ตอนนี้คุณอยู่ที่ >> หน้าแรก >> หน้ารวม รีวิวมือถือ mobile review >> รีวิวมือถือ Mobile Review
   
Date : 26/09/2022

 

รีวิว vivo V25 Pro 5G สมาร์ทโฟนกล้อง 64MP OIS Night Portrait ชัดพิเศษในที่แสงน้อย พร้อมชิปแรง จอโค้ง 120Hz และพลังชาร์จ 66W บนดีไซน์ Cloud Window พรีเมียมบางเฉียบ
 

26 กันยายน 2022 - กลับมาต่อยอดความพรีเมียมกันอีกครั้งแล้วสำหรับ vivo V25 Pro 5G มือถือรุ่นท็อปใหม่ล่าสุดจาก V Series ภายใต้สโลแกน “พอร์ตเทรต ทุกคืนพิเศษของคุณ” ซึ่งเน้นจุดขายด้านการถ่ายภาพบุคคลเวลากลางคืน หรือในที่แสงน้อยแบบเต็มที่ พร้อมอัปเกรดฟีเจอร์ภายในให้ดีขึ้นไปอีกขั้นในทุกด้าน

vivo V25 Pro 5G มาพร้อมการดีไซน์ที่เรียบหรู ด้วยตัวเครื่องที่ออกแบบมาอย่างประณีต โดยผลิตจากกระจก Fluorite AG Glass กับผิวสัมผัสแบบด้านเป็นประกาย พร้อมป้องกันรอยขีดข่วน และรอยนิ้วมือได้เป็นอย่างดี โดยมีความพิเศษกับตัวเลือกสีฟ้า Surfing Blue ที่ได้แรงบันดาลใจมาจากท้องทะเลสีคราม พร้อมเทคโนโลยี Color Changing Glass ที่สามารถเปลี่ยนสีได้เมื่อโดนแดด (UV) ผสานหน้าจอขอบโค้งสองด้านแบบ 120Hz 3D Curved AMOLED ขนาด 6.56 นิ้ว ความละเอียดระดับ Full HD+ (2376x1080 พิกเซล) รองรับค่า Refresh Rate ระดับสูงสุด 120Hz ผสานค่า Touch Sampling Rate ระดับสูงสุดที่ 300Hz และรองรับการแสดงผลคอนเทนต์แบบ HDR10+ พร้อมใช้ดีไซน์เจาะรูกล้องหน้าที่ตรงกลาง โดยเป็นกล้องความละเอียดสูงแบบ 32MP Eye AF Selfie ที่รองรับระบบการโฟกัสดวงตา (Eye Autofocus)

จุดเด่นที่สำคัญของ vivo V25 Pro 5G คือชุดกล้องหลัง 3 ตัว ที่ประกอบด้วย กล้องหลักแบบ 64MP OIS Ultra-Sensing Camera + กล้อง Super Wide-Angle 8MP + กล้อง Super Macro 2MP เด่นที่การถ่ายบุคคลในเวลากลางคืน หรือที่แสงน้อยด้วยโหมด Super Night Portrait ไปจนถึงการถ่ายภาพทั่ว ๆ ไปในเวลากลางคืนด้วยโหมด Night ที่มากับเทคโนโลยี Real-Time Extreme Night Vision ช่วยให้ภาพที่ได้มีความคมชัด และโหมดถ่ายวิดีโอแบบ Vlog Movie สำหรับสายคอนเทนต์ตัวจริง

ด้านการประมวลผล vivo V25 Pro 5G เลือกใช้ชิปเซ็ต Dimensity 1300 ที่รองรับเทคโนโลยี Multi-Turbo 5.0 สำหรับเร่งการประมวลผลด้านต่าง ๆ ของตัวเครื่อง จับคู่กับ RAM แบบ LPDDR4X ขนาด 12GB ที่รองรับเทคโนโลยี Extended RAM 2.0 สูงสุด 8GB และหน่วยความจำภายใน (ROM) แบบ UFS 3.1 ขนาด 256GB โดยมีแบตเตอรี่ความจุ 4830 mAh ที่รองรับเทคโนโลยีชาร์จเร็ว 66W FlashCharge บนระบบปฏิบัติการ Android 12 ที่ถูกครอบทับด้วย Funtouch OS 12 เวอร์ชันล่าสุด

 

นอกจากนี้ยังเปิดตัวมาพร้อมกับหูฟังไร้สายรุ่นใหม่ล่าสุดอย่าง vivo TWS Air กับจุดเด่นที่น้ำหนักเบา สวมใส่สบาย แนบกับใบหูได้พอดีโดยไม่ต้องกังวลว่าจะหลุดแม้ออกกำลังกายอยู่ก็ตาม อีกทั้งยังมีคุณภาพเสียงโดดเด่นด้วยไดรเวอร์เสียงขนาดใหญ่พิเศษ 14.2 มิลลิเมตร ที่ได้รับการปรับจูนใน vivo Gloden Ears Acoustics Lab และสามารถใช้งานได้นานสุด 25 ชั่วโมง รวมถึงฟังก์ชัน AI Dual-Mic สำหรับตัดเสียงรบกวนจากภายนอกระหว่างสนทนา ซึ่งสามารถเชื่อมต่อใช้งานได้อย่างง่ายดายผ่าน Bluetooth

สำหรับ vivo V25 Pro 5G นอกจากจะมีกล้องถ่ายภาพที่ยอดเยี่ยมแล้ว ก็ยังมีจุดเด่นที่น่าสนใจอยู่อีกหลายด้าน รวมถึงการดีไซน์สวยงามพรีเมียม กับราคาวางจำหน่ายอย่างเป็นทางการในประเทศไทยที่ 19,999 บาท ทางด้านหูฟังไร้สายรุ่นล่าสุดอย่าง vivo TWS Air นั้นมากับราคา 1,999 บาท ส่วนการใช้งานจริงจะเป็นอย่างไร ไปรับชมรีวิว vivo V25 Pro 5G และ vivo TWS Air พร้อมกันได้เลยค่ะ 


รูปลักษณ์ภายนอกตัวเครื่อง และการออกแบบดีไซน์ของ vivo V25 Pro 5G

vivo V25 Pro 5G มาในแพ็กเกจสีเทาเข้ม พร้อมระบุชื่อรุ่น และชื่อแบรนด์ vivo โดยมีลูกเล่นสะท้อนแสงเพื่อความสวยงาม 


ภายในกล่องมีอุปกรณ์พื้นฐานมาให้อย่างครบครัน ไม่ว่าจะเป็น อะแดปเตอร์ชาร์จเร็ว 66W FlashCharge (11V/6A), สายเชื่อมต่อแบบ USB Type-C, เคส, หูฟัง, สายแปลงพอร์ต USB-C เป็นช่องหูฟัง 3.5 มิลลิเมตร, เข็มสำหรับถอดถาดซิมการ์ด และคู่มือการใช้งาน


ภาพตัวอย่างการสวมใส่เคสที่แถมมาให้ภายในแพ็กเกจ


vivo V25 Pro 5G มากับหน้าจอแสดงผล 120Hz 3D Curved AMOLED ขนาด 6.56 นิ้ว ในอัตราส่วนแบบ 20:9 ความละเอียดระดับ Full HD+ (2376x1080 พิกเซล : 397 PPI) พร้อมรองรับค่า Refresh Rate ระดับสูงสุด 120Hz ผสานค่า Touch Sampling Rate ระดับสูงสุดที่ 300Hz และรองรับการแสดงคอนเทนต์แบบ HDR10+ บนตัวเครื่องขนาด 158.9x73.52x8.62 มิลลิเมตร และมีน้ำหนัก 190 กรัม


ที่ด้านบนหน้าจอมีการเจาะรูกล้องหน้าที่ตรงกลางแบบ 32MP Eye AF Selfie (f2.45) ซึ่งรองรับระบบการโฟกัสดวงตา (Eye Autofocus) เหนือขึ้นไปเป็นลำโพงสำหรับสนทนา พร้อมติดตั้งเซนเซอร์ Proximity สำหรับปิดหน้าจอแบบอัตโนมัติขณะสนทนา เพื่อประหยัดพลังงาน กับเซนเซอร์ Ambient Light สำหรับตรวจวัดระดับความสว่างของสภาพแวดล้อม เพื่อปรับความสว่างของหน้าจอ และแผงปุ่มกดให้เหมาะสม


ด้านหน้าส่วนล่างประกอบด้วยปุ่มกดแบบ On-Screen ประกอบด้วย ปุ่มย้อนกลับ, ปุ่มโฮม และปุ่ม Recent Apps


หรือเลือกใช้งานวิธีควบคุมแบบ Gestures ซึ่งเป็นการลาก และปัดบริเวณขอบหน้าจอเพื่อสั่งการได้ด้วย


และมีเซนเซอร์สแกนลายนิ้วมือฝังไว้ใต้หน้าจอ (In-Display Fingerprint Sensor)


