รีวิว (Review) OnePlus 8T 5G
เรือธงใหม่ใส่จอ 120Hz พร้อมชิปตัวท็อป บวกพลังชาร์จ 65W กับ 5 กล้อง และลำโพงคู่ ด้วยจอ Fluid AMOLED ลื่นระดับ 120Hz, ชิปเซ็ต Snapdragon 865 แรงขั้นสุด + RAM สูงสุด 12GB, แบตเตอรี่ Warp Charge 65 จุใจ 4500 mAh, กล้อง 4 ตัว 48MP ผสานกล้องหน้า 16MP, ลำโพงคู่ Dolby Atmos และ Android 11 บนบอดี้เรียบหรูพรีเมียม
22 ตุลาคม 2020 - สำหรับท่านที่ติดตามวงการสมาร์ทโฟนมานาน จะทราบว่าโดยปกติแล้ว OnePlus จะเปิดตัวสมาร์ทโฟนระดับเรือธงให้เห็นกันทั้งหมด 2 ครั้งต่อปี โดยเมื่อต้นปีที่ผ่านมา ได้มีการเปิดตัวสมาร์ทโฟนระดับ Super Flagship อย่าง OnePlus 8 และ OnePlus 8 Pro ให้ได้เห็นกัน ซึ่งล่าสุดนี้ก็ได้มีการเปิดตัวสมาร์ทโฟน Super Flagship รุ่นอัปเกรดล่าสุดในชื่อ OnePlus 8T 5G พร้อมกับมีการนำเข้ามาวางจำหน่ายในประเทศไทยอย่างเป็นทางการด้วย
สำหรับ OnePlus 8T 5G มีการอัปเกรดจากรุ่น OnePlus 8 Series หลายจุด เริ่มตั้งแต่ การเปลี่ยนไปใช้หน้าจอ Fluid AMOLED แบบใหม่ ที่นอกเหนือจากขอบหน้าจอจะเป็นแบบแบนเรียบเพื่อให้จับถือได้อย่างถนัดมือมากขึ้นแล้ว ยังอัปเกรดค่า Refresh Rate ให้สูงขึ้นไปที่ระดับ 120Hz ช่วยให้การแสดงผลเป็นไปอย่างลื่นไหลเนียนตามากกว่าเดิม รวมทั้งยังมาพร้อมกับนวัตกรรมการชาร์จแบตเตอรี่ความเร็วสูงแบบ Warp Charge 65 ซึ่งชาร์จด้วยกำลังไฟสูงสุด 65W เป็นครั้งแรกของ OnePlus อีกด้วย
ส่วนคุณสมบัติด้านอื่นๆ ก็ยังจัดเต็มมาให้ตามสไตล์สมาร์ทโฟนเรือธงของ OnePlus ไม่ว่าจะเป็น ชิปเซ็ตตัวท็อปอย่าง Qualcomm Snapdragon 865, หน่วยความจำภายใน (ROM) แบบ UFS 3.1 2-LANE ขนาดสูงสุด 256GB, หน่วยความจำ RAM สูงสุดขนาด 12GB, กล้องหลังจำนวน 4 ตัว ไปจนถึงระบบปฏิบัติการ OxygenOS 11 เวอร์ชันใหม่ล่าสุดที่มีพื้นฐานการพัฒนามาจากระบบปฏิบัติการ Android OS 11 เวอร์ชันล่าสุด และนอกจากด้านการประมวลผลที่เร็วแรงเป็นพิเศษแล้ว ด้านความบันเทิงก็พกมาด้วยเช่นกัน ด้วยลำโพงคู่ Dolby Atmos ที่ให้เสียงไพเราะมีมิติกว่าลำโพงแบบเดี่ยวนั่นเอง
สำหรับตัวเครื่องจริงของ OnePlus 8T 5G จะเป็นอย่างไร
และจะมีฟีเจอร์อะไรให้ใช้งานบ้างนั้น ไปติดตามรีวิวจากทีมงาน Thaimobilecenter
กันเลยดีกว่าครับ
รูปลักษณ์ภายนอกตัวเครื่อง และการออกแบบดีไซน์
OnePlus 8T 5G มาพร้อมกับกล่องผลิตภัณฑ์สีแดงอันเป็นเอกลักษณ์ของ OnePlus โดยที่ด้านบนของกล่องมีการประทับชื่อรุ่น 8T ให้เห็นแบบเด่นชัด
สำหรับอุปกรณ์ที่แถมมาให้ภายในกล่องผลิตภัณฑ์ ประกอบไปด้วย คู่มือการใช้งาน, เอกสารด้านความปลอดภัย, Invitation Letter จดหมายจาก Pete Lau ซีอีโอ ของ OnePlus เพื่อต้อนรับแฟนๆ ผู้ใช้เข้าสู่สังคมของ OnePlus, สติกเกอร์, เข็มจิ้มถาดใส่ซิมการ์ด, อแดปเตอร์สำหรับชาร์จแบตเตอรี่ และสาย USB Type-C สีแดง สำหรับใช้งานร่วมกับอแดปเตอร์ชาร์จแบตเตอรี่ และโอนถ่ายข้อมูลภายในตัวเครื่อง โดยในรุ่น OnePlus 8T 5G จะไม่มีเคสใสแถมมาให้ภายในกล่องผลิตภัณฑ์เหมือนกับรุ่น OnePlus 8 Pro แต่อย่างใด
