รีวิว (Review) Vivo V17
สมาร์ทโฟนจอ Ultra O Screen รุ่นแรก บนดีไซน์ใหม่แบบกล้องคอมแพค ที่ถ่ายชัดระดับ 48+32MP ด้วยจอ Ultra O Screen Super AMOLED 6.44 นิ้ว ผสานสแกนนิ้วบนจอ, กล้อง AI Quad Camera 48 ล้านพิกเซล, กล้องหน้า AI 32 ล้านพิกเซล, ชิปเซ็ต Snapdragon 675 AIE, ROM 256GB+RAM 8GB และแบตเตอรี่ Dual-Engine Fast Charging 4500 mAh บนตัวเครื่องสไตล์ Retro ด้วยแรงบันดาลใจจากกล้องคอมแพค ในราคา 11,999 บาท
20 ธันวาคม 2019 - หลังจากที่ Vivo V17 Pro ได้เปิดตัวไปเมื่อช่วงปลายเดือนกันยายนที่ผ่านมา ล่าสุดนี้ทาง Vivo ประเทศไทย ก็ได้เปิดตัว Vivo V17 สมาร์ทโฟนรุ่นต่อยอดใหม่ในบ้านเราเพิ่มเติมแล้ว กับการปรับโฉมดีไซน์ใหม่หมดจดแบบ Retro ที่สวยพรีเมียมกว่าเดิม ทั้งจอแสดงผลที่ด้านหน้า และด้านหลังตัวเครื่อง ที่ได้รับแรงบันดาลใจมาจากกล้องคอมแพค พร้อมจุดเด่นอย่างกล้องหลัง AI 4 ตัว (AI Quad Camera) และมีแบตอึดใช้งานได้ตลอดวัน
Vivo V17 ได้รับการปรับโฉมดีไซน์ใหม่ด้วยหน้าจอไร้ขอบ ไร้รอยบาก และไร้ติ่งมากวนใจแบบ Ultra O Screen ที่มีการฝังกล้องขนาดเล็กไว้ที่มุมบนขวาของหน้าจอในรูปแบบของทรงกลมขนาดเล็ก กับเทคโนโลยี Super AMOLED พร้อมเซนเซอร์สแกนลายนิ้วมือใต้หน้าจอ (In-Display Fingerprint) โดยมีหน้าจอขนาดใหญ่ 6.44 นิ้ว คมชัดระดับ Full HD+ (1080x2400 พิกเซล : 408 ppi) ในอัตรส่วน 20:9 ซึ่งคิดสัดส่วนพื้นที่การแสดงผลอยู่ที่ 91.38% และรองรับฟังก์ชัน Always On Display สำหรับบอกเวลา และการแจ้งเตือนขณะปิดหน้าจอ ทางด้านตัวเครื่องมีความเงางามคล้ายกระจก (Mirror Finish) โค้งรับกับฝ่ามือขณะถือแบบ 3D Curved พร้อมการไล่เฉดสีเล่นกับแสงในมุมตกกระทบ
อีกหนึ่งจุดที่เปลี่ยนแปลงไปอย่างชัดเจนก็คือกล้องหลังทั้ง 4 ตัว (AI Quad Camera) ที่เรียงกันเป็นรูปตัว L พร้อมไฟแฟลชคู่ (Dual LED) ในแถบสี่เหลี่ยมผืนผ้าที่มุมบนซ้ายของฝาหลัง ซึ่งได้รับแรงบันดาลใจมาจากกล้องคอมแพค โดยมีความคมชัดที่ 48 ล้านพิกเซล พร้อมกล้องมุมกว้าง Super Wide-Angle คมชัดระดับ 8 ล้านพิกเซล ที่สามารถเก็บภาพกว้างสุด 120 องศา, กล้อง Bokeh คมชัดระดับ 2 ล้านพิกเซล สำหรับทำภาพหน้าชัดหลังเบลอ และกล้อง Macro คมชัดระดับ 2 ล้านพิกเซล สำหรับถ่ายภาพระยะใกล้สุดที่ 4 เซนติเมตร สำหรับกล้องหน้าคมชัดถึง 32 ล้านพิกเซล และรองรับเทคโนโลยีหน้าสวยอย่าง AI Face Beauty รวมถึง Super Night Selfie กับโหมดหน้าชัดหลังเบลออีกด้วย
ด้านคุณสมบัติพื้นฐานของ Vivo V17 ก็ใส่มาให้แบบเหลือเฟือ ด้วยชิปเซ็ต Qualcomm Snapdragon 675 AIE แบบ 8-แกน (Octa-Core) ที่มีความเร็ว 2.0GHz พร้อมหน่วยประมวลผลกราฟิก (GPU) แบบ Adreno 612 ที่ทำงานร่วมกับ RAM ขนาด 8GB พร้อมหน่วยความจำภายใน (ROM) ขนาดจุใจที่ 256GB และยังสามารถเพิ่มหน่วยความจำภายนอกแบบ microSD Card ได้อีก 256GB โดยมีแบตเตอรี่ความจุ 4500 mAh ที่รองรับเทคโนโลยีการประหยัดพลังงาน และเทคโนโลยีชาร์จเร็วแบบ 18W Dual-Engine Fast Charging ผ่านพอร์ตการเชื่อมต่อแบบ USB Type-C มาตรฐานใหม่ บนระบบปฏิบัติการ Android 9.0 Pie ที่ถูกครอบทับด้วย Funtouch OS 9.2 เวอร์ชันใหม่
จากข้อมูลในข้างต้นก็กล่าวได้ว่า Vivo V17 มีจุดเด่นที่น่าสนใจอยู่หลายด้านเลยทีเดียว ไม่ว่าจะเป็นการดีไซน์ตัวเครื่องสุดพรีเมียมเทียบชั้นเรือธง หรือกล้องหลังทั้ง 4 ตัว (AI Quad Camera) ในดีไซน์ใหม่หมดจด รวมไปถึงฟีเจอร์ครบครัน กับราคาวางจำหน่ายอย่างเป็นทางการในประเทศไทยที่ 11,999 บาท ส่วนการใช้งานจริงจะเป็นอย่างไร ดีไซน์ตัวเครื่องจะสวยงามขนาดไหน และฟีเจอร์ที่มีอยู่จะตอบสนองต่อการใช้งานได้ดีเพียงใด ขอเชิญทุกท่านรับชมรีวิว Vivo V17 พร้อมกันได้เลยค่ะ
รูปลักษณ์ภายนอกตัวเครื่อง และการออกแบบดีไซน์
Vivo V17 มาในแพ็กเกจสีขาว พร้อมโชว์ดีไซน์ใหม่ และระบุความจุตัวเครื่องไว้อย่างชัดเจน
ภายในกล่องมีอุปกรณ์พื้นฐานมาให้อย่างครบครัน ไม่ว่าจะเป็น อะแดปเตอร์ 9V/2A, สายเชื่อมต่อแบบ USB Type-C, หูฟัง, เคสใส, เข็มสำหรับถอดถาดซิมการ์ด และคู่มือการใช้งาน
ภาพตัวอย่างการสวมใส่เคสใสที่แถมมาให้ภายใน แพ็กเกจ
Vivo V17 มาพร้อมหน้าจอแสดงผล Super AMOLED Ultra O Screen ขนาด 6.44 นิ้ว ในอัตราส่วน 20:9 โดยมีพื้นที่การแสดงผลคิดเป็น 91.38% ความละเอียดระดับ Full HD+ (1080x2400 พิกเซล : 408 ppi) ที่รองรับขอบเขตสีแบบ DCI-P3 ได้ 100% และลดแสงสีฟ้าได้ถึง 42% จากการรับรองของสถาบัน TUV Rheinland พร้อมครอบทับด้วยกระจกขอบนูนแบบ 2.5D บนตัวเครื่องมีขนาด 159.01x74.17x8.54 มิลลิเมตร และมีน้ำหนัก 176 กรัม