ที่ด้านบนของตัวเครื่องมีข้อความ Professional Photography ที่สื่อถึงความโดดเด่นด้านการถ่ายภาพ พร้อมไมโครโฟนตัวที่สอง


ที่ด้านล่างประกอบด้วย ลำโพงเสียงตัวหลัก, พอร์ตเชื่อมต่อแบบ USB Type-C, ไมโครโฟนสำหรับสนทนา และช่องสำหรับถาดใส่ซิมการ์ด Nano SIM แบบ Dual-Slot สำหรับการใช้งาน 2 ซิม อย่างไรก็ดีถาดนี้ไม่รองรับการใส่การ์ดหน่วยความจำแบบ microSD หรือแบบอื่น ๆ


ด้านซ้ายของตัวเครื่องไม่มีช่อง หรือปุ่มสั่งการใด ๆ


ด้านขวาของตัวเครื่อง มีปุ่มปรับระดับเสียง พร้อมปุ่ม Power สำหรับล็อกหน้าจอ และเปิด-ปิด เครื่อง


vivo V25 Pro 5G มีฝาหลังดีไซน์พรีเมียมผลิตจากกระจก Fluorite AG Glass กับผิวสัมผัสแบบด้านเป็นประกาย ที่สามารถป้องกันรอยขีดข่วน และรอยนิ้วมือได้เป็นอย่างดี โดยตัวเครื่องที่ทางทีมงานนำมารีวิวให้ได้ชมกันเป็นสีดำ Starlight Black ที่ได้แรงบันดาลใจมาจากดวงดาวระยิบระยับนับล้านดวงบนท้องฟ้ายามค่ำคืน


พร้อมกับตัวเลือกสีฟ้า Surfing Blue ที่ได้แรงบันดาลใจมาจากท้องทะเลสีคราม พร้อมเทคโนโลยี Color Changing Glass ที่สามารถเปลี่ยนสีได้เมื่อโดนแดด (UV)


กล้องหลักที่ด้านหลังของ vivo V25 Pro 5G นั้นเป็นชุดกล้อง 3 ตัว (Triple Camera) โดยแบ่งออกเป็น

- กล้องตัวที่ 1 แบบ Wide (Main : OIS Ultra-Sensing) ความละเอียด 64 ล้านพิกเซล พร้อมเซนเซอร์รับภาพขนาด 1/1.72 นิ้ว, เม็ดพิกเซลขนาด 0.8 ไมครอน, รูรับแสงขนาด f1.89, ทางยาวโฟกัส 24 มิลลิเมตร, ระบบโฟกัสอัตโนมัติแบบ PDAF และระบบป้องกันการสั่นแบบ OIS
- กล้องตัวที่ 2 แบบ Ultra Wide (Super Wide-Angle) ความละเอียด 8 ล้านพิกเซล พร้อมเซนเซอร์รับภาพขนาด 1/4 นิ้ว, เม็ดพิกเซลขนาด 1.12 ไมครอน, รูรับแสงขนาด f2.2 และมุมรับภาพ 120 องศา (ทางยาวโฟกัส 16 มิลลิเมตร)
- กล้องตัวที่ 3 แบบ Super Macro ความละเอียด 2 ล้านพิกเซล พร้อมรูรับแสงขนาด f2.4 และระยะโฟกัสใกล้สุดที่ 4 เซนติเมตร

โดยรองรับโหมดถ่ายภาพที่น่าสนใจแบบครบครัน ไม่ว่าจะเป็น การโฟกัสตามร่างกาย Body Autofocus รวมถึงโฟกัสวัตถุ Object Autofocus, โหมดถ่ายภาพความละเอียดสูง 64MP UHD, โหมดบุคคล Portrait ที่สามารถปรับระดับความเบลอได้ (f.16-f0.95) พร้อมเปลี่ยนรูปแบบ Bokeh รองรับ Multi-Style Portrait รวมถึง Super Night Portrait การถ่ายภาพบุคคลในที่แสงน้อย หรือเวลากลางคืน, โหมด Face Beauty ปรับทุกส่วนบนใบหน้าได้อย่างอิสระ พร้อมฟังก์ชัน Posture ในการแนะนำท่าทางในการโพส, โหมด Super Macro โฟกัสวัตถุระยะใกล้สุดที่ 4 เซนติเมตร, โหมด Night สำหรับถ่ายภาพเวลากลางคืน รองรับ Real-Time Extreme Night Vision พร้อมโหมดมุมกว้างแบบ Super Wide รวมถึง Night Style ฟิลเตอร์สำหรับปรับโทนสีของภาพทั้งหมด 9 แบบ และฟังก์ชัน Long Exposure ทั้งหมด 6 รูปแบบ, โหมด Double Exposure 2.0 ที่คล้ายกับการถ่ายภาพซ้อนกัน, โหมด Pro, โหมด Pro Sports และรองรับการบันทึกวิดีโอความละเอียดสูงสุดที่ระดับ 4K (60fps) พร้อมระบบกันสั่นแบบ Ultra Stable Video ด้วย OIS + EIS รวมถึงโหมด Face Beauty, ถ่ายวิดีโอหน้าชัดหลังเบลอแบบ Bokeh Flare Portrait, โหมด Super Night Portrait และโหมด Vlog Movie


เปิดเครื่องใช้งาน พร้อมการทดสอบฟังก์ชัน และแอปพลิเคชันต่าง ๆ

vivo V25 Pro 5G ขับเคลื่อนการทำงานด้วยระบบปฏิบัติการ Android 12 โดยครอบทับด้วย Funtouch OS 12 เวอร์ชันล่าสุด ที่มี User Interface เน้นความมินิมอล เรียบหรู สบายตา และใช้งานง่าย โดยมากับ RAM แบบ LPDDR4X ขนาด 12GB ซึ่งรองรับเทคโนโลยี Extended RAM 2.0 ที่สามารถขยาย RAM เพิ่มได้อีก 8GB และมีหน่วยความจำภายใน (ROM) แบบ UFS 3.1 ขนาด 256GB แต่ไม่สามารถเพิ่มการ์ดหน่วยความจำภายนอกได้


และสามารถใช้งานได้พร้อมกัน 2 ซิมการ์ด (Dual Nano SIM) พร้อมรองรับการใช้งานบนเครือข่าย 5G ในประเทศไทย และสามารถสแตนด์บายได้พร้อมกัน 2 ซิมการ์ด (Dual 5G SIM)



เมื่อกดค้างที่หน้าจอจะเป็นการเข้าสู่เมนูการปรับแต่งหน้าจอ โดยผู้ใช้สามารถปรับตำแหน่งของไอคอน พร้อมตั้งค่า Home, Widgets, เปลี่ยน Wallpaper รวมถึงโทนสีของ UI เครื่องได้


เมื่อลากจากขอบด้านบนของหน้าจอลงมาจะพบกับ Notification Center ซึ่งเป็นหน้ารวมสำหรับการแสดงแจ้งเตือนต่าง ๆ และเมื่อปัดลงอีกหนึ่งครั้งจะเป็นการขยายหน้าจอ Toggle Switch ปุ่มลัดสำหรับการเปิด-ปิดฟังก์ชันต่าง ๆ


โดยผู้ใช้ยังสามารถปรับแต่งตำแหน่งของคีย์ลัดเองได้ด้วย


พร้อมหน้า Jovi Home ผู้ช่วยอัจฉริยะที่มีเมนู Shortcut ทางลัดสำหรับเข้าถึงการเคลียร์พื้นที่จัดเก็บข้อมูล หรือแอปพลิเคชันต่าง ๆ , Suggestions คำแนะนำช่วยเตือนความจำอันชาญฉลาดเกี่ยวกับสภาพอากาศ การเดินทาง และการพักผ่อนในแต่ละวัน, My Services ช่วยจัดสรรกิจกรรมให้สะดวกสบายมากยิ่งขึ้น ไม่ว่าจะเป็นการแจ้งเตือนการดื่มน้ำ, รายงานสภาพอากาศ และแจ้งเตือนรายการบันเทิงใหม่ ๆ


เมื่อปัดไปทางด้านขวาจากหน้าโฮมสกรีน จะพบกับ Google Discover หน้าที่รวบรวมข่าวสารที่ได้รับความนิยมในโลกออนไลน์ โดยอ้างอิงจากการค้นหาของผู้ใช้


vivo V25 Pro 5G สามารถปรับตั้งค่าการแสดงผลของหน้าจอได้อย่างหลากหลาย ได้แก่ การปรับความสว่างแบบอัตโนมัติ พร้อมโหมด Eye Protection รวมถึงการปรับโทนสีได้ 3 รูปแบบ และอุณหภูมิสีของหน้าจอ


