รีวิว Samsung Galaxy A54 5G | A34 5G คู่หูสุดคุ้มใหม่ ใส่ดีไซน์เรือธง พร้อมกล้องโฟกัสไว จอสวยลื่น ลำโพงคู่ แบตอึด และกันน้ำได้ ในราคาหมื่นต้น ๆ
ชั่วโมงนี้หากจะให้แนะนำสมาร์ตโฟน Samsung รุ่นที่คุ้มค่าคุ้มราคาที่สุด ก็คงจะมีใครเกินคู่หู A Series ใหม่ล่าสุดอย่าง Galaxy A54 5G กับ Galaxy A34 5G เป็นแน่ ด้วยการสืบทอดความสามารถมาจากรุ่นเรือธงหลายอย่าง ทั้งดีไซน์ภายนอกที่แทบจะถอดแบบมาจากเรือธงใหม่ล่าสุดอย่าง Galaxy S23 รวมทั้งฟีเจอร์ระดับไฮเอนด์ที่ใส่มาให้ ไม่ว่าจะเป็นกล้องที่มากับระบบโฟกัสแบบ All Pixel Autofocus ที่โฟกัสได้รวดเร็วแม่นยำเป็นพิเศษ, การบันทึกวิดีโอ 4K ได้ทั้งกล้องหลัง-กล้องหน้า และจอ Super AMOLED 120Hz ที่สว่างสวยคมชัดลื่นไหล ซึ่งทั้งหมดนี้สามารถเป็นเจ้าของได้ในราคาเพียงหมื่นต้น ๆ เรียกว่าได้สัมผัสกับประสบการณ์ระดับเรือธงหลาย ๆ อย่าง ด้วยงบที่ย่อมเยากว่าเกินครึ่ง ส่วนรายละเอียดจะเป็นอย่างไร ไปติดตามในรีวิวกันต่อได้ครับ
ดีไซน์แบบเรือธง กันน้ำได้ ดูสดใหม่นานหลายปี
ในปี 2023 นี้ ดีไซน์ของสมาร์ตโฟนแบรนด์ Samsung ก็ถูกปรับปรุงใหม่อีกครั้ง นำโดยตระกูลเรือธงอย่าง Galaxy S23 Series ซึ่งแนวทางการดีไซน์ใหม่นี้ ก็ถูกนำมาใช้กับสมาร์ตโฟนตระกูล Galaxy A Series ในปีนี้ด้วยเช่นกัน โดยชุดกล้องที่ด้านหลังจะไม่มีกรอบสี่เหลี่ยมบริเวณรอบเลนส์กล้องอีกต่อไป จะเหลือไว้เพียงเลนส์กล้อง 3 เลนส์ที่เด่นออกมาเท่านั้น ดูผ่าน ๆ จึงเหมือนถอดแบบมาจากรุ่นเรือธงอย่าง Galaxy S23 เลยทีเดียว
เมื่อเทียบกันดูใกล้ ๆ ก็จะพบว่าเลนส์กล้องของ Galaxy A54 5G นั้นจะนูนขึ้นมาเยอะกว่า Galaxy A34 5G อย่างชัดเจน และทั้งคู่ไม่มีกรอบสี่เหลี่ยมนูนขึ้นมาป้องกันเหมือนรุ่นที่แล้ว ดังนั้นจึงอาจจะต้องระวังเป็นพิเศษในเวลาที่วางตัวเครื่องบนโต๊ะ หรือหากหาเคสมาใส่ป้องกันไว้ได้ก็จะยิ่งดี
ด้านวัสดุของฝาหลัง ในฝั่งของ Galaxy A54 5G นั้นจะครอบทับด้วยกระจก Gorilla Glass 5 ซึ่งมีความมันเงาหรูหราคล้ายตระกูล Galaxy S Series ส่วน Galaxy A34 จะครอบทับด้วยวัสดุแบบ Glasstic ซึ่งไม่ใช่กระจกแท้ ๆ แต่ก็ดูมีความคล้ายกับกระจก โดยมีพื้นผิวเป็นแบบด้าน ไม่มันวาวเหมือนกับ Galaxy A54 5G
สำหรับขอบด้านข้างตัวเครื่องนั้นจะเป็นแบบกึ่งแบนกึ่งโค้ง และถูกทำให้เป็นสีโทนเดียวกับฝาหลัง เช่นเครื่อง Galaxy A54 5G สี Awesome Lime ขอบด้านข้างก็จะเป็นสีเขียว ส่วนเครื่อง Galaxy A34 5G สี Awesome Violet ขอบด้านข้างก็จะเป็นสีม่วง ซึ่งก็ดูเข้ากันได้ดี และดูมีสีสันมากเป็นพิเศษ
ด้วยการดีไซน์ขอบด้านข้างแบบนี้ จึงช่วยให้จับถือได้ถนัดมือ รวมทั้งขนาดของตัวเครื่องก็ถือว่ากำลังดี และน้ำหนักตัวก็ไม่หนัก หรือไม่เบาจนเกินไป
ส่วนถาดซิมการ์ดของทั้งคู่นั้นเป็นแบบ Hybrid Slot นั่นคือช่องซิมการ์ดที่ 2 ต้องเลือกใส่อย่างใดอย่างหนึ่งระหว่าง Nano SIM หรือการ์ดหน่วยความจำแบบ microSD ซึ่งรองรับได้สูงสุดที่ขนาด 1 TB
เรื่องความแข็งแกร่งทนทานก็นับว่าไว้ใจได้ สามารถใช้งานในชีวิตประจำวันได้โดยไม่ต้องกังวลมากนัก โดยเฉพาะอุบัติเหตุเกี่ยวกับน้ำ เพราะทั้งคู่นั้นมาพร้อมกับคุณสมบัติของการทนน้ำ-ทนฝุ่นตามมาตรฐาน IP67 หรือตามทฤษฎีก็คือทนน้ำได้ลึก 1 เมตร นาน 30 นาที แต่ในทางปฏิบัตินั้นก็ไม่ควรเอาไปใช้งานในน้ำอย่างจงใจ ควรเผื่อไว้สำหรับสถานการณ์ที่ไม่คาดคิด หรือที่หลีกเลี่ยงไม่ได้เท่านั้น เช่นตอนเผลอทำเครื่องตกน้ำ, ใช้งานตอนฝนตก หรืออื่น ๆ
จอ 120Hz Super AMOLED สวยคมชัด ไหลลื่น สว่างแม้ในที่กลางแจ้ง
