รีวิว (Review) OPPO Enco X
หูฟังไร้สายไฮเอนด์ใหม่ ได้ Dynaudio มาร่วมพัฒนา คุณภาพเสียงมาเต็ม เทคโนโลยีอัดแน่น บนดีไซน์สวยพรีเมียมใส่สบาย
23 มีนาคม 2021 - เป็นที่ทราบกันดีกว่าแบรนด์ใหญ่ที่เราคุ้นเคยมานานอย่าง OPPO
นั้นไม่ได้ผลิตแค่สมาร์ทโฟนแต่เพียงอย่างเดียว แต่ในยุคก่อนหน้านี้ OPPO
ถือเป็นหนึ่งในบริษัทที่มีชื่อเสียงในด้านการผลิตเครื่องเล่น MP3, หูฟัง
และเครื่องขยายเสียง (Amplifier) มาก่อน โดยหูฟังที่มีความโดดเด่นของ
OPPO ในยุคนั้นก็คือ OPPO PM-1 ซึ่งเป็นหูฟัง Full Size แบบ Planar Magnetic
ที่ตอบสนองต่อสัญญาณเสียงได้ในระดับสูง ให้เสียงอย่างเที่ยงตรง
และมีประสิทธิภาพ
เมื่อเข้าสู่ยุคใหม่ของสมาร์ทโฟนที่หลายค่ายต่างหันไปพัฒนาหูฟังไร้สายแบบ True Wireless (TWS) ทาง OPPO ก็พร้อมที่จะนำความเชี่ยวชาญด้านการผลิตหูฟังมาพัฒนาหูฟังไร้สายของตนเองเช่นเดียวกัน ส่งผลให้เกิดการพัฒนา OPPO Enco Free หูฟัง TWS รุ่นแรกของค่าย ไปจนถึง OPPO Enco W11 และ W31 ที่มีการพัฒนาคุณภาพเสียง รวมถึงดีไซน์ให้ตอบโจทย์การใช้งานในทุก ๆ ไลฟ์สไตล์การใช้ชีวิตประจำวันของแต่ละท่าน
และล่าสุดทาง OPPO ก็มีการพัฒนาหูฟัง TWS รุ่นใหม่ต้อนรับปี 2021 ภายใต้ชื่อ OPPO Enco X ซึ่งความพิเศษของรุ่นนี้อยู่ตรงที่มีการพัฒนาร่วมกับแบรนด์เครื่องเสียงไฮเอนด์ระดับโลกจากประเทศเดนมาร์กอย่าง Dynaudio ที่ขึ้นชื่อด้านการพัฒนาลำโพงมอนิเตอร์ รวมถึงการผลิตชุดเครื่องเสียงให้กับรถหรูหลายยี่ห้อ ไม่ว่าจะเป็น Volkswagen, Volvo ไปจนถึง Bugatti มาแล้ว ส่วนตัวจริงเสียงจริงของ OPPO Enco X จะมีหน้าตาเป็นอย่างไร และจะใส่ฟีเจอร์เด่น ๆ อะไรมาให้บ้าง ไปติดตามรับชมรีวิวจากทีมงาน Thaimobilecenter กันได้เลยครับ
รูปลักษณ์ภายนอก และการออกแบบดีไซน์
OPPO Enco X มาพร้อมกับกล่องผลิตภัณฑ์สีขาวสะอาดตา ซึ่งที่ด้านบนมีการประทับโลโก้ OPPO และ Dynaudio ด้วยสีเงินสะท้อนแสงให้เห็นแบบเด่นชัด
เมื่อเปิดกล่องผลิตภัณฑ์จะพบกับกล่องสีดำอีกหนึ่งชั้น ซึ่งประทับโลโก้ OPPO และ Dynaudio รวมถึงตัวอักษร X ด้วยสีเงินฟอยด์ที่สามารถสะท้อนออกมาได้หลายเฉดสีอย่างสวยงาม
อุปกรณ์ภายในกล่องผลิตภัณฑ์ประกอบไปด้วย เคสชาร์จแบตเตอรี่, หูฟัง OPPO Enco X, จุกหูฟังไซส์ S และ L, คู่มือการใช้งาน และสายเชื่อมต่อแบบ USB Type-C to USB-A สำหรับชาร์จแบตเตอรี่ให้กับเคสชาร์จแบตเตอรี่
