รีวิว OPPO Reno11 5G สมาร์ตโฟนถ่ายคนอย่างโปร กับกล้องพอร์ตเทรตซูมได้ 32MP พร้อมระบบชาร์จไว 67W SUPERVOOC บนดีไซน์จอโค้ง 120Hz
เผยโฉมในไทยอย่างเป็นทางการแล้ว สำหรับ OPPO Reno11 Series 5G ซึ่งในปีนี้เปิดตัวถึง 3 รุ่นด้วยกัน ได้แก่ OPPO Reno11 Pro 5G, OPPO Reno11 5G และ OPPO Reno11 F 5G โดยรุ่นที่ทีมงานจะนำมารีวิวให้ชมกันในวันนี้ก็คือ OPPO Reno11 5G นั่นเอง
โดย OPPO Reno11 5G ยังคงคอนเซ็ปต์ของการเป็นสมาร์ตโฟน 5G สำหรับสายถ่ายภาพ กับคอนเซ็ปต์ "ถ่ายคนอย่างโปร" ซึ่งนอกจากจะชูจุดขายกับกล้องระดับแฟลกชิปแล้ว ยังมาพร้อมกับดีไซน์เพรียวบาง และชื่อเรียกสีสันตัวเครื่องที่ไม่เหมือนใคร โดย OPPO Reno11 5G นั้น มีให้เลือก 2 สีคือ สี Wave Green หรือชื่อไทยคือ สีเขียวเหนี่ยวทรัพย์ (สีที่นำมารีวิว) และสี Rock Grey หรือชื่อไทยคือ สีเทาดำดูดทรัพย์ ซึ่งทาง OPPO เผยว่า สีสันใหม่นี้ ได้แรงบันดาลใจจากธรรมชาติแนวชายฝั่งทะเล
สำหรับคุณสมบัติเบื้องต้นของ OPPO Reno11 5G รุ่นนี้ก็คือ มาพร้อมกับกล้องระดับแฟลกชิป ซึ่งกล้องหลัก ความละเอียดอยู่ที่ 50 ล้านพิกเซล พร้อมระบบกันสั่น OIS แถมด้วยกล้อง Telephoto สำหรับถ่ายภาพ Portrait สวย ๆ ความละเอียด 32 ล้านพิกเซล และกล้อง Ultra Wide มุมกว้าง 112 องศา ความละเอียด 8 ล้านพิกเซล นอกจากนี้ ยังมาพร้อมกับ Portrait Expert Engine ซึ่งเป็นระบบปรับแต่งภาพคนในโหมด Portrait เรียกได้ว่า ภาพสวยจบหลังกล้อง โดยที่ไม่ต้องไปปรับแต่งเพิ่มอีก
ด้านดีไซน์ตัวเครื่อง สีเขียวเหนี่ยวทรัพย์ (Wave Green) ตัวเครื่องด้านหลังจะเป็นประกายด้วยลวดลายคลื่นทะเล ส่วนสีเทาดำดูดทรัพย์ (Rock Grey) จะเป็นลุคที่แข็งแกร่งทนทานดุจหิน ซึ่งดีไซน์ของทั้ง 2 สีนั้น เป็นดีไซน์ขอบโค้งแบบ 3D ทั้งด้านหน้าและด้านหลัง ที่นอกจากจะบางเฉียบแล้ว ยังมีน้ำหนักเบาและจับถือได้สะดวกอีกด้วย
ด้านการประมวลผล มาพร้อมกับหน่วยความจำ RAM ขนาด 12GB และพื้นที่จัดเก็บภายในตัวเครื่องมากถึง 256GB พร้อมแบตเตอรี่ขนาด 5,000 mAh รองรับระบบชาร์จไว 67W SUPERVOOC บนระบบปฏิบัติการ ColorOS 14 ที่มีพื้นฐานบนระบบปฏิบัติการ Android 14 ซึ่ง OPPO Reno11 Series ทั้ง 3 รุ่น ถือว่าเป็นสมาร์ตโฟน OPPO รุ่นแรกที่ได้ใช้งาน ColorOS 14 ตั้งแต่แกะกล่องเลยทีเดียว