จอแสดงผลของทั้ง Galaxy A54 5G และ A34 5G นั้นต่างก็เป็นจอแบบ Super AMOLED ที่มีอัตราการรีเฟรชสูงสุดที่ 120Hz เช่นเดียวกัน โดยถูกอัปเกรดมาเป็นแบบ Adaptive Refresh Rate แทน เพื่อให้สามารถปรับอัตราการรีเฟรชได้อัตโนมัติตามการใช้งาน ซึ่งช่วยให้ประหยัดพลังงานได้มากขึ้น
มีความสว่างสูงสุดมากขึ้นเป็นระดับ 1000 nits จากเดิมที่ 800 nits ด้วยเทคโนโลยี Vision Booster ที่ทั้งสว่างกว่า และประหยัดพลังงานมากกว่า ดังนั้นจึงสามารถมองเห็นในที่กลางแจ้งได้ดีขึ้นพอสมควร ในขณะที่บริโภคพลังงานจากแบตเตอรี่น้อยลง
อีกหนึ่งความน่าสนใจก็คือจอของทั้งคู่นั้นจะถูกทำมาให้แบนสนิท ไม่มีส่วนนูน หรือส่วนโค้งขึ้นมาแม้แต่น้อย ดังนั้นจึงน่าจะถูกใจคนที่ชอบจอแบนเป็นพิเศษ แม้อาจจะดูไม่พรีเมียมเท่าจอขอบโค้ง แต่อย่างน้อยก็ติดฟิล์ม หรือกระจกกันรอยได้ง่ายกว่า และไม่ต้องกังวลว่าจะใช้งานสะดุดตอนที่ต้องสัมผัสกับส่วนของขอบโค้ง
แต่จุดแตกต่างที่มองเห็นได้ชัดเจนของทั้ง 2 รุ่นนี้ก็คือ ในด้านของ Galaxy A54 5G นั้นจะใช้ดีไซน์หน้าจอแบบ Infinity-O หรือแบบเจาะรูตรงกลาง ส่วน Galaxy A34 5G จะใช้ดีไซน์หน้าจอแบบ Infinity-U หรือแบบหยดน้ำ รวมทั้งหน้าจอของ Galaxy A54 5G จะมีขนาดที่เล็กกว่าที่ 6.4 นิ้ว ในขณะที่หน้าจอของ Galaxy A34 5G จะมีขนาดใหญ่กว่าที่ 6.6 นิ้ว
โดยหน้าจอของทั้งคู่นั้นถูกครอบทับด้วยกระจกนิรภัยชั้นดีอย่าง Gorilla Glass 5 ดังนั้นจึงมั่นใจได้ในเรื่องความแข็งแรงทนทาน รวมทั้งการป้องกันรอยขีดข่วนต่าง ๆ
สแกนนิ้วบนหน้าจอ ระบบความปลอดภัยระดับไฮเอนด์
อีกหนึ่งสิ่งที่น่าประทับใจใน Galaxy A54 5G กับ Galaxy A34 5G ก็คือแม้จะไม่ใช่รุ่นเรือธง แต่ก็มากับฟีเจอร์ความปลอดภัยระดับไฮเอนด์อย่างระบบสแกนลายนิ้วมือบนหน้าจอ (Optical In-Display Fingerprint Scanner) ซึ่งใช้งานได้ดี มีความแม่นยำ และหากในบางสถานการณ์ที่ไม่สะดวกสแกนนิ้ว ก็ยังมีระบบจดจำใบหน้า (Face Recognition) ไว้ให้ใช้ปลดล็อกเครื่องแทนได้เช่นกัน
กล้องโฟกัสไว ใส่กันสั่น OIS บันทึกวิดีโอ 4K ได้ทั้งกล้องหลัง-กล้องหน้า
สำหรับการใช้งานกล้อง ทั้ง 2 รุ่นนี้จะมีโหมดใช้งานต่าง ๆ ที่คล้ายกัน เพียงแต่ Galaxy A54 5G นั้นจะมากับฮาร์ดแวร์ที่ดีกว่า เช่นระบบโฟกัสอัตโนมัติแบบเดียวกับรุ่นเรือธงอย่าง All Pixel Autofocus ที่นำเอาเม็ดพิกเซลทั้ง 50 ล้านพิกเซล บนเซนเซอร์รับภาพขนาด 1/1.56 นิ้ว มาช่วยในการโฟกัสทั้งหมด จึงทำให้การโฟกัสรวดเร็วแม่นยำเป็นพิเศษ ทั้งการถ่ายภาพนิ่ง และการบันทึกวิดีโอ ส่วนกล้องหลังอีก 2 ตัวที่เหลือ จะเป็นกล้อง Ultra Wide ความละเอียด 12 ล้านพิกเซล และกล้อง Macro ความละเอียด 5 ล้านพิกเซล
ในด้านของ Galaxy A34 5G แม้จะเป็นชุดกล้อง 3 กล้องเหมือนกัน แต่จะถูกปรับลดคุณสมบัติของกล้องลงมาบ้าง โดยจะมีกล้องหลัก (Wide) ความละเอียด 48 ล้านพิกเซล บนเซนเซอร์รับภาพขนาด 1/2.0 นิ้ว, กล้อง Ultra Wide ความละเอียด 8 ล้านพิกเซล และกล้อง Macro ความละเอียด 2 ล้านพิกเซล ดังนั้นด้วยเซนเซอร์รับภาพของกล้องหลักที่มีขนาดเล็กกว่า และมีความละเอียดน้อยกว่า โดยรวมแล้วภาพที่ถ่ายออกมาจึงอาจจะเป็นรอง Galaxy A54 5G อยู่บ้าง แต่ถ้าหากไม่ได้นำมาเทียบกันตรง ๆ ก็ถือว่ามีความสวยงามในระดับที่ดีเลยทีเดียว และสำหรับโหมดกลางคืนของทั้งคู่นั้นก็สามารถใช้ได้ทั้งกล้องหลัก (Wide) และกล้องมุมกว้างพิเศษ (Ultra Wide)