พร้อม Dark theme ในการเปลี่ยนพื้นหลังให้กลายเป็นสีดำ


สามารถเลือกความละเอียดหน้าจอได้ และสามารถปรับค่า Refresh Rate ได้สูงสุดที่ระดับ 120Hz โดยจะช่วยให้การใช้งานต่าง ๆ ลื่นไหลกว่าเดิม


รวมถึงเทคโนโลยี Visual Enhancement ในการปรับแต่งสี และ Contrast ของคอนเทนต์ต่าง ๆ ที่เปิดผ่านแอปพลิเคชันที่รองรับ ให้มีความสวยงาม คมชัดทุกรายละเอียด บน Youtube และ Netflix


รองรับฟังก์ชัน Always On Display สำหรับแสดงเวลา วันที่ และการแจ้งเตือนในหน้า Lockscreen ได้ พร้อมเลือกรูปแบบนาฬิกาได้หลากหลายสไตล์


สามารถเลือกใช้งานปุ่ม Navigation Buttons ที่สามารถปรับตามความถนัดของผู้ใช้ หรือเลือกใช้งานวิธีควบคุมแบบ Navigation Gestures ซึ่งเป็นการลาก และปัดบริเวณขอบหน้าจอเพื่อสั่งการให้เหมาะกับการใช้งานของผู้ใช้แต่ละคนได้


vivoShare สามารถโอนถ่ายข้อมูลทั้งหมดในเครื่องเก่าไปยังโทรศัพท์เครื่องใหม่ได้อย่างง่ายดาย เพียงแค่คลิกเดียว และแชร์ภาพยนตร์ หรือเพลงให้เพื่อนได้รวดเร็วยิ่งขึ้น


สำหรับระบบรักษาความปลอดภัยของ vivo V25 Pro 5G มีทั้งเซนเซอร์สแกนลายนิ้วมือที่ฝังอยู่ใต้หน้าจอ (In-Display Fingerprint Sensor) ซึ่งสามารถตั้งค่าการใช้งานเซนเซอร์สแกนลายนิ้วมือสำหรับปลุกการทำงานของเครื่อง หรือปลดล็อกหน้าจอได้ พร้อมทั้งสามารถเพิ่มลายนิ้วมือได้มากกว่า 1 ลายนิ้วมือ ซึ่งจากการทดสอบตัวเซนเซอร์ก็สามารถปลดล็อกหน้าจอได้รวดเร็วทันใจ


และระบบการปลดล็อกด้วยใบหน้า (Face Unlock) ที่สามารถปลดล็อกได้อย่างรวดเร็ว โดยสามารถลงทะเบียนได้เพียง 1 ใบหน้าเท่านั้น


vivo V25 Pro 5G มาพร้อมแบตเตอรี่ความจุ 4830 mAh พร้อมโหมดประหยัดพลังงานแบบ Battery Saver ที่เมื่อเปิดใช้งานสัญลักษณ์แบตเตอรี่จะเปลี่ยนเป็นสีส้ม พร้อมสัญลักษณ์ + ที่ด้านใน พร้อมปรับการแสดงผลให้เป็น Dark theme และใช้งานอินเทอร์เน็ต 4G+


และรองรับเทคโนโลยีชาร์จเร็วแบบ 66W FlashCharge ที่ช่วยย่นระยะเวลาในการชาร์จให้เร็วยิ่งขึ้น เพียง 15 นาทีก็สามารถชาร์จได้ถึงระดับ 40% หรือชาร์จเต็ม 1-100% ในเวลา 60 นาที


สามารถเปลี่ยนรูปแบบ Animation ได้ที่ Dynamic Effect ไม่ว่าจะเป็นไฟวิ่งรอบจอเมื่อมีสายเรียกเข้า, การเข้าสู่หน้า Home, การสแกนใบหน้า และการชาร์จ


รองรับฟังก์ชัน App Clone สำหรับโคลนนิ่งแอปพลิเคชัน ซึ่งในเบื้องต้นนั้นสามารถโคลนนิ่งได้เฉพาะแอปพลิเคชันโซเชียลเน็ตเวิร์ก เช่น Facebook, Line และ Instagram จึงทำให้ผู้ใช้สามารถล็อกอินแอปพลิเคชันเหล่านี้ได้พร้อมกันถึง 2 แอคเคานท์


สามารถบันทึกภาพสกรีนช็อตแบบยาวได้


และมีฟังก์ชัน Screen-Split ที่สามารถแบ่งหน้าจอเพื่อใช้งานสองแอปพลิเคชันได้พร้อม ๆ กัน โดยรองรับทั้งในแนวตั้ง และแนวนอน


vivo V25 Pro 5G ยังมาพร้อมกับฟังก์ชัน Ultra Game Mode ซึ่งเป็นโหมดพิเศษที่ถูกออกแบบมาสำหรับการเล่นเกมโดยเฉพาะ พร้อมรองรับระบบที่ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการเล่นเกม ป้องกันปัญหาเฟรมเรตตกระหว่างเล่นเกมได้ดีขึ้น และฟังก์ชัน 4D Game Vibration ในการสั่นตามเหตุการณ์ในเกมด้วยมอเตอร์แบบ Linear Motor ที่ติดตั้งภายในตัวเครื่อง ซึ่งช่วยเพิ่มอรรถรสให้กับการเล่นเกมอีกด้วย


รวมถึงป้องกันการโดนขัดจังหวะขณะเล่นเกม ยกตัวอย่างเช่น การโชว์เบอร์โทรสายเรียกเข้าในรูปแบบ Pop-up เท่านั้น ทำให้เกมไม่ถูกสลับไปยังหน้ารับสายสนทนา


สำหรับเซนเซอร์ในเครื่อง vivo V25 Pro 5G นั้นประกอบด้วย Accelerometer Sensor, Light Sensor, Orientation Sensor, Proximity Sensor, Gyroscope Sensor, Sound Sensor และ Magnetic Sensor


การระบุตำแหน่ง และนำทางนั้นมีประสิทธิภาพที่ดี ด้วยการรองรับระบบดาวเทียมชั้นนำของโลกครบครัน ทั้ง GPS+A-GPS, Glonass, BeiDou, Galileo และ QZSS


vivo V25 Pro 5G มาพร้อมชิปเซ็ตประมวลผล MediaTek Dimensity 1300 บนเทคโนโลยีการผลิตระดับ 6nm แบบ 8-แกน (Octa-Core) ซึ่งมีความเร็วในการประมวลผลสูงสุดที่ 3.0 GHz โดยมีหน่วยประมวลผลกราฟิก (GPU) Mali-G77 MC9, หน่วยความจำแรม (RAM) แบบ LPDDR4X ขนาด 12GB พร้อมรองรับเทคโนโลยี Extended RAM 2.0 อีก 8GB และหน่วยความจำภายใน (ROM) แบบ UFS 3.1 ขนาด 256GB


รองรับเทคโนโลยี Multi-Turbo 5.0 สำหรับเร่งการประมวลผลด้านต่าง ๆ ของตัวเครื่อง ไม่ว่าจะเป็น CPU, กราฟิก และการเล่นเกม, การเชื่อมต่อเครือข่าย และการจัดการความร้อน


vivo V25 Pro 5G มีผลทดสอบจากแอปพลิเคชัน AnTuTu Benchmark ที่ 696,432 คะแนน และจากทาง Geekbench 5 ในด้านการประมวลผลแบบแกนเดี่ยว (Single-Core) ที่ 671 คะแนน และในด้านการประมวลผลหลายแกน (Multi-Core) ที่ 2,167 คะแนน


vivo V25 Pro 5G มีผลทดสอบการประมวลผลด้านกราฟิกจากแอปพลิเคชัน 3DMark ในฉาก Wild Life อยู่ที่ 4,504 คะแนน


vivo V25 Pro 5G รองรับการสัมผัสได้พร้อมกันสูงสุด 10 จุด



จากการทดสอบด้วยการเล่นเกมที่มีกราฟิกแบบสาม มิติอย่าง Marvel Future Fight, Ni No Kuni และ Tower of Fantasy พร้อมกับเปิดการแสดงผลกราฟิกระดับสูงสุด รวมถึงการแสดงผลที่ 60fps ก็พบว่า vivo V25 Pro 5G นั้นสามารถตอบสนองต่อการใช้งานได้เป็นอย่างดี มีความลื่นไหลกับกราฟิกในระดับสูง (60 fps) ด้วยการรองรับค่า Refresh Rate ในระดับสูงสุดที่ 120Hz โดยไม่มีการหน่วง หรือกระตุกให้ได้เห็น แต่มีการสะสมความร้อนในระดับหนึ่งเมื่อเล่นเกมติดต่อกันเป็นเวลานาน

