต่อกับอแดปเตอร์จ่ายไฟเพื่อชาร์จแบตเตอรี่, คู่มือการใช้งาน, เข็มจิ้มถาดใส่ซิมการ์ด, หูฟังแบบ In-Ear และอแดปเตอร์สำหรับจ่ายไฟแบบ 33W (11V/3A) ซึ่งเป็นเทคโนโลยีชาร์จเร็วแบบ vivo FlashCharge 2.0
vivo X60 Pro 5G มาพร้อมกับหน้าจอแสดงผลแบบ 3D Curved AMOLED Ultra O Screen ขนาด 6.56 นิ้ว ความละเอียดระดับ Full HD+ ซึ่งเป็นเทคโนโลยีหน้าจอขอบโค้งแบบ AMOLED 3D Flexible Display ที่ช่วยให้หน้าจอมีความโค้งลงตัวสวยงาม
มาพร้อมค่า Refresh Rate ระดับ 120Hz ช่วยให้การแสดงผลเป็นไปอย่างลื่นไหลไม่มีสะดุด และค่า Response Rate ระดับ 240Hz ช่วยตอบสนองต่อการสัมผัสได้อย่างรวดเร็ว
ที่ด้านบนของหน้าจอแสดงผลมาพร้อมกับกล้องหน้า ความละเอียดสูง 32 ล้านพิกเซล พร้อมรูรับแสงขนาด f2.45, เซนเซอร์รับภาพ Samsung S5KGD1 1/2.8 นิ้ว และทางยาวโฟกัส 26 มิลลิเมตร
ที่ด้านล่างของตัวเครื่องมาพร้อมกับปุ่มควบคุม แบบสัมผัส ได้แก่ ปุ่ม Back สำหรับย้อนกลับ, ปุ่ม Home สำหรับกลับไปยังหน้าโฮมสกรีน และปุ่ม Recent Apps สำหรับเรียกดูแอปพลิเคชันที่ทำงานอยู่เบื้องหลัง นอกจากนี้ ยังมีเซ็นเซอร์สแกนลายนิ้วมือฝังอยู่ด้านใต้ของหน้าจอแสดงผล
ที่ด้านซ้ายของตัวเครื่องไม่มีปุ่มควบคุมใด ๆ
ที่ด้านบนของตัวเครื่องมาพร้อมกับข้อความ Professional Photography ซึ่งสื่อถึงความโดดเด่นด้านการถ่ายภาพของ vivo X60 Pro 5G ถัดมาเป็นไมโครโฟนตัวที่สองสำหรับตัดเสียงรบกวน
ที่ด้านขวาของตัวเครื่องประกอบไปด้วย ปุ่มปรับระดับเสียง และปุ่ม Power สำหรับเปิด-ปิด เครื่อง หรือล็อกหน้าจอแสดงผล
ที่ด้านล่างของตัวเครื่องประกอบไปด้วย ถาดใส่ซิมการ์ดแบบ Hybrid Slot, ไมโครโฟนสำหรับสนทนา, พอร์ตเชื่อมต่อแบบ USB Type-C และลำโพงเสียงตัวหลัก
ในส่วนของการออกแบบ vivo X60 Pro 5G เป็นสมาร์ทโฟน 5G ที่มีความบางเฉียบตามคอนเซ็ปต์ Ultra-Light with 5G Power ด้วยความบางระดับ 7.59 มิลลิเมตร และน้ำหนักรวม 177 กรัม ช่วยให้จับถือใช้งานได้อย่างถนัดมือมากยิ่งขึ้น
ที่ด้านหลังของตัวเครื่องมาพร้อมกับบอดี้กระจก แบบ AG Glass พร้อมผิวสัมผัสแบบ Satin Finish ที่ให้ความรู้สึกเรียบหรู โดยสีที่ทีมงานได้รับมารีวิวในครั้งนี้คือสี Shimmer Blue ที่สามารถสะท้อนเล่นกับแสงเป็นเฉดสีต่าง ๆ ได้อย่างสวยงาม
ที่ด้านบนของตัวเครื่องมาพร้อมกับระบบกล้องถ่ายภาพที่พัฒนาร่วมกับ ZEISS เป็นรุ่นแรกหลังจากจับมือเป็นพันธมิตรกับ ZEISS เมื่อเดือนธันวาคม 2020 (vivo ZEISS Co-Engineered Imaging System) พร้อมเลนส์ถ่ายภาพจาก ZEISS รวมทั้งเลือกใช้กระจกครอบเลนส์ Xensation จาก SCHOTT ที่ทำมาจาก Lithium Alumino-Silicate (LAS) Glass ซึ่งทนต่อการตกกระแทกจากความสูงมากกว่ากระจก Alumino-Silicate Glass ที่ใช้กันทั่วไป 6 เท่า โดยกล้องแต่ละตัวประกอบไปด้วย
- กล้องตัวหลัก (Primary) ความละเอียด 48 ล้านพิกเซล พร้อมรูรับแสงขนาด f1.48, เซนเซอร์รับภาพ Sony IMX598 ขนาด 1/2.0 นิ้ว, เม็ดพิกเซลขนาด 0.8 ไมครอน, ทางยาวโฟกัส 25 มิลลิเมตร, ระบบป้องกันการสั่น Gimbal Stabilization 2.0 และระบบป้องกันการสั่น VIS 5-Axis Video Stabilization