พร้อมรองรับฟังก์ชัน Always On Display
ที่ด้านบนมีเพียงลำโพงสำหรับสนทนา และเซ็นเซอร์ Proximity สำหรับปิดหน้าจอแบบอัตโนมัติขณะสนทนา เพื่อประหยัดพลังงาน กับเซ็นเซอร์ Ambient Light สำหรับตรวจวัดระดับความสว่างของสภาพแวดล้อม เพื่อปรับความสว่างของหน้าจอ และแผงปุ่มกดให้เหมาะสม
สำหรับกล้องหน้าฝังอยู่บนหน้าจอที่ด้านขวา กับความคมชัด 32 ล้านพิกเซล ที่มีรูรับแสง F/2.45 และรองรับเทคโนโลยี AI Face Beauty สำหรับปรับแต่งใบหน้าของตัวแบบให้มีความสวยงามเป็นธรรมชาติ ผ่านการวิเคราะห์โดยปัญญาประดิษฐ์
พร้อมกับรองรับระบบสแกนใบหน้าแบบ Face Access ในการปลดล็อกตัวเครื่อง
ด้านหน้าส่วนล่างประกอบด้วย ปุ่มกดแบบ On-Screen ประกอบด้วย ปุ่ม Recent App, ปุ่มโฮม และปุ่มย้อนกลับ
หรือเลือกใช้งานวิธีควบคุมแบบ Gestures ซึ่งเป็นการลาก และปัดบริเวณขอบหน้าจอเพื่อสั่งการได้ด้วย
รวมถึงรองรับเทคโนโลยีสแกนลายนิ้วมือใต้หน้าจอ (In-Display Fingerprint)
ที่ด้านบนของตัวเครื่องมีไมโครโฟนตัวที่สอง
ที่ด้านล่างประกอบด้วย ช่องสำหรับเชื่อมต่อหูฟังขนาด 3.5 มิลลิเมตร, ไมโครโฟนสำหรับสนทนา, พอร์ตการเชื่อมต่อแบบ USB Type-C และลำโพงเสียงภายนอก
ด้านซ้ายของตัวเครื่องมีถาดใส่ซิมการ์ด nanoSIM แบบ Triple-Slot ซึ่งรองรับการใช้งาน 2 ซิมการ์ด และการ์ดหน่วยความจำภายนอกแบบ microSD ที่ความจุสูงสุด 256GB ได้ในเวลาเดียวกัน
ด้านขวาของตัวเครื่อง มีปุ่มเปิด-ปิดเครื่อง หรือล็อกหน้าจอ และปุ่มปรับระดับเสียง
Vivo V17 มีตัวเครื่องดีไซน์เงางามคล้ายกระจก (Mirror Finish) โค้งในรับกับฝ่ามือแบบ 3D Curved พร้อมการไล่เฉดสีเล่นกับแสงในมุมตกกระทบต่างๆ โดยตัวเครื่องที่ทางทีมงานนำมารีวิวให้ได้ชมกันเป็นสีขาว (Crystal White)
กล้องหลังของ Vivo V17 มีทั้งหมด 4 ตัว (AI Quad Camera) ในดีไซน์ใหม่เรียงกันเป็นรูปตัว L ภายในกรอบสี่เหลี่ยมผืนผ้า ที่ได้แรงบันดาลใจมาจากกล้องคอมแพค โดยแบ่งออกเป็น กล้องตัวหลักความละเอียด 48 ล้านพิกเซล (F/1.8) พร้อมเลนส์ Super Wide Angle ความละเอียด 8 ล้านพิกเซล สำหรับเก็บภาพมุมกว้างสุดที่ 120 องศา, เลนส์ Bokeh ความละเอียด 2 ล้านพิกเซล สำหรับทำภาพหน้าชัดหลังเบลอ และเลนส์ Macro ความละเอียด 2 ล้านพิกเซล สามารถถ่ายภาพระยะใกล้สุดที่ 4 เซนติเมตร
เปิดเครื่องใช้งาน
พร้อมการทดสอบฟังก์ชัน และแอปพลิเคชันต่างๆ
Vivo V17 ขับเคลื่อนการทำงานด้วยระบบปฏิบัติการ Android เวอร์ชัน 9.0 Pie ซึ่งถูกครอบทับด้วย Funtouch OS 9.2 ที่เป็นเวอร์ชันใหม่ และสามารถใช้งานได้พร้อมกัน 2 ซิมการ์ด พร้อมรองรับการใช้งานบนเครือข่าย 4G LTE ทั้ง 2 ซิมการ์ด (Dual 4G)
มีหน่วยความจำภายใน (ROM) ขนาด 256GB ที่สามารถเพิ่ม microSD Card ได้อีก 256GB และหน่วยความจำแรม (RAM) ขนาด 8GB
เมื่อกดปุ่ม Recent Apps จะพบกับหน้าแอปพลิเคชันทั้งหมดที่เปิดใช้งานเอาไว้ ซึ่งผู้ใช้สามารถเลือกปิดแอปพลิเคชันที่เปิดค้างเอาไว้ได้ เพียงแค่เลื่อนหน้าต่างแอปนั้นๆ ไปยังด้านบน หรือปิดแอปพลิเคชันทั้งหมดภายในครั้งเดียวได้อย่างง่ายดาย ด้วยการกดปุ่มไอคอน X ที่ด้านล่าง
เมื่อกดค้างที่หน้าจอจะเป็นการเข้าสู่เมนูการ ปรับแต่งหน้าจอ โดยผู้ใช้สามารถปรับตำแหน่งของไอคอน พร้อมเลือกใช้งาน Widget และเอฟเฟ็กต์ในการเลื่อนหน้าจอที่ต้องการได้
เมื่อลากจากขอบด้านบนของหน้าจอลงมาจะพบกับ Notification Center ซึ่งเป็นหน้าศูนย์รวมการแจ้งเตือนต่างๆ และเมื่อลากจากขอบด้านล่างของหน้าจอขึ้นจะพบกับ Toggle Switch ปุ่มลัดสำหรับการเปิด-ปิดฟังก์ชันต่างๆ มากมาย เช่น การใช้งานอินเทอร์เน็ต, Bluetooth หรือการเปิด-ปิด Dark Mode
นอกจากนี้ผู้ใช้ยังสามารถปรับแต่งตำแหน่งของ คีย์ลัดเองได้ด้วย
เมื่อปัดไปทางขวาจากหน้าโฮมจะเจอกับหน้า Card พื้นที่การแสดงข้อมูลต่างๆ และคอยแนะนำฟีเจอร์ อย่างเช่น สภาพอากาศปัจจุบัน, จำนวนก้าว หรืออีเวนท์ที่กำลังจะเกิดขึ้นในเร็วๆ นี้ และยังสามารถจัดการแอปพลิเคชันที่แสดงภายในหน้า Card ได้
รวมทั้ง Shortcuts ทางลัดเข้าถึงแอปพลิเคชัน และเครื่องมือต่างๆ เช่น Speed up สำหรับเคลียร์พื้นที่หน่วยความจำ RAM, เครื่องคิดเลข หรือบันทึกเสียง เป็นต้น โดยผู้ใช้สามารถปรับแต่ง และจัดตำแหน่งของการ์ดได้ด้วยตนเอง จากการกดเครื่องหมาย + ที่ด้านบน
แอปพลิเคชัน i Manager เครื่องมือสำหรับจัดการประสิทธิภาพภายในตัวเครื่อง ทั้งการล้างพื้นที่ (การเคลียร์แรม), ตั้งค่าการใช้งานอินเทอร์เน็ตของแต่ละแอปพลิเคชัน หรือการจำกัดความเป็นส่วนตัวของผู้ใช้
