รีวิว vivo V29 5G สมาร์ตโฟน Aura Light ในใจสายพอร์ตเทรต พร้อมจอโค้ง 1.5K คมชัดกว่าเดิม ชิปเร็วแรง ชาร์จไว 80W กล้อง 50MP AF ทั้งหน้า-หลัง และเมมใหญ่จุใจ บนตัวเครื่องโค้ง 3 มิติที่ไม่กลัวน้ำ
เมื่อไม่กี่เดือนก่อน vivo ได้สร้างความฮือฮาให้กับวงการสมาร์ตโฟนระดับกลางด้วยการเปิดตัว vivo V27 5G ที่มาพร้อมกับไฟวงแหวน Aura Light Portrait ซึ่งช่วยยกระดับการถ่ายรูปแนวพอร์ตเทรตให้สว่าง และสวยงามเป็นธรรมชาติยิ่งขึ้นแม้ในสภาวะแสงน้อย กระทั่งล่าสุด vivo ก็ได้นำฟีเจอร์ไฟออร่านี้มาปรับปรุงให้ดียิ่งขึ้น และนำมาใส่ไว้ใน vivo V29 5G รุ่นนี้ครับ
vivo V29 5G นับว่าเป็นรุ่นที่ต่อยอดมาจาก V27 5G โดยตรง โดยเฉพาะด้านการถ่ายภาพที่คราวนี้อัปเกรดไฟออร่าเป็น Aura Light Portrait 2.0 ที่วงใหญ่กว่าเดิม และเพิ่มความสามารถในการปรับอุณหภูมิของแสงไฟได้ไม่ว่าจะเป็นโทนอุ่น หรือโทนเย็น พร้อม AI ปรับโทนแสงให้เข้ากับบรรยากาศโดยอัตโนมัติ ทำให้ภาพที่ออกมามีแสงที่ดูกลมกลืน เป็นธรรมชาติยิ่งขึ้น หรือจะเลือกปรับโทนสีของไฟออร่าเองก็ได้เช่นกัน ทำให้มีตัวเลือกในการสร้างสรรค์ภาพพอร์ตเทรตสวย ๆ มากขึ้นในแบบที่ยังไม่มีสมาร์ตโฟนรุ่นใดในตลาดทำได้
สำหรับชุดกล้องด้านหลังของ vivo V29 5G ก็มีคุณสมบัติที่น่าสนใจ โดยเป็นกล้องหลัก OIS Ultra-Sensing ความละเอียด 50 ล้านพิกเซล, กล้อง Ultra Wide ความละเอียด 8 ล้านพิกเซล และกล้อง Monochrome ความละเอียด 2 ล้านพิกเซล พร้อมระบบป้องกันการสั่นแบบ OIS, ระบบ AI วิเคราะห์ฉาก และเอฟเฟกต์โบเก้หลังละลายแบบครบครัน ขณะเดียวกันกล้องหน้าก็มีความละเอียดมากถึง 50 ล้านพิกเซล พร้อมระบบโฟกัสอัตโนมัติ และแฟลชหน้าจอที่ปรับอุณหภูมิของแสงได้เหมือนกับไฟออร่าด้านหลังอีกด้วย เรียกได้ว่าเกิดมาเพื่อการถ่ายรูปพอร์ตเทรตอย่างแท้จริงครับ
นอกจากเรื่องกล้องแล้ว vivo V29 5G
ก็ยังได้อัปเกรดคุณสมบัติบางอย่างขึ้นมาอีกขั้น ไม่ว่าจะเป็นชิปเซ็ตตัวใหม่อย่าง Snapdragon 778G, จอโค้งที่มีความละเอียดคมชัดมากกว่าเดิมเป็นระดับ 1.5K, หน่วยความจำ RAM
เริ่มต้นที่ให้มาถึง 12GB และระบบชาร์จไวแบบ 80W FlashCharge ที่ช่วยให้ชาร์จแบตเตอรี่ได้รวดเร็วทันใจมากขึ้น รวมทั้งมีสีตัวเครื่องใหม่อย่าง Starry Purple กับ Magic Maroon มาให้เลือกกันด้วย
มาถึงตรงนี้ทุกท่านก็คงจะอยากรู้รายละเอียดเพิ่มเติมกันแล้ว ดังนั้นเพื่อไม่ให้เป็นการเสียเวลา มาติดตาม รีวิว vivo V29
5G โดยทีมงาน Thaimobilecenter กันต่อได้เลยครับ
เปิดกล่อง พร้อมส่องอุปกรณ์ด้านในของ vivo V29 5G
vivo V29 5G มาในกล่องสีเทา สกรีนลายนูนวงแหวนเอาไว้อย่างโดดเด่น ซึ่งสามารถสะท้อนแสงได้ด้วย เป็นการสื่อถึงไฟ Aura Light Portrait 2.0 ของรุ่นนี้ที่ได้รับการอัปเกรดให้ใหญ่ขึ้นนั่นเอง
ภายในกล่องจะมีอุปกรณ์ที่จำเป็นมาให้ ไม่ว่าจะเป็นเคสใส, คู่มือ, เข็มถอดถาดใส่ซิมการ์ด, สายชาร์จ USB-C และอแดปเตอร์ชาร์จแบตเตอรี่
สำหรับอแดปเตอร์ชาร์จแบตเตอรี่ที่ให้มาจะเป็นแบบ 80W Flash Charge ซึ่งรองรับการชาร์จเต็มสปีดสำหรับรุ่นนี้ เมื่อเทียบกับชาร์จไว 66W ของ V27 5G แล้วก็ถือว่าอัปเกรดขึ้นมาอีกระดับหนึ่งครับ