จุดขายสำคัญของกล้องที่เหมือนกันของทั้ง 2 รุ่นนี้ก็คือมาพร้อมกับระบบป้องกันการสั่นแบบ OIS รวมทั้งรองรับการบันทึกวิดีโอแบบ 4K ที่เฟรมเรต 30fps ทั้งกล้องหลัง และกล้องหน้า ซึ่งหากนับเฉพาะการที่กล้องหน้าสามารถบันทึกวิดีโอแบบ 4K ได้นั้นก็ถือว่าน่าสนใจมากแล้ว เพราะแม้แต่สมาร์ตโฟนเรือธงราคาแพงบางรุ่นก็ยังไม่มีความสามารถนี้มาให้
โดยระบบป้องกันการสั่นแบบ OIS นี้ถูกปรับปรุงให้ดีขึ้นให้ดีกว่าเดิม 1.5 เท่า ด้วยการชดเชยองศาความผิดพลาดได้มากขึ้นเป็น 1.5° จากเดิมที่ 0.95° และระบบป้องกันการสั่นแบบ VDIS สำหรับการบันทึกวิดีโอก็มีความถี่ของการตอบสนองมากขึ้นถึง 4.2 เท่า นั่นคือเพิ่มเป็นระดับ 833Hz จากเดิมที่ 200Hz ดังนั้นวิดีโอที่ได้จาก Galaxy A54 5G และ Galaxy A34 5G จึงดูนิ่งเนียนตามากเป็นพิเศษ บวกกับไมโครโฟนที่มีมาให้ 2 ตัว จึงทำให้ทั้ง Galaxy A54 5G และ Galaxy A34 5G นั้นเหมาะกับการนำไปใช้สร้างสรรค์วิดีโอคอนเทนต์เป็นอย่างยิ่ง
ในการบันทึกวิดีโอ จะมีฟังก์ชันพิเศษอย่างหนึ่งก็คือ Auto Framing ที่จะช่วยปรับมุมกล้องให้กว้าง หรือแคบโดยอัตโนมัติ เพื่อไม่ให้คนใดคนหนึ่งหลุดจากเฟรมไป
และมีระบบป้องกันการสั่นแบบ Super Steady สำหรับการบันทึกกิจกรรมที่มีการเคลื่อนไหวมากเป็นพิเศษ เช่นกีฬาหลาย ๆ ประเภท ซึ่งจะช่วยให้วิดีโอมีความนิ่งคล้ายกับกล้อง Action Camera
นอกจากนี้ยังมาพร้อมกับระบบ AI และ Scene Optimizer ซึ่งใช้เทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์ในการวิเคราะห์ฉากที่อยู่ตรงหน้ากล้อง แล้วปรับค่ากล้องให้เหมาะสมโดยอัตโนมัติ เพื่อให้ภาพที่ได้สวยที่สุดสำหรับแต่ละสถานการณ์
มีฟีเจอร์ Auto HDR ทั้งกล้องหลัก (Wide) และกล้องมุมกว้างพิเศษ (Ultra Wide) นั่นคือกล้องจะวิเคราะห์สภาพแสงในขณะนั้น แล้วพยายามเผยรายละเอียดในส่วนที่มืด และส่วนที่สว่าง ให้มีความสมดุลมากที่สุดโดยอัตโนมัติ เช่นการถ่ายภาพย้อนแสง หรือการถ่ายภาพในสถานที่ ที่มีสภาพแสงหลากหลาย
ในโหมดถ่ายภาพบุคคล (Portrait) เราสามารถเลือกระดับของการเบลอฉากหลังได้ รวมทั้งระดับของการปรับผิวหน้าให้เรียบเนียน
มีโหมด Pro ไว้ให้ใช้งาน ทั้งการถ่ายภาพนิ่ง และการบันทึกวิดีโอ สำหรับใครที่ใช้งานกล้องค่อนข้างชำนาญแล้ว และต้องการตั้งค่าต่าง ๆ ด้วยตัวเอง
นอกจากนี้ก็ยังมีโหมด Single Take, Night, Food, Panorama, Macro, Super Slow-Mo, Slow Motion และ Hyperlapse เรียกว่าใส่มาให้แบบครบ ๆ เลยทีเดียว
ข้อได้เปรียบสำคัญอย่างหนึ่งของ Galaxy A54 5G ก็คือมีกล้องหน้าที่ละเอียดคมชัดมากกว่า นั่นคือมีความละเอียดอยู่ที่ 32 ล้านพิกเซล บนเซนเซอร์รับภาพขนาดใหญ่กว่าที่ 1/2.8 นิ้ว ในขณะนี้กล้องหน้าของ Galaxy A34 5G นั้นมีความละเอียดอยู่ที่ 13 ล้านพิกเซล บนเซนเซอร์รับภาพขนาดเล็กกว่าที่ 1/3.1 นิ้ว ดังนั้นภาพที่ได้จากกล้องหน้าของ Galaxy A54 5G จึงดูสวยคมชัดกว่าในระดับหนึ่ง
โดยกล้องหน้าของทั้งคู่นั้นสามารถเลือกถ่ายในมุมปกติ หรือมุมกว้างได้ พร้อมรองรับการใช้งานโหมด Portrait ซึ่งสามารถละลายฉากหลังได้มากน้อยตามระดับที่เราเลือก
และแน่นอนว่ามีฟังก์ชันที่ช่วยปรับผิวหน้าให้เรียบเนียน รวมทั้งการปรับสีผิว, ปรับคางแหลม และปรับตาโต
มี Bixby Vision ที่คอยเป็นผู้ช่วยในการค้นหาข้อมูลต่าง ๆ ของสิ่งที่เราสนใจ เพียงแค่เราส่องกล้องไปที่สิ่งนั้น
มีส่วนของ AR Zone ที่ให้เราสนุกกับประสบการณ์ของการใช้งานเทคโนโลยี AR ทั้งการสร้างสรรค์ตัวการ์ตูน AR Emoji, AR Doodle และ Deco Pic
ตัวอย่างภาพถ่ายจากกล้องหลังของ Galaxy A54 5G และ A34 5G
ตัวอย่างภาพถ่ายจากโหมดอัตโนมัติ
ตัวอย่างภาพถ่ายจากโหมดกลางคืน
ตัวอย่างภาพถ่ายจากโหมด Portrait
ตัวอย่างภาพถ่ายจากโหมด Macro
