Samsung Galaxy S II Video Review
Vivid - Fast - Slim
Review
Date (3-June-2011)
สำหรับโทรศัพท์มือถือที่เรานำมารีวิวให้ทุกท่านได้ชมกันในวันนี้ก็ได้แก่ Samsung Galaxy S II ซึ่งถือว่าเป็น สมาร์ทโฟน รุ่นที่มีคนเฝ้าติดตามมากที่สุดในช่วงนี้เลยทีเดียว ด้วยคุณสมบัติระดับสูงของ Galaxy S II เริ่มตั้งแต่ซีพียูแบบ Dual Core 1.2 GHz พร้อมจีพียู Mali-400MP ที่อยู่บนชิปของ Exynos อีกทั้งยังมีแรมขนาดใหญ่ 1 GB กล้อง 8 ล้านพิกเซล ที่รองรับการถ่ายวิดีโอระดับ Full HD 1080p และที่น่าสนใจที่สุดอีกอย่างก็คือหน้าจอแบบ Super AMOLED Plus ขนาด 4.3 นิ้ว ที่พัฒนาความสดใสคมชัดขึ้นมาอีกขั้น
โดย Galaxy S II นั้นจะมาพร้อมกับระบบปฏิบัติการ
แอนดรอยด์ ล่าสุด เวอร์ชัน 2.3.3 หรือ Gingerbread นั่นเอง
Samsung Galaxy S II Video Review & Focus
รูปลักษณ์ภายนอก
เมื่อมองดูที่ด้านหน้าของตัวเครื่องจะรู้สึกถึงความกว้างและใหญ่ ส่วนหนึ่งก็คงเป็นเพราะขนาดของหน้าจอที่กว้างถึง 4.3 นิ้ว
ที่ด้านบนของหน้าจอจะเห็นเลนส์กล้องดิจิตอลตัวที่สอง ซึ่งมีความละเอียดมากถึง 2 ล้านพิกเซล พร้อม Proximity Sensor,
Ambient Light Sensor และลำโพงหูฟังสำหรับการสนทนา
ส่วนที่ด้านล่างของหน้าจอจะเป็นปุ่มเมนู, ปุ่มโฮม และปุ่มย้อนกลับ
ที่ด้านหลังของตัวเครื่องจะมีพื้นผิวที่เป็นลวดลายเล็กๆ ซึ่งช่วยให้มีการยึดเกาะที่ดีขึ้นระหว่างการจับถือ
ที่ด้านหลังจะมีกล้องดิจิตอลความละเอียด 8 ล้านพิกเซล พร้อมไฟแฟลชแบบ LED
ซึ่งส่วนของกล้องดิจิตอลจะมีลักษณะที่นูนออกมา เพราะฉะนั้นเวลาวางก็ต้องระมัดระวังกันพอสมควร
ที่บริเวณขอบด้านล่างจะมีลำโพงเสียงภายนอก ซึ่งมีเสียงที่ดังและสดใสระดับหนึ่ง แต่ก็น่าเสียดายที่มีมาให้เพียงตัวเดียว
ที่ด้านซ้ายของตัวเครื่องจะมีรูร้อยสายคล้อง และปุ่มเพิ่มลดระดับเสียง
ที่ด้านขวาของตัวเครื่องจะมีเพียงปุ่มเปิด-ปิดเครื่อง หรือล็อกหน้าจอ
ที่ด้านบนของตัวเครื่องจะมีช่องเสียบสายหูฟังมาตรฐานขนาด 3.5 มิลลิเมตร และรูไมโครโฟนตัวที่สองสำหรับการตัดเสียงรบกวน
การเสียงสายหูฟังที่ด้านบนของตัวเครื่องก็น่าจะสะดวกและคล่องตัวมากกว่าสำหรับใครหลายๆ คน
ที่ด้านล่างของตัวเครื่องจะมีช่องเชื่อมต่อแบบ microUSB ซึ่งรองรับเทคโนโลยี MHL
และรูไมโครโฟนสำหรับการสนทนาหรือบันทึกเสียง
การที่ช่อง microUSB นี้สามารถรองรับเทคโนโลยี MHL ได้ ก็ทำให้ได้เปรียบการเชื่อมต่อแบบ HDMI คือสามารถชาร์จแบตเตอรี่ได้ในตัว