และสามารถเล่นได้ยาวนานต่อเนื่องด้วยแบตเตอรี่ ความจุ 4830 mAh อีกทั้งยังรองรับเทคโนโลยีชาร์จเร็ว 66W Flash Charge ที่ช่วยย่นระยะเวลาในการชาร์จให้เร็วยิ่งขึ้น พร้อมระบบ Smart Charging Engine ในการเลือกวิธีการชาร์จที่เหมาะสมตามสถานการณ์ต่าง ๆ เพื่อลดการเสื่อมสภาพของแบตเตอรี่ และช่วยลดความร้อนระหว่างชาร์จ รวมถึงช่วยยืดอายุแบตเตอรี่ในตัว


vivo V25 Pro 5G มาพร้อมกับหน้าจอแสดงผล AMOLED ขนาด 6.56 นิ้ว ความละเอียดระดับ FHD+ (2376x1080 พิกเซล : 397 PPI) จึงสามารถรับชมคอนเทนต์ต่าง ๆ ที่ความละเอียดสูงได้อย่างคมชัดเต็มอรรถรส และให้มุมมองที่กว้างเต็มตาเป็นพิเศษ รวมถึงรองรับคอนเทนต์แบบ HDR10+ พร้อมเทคโนโลยี Visual Enhancement ในการปรับแต่งสี และ Contrast ของคอนเทนต์ต่าง ๆ ได้อย่างสวยงามคมชัดทุกรายละเอียดผ่าน Youtube และ Netflix


การใช้งานกล้องสำหรับถ่ายภาพ และวิดีโอ

vivo V25 Pro 5G มาพร้อมชุดกล้องหลังทั้งหมด 3 ตัว (Triple Camera) ประกอบด้วย

- กล้องตัวที่ 1 แบบ Wide (Main : OIS Ultra-Sensing) ความละเอียด 64 ล้านพิกเซล พร้อมเซนเซอร์รับภาพขนาด 1/1.72 นิ้ว, เม็ดพิกเซลขนาด 0.8 ไมครอน, รูรับแสงขนาด f1.89, ทางยาวโฟกัส 24 มิลลิเมตร, ระบบโฟกัสอัตโนมัติแบบ PDAF และระบบป้องกันการสั่นแบบ OIS
- กล้องตัวที่ 2 แบบ Ultra Wide (Super Wide-Angle) ความละเอียด 8 ล้านพิกเซล พร้อมเซนเซอร์รับภาพขนาด 1/4 นิ้ว, เม็ดพิกเซลขนาด 1.12 ไมครอน, รูรับแสงขนาด f2.2 และมุมรับภาพ 120 องศา (ทางยาวโฟกัส 16 มิลลิเมตร)
- กล้องตัวที่ 3 แบบ Super Macro ความละเอียด 2 ล้านพิกเซล พร้อมรูรับแสงขนาด f2.4 และระยะโฟกัสใกล้สุดที่ 4 เซนติเมตร


โดย Interface ของแอปพลิเคชันกล้องมีการดีไซน์เรียบหรูสบายตา และมีเมนูให้ได้เลือกใช้อย่างชัดเจน ซึ่งรองรับฟังก์ชันพื้นฐานครบครัน โดยรองรับโหมด HDR, โหมด Super Macro สำหรับถ่ายภาพระยะใกล้ และตั้งค่าอื่น ๆ เพิ่มเติม โดยฟังก์ชัน AI Scene Recognition ในการตรวจจับซีนต่าง ๆ จะอยู่ที่ด้านล่างซ้ายมือ ส่วนขวามือจะเป็นฟิลเตอร์


โดยรองรับการถ่ายภาพมุมกว้างแบบ Ultra-Wide (0.6x) ไปจนถึงการซูมไกลสุดที่ 10 เท่า (10x)


รองรับการถ่ายภาพบุคคล Portrait Bokeh และรองรับการถ่ายในเวลากลางคืน (Super Night Portrait) สามารถปรับระดับความเบลอได้ที่ระหว่าง f0.95-f16 (ค่าเริ่มต้นจะอยู่ที่ f4.0) รวมถึงปรับรูปแบบ Bokeh ได้ด้วย


มีโหมด Face Beauty ปรับผิวให้เนียนสวยเป็นธรรมชาติ และเลือกปรับแต่ละส่วนของใบหน้าได้อย่างอิสระ และโหมด Multi-Style Portrait ในการปรับโทนสีของการถ่าย Portrait


รวมถึงโหมด Night สำหรับถ่ายภาพเวลากลางคืนที่มากับเทคโนโลยี Real-Time Extreme Night Vision จึงทำให้องค์ประกอบของภาพมีความสว่างมากขึ้น และคมชัด ที่รองรับการถ่ายภาพในโหมด Tripod เพื่อเก็บแสงให้มากขึ้น โดยสามารถถ่ายภาพมุมกว้างพิเศษแบบ Ultra-Wide (0.6x)


พร้อมด้วย Night Style ฟิลเตอร์สำหรับปรับโทนสีของภาพให้มีความน่าสนใจมากขึ้นทั้งหมด 9 รูปแบบด้วยกัน ได้แก่

  • Black & Gold - ถ่ายภาพโดยเน้นโทนสีดำ และสีทอง

  • Cyberpunk - ถ่ายภาพโดยเน้นโทนสีม่วง และน้ำเงิน คล้ายกับโลกอนาคต

  • Dreamy Spotlight - ถ่ายภาพบรรยากาศฟุ้ง ๆ ราวกับในความฝัน

  • Textured Black & White - ถ่ายภาพโดยเน้นโทนสีขาว-ดำ

  • Blue Ice - ถ่ายภาพโดยเน้นโทนสีน้ำเงินเย็น

  • Green Orange - ถ่ายภาพโดยเน้นโทนสีเขียว และส้ม

  • Dark Red - ถ่ายภาพโดยเน้นโทนสีแดงเข้ม

  • Blue Orange - ถ่ายภาพโดยเน้นโทนสีน้ำเงิน และสีส้ม

  • Silver Orange - ถ่ายภาพโดยเน้นโทนสีเงิน และสีส้ม


และแบบ Panorama Night รวมถึงโหมด Long Exposure ที่มีให้เลือก 6 รูปแบบ


vivo V25 Pro 5G รองรับการตั้งค่าต่าง ๆ ที่ครบครันในโหมด Pro และครอบคลุมสำหรับช่างภาพแทบทั้งหมด โดยรองรับการถ่ายภาพไฟล์ RAW ซึ่งสามารถเก็บข้อมูลภาพได้มากกว่าเดิม ตอบโจทย์การนำไปปรับแต่งในโปรแกรมต่างๆ อย่างเช่น Lightroom โดยไม่สูญเสียคุณภาพไฟล์


รองรับการบันทึกวิดีโอความละเอียดสูงสุดที่ระดับ 4K (60 fps) พร้อมเทคโนโลยีกันสั่นแบบ Ultra Stable Video กับ EIS มาช่วยป้องกันภาพวิดีโอสั่นไหว


พร้อมโหมดการถ่ายวิดีโอในที่แสงน้อย หรือเวลากลางคืนที่เรียกว่า Super Night Video


โหมดถ่ายวิดีโอหน้าชัดหลังเบลอ Bokeh Flare Portrait แบบ Real-Time ที่ปรับระดับความเบลอได้ระหว่าง f0.95-f16 และโหมด Face Beauty ปรับผิวให้เนียนสวย (รองรับที่ความละเอียดสูงสุดระดับ Full HD 1080p 30fps)


รวมถึงโหมด Vlog Movie สำหรับสายคอนเทนต์ตัวจริง


ทางด้านกล้องหน้า vivo V25 Pro 5G แบบ 32MP Eye AF Selfie (f2.45) รองรับระบบการโฟกัสดวงตา (Eye Autofocus) ช่วยให้จับโฟกัสได้รวดเร็วยิ่งขึ้น


รองรับโหมดยอดนิยมอย่าง Portrait Bokeh และรองรับการถ่ายในเวลากลางคืน (Super Night Portrait) สามารถปรับระดับความเบลอได้ที่ระหว่าง f0.95-f16 พร้อมโหมด HDR


มีโหมด Face Beauty ปรับผิวให้เนียนสวยเป็นธรรมชาติ พร้อมปรับแต่ละส่วนบนใบหน้าได้อย่างอิสระ และโหมด Multi-Style Portrait ในการปรับโทนสีของการถ่าย Portrait ให้หลากหลายอารมรณ์มากยิ่งขึ้น


รวมถึงโหมด Night สำหรับถ่ายภาพเซลฟี่ในเวลากลางคืน พร้อมฟังก์ชัน Aura Always On ในการเพิ่มแสงให้ใบหน้า และยังสามารถทำงานร่วมกับ Face Beauty ในการปรับผิวเนียน


โดยรองรับการบันทึกวิดีโอด้วยกล้องหน้าความละเอียดสูงสุดที่ระดับ Full HD 1080p (60 fps) รองรับระบบกันสั่นแบบ Steadiface พร้อมโหมดการถ่ายวิดีโอในที่แสงน้อย หรือเวลากลางคืน Super Night Video