สำหรับบริการต่างๆ จากทาง Google รวมถึงแอปพลิเคชันพื้นฐาน ก็มีการติดตั้งมาไว้ให้ได้ใช้งานอย่างครบครัน ไม่ว่าจะเป็น Calculator, Recorder, Compass, Feedback และ FM Radio
Vivo V17 สามารถปรับตั้งค่าการแสดงผลของหน้าจอได้อย่างหลากหลาย ได้แก่ การปรับความสว่างแบบอัตโนมัติ, โหมด Eye Protection และการปรับอุณหภูมิสีของหน้าจอที่เลือกระดับได้ตามที่ต้องการ
รองรับฟังก์ชัน Dark Mode ในการเปลี่ยนพื้นหลังให้กลายเป็นสีดำ
และด้วยดีไซน์ของ Vivo V17 ที่เป็นแบบ Ultra O Screen ในอัตราส่วน 20:9 จึงสามารถปรับให้บางแอปพลิเคชันสามารถแสดงผลในสัดส่วนแบบเต็มหน้าจอได้ด้วย
และเลือกการแสดงผลที่ด้านบนหน้าจอในแต่ละแอปพลิ เคชันได้
ในเมนู Home Screen สามารถตั้งค่าจำนวนการแสดงผลของไอคอนบนหน้าจอได้ 3 รูปแบบ ได้แก่ 4x5, 4x6 (ค่าเริ่มต้น) และ 5x6
สามารถปรับค่าความโค้งมนของไอคอนได้
รวมถึงขนาดของไอคอน
สามารถเปิด-ปิด ฟังก์ชัน Lockscreen Magazine ในการเปลี่ยนภาพล็อกหน้าจอทุกครั้งที่เปิดการทำงาน และรูปแบบของหน้า Lockscreen
Vivo V17 มาพร้อมฟีเจอร์ Always On Display ที่สามารถเลือกรูปแบบได้หลากหลาย
สามารถเปลี่ยนธีม และภาพพื้นหลัง รวมถึง Font ตัวอักษรรูปแบบต่างๆ และขนาดของตัวอักษรได้
และยังสามารถเปลี่ยนธีมของตัวเครื่องได้ผ่านแอ ปพลิเคชัน i Theme
รวมถึง Font ตัวอักษรรูปแบบต่างๆ และการตั้งค่าอื่นๆ บนหน้าจอได้
นอกจากนี้ยังสามารถตั้งค่า Animation เมื่อมีการเข้าสู่หน้าโฮมจากการปลดล็อกหน้าจออีกด้วย
สามารถสลับตำแหน่งของปุ่ม Navigation Buttons ให้เหมาะกับการใช้งานของผู้ใช้แต่ละคนได้
หรือเลือกใช้งานวิธีควบคุมแบบ Navigation Gestures ซึ่งเป็นการลาก และปัดบริเวณขอบหน้าจอเพื่อสั่งการได้
พร้อมกับเลือก Navigation Gestures Style ได้ 2 รูปแบบ หรือไม่แสดงปุ่มใดๆ
สำหรับระบบรักษาความปลอดภัยของ Vivo V17 มีทั้งเซ็นเซอร์สแกนลายนิ้วมือที่ฝังอยู่ใต้หน้าจอ (In-Display Fingerprint) โดยสามารถตั้งค่าการใช้งานเซ็นเซอร์สแกนลายนิ้วมือสำหรับปลุกการทำงานของ เครื่อง หรือปลดล็อกหน้าจอได้ พร้อมทั้งสามารถเพิ่มลายนิ้วมือได้มากกว่า 1 ลายนิ้วมือ ซึ่งจากการทดสอบตัวเซ็นเซอร์ก็สามารถปลดล็อกหน้าจอได้รวดเร็วทันใจ
ที่สามารถเลือกรูปแบบ Animation ขณะปลดล็อกได้ 5 รูปแบบ
พร้อมระบบการปลดล็อกด้วยใบหน้า (Face Access) ที่สามารถปลดล็อกได้อย่างรวดเร็ว โดยสามารถลงทะเบียนได้เพียง 1 ใบหน้าเท่านั้น
และสามารถเลือกรูปแบบ Animation ขณะปลดล็อกได้เช่นกัน โดยมีให้เลือกทั้งหมด 4 รูปแบบ
Vivo V17 มาพร้อมแบตเตอรี่ความจุ 4500 mAh พร้อมระบบจัดการพลังงานภายในเครื่อง และโหมดประหยัดพลังงานแบบ Low Power Mode ที่เมื่อเปิดใช้งานสัญลีกษณ์แบตเตอรี่จะเปลี่ยนเป็นสีเหลือง
รวมถึงโหมดประหยัดพลังงานขั้นสุดอย่าง Super Power- Saving Mode ที่ช่วยยืดระยะเวลาในการใช้งานให้นานมากขึ้น แต่แลกกับการใช้งานได้เพียงฟังก์ชันพื้นฐานเท่านั้น
และรองรับเทคโนโลยีชาร์จเร็วแบบ 18W Dual-Engine Fast Charging ที่ช่วยย่นระยะเวลาในการชาร์จให้เร็วยิ่งขึ้น โดยสามารถเลือกรูปแบบ Animation ขณะชาร์จได้ 4 รูปแบบ
สามารถตรวจสอบเวลาที่ใช้ไปในแต่ละแอปพลิเคชัน รวมถึงกำหนดระยะเวลาในการใช้งานในแต่ละแอปพลิเคชันได้
ฟังก์ชัน Do Not Disturb สำหรับปิดการแจ้งเตือนทั้งหมดแบบไม่มีการสั่นเตือน ยกเว้นการตั้งปลุกที่ผู้ใช้ตั้งค่าเอาไว้ โดยจะมีสัญลักษณ์รูปพระจันทร์ที่ด้านบนเมื่อเปิดการใช้งาน
รองรับฟังก์ชัน App Clone สำหรับโคลนนิ่งแอปพลิเคชัน ซึ่งในเบื้องต้นนั้นสามารถโคลนนิ่งได้เฉพาะแอปพลิเคชันโซเชียลเน็ตเวิร์ก เช่น Facebook และ Line จึงทำให้ผู้ใช้สามารถล็อกอินแอปพลิเคชันเหล่านี้ได้พร้อมกันถึง 2 แอคเคานท์
สำหรับฟังก์ชันการใช้งานอัจฉริยะมาให้ใช้งานบน Vivo V17 ด้วยเช่นกัน ซึ่งประกอบไปด้วย โหมด Smart Wake, Smart turn on/off screen และ Smart Call ซึ่ง Smart Wake เป็นการวาดตามรูปแบบต่างๆ เพื่อเปิดใช้งานคีย์ลัด เช่น การวาดตัวอักษร C เพื่อเข้าสู่ฟังก์ชันการโทรศัพท์ หรือการวาดตัวอักษร m เพื่อเข้าสู่แอปพลิเคชัน i Music สำหรับฟังเพลง
Smart turn on/off screen การเปิด-ปิด หน้าจอแบบอัจฉริยะ โดยสามารถตั้งค่าให้หน้าจอติดเมื่อยกตัวเครื่องขึ้น หรือสัมผัสหน้าจอ 2 ครั้งติดกันเพื่อเป็นการล็อกหน้าจอ และ Smart Call การโทรอัจฉริยะ