ตัวอย่างภาพถ่ายจากกล้องหน้าของ Galaxy A54 5G
ตัวอย่างภาพถ่ายจากโหมด Portrait
ตัวอย่างภาพถ่ายจากโหมดปกติ
ชิปเซ็ตรุ่นใหม่ ใส่ความแรงมากขึ้น พร้อมลุยทุกเกม
การอัปเกรดที่สำคัญอีกอย่างของทั้ง 2 รุ่นก็คือการเลือกใช้ชิปเซ็ตรุ่นใหม่ที่มีประสิทธิภาพดีขึ้นกว่าเดิม โดย Galaxy A54 5G นั้นใช้ชิปเซ็ต Exynos 1380 ซึ่งเร็วแรงกว่าชิปเซ็ต Exynos 1280 เดิมอยู่ราว 30% ส่วน Galaxy A34 5G นั้นใช้ชิปเซ็ต MediaTek Dimensity 1080 ซึ่งเร็วแรงกว่าชิปเซ็ต Exynos 1280 อยู่ราว 30% เช่นเดียวกัน
และเมื่อทดสอบประสิทธิภาพของการประมวลผลด้วยแอปพลิเคชัน AnTuTu Benchmark กับ Geekbench ก็พบว่าได้คะแนนอยู่ในระดับที่ใกล้เคียงกันมาก หรืออาจเรียกได้ว่าอยู่ในระดับเดียวกัน โดยการทดสอบกับแอปพลิเคชัน AnTuTu Benchmark ในฝั่งของ Galaxy A54 5G ได้คะแนนรวมอยู่ที่ 502854 คะแนน ส่วนในฝั่งของ Galaxy A34 5G ได้คะแนนรวมอยู่ที่ 469428 คะแนน
ต่อมาคือผลทดสอบจากแอปพลิเคชัน Geekbench ซึ่งในฝั่งของ Galaxy A54 5G นั้นจะได้คะแนนการประมวลผลแบบ Single-Core ที่ 1002 คะแนน และได้คะแนนการประมวลผลแบบ Multi-Core ที่ 2751 คะแนน ส่วนในฝั่งของ Galaxy A54 5G นั้นจะได้คะแนนการประมวลผลแบบ Single-Core ที่ 1017 คะแนน และได้คะแนนการประมวลผลแบบ Multi-Core ที่ 2462 คะแนน กล่าวคือไม่ว่าจะเลือกรุ่นไหน ก็จะได้ประสิทธิภาพของการประมวลผลที่ไม่ต่างกัน
ซึ่งด้วยประสิทธิภาพของการประมวลผลระดับนี้ ทั้งคู่จึงสามารถรองรับการใช้งานทุกรูปแบบได้อย่างไหลลื่น รวมทั้งสามารถเล่นเกมได้ทุกเกม เพียงแต่บางเกมอาจจะเลือกใช้กราฟิก หรือเฟรมเรตในระดับสูงสุดไม่ได้ เช่นเกม Genshin Impact ที่ต้องตั้งกราฟิกในระดับต่ำจึงไม่เกิดอาการกระตุก หรือเกม PUBG MOBILE ที่ไม่สามารถเลือกใช้กราฟิกได้สูงกว่าระดับ HD ได้ ส่วนเกม ROV นั้นสามารถเลือกค่ากราฟิกสูงสุดได้ทุกอย่าง ยกเว้นไม่สามารถเลือกค่าคุณภาพการแสดงผลไปถึงระดับ HD ได้เท่านั้น
RAM ใหญ่ขยายได้ พร้อมรองรับการใส่การ์ดหน่วยความจำ
*ภาพประกอบข้างต้นเป็นเพียงเครื่องทดสอบ โดยเครื่องที่วางจำหน่ายจริงจะมี RAM ขนาด 8GB พร้อมรองรับ RAM Plus สูงสุดที่ขนาด 8GB*
ในด้านของหน่วยความจำ RAM ทั้งคู่ต่างก็ให้มาเท่ากันที่ขนาด 8GB พร้อมรองรับฟีเจอร์ RAM Plus ที่สามารถนำเอา ROM มาทำเป็น Virtual RAM เพิ่มได้อีกสูงสุด 8GB ดังนั้นจึงใช้งานทุกประเภทได้อย่างไหลลื่นมากขึ้น รวมทั้งรองรับการเปิดแอปพลิเคชันในพื้นหลังได้มากขึ้นด้วยเช่นกัน
ส่วนพื้นที่เก็บบันทึกข้อมูลภายใน (ROM) ก็ใส่มาให้เท่ากันที่ขนาด 128GB ซึ่งก็ถือว่าเพียงพอสำหรับการเก็บข้อมูลทั่วไป แต่หากใครที่ต้องการพื้นที่มากกว่านี้ โดยเฉพาะผู้ที่ต้องการเก็บรูปภาพ หรือคลิปวิดีโอจำนวนมาก ก็ยังสามารถใส่การ์ดหน่วยความจำแบบ microSD เพิ่มได้อีกสูงสุดถึง 1TB
แบตเตอรี่อึดจุใจ พร้อมได้ชาร์จไวแบบพอเพียง
อีกหนึ่งจุดขายของทั้ง Galaxy A54 5G กับ Galaxy 34 5G ก็คือแบตเตอรี่ขนาดใหญ่ 5000 mAh ที่ใช้งานได้ยาวนานตลอดทั้งวัน ไม่ว่าจะเป็นการใช้งานทั่วไป, การใช้งานกล้อง, การเปิดดูวิดีโอ หรือการเล่นเกม และเมื่อต้องชาร์จแบตเตอรี่ก็ถือว่าชาร์จได้เร็วระดับหนึ่ง ด้วยระบบการชาร์จแบบ 25W Super Fast Charging ซึ่งแม้จะไม่ได้ถึงกับเร็วทันใจมากนัก แต่ก็ถือว่าเพียงพอ และยิ่งมีการวางแผนการชาร์จที่ดี เช่นหากชาร์จทันทีตอนตื่นนอน กว่าจะได้ออกจากบ้าน แบตเตอรี่ก็เต็มก่อนแล้ว