สำหรับเคสชาร์จแบตเตอรี่ของ OPPO Enco X มาพร้อมกับดีไซน์ที่ถอดแบบมาตจาก OPPO MP3 X3 เครื่องเล่นเพลงรุ่นแรกของ OPPO ด้วยตัวเครื่องที่มีความโค้งมนรับกับสรีระของฝ่ามือได้อย่างพอดิบพอดี พร้อมกรอบโลหะทรงกลมอันเป็นเอกลักษณ์ของผลิตภัณฑ์ OPPO โดย OPPO Enco X จะมาพร้อมกับตัวเลือก 2 สีที่เรียบง่ายแต่ดูหรูหรา ได้แก่ สีขาว และน้ำเงิน
ที่ด้านหน้าของเคสชาร์จแบตเตอรี่ จะมีไฟสำหรับแสดงสถานะการทำงาน และปริมาณแบตเตอรี่ที่เหลืออยู่ ดังรายละเอียดต่อไปนี้
- สีแดง หมายถึง แบตเตอรี่อยู่ในระดับต่ำ
- สีเหลือง หมายถึง แบตเตอรี่อยู่ในระดับปานกลาง
- สีเขียว หมายถึง แบตเตอรี่เต็ม หรืออยู่ในระดับสูง
ที่ด้านหลังมาพร้อมกับข้อความ CO-CREATED WITH DYNAUDIO ซึ่งสื่อถึงการร่วมพัฒนาระหว่าง OPPO และ Dynaudio นั่นเอง
ที่ด้านขวามาพร้อมกับปุ่มควบคุม Function Button ซึ่งจะถูกใช้สำหรับการตั้งค่า 2 อย่าง ดังนี้
- การเชื่อมต่อกับอุปกรณ์อื่น - รอจนกว่าไฟแสดงสถานะจะกระพริบเป็นสีขาว
ก็สามารถเชื่อมต่อเข้ากับอุปกรณ์อื่นที่ต้องการได้ทันที
- การรีเซ็ตการตั้งค่าหูฟังเป็นค่าโรงงาน - เปิดฝาเคสชาร์จแบตเตอรี่
พร้อมวางหูฟังไว้ในเคสชาร์จ และกดปุ่ม Function Button เป็นเวลา 15 วินาที
รอจนกว่าไฟสถานะจะกะพริบเป็นสีแดง 3 ครั้ง
ส่วนที่ด้านล่างมาพร้อมกับพอร์ตเชื่อมต่อแบบ USB Type-C สำหรับชาร์จแบตเตอรี่ ซึ่งทาง OPPO เปิดเผยว่า สามารถฟังเพลงผ่านหูฟัง OPPO Enco X ได้นานสูงสุดถึง 25 ชั่วโมง หรือโทรได้สูงสุด 15 ชั่วโมง เมื่อใช้งานร่วมกับเคสชาร์จที่มีแบตเตอรี่แบบเต็ม หรือหากไม่ได้ใช้เคสชาร์จ ก็สามารถเล่นเพลงได้นานสูงสุด 5 ชั่วโมง หรือโทรได้ถึง 3.5 ชั่วโมง
นอกจากการชาร์จแบตเตอรี่แบบเสียบสายแล้ว OPPO Enco X รองรับการชาร์จแบตเตอรี่แบบไร้สายร่วมกับแท่นชาร์จไร้สายที่มีมาตรฐาน Qi Wireless Charging ซึ่งแท่นชาร์จส่วนมากจะรองรับมาตรฐานนี้อยู่แล้ว และสามารถใช้งานร่วมกับฟีเจอร์ Reverse Wireless Charging ที่มีอยู่บน OPPO Find X3 Pro 5G ได้ด้วย
มาดูที่ตัวหูฟังกันบ้าง สำหรับ OPPO Enco X เป็นหูฟัง TWS แบบ In-Ear ที่ก้านหูฟังที่ยื่นออกมาด้านล่าง เพื่อช่วยให้การสั่งการผ่านระบบสัมผัส รวมถึงการพูดคุย เป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น
