รีวิว Samsung Galaxy S25 Ultra เรือธง AI Phone ที่ดีที่สุด บนตัวเครื่องดีไซน์ใหม่ พร้อมชิป Snapdragon 8 Elite for Galaxy รุ่นพิเศษ และกล้องที่อัปเกรดขึ้นอีกขั้น
เมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา เราก็ได้นำเอา พรีวิว Samsung Galaxy S25 Ultra มาให้ชมกันไปแล้วรอบหนึ่งเพื่อให้ทุกท่านได้เห็นทีเด็ดของสมาร์ตโฟนเรือธงตัวท็อปใหม่ล่าสุดรุ่นนี้ในเบื้องต้น และในวันนี้ก็ถึงคิวที่เราจะนำเอารีวิวแบบเจาะลึกมาให้ชมกันต่อแล้ว
สำหรับ Galaxy S25 Ultra คราวนี้เดินหน้าอัปเกรดความสามารถด้าน AI มาอย่างเต็มที่ พร้อมทั้งมีการปรับเปลี่ยนดีไซน์จากรุ่นก่อนอย่างเห็นได้ชัด โดยมาพร้อมกับหน้าจอแบบแบนราบ และเฟรมรอบตัวเครื่องที่เป็นสันแบนเช่นเดียวกัน บริเวณขอบมุมทั้ง 4 ด้านถูกปรับให้โค้งมน ทำให้จับถือสบายมือมากยิ่งขึ้น ส่วนคุณสมบัติภายในมีการอัปเกรดหลัก ๆ คือชิปเซ็ต Snapdragon 8 Elite for Galaxy ซึ่งนอกจากจะเป็นชิปเซ็ตระดับท็อปแล้ว ยังเป็นรุ่นปรับแต่งพิเศษเฉพาะ Galaxy S25 Series อีกด้วย หากเทียบกับรุ่นที่แล้วจะมีประสิทธิภาพสูงกว่าในทุกด้าน ทั้ง CPU แรงขึ้น 37%, GPU แรงขึ้น 30% และ NPU แรงขึ้น 40% จึงทำงานได้ดีกว่าเดิมโดยเฉพาะในด้านการประมวลผล AI ซึ่งถือเป็นหัวใจสำคัญของสมาร์ตโฟนรุ่นนี้
สำหรับระบบ AI นั้น นับว่า Samsung ได้นำหน้าคู่แข่งไปอีกขั้น พูดได้อย่างเต็มปากเลยว่ามาในเส้นทางของ AI Phone อย่างเต็มตัว เพราะมากับ Galaxy AI ที่ช่วยงานเราได้ทุกอย่าง ไม่ว่าจะเป็นการแต่งรูป, แปลภาษา, ถอดเทป, ช่วยปรับรูปแบบ/โทนการเขียน, สรุปข้อความ ไปจนถึงการลบเสียงที่ไม่ต้องการในวิดีโอ นอกจากนี้ยังมี Gemini Advance เข้ามาเป็นผู้ช่วยอีกคน ซึ่งสามารถพูดคุย หรือให้คำปรึกษากับเราได้เสมือนเลขาส่วนตัว และยังมีคุณสมบัติเด่น ๆ อย่างการสรุปคลิปวิดีโอยาว ๆ โดยที่เราไม่จำเป็นต้องดูให้จบ, สร้างตารางนัดหมายโดยอัตโนมัติ และอื่น ๆ อีกมากมาย
นอกจากนี้ Samsung Galaxy S25 Ultra ก็ยังมีการปรับปรุงในจุดต่าง ๆ ให้สมบูรณ์แบบมากยิ่งขึ้น ทั้งเรื่องการแสดงผล, การประมวลผล, การระบายความร้อน, กล้องถ่ายภาพ, กล้องวิดีโอ และอีกหลายอย่างด้วยกัน ดังนั้นเพื่อไม่ให้เป็นการเสียเวลา เราไปชมรีวิวฉบับเต็มของ Samsung Galaxy S25 Ultra ไปพร้อม ๆ กันได้เลยครับ
ดีไซน์ภายนอกของ Samsung Galaxy S25 Ultra
Samsng Galaxy S25 Ultra ในปีนี้ถือว่ามีการปรับเปลี่ยนดีไซน์ภายนอกจากรุ่น S24 Ultra ค่อนข้างชัดเจน
เริ่มกันที่หน้าจอแสดงผล Galaxy S25 Ultra คราวนี้เป็นจอแบน 100% พร้อมอัปเกรดให้กันแสงสะท้อนได้ดีขึ้นด้วยนวัตกรรมกระจกเซรามิก หน้าจอเป็นจอแบบ Dynamic AMOLED 2X ขนาด 6.9 นิ้ว (ใหญ่กว่าเดิม 0.1 นิ้ว) ความละเอียดระดับ QHD+ และมีอัตราการรีเฟรชสูงสุด 120Hz นอกจากนี้ขอบจอยังบางลงราว 15% ทำให้มีพื้นที่แสดงผลมากขึ้น ในขณะที่ตัวเครื่องมีความกว้างน้อยลงเหลือ 77.6 มิลลิเมตร (เดิม 79 มิลลิเมตร) และสำหรับกล้องหน้ายังคงติดตั้งไว้ที่รูบนหน้าจอเหมือนเดิมด้วยดีไซน์แบบ Infinity-O โดยเป็นกล้องความละเอียด 12MP (f2.2) พร้อมระบบ Auto Focus เช่นเดิม
อีกจุดหนึ่งที่น่าสนใจคือเทคโนโลยี ProScaler บนหน้าจอแสดงผล ที่ช่วยเพิ่มความคมชัดของทุกคอนเทนต์บนจอได้ถึง 40% ซึ่งฝังการทำงานมาบนตัวชิป Snapdragon 8 Elite for Galaxy ทำให้รายละเอียดทุกอย่างดูชัดเจน คมกริบกว่าที่เคย
ด้านหลังของตัวเครื่องยังคงเป็นโทนสีไทเทเนียมผิวด้านที่ดูเรียบ ๆ โดยตัวเครื่องสี Titanium Silverblue ที่นำมีรีวิวนี้จะเป็นสีเงินที่เหลือบสีน้ำเงินเบา ๆ เวลามีแสงตกกระทบ ดูเรียบง่ายแต่ซ่อนความหรูหราไว้ภายใน