มาดูที่ตัวเครื่องกันบ้าง OnePlus 8T 5G มาพร้อมกับหน้าจอ Fluid AMOLED ขอบไม่โค้ง ขนาด 6.55 นิ้ว ความละเอียดระดับ Full HD+ ที่มีการอัปเกรดค่า Refresh Rate ให้สูงขึ้นเป็น 120Hz ช่วยให้การแสดงผลดูมีความลื่นไหลมากยื่งขึ้น นอกจากนี้ หน้าจอของ OnePlus 8T 5G ยังรองรับการแสดงผลตามขอบเขตสีแบบ sRGB และ DCI-P3 รวมถึงรองรับการแสดงผลแบบ HDR 10+ และที่สำคัญยังได้รับการการันตีคุณภาพจากองค์การทดสอบด้านหน้าจอแสดงผลอย่าง DisplayMate ในระดับ A+ อีกด้วย
ที่ด้านบนของหน้าจอแสดงผลมาพร้อมกับกล้องหน้า เซลฟี่แบบเจาะรู ความละเอียด 16 ล้านพิกเซล เซ็นเซอร์รับภาพ Sony IMX471 และขนาดของรูรับแสงกว้าง f/2.4 นอกจากนี้ ยังเป็นพื้นที่สำหรับติดตั้งลำโพงสนทนาที่ทำหน้าที่เป็นลำโพงเสียงตัวที่สอง รวมถึงเซ็นเซอร์สำคัญต่างๆ ได้แก่ Ambient Light ที่สามารถปรับแสงของหน้าจอให้เหมาะสมกับสภาพแวดล้อมได้มากถึง 8,192 ระดับ
ที่ด้านล่างของหน้าจอแสดงผลมาพร้อมกับปุ่มควบ คุมแบบสัมผัสบนหน้าจอ ประกอบไปด้วย ปุ่ม Back สำหรับย้อนกลับ, ปุ่ม Home สำหรับกลับไปยังหน้าโฮมสกรีน และปุ่ม Recent Apps สำหรับเรียกดูแอปพลิเคชันทั้งหมดที่เปิดใช้งาน
รวมทั้งยังมีเซ็นเซอร์สแกนลายนิ้วมือติดตั้งเอา ไว้ที่ตำแหน่งดังกล่าวอีกด้วย
ที่ด้านซ้ายของตัวเครื่อง มีปุ่มปรับระดับเสียงติดตั้งเอาไว้
ที่ด้านบนของตัวเครื่อง มาพร้อมกับไมโครโฟนตัวที่สองสำหรับตัดเสียงรบกวน
ที่ด้านขวาของตัวเครื่อง ประกอบไปด้วย ปุ่ม Alert Slider สำหรับปรับเปลี่ยนรูปแบบเสียงแจ้งเตือนแบบเร่งด่วน และปุ่ม Power สำหรับเปิด-ปิด เครื่อง หรือล็อกหน้าจอแสดงผล
ที่ด้านล่างของตัวเครื่องประกอบไปด้วย ถาดใส่ซิมการ์ด, พอร์ตเชื่อมต่อแบบ USB-Type C, ไมโครโฟนสำหรับสนทนา และลำโพงเสียงตัวหลัก
ที่ด้านหลังของตัวเครื่องยังคงเลือกใช้ดีไซน์ ที่ยึดหลักมาจากคอนเซ็ปต์ CMF หรือ Color (สีสัน), Material (วัสดุ) และ Finish (การเคลือบผิวสัมผัส) เช่นเดียวกับรุ่น OnePlus 8 Series โดยในครั้งนี้ทาง OnePlus ต้องการให้ผู้ใช้จับถือได้อย่างถนัดมือมากยิ่งขึ้น โดยได้ลดน้ำหนักของตัวเครื่องเหลือเพียง 188 กรัม และมีความบางเฉียบเพียง 8.4 มิลลิเมตรเท่านั้น
ส่วนสีสัน และกระบวนการเคลือบผิวสัมผัสนั้น ทาง OnePlus ต้องการให้บอดี้ของ OnePlus 8T 5G มีผิวสัมผัสที่เรียบหรูคล้ายกับสีขาว Silk White ใน OnePlus One ซึงเป็นมือถือรุ่นแรกของค่าย โดย OnePlus 8T 5G จะมีให้เลือกด้วยกันทั้งหมด 2 เฉดสี ได้แก่ สีเขียว Aquamarine Green ซึ่งเป็นการผสมผสานระหว่างบอดี้ผิวสัมผัสแบบด้าน (Matte) และบอดี้ที่สามารถสะท้อนเล่นกับแสงได้อย่างเงางาม ส่วนอีกหนึ่งสีก็คือ Lunar Silver ที่ทีมงานได้รับมารีวิวในวันนี้ โดยบอดี้จะมีการเคลือบผิวสัมผัสแบบ AG Texture ช่วยให้ผิวสัมผัสมีความด้าน และจับถือได้อย่างถนัดมือโดยไม่ต้องกลัวหล่น
ที่ด้านบนของตัวเครื่อง มากับชุดกล้องถ่ายภาพจำนวน 4 ตัว (Quad Camera) พร้อมไฟแฟลชแบบ Dual LED โดยกล้องแต่ละตัวแบ่งออกเป็น
- กล้อง Ultra Wide Angle ความละเอียด 16 ล้านพิกเซล พร้อมรูรับแสงกว้าง
f/2.2 และมุมรับภาพกว้าง 123 องศา
- กล้องตัวหลัก (Main) ความละเอียด 48 ล้านพิกเซล พร้อมเซนเซอร์รับภาพ Sony