ที่ด้านบนของหูฟังมาพร้อมกับตะแกรงเสียง สำหรับช่วยขับเสียงจากตัวไดรเวอร์
ในส่วนของระบบเสียงนั้น OPPO Enco X เลือกมาพร้อมกับระบบเสียงแบบ DBEE 3.0 Acoustic System ซึ่งพัฒนามาจากระบบ DBEE 1.0 ที่ใช้งานบนเครื่องเล่น MP3 ที่ OPPO พัฒนาไว้ตั้งแต่ปี 2550 โดยมาพร้อมกับไดรเวอร์เสียงแบบคู่ หรือที่เรียกว่า Coaxial Dual Drivers ซึ่งโดยปกติแล้วจะเป็นดีไซน์ที่ถูกใช้กับเครื่องเสียงระดับไฮเอนด์เท่านั้น โดยเป็นการทำงานร่วมกับระหว่าง Magnetic Balanced membrane driver ที่ ทาง OPPO พัฒนาต่อยอดมาจากหูฟังระดับเรือธงอย่าง OPPO PM-1 เพื่อขับเสียงในย่านความถี่สูง และ Triple-layer composite dynamic driver ที่ทำหน้าที่ในการขับเสียงความถี่ย่านกลาง-ต่ำ เพื่อช่วยให้เสียงกลาง-สูง และเสียงกลาง-เบา สามารถถ่ายทอดออกมารว่วมกันได้อย่างเป็นธรรมชาติ พร้อมสร้างเสียงที่มีความถี่รอบด้าน
ในส่วนของ Ear tips มาพร้อมกับจุกซิลิโคนแบบนิ่มที่ช่วยให้สวมใส่ได้อย่างสบายหู และยังช่วยให้เสียงที่ถูกถ่ายทอดออกมาไม่เล็ดลอดออกไปด้านนอกซึ่งผู้ใช้สามารถถอด เปลี่ยนจุกซิลิโคนเองได้อย่างง่ายดาย
นอกจากนี้ ยังมีเซ็นเซอร์สำหรับตรวจจับตำแหน่งหูฟังขณะที่อยู่ในใบหู เพื่อวิเคราะห์การสวมใส่ และแนะนำการปรับตำแหน่งที่จะช่วยให้คุณภาพเสียงดีที่สุด พร้อมตัดเสียงรบกวนได้ดีที่สุด พร้อมทั้งยังมีเซ็นเซอร์ตรวจจับการสวมใส่ เพื่อเล่น-หยุด การเล่นเพลงแบบอัตโนมัติ และระบบปรับโหมดการทำงานแบบอัตโนมัติเมื่อสวมใส่หูฟัง โดยหากใส่หูฟังข้างเดียว ระบบจะทำการเปลี่ยนไปเป็นโหมด Transparent เพื่อเปิดรับเสียงภายนอกให้แบบอัตโนมัติ และหากใส่หูฟังสองข้าง ก็จะสลับเข้าสู่โหมด Max Noise Cancellation เพื่อตัดเสียงรบกวนภายนอก ซึ่งในการใช้งานจริงถือว่าสะดวกมากเลยทีเดียว
ภายใน Ear tips ยังมีการติดตั้งไมโครโฟนแบบ Feedback Microphone เพื่อรับเสียงที่ส่งมาจากช่องหูชั้นใน และลดเสียงรบกวนได้อย่างมีประสิทธิภาพ ซึ่งจะทำงานร่วมกับไมโครโฟนทั้งสองตัวที่อยู่บริเวณก้านหูฟัง ซึ่งเป็นระบบตัดเสียงรบกวนด้วยไมโครโฟน 3 ตัวแบบ Triple Microphone Noise Reduction นั่นเอง
สำหรับใครที่ไม่มั่นใจว่า ควรใส่จุกหูฟังไซส์ไหน ถึงจะได้เสียงคุณภาพที่ดีที่สุด ก็สามารถทำทดสอบ Earbuds Fit Test ได้ด้วยตนเอง รายละเอียดดังนี้
ผู้ที่ใช้สมาร์ทโฟน OPPO
- เข้าไปที่ Bluetooth
