รีวิว (Review) realme 5s
สมาร์ทโฟน 4 กล้อง AI 48MP พลังอึด บนบอดี้ Crystal Holographic สวยเตะตา ในราคาไม่ถึง 6 พัน ด้วยกล้อง AI Quad Camera 48 ล้านพิกเซล ผสานกล้องหน้า AI 13 ล้านพิกเซล, แบตเตอรี่ชาร์จเร็วจุใจ 5000 mAh, จอหยดน้ำใหญ่เต็มตา 6.5 นิ้ว, ชิปเซ็ต Snapdragon 665 AIE, RAM 4GB+ROM 128GB และฟีเจอร์ครบครัน บนตัวเครื่องดีไซน์คริสตัลเคลือบสี Nano Holographic ที่ไม่กลัวน้ำ ในราคาคุ้มค่าเพียง 5,999 บาท
4 ธันวาคม 2019 - นอกเหนือจากการนำ realme X2 Pro สมาร์ทโฟนเรือธงระดับพรีเมียมเข้ามาวางจำหน่ายในบ้านเราแล้ว ทาง realme ก็ไม่พลาดที่จะนำสมาร์ทโฟน realme Series รุ่นใหม่ล่าสุดที่พัฒนาต่อยอดมาจากรุ่น realme 5 และ 5 Pro มาด้วยนั่นก็คือ realme 5s สมาร์ทโฟนฟีเจอร์ครบเครื่องราคาคุ้มเวอร์ชันอัปเกรดใหม่ที่มาพร้อมกับคอนเซ็ปต์ "4 เลนส์ AI 48MP พลังอึด" ซึ่งบ่งบอกความโดดเด่นของสมาร์ทโฟนรุ่นนี้เอาไว้อย่างครบถ้วน แต่ยังคงจุดแข็งด้านราคาวางจำหน่ายที่คุ้มค่าเข้าถึงได้ง่ายเช่นเดิม
สำหรับจุดเด่นของ realme 5s ก็เริ่มตั้งแต่ กล้องหลัง 4 เลนส์พลัง AI (AI Quad Camera) ที่ให้กล้องมาถ่ายภาพทุกระยะตอบโจทย์การถ่าย ภาพในทุกสถานการณ์ พร้อมกล้องตัวหลักที่มีความละเอียดสูงสุด 48 ล้านพิกเซล เพื่อช่วยเก็บรายละเอียดความประทับใจในแต่ละวันได้แบบครบถ้วน และยังมีลูกเล่นการถ่ายภาพที่น่าสนใจอย่าง Nightscape 2.0 ไปจนถึงการถ่ายภาพแบบ Macro ส่วนทางด้านพลังอึดก็เป็นการสื่อถึงความจุของแบตเตอรี่ในสมาร์ทโฟนเครื่องนี้ที่ให้มามากถึง 5000mAh นั่น เอง
นอกเหนือจากจุดเด่นที่ realme ดึงมาเป็นสโลแกนแล้ว realme 5s ยังมาพร้อมกับความโดดเด่นหลายด้าน ไม่ว่าจะเป็น หน้าจอแสดงผลทรงหยดน้ำขนาด 6.5 นิ้ว บนดีไซน์ตัวเครื่องประกายเพชรแบบ Crystal Nano Holographic, ชิปเซ็ตระดับกลางรุ่นเด่นอย่าง Snapdragon 665 AIE, กล้องหน้าเซลฟี่ความละเอียด 13 ล้านพิกเซล, เซ็นเซอร์สแกนลายนิ้วมือ ไปจนถึง ระบบปฏิบัติการ ColorOS 6.0.1 ที่ มีลูกเล่นให้เลือกใช้งานอย่างหลากหลาย
สำหรับ realme 5s เปิดราคาวางจำหน่ายในบ้านเราเอาไว้เพียง 5,999 บาทเท่านั้น โดยตัวเครื่องจริงจะมีความสวยงามมากน้อยเพียงใด และจะมีฟีเจอร์เด่นอะไรให้ใช้งานบ้างนั้น ไปติดตามรีวิวแบบเจาะลึกจากทีมงาน Thaimobilecenter กันได้เลยครับ
รูปลักษณ์ภายนอกตัวเครื่อง และการออกแบบดีไซน์
Realme 5s มาพร้อมกับกล่องแพ็กเกจสีขาว พิมพ์ดีไซน์ตัวเครื่องเอาไว้ด้านหน้าของตัวกล่อง พร้อมสโลแกนของสมาร์ทโฟนรุ่นนี้นั่นก็คือ 48MP Quad Camera PowerHero หรือกล้องหลัง 4 ตัว ความละเอียด 48 ล้านพิกเซลอันทรงพลัง สอดคล้องกับสโลแกน realme 5s ในประเทศไทย 4 เลนส์ AI 48MP พลังอึด
สำหรับอุปกรณ์ภายในกล่องประกอบไปด้วย เอกสารการรับประกัน, เคสใส, เข็มจิ้มถาดใส่ซิมการ์ด, คู่มือการใช้งาน, สายชาร์จแบบ microUSB สำหรับโอนถ่ายข้อมูล หรือชาร์จแบตเตอรี่ และอแดปเตอร์ชาร์จไฟ 5V/2A (10W)
ลองนำเคสใสของ realme 5s มาลองสวมใส่บ้าง ก็พบว่าตัวเคสมีการออกแบบให้ปกป้องตัวเครื่องได้แบบครอบคลุมรอบด้าน พร้อมทั้งตัวเคสจะมีความนูนออกมาจากเลนส์กล้องเล็กน้อย ซึ่งช่วยปกป้องเลนส์จากรอยขีดข่วนเมื่อผู้ใช้วางเครื่องลงบนพื้นผิวต่างๆ ได้เป็นอย่างดี
