ตอนนี้คุณอยู่ที่ >> หน้าแรก >> หน้ารวม รีวิวมือถือ mobile review >> รีวิวมือถือ Mobile Review
   
Date : 11/10/2022

 

รีวิว OPPO A17 สมาร์ตโฟนรุ่นประหยัดในงบ 5,000 ฟีเจอร์ครบครัน บนดีไซน์สัมผัสหนังสุดพรีเมียม

11 ตุลาคม 2022 - ในยุคที่เศรษฐกิจไม่ค่อยจะสู้ดีเช่นนี้ แบรนด์สมาร์ทโฟนหลายแบรนด์เน้นมาทำตลาดสมาร์ทโฟนราคาย่อมเยาจับต้องง่ายอย่างเต็มรูปแบบ และปล่อยสมาร์ตโฟนรุ่นประหยัดออกมาเป็นตัวเลือกหลายต่อหลายรุ่น ล่าสุดแบรนด์ดังอย่าง OPPO ก็ได้ส่งสมาร์ตโฟนรุ่นเล็กราคาประหยัดลงสนามเพิ่มเติม ด้วยดีไซน์ที่ปรับปรุงใหม่หมด ซึ่งก็คือ OPPO A17 ที่เรานำมารีวิวให้ได้ชมกันในวันนี้ครับ

OPPO A17 เป็นสมาร์ตโฟนราคาประหยัดที่เน้นตอบโจทย์การใช้งานทั่วไปบนดีไซน์ตัวเครื่องที่สวยงามน่าใช้แบบ Geometric Ultra-Slim Retro โดยมากับหน้าจอแสดงผลขนาดใหญ่ 6.56 นิ้ว ความละเอียดระดับ HD+ ที่รองรับคอนเทนต์ได้ทุกประเภท ไม่ว่าจะเป็นโซเชียลมีเดีย, ดูหนัง หรือเล่นเกม บนบอดี้กันน้ำมาตรฐาน IPX4 ที่ปกป้องชิ้นส่วนภายในจากหยดน้ำกระเซ็นได้อย่างมั่นใจ พร้อมฝาหลังแบบ Premium Leather-Feel design ที่ให้สัมผัสคล้ายหนัง จับถือง่าย และไม่เป็นรอยนิ้วมือ

สำหรับสเปกภายใน OPPO A17 มีหัวใจในการขับเคลื่อนเป็นชิปเซ็ต MediaTek Helio G35 ที่ประหยัดพลังงาน และจัดการกับงานทั่วไปได้เป็นอย่างดี โดยมีหน่วยความจำ RAM ขนาด 4GB ที่มีฟีเจอร์ RAM Expansion ซึ่งสามารถยืมพื้นที่จากหน่วยความจำ (ROM) ที่ว่างมาเป็น RAM เสริมได้สูงสุด 4GB รวมเป็น 8GB ช่วยให้การทำงานลื่นไหลยิ่งขึ้น พร้อมกันนี้ ยังมากับหน่วยความจำภายใน (ROM) แบบ eMMC 5.1 ขนาด 64GB สำหรับติดตั้งแอปพลิเคชัน และเก็บไฟล์ พร้อมรองรับการ์ด microSD ได้อีกสูงสุดที่ขนาด 1TB และที่สำคัญ OPPO A17 ยังตอบโจทย์การใช้งานตลอดทั้งวันด้วยแบตเตอรี่ความจุ 5,000mAh

 

แม้จะเป็นสมาร์ตโฟนราคาประหยัด แต่เรื่องการถ่ายภาพ OPPO A17 ก็จัดมาให้ค่อนข้างดี ด้วยกล้องหลังความละเอียดสูงถึง 50MP พร้อมฟีเจอร์การถ่ายภาพครบครัน ไม่ว่าจะเป็น HDR, Portrait Retouching ไปจนถึงฟิลเตอร์สำหรับภาพถ่าย และวิดีโอ ส่วนกล้องหน้ามีความละเอียด 5MP

