ตอนนี้คุณอยู่ที่ >> หน้าแรก >> หน้ารวม รีวิวมือถือ mobile review >> รีวิวมือถือ Mobile Review
   
Date : 27/06/2024
รีวิว OPPO Reno12 5G

รีวิว OPPO Reno12 5G สมาร์ตโฟน OPPO AI รุ่นแรก ดีไซน์สวย ถ่ายรูปเจ๋ง ฉลาดกว่าเดิม ในราคาที่ทุกคนเข้าถึงได้ เริ่มต้นเพียง 14,999 บาท
 

หากยังจำกันได้ OPPO เพิ่งจะเปิดตัวสมาร์ตโฟน OPPO Reno11 Series 5G ไปเมื่อช่วงต้นปี ล่าสุดวันนี้ (27 มิถุนายน 2024) ก็ได้ส่งตัวต่อยอดในซีรีส์ใหม่อย่าง OPPO Reno12 Series 5G ตามออกมาแบบติด ๆ ทำเอาแฟน ๆ ตั้งตัวกันแทบไม่ทันเลยทีเดียว ซึ่งในวันนี้พวกเราทีมงาน Thaimobilecenter ก็ได้นำ OPPO Reno12 5G รุ่นมาตรฐานมารีวิวให้ชมกันอีกเช่นเคยครับ

OPPO Reno12 5G ยังคงเอกลักษณ์ที่โดดเด่นทั้งในเรื่องของดีไซน์ และฟีเจอร์ต่าง ๆ ภายใน จึงเป็นตัวเลือกที่ยอดเยี่ยมสำหรับผู้ใช้ที่ต้องการความสามารถรอบด้าน ไม่ว่าจะเป็นเรื่องการถ่ายภาพ, การแสดงผล หรือประสิทธิภาพการใช้งานทั่วไป แต่จุดขายที่สำคัญของ OPPO Reno12 Series 5G ก็คือการเป็น “AI Phone” ที่มีราคาจับต้องง่าย ให้ผู้ใช้ได้สัมผัสกับฟีเจอร์ AI ในราคาไม่แพง โดยมากับความสามารถในการตกแต่งภาพ อาทิ ยางลบ 2.0 ที่ช่วยลบสิ่งไม่พึงประสงค์ออกจากภาพได้อย่างง่ายดาย, AI Clear Face ที่ช่วยให้ใบหน้าในภาพกลุ่มดูชัดเจนแม้หลุดโฟกัส และ AI Best Face ที่สามารถแก้ไขปัญหาการกะพริบตาในภาพถ่ายกลุ่มได้ รวมไปถึง AI ที่ช่วยในงานใช้งานอื่น ๆ เช่น AI LinkBoost ที่ช่วยให้สัญญาณเสถียร เชื่อมต่อไว เป็นต้น

นอกจากเรื่อง AI แล้ว OPPO Reno12 5G ยังมาพร้อมกับหน้าจอ OLED ขนาด 6.7 นิ้ว ซึ่งนอกจากจะให้ภาพที่สวยงามคมชัดแล้ว ยังสามารถใช้งานได้แม้ในขณะที่จอเปียก และมีอัตราการรีเฟรชสูงสุดที่ 120Hz ทำให้การเลื่อนหน้าจอ และการดูวิดีโอเป็นไปอย่างนุ่มนวล

สำหรับคุณสมบัติทั่วไป OPPO Reno12 5G เลือกใช้ชิปเซ็ต MediaTek Dimensity 7300-Energy ซึ่งเป็นรุ่นปรับแต่งพิเศษให้ประหยัดพลังงานมากขึ้น โดยทำงานร่วมกับระบบปฏิบัติการ ColorOS 14.1 ใหม่ล่าสุด บนพื้นฐานของ Android 14 และมีแบตเตอรี่ขนาด 5,000mAh ที่รองรับการชาร์จเร็วแบบ 80W SUPERVOOC ช่วยให้ใช้งานได้ต่อเนื่องเต็มที่ไม่ขาดตอน โดยไม่ต้องกังวลว่าแบตเตอรี่จะหมดระหว่างวัน หรือชาร์จไม่ทัน