รวมทั้งยังมีโหมดการใช้งานมือเดียว One-handed ซึ่งเป็นการปรับขนาดของแผงตัวเลขโทรศัพท์, แป้นพิมพ์รหัสผ่านให้เล็กลง ซึ่งช่วยให้ใช้งานมือถือด้วยมือเดียวอย่างสะดวกขึ้น และ Smart Click ในการเปิดใช้งานฟังก์ชันเฉพาะในขณะล็อกหน้าจอ
และสามารถเปิดใช้ฟังก์ชัน Easy Touch ปุ่มคีย์ลัดที่สามารถเลื่อนเปลี่ยนตำแหน่ง รวมถึงเปลี่ยนรูปแบบได้
ฟังก์ชัน Smart Split สำหรับแบ่งหน้าจอการใช้งานพร้อมกัน 2 แอปพลิเคชัน โดยเน้นไปที่แอปพลิเคชันเกี่ยวกับ Message โดยสามารถตอบแชทได้โดยไม่ต้องออกจากหน้าแอปพลิเคชันที่ใช้งานอยู่
และมีฟังก์ชัน Screen-Split ที่สามารถแบ่งหน้าจอเพื่อใช้งานสองแอปพลิเคชันได้พร้อมๆ กัน โดยสามารถเปิดใช้งานได้ทั้งหมด 3 รูปแบบ
ตัวอย่างการใช้งานฟังก์ชัน Screen-Split ที่รองรับทั้งในแนวตั้ง และแนวนอน
สามารถบันทึกภาพสกรีนช็อตได้อย่างรวดเร็วเพียง ลาก 3 นิ้ว จากบริเวณด้านล่างหน้าจอไปยังด้านบน หรือกดปุ่ม Power พร้อมกับปุ่มลดเสียง
และยังสามารถบันทึกภาพสกรีนช็อตแบบยาวได้ด้วย
Vivo V17 ยังมาพร้อมระบบผู้ช่วยอัจฉริยะใหม่ล่าสุดอย่าง Jovi AI Assistant ที่รองรับฟังก์ชัน Smart Camera ประกอบไปด้วย Portrait Mode สำหรับถ่ายภาพหน้าชัดหลังเบลอ พร้อมปรับค่าผิวเนียนให้เหมาะกับเพศ, วัย รวมถึงอายุของแต่ละบุคคลได้
AI Scene Identification ในการตรวจจับซีน พร้อมปรับภาพให้สวยแบบอัตโนมัติ และ AI Portrait Framing สำหรับช่วยจัดองค์ประกอบภาพ และช่วยแนะนำมุมสวยขณะถ่าย
Image Recognizer ใช้ในการค้นหาข้อมูลสินค้าที่อยู่ตรงหน้า พร้อมกับแสดงราคา และสถานที่สำหรับซื้อสินค้า
และ Smart Scene การแจ้งเตือนข่าวสารต่างๆ รวมถึงพยากรณ์อากาศ และตารางนัดหมาย เพื่อให้จัดการตารางเวลาได้ง่ายขึ้น
ทางด้านอัลบั้มภาพถ่ายนั้นสามารถแสดงภาพถ่ายได้ หลักๆ 2 แบบ คือ แสดงแบบรวมภาพทั้งหมด กับแบบแยกอัลบั้ม
ในส่วนของเว็บเบราว์เซอร์ก็ตอบสนองต่อการใช้งาน ได้ดี ไหลลื่น และสามารถแสดงเนื้อหาทั้งหมดได้อย่างถูกต้องครบถ้วน
พร้อมฟังก์ชัน Ad Block Mode ในการปิดไม่ให้มีการแสดงโฆษณาบนบราว์เซอร์อีกด้วย
สำหรับบริการ vivoCloud ก็มีให้ใช้งานบน Vivo V17 เช่นเดียวกัน โดยผู้ใช้สามารถสำรองข้อมูลต่างๆ ภายในตัวเครื่อง เช่น ข้อความ SMS, รายชื่อผู้ติดต่อ และบุ๊คมาร์คของเว็บเบราวเซอร์ ไปยังระบบคลาวอินเทอร์เน็ตของ Vivo ได้
และทาง Vivo ได้ทำการรวบรวมแอปพลิเคชันเด่นมาให้ได้ดาวน์โหลดบน Vivo V17 กันผ่านทาง Vivo App Store
Vivo V17 รองรับการเล่นเพลง และไฟล์เสียงต่างๆ ผ่านแอปพลิเคชัน i Music พร้อมเทคโนโลยี DeepField สำหรับช่วยขับเสียงร้องให้มีความชัดเจน พร้อมปรับเสียงเบสให้มีอิมแพคมากยิ่งขึ้น
สามารถปรับค่า Equalizer และเลือกใช้หูฟังต่างๆ ของ Vivo ได้
ที่สำคัญ Vivo V17 ยังรองรับฟังก์ชันเพื่อความเป็นส่วนตัวอย่าง Privacy and App Encryption สำหรับล็อกแอปพลิเคชันต่างๆ ภายในตัวเครื่อง รวมถึง File Safebox ที่เปรียบเสมือนตู้นิรภัยประจำสมาร์ทโฟน โดยผู้ใช้สามารถย้ายไฟล์รูปภาพ, ไฟล์เสียง, ไฟล์เอกสาร และไฟล์ประเภทอื่นๆ เข้าไปเก็บไว้ได้ ซึ่งจำเป็นต้องทำการยืนยันตัวตนเพื่อเข้าใช้งาน
Vivo V17 ยังมาพร้อมกับฟังก์ชัน Ultra Game Mode ซึ่งเป็นโหมดพิเศษที่ถูกออกแบบมาสำหรับการเล่นเกมโดยเฉพาะ พร้อมรองรับระบบที่ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการเล่นเกม ป้องกันปัญหาเฟรมเรตตกระหว่างเล่นเกมได้ดีขึ้น และฟังก์ชัน 4D Game Vibration ในการสั่นตามเหตุการณ์ในเกม ซึ่งช่วยเพิ่มอรรถรสให้กับการเล่นเกมอีกด้วย
รวมถึงป้องกันการโดนขัดจังหวะขณะเล่นเกม ยกตัวอย่างเช่น การโชว์เบอร์โทรสายเรียกเข้าในรูปแบบป็อบอัปเท่านั้น ทำให้เกมไม่ถูกสลับไปยังหน้ารับสายสนทนา
สำหรับเซ็นเซอร์ในเครื่อง Vivo V17 นั้นประกอบด้วย Accelerometer Sensor, Light Sensor, Orientation Sensor, Proximity Sensor, Gyroscope Sensor, Sound Sensor และ Magnetic Sensor
สามารถจับสัญญาณดาวเทียม GPS ในที่กลางแจ้งได้ดี พร้อมรองรับระบบดาวเทียม GLONASS ของรัสเซีย โดยจากภาพตัวอย่างการทดสอบข้างต้นจะเห็นว่าสามารถจับสัญญาณดาวเทียมได้ทั้งหมด 38 ดวง และมีความแม่นยำในระดับบวกลบ 12 เมตร แต่อย่างไรก็ดีคุณภาพของสัญญาณดาวเทียม GPS ก็ขึ้นอยู่กับพื้นที่ ที่กำลังใช้งานอยู่ หรือสภาพอากาศด้วยนั่นเอง
Vivo V17 มาพร้อมชิปเซ็ตประมวลผล Qualcomm Snapdragon 675 AIE แบบ 8-แกน (Octa-Core) ที่มีความเร็วในการประมวลผลสูงสุดที่ 2.0GHz โดยมีหน่วยประมวลผลกราฟิก (GPU) Adreno 612, หน่วยความจำแรม (RAM) ขนาด 8GB, หน่วยความจำภายใน (ROM) ขนาด 256GB ที่สามารถเพิ่ม microSD ได้อีก 256GB และทำงานอยู่บนระบบปฏิบัติการ Android 9.0 Pie ที่ครอบทับด้วย Funtouch OS 9.2 เวอร์ชันใหม่