อย่างไรก็ดี สิ่งที่น่าเสียดายอย่างหนึ่งก็คือ ในกล่องของ Galaxy A54 5G และ Galaxy A34 5G นั้นไม่มีอะแดปเตอร์ชาร์จแบตเตอรี่แถมมาให้ด้วย แต่หากใครมีอะแดปเตอร์เดิมอยู่แล้วก็สามารถนำมาใช้งานได้ทันที
ลำโพงคู่ Dolby Atmos ให้ดูหนังฟังเพลงได้เต็มอรรถรส
อีกสิ่งหนึ่งที่เข้ามาเติมเต็มความครบเครื่องของ Galaxy A54 5G กับ Galaxy A34 5G ก็คือลำโพงเสียงแบบคู่ พร้อมระบบเสียงแบบ Dolby Atmos ซึ่งช่วยเพิ่มอรรถรสด้านความบันเทิงได้เป็นอย่างดี สามารถแยกทิศทางของเสียงได้ชัดเจนมีมิติ ทั้งการดูหนัง, การฟังเพลง และการเล่นเกม เรียกว่าไว้ใจได้ทั้งเรื่องภาพ และเสียงในเครื่องเดียว
โทรที่ไหนก็ไม่ต้องกลัวเสียงแทรก ด้วยฟังก์ชัน Voice Focus
ปัญหาสำคัญเวลาที่เราคุยโทรศัพท์อยู่ข้างนอกก็คือมีเสียงจากรอบข้างมารบกวน จนเสียงของเราไม่ชัด คู่สายก็ฟังเราไม่รู้เรื่อง แต่ด้วยฟังก์ชัน Voice Focus ใน Galaxy A54 5G กับ Galaxy A34 5G สามารถช่วยแก้ปัญหานี้ได้ เพียงแค่เรากดเปิดฟังก์ชัน Voice Focus ตรงไอคอนรูปไมโครโฟนที่มุมบนซ้ายขณะสนทนา เครื่องก็จะช่วยโฟกัสเฉพาะเสียงของเรา และตัดเสียงรบกวนอื่น ๆ ออกไป ซึ่งปัจจัยสำคัญที่ช่วยให้ฟังก์ชันนี้ทำงานได้ก็คือการมีไมโครโฟนตัวที่สองสำหรับตัดเสียงรบกวนอยู่ที่ด้านบนนั่นเอง
การันตีการอัปเดตต่อเนื่อง อุ่นใจใช้งานได้ยาว ๆ
สำหรับใครที่ต้องการซื้อสมาร์ตโฟนดี ๆ ครั้งเดียว แล้วถือไว้ใช้งานยาว ๆ หลายปี ทั้ง 2 รุ่นนี้ก็นับว่าตอบโจทย์ เพราะว่าทาง Samsung นั้นการันตีการอัปเกรดระบบปฏิบัติการต่อเนื่องถึง 4 รุ่น และการันตีการอัปเดตระบบความปลอดภัยต่อเนื่องถึง 5 ปี ซึ่งก็ช่วยให้ทั้ง Galaxy A54 5G กับ Galaxy A34 5G มีความคุ้มค่ามากยิ่งขึ้น โดยระบบปฏิบัติการล่าสุดที่ติดตั้งมาให้ก็คือ Android 13 ที่ถูกครอบทับด้วย One UI 5.1
นอกจากนี้ยังรองรับการใช้งาน Multi-Window ได้ทุกแอปพลิเคชัน เพียงเข้ามาเปิดใช้ในส่วนของ Labs
รองรับการสั่งงานด้วยการเคลื่อนไหว หรือท่าทาง และแน่นอนว่ามากับ Always On Display ฟังก์ชันยอดนิยมที่อยู่คู่กับสมาร์ตโฟน Samsung มาอย่างยาวนาน
และสำหรับใครที่ชอบถ่ายรูปตามสถานที่ต่าง ๆ แต่มักจะมีคนอื่น หรือวัตถุที่ไม่ต้องการ มาแทรกอยู่ในรูปภาพ ก็มีฟังก์ชันหนึ่งที่ช่วยได้ นั่นคือฟังก์ชัน Object Eraser ที่สามารถลบสิ่งที่ไม่ต้องการออกจากรูปภาพของเราได้อย่างแนบเนียน เพียงแค่เลือกสิ่งที่ต้องการลบ หลังจากนั้นเครื่องก็จะจัดการตกแต่งรูปภาพให้เราโดยอัตโนมัติ ซึ่งรายละเอียดอาจจะไม่ถึงกับเนียน 100% แต่ก็ถือว่าใช้งานในเบื้องต้นได้ดีเลยทีเดียว
สรุปประสบการณ์หลังใช้งาน Samsung Galaxy A54 5G | A34 5G
หลังจากที่มีโอกาสได้ใช้งาน Galaxy A54 5G กับ Galaxy A34 5G มาพักใหญ่ราว 2 สัปดาห์ก็พบว่าทั้งคู่นั้นเป็นสมาร์ตโฟนที่ Awesome สมกับสโลแกนประจำรุ่น ด้วยการที่สามารถตอบโจทย์ได้ครอบคลุมทุกการใช้งาน อีกทั้งยังทำได้เป็นอย่างดี เรียกว่าใครตั้งงบไว้ในช่วงหมื่นต้น ๆ และกำลังหาสมาร์ตโฟนไว้ใช้งานแบบยาว ๆ ในราคาไม่สูงจนเกินไป ทั้ง 2 รุ่นนี้นับว่าเป็นตัวเลือกที่ไม่ทำให้ผิดหวัง เพราะอย่างน้อยทาง Samsung ก็การันตีการอัปเดตระบบปฏิบัติการถึง 4 รุ่น และระบบความปลอดภัยถึง 5 ปี คุ้มค่าแน่นอน
ส่วนคำถามที่ว่าระหว่าง Galaxy A54 5G กับ Galaxy A34 5G จะเลือกรุ่นไหน ส่วนตัวแล้วหากไม่ติดขัดเรื่องงบประมาณมากนัก การเลือก Galaxy A54 5G ไปเลยก็จะครบเครื่องมากกว่า ด้วยราคาที่ต่างกันเพียง 2,000 บาท ก็จะได้ดีไซน์พรีเมียมระดับเรือธงที่ดูดีกว่า, ใช้ดีไซน์หน้าจอแบบ Infinity-O, กล้องที่โฟกัสเร็วกว่าทั้งงานภาพนิ่ง และวิดีโอ รวมทั้งมีกล้องหน้าที่ละเอียดคมชัดมากกว่า