แกะกล่อง OPPO Reno11 5G
กล่องผลิตภัณฑ์ของ OPPO Reno11 5G เป็นกล่องสีขาว พร้อมระบุชื่อรุ่นอย่างชัดเจนบนหน้ากล่อง ซึ่งอุปกรณ์ภายในกล่อง ประกอบด้วย ตัวเครื่อง OPPO Reno11 5G, เคสซิลิโคนสีเขียว, สายชาร์จ USB-C, Adapter ชาร์จเร็ว 67W SUPERVOOC, เข็มจิ้มถาดใส่ซิมการ์ด และคู่มือการใช้งาน
ถ่ายคนอย่างโปร ด้วยกล้องระดับแฟลกชิป ความละเอียด 50MP
อย่างที่กล่าวในตอนต้นว่า OPPO Reno11 5G รุ่นนี้ ชูจุดเด่นเรื่องของกล้องถ่ายรูปเป็นหลัก ซึ่งมาพร้อมกับกล้องด้านหลัง 3 ตัว ครบทุกระยะ สเปกเป็นดังนี้
- กล้องหลัก ความละเอียด 50 ล้านพิกเซล, เซ็นเซอร์ Sony LYT600, ขนาดเซ็นเซอร์ 1/1.95", รูรับแสง F/1.8, ระบบกันสั่น OIS, ทางยาวโฟกัส 26 มม.
- กล้อง Telephoto ความละเอียด 32 ล้านพิกเซล, เซ็นเซอร์ Sony IMX709, ขนาดเซ็นเซอร์ 1/2.74", รูรับแสง F/2.0, ทางยาวโฟกัส 47 มม.
- กล้อง Ultra Wide ความละเอียด 8 ล้านพิกเซล, เซ็นเซอร์ Sony IMX355, รูรับแสง F/2.2, มุมมองกว้าง 112 องศา, ทางยาวโฟกัส 16 มม.
สำหรับระบบกล้อง Portrait บน OPPO Reno11 5G ได้มีการอัปเกรดการถ่ายภาพคนด้วยโหมด Portrait ให้ดียิ่งขึ้น ด้วยการใช้เลนส์ Telephoto ซูม 2 เท่า มีทางยาวโฟกัสอยู่ที่ 47 มม. ทำให้มีการโฟกัสไปที่วัตถุเดียว เช่นเดียวกับภาพ Portrait ระดับมืออาชีพ จึงได้ภาพถ่ายที่เป็นธรรมชาติและสมจริง
นอกจากนี้ โหมด Portrait บน OPPO Reno11 5G ยังมีเอฟเฟกต์รีทัช และเอฟเฟกต์การเบลอฉากหลังในรูปแบบต่าง ๆ ให้เลือกใช้หลายรูปแบบตามที่ต้องการ
AI Color Portrait ลูกเล่นการปรับแต่งภาพ กับการดูดสีของฉากหลังออก เพื่อดึงตัวแบบให้มีความโดดเด่น
ความลับที่ทำให้การถ่ายภาพ Portrait บน OPPO Reno11 5G รุ่นนี้มีความคมชัดและสมจริง นั่นเป็นเพราะมีเครื่องมือที่เรียกว่า OPPO Portrait Expert Exgine ซึ่งเป็นระบบปรับแต่งภาพคนอย่างโปรอันทรงพลัง โดยระบบดังกล่าวจะมีหลักการทำงานดังนี้
- การจดจำใบหน้า และการแยกระหว่างวัตถุหลักกับฉาก ซึ่งจะมีการปรับให้เหมาะสมอย่างเป็นธรรมชาติ
- กำหนดเป้าหมายการรับแสงอัตโนมัติ และปรับสมดุลแสงสีขาวเพื่อให้ได้โทนสีที่แม่นยำตลอดสเปกตรัมของสีผิว