โหมดถ่ายวิดีโอหน้าชัดหลังเบลอ Bokeh Flare Portrait แบบ Real-Time ที่ปรับระดับความเบลอได้ระหว่าง f0.95-f16 รวมถึงฟังก์ชัน Video HDR และโหมด Face Beauty ปรับผิวให้เนียนสวย (รองรับที่ความละเอียดสูงสุดระดับ Full HD 1080p 30fps)


รวมถึงโหมด Vlog Movie สำหรับสายคอนเทนต์ตัวจริง


ตัวอย่างภาพถ่ายจากกล้องหลัง 3 ตัว (Triple Camera) ความละเอียด 64+8+2 ล้านพิกเซล ของ vivo V25 Pro 5G

ภาพถ่ายจากโหมดปกติ


ภาพถ่ายจากโหมดปกติแบบ Ultra-Wide


ภาพถ่ายจากโหมดปกติ


ภาพถ่ายจากโหมดปกติแบบ Ultra-Wide


ภาพถ่ายจากโหมด Portrait Bokeh


ภาพถ่ายจากโหมด Super Macro


ภาพถ่ายเวลากลางคืนจากโหมด Night


ภาพถ่ายเวลากลางคืนจากโหมด Night มุมกว้างแบบ Ultra-Wide


ภาพถ่ายเวลากลางคืนจากโหมด Night


ภาพถ่ายเวลากลางคืนจากโหมด Night มุมกว้างแบบ Ultra-Wide


ภาพถ่ายเวลากลางคืนจากโหมด Night พร้อมฟิลเตอร์แบบต่าง ๆ


ตัวอย่างภาพถ่ายจากกล้องหน้าแบบ 32MP Eye AF Selfie ของ vivo V25 Pro 5G

ภาพถ่ายเซลฟี่ในโหมดปกติ


ภาพถ่ายเซลฟี่ในโหมด Face Beauty


ภาพถ่ายเซลฟี่ในโหมด Portrait Bokeh


ภาพถ่ายเซลฟี่ในโหมด Super Night Portrait


ภาพถ่ายเซลฟี่ในโหมด Night


แนะนำ vivo TWS Air หูฟังไร้สายใหม่ เสียงมีพลังชัดใส น้ำหนักเบา ในราคาจับต้องได้

และวันนี้เราก็มีหูฟังไร้สายรุ่นใหม่ล่าสุดจากทาง vivo อย่าง vivo TWS Air มาแนะนำให้ทุกท่านได้รู้จักกันด้วย โดย vivo TWS Air นั้นเด่นด้วยน้ำหนักที่เบาเพียง 3.5 กรัม ฟังเพลงได้เพลิน ๆ พร้อมไดรเวอร์เสียงขนาดใหญ่พิเศษ 14.2 มม. ที่ได้รับการปรับจูนใน vivo Gloden Ears Acoustics Lab และสามารถใช้งานได้นานสุด 25 ชั่วโมง รวมถึงฟังก์ชัน AI Dual-Mic ตัดเสียงรบกวนจากภายนอกระหว่างสนทนา ซึ่งสามารถเชื่อมต่อใช้งานได้อย่างง่ายดายผ่าน Bluetooth เวอร์ชัน 5.2 และฟังก์ชัน Google Fast Pair ในราคาเพียง 1,999 บาท


vivo TWS Air  มาในแพ็กเกจสีขาวสะอาดตา พร้อมชื่อรุ่นที่มีลูกเล่นสะท้อนแสง


ภายในกล่องแพ็กเกจประกอบด้วย vivo TWS Air พร้อมคู่มือการใช้งาน และสายชาร์จแบบ USB Type-C


vivo TWS Air มากับตัวเคสทรงมนขนาดกะทัดรัดพอดีมือ กับตัวเลือกสี Pebble Blue ที่มีการเคลือบผิวสามชั้น ให้สัมผัสแบบด้าน พร้อมป้องกันการเกิดรอยนิ้วมือ


โดยจะมีไฟ LED แสดงสถานะแบตเตอรี่ของตัวเคสอยู่ที่ด้านหน้า ซึ่งจะมีปุ่มเปิด-ปิดการ เชื่อมต่อด้วย Bluetooth ที่ด้านหลังตัวเคส


อีกตัวเลือกเป็นสี Bubble White กับพื้นผิวมันวาว ที่ให้ความพรีเมียมไปอีกแบบ


และมีพอร์ตแบบ USB Type-C อยู่ด้านล่างเคส สำหรับชาร์จแบตเตอรี่


ตัวหูฟัง TWS Air ได้รับการออกแบบตามการวิจัยจากผู้ใช้จริง โดยจะเน้นไปที่การสวมใส่สบายตลอดวัน และแนบชิดไปกับหูในทุกการเคลื่อนไหว ด้วยโครงสร้างแบบใหม่ที่มีความโค้ง พร้อมก้านหูฟังสั้นลง 4 มิลลิเมตร เพื่อลดความเสี่ยงที่จะหลุดขณะออกกำลังกาย กับน้ำหนักเบาเพียง 3.5 กรัม จึงสามารถสวมใส่ได้สบาย โดยตัวหูฟังมีความเงางาม ซึ่งเพิ่มความพรีเมียมได้เป็นอย่างดี และมีไดรเวอร์ขนาดใหญ่พิเศษถึง 14.2 มิลลิเมตร พร้อมไมโครโฟน รวมถึงหน่วยตรวจจับเสียงพูดในตัว


เมื่อสวมใส่หูฟังจะเห็นได้ว่างหูฟังแนบชิดเข้า กับใบหูได้อย่างพอดิบพอดี



เชื่อมต่อพร้อมเปิดใช้งาน vivo TWS Air

หูฟังไร้สาย vivo TWS Air รองรับการเชื่อมต่อกับสมาร์ทโฟนผ่านทาง Bluetooth ร่วมกับแอปพลิเคชัน vivo Earphones โดยมีขั้นตอนในการเชื่อมต่อดังนี้


เมื่อติดตั้งแอปพลิเคชัน vivo Earphones เรียบร้อยแล้ว ให้ทำการเปิดการเชื่อมต่อ Bluetooth บนสมาร์ทโฟนเพื่อเริ่มการเชื่อมต่อกับ TWS Air พร้อมกดเพิ่มอุปกรณ์ที่ต้องการเชื่อมต่อ โดยจะมีให้เลือกเพิ่มด้วยตนเอง หรือให้ค้นหาโดยอัตโนมัติ พร้อมกับเปิดฝาตัวเคส TWS Air ออก และกดปุ่มเชื่อมต่อ Bluetooth ที่ด้านหลังเคสค้างไว้ 2 วินาที ซึ่งจะเป็นการเริ่มค้นหาอุปกรณ์ใกล้เคียงเพื่อทำการเชื่อมต่อในทันที

หรือทำการเปิดฝาตัวเคส TWS Air ออก และกดปุ่มเชื่อมต่อ Bluetooth ที่ด้านหลังเคสค้างไว้ 2 วินาที เพื่อให้สมาร์ทโฟนค้นหาให้เจอก่อนแล้วค่อยติดตั้งแอปพลิเคชันทีหลังก็ได้เช่นกัน


เมื่อสมาร์ทโฟนค้นหา TWS Air เจอแล้ว ให้ทำการจับคู่กัน เพียงเท่านี้ก็เป็นอันเสร็จสิ้น โดยการเชื่อมต่อในครั้งต่อไปสามารถทำได้อย่างง่ายดาย เพียงแค่เปิดฝาเคสเท่านั้น ซึ่งหน้าหลักของแอปพลิเคชัน vivo Earphones มีดีไซน์เรียบง่าย พร้อมแสดงจำนวนแบตเตอรี่ของหูฟังแต่ละข้างไว้อย่างชัดเจน


มีเมนูสั่งการครบครัน ใช้งานง่าย Shortcut actions สำหรับตั้งค่าการแตะสั่งการหูฟังในแต่ละข้าง ได้แก่ กดเล่น/หยุดเพลง, เปลี่ยนเพลง, เรียกใช้ Voice Assistant หรือไม่เลือกคำสั่งใด ๆ

ส่วน Actions คำสั่งที่ไม่สามารถเปลี่ยนแปลงได้ มีดังนี้

  • แตะ 2 ครั้งติด : รับสายโทรเข้า / วางสาย

  • แตะค้าง : ปฏิเสธรับสาย


สามารถเลือกเอฟเฟกต์เสียงที่ชอบได้ทั้งหมด 3 รูปแบบ ด้วยเทคโนโลยีเอฟเฟกต์ DeepX 2.0 ได้แก่

  • Standard (ค่าเริ่มต้น)

  • Clear Voice : เสียงก้องกังวาน เหมาะสำหรับเพลง Pop และ Ballad

  • Mega Bass : เสียงเบสหนักแน่น เหมาะกับเพลง Rock และ R&B

  • Clear High Pitch : เสียงใส เน้นดนตรี เหมาะกับเพลง Classic และ Blues

 