ดีไซน์ภายนอก และสัมผัสการใช้งาน
vivo V29 5G ยังคงมาในดีไซน์ที่สวยงามอลังการตามแบบฉบับของ vivo โดยยังคงยึดคอนเซ็ปต์ดีไซน์แบบ Minimalist Aesthetic Design ด้วยขอบโค้ง 3 มิติแบบ 55° และฝาหลังที่มีลวดลายซับซ้อนหลายมิติ ตัวเครื่องมีขนาดเหมาะมือ ไม่เล็กไม่ใหญ่เกินไป และมีน้ำหนักไม่มาก หยิบจับใช้งานได้สะดวก
ตัวเครื่องด้านหน้าเป็นหน้าจอโค้ง 3D Curved Screen ขนาด 6.78 นิ้ว โดยเป็นจอ AMOLED ความละเอียดระดับ 1.5K (2800x1260 พิกเซล) ที่แสดงผลได้สวยคมชัดมากกว่าเดิม ส่วนกล้องหน้าแบบเจาะรูด้านบนมีความละเอียด 50 ล้านพิกเซล (f2.0) ซึ่งถือว่าสูงมากทีเดียวเมื่อเทียบกับกล้องหน้าของรุ่นอื่น ๆ ในตลาดตอนนี้ และยังรองรับการสแกนลายนิ้วมือบนหน้าจอ โดยเราสามารถเปลี่ยนเอฟเฟกต์การสแกนได้หลายแบบที่การตั้งค่า
สำหรับสีไฮไลต์ของรุ่นนี้คือสีม่วงสตารี่ (Starry Purple) ซึ่งมาในโทนสีม่วงอ่อน ๆ ที่ไล่จากอ่อนไปเข้ม และมีลายโค้ง 3 มิติด้านล่าง นอกจากนี้ถ้าดูดี ๆ บนฝาหลังจะมีเม็ดกลิตเตอร์ละเอียดสะท้อนแสงระยิบระยับอยู่ด้วย ให้อารมณ์เหมือนทางช้างเผือกเลยทีเดียว
นอกจากนี้ยังมีสีดำโนเบิลแบล็ก (Noble Black) ซึ่งเป็นสีดำด้าน และเป็นวัสดุกระจก Fluorite AG เพิ่มประกายระยิบระยับจากกระบวนการผลิตแบบพิเศษ ดูเรียบหรู และสุขุมลุ่มลึก
และสีแดงเข้ม Magic Maroon ซึ่งเป็นวัสดุกระจก Fluorite AG เช่นกัน โดยสีนี้จะมีความพิเศษตรงที่สามารถเปลี่ยนสีตามอุณหภูมิได้ด้วย
เมื่อดูจากด้านข้างจะเห็นว่า vivo V29 5G มีบอดี้ที่บางทีเดียว โดยบางเพียง 7.46 มิลลิเมตร ซึ่งปุ่มล็อกหน้าจอกับปุ่มปรับเสียงจะอยู่ที่ด้านขวา
ที่ขอบด้านบนของตัวเครื่องจะมีการสกรีนคำว่า "Professional Portrait" เพื่อบ่งบอกจุดขายสำคัญของรุ่นนี้ และมีไมโครโฟนสำหรับตัดเสียงรบกวน
ส่วนที่ขอบด้านล่างมีลำโพงเสียง, พอร์ต USB Type-C, ไมโครโฟนตัวหลัก และถาดใส่ซิมการ์ด
สำหรับถาดใส่ซิมการ์ดจะเป็นแบบ Dual Slot
ที่ใส่ซิมการ์ดแบบ Nano SIM ได้พร้อมกัน 2 ใบ
แต่ไม่รองรับการ์ดหน่วยความจำเสริมแบบ microSD หรือแบบอื่น ๆ
กล้องหลัง 50MP Aura Light Portrait 2.0 พร้อมระบบป้องกันการสั่นแบบ OIS
ในส่วนโมดูลกล้องหลังขนาดใหญ่ของ vivo V29 5G นั้นประกอบไปด้วยกล้อง 3 ตัว (Triple Camera) พร้อมไฟแฟลชแบบวงแหวน Aura Light Portrait 2.0 และแฟลช LED ปกติอีกหนึ่งดวง โดยกล้องแต่ละตัวประกอบด้วย
- กล้อง OIS Ultra-Sensing ความละเอียด 50 ล้านพิกเซล พร้อมเซนเซอร์รับภาพขนาด 1/1.57 นิ้ว, เม็ดพิกเซลขนาด 1.0 ไมครอน, รูรับแสงขนาด f1.88, ระบบป้องกันการสั่นแบบ OIS และระบบโฟกัสอัตโนมัติแบบ PDAF
- กล้อง Ultra Wide ความละเอียด 8 ล้านพิกเซล พร้อมเซนเซอร์รับภาพขนาด 1/4 นิ้ว, เม็ดพิกเซลขนาด 1.12 ไมครอน และรูรับแสงขนาด f2.2
- กล้อง Monochrome ความละเอียด 2 ล้านพิกเซล พร้อมรูรับแสงขนาด f2.4
ไฟวงแหวน
Aura Light Portrait 2.0 ของ vivo V29 5G จะมีขนาดใหญ่ขึ้นจากรุ่นที่แล้ว