ข้ามมาดูดีไซน์ของตัวเครื่องกันบ้าง realme 5s มาพร้อมกับหน้าจอแสดงผลแบบ IPS LCD ขนาด 6.5 นิ้ว ความละเอียดระดับ Full HD+ (1600x720 พิกเซล) ครอบทับด้วยกระจก Gorilla Glass 3+ พร้อมขอบจอบางเฉียบทั้ง 4 ด้าน และเว้นพื้นที่ด้านบนเป็นทรงหยดน้ำ ซึ่งทาง realme ระบุว่า ติ่งหน้าจอตรงส่วนนี้ขนาดเล็กลงกว่ารุ่นก่อน จึงทำให้มีชื่อเรียกใหม่ว่า Mini-drop Display และยังช่วยให้ตัวเครื่องมีพื้นที่ในการแสดงผลเมื่อเทียบกับตัวเครื่องสูงถึง 89% เลยทีเดียว
ด้านบนของหน้าจอแสดงผลติดตั้งกล้องหน้าเซลฟี่ ความละเอียด 13 ล้านพิกเซล โครงสร้าง 5 ชิ้นเลนส์ พร้อมรูรับแสงกว้าง f/2.0 ซึ่งกล้องหน้าตัวนี้จะถูกใช้งานร่วมกับระบบยืนยันตัวตนด้วยใบหน้า (Face Unlock) ด้วย นอกจากนี้ ยังมีการซ่อนลำโพงสนทนาเอาไว้บริเวณขอบหน้าจอ รวมไปถึงเซ็นเซอร์สำคัญต่างๆ ได้แก่ Ambient Light Sensor สำหรับปรับแสงหน้าจอให้เหมาะสมกับสภาพแวดล้อมแบบอัตโนมัติ และ Proximity Sensor สำหรับดับหน้าจออัตโนมัติเมื่อยกหน้าจอขึ้นมาแนบหู
ด้านล่างของหน้าจอแสดงผลมาพร้อมกับปุ่มควบคุม แบบสัมผัสบนหน้าจอ ประกอบไปด้วย ปุ่ม Recent Apps สำหรับเรียกดูแอปพลิเคชันทั้งหมดที่ทำงานอยู่เบื้องหลัง, ปุ่ม Home สำหรับกลับไปยังหน้าโฮมสกรีน และปุ่ม Back สำหรับย้อนกลับ
สามารถเปลี่ยนไปใช้งานแบบ Gesture เพื่อซ่อนปุ่มควบคุมด้านล่างตัวเครื่องได้
ด้านซ้ายของตัวเครื่องติดตั้งปุ่มปรับระดับ เสียง พร้อมถาดใส่ซิมการ์ด
สำหรับถาดใส่ซิมการ์ดของ realme 5s เป็นแบบ Triple Slot รองรับการใช้งานร่วมกับซิมการ์ดแบบ nano-SIM จำนวน 2 ซิมการ์ด และรองรับการเพิ่มหน่วยความจำเสริมแบบ microSD Card ความจุสูงสุด 256GB
ด้านบนของตัวเครื่องไม่มีปุ่มควบคุม หรือโมดูลอะไรติดตั้งเอาไว้
ด้านขวาของตัวเครื่องติดตั้งปุ่ม Power
สำหรับล็อกหน้าจอ หรือเปิด-ปิด เครื่อง
ด้านล่างของตัวเครื่องประกอบไปด้วย ช่องเสียบไมโครโฟนแบบ 3.5 มม.., ไมโครโฟนสำหรับสนทนา, พอร์ตเชื่อมต่อแบบ USB Type-C และลำโพงเสียงภายนอก
พลิกมาดูที่ด้านหลังจะพบกับเซ็นเซอร์สแกนลาย นิ้วมือจัดวางเอาไว้บริเวณด้านบนของตัวเครื่อง พร้อมการออกแบบดีไซน์อันเป็นเอกลักษณ์ของ realme นั่นก็คือ การดีไซน์ตัวเครื่องให้สะท้อนแสงดูมีมิติคล้ายกับประกายเพชร หรือ Crystal Nano Holographic โดยเป็นการเคลือบผิวสัมผัสทั้งหมด 133 ชั้นลงลึกระดับนาโน พร้อมกระบวนการตัดขอบที่มีความปราณีตแบบ Diamond Cut นอกจากนี้ ตัวเครื่องยังออกแบบเพื่อให้ทนทานต่อละอองน้ำ (Splash-resistant) แต่ไม่สามารถนำไปจุ่มน้ำได้นะครับ โดยสีที่ได้รับมารีวิวภายในวันนี้คือสีแดงใหม่ล่าสุดในชื่อ Crystal Red
ภายในตัวเครื่องติดตั้งแบตเตอรี่มาให้ขนาดจุใจ ถึง 5000mAh ซึ่งทาง realme เคลมว่า สามารถสแตนบายด์ได้นานถึง 718 ชั่วโมง (29.9 วัน) และเล่นเกมยอดฮิตอย่าง PUBG ได้ต่อเนื่องถึง 8.5 ชั่วโมงเลยทีเดียว แต่อย่างไรก็ดี แม้ว่า realme 5s จะไม่มีระบบระบายความร้อนด้วย Vapour Chamber เหมือนกับรุ่นพี่ที่เปิดตัวออกมาในเวลาเดียวกันอย่าง realme X2 Pro แต่ก็ทดแทนด้วยซอฟท์แวร์อัจฉริยะอย่าง AI Cooling ที่จะเข้ามาช่วยจัดสรรการใช้พลังงานของระบบ เพื่อไม่ให้ตัวเครื่องร้อนจนเกินไป รวมทั้งยังมีระบบความปลอดภัยพิเศษที่เพิ่มเข้ามาอีก 3 ชั้น ช่วยป้องกันแบตเตอรี่ร้อน, แบตละลาย และแบตระเบิดตั้งแต่หัวชาร์จไปจนถึงแบตเตอรี่อีกด้วยครับ