นอกจากคุณสมบัติข้างต้นแล้ว OPPO A17 ยังมีเซนเซอร์สแกนลายนิ้วมือที่ด้านข้างตัวเครื่อง และระบบเสียง Dirac 3.0 พร้อมโหมด Ultra-Volume ที่เพิ่มความกระหึ่มให้กับลำโพงไปอีกขั้นด้วย

จากที่กล่าวมา จัดว่า OPPO A17 เป็นสมาร์ตโฟนน้องเล็กที่มีเสน่ห์ไม่เบา ในราคาเพียง 5,499 บาท ส่วนการใช้งานจริงจะเป็นอย่างไรนั้น เราไปติดตามกันต่อใน รีวิว OPPO A17 โดยทีมงาน Thaimobilecenter ได้เลยครับ


รูปลักษณ์ภายนอกตัวเครื่อง และการออกแบบดีไซน์

OPPO A17 มากับหน้าจอแสดงผล LCD ขนาด 6.56 นิ้ว ซึ่งมีอัตราการรีเฟรชในระดับมาตรฐานที่ 60Hz ความละเอียด HD+ (1612x720) พร้อมแสดงผลช่วงสี DCI-P3 กับ sRGB ได้ 100%, ความสว่างของหน้าจอสูงสุด 600 nits ซึ่งสามารถสู้แสงในที่กลางแจ้งได้ค่อนข้างดี โดยกล้องหน้าของ OPPO A17 จะติดตั้งบนหน้าจอแสดงผลในรูปแบบ Waterdrop มีความละเอียด 5MP พร้อมรูรับแสงขนาด f/2.2


ฝาหลังมีผิวสัมผัสเสมือนหนังแท้ สร้างขึ้นด้วยเทคนิค Composite Processing พื้นผิวด้านในมีลายนูนด้วยเม็ดหนังสีอ่อน และยังมีการเคลือบรังสี UV ชั้นนอก จึงไม่เป็นคราบรอยนิ้วมือ และกันฝุ่นได้ดีกว่าผิวเคลือบอื่น ๆ โดยเครื่องที่นำมารีวิวนี้เป็นสีฟ้า Lake Blue


สำหรับการถ่ายภาพ และวิดีโอ OPPO A17 จะใช้ชุดกล้องหลัง 2 ตัว (Dual Camera) ซึ่งประกอบไปด้วย

- กล้องตัวที่ 1 แบบ Wide ความละเอียด 50 ล้านพิกเซล พร้อมรูรับแสงขนาด f1.8, มุมรับภาพ 77 องศา, ระบบโฟกัสอัตโนมัติแบบ PDAF, มอเตอร์ระบบโฟกัสแบบ Open-Loop Focus Motor และโครงสร้างแบบ 5 ชิ้นเลนส์
- กล้องตัวที่ 2 แบบ Depth ความละเอียด 2 ล้านพิกเซล พร้อมรูรับแสงขนาด f2.8, มุมรับภาพ 60 องศา และโครงสร้างแบบ 2 ชิ้นเลนส์


ขอบรอบตัวเครื่องได้รับการออกแบบมาให้เป็นสันแบนเข้ากับเทรนด์ในปัจจุบัน ตัวเครื่องบาง และเบาด้วยความหนาเพียง 8.29 มิลลิเมตร และน้ำหนักเพียง 189 กรัม สามารถถือใช้งานมือเดียว หรือใส่ในกระเป๋าเสื้อได้สบาย โดยปุ่มปรับระดับเสียงกับปุ่มล็อกหน้าจอที่สแกนนิ้วได้จะอยู่ที่ด้านขวา ในขณะที่ด้านซ้ายจะมีช่องใส่ซิมการ์ด


ด้านบนของตัวเครื่องไม่ได้ติดตั้งโมดูลใด ๆ ส่วนด้านล่างจะมีช่องหูฟัง 3.5 มิลลิเมตร, พอร์ต microUSB และช่องลำโพง โดยลำโพงเสียงจะเป็นแบบลำโพงเดี่ยว


สำหรับถาดใส่ซิมการ์ดจะเป็นแบบ Triple Slot ซึ่งสามารถใส่ซิมการ์ดแบบ Nano SIM ได้พร้อมกัน 2 ใบ และใส่การ์ดหน่วยความจำเสริมแบบ microSD ได้ด้วย