และสามารถควบคุมการเล่นได้จากตัวของ Galaxy S II เลยนั่นเอง (ข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับ MHL : คลิ๊กที่นี่ )
เมื่อเปิดฝาหลังออกมาก็จะเผยให้เห็นอุปกรณ์ต่างๆ ที่ด้านใน
ที่ริมด้านซ้ายจะมีช่องใส่การ์ดหน่วยความจำแบบ microSD ซึ่งรองรับได้สูงสุดที่ขนาด 32 GB
ใกล้ๆ กันนั้นก็จะมีช่องใส่ซิมการ์ดขนาดมาตรฐานซึ่งสำหรับรุ่น i9100T ที่กำลังทดสอบอยู่นี้จะรองรับระบบ
GSM Quad Band (850/900/1800/1900 MHz) และ WCDMA Dual Band (850 /2100 MHz)
ส่วนที่มีจำหน่ายอีกรุ่นนั้นจะต่างกันที่รองรับ WCDMA Dual Band (900 /2100 MHz)
หากดูที่รหัสตัวเครื่องที่ด้านหลัง จะพบว่าเป็นรุ่น GT-i9100T
แบตเตอรี่ของ Samsung Galaxy S II นั้นจะมีความจุ 1,650 mAh ซึ่งจากการใช้งานถือว่ามีความอึดพอสมควรเลยทีเดียว
เมื่อใส่อุปกรณ์ต่างๆ เรียบร้อยดีแล้ว ก็พร้อมเปิดเครื่องใช้งาน
ฝาหลังที่ใช้จะเป็นพลาสติกที่บางมากๆ อาจจะต้องระมัดระวังในการใช้งานกันพอสมควร
แต่อย่างไรก็ดี เท่าที่ลองทดสอบดูฝาหลังที่เห็นบางๆ แบบนี้ ก็มีความยืดหยุ่นมากพอตัว ก็น่าจะมั่นใจได้ในระดับหนึ่ง
มาดูความบางเฉียบของฝาหลังกันแบบชัดๆ นี่ก็น่าจะเป็นส่วนหนึ่งที่ทำให้ตัวเครื่องมีน้ำหนักที่เบาเป็นพิเศษ
การจับถือจะรู้สึกกระชับมือและมีการยึดเกาะที่ดีกว่า Samsung Galaxy S รุ่นแรก
แต่ด้วยความกว้างของหน้าจอ คนที่มีฝ่ามือขนาดเล็กก็อาจจะถือหรือใช้งานมือเดียวได้ลำบากซักเล็กน้อย
เปรียบเทียบกับ สมาร์ทโฟน รุ่นยอดนิยมในปัจจุบัน
เมื่อนำ Samsung Galaxy S II มาวางเปรียบเทียบกับ สมาร์ทโฟน รุ่นยอดนิยมอย่าง
iPhone 4, Samsung Galaxy S และ HTC Desire HD
หากดูกันที่วัสดุหรือความแข็งแรง Samsung Galaxy S II และ Galaxy S นั้นดูจะเป็นรองอีกสองรุ่นอยู่มาก
แต่ในเรื่องความบาง ด้วยความบางเฉียบเพียงแค่ 8.49 มิลลิเมตร ก็ทำให้ Galaxy S II นั้นบางเฉียบที่สุดในกลุ่ม
เปรียบเทียบช่องเชื่อมต่อและอุปกรณ์ต่างๆ ที่บริเวณด้านล่างของตัวเครื่อง
เปรียบเทียบช่องเชื่อมต่อและอุปกรณ์ต่างๆ ที่บริเวณด้านบนของตัวเครื่อง
น้ำหนักตัวของ Samsung Galaxy S II นั้นจะหนักเพียง 116 กรัม เท่านั้น ซึ่งถือว่าเบาที่สุดในกลุ่ม
ส่วนรุ่นพี่อย่าง Samsung Galaxy S หนักกว่าแค่เล็กน้อยเท่านั้น เพราะมีน้ำหนักเพียง 119 กรัม
iPhone 4 จะหนักกว่าพอสมควร เพราะมีน้ำหนัก 137 กรัม แต่ก็ได้วัสดุที่มีคุณภาพ และมีความทนทานแข็งแรงมากกว่าด้วย
ส่วนน้ำหนักตัวของ HTC Desire HD นั้นไม่ต้องพูดถึง เพราะหนักถึง 164 กรัม ซึ่งหนักที่สุดในกลุ่ม