ที่ด้านบนติดตั้งชุดกล้องหลังจำนวน 4 ตัว แบ่งออกเป็น กล้องตัวแรกแบบ Ultra Wide-Angle ความละเอียด 8 ล้านพิกเซล รูรับแสงกว้าง f/2.25 องศาในการรับภาพกว้าง 119 องศา, กล้องตัวหลัก Main Camer ความละเอียด 48 ล้านพิกเซล เซ็นเซอร์รับภาพ Samsung GW1 รูรับแสงกว้าง f/1.8, กล้อง Portrait ความละเอียด 2 ล้านพิกเซล และกล้อง Macro ความละเอียด 2 ล้านพิกเซล รูรับแสงกว้าง f/2.4 รองรับการโฟกัสวัตถุใกล้สุดที่ระยะ 4 เซนติเมตร
เปิดเครื่องใช้งาน พร้อมการทดสอบฟังก์ชัน และแอปพลิเคชันต่างๆ
Realme 5s ขับเคลื่อนด้วยระบบปฏิบัติการ ColorOS 6.0.1 ซึ่งเป็น UI เวอร์ชันใหม่ที่ realme นำมาปรับแต่งโดยยึดพื้นฐานมาจากระบบปฏิบัติการ Android OS เวอร์ชัน 9 (Pie) โดยดีไซน์ของ ColorOS เวอร์ชัน 6 เน้นไปในเรื่องของการใช้งานที่ง่าย และสะดวกต่อการใช้งาน โดยภายในหน้าโฮมสกรีนจะมี App Drawer สำหรับเก็บรายชื่อของแอปพลิเคชันทั้งหมดที่ติดตั้งเอาไว้ภายในตัวเครื่อง สามารถเรียกได้ใช้ได้ง่ายๆ ด้วยการปัดจากขอบด้านล่างขึ้นไปยังด้านบน
ปัดไปด้านขวาจากหน้าโฮมสกรีนจะพบกับ Smart Assistant หรือระบบผู้ช่วยอัจฉริยะที่คอยรวบรวมการแจ้งเตือนจากแอปพลิเคชัน และคีย์ลัดต่างๆ เอาไว้ภายในหน้าเดียว ซึ่งผู้ใช้สามารถเรียงลำดับแอปพลิเคชัน หรือเพิ่ม-ลด คีย์ลัดได้ด้วยตนเองผ่านการแตะที่ไอคอน + บริเวณด้านบน
ปัดจากขอบด้านบนลงมายังด้านล่างจะพบกับ Toggle Switch ที่รวบรวมคีย์ลัดสำหรับสั่งการเอาไว้อย่างครบถ้วน ไม่ว่าจะเป็น การเปิด-ปิด Wi-Fi, เปิด-ปิด Bluetooth, เปิด-ปิด ฟังก์ชันถนอมสายตา (Night Shield) หรือเรียกใช้งานผู้ช่วยอัจฉริยะ Google Assistant
ส่วนที่ด้านล่างถัดจาก Toggle Switch คือ Notification Center สำหรับแสดงการแจ้งเตือนจากแอปพลิเคชันต่างๆ โดยผู้ใช้สามารถปัดไปทางซ้าย-ขวา อย่างรวดเร็วเพื่อเคลียร์การแจ้งเตือนนั้นๆ ได้ พร้อมทั้งยังมีลูกเล่นที่น่าสนใจอย่าง Unimportant Notification ที่จะซ่อนการแจ้งเตือนที่ไม่จำเป็นตามการตั้งค่าของผู้ใช้งาน
แอปพลิเคชันที่ติดตั้งมาภายในตัวเครื่องแบ่งออก เป็นสองกลุ่ม ได้แก่ แอปพลิเคชันพื้นฐานจาก Google เช่น Chrome, Gmail, Youtube และ Google Drive พร้อมแอปพลิเคชันพื้นฐานของตัวเครื่อง ไม่ว่าจะเป็น บันทึกเสียง, เข็มทิศ, เครื่องคิดเลข หรือตรวจสอบสภาพอากาศ
สามารถแตะค้างที่หน้าโฮมสกรีนเพื่อปรับเปลี่ยน วิดเจ็ต หรือวอลเปเปอร์ ได้
และสามารถแตะค้างที่ไอคอนแอปพลิเคชันเพื่อเข้า ถึงคีย์ลัดของแอปฯ นั้นๆ ได้อีกด้วย
มาพร้อมกับแอปพลิเคชัน Phone Manager สำหรับตรวจสอบสถานะ และปรับแต่งสมรรถนะของตัวเครื่อง โดยตัวเลขด้านบนสื่อถึงประสิทธิภาพโดยรวมของตัวเครื่องในตอนนี้ ซึ่งผู้ใช้สามารถแตะที่ไอคอน Optimize เพื่อปรับแต่งประสิทธิภาพให้กลับมาอยู่ในระดับ 100% ได้แบบอัตโนมัติ
แอปพลิเคชันจัดการไฟล์อย่าง File Manager มีความเรียบง่ายต่อการใช้งานด้วยการแบ่งหมวดหมู่ของไฟล์ภายในตัวเครื่อง ทำให้ผู้ใช้สามารถค้นหาไฟล์ที่ต้องการได้ง่ายขึ้น
สามาถรปรับเปลี่ยนธีม และวอลเปเปอร์ได้อย่างหลากหลายผ่านฟังก์ชัน Theme Store
มาดูที่ลูกเล่นด้านการใช้งานกันบ้าง โดย realme 5s รองรับการใช้งานแบบ 2 ซิมการ์ด และรองรับการสื่อสารผ่านโครงข่าย 4G LTE (Voice Over LTE) และการสื่อสารผ่านเครือข่าย Wi-Fi (Wi-Fi Calling) ทั้งสองซิมการ์ด