จากความสามารถต่าง ๆ ที่พูดถึงไปข้างต้นก็นับว่าน่าสนใจไม่น้อยเลยทีเดียวสำหรับสมาร์ตโฟนรุ่นนี้ และเพื่อไม่ให้เสียเวลาเราไปดูรีวิวฉบับเต็มของ OPPO Reno12 5G กันต่อได้เลยครับ

 

ดีไซน์ภายนอก และอุปกรณ์ภายในกล่อง

OPPO Reno12 5G มาพร้อมหน้าจอ OLED ขนาด 6.67 นิ้ว ดีไซน์ขอบโค้งแบบ 3D Curve ความละเอียด 2412x1080 พิกเซล (FHD+) พร้อมอัตราการรีเฟรชสูงสุดที่ 120Hz และรองรับการแสดงผลคอนเทนต์แบบ HDR10+ โดยมีความสว่างสูงสุดอยู่ที่ 1200 nits ซึ่งอยู่ในระดับที่สู้แสงกลางแจ้งได้ค่อนข้างดี ตัวกระจกจอเป็นกระจก Corning Gorilla Glass 7i และรองรับการสแกนลายนิ้วมือบนหน้าจอ

กล้องหน้าที่ขอบด้านบนมีความละเอียดอยู่ที่ 32MP โดยใช้เซนเซอร์รับภาพขนาด 1/3.1 นิ้ว พร้อมรูรับแสงขนาด f2.0


ตัวเครื่องด้านหลังของ OPPO Reno12 5G จะมีเท็กซ์เจอร์ และลวดลายที่ต่างกันไปตามสี สำหรับเครื่องที่นำมารีวิวเป็นสีชมพู Sunset Pink ซึ่งเป็นสีชมพูซ่อนลวดลายก้อนเมฆ ดูคล้ายกับท้องฟ้ายามเย็น ส่วนผิวสัมผัสจะเป็นแบบด้าน ช่วยลดการเกิดคราบมัน และรอยนิ้วมือได้เป็นอย่างดี


นอกจากสีชมพู Sunset Pink แล้ว OPPO Reno12 5G ยังมีให้เลือกอีก 2 สี คือ สีเงิน Astro Silver สีแห่งอนาคตผิวสัมผัสริ้วคลื่นเอกสิทธิ์เฉพาะของ OPPO และสีน้ำตาล Matte Brown เฉดสีโกโก้เข้ม ให้เลือกเป็นเจ้าของกันในสไตล์ที่แตกต่าง


บริเวณฐานกล้องด้านหลังก็มีรายละเอียดดีไซน์เล็ก ๆ อยู่เช่นกัน โดยมีการล้อมกรอบด้วยโลหะสลักนูน เพิ่มความหรูหราให้กับตัวเครื่อง และมีการซ่อนลวดลายรัศมีเอาไว้บนฐานกล้องด้วย สำหรับชุดกล้องจะมีด้วยกัน 3 ตัว ได้แก่

- กล้อง Wide (Main) ความละเอียด 50MP พร้อมเซนเซอร์ Sony LYT600 ขนาด 1/1.95 นิ้ว, รูรับแสงขนาด f1.8, ทางยาวโฟกัส 26 มิลลิเมตร, ระบบโฟกัสอัตโนมัติแบบ All Pixel Omni-Directional PDAF และระบบป้องกันการสั่นแบบ OIS
- กล้อง Ultra Wide ความละเอียด 8MP พร้อมเซนเซอร์ Sony IMX355 ขนาด 1/4.0 นิ้ว, รูรับแสงขนาด f2.2, ทางยาวโฟกัส 16 มิลลิเมตร และมุมรับภาพ 112 องศา
- กล้อง Macro ความละเอียด 2MP พร้อมเซนเซอร์ OmniVision OV02B10 และระยะโฟกัสใกล้สุดที่ 4 เซนติเมตร

 

ตัวเครื่องมีน้ำหนักอยู่ที่ 177 กรัม กับความบางเพียง 7.6 มิลลิเมตร ซึ่งบาง และเบามากเมื่อเทียบกับสมาร์ตโฟนรุ่นอื่น ๆ เฟรมรอบตัวเครื่องเป็นโลหะ ด้านซ้ายไม่มีปุ่ม หรือพอร์ตใด ๆ ส่วนด้านขวามีปุ่มปรับระดับเสียง และปุ่มล็อกหน้าจอ