ส่วนอุปกรณ์ภายในกล่องประกอบด้วย เคส TPU, สาย microUSB, อะแดปเตอร์ชาร์จแบตเตอรี่, เข็มถอดถาดซิมการ์ด และคู่มือการใช้งาน


เปิดเครื่อง พร้อมทดสอบการใช้งานด้านซอฟต์แวร์

OPPO A17 มาพร้อมกับระบบปฏิบัติการ Android 12 ที่ถูกครอบทับด้วย ColorOS 12.1 ดีไซน์ของอินเทอร์เฟซดูนุ่มนวล สบายตา หากใครเคยใช้สมาร์ตโฟนของ OPPO มาก่อนก็จะคงจะคุ้นเคยกันดี


หากต้องการปรับหน้าตาของอินเทอร์เฟซ สามารถกดค้างบนที่ว่างในหน้าจอโฮมเพื่อเข้าสู่โหมดการตั้งค่าได้ ซึ่งสามารถเลือกเปลี่ยนได้อย่างอิสระไม่ว่าจะเป็นวอลเปอร์, ไอคอน, วิดเจ็ต, แอนิเมชันการเปลี่ยนหน้า และอื่น ๆ


หรือถ้าต้องการธีมสวย ๆ ก็สามารถดาวน์โหลดได้จากแอป ร้านค้าธีม ซึ่งมีให้เลือกมากมายหลายแบบ โดยมีราคาอยู่ที่ประมาณ 20 บาทขึ้นไป


แม้จะเป็นสมาร์ตโฟนระดับเริ่มต้น แต่ก็มี โหมดกลางคืน ให้ใช้งาน ช่วยลดอาการปวดตาเมื่อใช้งานในเวลากลางคืน สามารถตั้งเวลาเปิด-ปิดอัตโนมัติได้


นอกจากนี้ ยังสามารถเปิดใช้แถบดำด้านบนหน้าจอเพื่อซ่อนรอยบากได้ด้วย


นอกจากการตั้งค่าทั่วไป ยังมี ตัวจัดการโทรศัพท์ ที่ช่วยล้างไฟล์ขยะ, ปิดกั้นเบอร์แปลก, สแกนไวรัส และตรวจสอบการใช้ดาต้า เป็นต้น สามารถกดปุ่ม เพิ่มประสิทธิภาพ เพื่อให้ระบบจัดการทุกอย่างในคราวเดียวได้แบบง่าย ๆ



ส่วนฟังก์ชันพื้นฐานอย่างการโทร มีอินเทอร์เฟซที่สะอาด เข้าใจง่าย ไม่ได้มีฟังก์ชันพิเศษหรือหวือหวา


ในส่วนของฟังก์ชันด้านความปลอดภัย OPPO A17 รองรับการสแกนลายนิ้วมือบนหน้าจอ และการสแกนใบหน้า


และยังมีฟีเจอร์ที่น่าสนใจอย่าง การล็อกแอป ที่จะต้องยืนยันตัวตนด้วยรหัสผ่านก่อนเข้าใช้งาน โดยรหัสผ่านจะถูกตั้งขึ้นมาใหม่และไม่ซ้ำกับรหัสล็อกหน้าจอ และฟีเจอร์ ซ่อนแอป ที่จะทำให้แอปซ่อนตัวโดยไม่แสดงบนหน้าจอ, ไม่ถูกเก็บในประวัติการเปิดล่าสุด และไม่แสดงแจ้งเตือน โดยผู้ใช้จะต้องกดรหัสจากหน้าการโทรเพื่อแสดงแอปที่ซ่อนอยู่ เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการความเป็นส่วนตัวในระดับที่เหนือกว่า


สำหรับฟังก์ชันความบันเทิง OPPO A17 จะมีแอปสำหรับเล่นเพลงมาให้แล้ว พร้อมฟีเจอร์ Real Sound ช่วยปรับ EQ ให้เข้ากับคอนเทนต์รูปแบบต่าง ๆ