- มีการใช้ AI ช่วยลด noise ในสภาพแวดล้อมที่มืด และปรับแต่งความชัดเจนของใบหน้าสำหรับโทนสีผิว และการกำจัดรอยตำหนิต่าง ๆ ในขณะที่ยังคงรักษาองค์ประกอบของใบหน้าที่เป็นธรรมชาติเอาไว้
- ปรับแต่งฉากด้วยการใช้ HDR ที่เหมาะสมที่สุดสำหรับแต่ละภาพ
ส่วนโหมดอื่น ๆ จะเป็นโหมดการถ่ายภาพทั่วไป เช่น โหมดกลางคืน, โหมดโปร หรือโหมดพาโนรามา เป็นต้น
ตัวอย่างภาพถ่ายจากกล้องด้านหลังของ OPPO Reno11 5G
เซลฟี่คมชัด ด้วยกล้องด้านหน้า ความละเอียด 32MP
ส่วนกล้องหน้าของ OPPO Reno11 5G มีความละเอียดอยู่ที่ 32 ล้านพิกเซล พร้อมเลนส์ OmniVision OV32C, รูรับแสง F/2.4, และทางยาวโฟกัสกว้าง 22 มม. อีกทั้งยังสามารถใส่ฟิลเตอร์ให้กับภาพถ่าย และรีทัชภาพได้เช่นเดียวกับกล้องด้านหลัง
ตัวอย่างภาพถ่ายจากกล้องด้านหน้าของ OPPO Reno11 5G
ดีไซน์เพรียวบาง น้ำหนักเบา กับตัวเครื่อง 2 สี 2 สไตล์
OPPO Reno11 5G รุ่นนี้ใช้ดีไซน์แบบ 3D Dual-Curved ที่มีความโค้งทั้งในส่วนของหน้าจอกับฝาหลัง ทำให้จับถือได้ถนัดมือมากขึ้น โดยตัวเครื่องสีเขียว Wave Green จะมีความบางอยู่ที่ 8.04 มม. ส่วนตัวเครื่องสีเทาดำ Rock Grey จะมีความบางอยู่ที่ 7.99 มม. และน้ำหนักอยู่ที่ 182 กรัม
ด้านลวดลายที่ฝาหลังตัวเครื่องของทั้ง 2 สี จะมีความแตกต่างกัน ซึ่งสีเขียวเหนี่ยวทรัพย์ Wave Green จะเป็นลวดลายที่มีการผสมผสานระหว่างผ้าไหมและเลื่อมโลหะ ทำให้ฝาหลังมีความแวววาว ส่วนตัวเครื่องสีเทาดำดูดทรัพย์ Rock Grey จะเน้นลวดลายที่เรียบง่ายกว่า ให้ความรู้สึกเหมือนแสงแดดด่อนตกกระทบโขดหินตามแนวชายฝั่ง ซึ่งทาง OPPO เผยว่า ดีไซน์ของทั้ง 2 สีนี้ ได้รับแรงบันดาลใจมาจากธรรมชาติ
มาดูดีไซน์รอบ ๆ ตัวเครื่องกันบ้าง โดยตำแหน่งของปุ่มกดจะอยู่ด้านขวามือของตัวเครื่องทั้งหมด ประกอบด้วย ปุ่ม Power และปุ่มปรับระดับเสียง
ด้านบนตัวเครื่อง จะเป็นไมโครโฟนตัวที่สอง สำหรับลดเสียงรบกวนรอบข้าง และเซ็นเซอร์อินฟราเรด (IR Blaster) สามารถใช้ตัวเครื่องเป็นรีโมตควบคุมเครื่องใช้ไฟฟ้าได้ ซึ่งทำงานร่วมกับแอปพลิเคชัน IR Remote ที่ติดตั้งมาให้แล้วในเครื่อง
ด้านล่างตัวเครื่อง จะเป็นถาดใส่ซิมการ์ด, พอร์ต USB-C, ไมโครโฟน และลำโพงเสียง ซึ่ง OPPO Reno11 5G รองรับการ์ดหน่วยความจำเสริมแบบ microSD Card ได้สูงสุด 2TB เลยทีเดียว