ลำโพงเสียงเป็นแบบคู่ (สเตอริโอ) จึงมีช่องลำโพงทั้งด้านบน และด้านล่าง โดยด้านบนจะมีไมโครโฟนกับ IR Blaster ส่วนด้านล่างจะมีพอร์ต USB Type-C, ไมโครโฟนหลัก และช่องถาดใส่ซิมการ์ด


ถาดใส่ซิมการ์ดเป็นแบบ Hybrid-Slot รองรับซิมคู่ (Nano SIM + Nano SIM) หรือจะใส่ซิมพร้อมกับการ์ด microSD ก็ได้ โดยรองรับสูงสุดที่ขนาด 1TB


ส่วนอุปกรณ์ภายในกล่องประกอบไปด้วย อะแดปเตอร์ชาร์จแบตเตอรี่แบบ 80W, สาย USB Type-C, เข็มถอดถาดซิมการ์ด, เคสซิลิโคน และคู่มือการใช้งาน

 

ระบบพื้นฐาน และฟีเจอร์ AI อัจฉริยะ

OPPO Reno12 5G มากับระบบปฏิบัติการ ColorOS 14.1 เวอร์ชันใหม่ล่าสุด บนพื้นฐานของ Android 14 การออกแบบอินเทอร์เฟซมีความสวยงาม และเข้าใจง่าย ถึงแม้ว่าจะไม่เคยใช้งานสมาร์ต OPPO มาก่อนก็ใช้งานได้ไม่ยาก แต่ทีเด็ดของ ColorOS 14.1 คือฟีเจอร์ AI อัจฉริยะที่ครอบคลุมตั้งแต่การถ่ายภาพ, แต่งภาพ ไปจนถึงการสรุปโน้ต เรียกได้ว่าครบครันในระดับเดียวกับเรือธงพรีเมียม โดยมีฟีเจอร์เด่น ๆ ดังนี้


ยางลบ AI 2.0

ฟีเจอร์ลบสิ่งไม่พึงประสงค์ในภาพถ่ายให้หายวับไปในพริบตา ไม่ว่าจะเป็นผู้คนในฉากหลัง, เสาไฟ, ถังขยะ, ป้าย หรือคนที่แกล้งเข้ามาโฟโต้บอมบ์ ฟีเจอร์นี้เคยปล่อยให้ใช้งานกันแล้วใน Reno11 Series ในเวอร์ชัน 1.0 แต่ในคราวนี้ได้มีการอัปเกรดเป็นเวอร์ชัน 2.0 ทำให้มีการวิเคราะห์วัตถุที่แม่นยำมากขึ้น และเพิ่มความสามารถในการตรวจจับผู้คนในฉากหลัง และลบทิ้งทั้งหมดได้ในคราวเดียว ไม่ต้องมาไล่ลบทีละคนให้เสียเวลา

 

ตัวอย่างภาพถ่ายที่รีทัชด้วยยางลบ AI


AI Clear Face

ในการถ่ายภาพแบบกลุ่มด้วยกล้องหน้า อาจมีบางคนที่หลุดโฟกัสทำให้ใบหน้าเบลอ ปัญหานี้แก้ไขได้ด้วยฟีเจอร์ AI Clear Face ที่จะตรวจจับใบหน้า และปรับให้ชัดเจนขึ้นในทันที ไม่ต้องไปรีทัชให้เหนื่อย


AI Best Face

ในกรณีที่ถ่ายรูปแล้วตัวแบบหลับตา สามารถแก้ไขได้ง่าย ๆ ด้วย AI Best Face โดยฟีเจอร์นี้จะตรวจจับใบหน้า และตกแต่งให้ตัวแบบลืมตาโดยอัตโนมัติ จะพร้อมอัปเดตให้ใช้งานกันในช่วงเดือนสิงหาคมนี้


AI Studio

AI Studio เป็นลูกเล่นในลักษณะของ Generative AI ที่ผู้ใช้สามารถแปลงรูปถ่ายของตัวเอง หรือของคนอื่นให้เป็นตัวอวตารเท่ ๆ ได้ การสร้างรูปแต่ละครั้งจะได้ออกมา 4 รูป และใช้ 10 เครดิต โดยจะมีเครดิตเริ่มต้นมาให้ 5,000 ครับ

 