สามารถปรับอุณหภูมิสีของหน้าจอได้ด้วยตนเอง
สามารถปรับขนาดของตัวอักษรได้ทั้งหมด 5 ระดับ
และสามารถปรับขนาดของการแสดงผลได้ทั้งหมด 3 ระดับ
ฟังก์ชัน Night Shield สำหรับปรับอุณหภูมิสีของหน้าจอให้อยู่ในโทนอุ่น ลดอาการล้าของสายตาเมื่อใช้งานในที่แสงน้อย
เทคโนโลยี Real Sound ที่ทาง realme ได้จับมือร่วมพัฒนากับ Dirac Research สำหรับช่วยปรับแต่งเสียงให้ทรงพลัง แต่ฟังก์ชันนี้จะใช้งานได้ก็ต่อเมื่อผู้ใช้งานเสียบหูฟังเท่านั้นครับ
Smart Driving ฟังก์ชันที่ถูกออกแบบมาสำหรับการขับขี่ยานพาหนะบนท้องถนนโดยเฉพาะ โดยมีให้เลือกทั้งหมด 2 โหมด ได้แก่ Driving Mode โหมดสำหรับผู้ที่ใช้รถยนตร์ ที่ช่วยให้ผู้ใช้สามารถควบคุมฟังก์ชันต่างๆ ของมือถือผ่านคอนโซล และ Riding Mode สำหรับผู้ขับขี่จักรยาน และจักรยานยตน์ โดยจะปิดเสียงแจ้งเตือนต่างๆ ยกเว้นสายเรียกเข้า เพื่อให้ผู้ใช้มีสมาธิบนท้องถนน
สามารถปรับเปลี่ยนวิธีการควบคุมได้ทั้งหมด 3 รูปแบบ ได้แก่ Swipe Gestures from Both Sides หรือการควบคุมผ่านการลากนิ้วจากบริเวณขอบด้านข้าง, Swipe-up Gestures การควบคุมผ่านการลากนิ้วจากขอบด้านล่าง และ Virtual Keys หรือปุ่มควบคุมแบบสัมผัสบนหน้าจอ ที่ผู้ใช้สามารถเลือกรูปแบบการจัดวางของปุ่มได้ทั้งหมด 4 รูปแบบ
ฟังก์ชัน Smart Sidebar สำหรับเรียกใช้งานแอปพลิเคชัน และคีย์ลัดแบบเร่งด่วนขณะที่ใช้งานอยู่ในโหมดเต็มหน้าจอ
รองรับการควบคุมแบบ Screen-off Gestures หรือการวาดนิ้วเป็นรูปร่างต่างๆ เพื่อสั่งการ ยกตัวอย่างเช่น การวาดรูปตัว O เพื่อเปิดกล้องถ่ายภาพ หรือวาดรูปตัว V เพื่อเปิดไฟฉาย เป็นต้น
Smart Call ฟังก์ชันสำหรับควบคุมสายเรียกเข้าโดยเฉพาะ ไม่ว่าจะเป็น การรับสายอัตโนมัติเมื่อยกโทรศัพท์ขึ้นมาแนบหู, เปลี่ยนจากโหมด Speaker เป็นโหมดปกติเมื่อผู้ใช้ยกโทรศัพท์ขึ้นมาแนบหู หรือปิดเสียงเรียกเข้าแบบอัตโนมัติเมื่อคว่ำหน้าจอ
รองรับการปรับโหมดการทำงานทั้งหมด 3 รูปแบบ ไดแก่ High Performance Mode สำหรับรีดประสิทธิภาพตัวเครื่องอยู่ในระดับสูงสุด แต่อาจใช้พลังงานมากขึ้นกว่าปกติ, Smart Performance Mode สำหรับปรับประสิทธิภาพให้เหมาะสมแก่การใช้งานในขณะนั้น และ No Performance Improvement สำหรับช่วยยืดระยะเวลาการใช้งานแบตเตอรี่ให้นานขึ้น
นอกจากนี้ ยังสามารถปรับแต่งการใช้งานแบเตอรี่ของหน้าจอได้ด้วยตนเองถึง 2 โหมด ได้แก่ Balance Mode และ High energy Efficiency Mode
ฟังก์ชัน Clone Apps สำหรับโคลนแอปพลิเคชันเพื่อทำงานแยกออกจากกัน ทำให้เราสามารถใช้งานแอปพลิเคชันประเภทโซเชียลมีเดียได้ 2 แอคเคานท์
รองรับการแบ่งหน้าจอทำงาน (App Split-screen) โดยสามารถเรียกใช้งานได้ทั้งหมด 4 รูปแบบ
มพาร้อมกับฟังก์ชัน App Lock สำหรับล็อกแอปพลิเคชันที่ต้องการ ผู้ใช้จำเป็นต้องใส่รหัส หรือสแกนลายนิ้วมือเพื่อปลดล็อก ช่วยเสริมความปลอดภัยของข้อมูล และความเป็นส่วนตัวได้อย่างดี นอกจากนี้ ยังมีฟังก์ชัน Private Safe ที่ช่วยให้ผู้ใช้สามารถนำไฟล์ต่างๆ ไปเก็บไว้ในตู้เซฟเสมือน และจำเป็นต้องใช้รหัสที่ตั้งค่าไว้ เพื่อเข้าใช้งาน
ฟังก์ชัน Digital Wellbeing สำหรับตรวจสอบปริมาณการใช้งานสมาร์ทโฟนในแต่ละวัน เพื่อช่วยให้ผู้ใช้บริหารเวลการใช้งานมือถือได้อย่างมีประสิทธิภาพ