IMX586, รูรับแสงกว้าง f/1.75 และมีระบบป้องกันการสั่นแบบ OIS+EIS
- กล้อง Macro ความละเอียด 5 ล้านพิกเซล
- กล้อง Monochrome ความละเอียด 2 ล้านพิกเซล
เปิดเครื่องใช้งาน พร้อมการทดสอบฟังก์ชัน และแอปพลิเคชันต่างๆ
OnePlus 8T 5G มาพร้อมกับระบบปฏิบัติการ Android OS เวอร์ชัน 11 ครอบทับด้วย OxygenOS เวอร์ชัน 11 ใหม่ล่าสุดตั้งแต่แกะกล่อง โดย OnePlus 8T 5G ถือว่าเป็นสมาร์ทโฟนรุ่นแรกๆ ของวงการที่ได้ใช้ระบบปฏิบัติการ Android 11 ก่อนผู้พัฒนาอย่าง Google รวมทั้งยังเป็นมือถือรุ่นแรกๆ ของค่ายที่มาพร้อมกับระบบ OxygenOS 11 ตั้งแต่แกะกล่องอีกด้วย
สำหรับ OxygenOS 11 ยังคงจุดเด่นด้านดีไซน์ที่มีความสะอาดตาคล้ายกับ Stock Android และความลื่นไหลด้วยการใส่ Tweaks เพื่อปรับแต่งประสิทธิภาพให้รวดเร็วยิ่งขึ้น โดยในครั้งนี้ทาง OnePlus ได้เพิ่มฟีเจอร์ใหม่ๆ ให้กับ OxygenOS 11 ด้วย อย่างเช่น หน้าโฮมสกรีนถูกปรับไปใช้วอลเปเปอร์แบบเคลื่อนไหว (Dynamic Wallpaper) ที่จะปรับเปลี่ยนสีสันไปตามเวลา
อีกหนึ่งในสิ่งที่ถูกเพิ่มเข้ามาบน OxygenOS 11 ด้วยนั่นก็คือ Always On Display ซึ่งเป็นการแสดงการแจ้งเตือนต่างๆ ขณะที่หน้าจอแสดงผลดับอยู่ โดยครั้งนี้ทาง OnePlus ได้มีการจับมือร่วมกับ Parsons School of Design ในการพัฒนาหน้า Always On Display ที่มีชื่อว่า Insight โดยมาพร้อมกับจุดเด่นด้านแถบสีพาดตรงกลางตัวเครื่อง ซึ่งเมื่อผู้ใช้ปลดล็อก หรือเปิดใช้งานสมาร์ทโฟนแต่ละครั้ง ระบบจะทำสัญลักษณ์ขีดเอาไว้บนแถบสี เพื่อให้ผู้ใช้ทราบถึงปริมาณการใช้งานสมาร์ทโฟนแต่ละวัน และสามารถนำไปบริหารเวลาใช้งานสมาร์ทโฟนได้อย่างมีประสิทธิภาพนั่นเอง
ในหน้าโฮมสกรีนของ OnePlus 8T 5G มีการจัดวางแอปพลิเคชันพื้นฐานจาก Google มาให้อย่างครบครัน ไม่ว่าจะเป็น Gmail, YouTube, Google Duo หรือ Google Assistant เป็นต้น ส่วนแอปพลิเคชันทั้งหมด จะถูกจัดเก็บเอาไว้ในหน้า App Drawer ซึ่งผู้ใช้สามารถเรียกใช้งานได้อย่างง่ายๆ เพียงแค่ลากนิ้วจากแถบด้านล่างขึ้นไปยังด้านบน
เมื่อลากนิ้วจากด้านบนลงมายังด้านล่าง จะพบกับ Toggle Switch ซึ่งเป็นแหล่งรวมคีย์ลัดสำหรับตั้งค่าตัวเครื่องแบบเร่งด่วน โดยผู้ใช้สามารถปรับแต่งการจัดเรียงไอคอนได้ด้วยตนเองผ่านการแตะที่ไอคอนรูปดินสอ
เมื่อปัดนิ้วไปทางขวาจากหน้าโอมสกรีน จะพบกับ Google Discover ซึ่งเป็นหน้ารวบรวมข่าวสารอัปเดตล่าสุดที่ถูกคัดเลือกมาให้กับผู้ใช้งานแต่ละท่านโดย เฉพาะ เพื่อไม่ให้พลาดทุกข่าวสารสำคัญ
เมื่อกดค้างที่ไอคอนบนหน้าโฮมสกรีน จะพบกับ Shortcuts สำหรับ ซึ่งเป็นคีย์ลัดสำหรับเข้าถึงฟีเจอร์ของแอปพลิเคชันนั้นๆ แบบเร่งด่วน ยกตัวอย่างเช่น หากแตะค้างที่ไอคอน YouTube จะมีตัวเลือกให้ผู้ใช้ค้นหาคลิปวิดีโอที่ต้องการรับชม หรือแตะค้างที่ไอคอน Google Drive เพื่ออัปโหลดไฟล์แบบเร่งด่วน เป็นต้น
มาพร้อมกับแอปพลิเคชัน Game Space สำหรับจัดการแอปพลิเกี่ยวกับเกมโดยเฉพาะ โดยผู้ใช้สามารถเปิดใช้งาน Fnatic Mode สำหรับปรับแต่งการทำงานของ CPU, GPU และ RAM ให้เหมาะสมต่อการเล่นเกม รวมถึงปิดการแจ้งเตือนจากแอปพลิเคชัน และเปิดใช้งาน Mis-touch Preventionสำหรับป้องกันการสัมผัสหน้าจอโดยไม่ได้ตั้งใจ