และยังปรับอุณหภูมิสีของไฟได้ด้วย โดยปรับได้ตั้งแต่ 1800 เคลวิน (อุ่น) จนถึง
4500 เคลวิน (เย็น)
โดยมาพร้อมกับระบบปรับอุณหภูมิแสงอัจฉริยะที่จะปรับแสงให้เข้ากับบรรยากาศโดย
อัตโนมัติ หากอยู่ในสภาวะแสงน้อย และมีบรรยากาศโทนแสงสีน้ำเงิน แสงออร่า
2.0 ก็จะปรับให้เป็นแสงโทนเย็น หรือถ้าเป็นบรรยากาศโทนแสงสีส้ม หรือแดง
ก็จะปรับเป็นแสงโทนอุ่น ช่วยให้ตัวแบบดูสว่างอย่างเป็นธรรมชาติมากขึ้น
และที่สำคัญ แสงออร่า 2.0 ยังมีความนุ่มนวลกว่าแฟลชปกติ
จึงไม่ต้องกลัวว่าถ่ายออกมาแล้วแสงจะแข็งกระด้าง
นอกจากนี้ก็ยังมีฟีเจอร์เด่น ๆ อีกหลายอย่างเช่น
Food
Mode : หรือโหมดสำหรับถ่ายอาหารโดยใช้ไฟออร่าเข้าช่วย
ทำให้เห็นรายละเอียดของอาหารคมชัดขึ้น พร้อมเบลอฉากหลังแบบโบเก้
และปรับโทนสีให้โดยอัตโนมัติ
Super Moon : โหมดถ่ายภาพดวงจันทร์ที่ระยะซูมสูงสุด 10x เสริมด้วยระบบ AI Detail Enhancement หรือการเพิ่มรายละเอียดด้วย AI
Super
Night Video : โหมดการถ่ายวิดีโอกลางคืนที่ประมวลผลด้วย AI
พร้อมระบบกันสั่น OIS และ EIS ที่ทำงานคู่กัน
ตัวอย่างรูปถ่ายจากโหมดพอร์ตเทรต
ตัวอย่างรูปถ่ายจากโหมดพอร์ตเทรตพร้อมไฟ Aura Light Portrait 2.0
ตัวอย่างรูปถ่ายจากโหมดอัตโนมัติ
ตัวอย่างรูปถ่ายแบบ Ultra Wide
ตัวอย่างรูปถ่ายจากโหมดกลางคืน
ตัวอย่างภาพถ่ายจากโหมดอาหาร
กล้องหน้า 50MP พร้อมระบบโฟกัสอัตโนมัติ
ไม่ใช่แค่กล้องหลังที่มีความละเอียดคมชัดสูงเท่านั้น แต่กล้องหน้าของ vivo V29 5G ก็มีความสามารถโดดเด่นไม่แพ้กัน โดยมีความละเอียดสูงถึง 50 ล้านพิกเซล นับว่าสูงมากเมื่อเทียบกับรุ่นอื่น ๆ และมีระบบโฟกัสอัตโนมัติที่จะจับไปที่ใบหน้าของเราตลอดเวลา ทำให้ใบหน้าคมชัดเสมอ
ที่น่าสนใจคือระบบแฟลชหน้าจอของกล้องหน้า ที่ปรับอุณหภูมิได้เหมือนไฟออร่าของกล้องหลัง ทำให้ภาพเซลฟี่ดูดีไม่แพ้กล้องหลังเลย
และยังมี โหมดการถ่ายรูป และวิดีโอแบบกลุ่มด้วยกล้องหน้า ซึ่งสามารถขยายมุมรับภาพได้กว้างสุด 92 องศา ช่วยให้ถ่ายเซลฟี่เป็นหมู่คณะได้โดยไม่เกิดอาการภาพเบี้ยว หรือ Distortion พร้อมด้วยระบบโฟกัสอัตโนมัติ และระบบกันสั่น EIS ครบครัน
ตัวอย่างภาพถ่ายเซลฟี่จากกล้องหน้า
ตัวอย่างภาพถ่ายแบบ Group Selfie
ตัวอย่างรูปถ่ายเซลฟี่กลางคืนด้วยไฟ Aura Light
บันทึกวิดีโอ 4K ได้ทั้งกล้องหลัง และกล้องหน้า
สำหรับวิดีโอ vivo V29 5G
สามารถบันทึกวิดีโอ 4K ได้ทั้งกล้องหน้า และกล้องหลัง
จึงเหมาะสำหรับการถ่ายทำคอนเทนต์ต่าง ๆ เช่น Vlog หรือ TikTok
ใครที่กำลังตามหาสมาร์ตโฟนที่ถ่ายวิดีโอกล้องหน้าแบบ 4K ได้ก็ไม่ต้องไปหาที่ไหนไกลแล้วครับ
ส่วนกล้องหลังจะมีระบบกันสั่นแบบผสม EIS+OIS มาให้ สามารถเลือกเปิดใช้งานได้ 2 ระดับคือ แบบมาตรฐาน ที่ใช้ OIS อย่างเดียว กับแบบพิเศษ ที่เป็นการประสานการทำงานระหว่าง OIS และ EIS แต่ถ้าต้องการถ่ายที่ความละเอียดระดับ 4K (30fps) จะต้องใช้โหมดกันสั่นมาตรฐานหากเป็นโหมดกันสั่นพิเศษจะถ่ายได้ที่ความละเอียดสูงสุดแค่ระดับ 1080p (60fps)
ประสิทธิภาพการทำงาน และซอฟต์แวร์