การชาร์จแบตเตอรี่ของ vivo TWS Air

หูฟังไร้สาย vivo TWS Air สามารถใช้งานได้ประมาณ 4.5 ชั่วโมงต่อการชาร์จ 1 ครั้ง และเมื่อเก็บตัวหูฟังเข้าไปในเคส จะเริ่มการชาร์จแบตให้ตัวหูฟังทันที ซึ่งเป็นกระบวนการชาร์จซ้ำ และใช้งานต่อได้อีก รวมแล้วสามารถใช้งานได้สูงสุดที่ประมาณ 25 ชั่วโมง จึงมั่นใจได้เลยว่าสามารถใช้งานได้ยาวนานตลอดวัน พร้อมตอบโจทย์ความเร่งรีบโดยการชาร์จผ่านตัวเคสเพียง 10 นาทีก็สามารถใช้งานได้นานถึง 1.5 ชั่วโมง ซึ่งตัวเคสจะมีไฟ LED แสดงสถานะแบตเตอรี่ โดยระหว่างชาร์จไฟสถานะจะแสดงเป็นสีแดง และเมื่อชาร์จแบตเตอรี่เต็ม 100% ไฟ LED จะเปลี่ยนเป็นสีเขียว


ทดสอบคุณภาพเสียงของ vivo TWS Air

TWS Air มากับไดรเวอร์ขนาดใหญ่พิเศษ 14.2 มิลลิเมตร และได้รับการปรับจูนเสียงจากทาง vivo Gloden Ears Acoustics Lab จึงทำให้มีคุณภาพเสียงที่ดี สามารถเก็บรายละเอียดได้ครบถ้วน เบสแน่นกำลังดี อีกทั้งยังสามารถปรับเอฟเฟกต์เสียงที่เพิ่มระดับเบสได้อีก รวมถึงมีเวทีเสียงที่ค่อนข้างกว้าง มีมิติของเสียงในระดับดี สามารถแยกซ้าย-ขวาได้อย่างแม่นยำ และเสียง กับภาพสามารถซิงค์กันได้อย่างสมบูรณ์ไม่ว่าจะเป็นการเล่นเกม หรือดูหนัง

สำหรับฟังก์ชัน Dual-Mic ในการตัดเสียงรบกวนระหว่างสนทนาก็ทำได้ดี ช่วยเพิ่มความคมชัดให้กับเสียงในสายได้เป็นอย่างดี อีกทั้งยังเชื่อมต่อใช้งานได้ง่าย ไม่จำกัดเฉพาะกับมือถือ vivo เท่านั้น


สรุปผลการทดสอบของ vivo V25 Pro 5G | TWS Air

จากที่มีโอกาสใช้งาน vivo V25 Pro 5G มาระยะหนึ่งก็กล่าวได้ว่าเป็นสมาร์ทโฟนอีกหนึ่งรุ่นที่มีความครบเครื่องในราคาที่เอื้อมถึงได้ไม่ยากจนเกินไป ตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ในปัจจุบันได้ดี โดยเฉพาะด้านการถ่ายรูปที่จัดเต็มกว่าเดิม จากชุดกล้องหลัง 3 ตัว ที่มีกล้องตัวหลัก 64MP OIS Ultra-Sensing Camera + กล้อง Super Wide-Angle 8MP + กล้อง Super Macro 2MP เด่นที่รองรับการถ่ายภาพบุคคลในที่แสงน้อย หรือตอนกลางคืนด้วยโหมด Super Night Portrait ไปจนถึงการถ่ายภาพทั่ว ๆ ไปในเวลากลางคืนด้วยโหมด Night ที่มากับเทคโนโลยี Real-Time Extreme Night Vision ผสานเข้ากับระบบกันสั่นไหวแบบ OIS จึงทำให้องค์ประกอบของภาพมีความสว่างมากขึ้น และคมชัดทุกรายละเอียด อีกทั้งยังมีลูกเล่นที่น่าสนใจในโหมด Long Exposure รวมถึงการถ่ายวิดีโอแบบ Vlog Movie ที่มีรูปแบบให้เลือกใช้หลากหลาย และการถ่ายวิดีโอแบบหน้าชัดหลังเบลอแบบ Real-Time แบบ Bokeh Flare Portrait ซึ่งตอบโจทย์สายคอนเทนต์ได้เป็นอย่างดี

vivo V25 Pro 5G ยังคงไม่ทิ้งจุดเด่นอย่างการถ่ายเซลฟี่ ด้วยกล้องหน้า 32MP Eye AF Selfie ที่รองรับระบบการโฟกัสดวงตา (Eye Autofocus) ช่วยในการจับภาพให้รวดเร็วขึ้น และถ่ายภาพออกมาได้คมชัด ซึ่งรองรับโหมดถ่ายภาพยอดนิยม ไม่ว่าจะเป็น Portrait ทั้งกลางวัน-กลางคืน พร้อมกับ Multi-Style Portrait ที่สามารถเลือกโทนสีที่สื่ออารมณ์ต่าง ๆ ได้อย่างหลากหลาย และโหมด Face Beauty ปรับใบหน้าให้ดูสวยแบบธรรมชาติ ไปจนถึงการบันทึกวิดีโอพร้อมระบบกันสั่นแบบ Steadiface และ โหมดถ่ายวิดีโอหน้าชัดหลังเบลอ Bokeh Flare Portrait แบบ Real-Time รวมถึงรองรับโหมด Vlog Movie ด้วยเช่นกัน

การใช้งานด้านอื่น ๆ ก็ถือว่าทำได้น่าพอใจ ด้วยการเลือกใช้ชิปเซ็ต MediaTek Dimensity 1300 บนเทคโนโลยีการผลิตระดับ 6nm มีระบบระบายความร้อนในตัวแบบ Liquid Cooling System พร้อมรองรับเทคโนโลยี Multi-Turbo 5.0 สำหรับเร่งการประมวลผลด้านต่าง ๆ ของตัวเครื่อง ไม่ว่าจะเป็น CPU, กราฟิก และการเล่นเกม, การเชื่อมต่อเครือข่าย และการจัดการความร้อน จึงช่วยให้ตัวเครื่องไม่ร้อนจัดจนเกินไป แม้มีการประมวลผลอย่างหนัก หรือใช้งานติดต่อกันเป็นเวลานาน จับคู่กับ RAM แบบ LPDDR4X ขนาด 12GB ที่รองรับเทคโนโลยี Extended RAM 2.0 อีก 8GB จึงสามารถใช้งานแบบ Multi-Task หรืองานที่ใช้ทรัพยากรสูง กับการประมวลผลหนัก ๆ ได้เป็นอย่างดี มีความลื่นไหล และมีหน่วยความจำภายใน (ROM) แบบ UFS 3.1 ขนาด 256GB ที่แม้จะเพิ่มหน่วยความจำภายนอกไม่ได้ แต่ก็สามารถเก็บข้อมูลต่าง ๆ ได้เพียงพอต่อการใช้งานในปัจจุบัน โดยมีแบตเตอรี่ความจุ 4830 mAh ใช้งานได้ยาวนานตลอดวัน และรองรับเทคโนโลยีชาร์จเร็ว 66W FlashCharge ที่ช่วยย่นระยะการชาร์จให้รวดเร็วทันใจในทุกความเร่งรีบ นั่นคือเพียง 15 นาทีก็สามารถชาร์จได้ถึงระดับ 40% หรือชาร์จเต็ม 1-100% ในเวลา 60 นาที ซึ่งทั้งหมดนี้ทำงานอยู่บนระบบปฏิบัติการ Android 12 ที่ถูกครอบทับด้วย Funtouch OS 12 เวอร์ชันล่าสุด

 

ด้านความบันเทิงก็ถือว่าทำได้ดี ด้วยหน้าจอไร้ขอบลงโค้งทั้งสองด้านที่มีความพรีเมียมแบบ 120Hz 3D Curved AMOLED ขนาด 6.56 นิ้ว ความละเอียดระดับ FHD+ (2376x1080 พิกเซล : 397 PPI) จึงสามารถใช้งาน หรือรับชมคอนเทนต์ต่าง ๆ ได้อย่างเต็มตาในสัดส่วนที่กว้างเป็นพิเศษ พร้อมอัตราการรีเฟรช (Refresh Rate) สูงสุดที่ 120Hz ผสานค่า Touch Sampling Rate สูงสุดที่ 300Hz ที่ช่วยให้การใช้งานต่าง ๆ เป็นไปอย่างลื่นไหลไม่มีสะดุด และตอบสนองต่อการสัมผัสได้รวดเร็วทันใจ อีกทั้งรวมถึงรองรับคอนเทนต์แบบ HDR10+ พร้อมเทคโนโลยี Visual Enhancement ในการปรับแต่งสี และ Contrast ของคอนเทนต์ต่าง ๆ ได้อย่างสวยงาม คมชัดทุกรายละเอียดผ่าน Youtube และ Netflix บนตัวเครื่องที่ดีไซน์มาแบบเรียบหรู ผลิตจากกระจก Fluorite AG Glass กับผิวสัมผัสแบบด้านเป็นประกาย พร้อมป้องกันรอยขีดข่วน และรอยนิ้วมือได้เป็นอย่างดี กับความพิเศษในตัวเลือกสีฟ้า Surfing Blue พร้อมเทคโนโลยี Color Changing Glass ที่สามารถเปลี่ยนสีได้ เมื่อโดนแดด (UV) โดยมีระบบการรักษาความปลอดภัย 2 แบบ ได้แก่ เซนเซอร์สแกนลายนิ้วมือฝังไว้ใต้หน้าจอ (In-Display Fingerprint Sensor) และระบบสแกนใบหน้า (Face Unlock)