ชุดกล้องหลังยังคงมี 4 ตัว (Quad Camera) จัดวางในตำแหน่งเดิม แต่คราวนี้มีการรมสีดำแบบเต็ม ๆ แนวเดียวกับ Galaxy Z Fold6 ซึ่งช่วยให้มีภาพลักษณ์ที่ดูโปร ดูจริงจังมากขึ้น โดยกล้องแต่ละตัวประกอบด้วย
- กล้อง Wide ความละเอียด 200 ล้านพิกเซล พร้อมเซนเซอร์รับภาพขนาด 1/1.3 นิ้ว, เม็ดพิกเซลขนาด 0.6 ไมครอน, รูรับแสงขนาด f1.7, ทางยาวโฟกัส 24 มิลลิเมตร (มุมรับภาพ 85°), ระบบโฟกัสอัตโนมัติแบบ Multi-Directional PDAF และระบบป้องกันการสั่นแบบ OIS
- กล้อง Ultra Wide ความละเอียด 50 ล้านพิกเซล พร้อมเม็ดพิกเซลขนาด 0.7 ไมครอน, รูรับแสงขนาด f1.9, มุมรับภาพ 120° และระบบโฟกัสอัตโนมัติแบบ Dual Pixel PDAF
- กล้อง Periscope Telephoto ความละเอียด 50 ล้านพิกเซล พร้อมเซนเซอร์รับภาพขนาด 1/2.52 นิ้ว, เม็ดพิกเซลขนาด 0.7 ไมครอน, รูรับแสงขนาด f3.4, ระยะซูมแบบ 5x Optical Zoom, ทางยาวโฟกัส 111 มิลลิเมตร (มุมรับภาพ 22°), ระบบโฟกัสอัตโนมัติแบบ PDAF และระบบป้องกันการสั่นแบบ OIS
- กล้อง Telephoto ความละเอียด 10 ล้านพิกเซล พร้อมเซนเซอร์รับภาพขนาด 1/3.52 นิ้ว, เม็ดพิกเซลขนาด 1.12 ไมครอน, รูรับแสงขนาด f2.4, ระยะซูมแบบ 3x Optical Zoom, ทางยาวโฟกัส 67 มิลลิเมตร (มุมรับภาพ 36°), ระบบโฟกัสอัตโนมัติแบบ PDAF และระบบป้องกันการสั่นแบบ OIS
นอกจากนี้ ตัวเครื่องทั้งด้านหน้า และด้านหลัง ยังครอบทับด้วยกระจก Corning Gorilla Armor 2 (เดิมใช้ Corning Gorilla Armor) ที่ทนทานกว่าเดิมราว 29%
เฟรมรอบตัวเครื่องของ Galaxy S25 Ultra เปลี่ยนมาเป็นแบบแบนเรียบสนิท และเป็นสีเดียวกับฝาหลัง พร้อมกันนี้ยังมีการปรับดีไซน์บริเวณมุมตัวเครื่องทั้ง 4 มุมให้มีความโค้งมน ทำให้จับถือในแนวนอนสะดวกขึ้น ไม่โดนเหลี่ยมแทงอุ้งมืออีกต่อไป
ในมุมด้านข้าง Galaxy S25 Ultra บางลงเล็กน้อยเมื่อเทียบกับรุ่นก่อนโดยเหลือ 8.2 มิลลิเมตร (เดิม 8.6 มิลลิเมตร) โดยปุ่มล็อกหน้าจอ และปุ่มปรับระดับเสียงจะอยู่ด้านขวา นอกจากนี้ตัวเครื่องยังมีน้ำหนักที่เบาลงเล็กน้อยเหลือ 218 กรัม (เดิม 232 กรัม)
ด้านบนมีไมโครโฟนตัดเสียงรบกวน ส่วนด้านล่างเป็นที่อยู่ของช่องเก็บปากกา S Pen, ช่องลำโพง, พอร์ต USB-C และถาดใส่ซิมการ์ด
ถาดใส่ซิมเป็นแบบ Dual-Slot รองรับซิมการ์ดแบบ Nano-SIM พร้อมกัน 2 ใบ นอกจากนี้ตัวเครื่องยังรองรับ eSIM ซึ่งจะเป็น SIM 1 + eSIM หรือเป็น eSIM ทั้งคู่เลยก็ได้
สำหรับปากกา S Pen ยังคงมีดีไซน์เหมือนเดิม โดยด้านบนสามารถกดได้ และมีปุ่ม Command บนตัวด้าม โดยตัวเครื่องสี Titanium Silverblue จะได้ S Pen สีเดียวกับตัวเครื่อง อย่างไรก็ตาม S Pen ของ Galaxy S25 Ultra จะไม่รองรับการเชื่อมต่อผ่าน Bluetooth และไม่มีแบตเตอรี่ในตัว นั่นคือไม่สามารถควบคุมการทำงานแบบไร้สายได้ ซึ่งต่างจากรุ่นที่ผ่าน ๆ มา
ซอฟต์แวร์ และคุณสมบัติพื้นฐาน
Samsung Galaxy S25 Ultra มาพร้อมกับระบบปฏิบัติการ Android 15 และครอบทับด้วย One UI 7.0 เวอร์ชันใหม่ล่าสุด ซึ่งปรับดีไซน์ให้ดูสวยงามน่าใช้กว่าเดิม ที่สำคัญคือทาง Samsung รับประกันการอัปเดตระบบปฏิบัติการให้ถึง 7 รุ่น และรับประกันการอัปเดตระบบความปลอดภัยให้ถึง 7 ปี
Samsung Galaxy S25 Ultra มีหัวใจการประมวลผลเป็นชิปเซ็ต Snapdragon 8 Elite for Galaxy ซึ่งเป็นชิปเซ็ตเรือธงรุ่นพิเศษที่ปรับแต่งมาเพื่อ Galaxy S25 Series เท่านั้น โดยเพิ่มความเร็วสูงสุดของ CPU เป็น 4.47GHz (รุ่นมาตรฐาน 4.32GHz) และมีประสิทธิภาพดีขึ้นรอบด้าน โดย CPU แรงขึ้น 37%, GPU แรงขึ้น 30% และ NPU แรงขึ้น 40% เมื่อเทียบกับ Snapdragon 8 Gen 3 ที่ใช้งานใน Galaxy S24 Series รุ่นก่อนหน้า
ขณะเดียวกัน Samsung ยังได้ร่วมมือกับ Qualcomm ในการรวมเทคโนโลยี Spatio-Temporal Filter (STF) เข้าไปใน Spectra ISP ซึ่งช่วยเพิ่มความคมชัดของวิดีโอในสภาพแสงน้อยที่ความละเอียด 8K (30fps) โดยยังคงประหยัดพลังงาน และยังได้รับการปรับแต่งเพื่อให้สามารถใช้งาน Google Gemini ได้อย่างมีประสิทธิภาพสูงสุดอีกด้วย