หากใครชอบฟังเพลงแบบกระหึ่ม OPPO A17 มีฟีเจอร์ Ultra-Volume Mode ที่จะทำให้ลำโพงดังทะลุขีดจำกัดไปอีกหนึ่งระดับ สามารถเปิดใช้งานได้ตลอดเวลาเพียงแค่กดปุ่มเพิ่มเสียงจนสุด แล้วกดปุ่มเพิ่มเสียงอีกครั้ง


ส่วนวิดีโอ OPPO A17 ก็มีแอปมาให้แล้วเช่นกัน แต่ก็มีเพียงฟังก์ชันพื้นฐานให้ใช้งาน


แม้จะเป็นสมาร์ตโฟนรุ่นเล็กที่เน้นการใช้งานทั่วไป แต่ก็มีฟีเจอร์เสริมสำหรับการเล่นเกมติดมาด้วย โดยมีแอปสำหรับรวมเกมทุกเกมที่ติดตั้งในเครื่องไว้ในที่เดียว พร้อมแสดงสถิติการเล่นของเราในช่วงที่ผ่านมา


เมื่ออยู่ในเกม สามารถเรียกเมนูตัวช่วยในการเล่นเกมออกมาได้ด้วยการปัดนิ้วจากขอบจอด้านซ้าย โดยจะมีตัวเลือกให้ปิดกั้นการโทรและการแจ้งเตือน, เปลี่ยนโหมดประสิทธิภาพ, เปลี่ยนเสียงเมื่อพูดออกไมค์ และอื่น ๆ


หรือถ้าใครต้องการเล่นเกมโดยไม่มีอะไรมาขัด ก็มี โหมดโฟกัสเกม ให้ใช้งาน ซึ่งจะปิดกั้นกิจกรรมทุกอย่างที่อาจรบกวนการเล่น ไม่ว่าจะเป็นแจ้งเตือน, สายโทรเข้า หรือแม้กระทั่งนาฬิกาปลุก และปิดการใช้งานตัวช่วยในการเล่นเกมไปด้วยเพื่อไม่ให้เผลอปัดมือไปโดน


ส่วนประสิทธิภาพในการเล่นเกม เราได้เลือกทดสอบด้วยเกม 2 เกม ได้แก่ PUBG Mobile และ RoV โดยตั้งค่ากราฟิกของแต่ละเกมไว้ดังนี้ :


การตั้งค่าเกม PUBG Mobile


การตั้งค่าเกม RoV


ใน แง่ของสเปก OPPO A17 ไม่ได้ออกแบบมาเพื่อการเล่นเกมอย่างจริงจังอยู่แล้ว แต่ก็ยังเล่นเกมที่เลือกมาทดสอบได้ในระดับที่ค่อนข้างน่าพอใจ โดยเกม PUBG Mobile จะมีเฟรมเรตอยู่ที่ประมาณ 15-20 FPS และมีการตอบสนองต่อการควบคุมได้ดี แม้จะไม่ได้ลื่นมากแต่ก็ไม่ถึงกับทำให้เราเสียเปรียบมากนัก ส่วนเกม RoV จะมีกระตุกในจังหวะโหลดเข้าเกม แต่เมื่อเข้าสู่แมตช์แล้วก็ไม่มีกระตุกอีกเลยจนกระทั่งจบเกม แม้ว่าจะอยู่ในจังหวะชุลมุนก็ไม่มีปัญหา แต่ทั้งนี้ก็ต้องแลกมากับกราฟิกที่ต้องปรับต่ำสุด โดยรวมแล้วเหมาะกับการเล่นเกมฆ่าเวลามากกว่า ไม่ค่อยเหมาะกับการเล่นแบบจริงจังเท่าไหร่ครับ


มาดูในส่วนของการทดสอบประสิทธิภาพเชิงเทคนิคกันบ้างครับ เริ่มกันที่ผลการทดสอบ Benchmark บน AnTuTu ของ OPPO A17 ซึ่งได้คะแนนรวมที่ 114119 คะแนน


และผลการทดสอบ Benchmark บน Geekbench 5 แบบ Single-Core ได้ 155 คะแนน และแบบ Multi-Core ได้ 944 คะแนน