- แตะที่ OPPO Enco X
- เลือก EARBUS FUNCTIONS
- เลือก Earbuds Fit Test
ผู้ที่ใช้สมาร์ทโฟน Android แบรนด์อื่นๆ
- ดาวน์โหลด และเปิดใช้งานแอปพลิเคชัน HeyMelody (ดาวน์โหลด)
- เลือก OPPO Enco X
- เลือก Earbuds Fit Test
บริเวณก้านหูฟังมาพร้อมกับไมโครโฟนตัวที่สองแบบ Feed-Forward Microphone ซึ่งติดตั้งอยู่บริเวณด้านบนของ ก้านหูฟัง และไมโครโฟนแบบ Internal Microphone for Calls ซึ่งติดตั้งอยู่ด้านในของด้านล่างก้านหูฟัง สำหรับพูดสายสนทนา และยังมาพร้อมกับเซนเซอร์ตรวจจับการสัมผัส (Touch Control) โดยมีวิธีควบคุมการทำงานดังนี้
- ลากนิ้วขึ้นด้านบน เป็นการเพิ่มเสียง
- ลากนิ้วลงด้านล่าง เป็นการลดเสียง
- แตะสองครั้ง เป็นการเปลี่ยนเพลง / รับสาย / พักสาย
- แตะสามครั้ง เป็นการเรียกใช้งาน Google Voice Assistant, Siri หรือ Alexa
- แตะค้าง เป็นการสลับโหมดการทำงานระหว่าง Max Noise Cancellation
สำหรับตัดเสียงรบกวนในระดับสูงสุด และ Transparent
สำหรับเปิดรับเสียงด้านนอกโดยไม่จำเป็นต้องถอดหูฟังออก
นอกจากนี้ OPPO Enco X ยังถูกออกแบบมาให้มีคุณสมบัติกันน้ำระดับ IP54 สามารถใส่ ไปออกกำลังกายได้อย่างสบาย ๆ แต่ไม่แนะนำให้ใส่ว่ายน้ำ
สำหรับระบบตัดเสียงของ OPPO Enco X ถือว่าเป็นอีกหนึ่งจุดเด่นของหูฟังรุ่นนี้เลยก็ว่าได้ เนื่องจากทาง OPPO ได้ใส่ชิป Dual-Core Digital Bluetooth Noise Cancellation ซึ่ง เป็นชิปตัดเสียงระบบไฮเอนด์ที่ทำงานร่วมกับไมโครโฟนแบบ Dual-fed ที่มีความไวต่อเสียงรบกวนสูง พร้อมระบบ Hybrid active noise cancellation (ANC) สำหรับสร้างสัญญาณเสียงที่มีความถี่ และความยาวคลื่นแบบเดียวกันกับเสียงรบกวนรอบข้าง ในการลบสัญญาณรบกวนจากภายนอกออกไป เพื่อให้ผู้ใช้เพลิดเพลินกับเสียงเพลงได้อย่างเต็มอรรถรส โดย OPPO Enco X สามารถตัดเสียงรบกวนจากภายนอกได้มากถึง 35 เดซิเบล ซึ่ง เพียงพอต่อการกำจัดเสียงรบกวนในย่านความถี่ต่ำที่มีความดังคงที่ อย่างเช่น เสียงเครื่องยนต์ของรถ, เสียงผู้คนภายนอกที่อยู่ในรถไฟฟ้า หรือเสียงการทำงานของเครื่องบินขณะเดินทาง เป็นต้น โดยผู้ใช้สามารถตั้งค่าโหมดการตัดเสียงรบกวนเพิ่มเติมจากสมาร์ทโฟนได้มากถึง 4 โหมด (Multi-Setting Noise Reduction) ดังนี้
- Noise Cancellation Off คือการปิดระบบตัดเสียงรบกวน
- Transparency คือการเปิดรับเสียงจากภายนอกขณะสวมใส่หูฟัง