อีกฟีเจอร์ใหม่ที่ถูกใส่เพิ่มเข้ามาก็คือ Now Bar กับ Now Brief ที่มาพร้อมกับ One UI 7 โดย Now Bar ก็คือแถบแคปซูลด้านล่างของหน้าจอ Lock Screen ที่จะคอยแสดงข้อมูลล่าสุดของบางแอปพลิเคชันที่เราใช้งานอยู่ได้ เช่น Now Brief, แบตเตอรี่, เพลง, นาฬิกาจับเวลา, การบันทึกเสียง, กิจวัตรด้านสุขภาพ และอื่น ๆ นอกจากนี้ Now Bar ก็ยังสามารถแสดงการแจ้งเตือนสด (Live Notifications) ได้ด้วย เช่นแบตเตอรี่ชาร์จไปแล้วกี่เปอร์เซ็นต์ หรือบันทึกเสียงไปแล้วนานแค่ไหน รวมทั้งสามารถปัดขึ้นเพื่อเลือก Now Bar ที่ต้องการ กับแตะที่แถบ Now Bar ค้างไว้เพื่อแสดงตัวเลือกเพิ่มเติมได้ด้วย
โดยฟีเจอร์ไฮไลต์อย่าง Now Brief ก็เป็นเหมือนการ์ดสรุปเนื้อหาที่น่าสนใจของผู้ใช้แต่ละคนไว้ภายในหน้าเดียว ที่จะคอยอัปเดตตลอดทั้งวัน และแต่ละช่วงเวลาก็จะมีการสรุปข้อมูลที่แตกต่างกันไป โดยประเภทของเนื้อหาก็มีทั้งเรื่องสุขภาพ, การเดินทาง, กิจกรรม, งานที่ต้องทำ, กิจวัตร, เพลงแนะนำ, ข้อมูลการจราจร, ข่าวสาร, การติดต่อสื่อสาร, ช่วงเวลาสำคัญ, แกลเลอรี, ผลการแข่งขันกีฬา, สุขภาวะดิจิทัล และอื่น ๆ
สำหรับหน่วยความจำ Galaxy S25 Ultra มี RAM แบบ LPDDR5X ขนาด 12GB และหน่วยความจำภายในแบบ UFS แบบ UFS 4.0 ที่เลือกได้ตั้งแต่ขนาด 256GB, 512GB ไปจนถึง 1TB แต่จะไม่รองรับหน่วยความจำเสริมอย่างการ์ด microSD หรือแบบอื่น ๆ
ทดสอบเมื่อทดสอบประสิทธิภาพของการทำงานโดยรวมด้วยแอปพลิเคชัน AnTuTu Benchmark ก็พบว่าสามารถทำคะแนนรวมได้ 2,258,522 คะแนน
เมื่อทดสอบประสิทธิภาพของหน่วยประมวลผลกลาง (CPU) ด้วยแอปพลิเคชัน Geekbench 6 ก็พบว่าได้คะแนนในส่วนของการประมวลผลแบบ Single-Core ที่ 2163 คะแนน และได้คะแนนในส่วนของการประมวลผลแบบ Multi-Core ที่ 9011 คะแนน
Galaxy AI เลขาส่วนตัวสุดอัจฉริยะ ที่ได้รับการอัปเกรดใหม่
แน่นอนว่าจุดขาย สำคัญของ Samsung Galaxy S25 Ultra คือ Galaxy AI ที่รวบรวมฟีเจอร์อัจฉริยะเอาไว้มากมาย และคราวนี้ยังได้อัปเกรดให้ดีขึ้นด้วย โดยผู้ใช้สามารถเข้าถึงฟีเจอร์ AI ต่าง ๆ ได้ในหน้าการตั้งค่า ซึ่งมีฟีเจอร์เด่น ๆ ดังนี้
Circle to Search (วงกลมเพื่อค้นหา)
วงกลมเพื่อค้นหานับว่าเป็นฟีเจอร์ AI พื้นฐานที่มีให้ใช้งานมาตั้งแต่ Galaxy S24 Series แล้ว ในรุ่นนี้ก็ยังมีให้ใช้งานเหมือนเดิม โดยฟีเจอร์นี้จะทำให้เราสามารถใช้นิ้วหรือ S Pen วงรอบวัตถุอะไรก็ได้บนหน้าจอเพื่อค้นหารายละเอียดของสิ่งนั้นได้จาก Google ในทันที โดยที่เราไม่ต้องพิมพ์หาเอง ซึ่งหลายครั้งเราก็ไม่รู้ว่าจะค้นหาด้วยคีย์เวิร์ดอะไร แค่มีฟีเจอร์นี้อยากรู้อะไรก็วงเอาได้เลย
Gemini Advanced
Gemini Advanced ผู้ช่วยอัจฉริยะรุ่นพิเศษ ที่อัปเกรดความสามารถให้ฉลาดขึ้นกว่า Gemini รุ่นพื้นฐานนั้น จริง ๆ แล้วเป็นฟีเจอร์ที่ปกติเราต้องเสียค่าบริการเดือนละ 750 บาท แต่ Galaxy S25 นั้นมีให้ใช้งานฟรีถึง 6 เดือน แถมยังมาพร้อมกับพื้นที่เก็บข้อมูลบน Cloud อีกถึง 2TB ซึ่งหากคำนวณราคาแล้วก็รวมเป็น 4,500 บาท เลยทีเดียว เพียงแต่เราต้องสมัครใช้งานภายในวันที่ 31 มกราคม 2569 ผ่านทางแอปพลิเคชัน Gemini โดยจะนับเวลาตั้งแต่วันที่เริ่มใช้งาน Gemini Advanced วันแรก ส่วนใครที่เคยสมัครไว้แล้วก่อนหน้านี้ ก็สามารถสมัครรับสิทธิ์ได้อีกเช่นกัน
โดย Gemini Advanced นั้นสามารถใช้คำสั่งเสียงให้ทำเรื่องที่ซับซ้อนได้ เช่น สั่งให้จองตั๋วคอนเสิร์ต Gemini Advanced จะค้นหาวันที่วงดนตรีนั้น ๆ จัดคอนเสิร์ตในไทย และบันทึกลงในปฏิทินให้ทันที โดยที่เราไม่ต้องหาเองว่าวงจะมาจัดคอนเสิร์ตวันไหน, ถ่ายรูปและถามข้อมูลต่าง ๆ จากในรูป เช่น หาแคลลอรีของอาหาร, ช่วยแพลนทริปท่องเที่ยวพร้อมคำนวณค่าใช้จ่าย, สั่งสรุปใจความสำคัญจากคลิปวิดีโอบน YouTube (สรุปเรื่องผีใน The Ghost Radio มาเป็นฉาก ๆ เลย) นอกจากนี้ยังพูดคุยกับเราได้อย่างเป็นธรรมชาติ คุยได้ตั้งแต่เรื่องทั่วไป ไปจนถึงการปรึกษาในเรื่องต่าง ๆ เสมือนเป็นเลขาส่วนตัวของเราเลยทีเดียว