หน้าจอ 3D Curved ขนาด 6.7 นิ้ว รองรับ Refresh Rate 120Hz
มาดูกันที่หน้าจอแสดงผลกันบ้าง ซึ่ง OPPO Reno11 5G มาพร้อมกับหน้าจอ AMOLED ขนาด 6.7 นิ้ว ความละเอียด FHD+ (2412x1080 พิกเซล) ให้มิติของภาพและสีสันที่ครบถ้วนสมจริง รองรับ HDR10+ อีกทั้งขอบจอยังบางเฉียบเพียง 1.57 มม. เท่านั้น
นอกจากนี้ OPPO Reno11 5G ยังรองรับอัตรารีเฟรชสูงสุด 120Hz ซึ่งเป็นแบบ Adaptive Refresh Rate เลือกได้ 2 ระดับคือ 60Hz และ 120Hz ใช้งานได้ลื่นไหล สามารถเลือกอัตรารีเฟรชเฉพาะแอปได้ด้วยเช่นกัน
แรงด้วยชิป Dimensity 7050 พร้อม RAM สูงสุด 12GB และฟีเจอร์ RAM Expansion
OPPO Reno11 5G มาพร้อมกับขุมพลัง MediaTek Dimensity 7050 ที่ออกแบบโดยใช้กระบวนการ 6 นาโนเมตร ซึ่งเป็นชิปเซ็ตแบบ Octa-Core Processor ประกอบด้วย ชิปเซ็ต Cortex-A78 2 คอร์ ความเร็ว 2.6GHz เสริมประสิทธิภาพการใช้งานที่ต้องประมวลผลหนัก เล่นเกมได้ลื่นไหลขึ้น และชิปเซ็ต Cortex-A55 แบบ 6 คอร์ ช่วยประหยัดพลังงาน พร้อมชิปกราฟิก Mali-G68 MC4 รวมถึงรองรับเทคโนโลยี MediaTek HyperEngine ช่วยให้การเล่นเกมออนไลน์มีความเสถียรยิ่งขึ้น
มาพร้อมกับหน่วยความจำมากถึง 12GB พร้อมฟีเจอร์ RAM Expansion ขยายหน่วยความจำเพิ่มได้สูงสุด 12GB รวมเป็น 24GB ทำให้เปิดแอปพลิเคชันต่าง ๆ ได้ลื่นไหลมากขึ้น นอกจากนี้ ยังมีเทคโนโลยี Trinity Engine ของ ColorOS 14 มาช่วยเพิ่มความลื่นไหลแม้ว่าจะมีการทำงานหลายอย่างพร้อมกัน
นอกจากนี้ OPPO Reno11 5G ยังมาพร้อมกับพื้นที่จัดเก็บข้อมูลภายในตัวเครื่องมากถึง 256GB ซึ่งถือว่าเพียงพอต่อการเล่นเกมออฟไลน์ และแอปพลิเคชันต่าง ๆ อีกทั้งยังสามารถเพิ่มพื้นที่จัดเก็บผ่านหน่วยความจำเสริมภายนอกแบบ microSD Card ได้สูงสุดถึง 2TB
ทดสอบประสิทธิภาพของ OPPO Reno11 5G ด้วยโปรแกรม Geekbench 6 กันบ้าง พบว่า ทำคะแนนทดสอบได้ 953 คะแนน (Single-Core) และ 2,438 คะแนน (Multi-Core) ส่วนการทดสอบประสิทธิภาพของหน่วยประมวลผลกราฟิก (GPU) ได้คะแนนรวมที่ 2,392 คะแนน
นอกจากนี้ OPPO Reno11 5G ยังรับประกันการใช้งานลื่นไหนนานถึง 48 เดือน (4 ปี) ทำให้เหมือนกับใช้โทรศัพท์ใหม่อยู่ตลอดเวลาแม้ว่าจะใช้งานเป็นเวลานานแล้วก็ตาม