- กล้อง Super Wide-Angle & Macro ความละเอียด 13 ล้านพิกเซล พร้อมรูรับแสงขนาด
f2.2, เซนเซอร์รับภาพ Samsung S5K3L6 ขนาด 1/3.1 นิ้ว, ทางยาวโฟกัส 16 มิลลิเมตร (มุมรับภาพ 120 องศา) และโหมด Super Macro (ระยะโฟกัส 2.5 เซนติเมตร)
- กล้อง Telephoto (Professional Portrait) ความละเอียด 13 ล้านพิกเซล พร้อมรูรับแสงขนาด f2.46, เซนเซอร์รับภาพ Samsung S5K3L6 ขนาด 1/3.1 นิ้ว, เม็ดพิกเซลขนาด 0.8 ไมครอน, ทางยาวโฟกัส 50 มิลลิเมตร และระบบซูม 2x Optical Zoom
เปิดเครื่องใช้งาน พร้อมการทดสอบฟังก์ชัน และแอปพลิเคชันต่างๆ
vivo X60 Pro 5G มาพร้อมกับระบบปฏิบัติการ Android 11 ครอบทับด้วย Funtouch OS 11.1 ซึ่งความน่าสนใจของระบบปฏิบัติการเวอร์ชันนี้คือ Extended RAM ซึ่งเป็นการนำเอาพื้นที่ภายในบางส่วน มาทำหน้าที่เป็น RAM เสมือนขนาด 3GB ซึ่งจะทำงานควบคู่กับหน่วยความจำหลักของตัวเครื่องขนาด 12GB ช่วยให้การเปิดใช้งาน หรือสลับใช้งานแอปพลิเคชันจำนวนมากภายในตัวเครื่อง เป็นไปอย่างลื่นไหลไม่มีสะดุด
สำหรับหน้า UI ถูกออกแบบมาโดยเน้นการใช้งานที่สะดวกเป็นหลัก โดยมีการจัดเรียงแอปพลิเคชันพื้นฐานที่ใช้งานบ่อยเอาไว้ที่หน้าแรก ส่วนแอปพลิเคชันทั้งหมดจะถูกจัดเก็บไว้ใน App Drawer สามารถเรียกใช้ได้โดยลากนิ้วจากด้านล่างไปยังด้านบน
เมื่อปัดไปที่ด้านซ้ายจะพบกับ Google Discover ซึ่งเป็นหน้ารวบรวมข้อมูลข่าวสารอัปเดตล่าสุดที่ถูกคัดสรรมาเพื่อผู้ใช้แต่ละ ท่านโดยเฉพาะ
เมื่อลากนิ้วจากด้านบนลงมาด้านล่าง จะพบกับแถบคีย์ลัดสำหรับตั้งต่าตัวเครื่องแบบเร่งด่วน ถัดลงมาเป็น Notification Center ซึ่งเป็นหน้าสำหรับรวบรวมการแจ้งเตือนจากแอปพลิเคชันทั้งหมดภายในตัวเครื่อง
vivo X60 Pro 5G รองรับการใช้งานแบบ 2 ซิมการ์ด โดยจะรองรับการเชื่อมต่อบนเครือข่าย 5G ในซิมการ์ดที่ 1 ซึ่งสามารถใช้งานเครือข่าย 5G ในประเทศไทยได้ทันทีโดยที่ไม่ต้องรออัปเดต
รองรับฟีเจอร์ Eye Protection สำหรับปรับการแสดงผลให้อยู่ในโทนสีอุ่น เพื่อช่วยให้ใช้งานได้อย่างสบายตามากยิ่งขึ้น
รองรับการใช้งานร่วมกับฟีเจอร์ Dark Theme สำหรับปรับเปลี่ยนโทนสีของ UI โดยรวมให้เป็นโทนสีดำ เพื่อประหยัดพลังงาน และยังช่วยให้ใช้งานได้อย่างสบายตาอีกด้วย
สามารถปรับการแสดงผลของสีสันได้ทั้งหมด 3 รูปแบบ ได้แก่ Standard, Professional และ Bright
รองรับการปรับเปลี่ยนขนาดของฟอนต์ได้ทั้งหมด 4 ขนาด
vivo X60 Pro 5G มาพร้อมกับเทคโนโลยีหน้าจอแบบ 120Hz Refresh Rate ช่วยให้สามารถแสดงผลได้อย่างลื่นไหล โดยผู้ใช้สามาถรปรับการทำงานได้ทั้งหมด 3 รูปแบบ ได้แก่ Smart Switch สำหรับปรับค่า Refresh Rate ให้เหมาะสมกับคอนเทนต์ที่กำลังเล่นอยู่แบบอัตโนมัติ, 60Hz สำหรับปรับการแสดงผลในระดับทั่วไป เพื่อช่วยประหยัดพลังงาน และ 120Hz สำหรับปรับการแสดงผลให้อยู่ในระดับสูงสุด เพื่อช่วยให้ใช้งานได้อย่างลื่นไหลเนียนตา