ซึ่งความโดดเด่นของการใช้งาน Gemini บน Galaxy S25 ที่แตกต่างจากคู่แข่งก็คือสามารถใช้งานข้ามแอปพลิเคชัน (Cross App) กับแอปพลิเคชันของ Samsung (Samsung Native App) ได้แบบไร้รอยต่อ เช่นแอปพลิเคชัน Samsung Reminder, Samsung Calendar และ Samsung Notes เช่นเราสามารถสั่งให้ Gemini สรุปเนื้อหาจากคลิปวิดีโอบน YouTube แล้วบันทึกลง Samsung Notes ให้เราได้ทันที
นอกจากนี้ Gemini ยังสามารถให้เราค้นหาข้อมูลของเพลงที่ชอบได้ด้วยเสียง ทั้งการเล่นเพลงนั้นให้ฟัง, การร้องเพลงนั้นให้ฟัง หรือแม้กระทั่งแค่การฮัมเพลงง่าย ๆ ให้เป็นทำนองก็ยังได้
Drawing Assist
ลูกเล่น Drawing Assist คือเครื่องมือ AI ที่จะเปลี่ยนการวาด หรือรูปถ่ายของเราให้เป็นภาพสวย ๆ ในสไตล์ต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็นภาพร่างดินสอ, การ์ตูน 2D และ 3D, สีน้ำ และอื่น ๆ สามารถเอาไปทำเป็นภาพโปรไฟล์ได้แบบไม่ซ้ำใคร
Writing Assist
ใครไม่ถนัดเขียน AI Writing Assist ในแอปพลิเคชัน Notes ช่วยได้ โดยฟีเจอร์นี้จะช่วยปรับรูปแบบของสิ่งที่เราเขียนโดยอัตโนมัติ และปรับโทนของภาษาได้ทั้งแบบเป็นทางการและไม่เป็นทางการ เหมาะมากสำหรับคนที่ต้องเขียนรายงานบ่อย ๆ หรือต้องส่งอีเมลติดต่อกับลูกค้าเป็นประจำ
Audio Eraser
Audio Eraser
เป็นฟีเจอร์ลบเสียงที่ไม่ต้องการออกจากวิดีโอ ซึ่งไม่ใช่แค่ลบ
"เสียงรบกวน" แต่ลบ "เสียงอะไรก็ได้" โดย AI
จะตรวจจับและแบ่งประเภทของเสียงออกเป็นหลาย ๆ แบบ เช่น เสียงคน, เสียงดนตรี, เสียงรบกวน และอื่น ๆ และให้เราปรับความดังของเสียงนั้น ๆ
ได้ หรือจะปิดเสียงนั้น ๆ ไปเลยก็ได้ เหมาะมากสำหรับคนทำ Vlog
เพราะไม่ต้องไปแต่งเสียงเองให้วุ่นวาย
ที่สำคัญคือฟีเจอร์นี้ใช้ได้กับวิดีโอทุกประเภท ไม่จำเป็นต้องถ่ายด้วย
Galaxy S25 สามารถโหลด MV เพลงจาก YouTube แล้วเอามาปิดเสียงร้อง
หรือเสียงดนตรีได้เลย
Best Face
Best Face คือฟีเจอร์ที่จะเปลี่ยนหน้าเสียเป็นหน้าสวยได้โดยอัตโนมัติ ใครหันหน้า หลับตา อ้าปาก ก็แก้ได้ง่าย ๆ โดย Best Face จะบันทึกภาพเคลื่อนไหวก่อน และหลังกดชัตเตอร์ ทำให้เราสามารถเลือกเปลี่ยนใบหน้าที่ดีที่สุดได้ด้วยตัวเอง แต่ก่อนอื่นต้องไม่ลืมเปิดใช้งาน Motion Photo ไว้ด้วย
AI Interpreter ล่ามแปลภาษา ได้ทั้งพูดและพิมพ์
ฟีเจอร์ AI แปลภาษาซึ่งเป็นทีเด็ดของ Samsung ก็ยังมีอยู่เช่นกัน โดยฟีเจอร์นี้จะช่วยแปลภาษาให้สด ๆ ทั้ง 2 ฝั่ง เช่น หากเราต้องคุยกับนักท่องเที่ยวชาวเกาหลี ฟีเจอร์นี้ก็จะแปลภาษาไทยที่เราพูดไปเป็นภาษาเกาหลี และแปลภาษาเกาหลีจากนักท่องเที่ยวกลับมาเป็นภาษาไทย และยังอ่านออกเสียงให้ฟังได้ด้วย โดยรองรับ 45 ภาษา นอกจากนี้เรายังสามารถดาวน์โหลดชุดภาษามาเก็บไว้ใช้แบบออฟไลน์ได้ ทำให้เราไม่ต้องใช้อินเทอร์เน็ตเวลาแปล
ทั้งนี้ ฟีเจอร์ตระกูล Galaxy AI เช่น Photo Assist ที่ใช้สำหรับการปรับแต่งรูป, Interpreter ที่ใช้สำหรับช่วยแปลภาษา และฟีเจอร์อื่น ๆ จะสามารถใช้งานได้ฟรีถึงสิ้นปีนี้ (31 ธันวาคม 2568) หลังจากนั้นจะเป็นอย่างไรต้องรอประกาศจากทาง Samsung อีกครั้ง
ทดสอบประสิทธิภาพด้านการเล่นเกม
ด้านการเล่นเกม Samsung Galaxy S25 Ultra จะมีเครื่องมืออำนวยความสะดวกในการเล่นอย่างเช่นการเพิ่มความไวในการสัมผัสจอ, การบันทึกหน้าจอขณะเล่น, ล็อกความสว่างหน้าจอ และอื่น ๆ ซึ่งเราสามารถเรียกดูเมนูได้ด้วยการปัดบริเวณขอบจอด้านซ้ายมือ