Vivo V17 มีผลทดสอบจากแอปพลิเคชัน AnTuTu Benchmark เวอร์ชัน 8.0.5 ที่ 229,446 คะแนน และผลทดสอบจาก Geekbench 4 ในด้านการประมวลผลแบบแกนเดี่ยว (Single-Core) ที่ 2,389 คะแนน และในด้านการประมวลผลหลายแกน (Multi-Core) ที่ 6,573 คะแนน
สำหรับการทดสอบด้วยแอปพลิเคชัน 3D Mark แบบ OpenGL ES 3.1 ได้คะแนนการทดสอบที่ 1,090 คะแนน ส่วนการทดสอบแบบ Vulkan ได้คะแนนการทดสอบที่ 1,166 คะแนน
Vivo V17 รองรับการสัมผัสได้พร้อมกันสูงสุด 10 จุด
จากการทดสอบด้วยการเล่นเกมที่มีกราฟิกแบบสาม มิติอย่าง PUBG Mobile และ Marvel Future Fight ก็พบว่า Vivo V17 นั้นสามารถตอบสนองต่อการใช้งานได้อย่างไหลลื่น แต่ก็มีการสะสมความร้อนให้เห็นบ้าง
Vivo V17 มาพร้อมกับหน้าจอแสดงผลแบบ Super AMOLED Ultra O Screen ขนาด 6.44 นิ้ว ความละเอียดระดับ Full HD+ (1080x2400 พิกเซล : 408 ppi) และมีอัตราส่วนแบบ 20:9 จึงสามารถเปิดเล่นไฟล์วิดีโอความละเอียดระดับ Full HD 1080p ได้อย่างเต็มอรรถรส และให้มุมมองที่กว้างเต็มตาเป็นพิเศษ
การใช้งานกล้องสำหรับถ่ายภาพ และวิดีโอ
สำหรับกล้องถ่ายภาพของ Vivo V17 มีทั้งหมด 4 ตัว (AI Quad Camera) แบ่งออกเป็น กล้องตัวหลักความละเอียด 48 ล้านพิกเซล, พร้อมเลนส์ Ultra-Wide Angle ความละเอียด 8 ล้านพิกเซล, เลนส์ Bokeh ความละเอียด 2 ล้านพิกเซล และเลนส์ Macro ความละเอียด 2 ล้านพิกเซล โดย Interface ของแอปพลิเคชันกล้องมีการดีไซน์เรียบหรู สบายตา และมีเมนูให้ได้เลือกใช้อย่างชัดเจน
พร้อมโหมดการถ่ายภาพมุมกว้างแบบ Ultra-Wide Angle
รวมถึงโหมด Bokeh ในการถ่ายภาพหน้าชัดหลังเบลอที่สามารถปรับค่ารูรับแสงได้ที่ F/0.95 - F/16
โดยสามารถปรับระดับความเบลอได้ภายหลังด้วย
และโหมดถ่ายภาพแบบ Super Macro ระยะใกล้สุดที่ 4 เซนติเมตร
ในโหมดการถ่ายภาพปกติ มีฟังก์ชัน AI Scene Recognition ที่เป็นการนำเอาระบบปัญญาประดิษฐ์ (AI) เข้ามาช่วยวิเคราะห์สภาพแวดล้อม และวัตถุที่อยู่ตรงหน้า เพื่อปรับแต่งการตั้งค่าของกล้องให้เหมาะสมแบบอัตโนมัติ
และสามารถเพิ่ม Filter แบบต่างๆ ได้
พร้อมเลือก Portrait Lighting Effect ได้ทั้งหมด รูปแบบ 5 ได้แก่ Studio Light, Stereo Light, Loop Light, Rainbow Light และ Monochrome Background
โดยในโหมด Portrait ยังสามารถถ่ายภาพมุมกว้างแบบ Ultra-Wide Angle ได้อีกด้วย
โดยภาพสามารถปรับค่าต่างๆ ได้ภายหลัง ไม่ว่าจะเป็น การ crop ภาพ
การใส่ Filter หรือเปลี่ยน Light Effect
และการเพิ่มลูกเล่นน่ารักๆ ไม่ว่าจะเป็นการวาดเพิ่มเติม, สติกเกอร์ หรือการใส่กรอบรูปให้กับภาพ
รวมถึงปรับแต่งด้วยฟังก์ชัน AI Make Up
โดยสามารถปรับโครงสร้างใบหน้า และลำตัวได้อย่างอิสระ
โหมด AI Face Beauty สำหรับปรับค่าผิวเนียน รวมถึงโครงสร้างบนใบหน้า และลำตัวได้แทบทุกส่วน รวมถึงโหมด Pose Master สำหรับแนะนำท่าโพสต์
และมี AR Stickers ลูกเล่นน่ารักๆ สำหรับการถ่ายภาพด้วยสติกเกอร์แบบต่างๆ
Vivo V17 ยังรองรับโหมดถ่ายภาพความละเอียดสูงแบบ AI 48MP และฟังก์ชัน Live Photo
และการถ่ายภาพมุมกว้างในโหมด Panorama และ DOC
Vivo V17 ยังรองรับโหมด NIGHT สำหรับการถ่ายภาพในเวลากลางคืนโดยเฉพาะ
รวมถึงการถ่ายในโหมด Pro ที่มาพร้อมกับรายละเอียดการตั้งค่าต่างๆ ที่ครบครัน และครอบคลุมสำหรับช่างภาพแทบทั้งหมด
การถ่ายวิดีโอบน Vivo V17 รองรับโหมดมุมกว้างแบบ Ultra-Wide Angle
และมาพร้อมโหมด AI Face Beauty ในการปรับโครงสร้างใบหน้า รวมถึงลำตัวได้อย่างอิสระ โดยสามารถบันทึกความละเอียดสูงสุดที่ระดับ HD 720p ส่วนในโหมดปกติสามารถบันทึกความละเอียดสูงสุดได้ที่ระดับ 4K Ultra HD พร้อมรองรับฟังก์ชัน Ultra Stable Video ในการป้องกันการสั่นไหวขณะบันทึกวิดีโอกับความละเอียดสูงสุดที่ Full HD 1080p
พร้อมเพิ่ม Filter แบบต่างๆ ได้
รองรับฟังก์ชันการถ่ายวิดีโอแบบ Slow-Mo และ Time-Lapse
ทางด้านกล้องดิจิทัลด้านหน้าของ Vivo V17 มีความคมชัด 32 ล้านพิกเซล ก็มีหน้าตา Interface ที่สามารถใช้งานได้ง่ายเช่นเดียวกัน พร้อมทั้งแสดงไอคอนเอาไว้ให้ใช้งานได้ทันที และสามารถปรับค่าต่างๆ ได้ ไม่ว่าจะเป็น เปิด-ปิด ไฟแฟลช, โหมด HDR, Filter พร้อม Portrait Lighting Effect และสัดส่วนภาพ
พร้อมเพิ่ม Filter แบบต่างๆ ได้
และมาพร้อม Portrait Lighting Effect ได้ทั้งหมด รูปแบบ 6 ได้แก่ Natural Light, Studio Light, Stereo Light, Loop Light, Rainbow Light และ Monochrome Background