รองรับการปรับเปลี่ยนธีม และวอลเปเปอร์ที่แอปพลิเคชัน Themes
นอกจากนี้ยังสามารถปรับเอฟเฟกต์การแสดงผลของฟี เจอร์ต่าง ๆ ผ่านเมนู Dynamic Effects ไม่ว่าจะเป็น เอฟเฟกต์ของการสแกนลายนิ้วมือ, เอฟเฟกต์ของการชาร์จแบตเตอรี่ หรือเอฟเฟกต์การสแกนใบหน้า เป็นต้น
รองรับฟีเจอร์ S-capture สำหรับบันทึกภาพหน้าจออย่างรวดเร็วด้วยการใช้ 3 นิ้วลากจากตรงกลางหน้าจอแสดงผล
และรองรับการแบ่งแอปพลิเคชันแบบแยกทำงานออก เป็นสองหน้าต่าง ผ่านการใช้ 3 นิ้วลากขึ้นด้านบน
นอกจากนี้ ยังรองรับการสั่งการผ่านท่าทาง ไม่ว่าจะเป็น Raise to wake สำหรับปลุกหน้าจอแบบอัตโนมัติเมื่อยกสมาร์ทโฟนขึ้นมาในระดับพร้อมใช้งาน, แตะสองครั้งเพื่อปลุกหน้าจอแสดงผล ไปจนถึงแตะสองครั้งบนพื้นที่ว่างของหน้าจอ เพื่อล็อกหน้าจอแบบเร่งด่วน
มาพร้อมกับ Smart Wake สำหรับวาดตัวอักษรต่าง ๆ เพื่อสั่งการตัวเครื่องขณะที่ล็อกหน้าจอแสดงผลอยู่ เช่น วาดตัว C เพื่อเข้าถึงเมนูโทรศัพท์ เป็นต้น
ฟีเจอร์ Face beauty for video call สำหรับปรับแต่งใบหน้าให้มีความสวยงามเป็นธรรมชาติขณะใช้งานฟังก์ชันวิดีโอคอลกับแอ ปพลิเคชันที่รองรับ ได้แก่ Facebook Messenger, WhatsApp, Line, Viber และ Zalo
และยังสามารถตั้งค่าให้ไฟฉายกระพริบเมื่อมีสาย เรียกเข้า หรือได้รับข้อความ
Ultra Game Mode ฟีเจอร์ที่ออกแบบมาสำหรับการเล่นเกมโดยเฉพาะ โดยมาพร้อมกับฟีเจอร์ที่จัดเต็มมาสำหรับเกมเมอร์ไม่ว่าจะเป็น Esports Mode ซึ่งเป็นโหมดการทำงานที่จะเร่งประสิทธิภาพการประมวลผลให้อยู่ในระดับสูง พร้อมปิดการแจ้งเตือนจากแอปพลิเคชัน ไปจนถึงปรับเฟรมเรทให้ลื่นไหลพร้อมควบคุมอุณหภูมิภายในตัวเครื่องไม่ให้ร้อนจนเกินไป
Eagle Eye Enhancement ฟีเจอร์ที่ช่วยให้ภาพต่าง ๆ ภายในเกมมีความสวยงามมากยิ่งขึ้น ด้วยการทำ Local tone mapping ซึ่งเป็นการแบ่งหน้าจอออกเป็นส่วน ๆ จากนั้นจะทำการปรับค่า Contrast Ratio ในแต่ละส่วนให้มี Contrast มากยิ่งขึ้น, Color enhancement สำหรับปรับสีสันภายในเกมให้มีความจัดจ้านสดใส, Memory color protections สำหรับรักษาสีท้องฟ้า, พื้นหญ้า ไปจนถึงผิวของตัวละครในเกม ให้ดูเป็นธรรมชาติ และ Detail sharpening ซึ่งเป็นการปรับความคมชัดให้กับภาพภายในเกม
4D Game Vibration สำหรับปรับระบบสั่นให้เหมาะสมกับเหตุการณ์ที่กำลังเกิดขึ้นภายในเกม โดยเกมที่รองรับตอนนี้คือเกม Battle Royale ยอดนิยมอย่าง PUBG Mobile นั่นเองครับ
นอกจากนี้ ยังรองรับ Game picture-in-picture สำหรับเปิดแอปพลิเคชันแบบหน้าต่างลอยขณะเล่นเกมได้อีกด้วย
มาดูในส่วนของประสิทธิภาพการทำงานกันบ้าง สำหรับ vivo X60 Pro 5G ประมวลผลด้วยชิปเซ็ต Qualcomm Snapdragon 870 ประกบคู่กับหน่วยความจำแรม (RAM) ขนาด 12GB + Extended RAM ขนาด 3GB พร้อมหน่วยความจำภายในแบบ UFS 3.1 ความจุ 256GB และระบบปฏิบัติการ Android 11 ครอบทับด้วย Funtouch OS 11.1