OPPO A17 ใช้ชิปเซ็ตประมวลผล MediaTek Helio G35 แบบ 8-แกน (Octa-Core) ความเร็วสูงสุด 2.3 GHz สำหรับหน่วยประมวลผลกราฟิก (GPU) จะเป็น PowerVR Rogue GE8320 โดยมี RAM 4GB และ ROM 64GB


สำหรับเซนเซอร์ในเครื่อง OPPO A17 ประกอบด้วย Accelerometer Sensor, Light Sensor, Proximity Sensor, Sound Sensor, Magnetic Sensor, Orientation Sensor ส่วนหน้าจอแสดงผลรองรับการสัมผัสได้พร้อมกันสูงสุด 10 จุด


การระบุตำแหน่ง และนำทาง สามารถใช้งานได้อย่างมีประสิทธิภาพ ด้วยการรองรับระบบดาวเทียมชั้นนำของโลกครบครัน ทั้ง GPS+A-GPS, Glonass, BeiDou และ Galileo


การใช้งานกล้องสำหรับถ่ายภาพ และวิดีโอ

โหมดการถ่ายภาพหลักจะเป็นโหมด รูปถ่าย ซึ่งมีระบบ AI Dazzling Color ช่วยเพิ่มความสดใสให้สีสันในภาพ ซึ่งจะเปิดหรือปิดใช้งานก็ได้ พร้อมกันนี้ยังมีฟิลเตอร์ และเอฟเฟกต์บิวตี้ให้ใช้ แต่ไม่มีเอฟเฟกต์โบเก้


การถ่ายวิดีโอสามารถบันทึกได้ที่ความละเอียดสูงสุด Full HD 1080p ที่เฟรมเรต 30fps และมีเอฟเฟกต์บิวตี้ให้ใช้งานด้วย


ที่น่าสนใจคือมีโหมด โปร ให้ใช้งานด้วย โดยในโหมดนี้จะเปิดโอกาสให้ผู้ใช้ตั้งค่าการถ่ายรูปได้อย่างอิสระ ไม่ว่าจะเป็นค่า ISO, Shutter Speed, การชดเชยแสง, หรือ White Balance


และยังมีโหมด กลางคืน ด้วย ซึ่งจะช่วยให้ภาพถ่ายกลางคืนดูสว่างและมีรายละเอียดมากขึ้น แต่ก็ไม่ได้มีลูกเล่นอะไรเป็นพิเศษ


โหมด Portrait หรือโหมด รูปคน จะมีให้ใช้เฉพาะกล้องหน้าเท่านั้น โดยสามารถเปิดใช้ฟิลเตอร์, เอฟเฟกต์บิวตี้ และปรับระดับการเบลอฉากหลังได้


ตัวอย่างภาพถ่ายจากกล้องหลังของ OPPO A17

ตัวอย่างภาพถ่ายจากโหมดอัตโนมัติ


ตัวอย่างภาพถ่ายจากโหมดกลางคืน


ตัวอย่างภาพถ่ายเซลฟี่จากกล้องหน้าความละเอียด 5 ล้านพิกเซล ของ OPPO A17

ตัวอย่างภาพถ่ายจากโหมด Portrait


สรุปผลการทดสอบของ OPPO A17

จากที่มีโอกาสได้ใช้งาน OPPO A17 มาระยะหนึ่ง ความประทับใจแรกที่มีต่อสมาร์ตโฟนรุ่นนี้ก็คือดีไซน์ที่ดูดีเกินราคา แม้จะเป็นสมาร์ตโฟนระดับเริ่มต้น แต่การออกแบบขอบตัวเครื่องแบบสันแบน และฝาหลังที่ให้สัมผัสคล้ายหนัง ก็ทำให้สมาร์ตโฟนรุ่นนี้ดูพรีเมียมน่าใช้งานขึ้นมาก ในสไตล์แบบ Minimal เรียกว่าหากมองผ่าน ๆ จะไม่รู้เลยว่าเป็นสมาร์ตโฟนราคาประหยัด และยังทำความสะอาดง่าย ไม่เป็นรอยนิ้วมืออีกด้วย

 