มาดูที่ลูกเล่นการใช้งานกันบ้าง สำหรับ OnePlus 8T 5G รองรับการใช้งานแบบ 2 ซิมการ์ด พร้อมรองรับการเชื่อมต่อบนเครือข่าย 5G ซึ่งจากที่ทีมงานลองทดสอบใส่ซิมการ์ดของเครือข่าย AIS ก็พบว่า สามารถใช้งาน 5G ในประเทศไทยได้ทันที ไม่ต้องรออัปเดตซอฟต์แวร์เพิ่มเติมแต่อย่างใด
สามารถปรับเปลี่ยนอุณหภูมิสีของหน้าจอได้ผ่าน เมนู Vision Comfort
มาพร้อมกับฟีเจอร์ Reading Mode สำหรับปรับสีสัน และอุณหภูมิสีของหน้าจอให้เหมาะสมกับการอ่านหนังสือ โดยสามารถเลือกปรับได้ทั้งหมด 2 รูปแบบ ได้แก่ Mono Effect สำหรับปรับหน้าจอให้แสดงผลแบบขาว-ดำ และ Chromatic Effect ซึ่งปรับหน้าจอแสดงผลให้อยู่ในโทนอุ่นในขณะที่ยังคงสีสันของภาพเอาไว้
รองรับการใช้งานร่วมกับ Dark Mode สำหรับปรับการแสดงสีสันโดยรวมให้อยู่ในโทนสีดำ เพื่อช่วยให้ใช้งานได้อย่างสบายตา
สามารถปรับสีสันให้ความจัดจ้านมากขึ้นได้อย่าง ง่ายๆ ผ่านเมนู Vibrant Color Effect
สามารถปรับเปลี่ยนขนาดของการแสดงผลได้ทั้งหมด 5 ระดับ
สามารถปรับเปลี่ยนวอลเปเปอร์, Always On Display และอนิเมชันขณะสแกนลายนิ้วมือได้ด้วยตนเองผ่านเมนู Customization
รวมทั้งยังสามารถเปลี่ยนไอคอน, ฟอนท์ และธีมสี ได้อีกด้วย
OnePlus 8T 5G มาพร้อมกับระบบเสียงแบบ Dolby Atmos ซึ่งสมารถปรับรูปแบบการเล่นเสียงได้ทั้งหมด 3 แบบ ได้แก่ Dynamic สำหรับปรับการเล่นเสียงให้เหมาะสมกับคอนเทนต์ที่กำลังเล่นอยู่แบบอัตโนมัติ, Movie สำหรับปรับการเล่นเสียงให้สมจริง เน้นเสียงพูดที่มีความชัดเจน และ Music สำหรับปรับแต่งการเล่นเสียงให้อยู่ในระดับกลาง ไม่หนักไปด้านใดด้านหนึ่ง
มาพร้อมกับ Earphone Mode สำหรับตั้งค่าการทำงานของตัวเครื่องขณะใช้งานหูฟัง เช่น เล่นเพลงอัตโนมัติเมื่อเชื่อมต่อหูฟัง หรือรับสายอัตโนมัติเมื่อกำลังใช้หูฟัง Bluetooth เป็นต้น
Live Caption ฟีเจอร์สำหรับแสดงข้อความตามเสียงพูดของคอนเทนต์ที่กำลังแสดงอยู่ โดยในขณะนี้จะรองรับแค่ภาษาอังกฤษเท่านั้น
สามารถเปลี่ยนวิธีการควบคุมสมาร์ทโฟนได้ทั้งหมด 2 รูปแบบ ได้แก่ การใช้ปุ่ม Navigation Bar และการใช้ Gestures สำหรับลากนิ้วจากขอบข้างตัวเครื่องเพื่อควบคุมสมาร์ทโฟน
มาพร้อมกับฟีเจอร์ Optimized Charging สำหรับปรับรูปแบบการชาร์จไฟให้เหมาะสมกับพฤติกรรมการใช้งาน เพื่อยืดอายุของแบตเตอรี่ให้ใช้งานได้นานยิ่งขึ้น
Digital Wellbeing ฟีเจอร์ที่ถูกออกแบบมาสำหรับผู้ใช้งานสมาร์ทโฟนในยุคปัจจุบันโดยเฉพาะ ผู้ใช้สามารถตรวจสอบปริมาณการใช้งานสมาร์ทโฟนในแต่ละวัน เพื่อนำไปบริหารการใช้งานสมาร์ทโฟนได้อย่างมีประสิทธิภาพ
Parallel Apps สำหรับโคลนแอปพลิเคชันแยกออกจากกัน เพื่อใช้งานแบบ 2 แอคเคานท์
และยังมาพร้อมกับ App Locker สำหรับล็อกแอปพลิเคชันที่ต้องการ ผู้ใช้จำเป็นต้องใส่รหัสผ่าน หรือสแกนลายนิ้วมือ เพื่อเข้าใช้งาน
สำหรับใครที่เพิ่งเปลี่ยนมาใช้ OnePlus 8T 5G ก็สามารถย้ายข้อมูลมาจากสมาร์ทโฟนเครื่องเก่าได้อย่างง่ายๆ ผ่านฟีเจอร์ OnePlus Switch