เพื่อให้ได้ยินการสนทนา และเสียงเหตุการณ์ต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นรอบตัว
- Standard Noise Cancellation คือการตัดเสียงรบกวนเล็กน้อย
ตอบโจทย์การใช้งานในสถานที่ที่คนไม่พลุดพล่าน เช่น ร้านกาแฟ หรือสำนักงาน
เป็นต้น
- Max Noise Cancellation คือการตัดเสียงรบกวนในระดับสูงสุด ตอบโจทย์การเดินทาง
หรือใช้งานในสถานที่ที่มีคนพลุกพล่าน เช่น ห้างสรรพสินค้า หรือรถไฟฟ้า
เป็นต้น
นอกจากนี้ OPPO Enco X ยังมี Adaptive Filter และระบบตรวจจับเสียงลม ที่ช่วยกำจัดเสียงรบกวนจากการโทร เพื่อให้ปลายสายได้ยินเสียงของผู้ใช้อยู่ตลอดเวลา แม้ว่าจะอยู่ในสถานการณ์ที่มีเสียงรบกวนอย่างมาก เช่น การปั่นจักรยาน หรือการเดินทางในเมืองที่มีผู้คนพลุกพล่าน เป็นต้น
เปิดเครื่อง พร้อมทดสอบการใช้งาน
สำหรับวิธีการเชื่อมต่อ OPPO Enco X ในครั้งแรกถือว่าง่ายดาย เพียงแค่เปิดฝาของเคสชาร์จแบตเตอรี่ ก็จะสามารถกดเชื่อมต่อบนสมาร์ทโฟน OPPO ได้ทันที หรือหากใครที่ใช้สมาร์ทโฟน Android แบรนด์อื่น ก็สามารถเชื่อมต่อได้ง่าย ๆ เพียงแค่เปิดฝาของเคสชาร์จแบตเตอรี่ เข้าไปที่การตั้งค่า Bluetooth และเลือกเชื่อมต่อกับ OPPO Enco X
ในด้านการเชื่อมต่อ และส่งสัญญาณของ OPPO Enco X ถือว่าทำได้อย่างรวดเร็ว เพราะทาง OPPO ใช้เทคโนโลยีที่เรียกว่า Binaural Low-Latency Bluetooth Transmission ด้วยการติดตั้งชิป Bluetooth 5.2 ไว้ในตัวหูฟัง OPPO Enco X ที่ช่วยให้เชื่อมต่อได้ราบรื่น ไม่มีสะดุด พร้อมรองรับการใช้งานได้ทั้งแบบหูฟังข้างเดียว หรือแบบสองข้าง และมีกำลังการส่งสัญญาณที่ไกลถึง 10 เมตรเลยทีเดียว
OPPO ยังมีการออกแบบตัวรับสัญญาณของ OPPO Enco X ใหม่ ด้วยการใส่ BPF (Band pass filter) สำหรับกรอง สัญญาณรบกวนจากคลื่น 4G, 5G รวมถึงสัญญาณอื่น ๆ เพื่อป้องกันคลื่นแทรก และเสียงรบกวนได้อย่างมีประสิทธิภาพ พร้อมติดตั้งเสาอากาศแบบ LDS (Laser Direct Structuring) สำหรับป้องกันสัญญาณรบกวนจากภายใน เพื่อให้หูฟังไร้สาย OPPO Enco X จับสัญญาณเสียงได้อย่างมีประสิทธิภาพ และถ่ายทอดเสียงได้อย่างสมบูรณ์แบบ
นอกจากนี้ OPPO ยังใช้วิธีส่งสัญญาณเสียงแบบ LHDC (Low Latency High Definition Audio Codec) ที่ช่วยส่งเสียง คุณภาพสูงแบบความหน่วงต่ำ สามารถรักษา และถ่ายทอดรายละเอียดเสียงจากต้นฉบับได้เป็นอย่างดี