ตัวอย่างภาพจาก AI Studio


AI Recoding Summary

สรุปเนื้อหาสำคัญจากเสียงที่บันทึกไว้ โดยจะส่งข้อมูลสรุปไปยังแอป Notes ซึ่งข้อมูลสำคัญอย่าง รายการสิ่งที่ต้องทำ เวลา และสถานที่ จะถูกไฮไลท์และจัดรูปแบบโดยอัตโนมัติเพื่อให้อ่านง่าย

ในช่วงเปิดตัว ฟีเจอร์นี้องรับการแปลงคำพูดเป็นข้อความในภาษาจีน อังกฤษ และฮินดี ส่วนภาษาไทย และภาษาอื่น ๆ จะอัปเดตเพิ่มเข้ามาในภายหลัง


สำหรับการประมวลผล ชิปเซ็ต MediaTek Dimensity 7300-Energy นั้นเป็นรุ่นปรับแต่งพิเศษสำหรับ Reno12 5G โดยเฉพาะ ซึ่งผลิตด้วยกระบวนการระดับ 4 นาโนเมตร และประหยัดพลังงานเป็นพิเศษ โดยทำงานร่วมกับเทคโนโลยี Trinity Engine ของ ColorOS ที่ช่วยเพิ่มความเสถียร และลดการใช้พื้นที่จัดเก็บข้อมูลที่ไม่จำเป็น

หน่วยความจำภายในของ OPPO Reno12 5G จะเป็น RAM แบบ LPDDR4X ขนาด 12GB และ ROM แบบ UFS 3.1 ขนาด 256GB แม้จะไม่ใช้มาตรฐานที่ดีที่สุดในขณะนี้ แต่ก็ถือว่ามีความรวดเร็วเหมาะกับการใช้งาน และไม่น้อยหน้าสมาร์ตรุ่นอื่น ๆ ในตลาด


ฟีเจอร์ที่น่าสนใจของ OPPO Reno12 5G คือ AI LinkBoost ที่ช่วยให้โทรศัพท์จับสัญญาณอินเทอร์เน็ต หรือเครือข่ายโทรศัพท์มือถือได้เร็วขึ้น และเสถียรขึ้น เป็นประโยชน์มากเวลาอยู่ในลิฟต์ หรือในลานจอดรถชั้นใต้ดินที่อับสัญญาณ หรือถ้าไม่มีสัญญาณจริง ๆ ก็ยังโทรหากันได้ด้วยระบบ BeaconLink ซึ่งจะโทรหากันในระยะที่ไม่ไกลมากได้ผ่าน Bluetooth คล้ายกับการใช้วิทยุสื่อสาร แต่ในเบื้องต้นฟีเจอร์นี้จะใช้ได้กับ OPPO Reno12 Series 5G ด้วยกันเท่านั้น


สำหรับผล Benchmark บนแอปพลิเคชัน AnTuTu จะได้คะแนนรวมอยู่ที่ 721,825 คะแนน ส่วนผลจากแอปพลิเคชัน Geekbench 6 จะได้คะแนนอยู่ที่ 1055 คะแนนสำหรับการประมวลผลแบบ Single-Core และ 3042 คะแนนสำหรับการประมวลผลแบบ Multi-Core


ทดสอบประสิทธิภาพด้านการเล่นเกม

ด้านการเล่นเกม OPPO Reno12 5G จะมีตัวช่วยสนับสนุนการเล่นเกมที่เรียกว่า HyperBoost ซึ่งจะช่วยเรื่องการจัดการทรัพยากรของตัวเครื่องขณะเล่นเกม รวมถึงตัวเลือกในการตั้งค่าอื่น ๆ เช่นล็อกความสว่างหน้าจอ หรือการแจ้งเตือน เป็นต้น


ขณะเล่นเกม เราสามารถเรียกเมนูของ HyperBoost ออกมาได้โดยการปัดที่มุมซ้ายบนของจอ ซึ่งจะมีทางลัดฟังก์ชั่นต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็นการจับสกรีนช็อต, อัดวิดีโอการเล่น, ปรับความสว่างแบบด่วน และอื่น ๆ พร้อมทั้งแสดงค่า FPS ในเกมแบบ Real-time