มาดูที่ประสิทธิภาพการทำงานกันบ้าง สำหรับ OnePlus 8T 5G มาพร้อมกับชิปเซ็ต Qualcomm Snapdragon 865 Octa-Core Processor ประกบคู่การทำงานร่วมกับหน่วยความจำแรม (RAM) แบบ LPDDR4x ในรุ่น 8GB และแบบ LPDDR5 ในรุ่น 12GB พร้อมหน่วยความจำภายใน (ROM) แบบ UFS 3.1 ขนาด 128GB / 256GB พร้อมระบบปฏิบัติการ Android OS เวอร์ชัน 11 ครอบทับด้วย OxygenOS 11 ตั้งแต่แกะกล่อง
ทดสอบประสิทธิภาพการทำงานโดยรวมด้วยแอปพลิเคชัน AnTuTu พบว่า สามารถทำคะแนนได้ทั้งหมด 578,933 คะแนน
ทดสอบประสิทธิภาพการประมวลผลของ CPU ด้วยแอปพลิเคชัน GeekBench 5 พบว่า สามารถทำคะแนนการประมวลผลแบบแกนเดี่ยว (Single-Core) ได้ทั้งหมด 877 คะแนน และทำคะแนนการประมวลผลแบบหลายแกน (Multi-Core) ได้ทั้งหมด 3,103 คะแนน
ทดสอบการประมวลผลของ GPU ด้วยแอปพลิเคชัน 3D Mark พบว่า สามารถทำคะแนนโดยรวมได้ทั้งหมด 3,810 คะแนน
ทดสอบความเร็วในด้านการอ่านเขียนของหน่วยความจำ ภายในด้วยแอปพลิเคชัน AndroBench พบว่ามีความเร็วในการอ่านอยู่ที่ 1,668.81 MB/s และมีความเร็วในการเขียนอยู่ที่ 725.42 MB/s
ด้านการจับสัญญาณ GPS ในที่โล่งแจ้ง พบว่า OnePlus 8T มีความแม่นยำในการจับสัญญาณ +- ไม่เกิน 3 เมตร
แน่นอนว่าด้วยคุณสมบัติภายในตัวเครื่องที่จัด อยู่ในระดับไฮเอนด์ ก็ส่งผลให้การเล่นเกมกราฟิก 3 มิติหนักๆ อย่างเช่น Genshin Impact ทำได้อย่างลื่นไหลแม้ว่าจะปรับกราฟิก และเฟรมเรทในระดับสูงสุด ซึ่งแม้ว่าจะมีอาการสะสมความร้อนให้เห็นบ้างเมื่อเล่นเกมกราฟิกสูงเป็นระยะ เวลานานต่อเนื่อง แต่ก็ไม่ได้ส่งผลต่อเฟรมเรทภายในเกม หรืออาการทัชสกรีนเพี้ยนแต่อย่างใด
นอกจากนี้ ผู้ใช้ยังสามารถเรียกใช้งานคีย์ลัดสำหรับเปิดใช้งาน Fnatic Mode รวมถึงการบันทึกหน้าจอขณะเล่นเกมแบบเต็มหน้าจอได้ เพียงลากนิ้วจากขอบด้านขวาบน
ส่วนการเล่นคอนเทนต์วิดีโอความละเอียดสูง ก็สามารถทำได้อย่างลื่นไหลเช่นเดียวกัน
การใช้งานกล้องสำหรับถ่ายภาพ และวิดีโอ
สำหรับหน้า UI กล้องถ่ายภาพของระบบปฏิบัติการ OxygenOS 11 ยังคงความสะอาดตาเช่นเดียวกับ OxygenOS เวอร์ชันก่อนๆ โดยจะมีการจัดเรียงคีย์ลัดสำหรับตั้งค่าเกี่ยวกับกล้องถ่ายภาพไว้ที่ด้านบน เช่น การหน่วงเวลาถ่ายภาพ, การเปิดใช้งานไฟแฟลช
การเปิดใช้งานโหมดถ่ายภาพแบบ 48MP, การเปิดใช้งานโหมด Super Macro
และการเปิดใช้งานฟิลเตอร์
สามารถสลับเลนส์ถ่ายภาพได้อย่างง่ายๆ เพียงแตะที่ไอคอนรูปต้นไม้
ส่วนที่ด้านล่างจะเป็นโหมดถ่ายภาพแบบต่างๆ เริ่มตั้งแต่ โหมด Portrait ที่ผู้ใช้สามารถเลือกถ่ายภาพบุคคลได้ทั้งหมด 2 ระยะ และสามารถเปิดใช้งานฟีเจอร์ Beauty สำหรับปรับแต่งใบหน้าให้มีความสวยงามเป็นธรรมชาติ
โหมดถ่ายภาพแบบ Panorama สำหรับถ่ายภาพวิวทิวทัศน์ในมุมกว้าง
โหมดถ่ายภาพแบบ Nightscape สำหรับถ่ายภาพกลางคืนให้มีความสว่างคมชัดโดยที่ไม่จำเป็นต้องใช้ขาตั้งกล้อง
โหมดถ่ายภาพแบบ Pro สำหรับปรับแต่งการตั้งค่าต่างๆ เกี่ยวกับกล้องถ่ายภาพด้วยตนเอง และยังสามารถถ่ายภาพเป็นไฟล์ RAW เพื่อนำไปปรับแต่งต่อในแอปพลิเคชันอื่นๆ ได้อีกด้วย
รองรับการถ่ายวิดีโอที่ความละเอียดสูงสุดระดับ 4K ที่ระดับ 60FPS และรองรับการถ่ายวิดีโอร่วมกับกล้องทุกเลนส์