รองรับการบันทึกลายนิ้วมือสูงสุด 5 ลายนิ้วมือ ส่วนใบหน้ารองรับแค่เพียง 1 ใบหน้าเท่านั้น
ด้านประสิทธิภาพการทำงาน realme 5s มาพร้อมกับขุมพลัง Snapdragon 655 AIE ซึ่งเป็นชิปเซ็ตแบบ Octa-Core Processor ที่ความเร็วในการประมวลผล 2.0GHz และผลิตด้วยสถาปัตยกรรมขนาดเล็กระดับ 11 นาโนเมตร ช่วยให้ประหยัดพลังงานได้ดียิ่งขึ้น โดยขุมพลังตัวนี้จะทำงานร่วมกับหน่วยประมวลผลกราฟิก Adreno 610 พร้อมความจำ RAM ขนาด 4GB ประกบคู่หน่วยความจำภายในความจุ 128GB และระบบปฏิบัติการ Android OS เวอร์ชัน 9 (Pie) ครอบทับด้วย ColorOS 6.0.1 ตั้งแต่แกะกล่อง
ลองทดสอบประสิทธิภาพการทำงานโดยรวมด้วยแอปพลิเค ชัน AnTuTu (เปิด High Performance Mode) พบว่า สามารถทำคะแนนได้ทั้งหมด 167310 คะแนน
ลองทดสอบประสิทธิภาพการประมวลผลของ CPU ด้วยแอปพลิเคชัน Geekbench 5 พบว่า สามารถทำคะแนนประมวลผลแบบ Single-Core ได้ทั้งหมด 312 คะแนน และทำคะแนนประมวผลแบบ Multi-Core ได้ทั้งหมด 1335 คะแนน
แม้ว่าจะเป็นชิปเซ็ตประมวลผลที่จัดอยู่ในซีรี ส์ระดับกลาง แต่ในเรื่องของการเล่นเกมแล้วถือว่าค่อนข้างลื่นไหลพอตัว ซึ่งจากที่ทีมงานได้ลองทดสอบด้วยเกมยอดฮิตอย่าง Call of Duty : Mobile พบว่า สามารถปรับกราฟิกได้ในระดับ Very High และปรับเฟรมเรทได้ในระดับ Very High ซึ่งในระหว่างการเล่นก็ลื่นไหลโดยไม่มีอาการความร้อนสะสมให้เห็น ส่วนทางด้านเกม RoV สามารถเปิดโหมดเฟรมเรทสูง และปรับเอฟเฟ็กต์สูงสุดโดยไม่ส่งผลต่อเฟรมเรทแต่อย่างใด
นอกจากนี้ realme 5s ยังมาพร้อมกับ Game Space โดยเป็นฟีเจอร์ที่เข้ามาช่วยปรับแต่งประสิทธิภาพภายในตัวเครื่องให้เหมาะสมแก่ การเล่นเกม โดยผู้ใช้สามารถตรวจสอบสถานะการทำงานของตัวเครื่องโดยรวมได้จากหน้านี้ ไม่ว่าจะเป็น ปริมาณแบตเตอรี่ที่เหลืออยู่ หรือคุณภาพของสัญญาณอินเทอร์เน็ต
สามารถเลือกบล็อกการแจ้งเตือนต่างๆ รวมถึงสายเรียกเข้า เพื่อป้องกันการบกวนขณะเล่นเกม
และสามารถปรับโหมดการทำงานได้ทั้งหมด 3 รูปแบบ ได้แก่ Competitive Mode สำหรับเพิ่มประสิทธิภาพการทำงาน, เร่งเฟรมเรท รวมถึงการตอบสนองของหน้าจอให้ดีขึ้น แต่จะบริโภคพลังงานมากขึ้น, Balanced Mode รักษาสมดุลระหว่างประสิทธิภาพ และอัตราการบริโภคพลังงาน และ Low Power Consumption Mode สำหรับใช้งานพลังงานในระดับต่ำ เพื่อยืดระยะเวลาการเล่นเกมให้นานขึ้น
ส่วนการเล่นไฟล์วิดีโอตามความละเอียด Native ของหน้าจอที่ระดับ HD+ ก็ลื่นไหลไม่มีสะดุด
ด้าน GPS สามารถตรวจจับดาวเทียมได้ทั้งหมด 47 ดวง และมีความคลาดเคลื่อน +- ไม่เกิน 5 เมตร
ด้านเซ็นเซอร์ต่างๆ มีให้แบบครบถ้วนทุกการใช้งาน ไม่ว่าจะเป็น Proximity Sensor, Gyroscope Sensor, Light Sensor หรือ Magnetic Sensor
การใช้งานกล้องดิจิทัลสำหรับถ่ายภาพ และวิดีโอ
Realme 5s มาพร้อมกับชุดกล้องหลัง 4 ตัว (AI Quad Camera) แบ่งออกเป็น กล้อง Ultra Wide-Angle ความละเอียด 8 ล้านพิกเซล รูรับแสงกว้าง f/2.25 กล้องตัวหลัก Main Camera ความละเอียด 48 ล้านพิกเซล รูรับแสงกว้าง f/1.8, กล้อง Portrait ความละเอียด 2 ล้านพิกเซล และกล้อง Macro ความละเอียด 2 ล้านพิกเซล รูรับแสงกว้าง f/2.4 โดยในส่วนของหน้า UI ถูกออกแบบมาให้ใช้งานได้ง่ายเช่นเดิม ด้วยการแบ่งแถบคีย์ลัดสำหรับตั้งค่าตัวกล้องเอาไว้ที่ด้านบน ไม่ว่าจะเป็น การเปิด-ปิด ไฟแฟลช, การเปิด-ปิด HDR หรือการเปิดใช้งาน Chroma Boost สำหรับช่วยเร่งสีสันให้แก่ภาพถ่าย และช่วยปรับรายละเอียดของภาพให้มองเห็นชัดเจนยิ่งขึ้น