เราได้ทดสอบด้วยเกม PUBG Mobile บนการตั้งค่ากราฟิก Ultra HDR และเฟรมเรต Ultra และเกม Genshin Impact บนการตั้งค่ากราฟิกระดับสูงสุด และเปิดเฟรมเรต 60fps ซึ่ง Samsung Galaxy S25 Ultra สามารถทำได้อย่างยอดเยี่ยม โดยสามารถรักษาความเสถียรของเฟรมเรตได้ตลอดทั้งเกม ไม่เจออาการกระตุกแม้ในจังหวะที่มีการตะลุมบอน หรือมีการโหลดโมเดลจำนวนมาก เรียกได้ว่าทำได้อย่างน่าประทับใจสมกับที่ใช้ชิปเซ็ตตัวท็อปรุ่นพิเศษ Snapdragon 8 Elite for Galaxy
ส่วนเรื่องความร้อน Samsung Galaxy S25 Ultra ก็จัดการได้ดีเช่นกัน โดยจะรู้สึกถึงความร้อนเพียงเล็กน้อยเมื่อเล่นไปได้สักพัก ซึ่งก็เป็นเพราะรุ่นนี้มีระบบระบายความร้อนที่ใหญ่กว่าเดิม โดยมี Vapor Chamber ใหญ่ขึ้น 40% (1.4 เท่า) จึงช่วยลดปัญหาตรงนี้ได้ดี
การถ่ายภาพ และบันทึกวิดีโอ
โหมดรูปถ่าย หรือโหมดปกติ สามารถซูมแบบไม่เสียรายละเอียดได้ที่ 5 เท่า และซูมได้ไกลสุด 100 เท่า สามารถเลือกเปิดเอฟเฟกต์ภาพถ่ายเคลื่อนไหว (Motion Photo) และเปิดใช้งานฟิลเตอร์ได้ที่เมนูลัดด้านบน นอกจากนี้การซูม 100 เท่าของ จะมี AI มาช่วยปรับปรุงรายละเอียดให้คมชัดกว่าเดิม
การถ่ายแบบ Ultra Wide ทำได้โดยเลือกระยะซูม 0.6
ซึ่งรุ่นนี้ได้อัปเกรดกล้อง Ultra Wide เป็นความละเอียด 50MP
ทำให้ภาพถ่ายคมชัดขึ้น และยังช่วยให้การถ่ายภาพแบบ Macro ดีขึ้นด้วย
โหมดภาพบุคคลซูมได้ 5 เท่า สามารถปรับความเข้มของเอฟเฟกต์เบลอหลัง และมีแสงไฟให้เลือกหลายแบบ ส่วนเอฟเฟกต์บิวตี้ก็ปรับได้เช่นกันโดยจะอยู่ที่แถบเมนูด้านบน
สำหรับการถ่ายภาพแบบ Macro เราไม่ต้องเลือกโหมดใด ๆ เพียงแค่จ่อกล้องให้ใกล้กับวัตถุระบบจะเปลี่ยนไปใช้การถ่ายภาพแบบ Macro โดยอัตโนมัติ
นอกจากนี้ยังมีโหมดการถ่ายภาพอื่น ๆ อีก ไม่ว่าจะเป็น Expert RAW (ต้องดาวน์โหลดเพิ่ม), โหมดโปร, โหมดกลางคืน, โหมดอาหาร เป็นต้น
ด้านการถ่ายวิดีโอ Galaxy S25 Ultra รองรับการบันทึกวิดีโอแบบ 10-bit HDR และ Galaxy Log ซึ่งเป็นไฟล์ความละเอียดสูง เหมาะสำหรับการนำไปเกรดสี หรือปรับแต่งต่อบนคอมพิวเตอร์ โดยมีเทคโนโลยี Spatio-Temporal Filter ที่นำ AI มาช่วยจัดการ Noise และมี AI มาช่วยให้บันทึกวิดีโอตอนกลางคืนดีขึ้น โดยลบจุดรบกวน และเพิ่มความคมชัดของรายละเอียด นอกจากนี้ การซูมสลับเลนส์ยังมีความลื่นไหลต่อเนื่องมากขึ้นด้วย เพราะมีการใช้ AI มาแทรกเฟรมเพิ่มเข้าไปนั่นเอง
ตัวอย่างภาพถ่ายจากกล้องหลัง
ตัวอย่างภาพถ่ายจากกล้องหน้า
แบตเตอรี่ และการชาร์จ
Samsung Galaxy S25 Ultra มาพร้อมกับแบตเตอรี่ความจุ 5000mAh มีความอึดพอประมาณ สามารถใช้งานได้ตลอดทั้งวันหากเป็นการใช้งานปกติ แต่ถ้าใช้งาน AI บ่อย หรือใช้งานกล้องนาน ๆ แบตเตอรี่อาจจะอยู่ได้สั้นกว่านั้น โดยรวมถือว่าอยู่ในเกณฑ์ที่น่าพอใจ
ส่วนระบบชาร์จ Samsung Galaxy S25 Ultra ยังคงเป็นระบบชาร์จไว 45W เหมือนรุ่นก่อน (ไม่มีอแดปเตอร์แถมมาในกล่อง) ส่วนการชาร์จไร้สายมีการอัปเกรดให้รองรับมาตรฐาน Qi2 Ready (Qi 2.1) ซึ่งก็น่าเสียดายที่ไม่ได้เป็นมาตรฐาน Qi2 แบบเต็มตัว เพราะไม่ได้มีแม่เหล็กฝังอยู่ด้านในตัวเครื่อง แต่ต้องอาศัยอุปกรณ์เสริมอย่างเคสที่มีวงแหวนแม่เหล็กแทน เช่นเคส Clear Magnet Case ของ Samsung เอง หรือไม่ก็ต้องเป็นเคสจากแบรนด์ 3rd Party หลาย ๆ รุ่นที่ผลิตมารองรับกับ Galaxy S25 Ultra โดยรวมแล้วความเร็วในการชาร์จถือว่าพอประมาณ อาจจะไม่ได้เร็วเหมือนระบบชาร์จไวของคู่แข่งหลายเจ้า แต่ก็เพียงพอต่อการใช้งาน
ราคา และโปรโมชันของ Samsung Galaxy S25 Ultra
Samsung Galaxy S25 Ultra เปิดให้สั่งจองล่วงหน้าแล้ววันนี้ และจะเริ่มวางจำหน่ายจริงตั้งแต่วันที่ 7 กุมภาพันธ์ 2568 เป็นต้นไป โดยมี 3 รุ่นย่อย 3 ราคาดังนี้
- Galaxy S25 Ultra รุ่น RAM 12GB+ROM 256GB ราคา 46,900 บาท