ในส่วนของเสียงนั้นถือว่าน่าประทับใจ จากที่ทีมงานได้ทดลองนำไปฟังเพลงหลากหลายแนว ทั้ง Electronic Dance Music (EDM), Pop, Rock, Metal ไปจนถึง Classical ก็พบว่า OPPO Enco X มาพร้อมกับจุดเด่นด้านการถ่ายทอดรายละเอียดเสียงได้ครบถ้วนในทุก ๆ ย่าน เวทีเสียงอยู่ในระดับที่พอดีเสมือนราวกับนั่งอยู่หน้าเวที เสียงกลางของนักร้องค่อนข้างจะพุ่ง ไม่จมอยู่หลังเครื่องดนตรี เสียงสูงไปได้ไกล มีความระยิบระยับของเสียงปลาย
ส่วนเสียงเบสของ OPPO Enco X ไม่ได้กระแทกจนรู้สึกอึดอัด แต่ก็ถือว่ามีอิมแพ็คในระดับที่รู้สึกสนุกกับเสียงเพลงได้ ทำให้สามารถฟังเพลงได้ทุกแนว นอกจากนี้ ยังมีจุดเด่นด้านการแยกรายละเอียดของเสียงเครื่องดนตรีแต่ละชิ้นได้อย่างชัดเจน รวมถึงการถ่ายทอดรายละเอียดเสียงเอฟเฟกต์ต่าง ๆ ได้เป็นอย่างดี ซึ่งในบางเพลงที่เคยฟังมาก่อน ก็อาจได้ยินเสียงเอฟเฟกต์ใหม่ ๆ ที่เราไม่เคยได้ยินในหูฟังทั่ว ๆ ไปด้วย
ในส่วนของระบบตัดเสียงรบกวนถือว่าทำได้อย่างยอด เยี่ยม เพราะจากที่ลองนำไปใช้งานตามสถานที่ที่มีคนพลุกพล่าน อย่างเช่น ตลาดนัด และห้างสรรพสินค้า ก็พบว่า สามารถตัดเสียงพูดคุย เสียงฝีเท้า เสียงรถยนต์ รวมถึงเสียงรบกวนต่าง ๆ ได้เกือบหมด ทำให้เพลิดเพลินในโลกของเสียงเพลงได้อย่างเต็มอารมณ์ และหากต้องการเปิดรับเสียงจากภายนอก ก็สามารถทำได้อย่างรวดเร็วด้วยการแตะหูฟังค้างเพื่อสลับไปใช้งานโหมด Transparent ซึ่งแม้ว่าจะยังเล่นเสียงเพลงอยู่ ก็สามารถได้ยินเสียงพูดจากภายนอกได้ค่อนข้างชัดเจน
สรุปผลการทดสอบของ OPPO Enco X
จากการที่ได้ใช้งานหูฟังตัวนี้มาระยะหนึ่งก็พอจะสรุปได้ว่า OPPO Enco X เป็นหูฟัง TWS ระดับเรือธงในรูปแบบ In-Ear True Wireless ที่เหมาะแก่ผู้ที่ชื่นชอบเสียงดนตรีในทุกแนว ด้วยตัวเครื่องที่พัฒนาร่วมกับแบรนด์เครื่องเสียงระดับไฮเอนด์อย่าง Dynaudio พร้อมระบบเสียงแบบ DBEE 3.0 Acoustic System ที่ถูกพัฒนามาจากหูฟังรุ่นไฮเอนด์ของ OPPO เพื่อช่วยถ่ายทอดรายละเอียดเสียงย่านต่ำ-กลาง-สูง ได้อย่างมีคุณภาพ สามารถแยกรายละเอียดเครื่องดนตรีแต่ละชิ้นได้เป็นอย่างดี เสียงเบสมีพลัง และมีอิมแพ็คอยู่ในระดับที่เหมาะสม พร้อมระบบตัดเสียงรบกวนที่ทำงานร่วมกันระหว่าง Dual-Core Digital Bluetooth Noise Cancellation และระบบ Hybrid Active Noise Cancellation (ANC) ที่สามารถตัดเสียงรบกวนภายนอกได้อย่างดีเยี่ยม