ทดสอบประสิทธิภาพการทำงานโดยรวมด้วยแอปพลิเคชัน AnTuTu เวอร์ชัน 9.0.80OB พบว่า vivo X60 Pro 5G ทำคะแนนได้ทั้งหมด 703,214 คะแนน
ทดสอบประสิทธิภาพการประมวลผลของ CPU ด้วยแอปพลิเคชัน Geekbench 5 สามารถทำคะแนนทดสอบแบบ Single-Core ได้ทั้งหมด 903 คะแนน และทำคะแนนทดสอบแบบ Multi-Core ได้ทั้งหมด 2,784 คะแนน
ทดสอบการประมวลผลของหน่วยประมวลผลกราฟิกด้วย แอปพลิเคชัน 3D Mark พบว่า ทำคะแนนโดยรวมได้ทั้งหมด 4,232 คะแนน
ทดสอบการจับสัญญาณ GPS ในพื้นที่โล่งแจ้ง พบว่า มีความคลาดเคลื่อนในระดับ +- ไม่เกิน 3 เมตร
ทดสอบการเล่นเกม PUBG Mobile โดยปรับกราฟิกในระดับสูงสุด พร้อมปรับเฟรมเรทในระดับ Extreme พบว่า สามารถเล่นได้อย่างลื่นไหลไม่มีสะดุด แม้จะมีอาการสะสมความร้อนให้เห็นบ้างเล็กน้อย แต่ก็ถ่ายเทความร้อนได้อย่างรวดเร็ว ซึ่งเมื่อทำงานร่วมกับฟีเจอร์ 4D Game Vibration แล้ว ทำให้การเล่นเกมบน vivo X60 Pro 5G เป็นไปอย่างเต็มอารมณ์มากยิ่งขึ้น
การใช้งานกล้องสำหรับถ่ายภาพ และวิดีโอ
ด้านการถ่ายภาพถือว่าเป็นไฮไลท์เด่นของ vivo X60 Pro 5G เลยก็ว่าได้ เนื่องจากทาง vivo ได้จับมือพัฒนากล้องถ่ายภาพร่วมกับผู้ผลิตเลนส์กล้องชั้นนำระดับโลกอย่าง ZEISS (vivo ZEISS Co-Engineered Imaging System) เพื่อช่วยให้คุณภาพของภาพถ่ายอยู่ในระดับมืออาชีพ พร้อมโหมดการถ่ายภาพที่ช่วยให้ใช้งานได้อย่างสะดวกมากยิ่งขึ้น สมกับสโลแกน Photography. Redefined.
ในส่วนของโหมดการถ่ายภาพ มาพร้อมกับระบบ AI Scene Optimization ที่ช่วยปรับการตั้งค่า และสีสันของภาพถ่ายให้เหมาะสมแบบอัตโนมัติ
พร้อมรองรับการเปิดใช้งานฟีเจอร์ Beauty สำหรับปรับแต่งใบหน้าของผู้ถูกถ่ายให้มีความสวยงามเป็นธรรมชาติผ่านการวิเคราะห์โดย ปัญญาประดิษฐ์ (AI) มาพร้อมกับโหมดถ่ายภาพ Portrait ที่ผู้ใช้สามารถปรับสไตล์ของการละลายฉากหลังได้อย่างหลากหลาย ไม่ว่าจะเป็น
- Natural สำหรับปรับการเบลอหลังอย่างเป็นธรรมชาติ
- ZEISS Biotar สำหรับละลายฉากหลัง พร้อมสร้างโบเก้หมุน
ซึ่งเป็นเอกลักษณ์ของเลนส์ ZEISS Biotar
- Vintage Filter สำหรับถ่ายภาพบุคคล พร้อมปรับเอฟเฟกต์สี
และติดกรอบของภาพถ่ายคล้ายกับการถ่ายด้วยกล้องยุคก่อน, French Impression
สำหรับถ่ายภาพบุคคลพร้อมปรับเอฟเฟกต์สีให้มีความฟุ้งละมุนชวนฝัน
- Flash Portrait
ที่เป็นการถ่ายภาพบุคคลพร้อมกับเร่งสีสันของฉากหน้าให้สว่าง
และจัดจ้านมากยิ่งขึ้น คล้ายกับการถ่ายภาพแบบยิงแฟลชนั่นเอง
นอกจากนี้ ผู้ใช้ยังสามารถปรับเอฟเฟกต์ของโบเก้เป็นรูปร่างต่าง ๆ รวมทั้งยังสามารถเลือกการละลายฉากหลังผ่านการจำลองค่ารูรับแสงระหว่าง f/1-16
vivo X60 Pro 5G ยังมาพร้อมกับจุดเด่นด้านการถ่ายภาพกลางคืน ด้วยระบบ Extreme Night Vision 2.0 ซึ่งจะช่วยให้การถ่ายภาพกลางคืนมีความสว่างคมชัดกว่าที่เคย ผ่านการทำงานร่วมกันระหว่างกล้องตัวหลักที่มีค่ารูรับแสงกว้างถึง f/1.48 และระบบปัญญาประดิษฐ์อัจฉริยะสำหรับช่วยลดจุดรบกวนบนภาพถ่าย (AI high-precision noise reduction algorithm) ซึ่งนอกจากกล้องตัวหลักที่ถ่ายกลางคืนได้อย่างคมชัดแล้ว กล้องเลนส์มุมกว้างพิเศษของ vivo X60 Pro 5G ก็ยังมีระบบ Ultra Wide Night ที่ช่วยให้เก็บภาพวิวทิวทัศน์ยามค่ำคืนได้อย่างสวยงาม