- Galaxy S25 Ultra รุ่น RAM 12GB+ROM 512GB ราคา 52,900 บาท
- Galaxy S25 Ultra รุ่น RAM 12GB+ROM 1TB ราคา 62,900 บาท
โดยมีโปรโมชันสำหรับผู้ที่สั่งจองล่วงหน้าระหว่างวันที่ 23 มกราคม-6 กุมภาพันธ์ 2568 ดังนี้
- อัปเกรดความจุ 2 เท่า มูลค่าสูงสุด 10,000 บาท
- ลดเพิ่มสูงสุด 5,000 บาท เมื่อนำเครื่องเก่ามาแลกใหม่
- รับสิทธิ์ซื้อ Samsung Care+ ปีที่ 2 ลด 55% เหลือ 3,490 บาท จากปกติ
7,690 บาท
- รับส่วนลด 30% เพื่อแลกซื้อ Galaxy Watch หรือ Galaxy Buds
เมื่อซื้อในคำสั่งซื้อเดียวกัน
- รับเครดิตเงินคืน 8% สำหรับสีธรรมดา และ 12% สำหรับสีพิเศษ พร้อมผ่อน 0% นาน
10 เดือน
- รับ Samsung Rewards เพิ่ม 3,000 คะแนน พร้อมสะสมคะแนนสูงสุด 5%
ในทุกยอดการสั่งซื้อ | ใช้คะแนนแลกได้ส่วนลดเพิ่ม 2 เท่า
- สำหรับลูกค้าที่ซื้อ e-Voucher Samsung Reservation
กรอกโค้ดที่ได้รับทางอีเมลเพื่อรับส่วนลดและเงินคืนรวม 4,000 บาท ภายในวันที่
23 ม.ค. 68 - 6 ก.พ. 68
สรุปประสบการณ์หลังใช้งาน Samsung Galaxy S25 Ultra
หลังจากที่ได้สัมผัส และลองใช้งาน Samsung Galaxy S25 Ultra มาได้ราว 1 สัปดาห์ ก็สามารถบอกได้ว่าสมาร์ตโฟนเรือธงรุ่นนี้ยังคงมีจุดเด่นมากมาย พร้อมยกระดับประสบการณ์การใช้งานให้ดีขึ้นในหลายด้าน
สิ่งที่น่า ประทับใจที่สุดคือฟีเจอร์ AI ที่ฉลาดขึ้นอย่างเห็นได้ชัด พร้อมรองรับภาษาไทยแบบครบถ้วน โดย AI เหล่านี้มีบทบาททั้งในงานและความบันเทิง เช่น AI ช่วยวาดภาพ, AI แต่งรูป หรือ Gemini Advanced ที่สามารถพูดคุยตอบโต้ได้เหมือนเพื่อนคนหนึ่ง ไปจนถึงช่วยแก้ปัญหาให้เราได้เหมือนเลขาประจำตัว ซึ่งทั้งหมดนี้จะทำให้การใช้งานสมาร์ตโฟนเปลี่ยนไปอย่างสิ้นเชิง และความสามารถของ AI ใน Galaxy S25 Ultra นั้นก็ถือว่าล้ำหน้าที่สุดในวงการแล้วในขณะนี้
อีกจุด หนึ่งที่ช่วยยกระดับประสบการณ์การใช้งานโดยตรงคือหน้าจอแสดงผล แม้จะยังใช้จอ Dynamic AMOLED 2X แบบรุ่นก่อน แต่มีการเพิ่มเทคโนโลยี ProScaler ที่ช่วยปรับความคมชัดของภาพด้วย AI ทำให้ภาพดูสบายตามากขึ้น นอกจากนี้ กระจกกันแสงสะท้อนยังช่วยให้แสดงผลได้อย่างชัดเจนในทุกสถานการณ์ โดยเฉพาะการใช้งานในที่กลางแจ้ง
ในแง่ของประสิทธิภาพ Samsung Galaxy S25 Ultra ใช้ชิปเซ็ต Snapdragon 8 Elite for Galaxy ที่ทรงพลังที่สุดในฝั่ง Android ณ เวลานี้ ทั้งการเล่นเกม และการบันทึกวิดีโอ 4K/8K ทำได้อย่างลื่นไหลไม่มีสะดุด นอกจากนี้ลำโพงยังให้เสียงที่ดีขึ้น ฟังเพลง หรือดูหนังได้อรรถรสกว่ารุ่นก่อน
สำหรับซอฟต์แวร์ภายในก็มีการปรับปรุงให้สวยงาม และลื่นไหลกว่าเดิม อาจเรียกได้ว่าเป็น UX/UI ที่ดีที่สุดในฝั่ง Android แล้วในขณะนี้ อีกทั้งตัวเครื่องยังออกแบบให้ระบายความร้อนได้ดีขึ้น จึงสามารถบันทึกวิดีโอ หรือใช้งานหนัก ๆ ได้โดยไม่ร้อนมือจนเกินไป
ด้านการถ่ายภาพ และบันทึกวิดีโอ Galaxy S25 Ultra ได้ถูกยกระดับขึ้นไปอีกขั้น โดยเฉพาะการใช้กล้อง Ultra Wide ในที่แสงน้อย ที่ให้คุณภาพดีขึ้นอย่างชัดเจน โหมดพอร์ตเทรตปรับผิวหน้าให้มีความสดใสหล่อสวยมากขึ้นกว่าเดิม และยังมีฟีเจอร์ Galaxy Log และ 10-bit HDR ที่เหมาะสำหรับการถ่ายงานจริงจัง ระบบกันสั่น และการซูมต่อเนื่องทำงานได้อย่างยอดเยี่ยม
อย่างไรก็ตาม Samsung Galaxy S25 Ultra ยังคงมีจุดที่ต้องพิจารณาอยู่บ้าง อย่างแรกคือปากกา S Pen ที่ถูกตัดการเชื่อมต่อผ่าน Bluetooth ออกไป ทำให้ไม่สามารถใช้ Air Actions หรือสั่งถ่ายภาพระยะไกลผ่านปากกาได้, กล้องหลักที่ใช้เซนเซอร์ขนาดเล็กกว่าสมาร์ตโฟนกลุ่ม Ultra ของคู่แข่ง, การซูมระยะไกล 100x ที่ยังไม่คมชัดเท่าไหร่นัก แม้จะปรับปรุงขึ้นมาจากรุ่นก่อนแล้วก็ตาม, การชาร์จที่รองรับ Qi2 Ready แต่ต้องซื้อเคสเสริมโดยเฉพาะเพื่อให้่ใช้งานได้เต็มฟังก์ชัน อีกทั้งความเร็วในการชาร์จยังไม่มากนักสำหรับยุคนี้ และสุดท้ายคือบริการ Gemini Advanced ที่ใช้งานได้ฟรีเพียง 6 เดือน ซึ่งอาจไม่เพียงพอสำหรับผู้ที่ต้องการใช้งานระยะยาว