เราสามารถสลับไปใช้โหมดโปรเกมเมอร์ เพื่อเร่งการทำงานของตัวเครื่องให้สูงขึ้นอีกได้ แต่จะใช้แบตเตอรี่มากขึ้น และเครื่องจะร้อนขึ้น สามารถใช้เพิ่มอัตราเฟรมเรตในเกมให้สูงขึ้นได้อีกเล็กน้อย


สำหรับประสิทธิภาพการเล่นเกม OPPO Reno12 5G ทำได้ค่อนข้างน่าประทับใจ สามารถรันเกม Genshin Impact บนการตั้งค่ากราฟิกระดับกลางได้แบบลื่น ๆ ส่วนเกม PUBG Mobile ก็รันได้อย่างลื่นไหลเช่นกัน พร้อมทั้งตอบสนองต่อการควบคุมได้เป็นอย่างดี โดยตัวเครื่องมีการสะสมความร้อนเล็กน้อยพอให้รู้สึกอุ่น ๆ เท่านั้น ซึ่งไม่ใช่เรื่องที่น่ากังวล ส่วนขอบจอโค้งที่หลายคนอาจจะกังวลก็ไม่ได้รบกวนการเล่นแต่อย่างใด เพราะจริง ๆ แล้วขอบโค้งของจอไม่ได้โค้งเข้ามาในขอบมากเท่าไหร่ จึงไม่มีปัญหามือลั่น


ระบบชาร์จไว 80W SUPERVOOC

เรื่องชาร์จไวเป็นจุดขายของ OPPO อยู่แล้ว ซึ่ง OPPO Reno12 5G ก็มากับระบบชาร์จไว 80W SUPERVOOC โดยมากับชุดชาร์จในกล่องครบครัน พร้อมให้ชาร์จแบบเต็มสปีดได้ทันที สำหรับรุ่นนี้มากับแบตเตอรี่ขนาด 5,000mAh ซึ่งใช้เวลาชาร์จจาก 1-100% เพียงแค่ 47 นาทีเท่านั้น


จับคู่ลงตัวกับหูฟัง OPPO Enco Air4 Pro

นอกจากสมาร์ตโฟน Reno12 Series แล้ว OPPO ยังได้เปิดตัวหูฟังไร้สาย OPPO Enco Air4 Pro ออกมาพร้อมกันด้วย โดยมาพร้อมกับระบบตัดเสียงรบกวนในตัว, Bluetooth 5.4, แบตเตอรี่ที่ใช้งานได้นานราว ๆ 1 สัปดาห์ และมีคุณสมบัติของการทนน้ำในระดับ IP55 นอกจากนี้ยังเชื่อมต่อกับอุปกรณ์ของ OPPO ได้อย่างรวดเร็วด้วยระบบ Fast Pair สามารถนำไปใช้งานร่วมกับ OPPO Reno12 Series 5G ได้อย่างสมบูรณ์แบบ โดยมีราคาวางจำหน่ายอยู่ที่ 2,999 บาท


การใช้งานกล้องสำหรับถ่ายภาพ และวิดีโอ

โหมดรูปถ่าย หรืออัตโนมัติ จะมีปุ่มลัดให้เลือกระยะซูมอย่างรวดเร็ว 3 ระดับ คือ 0.6x (กว้างพิเศษ), 1x (ปกติ) และ 2x สามารถเปิดใช้เอฟเฟกต์บิวตี้ (รีทัช) และฟิลเตอร์ได้ หรือกดที่ไอคอนมุมขวาบนเพื่อเปิดเมนูการตั้งค่าเพิ่มเติม


โหมดรูปคน หรือพอร์ตเทรต จะมีให้เลือก 2 ระยะ คือ 1x และ 2x สามารถเปิดใช้เอฟเฟกต์บิวตี้ และฟิลเตอร์ได้เช่นกัน โดยฟิลเตอร์ของโหมดนี้จะแตกต่างจากฟิลเตอร์ในโหมดรูปถ่าย


โหมดกลางคืน สามารถถ่ายได้ทุกระยะการซูม และมีฟิลเตอร์เฉพาะให้ใช้งาน


โหมดมาโคร เป็นโหมดสำหรับถ่ายรูปแบบโคลสอัพ มีระยะโฟกัสที่ 4 เซนติเมตร สามารถเปิดใช้ฟิลเตอร์ได้