รองรับการปรับฟิลเตอร์สีผ่านฟังก์ชัน Style เมื่อถ่ายภาพด้วยโหมดกลางคืน ได้แก่
- Black & Gold - ถ่ายภาพโดยเน้นโทนสีดำ และสีทอง
- Blue Ice - ถ่ายภาพโดยเน้นโทนสีน้ำเงินเย็น
- Green Orange - ถ่ายภาพโดยเน้นโทนสีเขียว และส้ม
- Cyberpunk - ถ่ายภาพโดยเน้นโทนสีม่วง และน้ำเงิน คล้ายกับโลกอนาคต
- Dark Red - ถ่ายภาพโดยเน้นโทนสีแดงเข้ม
- Blue Orange - ถ่ายภาพโดยเน้นโทนสีน้ำเงิน และสีส้ม
- Silver Orange - ถ่ายภาพโดยเน้นโทนสีเงิน และสีส้ม
มาพร้อมโหมด Astro โหมดถ่ายภาพดวงดาวยามค่ำคืน
โหมด Long-Exposure สำหรับถ่ายภาพโดยใช้เทคนิคเปิดหน้าชัตเตอร์กล้องเป็นเวลานานคล้ายกับกล้องใหญ่ แต่เหนือกว่าตรงที่ผู้ใช้ไม่จำเป็นต้องตั้งค่าใด ๆ ให้ยุ่งยาก โดยจะมีรูปแบบการถ่ายภาพให้เลือกทั้งหมด 6 แบบ ได้แก่
- Flow of traffic - ถ่ายภาพแสงไฟของรถยนต์ยามต่ำคืนให้เป็นเส้นสวยงาม
- Night graffiti - ถ่ายภาพระบายแสงไฟด้วยไฟฉาย หรือแท่งไฟ
- Waterfalls - ถ่ายภาพน้ำตก
- Mysterious - ถ่ายภาพคนเดินเคลื่อนไหวให้เป็นเส้น
- Fireworks - ถ่ายภาพพลุ
- Star trails - ถ่ายภาพเส้นแสงดาว
รวมถึงโหมด Panorama Night สำหรับถ่ายภาพพาโนรามายามค่ำคืน
ไม่เพียงเท่านั้น การถ่ายภาพบุคคลในตอนกลางคืนก็ทำได้อย่างสวยงาม ด้วยระบบ HDR Super Night Portrait ซึ่งช่วยให้ภาพของตัวแบบมีความสว่างคมชัดแม้ในสภาวะแสงน้อย
ในส่วนของการถ่ายวิดีโอก็น่าสนใจไม่แพ้กัน vivo X60 Pro 5G รองรับการถ่ายวิดีโอที่ความละเอียดสูงสุด 4K บนเฟรมเรทสูงสุด 60 FPS พร้อมระบบป้องกันสั่นไหว VIS 5-Axis Video Stabilization ที่นำระบบ EIS แบบ 5 แกน มาช่วยป้องกันภาพวิดีโอสั่นไหวจากทุกทิศทาง โดยสามารถปรับการทำงานได้ทั้งหมด 2 รูปแบบ ได้แก่ Standard Stabilization และ Ultra Stable
ในส่วนของกล้องหน้าเซลฟี่ มาพร้อมกับโหมดการถ่ายภาพที่น่าสนใจอย่าง Portrait Mode ที่ผู้ใช้สามารถปรับระดับการเบลอฉากหลังแบบจำลองค่ารูรับแสงได้ตั้งแต่ f/1-16 พร้อมปรับเอฟเฟกต์ของใบหน้าให้มีคามสวยงามผ่านฟีเจอร์ Beauty
นอกจากนี้ ยังมาพร้อมกับฟีเจอร์ Style ที่ช่วยให้ผู้ใช้สามารถปรับโทนสีของภาพถ่ายเซลฟี่ได้อย่างหลากหลาย
รองรับการถ่ายภาพเซลฟี่กลางคืนให้มีความสว่างคม ชัดผ่านโหมด Night ซึ่งให้ภาพที่สวยงามไม่แพ้กันกับกล้องหลังเลยทีเดียว
รองรับการถ่ายวิดีโอด้วยกล้องหน้าที่ความ ละเอียด Full HD
ตัวอย่างภาพถ่ายจากกล้องหลัง 3 ตัว (vivo ZEISS Co-Engineered Imaging System) ความละเอียดระดับ 48+13+13 ล้านพิกเซลของ vivo X60 Pro 5G
ตัวอย่างภาพถ่ายจากโหมดปกติ
ตัวอย่างภาพถ่ายจากโหมด Night
ตัวอย่างภาพถ่ายจากโหมด Night พร้อมปรับโทนสีในรูปแบบต่าง ๆ
ภาพถ่ายจากโหมด Portrait
ตัวอย่างภาพถ่ายจากโหมด Portrait พร้อมปรับเอฟเฟกต์แบบ ZEISS Biotar