แต่หากท่านใดไม่ได้เน้นกล้องมากนัก เพียงต้องการสมาร์ตโฟน 5G ที่กันน้ำได้, ดีไซน์แนวเดียวกับเรือธง, มีจอสวยลื่น แถมยังมีขนาดใหญ่กว่า, มีกล้องที่บันทึกวิดีโอ 4K ได้ทั้งกล้องหลัง-กล้องหน้า, มีระบบป้องกันการสั่นแบบ OIS, มีลำโพงคู่สำหรับอรรถรสด้านความบันเทิง และมีแบตเตอรี่อึด ๆ การเลือก Galaxy A34 5G ก็ถือว่าเพียงพอแล้ว
ราคา และโปรโมชันของ Samsung Galaxy A54 5G | A34 5G
สำหรับราคาจำหน่ายอย่างเป็นทางการของ Samsung Galaxy A54 5G นั้นจะอยู่ที่ 13,999 บาท ส่วน Galaxy A54 5G นั้นจะอยู่ที่ 11,999 บาท
พร้อมโปรโมชันพิเศษต้อนรับสงกรานต์ระหว่างวันที่ 6-16 เมษายน 2566 เฉพาะที่ Samsung.com โดยมีรายละเอียดดังนี้
โปรโมชันสำหรับ Samsung Galaxy A54 5G
ต้อนรับสงกรานต์ ลดสูงสุด 7,500.- เมื่อซื้อสินค้าครบตามมูลค่าที่กำหนด
- ซื้อสีขาว (Online Exclusive) วันนี้ รับส่วนลดทันที 1,000.-
- รับสิทธิ์ส่วนลด Buds2 Pro และ Buds2 มูลค่า 30% หรือ Watch5 และ Watch4 มูลค่า 20%
- รับเครดิตเงินคืนสูงสุด 13% เมื่อผ่อนชำระผ่านบัตรเครดิตที่ร่วมรายการ
- รับคะแนนสะสม Samsung Rewards 1% เพื่อใช้เป็นส่วนลดครั้งถัดไป
- ลดทันที 1,000 บาท เพียงใส่โค้ด NEWMEM เฉพาะผู้สั่งซื้อครั้งแรก
- สีพิเศษสีขาว Awesome White เฉพาะที่ samsung.com
- นำเครื่องเก่ามาแลกใหม่วันนี้ รับ e-Voucher มูลค่า 2,000.- สำหรับการสั่งซื้อมือถือ แท็บเล็ต นาฬิกา หูฟัง และอุปกรณ์เสริมในออเดอร์ถัดไป อ่านเพิ่มเติม
*สี Awesome White ขนาด 256GB จะเริ่มจัดส่งตั้งแต่วันที่ 17 เม.ย. 66
ข้อมูลเพิ่มเติม และสั่งซื้อ : https://bit.ly/43qyhxd
โปรโมชันสำหรับ Samsung Galaxy A34 5G
ต้อนรับสงกรานต์ ลดสูงสุด 7,500.- เมื่อซื้อสินค้าครบตามมูลค่าที่กำหนด
- Galaxy A34 5G รับส่วนลดเพิ่ม 2,000.- เมื่อนำสมาร์ทโฟนเครื่องเก่ามาแลกใหม่*
- รับส่วนลด Watch5, Watch4 จำนวน 20% และ/หรือ Buds2 Pro, Buds2 จำนวน 30%
- รับส่วนลดทันที 1,000.- เพียงใส่โค้ด NEWMEM เฉพาะผู้สั่งซื้อครั้งแรก เฉพาะที่ samsung.com จนถึง 30 เม.ย. 66 เท่านั้น
*ส่วนลด 2,000.- เป็น e-Voucher และจะสามารถกรอกโค้ดใช้งานได้ในออเดอร์ถัดไป
ข้อมูลเพิ่มเติม และสั่งซื้อ : https://bit.ly/3KTqkta
หากท่านใดสนใจจับจองเป็นเจ้าของสมาร์ตโฟนที่คุ้มค่าน่าใช้ทั้ง 2 รุ่นนี้ ก็สามารถแวะไปลองเล่นลองสัมผัสตัวจริงกันก่อนได้ที่ Samsung Experience Store และตัวแทนจำหน่ายทั่วประเทศ สุดท้ายนี้ทีมงาน Thaimobilecenter ก็คงต้องขอลาไปก่อน แล้วพบกันได้ใหม่ในรีวิวรุ่นต่อไป สวัสดีครับ
สรุปจุดเด่นของ Samsung Galaxy A54 5G | A34 5G
- โดยรวมแล้วถือเป็น 2 รุ่นที่มีความครบเครื่องคุ้มราคาที่สุดของ Samsung ในขณะนี้
- มีการนำเอาข้อดีบางอย่างในรุ่นเรือธงมาใส่ไว้ เช่นดีไซน์ตัวเครื่อง, ระบบโฟกัสที่รวดเร็ว, การบันทึกวิดีโอ 4K ทั้งกล้องหลัง-กล้องหน้า และระบบสแกนลายนิ้วมือบนหน้าจอ
- กล้องสามารถโฟกัสได้เร็วกว่ารุ่นที่ผ่านมา (Galaxy A54 5G)
- วิดีโอที่บันทึกมีความนิ่ง สามารถเดินถือถ่ายได้โดยแทบไม่ต้องกังวลเรื่องการสั่น
- แบตเตอรี่มีความจุค่อนข้างมาก สามารถใช้งานได้ยาวนานตลอดวัน
- จอแสดงผลมีความสว่างมากกว่าเดิม สามารถมองเห็นในที่กลางแจ้งได้ดีขึ้น
- การันตีการอัปเดตจาก Samsung สามารถใช้งานได้นาน ระบบมีความสดใหม่อีกหลายปี (อัปเกรดระบบปฏิบัติการ 4 รุ่น + อัปเดตระบบความปลอดภัย 5 ปี)
สรุปคุณสมบัติเด่นของ Samsung Galaxy A54 5G