ระบบสแกนเอกสาร เป็นโหมดที่ช่วยให้ผู้ใช้ถ่ายภาพหนังสือ, ป้าย หรือข้อความ แล้วบันทึกเป็นรูป หรือไฟล์ PDF เพื่อให้อ่านง่ายขึ้น เหมาะกับการถ่ายสไลด์ในที่ประชุม หรือเลคเชอร์บนกระดาน


สำหรับการถ่ายวิดีโอ ทั้งกล้องหน้า และกล้องหลังสามารถถ่ายวิดีโอได้ที่ความละเอียดสูงสุดระดับ 4K (30fps) แต่ถ้าเปิดกันสั่นด้วย กล้องหลังจะถ่ายได้ที่ความละเอียด 1080p (60fps) ส่วนกล้องหน้าจะเหลือความละเอียด 1080p (30fps) และกล้องหน้าจะมีบิวตี้ กับฟิลเตอร์ให้ใช้ด้วย


ตัวอย่างภาพถ่ายจากกล้องหลัง

ตัวอย่างภาพถ่ายจากโหมดอัตโนมัติ


ตัวอย่างภาพถ่ายจากโหมดภาพบุคคล


ตัวอย่างภาพถ่ายจากโหมดกลางคืน


ตัวอย่างภาพถ่ายจากโหมดมาโคร


ตัวอย่างภาพถ่ายจากกล้องหน้า


ราคา และโปรโมชันของ OPPO Reno12 5G

OPPO Reno12 5G มีให้เลือก 2 รุ่นความจุ ได้แก่รุ่น RAM 12GB+ROM 256GB ราคา 14,999 บาท และ RAM 12GB+ROM 512GB ราคา 16,999 บาท รวมทั้งมี 3 สีให้เลือก ได้แก่ สีชมพู Sunset Pink, สีน้ำตาล Matte Brown และสีเงิน Astro Silver พร้อมวางจำหน่ายอย่างเป็นทางการตั้งแต่วันที่ 28 มิถุนายน 2567 เป็นต้นไป

พิเศษ สำหรับท่านที่ซื้อ OPPO Reno12 5G ระหว่างวันที่ 28 มิถุนายน-31 กรกฎาคม 2567 รับฟรี ! E-VIP Card ประกันจอแตกนาน 1 ปี และ OPPO AI Gift Box มูลค่ารวม 9,499 บาท

 

สรุปประสบการณ์หลังใช้งาน OPPO Reno12 5G

OPPO Reno12 5G เป็นสมาร์ตโฟนที่มาพร้อมฟีเจอร์ AI หลากหลาย ทำให้เป็นหนึ่งในสมาร์ตโฟน AI ที่ราคาจับต้องได้มากที่สุดในตลาดประเทศไทย ณ ขณะนี้ และเป็นตัวเลือกที่ดีสำหรับผู้ที่ต้องการสัมผัสพลัง AI ในราคาที่ประหยัดกว่า

ฟีเจอร์ AI หลายอย่างที่ให้มาก็มีประโยชน์ และมีโอกาสได้ใช้บ่อย เช่น ยางลบ AI 2.0 ที่ช่วยลบคนออกจากภาพได้ ซึ่งจะได้ใช้แน่นอนหากเราถ่ายรูปในสถานที่ท่องเที่ยวที่มีคนพลุกพล่าน หรือ AI Best Face ที่แก้รูปหลับตาให้ลืมตาได้ ไม่ต้องถ่ายใหม่ เพราะหลายครั้งเราก็ไม่สามารถย้อนไปถ่ายภาพให้ออกมาเหมือนเดิมได้

อย่างไรก็ตาม ความสามารถในการรีทัชรูปของ AI ยังไม่ถึงกับสมบูรณ์แบบ ในบางสถานการณ์อาจจะยังดูไม่ค่อยเนียนนัก ซึ่งเป็นเรื่องปกติของการรีทัชด้วย AI บนสมาร์ตโฟน จึงไม่ควรคาดหวังการแก้ไขด้วย AI มากเกินไป ส่วน AI สรุปความจากการบันทึกเสียงก็มีประโยชน์เช่นกัน แต่น่าเสียดายที่ในช่วงแรกยังไม่รองรับภาษาไทย ทำให้หาโอกาสใช้งานยาก ซึ่งก็ต้องรอให้ทาง OPPO อัปเดตภาษาไทยเข้ามา

 