ตัวอย่างภาพถ่ายจากโหมด Portrait พร้อมปรับเอฟเฟกต์แบบ Vintage Film
ตัวอย่างภาพถ่ายจากโหมด Portrait พร้อมปรับเอฟเฟกต์แบบ French Impression
ตัวอย่างภาพถ่ายจากโหมด Portrait พร้อมปรับเอฟเฟกต์แบบ Flash Portrait
ตัวอย่างวิดีโอเปรียบเทียบระบบป้องกันภาพสั่น ไหวแบบ VIS 5-Axis Video Stabilization
ตัวอย่างภาพถ่ายจากกล้องหน้า ความละเอียด 32 ล้านพิกเซลของ vivo X60 Pro
5G
ตัวอย่างภาพถ่ายจากโหมดปกติพร้อมเปิดใช้งานฟีเจอร์ Beauty
ตัวอย่างภาพถ่ายจากโหมด Portrait
ภาพถ่ายจากโหมด Night
สรุปผลการทดสอบของ vivo X60 Pro 5G
เรียกได้ว่าการกลับมาของ vivo X Series กับรุ่น vivo X60 Pro 5G นี้ ถือเป็นการเติมเต็มความสมบูรณ์แบบด้านการถ่ายภาพ และวิดีโอขึ้นไปอีกขั้น เนื่องจากทาง vivo และ ZEISS ได้มีการร่วมมือกันพัฒนากล้องถ่ายภาพกันอย่างใกล้ชิด เพื่อเพิ่มขีดความสามารถของการถ่ายภาพด้วยสมาร์ทโฟนไปอีกระดับ
การร่วมมือกันของทั้งสองแบรนด์ยักษ์ใหญ่ครั้งนี้ ทำให้เราได้เห็นกล้องที่มาพร้อมฮาร์ดแวร์ชั้นยอด และฟีเจอร์การถ่ายภาพที่ใช้งานง่าย แต่ทรงประสิทธิภาพ ไม่ว่าจะเป็น การถ่ายภาพ Portrait ที่สามารถปรับเอฟเฟกต์สี และการเบลอฉากหลังในรูปแบบต่าง ๆ พร้อมเอฟเฟกต์การละลายเป็นโบเก้วนซึ่งถอดแบบมาจากเลนส์ ZEISS Biotar อันเลื่องชื่อ, ระบบการถ่ายภาพแบบ Extreme Night Vision 2.0 ที่ช่วยให้การถ่ายภาพแสงน้อยมีความสว่างคมชัดยิ่งกว่าที่เคย ไปจนถึงระบบป้องกันภาพสั่นไหวแบบ Gimbal Stabilization 2.0 กับ VIS 5-Axis Video Stabilization ที่มั่นใจได้ว่า ภาพความประทับใจที่ถูกบันทึกออกมาจะมีความคมชัดสวยงามน่าประทับใจในทุกรายละเอียด
ในส่วนของคุณสมบัติด้านการใช้งาน vivo X60 Pro 5G ก็จัดเต็มมาสมกับฐานะสมาร์ทโฟนเรือธง ด้วยหน้าจอแสดงผลขอบโค้งแบบ 3D Curved AMOLED Ultra O Screen ขนาด 6.56 นิ้ว ที่มีค่า Refresh Rate ระดับ 120Hz พร้อมค่า Response Rate ระดับ 240Hz ที่จะช่วยให้การแสดงผล และการควบคุมสมาร์ทโฟนเป็นไปอย่างลื่นไหล พร้อมขับเคลื่อนการทำงานด้วยชิปเซ็ตประมวลผล Qualcomm Snapdragon 870 ที่มีความเร็วแรงอยู่ในระดับท็อป และรองรับการใช้งานร่วมกับเครือข่าย 5G ในประเทศไทยได้ทันที ประกบคู่กับหน่วยความจำ RAM ขนาด 12GB พร้อม Extended RAM ขนาด 3GB และหน่วยความจำภายใน (ROM) แบบ UFS 3.1 ขนาด 256GB และแบตเตอรี่ความจุ 4200mAh ที่รองรับระบบชาร์จเร็วแบบ 33W vivo FlashCharge
ด้านดีไซน์ก็ถูกออกแบบมาอย่างสวยหรูพรีเมียมในสไตล์ Ultra-Light with 5G Power ด้วยตัวเครื่องที่มีความบางเฉียบเพียง 7.59 มิลลิเมตร และน้ำหนักรวม 177 กรัม ช่วยให้จับถือใช้งานได้อย่างถนัดมือ พร้อมตัวเครื่องที่มีสีสันสวยงามด้วยบอดี้กระจกแบบ AG Glass ผสานผิวสัมผัสแบบ Satin Finish กับดีไซน์แบบ New Dual Tone Step
สำหรับ vivo X60 Pro 5G เปิดราคาวางจำหน่ายในประเทศไทยแล้วที่ 24,999 บาท พร้อมรับของสมนาคุณเป็น VIP Card กับหูฟัง vivo Wireless Sport Lite โดยจะเริ่มวางจำหน่ายในประเทศไทยอย่างเป็นทางการตั้งแต่วันที่ 11 มิถุนายน 2564 เป็นต้นไป