สำหรับคุณสมบัติ และประสิทธิภาพการทำงานโดยทั่วไป vivo V29 5G ใช้ชิปเซ็ตประมวลผล Qualcomm Snapdragon 778G ความเร็วสูงสุด 2.4 GHz จัดเป็นชิปเซ็ตระดับกลางบน (Upper-Midrange) ที่มีประสิทธิภาพสูง ตอบโจทย์การใช้งานทั่วไป และความบันเทิงได้อย่างลื่นไหล รวมไปถึงการเล่นเกม
สำหรับหน่วยความจำภายใน vivo V29 5G รุ่นที่นำมารีวิวให้ชมกันนี้มากับหน่วยความจำ RAM ขนาด 12GB และหน่วยความจำภายใน (ROM) ขนาด 256GB ซึ่งเมื่อวางขายจริงจะมีรุ่นความจุ 512GB ให้เลือกด้วย ถือว่าเพียงพอต่อการใช้งาน แต่ถ้าเป็นคนที่ชอบถ่ายรูปจริง ๆ หน่วยความจำอาจจะเต็มเร็ว และรุ่นนี้ไม่รองรับการ์ดหน่วยความจำเสริมแบบ microSD หรือแบบอื่น ๆ จึงอาจจะต้องย้ายรูปลงคอมพิวเตอร์เป็นพัก ๆ ครับ
ส่วนซอฟต์แวร์ภายในจะเป็นระบบปฏิบัติการ Funtouch OS 13 เวอร์ชันใหม่ล่าสุด ที่มีพื้นฐานมาจาก Android 13 สามารถทำงานเข้ากับตัวชิปเซ็ต Snapdragon 778G ซึ่งเท่าที่ทดลองใช้งานมายังไม่เคยพบอาการกระตุก, หน่วง, ค้าง หรือแอปเด้งแต่อย่างใด
นอกจากนี้ vivo V29 5G ยังมีระบบ Extended RAM 3.0 ที่ช่วยเพิ่ม RAM ได้อีก 8GB รวมเป็น 20GB ซึ่งในแง่การใช้งานจริง RAM 12GB ที่ติดมากับเครื่องนั้นก็ถือว่าเยอะมากจนเหลือใช้แล้ว ยิ่งได้ RAM เพิ่มมาอีกแบบนี้ รับรองว่าเหลือเฟือแน่นอน ไม่ต้องกังวลว่า RAM จะไม่พอ และเมื่อพูดถึงไฮไลท์สำคัญกันไปเยอะแล้ว ตอนนี้เราก็มาดูฟีเจอร์เสริมอื่น ๆ ที่น่าสนใจของ vivo V29 5G กันบ้าง ซึ่งก็มีใส่มาให้เยอะเลยทีเดียว ไม่ว่าจะเป็น
การตรวจสอบคุณภาพอากาศ (AQI) แบบ Real-Time ได้โดยตรงในแอปพลิเคชันสภาพอากาศ
การเข้ารหัสแอปพลิเคชัน และซ่อนแอปพลิเคชัน เพื่อล็อกแอปพลิเคชันที่ไม่ต้องการให้ใครมายุ่มย่ามด้วยการตั้งรหัสเช้าใช้งาน หรือซ่อนจากหน้าจอหลัก
โคลนแอปพลิเคชัน แยกร่างแอปพลิเคชันโซเชียลอย่าง Facebook ให้ใช้งานได้ 2 บัญชีในเครื่องเดียว
เพื่อให้เห็นประสิทธิภาพของชิปเซ็ตรุ่นนี้กันมากขึ้น vivo V29 5G สามารถทำคะแนนทดสอบประสิทธิภาพ (Benchmark) บนแอปพลิเคชัน AnTuTu Benchmark ได้ 604689 คะแนน ซึ่งถือว่ามากพอสมควร
และเมื่อทดสอบประสิทธิภาพของการประมวลผลด้วยแอปพลิเคชัน Geenbench 6 ก็พบว่าได้ 1027 คะแนนสำหรับการประมวลผลแบบ
Single-Core และได้ 2962 คะแนนสำหรับการประมวลผลแบบ Multi-Core
ซึ่งเป็นคะแนนที่ใกล้เคียงกับ vivo V27 5G เรียกว่ามีประสิทธิภาพการประมวลผลในระดับเดียวกันเลยก็ว่าได้
แน่นอนว่า vivo V29 5G ก็ต้องรองรับการใช้งานร่วมกับเครือข่าย 5G ตามชื่อ โดยใช้ได้ทั้งแบนด์ n28 และ n41 ครอบคลุมทุกเครือข่ายทั้ง True และ AIS ครับ
ประสิทธิภาพด้านการเล่นเกม
จากการทดสอบ vivo V29 5G เป็นสมาร์ตโฟนระดับกลางที่เล่นเกมได้ดีทีเดียว โดยเกมที่เรานำมาทดสอบคือเกมยอดนิยมอย่าง PUBG Mobile ที่มีกราฟิกอยู่ในระดับกลาง ๆ พบว่า vivo V29 5G สามารถเล่นบนกราฟิกระดับ HD เฟรมเรตสูงได้แบบไม่มีติดขัด มีการโหลดฉาก และโหลดเข้าเกมที่รวดเร็ว พร้อมการตอบสนองต่อการควบคุมที่แม่นยำฉับไว โดยมีเฟรมเรตนิ่งตลอดทั้งเกม จะเล่นฆ่าเวลาเพลิน ๆ หรือจะเล่นแบบจริงจังก็ไว้ใจได้ครับ