LinkBoost เครื่องมือเพิ่มประสิทธิภาพเครือข่าย ให้สัญญาณที่เสถียรมากขึ้น
LinkBoost เป็นเครื่องมือเพิ่มประสิทธิภาพเครือข่ายที่ทาง OPPO พัฒนาเอง ช่วยทำให้กำลังส่งเร็วขึ้น 100% และการรับสัญญาณแข็งแกร่งขึ้น 44% ผสมผสานการเลือกเครือข่าย AI และการออกแบบเสาอากาศแบบเซอร์ราวด์ 360 องศา เพื่อให้สัญญาณมีเสถียรภาพมากที่สุดโดยมีเวลาหยุดทำงานน้อยที่สุด
นอกจากนี้ ทาง OPPO ยังได้มีการปรับแต่งเทคโนโลยีเพื่อให้ผู้ใช้กลับมาออนไลน์ได้เร็วกว่าคู่แข่งถึง 87% แม้อยู่ในจุดอับสัญญาณ หรือบริเวณที่มีสัญญาณรบกวนหนาแน่น เช่น หลังจากออกจากลิฟท์, อยู่ในคอนเสิร์ต, อยู่ในลานจอดรถ หรืออยู่ในสถานีรถไฟใต้ดิน เป็นต้น
แบตเตอรี่ 5,000 mAh รองรับชาร์จเร็ว 67W แบบ SUPERVOOC ชาร์จ 10 นาที เติมแบตได้ 33%
OPPO Reno11 5G พร้อมกับแบตเตอรี่ขนาดใหญ่ถึง 5,000 mAh รองรับฟีเจอร์ชาร์จเร็วขนาด 67W SUPERVOOC ซึ่งการชาร์จ 10 นาทีจะได้พลังงานเพิ่มอีก 33% และการชาร์จเต็ม 100% จะใช้เวลา 45 นาทีเท่านั้น
ลำโพงเสียงคู่แบบสเตอริโอ พร้อมโหมด Ultra Volume เพิ่มเสียงลำโพงได้สูงสุด 300%
OPPO Reno11 5G มาพร้อมกับลำโพงเสียงคู่แบบสเตอริโอ มอบเสียงเซอร์ราวด์รอบทิศทาง อีกทั้งยังมาพร้อมโหมด Ultra Volume เพิ่มเสียงของลำโพงได้สูงสุด 300% และเมื่อใช้หูฟัง โหมด Ultra Volume จะช่วยเพิ่มระดับความดังของเสียงได้สูงสุด 200%
เชื่อมต่อกับแท็บเล็ตและผลิตภัณฑ์อื่นของ OPPO แบบไร้สายได้ง่าย ๆ ด้วย Multi-Screen Connect
สำหรับใครที่มีแท็บเล็ต OPPO ก็สามารถทำงานร่วมกันระหว่างอุปกรณ์ได้ผ่านทางฟีเจอร์ที่มีชื่อว่า Multi-Screen Connect ซึ่งเมื่อทำการเชื่อมต่อทั้ง 2 อุปกรณ์แล้ว หน้าจอของสมาร์ตโฟน OPPO Reno11 5G ก็จะปรากฎเป็นหน้าต่างลอยบนหน้าจอของแท็บเล็ต OPPO ซึ่งสามารถควบคุมการใช้งาน OPPO Reno11 5G ผ่านทางแท็บเล็ตได้เลย ถือว่าสะดวกมากทีเดียว
ทำงานบนระบบปฏิบัติการ ColorOS14
OPPO Reno11 Series ทั้ง 3 รุ่นนั้น ถือว่าเป็นมือถือออปโป้กลุ่มแรกที่ทำงานบนระบบปฏิบัติการ ColorOS14 (มีพื้นฐานบน Android 14) ตั้งแต่แกะกล่อง ซึ่ง ColorOS 14 มาพร้อมกับฟีเจอร์ที่ช่วยอำนวยความสะดวกในการใช้งานมากมาย ซึ่งได้แก่