 

ทางด้านหูฟัง vivo TWS Air เหมาะสำหรับทั้งสายชิลล์ และสายรักสุขภาพ กับดีไซน์สวยทันสมัยมีความโค้งมนเข้ากับสรีระใบหูของผู้ใช้งาน และมีน้ำหนักที่เบาเพียง 3.5 กรัม ด้วยวัสดุแบบไดอะแฟรมคอมโพสิตไบโอคาร์บอนไฟเบอร์ จึงสามารถสวมใช้งานได้ยาว ๆ ผสานกับแบตเตอรี่ที่ใช้งานได้นาน 4.5 ชั่วโมง และสูงสุด 25 ชั่วโมง เมื่อใช้งานร่วมกับเคสชาร์จไฟผ่านพอร์ต USB Type-C ที่เป็นมาตรฐานสากล

vivo TWS Air ยังมาพร้อมคุณภาพเสียงระดับแนวหน้าด้วยไดรเวอร์ขนาดใหญ่พิเศษ 14.2 มิลลิเมตร ที่ได้รับการปรับจูนเสียงจากทาง vivo Gloden Ears Acoustics Lab มีลำโพงเบสโดยเฉพาะ พร้อมวอยซ์คอยล์ทองแดงจาก Daikoku และสามารถเลือกเอฟเฟกต์เสียงที่ชอบได้ทั้งหมด 3 รูปแบบ ด้วยเทคโนโลยีเอฟเฟกต์ DeepX 2.0 อีกทั้งยังรองรับระบบตัดเสียงรบกวน จากภายนอก (Active Noise Cancelling) สูงถึง 45% พร้อมระบบตัดเสียงรบกวนอัจฉริยะ AI Dual-Mic ที่ช่วยให้ การสนทนามีความคมชัด ซึ่งสามารถเชื่อมต่อใช้งานกับมือถือของผู้ใช้ได้ง่าย ๆ ผ่าน Bluetooth เวอร์ชัน 5.2 และฟังก์ชัน Google Fast Pair

 

vivo V25 Pro 5G เปิดราคาจำหน่ายอย่างเป็นทางการในประเทศไทยแล้วที่ 19,999 บาท กับตัวเลือก 2 สี ได้แก่ สีดำ (Starlight Black) และสีฟ้า (Surfing Blue) โดยจะเปิดให้สั่งจองล่วงหน้า (Pre-Order) ตั้งแต่วันที่ 24-28 กันยายนนี้ พร้อมรับฟรีหูฟังไร้สาย vivo TWS Air สีน้ำเงิน มูลค่า 1,999 บาท (จำนวนจำกัด) และเริ่มวางจำหน่ายจริงตั้งแต่วันที่ 29 กันยายน 2565 เป็นต้นไป

สุดท้ายนี้ ต้องขอขอบคุณทาง vivo ประเทศไทย ที่ให้ความไว้วางใจส่งเครื่อง vivo V25 Pro 5G รุ่นใหม่นี้มาให้ทางทีมงานได้ทำการรีวิวให้ท่านผู้อ่านได้รับชมกัน และขอขอบคุณสถานที่สวย ๆ ของร้าน Jia Taiwanese Bistro สำหรับวันนี้ทางทีมงานก็คงต้องขอลาไปก่อน แล้วพบกันได้ใหม่ในโอกาสหน้า สวัสดีค่ะ


จุดเด่นของ vivo V25 Pro 5G

- ฝาหลังดีไซน์พรีเมียมผลิตจากกระจก Fluorite AG Glass กับผิวสัมผัสแบบด้านเป็นประกาย พร้อมป้องกันรอยขีดข่วน และรอยนิ้วมือได้เป็นอย่างดี
- ตัวเลือกสีฟ้า Surfing Blue มาพร้อมเทคโนโลยี Color Changing Glass ที่สามารถเปลี่ยนสีได้เมื่อโดนแดด (UV)
- ระบบระบายความร้อนแบบ Bionic Cooling System (Liquid Cooling System) 
- มีตัวเลือก 2 สี ได้แก่ สีดำ (Starlight Black) และสีฟ้า (Surfing Blue)

------------------------------------------------------------------

- จอแสดงผลขอบโค้งแบบ 120Hz 3D Curved AMOLED ขนาด 6.56 นิ้ว ความละเอียดระดับ FHD+ (2376x1080 พิกเซล : 397 PPI) พร้อมอัตราการรีเฟรช (Refresh Rate) สูงสุดที่ 120Hz, ค่า Touch Sampling Rate สูงสุดที่ 300Hz และรองรับการแสดงคอนเทนต์แบบ HDR10+
- เซนเซอร์สแกนลายนิ้วมือแบบฝังใต้หน้าจอ (In-Display Fingerprint Sensor) พร้อมระบบปลดล็อกด้วยใบหน้า (Face Unlock)

------------------------------------------------------------------

- ประมวลผลด้วยชิปเซ็ต MediaTek Dimensity 1300 ความเร็ว 3.0 GHz บนเทคโนโลยีการผลิตระดับ 6 nm
- หน่วยประมวลผลกราฟิก (GPU) Mali-G77 MC9
- หน่วยความจำแรม (RAM) แบบ LPDDR4X ขนาด 12GB พร้อมเทคโนโลยี Extended RAM 2.0 ที่สามารถขยาย RAM เพิ่มได้อีก 8 GB ด้วย Internal Storage (ROM)
- หน่วยความจำภายใน (ROM) แบบ UFS 3.1 ขนาด 256GB
- แบตเตอรี่ Li-Ion ความจุ 4830 mAh พร้อมระบบชาร์จแบตเตอรี่ความเร็วสูงแบบ 66W FlashCharge และเทคโนโลยี Smart Charging Engine
- ทำงานอยู่บนระบบปฏิบัติการ Android 12 พร้อมครอบทับด้วย Funtouch OS 12

------------------------------------------------------------------

กล้องดิจิทัลด้านหลัง 3 ตัว (Triple Camera) ประกอบด้วย

- กล้อง Wide (Main : OIS Ultra-Sensing) ความละเอียด 64 ล้านพิกเซล พร้อมเซนเซอร์รับภาพขนาด 1/1.72 นิ้ว, เม็ดพิกเซลขนาด 0.8 ไมครอน, รูรับแสงขนาด f1.89, ทางยาวโฟกัส 24 มิลลิเมตร, ระบบโฟกัสอัตโนมัติแบบ PDAF และระบบป้องกันการสั่นแบบ OIS
- กล้อง Ultra Wide (Super Wide-Angle) ความละเอียด 8 ล้านพิกเซล พร้อมเซนเซอร์รับภาพขนาด 1/4 นิ้ว, เม็ดพิกเซลขนาด 1.12 ไมครอน, รูรับแสงขนาด f2.2 และมุมรับภาพ 120 องศา (ทางยาวโฟกัส 16 มิลลิเมตร)
- กล้อง Super Macro ความละเอียด 2 ล้านพิกเซล พร้อมรูรับแสงขนาด f2.4 และระยะโฟกัสใกล้สุดที่ 4 เซนติเมตร

โดยรองรับโหมดถ่ายภาพที่น่าสนใจแบบครบครัน ไม่ว่าจะเป็น การโฟกัสตามร่างกาย Body Autofocus รวมถึงโฟกัสวัตถุ Object Autofocus, โหมดถ่ายภาพความละเอียดสูง 64MP UHD, โหมดบุคคล Portrait ที่สามารถปรับระดับความเบลอได้ (f.16-f0.95) พร้อมเปลี่ยนรูปแบบ Bokeh รองรับ Multi-Style Portrait รวมถึง Super Night Portrait การถ่ายภาพบุคคลในที่แสงน้อย หรือเวลากลางคืน, โหมด Face Beauty ปรับทุกส่วนบนใบหน้าได้อย่างอิสระ พร้อมฟังก์ชัน Posture ในการแนะนำท่าทางในการโพส, โหมด Super Macro โฟกัสวัตถุระยะใกล้สุดที่ 4 เซนติเมตร, โหมด Night สำหรับถ่ายภาพเวลากลางคืน รองรับ Real-Time Extreme Night Vision พร้อมโหมดมุมกว้างแบบ Super Wide รวมถึง Night Style ฟิลเตอร์สำหรับปรับโทนสีของภาพทั้งหมด 9 แบบ และฟังก์ชัน Long Exposure ทั้งหมด 6 รูปแบบ, โหมด Double Exposure 2.0 ที่คล้ายกับการถ่ายภาพซ้อนกัน, โหมด Pro, โหมด Pro Sports และรองรับการบันทึกวิดีโอความละเอียดสูงสุดที่ระดับ 4K (60fps) พร้อมระบบกันสั่นแบบ Ultra Stable Video ด้วย OIS + EIS รวมถึงโหมด Face Beauty, ถ่ายวิดีโอหน้าชัดหลังเบลอแบบ Bokeh Flare Portrait, โหมด Super Night Portrait และโหมด Vlog Movie