- ตัวเครื่องใช้ผิวสัมผัสเนื้อกระจก พร้อมคุณสมบัติในการป้องกันน้ำ และป้องกันฝุ่น ตามมาตรฐาน IP67
- มี 3 สีมาตรฐานให้เลือก (Awesome Lime, Awesome Graphite และ Awesome Violet) พร้อม 1 สีพิเศษเฉพาะที่เว็บไซต์ samsung.com (Awesome White รุ่นความจุ 256 GB)
------------------------------
- จอแสดงผลแบบ Super AMOLED Infinity-O ขนาด 6.4 นิ้ว ความละเอียดระดับ FHD+ (2340x1080 พิกเซล : 403 PPI)
- อัตราการรีเฟรช (Refresh Rate) สูงสุดที่ 120Hz
- ความสว่างสูงสุด 1000 nits
- ครอบทับด้วยกระจก Corning Gorilla Glass 5
- เซนเซอร์สแกนลายนิ้วมือแบบฝังใต้หน้าจอ (Optical In-Display Fingerprint Sensor) พร้อมระบบจดจำใบหน้า (Face Recognition)
------------------------------
- ประมวลผลด้วยชิปเซ็ต Exynos 1380
- หน่วยประมวลผลกราฟิก (GPU) Mali-G68 MP5
- หน่วยความจำแรม (RAM) ขนาด 8 GB พร้อมฟีเจอร์ RAM Plus สำหรับช่วยเพิ่มขนาดหน่วยความจำ RAM เสมือน (Virtual RAM) ได้สูงสุด 8 GB
- หน่วยความจำภายในสำหรับเก็บบันทึกข้อมูล (ROM) ขนาด 128 GB หรือ 256 GB (รุ่นพิเศษสี Awesome White เฉพาะที่เว็บไซต์ samsung.com)
- รองรับการ์ดหน่วยความจำเสริมแบบ microSD ได้สูงสุดที่ขนาด 1 TB
- แบตเตอรี่ความจุ 5000 mAh พร้อมระบบชาร์จแบตเตอรี่ความเร็วสูงแบบ 25W Super Fast Charging
- ทำงานอยู่บนระบบปฏิบัติการ Android 13 พร้อมครอบทับด้วย One UI 5.1
- รองรับการอัปเกรดระบบปฏิบัติการ 4 รุ่น และการอัปเดตระบบความปลอดภัย 5 ปี
------------------------------
กล้องตัวหลักด้านหลัง 3 ตัว (Triple Camera) ประกอบด้วย
- กล้อง Wide ความละเอียด 50 ล้านพิกเซล พร้อมรูรับแสงขนาด f1.8, ระบบโฟกัสอัตโนมัติแบบ All Pixel Autofocus และระบบป้องกันการสั่นแบบ OIS
- กล้อง Ultra Wide ความละเอียด 12 ล้านพิกเซล พร้อมเม็ดพิกเซลขนาด 1.12 ไมครอน, รูรับแสงขนาด f2.2 และมุมรับภาพ 123°
- กล้อง Macro ความละเอียด 5 ล้านพิกเซล พร้อมรูรับแสงขนาด f2.4
พร้อมเทคโนโลยี AI Image Enhancer (Photo Remaster และ Object Eraser), รองรับการบันทึกวิดีโอที่ความละเอียดระดับ 4K UHD (30 fps), ฟังก์ชัน Auto Framing และระบบป้องกันการสั่นแบบ VDIS
กล้องด้านหน้าความละเอียด 32 ล้านพิกเซล
พร้อมเซนเซอร์รับภาพขนาด 1/2.8 นิ้ว, เม็ดพิกเซลขนาด 0.8 ไมครอน, รูรับแสงขนาด f2.2 และรองรับการบันทึกวิดีโอที่ความละเอียดระดับ 4K UHD (30 fps)
------------------------------
- ลำโพงเสียงแบบคู่ (Stereo Speakers) พร้อมระบบเสียง Dolby Atmos
- ไมโครโฟนคู่ (Dual Microphone) พร้อมระบบตัดเสียงรบกวน Voice Focus
- เชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตผ่านทางระบบ Wi-Fi 6, 5G, 4G LTE, 3G WCDMA และ 2G EDGE/GPRS
- รองรับการใช้งาน 2 ซิมการ์ดพร้อมกันภายในเครื่องเดียว (Dual SIM) ด้วยถาดแบบ Hybrid Slot
- เชื่อมต่อข้อมูลแบบไร้สายผ่านทาง Bluetooth 5.3 และ NFC
- ระบุตำแหน่ง และนำทางด้วยระบบดาวเทียม GPS+A-GPS, Glonass, BeiDou, Galileo และ QZSS
- พอร์ต USB Type-C (USB 2.0) พร้อมรองรับการใช้งาน USB OTG (USB On-The-Go)
สรุปคุณสมบัติโดยละเอียด (สเปก) และราคา ของ Samsung Galaxy A54 5G
สรุปคุณสมบัติเด่นของ Samsung Galaxy A34 5G
- ตัวเครื่องใช้ผิวสัมผัสคล้ายกระจก (Glasstic) พร้อมคุณสมบัติในการป้องกันน้ำ และป้องกันฝุ่น ตามมาตรฐาน IP67
- มี 3 สีมาตรฐานให้เลือก (Awesome Graphite, Awesome Violet และ Awesome Silver)
-----------------------------