ท่านใดที่สนใจก็สามารถแวะไปลองสัมผัสตัวจริง และจับจองเป็นเจ้าของได้ที่ vivo Brand Shop และตัวแทนจำหน่ายทั่วประเทศ หรือสั่งซื้อผ่านช่องทางออนไลน์ได้ที่ Lazada, Shopee, JD Central และ THISSHOP
สุดท้ายนี้ ต้องขอขอบคุณทาง vivo ประเทศไทย ที่ให้ความไว้วางใจส่งเครื่อง vivo X60 Pro 5G มาให้ทางทีมงานได้ทำการรีวิวให้ท่านผู้อ่านได้รับชมกัน สำหรับวันนี้ต้องขอลาไปก่อน พบกันได้ใหม่ในโอกาสหน้า สวัสดีครับ
จุดเด่นของ vivo X60 Pro 5G
- บอดี้กระจกด้านหลังแบบ AG Glass พร้อมผิวสัมผัสแบบ Satin Finish และดีไซน์แบบ New Dual Tone Step
- กรอบตัวเครื่องผลิตจากโลหะอะลูมิเนียม
- กระจกครอบเลนส์ Xensation จาก SCHOTT ที่ทำมาจาก Lithium Alumino-Silicate (LAS) Glass ซึ่งทนต่อการตกกระแทกจากความสูงมากกว่ากระจก Alumino-Silicate Glass ที่ใช้กันทั่วไป 6 เท่า
- มี 2 สีมาตรฐานให้เลือก (Midnight Black และ Shimmer Blue)
- หน้าจอแสดงผลแบบ 3D Curved AMOLED Ultra O Screen ขนาด 6.56 นิ้ว ความละเอียดระดับ FHD+ (2376x1080 : 398ppi) พร้อมเทคโนโลยี LTM Display, ค่า Refresh Rate ที่ 120Hz, ค่า Response Rate ที่ 240Hz, รองรับคอนเทนต์แบบ HDR10+, มาตรฐาน SGS Eye Care Display
ที่สามารถตัดแสงสีฟ้าที่อาจเป็นอันตรายต่อดวงตาได้มากถึง 7.5%, มาตรฐาน SGS Seamless Pro ที่บ่งชี้ถึงความลื่นไหลของหน้าจอระดับ 120Hz, รูกล้องหน้าเล็กเพียง 3.96 มิลลิเมตร, พื้นที่แสดงผล 90.1% และครอบทับด้วยกระจก Gorilla Glass 6
- เซนเซอร์สแกนลายนิ้วมือแบบฝังใต้หน้าจอ (In-Display Fingerprint Scanner)
- ประมวลผลด้วยชิปเซ็ต Qualcomm Snapdragon 870 (SM8250-AC) บนสถาปัตยกรรมการผลิตระดับ 7nm
- หน่วยประมวลผลกราฟิก (GPU) แบบ Adreno 650
- หน่วยความจำแรม (RAM) ขนาด 12GB พร้อมเทคโนโลยี Extended RAM ที่เพิ่มขนาด RAM ได้อีกสูงสุด 3GB
- หน่วยความจำภายใน (ROM) แบบ UFS 3.1 ขนาด 256GB
- ทำงานอยู่บนระบบปฏิบัติการ Android 11 พร้อมครอบทับด้วย Funtouch OS 11.1
- แบตเตอรี่ขนาด 4200 mAh พร้อมระบบชาร์จแบตเตอรี่ความเร็วสูงแบบ 33W vivo FlashCharge (11V/3A)
- กล้องดิจิทัลด้านหลัง 3 ตัว (vivo ZEISS Co-Engineered Imaging System) ความละเอียด 48+13+13 ล้านพิกเซล ซึ่งนับเป็นรุ่นแรกหลังจากจับมือพัฒนาร่วมกับ ZEISS เมื่อเดือนธันวาคม 2020 โดยประกอบด้วย
> กล้องตัวหลัก (Primary) ความละเอียด 48 ล้านพิกเซล พร้อมรูรับแสงขนาด f1.48, เซนเซอร์รับภาพ Sony IMX598 ขนาด 1/2.0 นิ้ว, เม็ดพิกเซลขนาด 0.8 ไมครอน, ทางยาวโฟกัส 25 มิลลิเมตร, ระบบป้องกันการสั่น Gimbal Stabilization 2.0 และระบบป้องกันการสั่น VIS 5-Axis Video Stabilization
> กล้อง Super Wide-Angle & Macro ความละเอียด 13 ล้านพิกเซล พร้อมรูรับแสงขนาด