กล้องดิจิทัลด้านหน้าแบบ 32MP Eye AF Selfie

พร้อมรูรับแสงขนาด f2.45, รองรับระบบการโฟกัสดวงตา (Eye Autofocus), โหมดถ่ายภาพบุคคล Portrait ที่สามารถปรับค่าความเบลอได้ (f16-f0.95) รองรับ Multi-Style Portrait รวมถึง Super Night Portrait การถ่ายภาพบุคคลในที่แสงน้อย หรือเวลากลางคืน, โหมด Face Beauty ปรับผิวให้สวยเป็นธรรมชาติ พร้อม Pose Master ในการแนะนำท่าโพสต์ที่สวยงามให้กับผู้ถ่าย, โหมด Night สำหรับถ่ายเซลฟี่เวลากลางคืนหรือที่แสงน้อย และการบันทึกวิดีโอความละเอียดสูงสุดที่ระดับ Full HD 1080p พร้อมระบบกันสั่นแบบ Steadiface, โหมด Face Beauty, โหมดถ่ายวิดีโอหน้าชัดหลังเบลอ Bokeh Flare Portrait แบบ Real-Time ที่ปรับระดับความเบลอได้ระหว่าง f0.95-f16 รวมถึงฟังก์ชัน Video HDR และโหมด Vlog Movie สำหรับการถ่ายวิดีโอแนวภาพยนตร์บนมือถือด้วยกล้องหน้า

- เชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตผ่านทางระบบ Wi-Fi (Dual Band (2.4/5 GHz), 5G, 4G LTE, 3G, EDGE และ GPRS
- รองรับการใช้งานระบบซิมคู่ (Dual SIM : Dual Standby : Nano SIM + Nano SIM)
- ดีไซน์เสารับสัญญาณแบบ E-Sports Game Antenna Design
- เชื่อมต่อข้อมูลแบบไร้สายผ่านทาง Bluetooth 5.2 และ NFC
- ระบุตำแหน่ง และนำทางด้วยระบบดาวเทียม GPS+A-GPS, Glonass, Galileo, BeiDou และ QZSS
- พอร์ตเชื่อมต่อแบบ USB Type-C (USB 2.0) พร้อมรองรับการใช้งาน OTG (USB On-the-Go)
- ฟีเจอร์ Game Boost Mode
- มอเตอร์ระบบสั่นแบบ Linear Motor และระบบสั่นแบบ 4D Game Vibration
- ฟีเจอร์ All-Round Audio Enhancement
- ระบบผู้ช่วยอัจฉริยะ (Jovi)
- ฟังก์ชัน App Clone สำหรับใช้งานแอปพลิเคชันประเภทโซเชียลมีเดียได้พร้อมกัน 2 แอคเคานท์
- ราคา 19,999 บาท ถือว่าเหมาะสมเมื่อเทียบกับคุณสมบัติโดยรวม

 

จุดที่อาจจะต้องพิจารณาเพิ่มเติมของ vivo V25 Pro 5G

- ไม่รองรับเทคโนโลยีชาร์จแบตเตอรี่แบบไร้สาย
- ไม่สามารถเพิ่มหน่วยความจำเสริมภายนอก ด้วยการ์ดแบบ microSD Card หรือแบบอื่น ๆ ได้
- ตัวเครื่องไม่มีคุณสมบัติของการป้องกันน้ำ-ป้องกันฝุ่น
- ไม่มีพอร์ตเชื่อมต่อหูฟังขนาด 3.5 มิลลิเมตร
- ลำโพงเสียงเป็นแบบเดี่ยว

 

 

จุดเด่นของหูฟังไร้สาย vivo TWS Air

- ตัวหูฟังมีการดีไซน์สวยทันสมัย ออกแบบมาเพื่อให้ตัวหูฟังมีความโค้งมนเข้ากับสรีระใบหูของผู้ใช้งาน
- ตัวหูฟังมีขนาด 30.09×18.54×16.52  มิลลิเมตร และมีน้ำหนักเบา 3.5 กรัม ด้วยวัสดุแบบไดอะแฟรมคอมโพสิตไบโอคาร์บอนไฟเบอร์
- ตัวเคสมีขนาด 56×52×24 มิลลิเมตร และมีน้ำหนัก 38.04 กรัม
- คุณสมบัติป้องกันน้ำกระเซ็นในระดับ IP54
- ไดรเวอร์ขนาดใหญ่พิเศษ 14.2 มิลลิเมตร ปรับจูนเสียงจากทาง vivo Gloden Ears Acoustics Lab
- มีลำโพงเบสโดยเฉพาะ พร้อมวอยซ์คอยล์ทองแดงจาก Daikoku
- ตอบสนองย่านความถี่เสียงที่ 20Hz - 20,000Hz
- รองรับฟอร์แมตเสียง SBC และ AAC
- เทคโนโลยีเอฟเฟกต์ DeepX 2.0 ทั้งหมด 3 รูปแบบ : Clear Voice, Mega Bass, Clear High Pitch
- ระบบตัดเสียงรบกวนจากภายนอก (Active Noise Cancelling) สูงถึง 45% พร้อมระบบตัดเสียงรบกวนอัจฉริยะ AI Dual-Mic
- แบตเตอรี่หูฟังความจุ 29 mAh
- แบตเตอรี่เคสความจุ 430 mAh
- ฟังเพลงยาวนานต่อเนื่อง 4.5 ชั่วโมง และสูงสุด 25 ชั่วโมง เมื่อใช้งานร่วมกับเคสชาร์จไฟ
- ชาร์จแบตเตอรี่ 10 นาที สามารถฟังเพลงได้นาน 1.5 ชั่วโมง
- รองรับการชาร์จแบตเตอรี่ผ่านพอร์ต USB Type-C
- รองรับการเชื่อมต่อ Bluetooth 5.2 ระยะ 10 เมตร
- ฟังก์ชัน Google Fast Pair รองรับการใช้งานร่วมกับสมาร์ทโฟน Android OS เวอร์ชัน 6.0 ขึ้นไป
- มี 2 สีมาตรฐานให้เลือก (Pebble Blue และ Bubble White)
- ราคา 1,999 บาท ถือว่าเป็นราคาที่คุ้มค่าจับต้องได้ง่าย


จุดที่อาจจะ ต้องพิจารณาเพิ่มเติมของ vivo TWS Air

- สำหรับคนที่มีใบหูเล็กอาจจะสวมหูฟังได้ไม่ถนัด
- หูฟังตอบสนองต่อการสัมผัสเพื่อสั่งการได้รวดเร็ว หากทำการขยับหูฟังขณะฟังเพลง ก็อาจเป็นการกดหยุดเพลงได้โดยไม่ได้ตั้งใจ


สรุปคุณสมบัติเครื่อง

ท่านสามารถตรวจสอบคุณสมบัติ (สเปก) และราคา ของ vivo V25 Pro 5G ได้โดยการคลิกที่ลิงก์ด้านล่างนี้

สรุปคุณสมบัติ (สเปก) และราคา ของ vivo V25 Pro 5G

 

โปรดทราบ

* โทรศัพท์มือถือที่ท่านเห็นในบทความรีวิวนี้เป็นเพียงเครื่องทดสอบจากทางผู้ผลิต เพราะฉะนั้นคุณสมบัติบางอย่างอาจมีความแตกต่างจากเครื่องที่วางจำหน่ายจริงบ้างไม่มากก็น้อย รวมถึงจุดด้อยบางประการที่พบในเครื่องทดสอบ อาจจะถูกแก้ไขปรับปรุงให้ดีขึ้นในเครื่องที่วางจำหน่ายจริง ดังนั้นหากท่านสนใจซื้อโทรศัพท์มือถือรุ่นนี้ ควรตรวจสอบ หรือทดลองใช้งานสินค้าด้วยตนเองอีกครั้งหนึ่ง *


 

วันที่ : 26/09/2022

Cookie Consent

Our website uses cookies to provide your browsing experience and relavent informations.Before continuing to use our website, you agree & accept of our Cookie Policy & Privacy