File Dock สามารถบันทึกรูปภาพ, ข้อความ หรือไฟล์ต่าง ๆ ได้อย่างง่ายดาย เพียงแค่ลากแล้ววางบนแอปต่าง ๆ ที่ต้องการ ซึ่งรูปภาพหรือข้อความต่าง ๆ ที่อยู่ใน File Dock จะถูกซิงค์แบบข้ามอุปกรณ์ที่ลงชื่อเข้าใช้บัญชี OPPO ทำให้เข้าถึง File Dock ที่ถูกแชร์ไว้ได้ง่ายขึ้น
Smart Image Matting ฟีเจอร์ไดคัทรูปภาพอัจฉริยะ ซึ่งมีวิธีการใช้งานที่ง่ายมาก เพียงแค่เปิดรูปภาพที่ต้องการไดคัท > กดค้างเพื่อใช้งาน Smart Image Matting > ลากไฟล์ภาพที่ไดคัทแล้วไปยัง File Dock > ลากจาก File Dock ไปยังแอปข้อความ หรือโน้ต ซึ่งฟีเจอร์นี้ นอกจากจะสามารถไดคัทภาพคนได้แล้ว ยังสามารถไดคัทภาพและองค์ประกอบอื่น ๆ ได้ เช่น รองเท้าผ้าใบ, กระเป๋าถือ รวมถึงสัตว์เลี้ยงได้อีกด้วย
สรุปประสบการณ์หลังใช้งาน OPPO Reno11 5G
หลังจากที่ทีมงานได้มีโอกาสใช้งาน OPPO Reno11 5G มาระยะหนึ่ง ต้องบอกว่า สมาร์ตโฟนรุ่นนี้โดดเด่นกันตั้งแต่ดีไซน์เครื่องเลยก็ว่าได้ ซึ่งมาพร้อมกับดีไซน์แบบ 3D Dual-Curved ที่มีความโค้งมนทั้งด้านหน้าและด้านหลัง ทำให้จับถือได้ถนัดมากขึ้น รวมถึงสีสันที่มีให้เลือก 2 สี 2 สไตล์ ใช้งานได้ทั้งชายและหญิง พร้อมชื่อเรียกสีที่เป็นมงคลอย่าง สีเขียวเหนี่ยวทรัพย์ และสีเทาดำดูดทรัพย์
นอกจากนี้ OPPO Reno11 5G ยังมาพร้อมกับหน้าจอแสดงผลขนาดใหญ่ถึง 6.7 นิ้ว พร้อมรองรับอัตรารีเฟรชที่ลื่นไหลเนียนตาระดับ 120Hz เรียกได้ว่า คุณภาพด้านการแสดงผลภาพไม่เป็นรองมือถือรุ่นใด ส่วนประสิทธิภาพด้านการทำงาน ตอบโจทย์ตั้งแต่การใช้งานทั่วไปจนถึงการเล่นเกมได้ดีเช่นกัน
จุดเด่นอีกอย่างของ OPPO Reno11 5G ก็คือ กล้องถ่ายรูป โดยเฉพาะการถ่ายภาพ Portrait ด้วยกล้อง Telephoto ที่ทาง OPPO พัฒนามาเพื่อจุดประสงค์นี้โดยเฉพาะ ด้วยระยะ 2x Optical Zoom ซึ่งเป็นระยะที่เหมาะกับการถ่ายภาพบุคคล ทำให้ได้โทนผิวที่สวยและเป็นธรรมชาติ พร้อมเอฟเฟกต์การละลายฉากหลังที่เป็นธรรมชาติ ซึ่งน่าจะถูกใจสายถ่ายภาพแนว Portrait อย่างแน่นอน
นอกจากนี้ OPPO Reno11 5G ยังมาพร้อมกับระบบชาร์จไว SUPERVOOC ที่เร็วถึง 67W ทำให้ใช้เวลาในการชาร์จจนเต็มไม่นานนัก ซึ่งแบตเตอรี่ 33% ใช้เวลาในการชาร์จเพียงแค่ 10 นาทีเท่านั้น
ราคาและโปรโมชั่นของ OPPO Reno11 5G