f2.2, เซนเซอร์รับภาพ Samsung S5K3L6 ขนาด 1/3.1 นิ้ว, ทางยาวโฟกัส 16 มิลลิเมตร (มุมรับภาพ 120 องศา) และโหมด Super Macro (ระยะโฟกัส 2.5 เซนติเมตร)
> กล้อง Telephoto (Professional Portrait) ความละเอียด 13 ล้านพิกเซล พร้อมรูรับแสงขนาด f2.46, เซนเซอร์รับภาพ Samsung S5K3L6 ขนาด 1/3.1 นิ้ว, เม็ดพิกเซลขนาด 0.8 ไมครอน, ทางยาวโฟกัส 50 มิลลิเมตร และระบบซูม 2x Optical Zoom
พร้อมเลนส์กล้องถ่ายภาพจาก ZEISS, ระบบ Extreme Night Vision 2.0 สำหรับถ่ายภาพกลางคืนให้มีความคมชัด, ระบบ HDR Super Night Portrait, โหมด Ultra-Wide Night Mode, โหมด Panorama Night Mode, รองรับการถ่ายภาพหน้าชัดหลังเบลอผ่านโหมด Portrait
พร้อมปรับสไตล์การละลายฉากหลังในรูปแบบต่าง ๆ, รองรับการถ่ายภาพหน้าชัดหลังเบลอ พร้อมปรับเอฟเฟกต์การละลายฉากหลังแบบ ZEISS
Biotar, โหมด Long Exposure สำหรับถ่ายภาพแบบลากสปีดชัตเตอร์โดยไม่ต้องตั้งค่า, โหมด Astro สำหรับถ่ายภาพดวงดาว, โหมด Super Moon สำหรับถ่ายภาพดวงจันทร์, โหมด Pro Sport, โหมด Kids Snapshot, เทคโนโลยี AI High-Precision Noise Reduction Algorithm, ระบบป้องกันการสั่นแบบ 4-Axis Optical Image Stabilization, รองรับการถ่ายวิดีโอที่ความละเอียดสูงสุด 4K (60 fps) และระบบ VIS 5-Axis Video Stabilization
สำหรับป้องกันวิดีโอสั่นไหวจากรอบทิศทาง
- กล้องดิจิทัลด้านหน้าความละเอียด 32 ล้านพิกเซล พร้อมรูรับแสงขนาด f2.45, เซนเซอร์รับภาพ Samsung S5KGD1 ขนาด 1/2.8 นิ้ว, เม็ดพิกเซลขนาด 0.8 ไมครอน และทางยาวโฟกัส 26 มิลลิเมตร
- รองรับการใช้งานบนเครือข่าย 5G ในประเทศไทย
- รองรับการเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตผ่านทางระบบ Wi-Fi (2.4/5GHz), Wi-Fi MIMO, 5G, 4G LTE, 3G, EDGD และ GPRS
- รองรับการเชื่อมต่อข้อมูลแบบไร้สายผ่านทาง Bluetooth 5.1 และ NFC
- รองรับการระบุตำแหน่งด้วยระบบดาวเทียม GPS, A-GPS, Beidou, Glonass, Galileo, QZSS และ NAVIC
- พอร์ตเชื่อมต่อแบบ USB Type-C (USB 2.0) พร้อมรองรับการใช้งาน OTG (On-the-Go)
- รองรับไฟล์เสียงความละเอียดสูงแบบ Hi-Res Audio (24-bit/192kHz)
- ราคา 24,999 บาท ถือว่าสมเหตุสมผลเมื่อเทียบกับคุณสมบัติโดยรวม
จุดที่อาจจะต้องพิจารณาเพิ่มเติมของ vivo
X60 Pro 5G
- ไม่รองรับเทคโนโลยีชาร์จแบบไร้สาย
- ไม่สามารถเพิ่มหน่วยความจำเสริมภายนอก ด้วยการ์ดแบบ microSD Card หรือแบบอื่น ๆ ได้
- ลำโพงเสียงเป็นแบบเดี่ยว
- ตัวเครื่องไม่มีคุณสมบัติของการป้องกันน้ำ-ป้องกันฝุ่น
โปรดทราบ
* โทรศัพท์มือถือที่ท่านเห็นในบทความรีวิวนี้เป็นเพียงเครื่องทดสอบจากทางผู้ผลิต เพราะฉะนั้นคุณสมบัติบางอย่างอาจมีความแตกต่างจากเครื่องที่วางจำหน่ายจริงบ้างไม่มากก็น้อย รวมถึงจุดด้อยบางประการที่พบในเครื่องทดสอบ อาจจะถูกแก้ไขปรับปรุงให้ดีขึ้นในเครื่องที่วางจำหน่ายจริง ดังนั้นหากท่านสนใจซื้อโทรศัพท์มือถือรุ่นนี้ ควรตรวจสอบ หรือทดลองใช้งานสินค้าด้วยตนเองอีกครั้งหนึ่ง *
วันที่ : 10/06/2021