ด้านการถ่ายภาพ OPPO Reno12 5G ทำได้อย่างยอดเยี่ยมไม่ผิดหวัง ไม่ว่าจะเป็นการถ่ายภาพทั่วไป, พอร์ตเทรต หรือกลางคืน โดยภาพจะมีความนวล และสีสันที่เด่นชัดตามสไตล์ของ OPPO โดยมีการนำ AI มาช่วยประมวลผลภาพด้วย ทำให้เอฟเฟกต์บิวตี้ดูสมจริงมากขึ้น โดยเน้นไปที่การเพิ่มความสว่างของใบหน้า และการลบริ้วรอย แต่จะไม่ถึงกับลบจนเกลี้ยง หากปรับในระดับที่เหมาะสมจะยังคงเหลือจุดเด่นบนใบหน้าให้เห็นอยู่ ทำให้ยังดูเป็นธรรมชาติพอสมควร

สำหรับการใช้งานทั่วไป OPPO Reno12 5G ประมวลผลด้วยชิปเซ็ต MediaTek Dimensity 7300-Energy ซึ่งจัดอยู่ในระดับกลางบน (Upper-Midrange) ทำให้มีประสิทธิภาพสูงพอที่จะใช้งานได้อย่างลื่นไหล แม้จะเป็นการเล่นเกมก็ตาม อีกทั้งยังประหยัดแบตเตอรี่มากขึ้นเพราะเป็นรุ่นที่ปรับแต่งมาเป็นพิเศษ เรื่องประสิทธิภาพการใช้งานจึงไม่ใช่เรื่องที่ต้องกังวลแต่อย่างใด

 

ส่วนเรื่องดีไซน์นั้น ต้องยอมรับว่า OPPO ทำการบ้านมาดีเช่นเดิม ทำให้ตัวเครื่องมีดีไซน์ที่สวยงาม โดดเด่นจากรุ่นอื่นในตลาด อีกทั้งตัวเครื่องยังบาง และเบาเมื่อเทียบกับสมาร์ตโฟนหลาย ๆ รุ่น จึงให้ความรู้สึกที่ดีทุกครั้งที่หยิบมาใช้งาน

 

อีกคุณสมบัติหนึ่งที่หลายคนอาจจะมองข้ามคือหน้าจอที่ใช้งานได้แม้มือเปียก หากเป็นการใช้งานทั่วไปในชีวิตประจำวันเราอาจจะไม่ได้ใช้ประโยชน์จากคุณสมบัตินี้เท่าไหร่ แต่สำหรับคนที่ทำกิจกรรมกลางแจ้งบ่อย ๆ หรือเป็นไรเดอร์ อาจจะได้เจอสถานการณ์ที่มือเปียกน้ำ เปียกเหงื่อ หรือฝนตกจนมือถือเปียก หากเป็นมือถือทั่วไปจะแทบควบคุมหน้าจอไม่ได้เลยจนกว่าจะเช็ดมือถือ และมือให้แห้ง ทำให้เกิดความยุ่งยากตามมา แต่หากเป็น OPPO Reno12 5G จะไม่มีปัญหานี้เลย ช่วยให้ชีวิตง่ายขึ้นมาก

โดยรวมแล้ว OPPO Reno12 5G เป็นสมาร์ตที่นำเสนอฟีเจอร์ AI ในราคาที่ประหยัดกว่า พร้อมประสิทธิภาพการใช้งานที่น่าประทับใจในทุกด้าน เหมาะสำหรับผู้ใช้งานทุกเพศทุกวัย โดยเฉพาะผู้ที่ต้องการสัมผัสฟีเจอร์ AI และผู้ที่ชอบถ่ายรูป

 

สรุปคุณสมบัติเด่นของ OPPO Reno12 5G

- ดีไซน์ตัวเครื่องแบบ Futuristic Fluid
- ตัวเครื่องมีคุณสมบัติของการทนน้ำ-ทนฝุ่นตามมาตรฐาน IP65
- จอแสดงผลขอบโค้ง 3D Curved AMOLED ขนาด 6.7 นิ้ว ความละเอียดระดับ FHD+ (2412x1080 พิกเซล) ปกป้องด้วยกระจกนิรภัย Corning Gorilla Glass 7i
- อัตราการรีเฟรช (Refresh Rate) สูงสุดที่ 120Hz
- อัตราการตอบสนองของระบบสัมผัส (Touch Sampling Rate) สูงสุดที่ 240Hz
- แสดงผลสี 100% DCI-P3
- ความสว่างสูงสุด 1,200 nits
- เซนเซอร์สแกนลายนิ้วมือแบบฝังใต้หน้าจอ
- สัมผัสสั่งงานบนหน้าจอได้ปกติแม้ในขณะที่หน้าจอเปียก