สามารถเปิดใช้งานเลนส์มุมกว้าง Ultra Wide-Angle ได้อย่างง่ายๆ เพียงแตะที่ไอคอนลำดับที่ 3 จากซ้าย โดยเลนส์ตัวนี้จะมีองศาในการรับภาพกว้างสูงสุดที่ 119 องศาครับ
รองรับการซูมภาพไล่ตั้งแต่ระดับ 1x, 2x ไปจนถึง 5x ผ่านการแตะที่ไอคอน 1x
รองรับการใช้งานฟิลเตอร์สำหรับปรับโทนสีโดยรวม ของภาพถ่าย
รองรับการทำงานร่วมกับฟังก์ชัน AI Beauty สำหรับช่วยปรับแต่งใบหน้าของผู้ใช้ให้มีความสวยงามเป็นธรรมชาติ โดยสามารถปรับระดับความเรียบเนียนได้มากถึง 100 ระดับ
ส่วนแถบด้านล่างจะเป็นโหมดการถ่ายภาพในรูปแบบ ต่างๆ เริ่มตั้งแต่ โหมด Portrait สำหรับถ่ายภาพแบบหน้าชัดหลังเบลอ ซึ่งในโหมดนี้แนะนำว่าให้ถ่ายในสภาวะแสงที่เพียงพอเพื่อการตัดขอบที่เนียนตาครับ นอกจากนี้ ยังสามารถเลือกเปลี่ยนฟิลเตอร์ได้ด้วยตนเอง
โหมด Nightscape 2.0 สำหรับถ่ายภาพกลางคืนโดยไม่จำเป็นต้องใช้ขาตั้งกล้อง ซึ่งจะใช้เวลาในการถ่ายภาพประมาณ 3 วินาที โดยในโหมดนี้ยังรองรับการทำงานร่วมกับกล้องเลนส์มุมกว้าง Ultra Wide-Angle อีกด้วย
โหมด Pano สำหรับถ่ายภาพมุมกว้างแบบพาโนรามา
โหมด Expert สำหรับมือโปรที่ต้องการปรับแต่งการตั้งค่าต่างๆ ของกล้องด้วยตนเอง ไม่ว่าจะเป็น Exposure, White Balance, AF หรือ EV
โหมด Ultra Macro ที่ช่วยให้ผู้ใช้สามารถโฟกัสวัตถุได้ใกล้สุดที่ระดับ 4 เซนติเมตร ตอบโจทย์การถ่ายภาพสัตว์เลี้ยง, ดอกไม้ ไปจนถึงรายละเอียดของวัตถุต่างๆ โดยในโหมดนี้ผู้ใช้สามารถเปิดใช้งานฟังก์ชัน Chroma Boost รวมถึงฟิลเตอร์ได้อีกด้วย
มาดูในส่วนของการถ่ายวิดีโอกันบ้าง relame 5s รองรับการถ่ายวิดีโอที่ความละเอียดสูงสุดระดับ 4K ที่ 30fps พร้อมระบบป้องกันภาพสั่นไหวแบบ EIS (Electric Image Stabilization)
และรองรับการถ่ายวิดีโอแบบ Slo-Mo ที่ระดับ 240fps บนความละเอียดระดับ HD รวมถึงการถ่ายวิดีโอแบบ Time-lapse
มาดูที่ลูกเล่นของกล้องหน้าเซลฟี่ความละเอียด 13 ล้านพิกเซลกันบ้าง โดยแถบด้านบนจะมีคีย์ลัดให้เลือกใช้งานน้อยกว่ากล้องหลัง ได้แก่ การเปิด-ปิด ไฟแฟลช, เปิด-ปิด ฟังก์ชัน HDR
ในส่วนของกล้องหน้าผู้ใช้สามารถเปิดใช้งาน ฟิลเตอร์ได้อย่างหลากหลาย
โหมด AI Beauty สำหรับปรับแต่งใบหน้าของผู้ใช้งานให้สวยงามเป็นธรรมชาติผ่านการวิเคราะห์จุดต่างๆ บนใบหน้ากว่า 296 จุด เพื่อปรับให้เหมาะสมกับเพศ, อายุ และสีผิวของแต่ละบุคคล รวมทั้งยังเลือกปรับส่วนต่างๆ ของใบหน้าได้อย่างอิสระ
ส่วนแถบด้านล่างจะเป็นโหมดการถ่ายภาพเซลฟี่ใน รูปแบบต่างๆ ได้แก่ โหมด Portrait สำหรับถ่ายภาพเซลฟี่แบบหน้าชัดหลังเบลอที่ผู้ใช้สามารถเปิดใช้งานฟังก์ชัน AI Beauty ควบคู่กันได้
และโหมดเซลฟี่แบบ Pano สำหรับถ่ายภาพเซลฟี่มุมกว้าง
สว่นการถ่ายวิดีโอ รองรับการความละเอียดสูงสุดที่ระดับ Full HD และสามารถเปิดใช้งานฟิลเตอร์ได้
พร้อมรองรับการถ่ายวิดีโอแบบ Time-Lapse
ตัวอย่างภาพถ่ายจากกล้องหลัง 4 ตัว
(Triple Camera) ความละเอียดระดับ 8+48+2+2 ล้านพิกเซล ของ realme 5s
ภาพถ่ายจากกล้องตัวหลัก
ภาพถ่ายจากกล้องเลนส์มุมกว้าง Ultra Wide-Angle
ภาพถ่ายด้วยฟังก์ชัน Portrait