OPPO Reno11 5G เปิดพรีออเดอร์ให้ผู้ที่สนใจจับจองเป็นเจ้าของกันแล้วตั้งแต่วันนี้ - 29 มกราคม 2567 ราคาอยู่ที่ 14,990 บาท พิเศษรับฟรี! ของสมนาคุณ ซึ่งได้แก่ OPPO EVIP Card, กระเป๋าเป้ Reno Special Edition Backpack, เปลี่ยนฟิล์มกันรอย 2 ครั้ง และเปลี่ยนเคส 2 ครั้ง มูลค่ารวม 12,797 บาท ที่ OPPO Brand Shop และตัวแทนจำหน่ายทั่วประเทศ
สามารถอ่านรายละเอียดเพิ่มเติมเกี่ยวกับ OPPO Reno11 5G ได้ที่ https://bit.ly/48UK1tM
สรุปคุณสมบัติเด่นของ OPPO Reno11 5G
ขนาดตัวเครื่อง
- ความสูง : 162.4 มม.
- ความกว้าง : 74.3 มม.
- ความหนา : ตัวเครื่องสีเทาดำดูดทรัพย์ (Rock Grey) หนา 7.99 มม. ส่วนตัวเครื่องสีเขียวเหนี่ยวทรัพย์ (Wave Green) หนา 8.04 มม.
- น้ำหนักตัวเครื่อง : 182 กรัม
------------------------------
จอแสดงผลแบบ OLED (จอโค้ง 3 มิติ) ขนาด 6.7 นิ้ว ความละเอียด 2412x1080 พิกเซล : 394 PPI, อัตราส่วน 20:9
- อัตราการรีเฟรชแบบ Dynamic Refresh Rate สูงสุดที่ 120Hz (เลือกได้ 3 ระดับ : 60/90/120Hz)
- ความสว่างสูงสุด 800 nits
- อัตราส่วนหน้าจอต่อตัวเครื่อง : 93%
- อัตราความไวหน้าจอสัมผัส สูงสุด 240Hz (ปกติ 120Hz)
- รองรับ HDR10+
- ครอบทับด้วยกระจก AGC Dragontrail Star 2
------------------------------
- ประมวลผลด้วยชิปเซ็ต MediaTek Dimensity 7050
- หน่วยประมวลผลกราฟิก (GPU) Mali-G68 MC4
- หน่วยความจำแรม (RAM) ขนาด 12GB
ฟีเจอร์ Extended RAM สำหรับช่วยเพิ่มขนาดหน่วยความจำ RAM เสมือน (Virtual RAM) ได้สูงสุด 12GB
- หน่วยความจำภายในสำหรับเก็บบันทึกข้อมูล (ROM) ขนาด 256GB
- แบตเตอรี่ความจุ 5,000 mAh พร้อมระบบชาร์จแบตเตอรี่ความเร็วสูง SUPERVOOC ขนาด 67W ชาร์จเต็ม 100% ในเวลา 45 นาที
- ทำงานอยู่บนระบบปฏิบัติการ ColorOS 14 ที่มีพื้นฐานบนระบบปฏิบัติการ Android 14
------------------------------
กล้องตัวหลักด้านหลัง 3 ตัว (Triple Camera)
- กล้องตัวที่ 1 แบบ Wide ความละเอียด 50 ล้านพิกเซล, รูรับแสงขนาด F/1.8, เซ็นเซอร์ขนาด 1/1.95", ระบบกันสั่น OIS, เลนส์ 5 ชิ้น และรองรับระบบโฟกัสภาพแบบอัตโนมัติ
- กล้องตัวที่ 2 แบบ Telephoto ความละเอียด 32 ล้านพิกเซล, เซ็นเซอร์ Sony IMX709, เซ็นเซอร์ขนาด 1/2.74", รูรับแสงขนาด F/1.8, เลนส์ 6 ชิ้น, ทางยาวโฟกัส 47 มม.