ในส่วนของการสวมใส่ ก็ถือว่าสะดวกสบายเป็นอย่างมาก ซึ่งแม้จะไม่ใช่ผู้ที่เคยใช้หูฟังแบบ In-Ear มาก่อน ก็สามารถสวมใส่ใช้งานได้อย่างง่ายดาย เนื่องจาก OPPO Enco X มาพร้อมกับ Ear Tips ที่ถูกออกแบบมาให้สอดคล้องกับหลักสรีรศาสตร์ พร้อมจุกซิลิโคนแบบนิ่มที่มีให้เลือกหลายไซส์ รวมทั้งยังมาพร้อมกับน้ำหนักที่เบาเพียง 4.8 กรัม ช่วยให้สวมใส่ได้อย่างตลอดวันโดยไม่รู้สึกล้าหู
นอกจากนี้ OPPO Enco X ยังถูกออกแบบมาให้ใช้งานได้ยาวนานตลอดวัน ด้วยการเล่นเสียงเพลงได้ยาวนานสูงสุดถึง 25 ชั่วโมงเมื่อใช้งานร่วมกับเคสชาร์จ หรือหากไม่ได้ใช้เคสชาร์จ ก็สามารถเล่นเพีลงได้นานสูงสุดถึง 5.5 ชั่วโมงเลยทีเดียว รวมทั้งยังรองรับการชาร์จแบตเตอรี่ได้หลากหลายรูปแบบ ทั้งผ่านสาย USB Type-C รวมไปถึงการชาร์จแบบไร้สาย ซึ่งสามารถใช้งานร่วมกับแท่นชาร์จมาตรฐาน Qi Wireless Charging รวมถึงสามารถชาร์จผ่านฟีเจอร์ Reverse Wireless Charging ของ OPPO Find X3 Pro 5G ได้เช่นกัน
สำหรับ OPPO Enco X เปิดราคาวางจำหน่ายอย่างเป็นทางการในประเทศไทยแล้วที่ 5,999 บาท โดยมีให้เลือกทั้งหมด 2 เฉดสี ได้แก่ สีขาว และสีน้ำเงิน สามารถจับจองเป็นเจ้าของได้ที่ OPPO Brand Shop และตัวแทนจำหน่ายทั่วประเทศ พร้อมโปรโมชั่นพิเศษเฉพาะที่ Shopee โดยผู้ที่สั่งซื้อตั้งแต่วันนี้ - 4 เมษายน 2564 รับสิทธิพิเศษเพิ่ม 2 ต่อ ได้แก่ ส่วนลด 600 บาท เมื่อใช้โค้ด OPPOEX600 และ 10% Cashback เมื่อใช้โค้ด OPPOENCOX
สุดท้ายนี้ก็ต้องขอขอบคุณทาง OPPO (ประเทศไทย) ที่ให้ความไว้วางใจส่งหูฟัง OPPO Enco X รุ่นนี้มาให้ทีมงาน Thaimobilecenter ได้รีวิวให้ทุกท่านได้รับชมกัน สำหรับวันนี้ต้องขอลาไปก่อน พบกันได้ใหม่ในโอกาสหน้า สวัสดีครับ
จุดเด่นของ OPPO Enco X
- เกิดจากการออกแบบ และพัฒนาร่วมกันระหว่าง OPPO กับแบรนด์เครื่องเสียงระดับไฮเอนด์จากเดนมาร์กอย่าง Dynaudio
- วัสดุทำมาจากซิลิโคนที่มีความแข็งระดับ 2
- มีคุณสมบัติของการป้องกันน้ำ-ป้องกันฝุ่นในระดับ IP54
- ดีไซน์ไดรเวอร์เสียงแบบคู่ Coaxial Dual Drivers
- ไดรเวอร์เสียง Triple-Layer Composite Dynamic Driver ขนาด 11 มิลลิเมตร
และ Magnetic Balanced Membrane Driver ขนาด 6 มิลลิเมตร
- ระบบเสียง DBEE 3.0
- น้ำหนักหูฟังเบาเพียง 4.8 กรัม และน้ำหนักเคส 42.5 กรัม