ภาพถ่ายด้วยฟังก์ชัน Ultra Macro
ภาพถ่ายจากโหมด Nightscape 2.0
ตัวอย่างภาพถ่ายจากกล้องหน้า ความละเอียดระดับ 13 ล้านพิกเซลของ realme 5s
ภาพถ่ายจากโหมดปกติ
ภาพถ่ายจากโหมดปกติ พร้อมเปิดฟังก์ชัน AI Beauty
ภาพถ่ายจากโหมด Portrait
ภาพถ่ายจากโหมด Portrait พร้อมเปิดฟังก์ชัน AI Beauty
สรุปผลการทดสอบของ realme 5s
เมื่อเทียบกับค่าตัวที่ 5,999 บาท ของ realme 5s แล้ว ก็ถือว่าเป็นสมาร์ทโฟนในช่วงราคาราว 5,000 บาท ที่น่าสนใจอีกหนึ่งรุ่น เนื่องจากคุณสมบัติที่ทาง realme จัดวางมาให้ถือว่าครอบคลุมทุกการใช้งานตอบโจทย์ผู้ใช้ทุกระดับ ด้วยหน้าจอแสดงผลขนาดใหญ่ที่ 6.5 นิ้ว ทำให้รับชมคอนเทนต์ หรือเล่นเกมได้อย่างเต็มตาเต็มอารมณ์ พร้อมแบตเตอรี่ชาร์จเร็วขนาดจุใจถึง 5000mAh ที่สามารถใช้งานได้อย่างยาวนานตลอดวัน รวมทั้งดีไซน์ตัวเครื่องก็มีความสวยงามพรีเมียมด้วยลวดลายแบบ Crystal Nano Holographic ที่มีการเคลือบผิวสัมผัสลงลึกระดับนาโน ซึ่งเรียกได้ว่าการออกแบบค่อนข้างจะเกินราคาค่าตัวไปพอสมควร แถมยังมีคุณสมบัติของการป้องกันละอองน้ำอีกต่างหาก
ส่วนทางด้านประสิทธิภาพการทำงานแม้จะเลือกใช้ชิปเซ็ตซีรีส์ระดับกลางอย่าง Snapdragon 665 AIE แต่ชิปเซ็ตรุ่นดังกล่าวก็เป็นชิปเซ็ตตัวใหม่ที่เพิ่งเปิดตัวไปในปีนี้ โดยมีการปรับสถาปัตยกรรมการผลิตให้เล็กลงเหลือที่ระดับ 11 นาโนเมตร พร้อมประสิทธิภาพที่เร็วแรงขึ้นกว่าเดิม และประหยัดพลังงานมากขึ้นถึง 40% เมื่อเทียบกับชิปเซ็ตรุ่นก่อนอย่าง Snapdragon 660 AIE ทำให้สามารถใช้งานทั้งโซเชียลมีเดีย และเล่นเกมได้อย่างไหลลื่น รวมทั้งยังมาพร้อมกับซอฟต์แวร์อัจฉริยะอย่าง AI Cooling ที่เข้ามาช่วยจัดสรรการใช้พลังงานไม่ให้ตัวเครื่องร้อนจนเกินไป อีกทั้ง realme ยังเสริมความมั่นใจด้วยระบบความปลอดภัยป้องกันแบตเตอรี่ร้อน หรือละลาย แม้จะใช้งานหนักก็ตาม ส่วนหน่วยความจำภายใน (ROM) ก็ให้มาค่อนข้างเยอะ หากเทียบกับสมาร์ทโฟนในราคาระดับเดียวกันที่ 128GB
ด้านกล้องถ่ายภาพที่เป็นจุดขายของรุ่นนี้นั่นคือกล้อง 4 เลนส์พลัง AI (AI Quad Camera) ก็ถือว่าตอบโจทย์การถ่ายภาพในสมัยใหม่ที่ผู้ใช้ต้องการเลนส์ถ่ายภาพหลายระยะ พร้อมความละเอียดมากถึง 48 ล้านพิกเซล โดยในรุ่น realme 5s ก็จัดวางมาให้ครบแทบทุกระยะ ตั้งแต่ระยะกว้างพิเศษแบบ Ultra Wide-Angle ไปจนถึงระยะใกล้พิเศษแบบ Macro พร้อมฟังก์ชันการถ่ายภาพกลางคืน Nightscape 2.0 ที่ถ่ายภาพในตอนกลางคืนได้คมชัดโดยไม่จำเป็นต้องใช้ขาตั้งกล้อง ซึ่งเป็นฟีเจอร์เดียวกันกับที่มีบน realme รุ่นพี่อย่าง realme XT นั่นเอง
จากที่ทดสอบมาทั้งหมดก็พอจะสรุปได้ว่า realme 5s เป็นสมาร์ทโฟนที่เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการสมาร์ทโฟนราคาเบาๆ แต่ได้ฟังก์ชันการใช้งานครบถ้วน และดีไซน์ที่สวยงามพรีเมียม พร้อมกล้องถ่ายภาพที่คมชัดทั้งด้านหน้า และด้านหลัง ถ่ายได้ทุกระยะ ซึ่ง realme 5s ถือว่าตอบโจทย์เลยทีเดียว สำหรับ realme 5s เปิดราคาขายในประเทศไทยเอาไว้เพียง 5,999 บาท มีให้เลือกทั้งหมด 2 เฉดสี ได้แก่ สีน้ำเงิน Crystal Blue และสีแดง Crystal Red เริ่มวางจำหน่ายแบบ Flash Sale ในวันที่ 4 ธันวาคม 2562 ก่อนที่จะมีการวางจำหน่ายจริงตั้งแต่วันที่ 7 ธันวาคม 2562 เป็นต้นไป
สุดท้ายนี้ ต้องขอขอบคุณทาง realme ประเทศไทย