โดยรวมแล้ว Samsung Galaxy S25 Ultra เป็นสมาร์ตโฟนที่เหมาะสำหรับผู้ใช้งานที่ต้อง AI Phone ที่ดีที่สุด การประมวลผลระดับท็อป กล้องคุณภาพเยี่ยมที่มีให้ใช้งานครบทุกระยะ ซอฟต์แวร์ที่ลงตัวที่สุดในฝั่งแอนดรอยด์ และการอัปเดตที่ยาวนาน แม้จะมีข้อสังเกตในเรื่องกล้อง และการชาร์จ แต่หากไม่ได้เน้นว่ากล้องต้องดีที่สุด หรือการชาร์จต้องเร็วที่สุด ในภาพรวม Samsung Galaxy S25 Ultra ก็คือสมาร์ตโฟนเรือธงที่ครบเครื่อง และเหมาะใช้งานเป็นเครื่องหลักที่สุดรุ่นหนึ่งในเวลานี้ครับ
สรุปคุณสมบัติเด่นของ Samsung Galaxy S25 Ultra
- กรอบตัวเครื่องผลิตจากไทเทเนียม (Tinatium : Grade 5)
- ด้านหลังตัวเครื่องครอบทับด้วยกระจก Corning Gorilla Armor 2
- ตัวเครื่องมีคุณสมบัติของการทนน้ำ และทนฝุ่น ตามมาตรฐาน IP68 (ทนน้ำได้ลึกสูงสุด 1.5 เมตร นานต่อเนื่องสูงสุด 30 นาที)
- ระบบระบายความร้อนที่มีพื้นที่ของ Vapor Chamber ใหญ่ขึ้น 40% พร้อม Thermal Interface Material (TIM) ที่ถูกปรับแต่งมาโดยเฉพาะ
- มีปากกา S Pen พร้อมช่องเก็บปากกาในตัว
- มี 4 สีมาตรฐานให้เลือก (Titanium Silverblue, Titanium Black, Titanium Whitesilver และ Titanium Gray)
- มี 3 สีพิเศษให้เลือกเฉพาะการสั่งซื้อแบบออนไลน์ (Titanium Jetblack, Titanium Jadegreen และ Titanium Pinkgold)
-------------------------------
- จอแสดงผลแบบ Dynamic AMOLED 2X LTPO ขนาด 6.9 นิ้ว ความละเอียดระดับ QHD+ (3120x1440 พิกเซล : 498 PPI)
- อัตราการรีเฟรช (Refresh Rate) สูงสุดที่ 120Hz (Super Smooth 120Hz Refresh Rate : 1-120Hz)
- ความสว่างสูงสุด 2600 nits
- เทคโนโลยี Vision Booster, Adaptive Color Tone และ ProScaler
- ครอบทับด้วยกระจก Corning Gorilla Armor 2 ซึ่งมาพร้อมกับนวัตกรรม Anti-Reflective Glass Ceramic
- ฟังก์ชัน Now Bar และ Now Brief บนหน้าจอ Lock Screen
- เซนเซอร์สแกนลายนิ้วมือแบบฝังใต้หน้าจอ (Ultrasonic In-Display Fingerprint Sensor) แบบระบบจดจำใบหน้า (Face Recognition)
--------------------------------
- ประมวลผลด้วยชิปเซ็ต Qualcomm Snapdragon 8 Elite for Galaxy (SM8750-AB)
- หน่วยประมวลผลกราฟิก (GPU) Adreno 830
- มาพร้อมกับ Vulkan Engine และ Ray Tracing
- หน่วยความจำแรม (RAM) แบบ LPDDR5X ขนาด 12GB
- หน่วยความจำภายในสำหรับเก็บบันทึกข้อมูล (ROM) แบบ UFS 4.0 ขนาด 256GB, 512GB หรือ 1TB
- ทำงานอยู่บนระบบปฏิบัติการ Android 15 พร้อมครอบทับด้วย One UI 7
- รับประกันการอัปเดตระบบปฏิบัติการ 7 รุ่น และรับประกันการอัปเดตระบบความปลอดภัย 7 ปี
--------------------------------
- แบตเตอรี่ความจุ 5000 mAh
- ระบบชาร์จแบตเตอรี่ความเร็วสูงแบบ 45W Super Fast Charging
- ชาร์จแบตเตอรี่ได้ 65% ภายในเวลา 30 นาที
- ระบบชาร์จแบตเตอรี่ไร้สายความเร็วสูงแบบ 15W (Qi2 Ready : Fast Wireless Charging 2.0)
- ระบบชาร์จแบตเตอรี่ไร้สายย้อนกลับแบบ 4.5W (Wireless PowerShare)
--------------------------------
กล้องหลักด้านหลัง 4 ตัว (Quad Camera) ประกอบด้วย
- กล้อง Wide ความละเอียด 200 ล้านพิกเซล พร้อมเซนเซอร์รับภาพขนาด 1/1.3 นิ้ว, เม็ดพิกเซลขนาด 0.6 ไมครอน, รูรับแสงขนาด f1.7, ทางยาวโฟกัส 24 มิลลิเมตร (มุมรับภาพ 85°), ระบบโฟกัสอัตโนมัติแบบ Multi-Directional PDAF และระบบป้องกันการสั่นแบบ OIS
- กล้อง Ultra Wide ความละเอียด 50 ล้านพิกเซล พร้อมเม็ดพิกเซลขนาด 0.7 ไมครอน, รูรับแสงขนาด f1.9, มุมรับภาพ 120° และระบบโฟกัสอัตโนมัติแบบ Dual Pixel PDAF