- ค่า Speaker Sensitivity 104dB (ที่ 1KHz)
- ตอบสนองย่านความถี่เสียงตั้งแต่ 20Hz - 20kHz
- ค่าความไวเสียงของไมโครโฟนที่ระดับ -38 dBV/Pa
- ไมโครโฟนจำนวน 3 ตัวแบบ Triple Microphone Noise Reduction
สำหรับตัดเสียงรบกวนภายนอกได้มากถึง 35 เดซิเบล
- ระบบการเชื่อมต่อแบบ Bluetooth 5.2
- ระยะในการเชื่อมต่อสูงสุด 10 เมตร
- แบตเตอรี่ขนาด 44mAh (หูฟัง) และ 535mAh (เคสชาร์จแบตเตอรี่)
สามารถใช้งานได้ยาวนานสูงสุด 25 ชั่วโมง เมื่อใช้ร่วมกับเคสชาร์จแบตเตอรี่
- เทคโนโลยี LHDC สำหรับการส่งผ่านคลื่นเสียงแบบไร้สาย พร้อมรองรับการเข้ารหัสแบบ AAC และ SBC
- รองรับ Touch Control สำหรับสั่งการด้วยการสัมผัสบริเวณก้านหูฟัง
- ระบบตัดเสียงรบกวนแบบ Dual-Core Digital Bluetooth Noise Cancellation และ
Hybrid Active Noise Cancellation (ANC)
- โหมดการตัดเสียงรบกวนทั้งหมด 4 รูปแบบ (Multi-Setting Noise Reduction)
- ระบบ Adaptive Filter สำหรับดักจับเสียงลม เพื่อให้เสียงพูดมีความคมชัด
- ระบบ BPF (Band Pass Filter) สำหรับกรองสัญญาณรบกวนจากคลื่น 4G, 5G
รวมถึงสัญญาณอื่น ๆ เพื่อป้องกันคลื่นแทรก
- การทำงานแบบ Transparency Mode ที่สามารถสลับรูปแบบการทำงานได้อย่างราบรื่น
- รองรับการใช้งานทั้งแบบ Monaural และ Binaural
- พอร์ตเชื่อมต่อของเคสชาร์จแบตเตอรี่แบบ USB Type-C
พร้อมรองรับการชาร์จแบตเตอรี่แบบไร้สายตามมาตรฐาน Qi Wireless Charging
- รองรับการใช้งานร่วมกับสมาร์ทโฟนระบบปฏิบัติการ Android และ iOS
จุดที่อาจจะต้องพิจารณาเพิ่มเติมของ OPPO
Enco X
- เคส และหูฟัง มีความมันเงา จึงอาจทำให้เกิดคราบเปื้อน
หรือรอยนิ้วมือได้ง่าย
- เนื่องจากระบบ Touch Control สามารถตอบสนองต่อการสัมผัสได้อย่างฉับไว
จึงอาจส่งผลให้ผู้ใช้กดเปลี่ยนโหมดการทำงาน หรือเปลี่ยนเพลงได้โดยไม่ตั้งใจ
โปรดทราบ
* โทรศัพท์มือถือที่ท่านเห็นในบทความรีวิวนี้เป็นเพียงเครื่องทดสอบจากทางศูนย์ เพราะฉะนั้นคุณสมบัติบางอย่างอาจมีความแตกต่างจากเครื่องที่วางจำหน่ายจริง บ้างไม่มากก็น้อย รวมถึงจุดด้อยบางประการที่พบในเครื่องทดสอบ อาจจะถูกแก้ไขปรับปรุงให้ดีขึ้นในเครื่องที่วางจำหน่ายจริง ดังนั้นหากท่านสนใจซื้อโทรศัพท์มือถือรุ่นนี้ ควรตรวจสอบหรือทดลองใช้งานสินค้าด้วยตนเองอีกครั้งหนึ่ง *
วันที่ : 23/03/2021