ส่วนเรื่องความร้อนก็ไม่ใช่ปัญหาแต่อย่างใด ด้วยระบบระบายความร้อนแบบ Ultra Large Vapor Chamber Bionic Cooling System ที่มาพร้อมพื้นที่ระบายความร้อนขนาด 35227 ตารางมิลลิเมตร
โดยทดสอบจากการเล่นติดต่อกันประมาณ 1 ชั่วโมง ตัวเครื่องแทบจะไม่ร้อนเลย
อย่างมากก็แค่อุ่น ๆ เล็กน้อยเท่านั้น แต่หากเป็นเกมที่มีกราฟิกหนัก ๆ อย่าง
Genshin Impact ก็อาจจะร้อนกว่านี้อยู่บ้าง
สำหรับฟีเจอร์ช่วยเล่นเกมอย่าง Game BOOST Mode จะคล้ายกับของแบรนด์อื่น ๆ โดยมีโหมด BOOST เพิ่มความแรงในการเล่นเกม ซึ่งระบบจะให้ความสำคัญกับการประมวลผลเกมเป็นอันดับแรก และโหมดประหยัดพลังงานที่เน้นการเล่นเกมแบบมาราธอน รวมไปถึงการปล่อยเล่นแบบปิดจอสำหรับเปิดบอทฟาร์มของ และอื่น ๆ
ฟีเจอร์ที่น่าสนใจของ Game BOOST Mode คือระบบ 4D Game Vibration ที่จะให้การสั่นที่สมจริงกว่าขณะยิงปืนในเกม โดยจะมีการสั่นหนัก-เบาบริเวณมุมเครื่องบน-ล่าง-ซ้าย-ขวา ซึ่งช่วยเพิ่มอรรถรสในการเล่นได้ในระดับหนึ่ง แต่ในเบื้องต้นจะยังใช้แค่เฉพาะบางเกมที่รองรับฟีเจอร์นี้เท่านั้น
แบตเตอรี่ และระบบชาร์จไว 80W FlashCharge
vivo V29 5G มีแบตเตอรี่ขนาด 4600mAh ซึ่งถือว่าไม่มากไม่น้อยสำหรับสมาร์ตโฟนยุคใหม่
โดยจากการทดสอบในเบื้องต้นทีมงานได้ลองเล่นเกม PUBG Mobile ติดต่อกันเป็นเวลา
1 ชั่วโมงครึ่ง พบว่าแบตเตอรี่ลดลงไปประมาณ 7% เท่านั้น
ดังนั้นถ้าเป็นการใช้งานทั่วไปก็สามารถอยู่ได้ข้ามวันแน่นอน
ส่วนเรื่องการชาร์จ เราได้ทดสอบโดยชาร์จจาก 1%-100% ซึ่งผลก็คือ ใช้เวลาไปประมาณ 35 นาที โดยการชาร์จจะช้าลงในช่วง 10% สุดท้าย ซึ่งเกิดจากระบบรักษาความปลอดภัยที่ลดกระแสไฟลงเมื่อแบตใกล้เต็มเพื่อป้องกันการจ่ายไฟเกิน เรียกได้ว่าแค่ชาร์จทิ้งแล้วลุกไปทำธุระอย่างอื่นแค่ครู่เดียวก็เต็มแล้วครับ
ราคา และโปรโมชันของ vivo V29 5G
vivo V29 5G จะเปิดให้สั่งจองล่วงหน้า (Pre-Oder) ตั้งแต่วันที่ 24-31 สิงหาคม 2566 และจะวางจำหน่ายอย่างเป็นทางการในวันที่ 1 กันยายน 2566 เป็นต้นไป โดยมีให้เลือก 2 รุ่นย่อยดังนี้คือ
- รุ่น RAM 12GB + ROM 256GB ราคา 14,999 บาท
- รุ่น RAM 12GB
+ ROM 512GB ราคา 16,999 บาท
และแน่นอนว่ามีโปรโมชันพิเศษสำหรับช่วง Pre-Order ด้วย โดยผู้ที่จอง vivo V29 5G ในช่วงเวลาดังกล่าว จะได้รับของสมนาคุณดังนี้
1. Mini Wireless Speaker มูลค่า 899 บาท
2. V29 5G Limited Box Set มูลค่า 10,398 บาท ประกอบด้วย เคส 2 ชิ้น, VIP Card รับประกันตัวเครื่อง 2 ปี และรับประกันจอแตก 1 ครั้ง ในระยะเวลา 2
ปีแรก
3. ส่วนลดมูลค่า 500 บาท
หรือถ้าใครจองไม่ทัน ช่วง First Sale ก็มีโปรโมชันให้ด้วย โดยจะได้รับเป็น V29 5G Limited Box Set มูลค่า 10,398 บาท ประกอบด้วย เคส 2 ชิ้น, VIP Card รับประกันตัวเครื่อง 2 ปี และรับประกันจอแตก 1 ครั้ง ในระยะเวลา 2 ปีแรก
ท่านใดที่สนใจสามารถสั่งจอง vivo V29 5G ได้ที่ vivo Brand Shop ทุกสาขา หรือช่องทางออนไลน์ vivo Official Store และตัวแทนจำหน่ายทั่วประเทศ