ในโหมด Portrait มาพร้อมเทคโนโลยี AI Face Beauty สำหรับปรับค่าผิวเนียน รวมถึงโครงสร้างบนใบหน้าได้แทบทุกส่วน และโหมด Pose Master สำหรับแนะนำท่าโพสต์
รองรับลูกเล่นน่ารักๆ อย่าง AR Stickers
รองรับฟังก์ชัน Live Photo และการถ่ายเซลฟี่ในมุมกว้างแบบ PANO
รวมถึงโหมดถ่ายภาพเซลฟี่ในเวลากลางคืนอย่าง NIGHT
การถ่ายวิดีโอด้วยกล้องหน้าของ Vivo V17 สามารถบันทึกความละเอียดสูงสุดได้ที่ระดับ Full HD 1080p และเพิ่ม Filter แบบต่างๆ ได้
รองรับโหมด AI Face Beauty ในการปรับโครงสร้างใบหน้า และลำตัวได้อย่างอิสระ โดยสามารถบันทึกความละเอียดสูงสุดที่ระดับ HD 720p
ตัวอย่างภาพถ่ายจากกล้องหลัง 4 ตัว (AI
Quad Camera) ความละเอียดระดับ 48+8+2+2 ล้านพิกเซล ของ Vivo V17
ภาพถ่ายจากโหมดปกติ
ภาพถ่ายมุมกว้างแบบ Ultra-Wide Angle
ภาพถ่ายจากโหมดปกติ
ภาพถ่ายมุมกว้างแบบ Ultra-Wide Angle
ภาพถ่ายจากโหมดปกติ
ภาพถ่ายมุมกว้างแบบ Ultra-Wide Angle
ภาพถ่ายจากโหมดปกติ
ภาพถ่ายมุมกว้างแบบ Ultra-Wide Angle
ภาพถ่ายจากโหมดปกติ
ภาพถ่ายมุมกว้างแบบ Ultra-Wide Angle
ภาพถ่ายในโหมด Super Macro
ภาพถ่ายจากโหมด Bokeh ที่ F/4.0 (ค่าเริ่มต้น)
ภาพถ่ายจากโหมดปกติ
ภาพถ่ายจากโหมด Portrait พร้อม Portrait Lighting Effect แบบ Studio Light
ภาพถ่ายจากโหมด Portrait พร้อม Portrait Lighting Effect แบบ Stereo Light
ภาพถ่ายจากโหมด Portrait พร้อม Portrait Lighting Effect แบบ Loop Light
ภาพถ่ายจากโหมด Portrait พร้อม Portrait Lighting Effect แบบ Rainbow Light
ภาพถ่ายจากโหมด Portrait พร้อม Portrait Lighting Effect แบบ Monochrome Background
ภาพถ่ายจากโหมด AR Sticker
ภาพถ่ายในเวลากลางคืนจากโหมด NIGHT
ตัวอย่างภาพถ่ายจากกล้องหน้า ความละเอียด 32 ล้านพิกเซล ของ Vivo V17
ภาพถ่ายจากโหมดปกติ
ภาพถ่ายจากโหมด AI Face Beauty
ภาพถ่ายจากโหมด Portrait พร้อม Portrait Lighting Effect แบบ Natural Light
ภาพถ่ายจากโหมด Portrait พร้อม Portrait Lighting Effect แบบ Studio Light
ภาพถ่ายจากโหมด Portrait พร้อม Portrait Lighting Effect แบบ Stereo Light
ภาพถ่ายจากโหมด Portrait พร้อม Portrait Lighting Effect แบบ Loop Light
ภาพถ่ายจากโหมด Portrait พร้อม Portrait Lighting Effect แบบ Rainbow Light
ภาพถ่ายจากโหมด Portrait พร้อม Portrait Lighting Effect แบบ Monochrome Background
ภาพถ่ายจากโหมด AR Sticker
สรุปผลการทดสอบของ Vivo V17
Vivo V17 ถือเป็นอีกหนึ่งสมาร์ทโฟนรุ่นใหม่ที่น่าสนใจในงบหมื่นต้นๆ เริ่มจากการดีไซน์แบบใหม่ที่สวยพรีเมียมเทียบชั้นเรือธง ด้วยหน้าจอไร้ขอบ ไร้รอยบาก ไร้ติ่ง โดยมีกล้องหน้าขนาดเล็กฝังอยู่บนหน้าจอแบบ Ultra O Screen Super AMOLED ขนาดใหญ่ 6.44 นิ้ว พร้อมความคมชัดระดับ Full HD+ (1080x2400 พิกเซล : 408 ppi) ในอัตราส่วน 20:9 ซึ่งคิดสัดส่วนพื้นที่การแสดงผลเป็น 91.38% เรียกได้ว่าสามารถเล่นไฟล์ที่มีความละเอียดระดับ Full HD 1080p ได้อย่างคมชัด และให้มุมมองที่ใหญ่เต็มตา รวมถึงติดตั้งเซนเซอร์สแกนลายนิ้วมือไว้ใต้หน้าจอ (In-Display Fingerprint) ที่ทำงานร่วมกับระบบสแกนใบหน้าในการปลดล็อกหน้าจอ (Face Access) สำหรับตัวเครื่องมีความเงางามคล้ายกระจก (Mirror Finish) โค้งรับกับฝ่ามือขณะถือแบบ 3D Curved พร้อมการไล่เฉดสีเล่นกับแสงในมุมตกกระทบ กับตัวเลือก 2 สี 2 สไตล์ ได้แก่ สีขาว (Crystal White) และสีน้ำเงิน (Admiral Blue)
อีกหนึ่งจุดเด่นสำคัญของ Vivo V17 ก็คือกล้องถ่ายภาพที่มาในดีไซน์ใหม่เช่นกัน มาในสไตล์ Retro ที่ได้รับแรงบันดาลใจมาจากกล้องคอมแพค โดยกล้องหลังมีทั้งหมด 4 ตัว (AI Quad Camera) แบ่งออกเป็น กล้องตัวหลักความละเอียด 48 ล้านพิกเซล (F/1.8) พร้อมกล้อง Super Wide Angle ความละเอียด 8 ล้านพิกเซล สำหรับเก็บภาพมุมกว้างสุดที่ 120 องศา, กล้อง Bokeh ความละเอียด 2 ล้านพิกเซล สำหรับทำภาพหน้าชัดหลังเบลอ และกล้อง Macro ความละเอียด 2 ล้านพิกเซล สามารถถ่ายภาพระยะใกล้สุดที่ 4 เซนติเมตร ซึ่งรองรับ Super Night Mode สำหรับการถ่ายภาพในเวลากลางคืนโดยเฉพาะ, ฟังก์ชัน AI Scene Recognition ในการตรวจจับซีนต่างๆ พร้อมปรับภาพให้สวยแบบอัตโนมัติ,โหมด Portrait พร้อม Portrait Light Effect, โหมด Bokeh ที่สามารถปรับระดับความเบลอได้ที่ F/0.95 - F/16 ทั้งก่อน และหลังการถ่ายภาพ, เทคโนโลยี AI Face Beauty ปรับโครงสร้างใบหน้า รวมถึงลำตัวได้แบบอิสระ และฟังก์ชัน Pose Master ในการแนะนำท่าโพสต์ที่สวยงามให้กับผู้ถ่าย รวมถึงรองรับการบันทึกวิดีโอความละเอียดสูงสุดที่ระดับ 4K Ultra HD พร้อมโหมด Ultra Stable Video