สามารถตั้งค่าต่างๆ เกี่ยวกับการถ่ายวิดีโอได้ด้วย ไม่ว่าจะเป็น การเปิด-ปิด ไฟแฟลช, การเปิด-ปิด โหมด Super Stable สำหรับป้องกันภาพวิดีโอสั่นไหว
สามารถเปิดใช้งานฟิลเตอร์ขณะบันทึกวิดีโอได้
มาพร้อมโหมด Video Portrait สำหรับถ่ายภาพวิดีโอแบบหน้าชัดหลังเบลอ
และ Nightscape สำหรับถ่ายวิดีโอกลางคืนให้มีความสวยงามคมชัด
รองรับการถ่ายวิดีโอแบบ Slow Motion ที่ระดับ 480fps
รองรับการถ่ายวิดีโอแบบ Time-Lapse ที่ความละเอียดสูงสุดระดับ 4K โดยผู้ใช้สามารถถ่ายวิดีโอแบบ Time-Lapse ได้กับกล้องทุกเลนส์
มาดูที่กล้องถ่ายภาพด้านหน้ากันบ้าง โดยที่ด้านบนผู้ใช้สามารถตั้งค่างต่างๆ เกี่ยวกับกล้องถ่ายภาพได้ที่แถบด้านบน ได้แก่ การตั้งเวลาถ่ายภาพ, การเปิดใชงานไฟแฟลช
การเปิดใช้งานฟีเจอร์ Beauty
และการเปิดใช้งานฟิลเตอร์
รองรับการถ่ายภาพแบบหน้าชัดหลังเบลอ ซึ่งผู้ใช้สามารถเปิดใช้งานฟีเจอร์ Beauty ได้พร้อมกันอีกด้วย
สามารถเรียกดูโหมดถ่ายภาพทั้งหมดได้อย่าง ง่ายๆ เพียงแค่ลากนิ้วจากบริเวณแถบสีดำด้านล่างมาที่กลางหน้าจอ
รองรับการถ่ายวิดีโอด้วยกล้องหน้าที่ความ ละเอียดระดับความละเอียดสูงสุดระดับ Full HD
สามารถปรับโทนสีของวิดีโอผ่านฟิลเตอร์ที่มีให้ เลือกใช้งานอย่างหลากหลาย
และรองรับการถ่ายวิดีโอแบบ Time-Lapse ด้วยกล้องหน้า
ตัวอย่างภาพถ่ายจากกล้องหลัง 4 ตัว (Quad Camera) ความละเอียดระดับ 48+16+5+2 ล้านพิกเซล ของ OnePlus 8T 5G
ภาพถ่ายจากโหมดปกติ
ภาพถ่ายจากกล้อง Ultra Wide
ภาพถ่ายจากโหมด Super Macro
ภาพถ่ายจากโหมด Portrait
ตัวอย่างภาพถ่ายจากกล้องหน้า ความละเอียด 16 ล้านพิกเซล ของ OnePlus 8T 5G
ภาพถ่ายจากโหมดปกติ
ภาพถ่ายจากโหมดปกติพร้อมเปิดใช้งานฟีเจอร์ Beauty
ภาพถ่ายจากโหมด Portrait พร้อมเปิดใช้งานฟีเจอร์ Beauty
สรุปผลการทดสอบของ OnePlus 8T 5G
ก็เรียกได้ว่าเป็นอีกหนึ่งสมาร์ทโฟนเรือธงรุ่นปลายปีที่น่าสนใจเลยทีเดียวสำหรับ OnePlus 8T 5G เนื่องจากในครั้งนี้มีการอัปเกรดความสามารถจาก OnePlus 8 Series ให้โดดเด่นขึ้นไปอีกขั้น เริ่มตั้งแต่ การอัปเกรดหน้าจอ Fluid AMOLED ให้มีค่า Refresh Rate ระดับ 120Hz ช่วยให้แสดงผลได้อย่างลื่นไหล และยังได้รับการรับรองจากสถาบัน DisplayMate ให้มีคุณภาพของการแสดงผลอยู่ในระดับ A+, การอัปเกรดระบบชาร์จเป็นแบบ Warp Charge 65 ช่วยให้ผู้ใช้สามารถเติมแบตเตอรี่กลับเข้าสู่ตัวเครื่องได้อย่างรวดเร็วด้วยกำลังไฟมากถึง 65W ตอบโจทย์การใช้งานในยุคปัจจุบันไดัเป็นอย่างดี และนอกจากหน้าจอจะสามารถแสดงผลได้อย่างดีเยี่ยมแล้ว เมื่อทำงานผสานกับลำโพงคู่ Dolby Atmos ก็จะยิ่งได้อรรถรสด้านความบันเทิงอย่างเต็มอิ่มมากขึ้น
ส่วนด้านประสิทธิภาพการทำงาน ยังคงจัดเต็มตามสไตล์มือถือเรือธงจากแบรนด์ OnePlus ด้วยการเลือกใช้ชิปเซ็ตตัวท็อปอย่าง Qualcomm Snapdragon 865 ซึ่งถือว่าเป็นชิปเซ็ตที่มีประสิทธิภาพในการประมวลผลอยู่ในระดับต้นๆ ของชิปเซ็ตสำหรับมือถือยุคปัจจุบัน ประกบคู่กับหน่วยความจำภายในแบบ UFS 3.1 ที่ช่วยให้การบันทึกข้อมูล รวมถึงการอ่านไฟล์ภายในตัวเครื่องเป็นไปอย่างรวดเร็ว หรือการมาพร้อมกับระบบปฏิบัติการ OxygenOS 11 ที่พัฒนาอยู่บนพื้นฐานของระบบปฏิบัติการ Android 11 เวอร์ชันใหม่ล่าสุด และที่สำคัญ OxygenOS ยังถือเป็นอีกหนึ่งในระบบปฏิบัติการที่ขึ้นชื่อเรื่องการอัปเดตต่อเนื่อง และยาวนาน จึงทำให้ผู้ใช้มั่นใจได้ว่าจะไม่โดนลอยแพอย่างแน่นอน