- จอแสดงผลแบบ Super AMOLED Infinity-U ขนาด 6.6 นิ้ว ความละเอียดระดับ FHD+ (2340x1080 พิกเซล : 390 PPI)
- อัตราการรีเฟรช (Refresh Rate) สูงสุดที่ 120Hz
- ความสว่างสูงสุด 1000 nits
- ครอบทับด้วยกระจก Corning Gorilla Glass 5
- เซนเซอร์สแกนลายนิ้วมือแบบฝังใต้หน้าจอ (Optical In-Display Fingerprint Sensor) พร้อมระบบจดจำใบหน้า (Face Recognition)
-----------------------------
- ประมวลผลด้วยชิปเซ็ต MediaTek Dimensity 1080 (MT6877V)
- หน่วยประมวลผลกราฟิก (GPU) Mali-G68 MC4
- หน่วยความจำแรม (RAM) ขนาด 8 GB พร้อมฟีเจอร์ RAM Plus สำหรับช่วยเพิ่มขนาดหน่วยความจำ RAM เสมือน (Virtual RAM) ได้สูงสุด 8 GB
- หน่วยความจำภายในสำหรับเก็บบันทึกข้อมูล (ROM) ขนาด 128 GB (เหลือให้ใช้งานจริงประมาณ 101.0 GB)
- รองรับการ์ดหน่วยความจำเสริมแบบ microSD ได้สูงสุดที่ขนาด 1 TB
- แบตเตอรี่ความจุ 5000 mAh พร้อมระบบชาร์จแบตเตอรี่ความเร็วสูงแบบ 25W Super Fast Charging
- ทำงานอยู่บนระบบปฏิบัติการ Android 13 พร้อมครอบทับด้วย One UI 5.1
- รองรับการอัปเกรดระบบปฏิบัติการ 4 รุ่น และการอัปเดตระบบความปลอดภัย 5 ปี
-----------------------------
กล้องตัวหลักด้านหลัง 3 ตัว (Triple Camera) ประกอบด้วย
- กล้อง Wide ความละเอียด 48 ล้านพิกเซล พร้อมเซนเซอร์รับภาพขนาด 1/2.0 นิ้ว, เม็ดพิกเซลขนาด 0.8 ไมครอน, รูรับแสงขนาด f1.8, ทางยาวโฟกัส 26 มิลลิเมตร, ระบบโฟกัสอัตโนมัติแบบ PDAF และระบบป้องกันการสั่นแบบ OIS
- กล้อง Ultra Wide ความละเอียด 8 ล้านพิกเซล พร้อมเซนเซอร์รับภาพขนาด 1/4.0 นิ้ว, เม็ดพิกเซลขนาด 1.12 ไมครอน, รูรับแสงขนาด f2.2 และมุมรับภาพ 123°
- กล้อง Macro ความละเอียด 5 ล้านพิกเซล พร้อมรูรับแสงขนาด f2.4
พร้อมเทคโนโลยี AI Image Enhancer (Photo Remaster และ Object Eraser), รองรับการบันทึกวิดีโอที่ความละเอียดระดับ 4K UHD (30 fps), ฟังก์ชัน Auto Framing และระบบป้องกันการสั่นแบบ VDIS
กล้องด้านหน้าความละเอียด 13 ล้านพิกเซล
พร้อมเซนเซอร์รับภาพขนาด 1/3.1 นิ้ว, เม็ดพิกเซลขนาด 1.12 ไมครอน, รูรับแสงขนาด f2.2, และรองรับการบันทึกวิดีโอที่ความละเอียดระดับ 4K UHD (30 fps)
----------------------------
- ลำโพงเสียงแบบคู่ (Stereo Speakers) พร้อมระบบเสียง Dolby Atmos
- ไมโครโฟนคู่ (Dual Microphone) พร้อมระบบตัดเสียงรบกวน Voice Focus
- เชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตผ่านทางระบบ Wi-Fi 5, 5G, 4G LTE, 3G WCDMA และ 2G EDGE/GPRS
- รองรับการใช้งาน 2 ซิมการ์ดพร้อมกันภายในเครื่องเดียว (Dual SIM) ด้วยถาดแบบ Hybrid Slot
- เชื่อมต่อข้อมูลแบบไร้สายผ่านทาง Bluetooth 5.3 และ NFC
- ระบุตำแหน่ง และนำทางด้วยระบบดาวเทียม GPS+A-GPS, Glonass, BeiDou, Galileo และ QZSS
- พอร์ต USB Type-C (USB 2.0) พร้อมรองรับการใช้งาน USB OTG (USB On-The-Go)
สรุปคุณสมบัติโดยละเอียด (สเปก) และราคา ของ Samsung Galaxy A34 5G
จุดที่อาจจะต้องพิจารณาเพิ่มเติมของ Samsung Galaxy A54 5G | A34 5G
- ชุดกล้องด้านหลัง ไม่มีกรอบสีเหลี่ยมมาป้องกันเหมือนกับรุ่นที่แล้ว ในขณะที่เลนส์กล้องมีลักษณะนูนขึ้นมา โดยเฉพาะ Galaxy A54 5G ที่นูนขึ้นมาค่อนข้างมาก ดังจึงต้องระวังเป็นพิเศษเมื่อต้องวางเครื่องบนโต๊ะ
- ไม่แถมอะแดปเตอร์ชาร์จแบตเตอรี่มาให้ในกล่อง
- ระบบชาร์จแบตเตอรี่ความเร็วสูงแบบ 25W Super Fast Charging ถือว่าไม่เร็วมากนักเมื่อเทียบกับขนาดของแบตเตอรี่
- เกมบางเกมไม่สามารถปรับค่าการแสดงผลกราฟิกในระดับสูงสุดได้
วันที่ : 12/04/2023