สำหรับกล้องหน้ามีความคมชัด 32
ล้านพิกเซล (F/2.45) ซึ่งมาพร้อมกับเทคโนโลยี Super Night Selfie รวมถึงเทคโนโลยี AI Face Beauty
ที่ช่วยปรับระดับผิวเนียน รวมถึงโครงสร้างต่างๆ บนใบหน้า และโหมด Slim
ในการปรับโครงสร้างร่างกายได้อย่างอิสระ, สติกเกอร์น่ารักๆ จากโหมด
AR Sticker และโหมด Portrait ที่มีลูกเล่นอย่าง Portrait
Light Effect ทั้งหมด 6 แบบให้เลือกใช้ รวมถึง Pose
Master สำหรับช่วยแนะนำการโพสต์ท่าทางต่างๆ
เพื่อเพิ่มความน่าสนใจให้กับภาพนั่นเอง
ด้านคุณสมบัติพื้นฐานของ Vivo V17 ก็เรียกได้ว่าจัดมาให้แบบที่สามารถตอบโจทย์การใช้งานทุกรูปแบบได้อย่างเต็มที่ ตั้งแต่ชิปเซ็ต Qualcomm Snapdragon 675 AIE แบบ 8-แกน (Octa-Core) ที่มีความเร็ว 2.0GHz พร้อมหน่วยประมวลผลกราฟิกโดยเฉพาะแบบ Adreno 612 จับคู่กับ RAM 8GB ที่สามารถใช้งานได้อย่างลื่นไหล ไม่มีสะดุด และหน่วยความจำภายในตัวเครื่อง (ROM) ขนาดมากถึง 256GB อีก ทั้งยังสามารถเพิ่มหน่วยความจำภายนอกแบบ microSD ได้อีก 256GB จึงสามารถเก็บภาพ, ไฟล์ข้อมูล, แอปพลิเคชัน และเกม ได้อย่างจุใจ รวมถึงหมดปัญหาการเลือกใช้งานในช่องซิมการ์ดที่ 2 เนื่องจาก Vivo V17 มาพร้อมกับถาดใส่ซิมการ์ด nanoSIM แบบ Triple-Slot ที่ สามารถใช้งาน 2 ซิมการ์ด + 1 microSD Card ได้ในเวลาเดียวกัน และทำงานอยู่บนระบบปฏิบัติการ Android 9.0 Pie ครอบทับด้วย Funtouch OS 9.2 เวอร์ชันใหม่ ที่มาพร้อม Dark Mode นอกจากนี้ยังรองรับระบบผู้ช่วยอัจฉริยะอย่าง Jovi AI Assistant อีกด้วย
Vivo V17 ยังตอบโจทย์การใช้งานด้านความบันเทิงได้เป็นอย่างดี ด้วยฟีเจอร์เอาใจเกมเมอร์อย่าง Ultra Game Mode โหมดพิเศษที่ถูกออกแบบมาสำหรับการเล่นเกมโดยเฉพาะ ยกตัวอย่างเช่น การโชว์เบอร์โทรสายเรียกเข้าในรูปแบบป็อบอัปเท่านั้น ทำให้เกมไม่ถูกสลับไปยังหน้ารับสายสนทนา และการย่อขนาดคีย์บอร์ดภายในเกมให้มีขนาดเล็กลง เพื่อป้องกันปัญหาคีย์บอร์ดบดบังการแสดงผล นอกจากนี้ยังมาพร้อมกับระบบที่ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการเล่นเกม และป้องกันปัญหาเฟรมเรตตกระหว่างเล่นเกมได้ดีขึ้นอีกด้วย นอกจากนี้ยังรองรับฟีเจอร์ 4D Game Vibration ในการสั่นตามเหตุการณ์ในเกม ซึ่งช่วยเพิ่มอรรถรสให้กับการเล่นเกมนั่นเอง
รวมถึงรองรับฟีเจอร์ที่ช่วยอำนวยความสะดวกในด้าน อื่นๆ อย่างครับครัน ไม่ว่าจะเป็น รองรับการเชื่อมต่อบนเครือข่าย 4G LTE ได้ทั้ง 2 ซิมการ์ด แบบ Dual 4G, รองรับบริการชำระเงินผ่านระบบ NFC, ฟีเจอร์ App Clone สำหรับใช้งานแอปพลิเคชันประเภทโซเชียลมีเดียได้พร้อมกัน 2 แอคเคานท์ เช่น Facebook หรือ Line ที่ช่วยให้ผู้ใช้สามารถล็อกอินแอปพลิเคชันเหล่านี้ได้พร้อมกันถึง 2 แอคเคานท์ในเวลาเดียวกัน, รวมถึงฟังก์ชัน Screen-Split ในการใช้งานพร้อมกัน 2 แอปพลิเคชันได้พร้อมกัน และยังสามารถบันทึกภาพสกรีนช็อตแบบยาวได้
Vivo V17 ยังให้ความสำคัญด้านความเป็นส่วนตัว ด้วยฟังก์ชัน Privacy and App Encryption สำหรับล็อกแอปพลิเคชันต่างๆ ภายในตัวเครื่อง รวมถึง File Safebox ที่เปรียบเสมือนตู้นิรภัยประจำสมาร์ทโฟน โดยผู้ใช้สามารถย้ายไฟล์รูปภาพ, ไฟล์เสียง, ไฟล์เอกสาร และไฟล์ประเภทอื่นๆ เข้าไปเก็บไว้ได้ ซึ่งจำเป็นต้องทำการยืนยันตัวตนเพื่อเข้าใช้งานอีกด้วย
และจากการทดสอบในข้างต้นพอจะกล่าวได้ว่า Vivo V17 เหมาะสำหรับท่านที่กำลังมองหาสมาร์ทโฟนดีไซน์สวยพรีเมียม และชื่นชอบหน้าจอขนาดใหญ่เต็มตาโดยไม่มีรอยบากมากวนใจ เพื่อนเน้นการใช้งานในด้านความบันเทิงโดยเฉพาะ รวมถึงมีกล้องความคมชัดสูงที่ถ่ายได้ครบทุกระยะ ทั้งกล้องหน้า และกล้องหลัง ในงบประมาณระดับหมื่นต้นๆ
Vivo V17 เปิดราคาทางการในประเทศไทยที่ 11,999 บาท กับตัวเลือกทั้งหมด 2 สี ได้แก่ สีขาว (Crystal White) และสีน้ำเงิน (Admiral Blue) โดยจะเริ่มวางจำหน่ายอย่างเป็นทางการตั้งแต่วันที่ 20 ธันวาคม นี้เป็นต้นไป ที่ร้าน Vivo Brand Shop ทุกสาขา และตัวแทนจำหน่ายทั่วประเทศ
สุดท้ายนี้ ต้องขอขอบคุณทาง Vivo ประเทศไทย ที่ให้ความไว้วางใจส่งเครื่อง Vivo V17 มาให้ทางทีมงานได้ทำการรีวิวให้ท่านผู้อ่านได้รับชมกัน สำหรับวันนี้ต้องขอลาไปก่อน พบกันได้ใหม่ในโอกาสหน้า สวัสดีค่ะ
จุดเด่นของ Vivo V17
- ตัวเครื่องดีไซน์ใหม่สไตล์ Retro ที่ได้รับแรงบันดาลใจมาจากกล้องคอมแพค พร้อมพื้นผิวเงางามคล้ายกระจกแบบ Mirror Finish