ที่ให้ความไว้วางใจส่งเครื่อง realme 5s
มาให้ทางทีมงานได้ทำการรีวิวให้ท่านผู้อ่านได้รับชมกัน
สำหรับวันนี้ต้องขอลาไปก่อน พบกันได้ใหม่ในโอกาสหน้า สวัสดีครับ
จุดเด่นของ realme 5s
- ดีไซน์ตัวเครื่องแบบ Crystal Nano Holographic
ที่เคลือบผิวสัมผัสลงลึกระดับนาโน 133 ชั้น
- คุณสมบัติป้องกันละอองน้ำ (Splash-Resistant)
- ระบบความปลอดภัยพิเศษแบบ 3 ชั้น ช่วยป้องกันแบตเตอรี่ร้อน, แบตเตอรี่ละลาย
และแบตเตอรี่ระเบิด
- หน้าจอแสดงผล IPS LCD ขนาด 6.5 นิ้ว ความละเอียดระดับ
1600x720 พิกเซล (HD+) พื้นที่ในการแสดงผล 89% และครอบทับด้วยกระจก Gorilla
Glass 3+
- ค่า Contrast Ratio ที่อัตราส่วน 1200:1
- ค่าความสว่างสุงสุดที่ 480nits
- ชิปเซ็ตประมวลผล Octa-Core Qualcomm Snapdragon 665 AIE
- หน่วยประมวลผลกราฟิก (GPU) แบบ Adreno 610
- หน่วยความจำแรม (RAM) ขนาดสูงสุด 4GB
- หน่วยความจำภายใน (ROM) ขนาด 128GB
- ถาดใส่ซิมการ์ดแบบ Triple-Slot รองรับการใช้งานแบบ 2 ซิมการ์ด
พร้อมเพิ่มหน่วยความจำเสริมผ่านช่องทาง microSD Card ได้อีก 256GB
- ทำงานอยู่บนระบบปฏิบัติการ Android OS เวอร์ชัน 9 (Pie) พร้อมครอบทับด้วย
ColorOS 6.0.1
- กล้องดิจิทัลด้านหลัง 4 ตัว (AI Quad Camera) ความละเอียด 8+48+2+2
ล้านพิกเซล พร้อมฟีเจอร์ Portrait สำหรับถ่ายภาพแบบหน้าชัดหลังเบลอ, ฟีเจอร์
Nightscape 2.0 สำหรับถ่ายภาพกลางคืนโดยไม่จำเป็นต้องใช้ขาตั้งกล้อง, ฟีเจอร์
Ultra Macro สำหรับถ่ายภาพระยะใกล้สุด 4 เซนติเมตร และรองรับการถ่ายวิดีโอแบบ
Slow-Mo ระดับ 240fps
- กล้องดิจิทัลด้านหน้า ความละเอียด 13 ล้านพิกเซล รูรับแสงกว้าง f/2.0
พร้อมฟีเจอร์ AI Beauty สำหรับปรับใบหน้าของผู้ใช้ให้สวยงามเป็นธรรมชาติ
- เซนเซอร์สแกนลายนิ้วมือที่ด้านหลังตัวเครื่อง
- ระบบสแกนใบหน้า (Face Recognition)
- ระบบ AI Cooling สำหรับช่วยป้องกันความร้อนภายในตัวเครื่อง
- ฟังก์ชัน Clone Apps
สำหรับใช้งานแอปพลิเคชันประเภทโซเชียลมีเดียได้พร้อมกัน 2 แอคเคานท์
- ฟังก์ชัน Game Space สำหรับจัดสรรพลังงานให้เหมาะสมแก่การเล่นเกม
- แบตเตอรี่ความจุ 5000 mAh
- รองรับการเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตผ่านทางระบบ 4G LTE, 3G, EDGE, GPRS และ
WiFi Dual Band
- รองรับการเชื่อมต่อ Bluetooth 5.0
- ระบบ GPS+A-GPS ในตัว พร้อมรองรับระบบดาวเทียม GLONASS ของรัสเซีย, Beidou
ของประเทศจีน และ GALILEO ของสหภาพยุโรป
- ราคาวางจำหน่าย 5,999 บาท ซึ่งถือว่าคุ้มค่าเมื่อเทียบกับคุณสมบัติโดยรวม
จุดที่อาจจะต้องพิจารณาเพิ่มเติมของ
realme
5s
- หน้าจอแสดงผลยังมีความละเอียดที่ระดับ HD+ ซึ่งอาจน้อยไปสักนิดเมื่อเทียบกับขนาดหน้าจอที่ค่อนข้างใหญ่
- พอร์ตเชื่อมต่อยังเป็นแบบ microUSB ไม่ใช่ USB Type-C ที่เป็นมารฐานใหม่กว่า
โปรดทราบ
* โทรศัพท์มือถือที่ท่านเห็นในบทความรีวิวนี้เป็นเพียงเครื่องทดสอบจากทางศูนย์ เพราะฉะนั้นคุณสมบัติบางอย่างอาจมีความแตกต่างจากเครื่องที่วางจำหน่ายจริง บ้างไม่มากก็น้อย รวมถึงจุดด้อยบางประการที่พบในเครื่องทดสอบ อาจจะถูกแก้ไขปรับปรุงให้ดีขึ้นในเครื่องที่วางจำหน่ายจริง ดังนั้นหากท่านสนใจซื้อโทรศัพท์มือถือรุ่นนี้ ควรตรวจสอบหรือทดลองใช้งานสินค้าด้วยตนเองอีกครั้งหนึ่ง *
วันที่ : 04/12/2019