ด้านการถ่ายภาพ OnePlus 8T 5G ชูความโดดเด่นด้วยกล้องหลังจำนวน 4 ตัว ความละเอียดสูงสุด 48 ล้านพิกเซล พร้อมกล้องเลนส์มุมกว้างพิเศษแบบ Ultra Wide Angle ที่มีองศาในการรับภาพกว้างที่สุดในตอนนี้ที่ 123 องศา ช่วยให้ผู้ใช้สามารถเก็บภาพวิวทิวทัศน์สวยๆ ได้อย่างง่ายดาย รวมทั้งยังมาพร้อมกับโหมดถ่ายภาพ และวิดีโอที่น่าสนใจ ไม่ว่าจะเป็น Nightscape สำหรับถ่ายภาพกลางคืนได้อย่างคมชัด หรือโหมดถ่ายภาพแบบหน้าชัดหลังเบลอ ที่สามารถละลายฉากหลังได้อย่างเป็นธรรมชาติ รวมทั้งระบบป้องกันการสั่นแบบ OIS+EIS ที่ช่วยให้เราสามารถถือเครื่องถ่ายภาพ หรือถ่ายวิดีโอได้อย่างมั่นใจมากขึ้น รวมๆ แล้วสำหรับ OnePlus 8T 5G รุ่นนี้ก็น่าจะเหมาะสำหรับผู้ที่มองหาสมาร์ทโฟนที่โดดเด่นด้านประสิทธิภาพของการประมวลผล แบตเตอรี่ขนาดใหญ่ที่ชาร์จได้รวดเร็วทันใจ และระบบซอฟต์แวร์ที่มีการอัปเดตให้แบบยาวๆ รวมทั้งมีการแสดงผลที่สวยเนียนตา กับกล้องถ่ายภาพที่ครอบคลุมทุกระยะ และรองรับการใช้งานระบบเครือข่าย 5G ในไทยได้ตั้งแต่แกะกล่อง ในราคาที่เอื้อมถึงได้ไม่ยากจนเกินไป
โดย OnePlus 8T 5G มีเข้ามาวางจำหน่ายในประเทศไทยทั้งหมด 2 รุ่นย่อยด้วยกัน ได้แก่
- รุ่น RAM 8GB + ROM 128GB ราคา 24,990 บาท (มีเฉพาะสี Lunar Silver)
- รุ่น RAM 12GB + ROM 256GB ราคา 29,990 บาท (มีเฉพาะสี Aquamarine Green)
สำหรับ OnePlus 8T 5G
เปิดให้สั่งจองในประเทศไทยแล้วระหว่างวันที่ 21-29 ตุลาคม 2563
โดยผู้ที่สั่งจองจะได้รับของสมนาคุณรวมมูลค่ากว่า 15,170 บาท ได้แก่ ประกันจอแตก 1 ครั้งใน 1 ปี, กระเป๋าเดินทาง
และขวดน้ำ OnePlus ส่วนกำหนดการวางจำหน่ายอย่างเป็นทางการจะเริ่มตั้งแต่วันที่ 30 ตุลาคม
2563 เป็นต้นไป
สุดท้ายนี้ ต้องขอขอบคุณทาง OnePlus ประเทศไทย
ที่ให้ความไว้วางใจส่งเครื่อง OnePlus 8T 5G
มาให้ทางทีมงานได้ทำการรีวิวให้ท่านผู้อ่านได้รับชมกัน
สำหรับวันนี้ต้องขอลาไปก่อน พบกันได้ใหม่ในโอกาสหน้า สวัสดีครับ
จุดเด่นของ OnePlus 8T 5G
- พื้นผิวด้านหลังตัวเครื่องผลิตด้วยเทคโนโลยี AG Texture พร้อมระบบป้องกันความร้อนแบบหลายชั้น
- หน้าจอแสดงผลแบบ Fluid AMOLED ขนาด 6.5 นิ้ว ความละเอียดระดับ Full HD+
(2400x1080 พิกเซล : 402ppi) พร้อมค่า Refresh Rate สูงสุด 120Hz, อัตราส่วนการแสดงผลแบบ 20:9, ค่าความสว่างสูงสุด 1100 nits, ปรับความสว่างได้ 8,192 ระดับ, ได้การรับรองคุณภาพจาก DisplayMate ในระดับ A+, รองรับการแสดงผลตามขอบเขตสีแบบ sRGB / DCI-P3, รองรับคอนเทนต์แบบ HDR10+ และครอบทับด้วยกระจก Gorilla Glass 5
- เซนเซอร์สแกนลายนิ้วมือแบบฝังใต้หน้าจอ
- ฟีเจอร์ Dark Mode สำหรับปรับเปลี่ยนการแสดงผลให้อยู่ในโทนสีดำ เพื่อการใช้งานในที่มืด, เวลากลางคืน หรือในที่แสงน้อย