------------------------------

- ชิปเซ็ตประมวลผล MediaTek Dimensity 7300-Energy
- หน่วยประมวลผลกราฟิก (GPU) Arm Mali-G615
- หน่วยความจำแรม (RAM) แบบ LPDDR4X ขนาด 12GB
- หน่วยความจำภายในสำหรับเก็บบันทึกข้อมูล (ROM) แบบ UFS 3.1 ขนาด 256GB / 512GB
- ทำงานอยู่บนระบบปฏิบัติการ Android 14 พร้อมครอบทับด้วย ColorOS 14.1
- แบตเตอรี่ความจุ 5,000 mAh
- ระบบชาร์จแบตเตอรี่ความเร็วสูงแบบ 80W SUPERVOOC พร้อมอแดปเตอร์ และสายชาร์จในชุดจำหน่าย

------------------------------

กล้องตัวหลักด้านหลัง 3 ตัว ประกอบด้วย

- กล้อง Wide (Main) ความละเอียด 50MP เซนเซอร์ Sony LYT600 ขนาด 1/1.95 นิ้ว, รูรับแสงขนาด f/1.8, ทางยาวโฟกัส 26 มิลลิเมตร, ระบบโฟกัสอัตโนมัติแบบ All Pixel Omni-Directional PDAF และระบบป้องกันการสั่นแบบ OIS
- กล้อง Ultra Wide ความละเอียด 8MP เซนเซอร์ Sony IMX355 ขนาด 1/4.0 นิ้ว, รูรับแสงขนาด f/2.2, ทางยาวโฟกัส 16 มิลลิเมตร และมุมรับภาพ 112 องศา
- กล้อง Macro ความละเอียด 2MP เซนเซอร์ OmniVision OV02B10 ระยะโฟกัส 4 เซนติเมตร

รองรับการบันทึกวิดีโอที่ความละเอียดสูงสุดระดับ 4K 30fps

กล้องด้านหน้าความละเอียด 16MP รองรับการบันทึกวิดีโอที่ความละเอียดสูงสุดระดับ 4K 30fps


------------------------------

- เชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตผ่านทางระบบ Wi-Fi 6, 5G, 4G LTE, 3G WCDMA และ 2G GSM
- รองรับการใช้งานแบบ 2 ซิมการ์ด (Dual Nano-SIM)
- เชื่อมต่อข้อมูลแบบไร้สายผ่านทาง Bluetooth 5.4 (SBC, AAC, aptX-HD, LDAC, LHDC)
- ระบุตำแหน่ง และนำทางผ่านระบบดาวเทียม Beidou, GPS, GLONASS, Galileo และ QZSS
- เซนเซอร์อินฟราเรด IR Blaster สามารถประยุกต์ใช้กับแอปพลิเคชันเฉพาะเพื่อใช้งานเป็นรีโมตเครื่องใช้ไฟฟ้าได้
- พอร์ต USB Type-C

------------------------------

- ลำโพงเสียงแบบคู่ (สเตอริโอ)
- ฟีเจอร์ OPPO AI สารพัดตัวช่วยอัจฉริยะ ทั้งแต่งรูป จดบันทึก และบูสต์สัญญาณ

 

จุดที่อาจจะต้องพิจารณาเพิ่มเติมของ OPPO Reno12 5G

- ไม่รองรับการใส่การ์ดหน่วยความจำแบบ microSD หรือแบบอื่น ๆ
- ไม่มีพอร์ตหูฟังขนาด 3.5 มิลลิเมตร
- ในเบื้องต้น ฟีเจอร์ AI จำเป็นต้องเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตเท่านั้นจึงจะสามารถใช้งานได้


วันที่ : 27/06/2024

Cookie Consent

Our website uses cookies to provide your browsing experience and relavent informations.Before continuing to use our website, you agree & accept of our Cookie Policy & Privacy