สรุปประสบการณ์หลังใช้งาน vivo V29 5G
ในตอนแรกนั้นทีมงานคาดหวังกับ vivo V29 5G ไว้ค่อนข้างมาก เพราะเคยประทับใจกับ
vivo V27 5G มาแล้ว และหลังจากที่ได้สัมผัส vivo V29 5G จริง ๆ
ก็พบว่าสมาร์ตโฟนรุ่นนี้ไม่ทำให้ผิดหวังเลยครับ
จุดแรกที่ต้องพูดถึงกันก่อนคือดีไซน์ ซึ่งเป็นส่วนที่ vivo
ให้ความสำคัญมาโดยตลอด สำหรับ vivo V29 5G
รุ่นนี้ยังคงมีตัวเครื่องที่บางเบา
และกรอบตัวเครื่องที่มีความโค้งมนรอบด้าน รับกับหน้าจอขอบโค้งพอดี
อีกทั้งจอแสดงผลยังมีขอบบาง ทำให้ตัวเครื่องดูหรูหราน่าใช้งาน
โดยรวมแล้วจะให้อารมณ์ที่คล้ายกับ vivo V27 5G รุ่นก่อนหน้า
ฝาหลัง
ของ vivo V29 5G คราวนี้แต่ละสีจะมีลูกเล่นที่ต่างกัน โดยสีม่วง Starry Purple จะมีพื้นผิวที่ดูมีมิติ
และมีเม็ดกลิตเตอร์สะท้อนแสงกระจายอยู่ทั่ว ในขณะที่สีดำ Noble Black จะลดความมันเงาเพื่อให้ดูสุขุม ส่วนสี Magic
Maroon จะเปลี่ยนสีได้ตามอุณหภูมิ เหมือนกับที่เคยมีในรุ่น V27 5G
ซึ่งทีมงานมองว่าทำให้แต่ละสีมีเอกลักษณ์ของตัวเอง
และดูไม่ซ้ำซากจำเจสำหรับผู้ใช้
สำหรับการถ่ายภาพที่เป็นจุดขายหลักของสมาร์ตโฟนรุ่นนี้ก็ไม่ทำให้ผิดหวังเช่นกัน สามารถวัดแสงได้อย่างเที่ยงตรง และประมวลผลสีสันได้อย่างแม่นยำ ลูกเล่นอื่น ๆ อย่างโหมด Ultra Wide ก็มีคุณภาพดี ส่วนโหมดกลางคืนก็อยู่ในระดับที่น่าประทับใจ โดยรวมแล้วเหมาะกับการถ่ายรูปทุกแบบ ทุกสไตล์ ยกเว้นการถ่ายแบบมาโครที่ไม่มีฟังก์ชันนี้มาให้
ในส่วนของการถ่ายภาพพอร์ตเทรตอันเป็นจุดขายสำคัญของ vivo V29 5G ก็ทำได้ดีเป็นพิเศษ
ไม่ว่าจะเป็นสภาพแสงแบบไหนก็ถ่ายออกมาได้สวยงามคมชัดเป็นธรรมชาติ
อีกทั้งยังมีระบบ HDR แก้แสงจ้า (Over Exposure) บนฉากหลังได้ด้วย
เรียกได้ว่าถ่ายแบบไหนก็สวย พร้อมอัพขึ้นโซเชียลอวดเพื่อนได้ทันที
ขณะเดียวกัน ไฟแฟลชแบบวงแหวน Aura Light Portrait 2.0
ก็ช่วยเสริมความสามารถตรงนี้ได้เป็นอย่างดี
สามารถช่วยแก้ปัญหาแสงแข็งซึ่งเป็นปัญหาคลาสสิกของแฟลชทั่วไปได้ค่อนข้างดี
ทำให้การถ่ายพอร์ตเทรตเวลากลางคืนเป็นไปได้ และยังช่วยเติมแสง
หรือลบเงาในบางสถานการณ์ได้
ส่วนการปรับอุณหภูมิแสงไฟออร่าก็สามารถนำไปประยุกต์ใช้ได้หลายแบบเช่นกัน
ซึ่งเรากล้าพูดเลยว่าใครที่ชอบถ่ายรูปพอร์ตเทรตจะต้องชอบ vivo V29 5G
แน่นอนครับ
นอกจากกล้องหลังแล้ว กล้องหน้าก็ทำได้ดีไม่แพ้กัน โดยมีความละเอียดสูงถึง 50
ล้านพิกเซล และมีระบบโฟกัสอัตโนมัติ ช่วยให้การถ่ายเซลฟี่คมชัดอยู่เสมอ
และยังมีระบบแฟลชหน้าจอที่ปรับอุณหภูมิแสงได้เหมือนไฟออร่ากล้องหลัง
ทำให้ภาพเซลฟี่สวยงามไม่แพ้ภาพที่ถ่ายจากกล้องหลังเลย อย่างไรก็ดี
โหมดเซลฟี่กลุ่มหรือ Group Selfie ไม่ได้มีมุมมองภาพที่กว้างเท่าไรนัก
หากเป็นการถ่าย 2-3 คนก็ไม่มีปัญหา
แต่ถ้ามากกว่านี้อาจจะเริ่มมีคนที่หลุดเฟรมไป
สำหรับการบันทึกวิดีโอ vivo V29 5G สามารถถ่ายวิดีโอ 4K
ได้ทั้งกล้องหน้า และกล้องหลัง และมีระบบกันสั่นช่วย
ทำให้ถือเดินถ่ายได้โดยไม่จำเป็นต้องมีขาจับหรืออุปกรณ์กันสั่น
เหมาะสำหรับการถ่ายคอนเทนต์พาเที่ยวสถานที่ต่าง ๆ อย่างไรก็ตาม