และด้วยคุณสมบัติทั้งหมดที่กล่าวมา OPPO A17 ถือว่าเป็นสมาร์ตโฟนรุ่นเล็กที่มีดีไซน์สวยหรูทันสมัย น่าใช้งาน ถ่ายรูปได้ดี เหมาะสำหรับผู้ที่กำลังมองหาสมาร์ตโฟนราคาไม่แพงในงบประมาณ 5-6 พันบาท เพื่อใช้งานทั่วไปครับ

สุดท้ายนี้ ต้องขอขอบคุณ OPPO ประเทศไทย ที่ให้ความไว้วางใจส่งเครื่อง OPPO A17 มาให้ทางทีมงานได้รีวิวกันในโอกาสนี้ สำหรับวันนี้ก็คงต้องขอลาไปก่อน แล้วพบกันได้ใหม่ในรีวิวรุ่นต่อไป สวัสดีครับ


รายละเอียดการวางจำหน่ายของ OPPO A17

OPPO A17 มีราคาจำหน่ายอย่างเป็นทางการในประเทศไทยที่ 5,499 บาท มีให้เลือก 2 สี ได้แก่ สีฟ้า Lake Blue และ สีดำ Midnight Black ท่านใดที่สนใจ สามารถเป็นเจ้าของได้แล้ววันนี้ที่ OPPO Brand Shop และตัวแทนจำหน่ายทั่วประเทศ


สรุปคุณสมบัติของ OPPO A17


- ดีไซน์ตัวเครื่องแบบ Geometric Ultra-Slim Retro พร้อมฝาหลังหนังเทียม (Premium Leather-Feel Design) ด้วยหนังเทียมแบบชิ้นเดียว (One-Piece Faux Leather) และมีคุณสมบัติของการป้องกันคราบสกปรก กับรอยนิ้วมือ
- มีคุณสมบัติของการทนน้ำในระดับ IPX4 (ละอองน้ำ)
- มี 2 สีมาตรฐานให้เลือก (สีฟ้า-Lake Blue และสีดำ-Midnight Black)
- จอแสดงผลแบบ IPS LCD ขนาด 6.56 นิ้ว ความละเอียดระดับ HD+ (1612x720 พิกเซล : 269 PPI) พร้อมอัตราการรีเฟรชสูงสุดที่ 60 Hz, อัตราการตอบสนองต่อระบบสัมผัสสูงสุดที่ 120 Hz, พื้นที่แสดงผล 89.8%, รองรับช่วงสีแบบ DCI-P3 กับ sRGB ได้ 100% และรองรับช่วงสีแบบ NTSC ได้ 96%
- ประมวลผลด้วยชิปเซ็ต MediaTek Helio G35 (MT6765)
- หน่วยประมวลผลกราฟิก (GPU) PowerVR GE8320 (IMG GE8320)
- หน่วยความจำแรม (RAM) แบบ LPDDR4X ขนาด 4 GB พร้อมฟีเจอร์ Extended RAM สำหรับช่วยเพิ่มขนาดหน่วยความจำ RAM เสมือน (Virtual RAM) ได้สูงสุด 4 GB
- หน่วยความจำภายในสำหรับเก็บบันทึกข้อมูล (ROM) แบบ eMMC 5.1 ขนาด 64 GB
- รองรับการ์ดหน่วยความจำเสริมแบบ microSD ได้สูงสุดที่ขนาด 1 TB
- แบตเตอรี่ความจุ 5,000mAh พร้อมระบบชาร์จแบตเตอรี่แบบ 10W, โหมด Super Power Saving และโหมด Super Nighttime Standby
- ทำงานอยู่บนระบบปฏิบัติการ Android 12 พร้อมครอบทับด้วย ColorOS 12.1.1

----------------------------------------

กล้องตัวหลักแบบคู่ (Dual Camera) ที่ด้านหลังตัวเครื่อง ประกอบด้วย

- กล้องตัวที่ 1 แบบ Wide ความละเอียด 50 ล้านพิกเซล พร้อมรูรับแสงขนาด f1.8, มุมรับภาพ 77 องศา, ระบบโฟกัสอัตโนมัติแบบ PDAF, มอเตอร์ระบบโฟกัสแบบ Open-Loop Focus Motor และโครงสร้างแบบ 5 ชิ้นเลนส์
- กล้องตัวที่ 2 แบบ Depth ความละเอียด 2 ล้านพิกเซล พร้อมรูรับแสงขนาด f2.8, มุมรับภาพ 60 องศา และโครงสร้างแบบ 2 ชิ้นเลนส์