- บอดี้สีไล่เฉด (Gradient) ที่สามารถสะท้อนเล่นกับแสงในมุมต่างๆ
โดยมีทั้งหมด 2 สี ได้แก่ สีขาว (Crystal White) และสีน้ำเงิน (Admiral Blue)
- หน้าจอแสดงผล Ultra O Screen Super AMOLED ขนาด 6.44 นิ้ว ในอัตราส่วน 20:9
โดยมีพื้นที่การแสดงผลคิดเป็น 91.38% ความละเอียดระดับ Full HD+ (1080x2400
พิกเซล : 408 ppi) ครอบทับด้วยกระจกขอบนูนแบบ 2.5D
- หน้าจอสามารถแสดงช่วงสีตามมาตรฐาน DCI-P3 ได้ 100%
- หน้าจอสามารถลดแสงสีฟ้าได้ 42% จากการรับรองของสถาบัน TUV Rheinland
- ชิปเซ็ตประมวลผล Octa-Core Qualcomm Snapdragon 675 AIE ความเร็ว 2.0 GHz
- หน่วยประมวลผลกราฟิก (GPU) แบบ Adreno 612
- หน่วยความจำแรม (RAM) ขนาด 8GB
- หน่วยความจำภายใน (ROM) ขนาด 256GB
- รองรับการ์ดหน่วยความจำเสริมภายนอกแบบ microSD Card (TransFlash) ความจุ
256GB
- ทำงานอยู่บนระบบปฏิบัติการ Android 9.0 Pie พร้อมครอบทับด้วย Funtouch OS
9.2
- เทคโนโลยี Multi-Turbo (AI Turbo, Center Turbo, Game Turbo, Net Turbo, Cooling Turbo และ ART++ Turbo)
- ฟังก์ชัน Ultra Game Mode 7.0, Voice Changer และ Off-Screen Autoplay
กล้องดิจิทัลด้านหลังทั้งหมด 4 ตัว (AI Quad Camera) ประกอบด้วย
- กล้องตัวหลักความละเอียด 48 ล้านพิกเซล (f/1.8)
- กล้องตัวที่สองเลนส์ Super Wide Angle ความละเอียด 8 ล้านพิกเซล (f/2.2)
สำหรับเก็บภาพมุมกว้างสุดที่ 120 องศา
- กล้องตัวที่สามเลนส์ Bokeh ความละเอียด 2 ล้านพิกเซล (f/2.4)
สำหรับทำภาพหน้าชัดหลังเบลอ
- กล้องตัวที่สี่เลนส์ Macro ความละเอียด 2 ล้านพิกเซล (f/2.4)
สามารถถ่ายภาพระยะใกล้สุดที่ 4 เซนติเมตร
รองรับการโฟกัสภาพแบบ PDAF, ฟีเจอร์ HDR, ฟังก์ชัน AI Scene Recognition
ในการตรวจจับซีนต่างๆ พร้อมปรับภาพให้สวยแบบอัตโนมัติ,โหมด Portrait พร้อม
Portrait Light Effect, โหมด Bokeh ที่สามารถปรับระดับความเบลอได้ที่ F/0.95
- F/16, เทคโนโลยี AI Face Beauty ปรับโครงสร้างใบหน้า รวมถึงลำตัวได้อิสระ
และฟังก์ชัน Pose Master ในการแนะนำท่าโพสต์ที่สวยงามให้กับผู้ถ่าย
กล้องดิจิทัลด้านหน้าความละเอียด 32 ล้านพิกเซล
มีขนาดรูรับแสงกว้างสูงสุดที่ f/2.45 โดยรองรับเทคโนโลยี AI Face Beauty
สำหรับปรับแต่งใบหน้าของตัวแบบให้มีความสวยงามเป็นธรรมชาติ
ผ่านการวิเคราะห์โดยปัญญาประดิษฐ์ พร้อม Portrait และ Portrait Light Effect
รวมถึงฟังก์ชัน Pose Master ในการแนะนำท่าโพสต์ที่สวยงามให้กับผู้ถ่าย
- เซนเซอร์สแกนลายนิ้วมือใต้หน้าจอ (In-Display Fingerprint)
- ระบบปลดล็อกด้วยใบหน้า (Face Access)
- ระบบผู้ช่วยอัจฉริยะ Jovi AI Assistant
- ฟังก์ชัน App Clone สำหรับใช้งานแอปพลิเคชันประเภทโซเชียลมีเดียได้พร้อมกัน
2 แอคเคานท์
- พอร์ตเชื่อมต่อแบบ USB Type-C
- ช่องเสียบหูฟังมาตรฐานแบบ 3.5 มิลลิเมตร
- แบตเตอรี่ความจุ 4500 mAh พร้อมเทคโนโลยีชาร์จเร็วแบบ 18W Dual-Engine Fast
Charging
- รองรับการเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตผ่านทางระบบ 4G LTE, 3G, EDGE, GPRS และ
WiFi 2.4/5 GHz
- ระบบ GPS+A-GPS ในตัว พร้อมรองรับระบบดาวเทียม GLONASS ของประเทศรัสเซีย,
Beidou ของประเทศจีน และ GALILEO ของสหภาพยุโรป
- ราคา 11,999 บาท ถือว่าคุ้มค่าเมื่อเทียบกับคุณสมบัติโดยรวม
จุดที่อาจจะต้องพิจารณาเพิ่มเติมของ Vivo
V17
- ด้านหลังตัวเครื่องมีพื้นผิวมันวาว จึงอาจเกิดคราบเปื้อน
หรือรอยนิ้วมือได้ง่าย และค่อนข้างลื่นมือ
- ตัวเครื่องไม่มีคุณสมบัติของการป้องกันน้ำ หรือป้องกันฝุ่น
- ตัวเครื่องมีการสะสมความร้อน เมื่อมีการประมวลผลหนักๆ ติดต่อกันเป็นเวลานาน
- หน้าจอ Ultra O Screen ในอัตราส่วน 20:9
ยังไม่สามารถใช้งานร่วมกับแอปพลิเคชันทั้งหมดได้
- ด้วยความที่หน้าจอมีขอบบาง
อาจทำให้อุ้งมือของผู้ใช้ไปสัมผัสโดยไม่ได้ตั้งใจ
โปรดทราบ
* โทรศัพท์มือถือที่ท่านเห็นในบทความรีวิวนี้เป็นเพียงเครื่องทดสอบจากทางศูนย์ เพราะฉะนั้นคุณสมบัติบางอย่างอาจมีความแตกต่างจากเครื่องที่วางจำหน่ายจริง บ้างไม่มากก็น้อย รวมถึงจุดด้อยบางประการที่พบในเครื่องทดสอบ อาจจะถูกแก้ไขปรับปรุงให้ดีขึ้นในเครื่องที่วางจำหน่ายจริง ดังนั้นหากท่านสนใจซื้อโทรศัพท์มือถือรุ่นนี้ ควรตรวจสอบหรือทดลองใช้งานสินค้าด้วยตนเองอีกครั้งหนึ่ง *
สรุปคุณสมบัติตัวเครื่อง
ท่านสามารถตรวจสอบคุณสมบัติ (สเปก) และราคา ของ Vivo V17 ได้โดยการคลิกที่ลิงก์ด้านล่างนี้
สรุปคุณสมบัติ (สเปก) และราคาของ Vivo V17
วันที่ : 20/12/2019