- ชิปเซ็ตประมวลผล Octa-Core Qualcomm Snapdragon 865 ที่มาพร้อมชิป X55 5G
- หน่วยประมวลผลกราฟิก (GPU) Adreno 650
- หน่วยความจำแรม (RAM) แบบ LPDDR4x ขนาด 8GB หรือแบบ LPDDR5 ขนาด 12GB
- หน่วยความจำภายใน (ROM) แบบ UFS 3.1 2-LANE ขนาด 128GB หรือ 256GB
- ระบบปฏิบัติการ Android OS เวอร์ชัน 11 ครอบทับด้วย OxygenOS เวอร์ชัน 11
กล้องดิจิทัลด้านหลัง 4 ตัว (AI Quad Camera) ความละเอียด 48+16+5+2 ล้านพิกเซล ประกอบด้วย
- กล้อง Ultra Wide Angle ความละเอียด 16 ล้านพิกเซล พร้อมรูรับแสงกว้าง
f/2.2 และมุมรับภาพกว้าง 123 องศา
- กล้องตัวหลัก (Main) ความละเอียด 48 ล้านพิกเซล พร้อมเซนเซอร์รับภาพ Sony
IMX586, รูรับแสงกว้าง f/1.75 และมีระบบป้องกันการสั่นแบบ OIS+EIS
- กล้อง Macro ความละเอียด 5 ล้านพิกเซล
- กล้อง Monochrome ความละเอียด 2 ล้านพิกเซล
พร้อมระบบป้องกันการสั่นแบบ Super Stable, รองรับการถ่ายภาพแบบหน้าชัดหลังเบลอ, โหมดการถ่ายภาพแบบ NightScape สำหรับถ่ายภาพกลางคืนให้มีความสว่างคมชัด
โดยไม่ต้องตั้งค่าการถ่ายภาพ, โหมดการถ่ายภาพแบบ Super Macro สามารถโฟกัสภาพถ่ายได้ใกล้สุดที่ระยะ 4
เซนติเมตร, รองรับการถ่ายวิดีโอความละเอียดสูงสุดระดับ 4K (60fps)
กล้องดิจิทัลด้านหน้า ความละเอียดสูงสุด 16 ล้านพิกเซล
พร้อมเซนเซอร์รับภาพ Sony IMX471, รูรับแสงกว้าง
f/2.4 และระบบป้องกันการสั่นแบบ EIS
- แบตเตอรี่ความจุ 4500 mAh พร้อมเทคโนโลยีชาร์จแบตเตอรี่ความเร็วสูงแบบ Warp Charge 65 (65W : 10V/6.5A)
- รองรับการเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตผ่านทางระบบเครือข่าย 5G NSA (N41, 78, 79), 5G SA (N1, 3, 41, 78, 79), Wi-Fi 2x2 MIMO (2.4/5GHz) และ Wi-Fi 6
- รองรับการเชื่อมต่อ Bluetooth 5.1 และ NFC
- พอร์ตเชื่อมต่อแบบ USB-Type C (USB 3.1 GEN1)
- ลำโพงคู่ พร้อมระบบเสียงแบบ Dolby Atmos
- รองรับการระบุตำแหน่งด้วยระบบดาวเทียม GPS Dual Band (L1+L5), GLONASS
ของประเทศรัสเซีย, Galileo ของสหภาพยุโรป (E1+E5a) และ BeiDou ของประเทศจีน
- ฟีเจอร์ Parallel Apps สำหรับใช้งานแอปพลิเคชันแบบ 2 แอคเคานท์
- ระบบสั่นแบบ Haptics 2.0
- ราคา 24,990 บาท (รุ่น RAM 8GB + ROM 128GB) (มีเฉพาะสี Lunar Silver)
- ราคา 29,990 บาท (รุ่น RAM 12GB + ROM 256GB) (มีเฉพาะสี Aquamarine Green)
จุดที่อาจจะต้องพิจารณาเพิ่มเติมของ
OnePlus 8T 5G
- ไม่รองรับเทคโนโลยีชาร์จแบตเตอรี่แบบไร้สาย
- หน้าจอยังไม่ใช่ความละเอียดระดับ 2K
- มีให้เลือกเพียงแค่สีเดียวในแต่ละรุ่นความจุ
- ไม่รองรับการใส่การ์ดหน่วยความจำเสริมแบบ microSD หรือแบบอื่นๆ เพิ่มเติม
โปรดทราบ
* โทรศัพท์มือถือที่ท่านเห็นในบทความรีวิวนี้เป็นเพียงเครื่องทดสอบจากทางผู้ผลิต เพราะฉะนั้นคุณสมบัติบางอย่างอาจมีความแตกต่างจากเครื่องที่วางจำหน่ายจริงบ้างไม่มากก็น้อย รวมถึงจุดด้อยบางประการที่พบในเครื่องทดสอบ อาจจะถูกแก้ไขปรับปรุงให้ดีขึ้นในเครื่องที่วางจำหน่ายจริง ดังนั้นหากท่านสนใจซื้อโทรศัพท์มือถือรุ่นนี้ ควรตรวจสอบหรือทดลองใช้งานสินค้าด้วยตนเองอีกครั้งหนึ่ง *
วันที่ : 22/10/2020