การถ่ายวิดีโอ 4K 30fps จะใช้ระบบกันสั่นได้แค่ระดับมาตรฐานเท่านั้น
และหากเป็น 4K 60fps จะไม่สามารถเปิดใช้ระบบกันสั่นได้เลย
หากต้องการใช้ระบบกันสั่นแบบพิเศษ จะต้องถ่ายที่ความละเอียด 1080p 60fps
ลงไป
สำหรับการทำงานทั่วไป vivo V29 5G มีประสิทธิภาพโดยรวมที่ใกล้เคียงกับ
vivo V27 5G มาก โดยสามารถรับมือกับทุกกิจกรรมได้เป็นอย่างดี
รวมไปถึงการเล่นเกม ซึ่งก็เป็นพลังของชิปเซ็ต Qualcomm Snapdragon 778G
และ RAM ที่ให้มาถึง 12GB ทั้ง 2 รุ่นย่อย (เพิ่มผ่าน Extended RAM 3.0 ได้อีก 8GB)
ส่วนระบบชาร์จไว 80W FlashCharge
ก็ถือว่าเร็วมากเมื่อเทียบกับสมาร์ตโฟนรุ่นอื่นในราคาเดียวกัน
และเร็วกว่ารุ่นเดิมอย่าง vivo V27 5G อยู่ระดับหนึ่ง ส่วนหน้าจอแสดงผล แม้จะเป็นจอ AMOLED 3D Curved Screen ขนาด 6.78 นิ้ว เช่นเดิม แต่ก็มีความละเอียดคมชัดมากขึ้นเป็นระดับ 1.5K (2800x1260 พิกเซล) ดังนั้นการแสดงผลจึงดูสวยเนียนตากว่าเดิม
จากทั้งหมดที่กล่าวมานี้ ก็สรุปได้ว่า vivo V29 5G
นั้นเป็นสมาร์ตโฟนระดับกลางที่ถ่ายรูปพอร์ตเทรตได้อย่างยอดเยี่ยม
บนดีไซน์สวยงามพรีเมียมน่าใช้ และคุณสมบัติที่อัปเกรดขึ้น พร้อมตอบโจทย์การใช้งานทุกรูปแบบได้ดียิ่งขึ้นกว่าเดิม
เหมาะกับคนที่กำลังมองหาสมาร์ตโฟนถ่ายรูปดี ๆ
สักเครื่องในราคาที่ไม่สูงจนเกินไป สุดท้ายนี้ก็ต้องขอขอบคุณทุกท่านที่ติดตามชม พบกันได้ใหม่ในรีวิวรุ่นต่อไป สวัสดีครับ
สรุปคุณสมบัติเด่นของ vivo V29 5G
- เทคโนโลยีการผลิตตัวเครื่องแบบ 3D Magnetic Particle พร้อมความโค้ง 3 มิติ แบบ 55°
- พื้นผิวตัวเครื่องแบบ Nano-Scale Photo-etching และกระจก Fluorite AG ซึ่งมีคุณสมบัติของการป้องกันรอยขีดข่วน และคราบเปื้อน
- สามารถเปลี่ยนสีได้ตามสภาพแสง (เฉพาะสี Magic Maroon)
- กรอบกล้องหลักด้านหลังผลิตจากโลหะเกรดเดียวกับอุตสาหกรรมการบิน และอวกาศ
- ตัวเครื่องมีคุณสมบัติของการทนน้ำ และทนฝุ่น ตามมาตรฐาน IP54
- ตัวเครื่องมีความบางเบา ด้วยความหนาเพียง 7.46 มิลลิเมตร และมีน้ำหนักเพียง 186 กรัม จึงเหมาะสำหรับการพกพา
- ระบบระบายความร้อนแบบ Ultra Large Vapor Chamber Bionic Cooling System พร้อมพื้นที่ระบายความร้อนขนาด 35227 ตารางมิลลิเมตร
-------------------------------
- จอแสดงผลแบบ AMOLED 3D Curved Screen ขนาด 6.78 นิ้ว ความละเอียดระดับ 1.5K (2800x1260 พิกเซล : 452 PPI)
- อัตราการรีเฟรช (Refresh Rate) สูงสุดที่ 120Hz
- อัตราการตอบสนองของระบบสัมผัส (Touch Sampling Rate) สูงสุดที่ 1000Hz (แบบทันทีทันใด)
- แสดงผลสีได้ 1.07 พันล้านสี (10-bit)
- ความสว่างสูงสุด 1300 nits
- เทคโนโลยี 2160Hz High Frequency PWM Dimming สำหรับช่วยถนอมสายตาจากการกะพริบของหน้าจอ
- ปรับความสว่างแบบ Smooth Dimming ได้ 16000 ระดับ
- วัสดุเรืองแสงแบบ Q9
- เซนเซอร์สแกนลายนิ้วมือแบบฝังใต้หน้าจอ (In-Display Fingerprint Sensor)
------------------------------
- ประมวลผลด้วยชิปเซ็ต Qualcomm Snapdragon 778G 5G (SM7325)