- กล้องตัวที่ 3 แบบ Ultra Wide ความละเอียด 8 ล้านพิกเซล, เซ็นเซอร์ Sony IMX355, รูรับแสงขนาด F/2.2, เลนส์ 5 ชิ้น, ทางยาวโฟกัส 16 มม.
- ไฟแฟลชในตัว
- รองรับการบันทึกวิดีโอ ความละเอียดระดับ 4K ที่ 30fps
- รองรับการบันทึกวิดีโอ ความละเอียดระดับ 1080P ที่ 60/30fps
- รองรับการบันทึกวิดีโอ ความละเอียดระดับ 720P ที่ 60/30fps
กล้องด้านหน้า (Selfie Camera) ความละเอียด 32 ล้านพิกเซล
- รูรับแสงขนาด F/2.4
- เซ็นเซอร์ OmniVision OV32C
- เซ็นเซอร์ขนาด 1/3.2"
- ทางยาวโฟกัส 22 มม.
- รองรับการบันทึกวิดีโอ ความละเอียดระดับ 4K ที่ 30fps
- รองรับการบันทึกวิดีโอ ความละเอียดระดับ 1080P ที่ 30fps
------------------------------
- รองรับการใช้งาน 2 ซิมการ์ด
- เซ็นเซอร์สแกนลายนิ้วมือแบบฝังใต้หน้าจอ (In-Display Fingerprint Sensor) พร้อมระบบจดจำใบหน้า (Face Recognition)
- เชื่อมต่อข้อมูลแบบไร้สายผ่านทาง Bluetooth 5.3 และรองรับ Bluetooth Low Energy
- รองรับ NFC
- รองรับเครือข่าย 5G, 4G LTE, 3G, 2G และ Wi-Fi 6
- ระบุตำแหน่ง และนำทางด้วยระบบดาวเทียม GPS+A-GPS, Glonass, BDS, Galileo และ QZSS
- พอร์ต USB Type-C
- LinkBoost เครื่องมือเพิ่มประสิทธิภาพเครือข่ายที่ทาง OPPO พัฒนาเอง กำลังส่งเร็วขึ้น 100% และการรับสัญญาณแข็งแกร่งขึ้น 44%
จุดที่อาจจะต้องพิจารณาเพิ่มเติมของ OPPO Reno11 5G
- ตัวเครื่องไม่มีคุณสมบัติของการทนน้ำ-ทนฝุ่น
- ไม่มีพอร์ตหูฟังขนาด 3.5 มิลลิเมตร
- กล้องด้านหน้า ไม่มีระบบโฟกัสภาพอัตโนมัติ
โปรดทราบ
* โทรศัพท์มือถือในบทความรีวิวนี้เป็นเพียงเครื่องทดสอบจากผู้ผลิต เพราะฉะนั้นคุณสมบัติบางอย่างอาจแตกต่างจากเครื่องที่วางจำหน่ายจริง รวมถึงจุดด้อยบางประการที่พบในเครื่องทดสอบอาจถูกแก้ไขให้ดีขึ้นแล้วในเครื่องที่วางจำหน่ายจริง ดังนั้นหากท่านสนใจซื้อโทรศัพท์มือถือรุ่นนี้ ควรตรวจสอบ หรือทดลองใช้งานสินค้าด้วยตนเองอีกครั้งหนึ่งเพื่อความมั่นใจ *?
วันที่ : 23/01/2024