- กล้อง Periscope Telephoto ความละเอียด 50 ล้านพิกเซล พร้อมเซนเซอร์รับภาพขนาด 1/2.52 นิ้ว, เม็ดพิกเซลขนาด 0.7 ไมครอน, รูรับแสงขนาด f3.4, ระยะซูมแบบ 5x Optical Zoom, ทางยาวโฟกัส 111 มิลลิเมตร (มุมรับภาพ 22°), ระบบโฟกัสอัตโนมัติแบบ PDAF และระบบป้องกันการสั่นแบบ OIS
- กล้อง Telephoto ความละเอียด 10 ล้านพิกเซล พร้อมเซนเซอร์รับภาพขนาด 1/3.52 นิ้ว, เม็ดพิกเซลขนาด 1.12 ไมครอน, รูรับแสงขนาด f2.4, ระยะซูมแบบ 3x Optical Zoom, ทางยาวโฟกัส 67 มิลลิเมตร (มุมรับภาพ 36°), ระบบโฟกัสอัตโนมัติแบบ PDAF และระบบป้องกันการสั่นแบบ OIS
พร้อมเทคโนโลยี AI ProVisual Engine, ฟีเจอร์ Virtual Aperture, ฟีเจอร์ Expert RAW, ฟีเจอร์ Portrait Studio, รองรับการสร้างฟิลเตอร์ในแบบของตัวเอง, ระบบซูมแบบ 3x/5x Optical Zoom, ระบบซูมแบบ 2x/10x Optical Quality Zoom (ด้วย Adaptive Pixel Sensor), ระบบซูมแบบ 100x Digital Zoom (AI Space Zoom), รองรับการบันทึกวิดีโอที่ความละเอียดสูงสุดระดับ 8K UHD (30fps), รองรับการบันทึกวิดีโอแบบ 10-bit HDR, รองรับการบันทึกวิดีโอแบบ Galaxy Log และฟีเจอร์ Audio Eraser
กล้องด้านหน้าความละเอียด 12 ล้านพิกเซล
พร้อมเซนเซอร์รับภาพขนาด 1/3.2 นิ้ว, เม็ดพิกเซลขนาด 1.12 ไมครอน, รูรับแสงขนาด f2.2, ระบบโฟกัสอัตโนมัติแบบ Dual Pixel PDAF, ทางยาวโฟกัส 26 มิลลิเมตร (มุมรับภาพ 80°) และรองรับการบันทึกวิดีโอที่ความละเอียดสูงสุดระดับ 4K UHD (30/60fps)
--------------------------------
ฟีเจอร์ Galaxy AI
- รองรับการใช้งานบริการ Google Gemini Advanced นาน 6 เดือน
- กดปุ่ม Power ด้านข้างตัวเครื่องเพื่อเรียกใช้ Google Gemini และพูดสิ่งที่ต้องการ
- ฟีเจอร์ Google Gemini Live
- ฟีเจอร์ Google Circle to Search พร้อมรองรับการค้นหาเพลงด้วยทำนอง
- ฟีเจอร์ Call Transcript, Writing Assist, Drawing Assist, Interpreter, Live Translate, Note Assist
- ฟีเจอร์ Generative Edit, ProScaler, Photo Assist, Best Face
- เทคโนโลยี mobile Digital Natural Image engine (mDNIe)
- ฟีเจอร์ Personal Data Engine
--------------------------------
- เชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตผ่านทางระบบ Wi-Fi 7, 5G, 4G LTE, 3G WCDMA และ 2G EDGE/GPRS
- รองรับการใช้งานระบบซิมคู่ (Dual SIM : Nano SIM+Nano SIM / Nano SIM+eSIM / eSIM+eSIM)
- เชื่อมต่อข้อมูลแบบไร้สายผ่านทาง Bluetooth 5.4, NFC และ UWB (Ultra-Wideband)
- ระบุตำแหน่ง และนำทางด้วยระบบดาวเทียม GPS, Glonass, BeiDou, Galileo และ QZSS
- พอร์ต USB Typc-C (USB 3.2 Gen 1)
- รองรับการใช้งาน Samsung DeX, Samsung Wireless DeX และ SmartThings
--------------------------------
- ลำโพงเสียงแบบคู่ (Stereo Speakers)
- ระบบความปลอดภัย Knox Vault, Post-Quantum Cryptography และ Knox Matrix
จุดที่อาจจะต้องพิจารณาเพิ่มเติมของ Samsung Galaxy S25 Ultra
- รายละเอียดของภาพจากการซูมระยะไกลมาก ตั้งแต่ช่วงราว 50x-100x ยังไม่ดีนัก
- เซนเซอร์กล้องหลักยังมีขนาดไม่ถึง 1 นิ้ว
- ไม่รองรับการ์ดหน่วยความจำเสริมแบบ microSD หรือแบบอื่น ๆ
- ปากกา S Pen ไม่รองรับการเชื่อมต่อ Bluetooth หรือไม่รองรับการควบคุมแบบไร้สาย
- ได้ใช้งาน Gemini Advanced ฟรีเพียง 6 เดือน
- ฟีเจอร์ AI อาจมีการเรียกเก็บค่าบริการในภายหลัง
- ความเร็วของการชาร์จแบตเตอรี่ยังคงเท่าเดิม ไม่เร็วนักเมื่อเทียบกับความเร็วที่ควรเป็นของเรือธงในยุคปัจจุบัน
- ระบบชาร์จไร้สายเป็นแค่มาตรฐาน Qi2 Ready นั่นคือไม่ได้มีแม่เหล็กฝังในตัวเครื่องแบบ Qi2 ต้องหาซื้อเคส Qi2 มาใส่เพิ่มเพื่อใช้งาน
พรีวิว Samsung Galaxy S25 Ultra
วันที่ : 06/02/2025