พร้อมโหมด Night, โหมด Expert และรองรับการบันทึกวิดีโอที่ความละเอียดระดับ 1080P FHD (30 fps)

กล้องด้านหน้าความละเอียด 5 ล้านพิกเซล

พร้อมรูรับแสงขนาด f2.2, มุมรับภาพ 76.8 องศา, โหมด Portrait, ฟีเจอร์ Selfie HDR, ฟีเจอร์ AI Portrait Retouching, ฟีเจอร์ 360° Fill Light และรองรับการบันทึกวิดีโอที่ความละเอียดสูงสุดระดับ 1080P FHD (30 fps)

-----------------------------------------

- เซนเซอร์สแกนลายนิ้วมือที่ด้านข้างตัวเครื่อง (Side Mounted Fingerprint Sensor) พร้อมระบบจดจำใบหน้า (Face Recognition)
- เชื่อมต่อเทอร์เน็ตผ่านทางระบบ Wi-Fi 5, 4G LTE, 3G WCDMA และ 2G EDGE/GPRS
- รองรับการใช้งานระบบซิมคู่ (Dual SIM : Nano SIM + Nano SIM) บนถาดแบบ Triple Slot
- ระบุตำแหน่ง และนำทางด้วยระบบดาวเทียม GPS+A-GPS, Glonass, BeiDou และ Galileo
- เชื่อมต่อข้อมูลแบบไร้สายผ่านทาง Bluetooth 5.3
- พอร์ตเชื่อมต่อแบบ microUSB พร้อมรองรับ USB OTG (USB On-The-Go)
- พอร์ตหูฟังขนาด 3.5 มิลลิเมตร
- โหมด Ultra-Volume
- ฟีเจอร์ Five-Grade Access Control, Three-Finger Translate with Google Lens และ FlexDrop
- ราคา 5,499 บาท ถือว่าเป็นราคาที่ประหยัด จับต้องได้ง่าย

 

จุดที่อาจจะต้องพิจารณาเพิ่มเติมของ OPPO A17

- กล้องหลังไม่มีโหมด Portrait
- ยังคงใช้พอร์ตแบบ microUSB ไม่ใช่ USB Type-C
- ไม่รองรับการใช้งานร่วมกับเครือข่าย 5G
- ชาร์จแบตเตอรี่ด้วยกำลังไฟ 10W ซึ่งถือว่าไม่เร็วนักเมื่อเทียบกับแบตเตอรี่ขนาด 5,000mAh
- จอแสดงผลมีความละเอียดที่ระดับ HD+


สรุปคุณสมบัติเครื่อง

ท่านสามารถตรวจสอบคุณสมบัติ (สเปก) และราคา ของ OPPO A17 ได้ที่ลิงก์ด้านล่างนี้

สรุปคุณสมบัติ (สเปก) และราคา ของ OPPO A17

 

โปรดทราบ

* โทรศัพท์มือถือที่ท่านเห็นในบทความรีวิวนี้ เป็นเพียงเครื่องทดสอบจากผู้ผลิต เพราะฉะนั้นคุณสมบัติบางอย่างอาจแตกต่างจากเครื่องที่วางจำหน่ายจริง รวมถึงจุดด้อยบางประการที่พบในเครื่องทดสอบ อาจถูกแก้ไขให้ดีขึ้นแล้วในเครื่องที่วางจำหน่ายจริง ดังนั้นหากท่านสนใจซื้อโทรศัพท์มือถือรุ่นนี้ ควรตรวจสอบ หรือทดลองใช้งานสินค้าด้วยตนเองอีกครั้งหนึ่งเพื่อความมั่นใจ *

 

วันที่ : 11/10/2022

Cookie Consent

Our website uses cookies to provide your browsing experience and relavent informations.Before continuing to use our website, you agree & accept of our Cookie Policy & Privacy