- หน่วยประมวลผลกราฟิก (GPU) Adreno 642L
- หน่วยความจำแรม (RAM) ขนาด 12GB
- ฟีเจอร์ Extended RAM 3.0 สำหรับช่วยเพิ่มขนาดหน่วยความจำ RAM เสมือน (Virtual RAM) ได้สูงสุด 8GB
- หน่วยความจำภายในสำหรับเก็บบันทึกข้อมูล (ROM) แบบ UFS 2.2 ขนาด 256GB หรือ 512GB
- ทำงานอยู่บนระบบปฏิบัติการ Android 13 พร้อมครอบทับด้วย Funtouch OS 13
------------------------------
- แบตเตอรี่ความจุ 4600mAh
- ระบบชาร์จแบตเตอรี่แบบ 80W FlashCharge (11V/7.3A)
- ชาร์จแบตเตอรี่ได้ 50% ภายในเวลา 17 นาที
- เทคโนโลยี Smart Charging Engine
------------------------------
กล้องตัวหลักด้านหลัง 3 ตัว (Triple Camera) ประกอบด้วย
- กล้อง OIS Ultra-Sensing ความละเอียด 50 ล้านพิกเซล พร้อมเซนเซอร์รับภาพขนาด 1/1.57 นิ้ว, เม็ดพิกเซลขนาด 1.0 ไมครอน, รูรับแสงขนาด f1.88, ระบบป้องกันการสั่นแบบ OIS และระบบโฟกัสอัตโนมัติแบบ PDAF
- กล้อง Ultra Wide ความละเอียด 8 ล้านพิกเซล พร้อมเซนเซอร์รับภาพขนาด 1/4 นิ้ว, เม็ดพิกเซลขนาด 1.12 ไมครอน และรูรับแสงขนาด f2.2
- กล้อง Monochrome ความละเอียด 2 ล้านพิกเซล พร้อมรูรับแสงขนาด f2.4
รวมทั้งมีไฟแฟลชในตัว (Aura Light และ LED Flash) และรองรับการบันทึกวิดีโอที่ความละเอียดสูงสุดระดับ 4K UHD (3840x2160 พิกเซล : 30/60 fps)
โดยไฟแฟลชวงแหวน Aura Light Portrait 2.0 นั้นให้แสงแฟลชที่นุ่มนวลกว่าแฟลชทั่วไป พร้อมปรับอุณหภูมิของแสงได้ ทำให้ถ่ายรูปพอร์ตเทรตในสภาพแสงต่าง ๆ ได้อย่างมีประสิทธิภาพ
กล้องด้านหน้าความละเอียด 50 ล้านพิกเซล
พร้อมระบบโฟกัสอัตโนมัติ, ระบบตรวจจับใบหน้า, รูรับแสงขนาด f2.0, มุมรับภาพ 90°, รองรับการบันทึกวิดีโอที่ความละเอียดสูงสุดระดับ 4K UHD (3840x2160 พิกเซล : 30 fps) และระบบป้องกันการสั่นแบบ EIS (Electronic Image Stabilization)
------------------------------
- เชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตผ่านทางระบบ Wi-Fi 5, 5G, 4G LTE, 3G WCDMA และ 2G EDGE/GPRS
- เชื่อมต่อข้อมูลแบบไร้สายผ่านทาง Bluetooth 5.2
- ระบุตำแหน่ง และนำทางผ่านระบบดาวเทียม GPS+A-GPS, Glonass, BeiDou, Galileo และ QZSS
- พอร์ต USB Type-C
- ฟีเจอร์ One-Tap Translation และ Privacy Protection
สรุปคุณสมบัติโดยละเอียด (สเปก) และราคา ของ vivo V29 5G
จุดที่อาจจะต้องพิจารณาเพิ่มเติมของ vivo V29 5G
- ไม่รองรับการใส่การ์ดหน่วยความจำแบบ microSD หรือแบบอื่น ๆ
- ไม่มีพอร์ตหูฟังขนาด 3.5 มิลลิเมตร
- กล้องไม่มีโหมด Macro ให้ใช้งาน
- ลำโพงเสียงเป็นแบบเดี่ยว
โปรดทราบ
* โทรศัพท์มือถือที่ท่านเห็นในบทความรีวิวนี้ เป็นเพียงเครื่องทดสอบจากทางผู้ผลิต เพราะฉะนั้นคุณสมบัติบางอย่างอาจแตกต่างจากเครื่องที่วางจำหน่ายจริง รวมถึงจุดด้อยบางประการที่พบในเครื่องทดสอบ อาจถูกแก้ไขให้ดีขึ้นแล้วในเครื่องที่วางจำหน่ายจริง ดังนั้นหากท่านสนใจซื้อโทรศัพท์มือถือรุ่นนี้ ควรตรวจสอบ หรือทดลองใช้งานสินค้าด้วยตนเองอีกครั้งหนึ่งเพื่อความมั่นใจ *
วันที่ : 25/08/2023