แต่เรื่องของวัสดุ และความแข็งแรงทนทานบึกบึน ก็น่าจะดีที่สุดในกลุ่มด้วยเช่นกัน
ไหนๆ ก็นำตัวเครื่องมาเปรียบเทียบกันแล้ว ก็ลองมาเปรียบเทียบประสิทธิภาพของหน้าจอกันดูบ้าง
แน่นอนว่าจอภาพแบบ Super AMOLED Plus ของ Samsung Galaxy S II นั้นมีสีสันที่สดใสมากที่สุดในกลุ่ม
เมื่อเปรียบเทียบกับหน้าจอของ iPhone 4 จะเห็นว่าสีสันของ iPhone 4 จะสดใสน้อยกว่า
แต่ในเรื่องของความละเอียดเนียนตาของการแสดงผล ก็ยังคงต้องยกให้กับจอภาพของ iPhone 4
เมื่อนำมาเปรียบเทียบกับรุ่นพี่อย่าง Samsung Galaxy S ซึ่งใช้จอภาพแบบ Super AMOLED รุ่นแรก
ก็แทบจะแยกความแตกต่างไม่เห็นเลยทีเดียว แต่หากมองกันดีๆ จอภาพแบบ Super AMOLED Plus ก็จะแสดงผลได้ดีกว่าเล็กน้อย
และหากเปรียบเทียบกับจอภาพแบบ LCD ธรรมดาของ HTC Desire HD
ก็เรียกได้ว่าจอภาพของ Samsung Galaxy S II นั้นทิ้งห่างอย่างชัดเจน
เปรียบเทียบหน้า Homescreen กับ iPhone 4
เปรียบเทียบหน้า Homescreen กับ Samsung Galaxy S
เปรียบเทียบหน้า Homescreen กับ HTC Desire HD
ตัวอย่างภาพถ่ายจากกล้องดิจิตอลของ Samsung Galaxy S II
ตัวอย่างภาพถ่ายความละเอียด 8 ล้านพิกเซล (3264x2448 Pixels) : คุณภาพสูงสุด : ไม่ผ่านการตกแต่งใดๆ
ตัวอย่างภาพถ่ายที่ถ่ายด้วยการเปิดฟังก์ชัน Auto Contrast และปิดฟังก์ชัน Auto Contrast ตามลำดับ
ตัวอย่างภาพถ่ายแนวกว้าง (Panorama)
ตัวอย่างภาพถ่ายที่ใส่เอฟเฟคแบบต่างๆ
ตัวอย่างภาพถ่ายที่ปรับสมดุลแสงสีขาว (White Balance) แบบต่างๆ
ตัวอย่างการทดสอบปริมาณของจุดรบกวน (Noise) ที่ ISO 100, ISO 200, ISO 400 และ ISO 800 ตามลำดับ
ตัวอย่างคลิปวิดีโอแบบ MPEG-4 (.mp4) ความละเอียดระดับ Full HD (1920x1080 Pixels : 30 fps) : คุณภาพสูงสุด
สรุปผลการทดสอบ
จากการทดสอบการใช้งานมาได้ประมาณ 1 สัปดาห์ กับ Samsung Galaxy S II ก็พอจะมองเห็นอะไรหลายๆ อย่างจากโทรศัพท์มือถือรุ่นนี้ จึงขอสรุปเป็นจุดเด่นและจุดด้อยตามความคิดเห็นส่วนตัวคร่าวๆ ดังนี้
จุดเด่น
- จอภาพแบบ Super AMOLED Plus ขนาด 4.3 นิ้ว ความละเอียดระดับ WVGA (480x800 Pixels) ที่แสดงผลได้อย่างยอดเยี่ยม มีสีสันที่สดใสมากที่สุดหากเปรียบเทียบกับโทรศัพท์มือถือที่มีวางจำหน่ายอยู่ในปัจจุบัน
- User Interface แบบ TouchWiz UI เวอร์ชัน 4.0 ซึ่งมีความสวยงามมากขึ้น และมีฟังก์ชันการทำงาน หรือการปรับแต่งที่หลากหลายยืดหยุ่นมากขึ้น
- รองรับระบบ Multi-Touch พร้อมกันมากถึง 10 จุด และมีการทำงานที่ถูกต้องสมบูรณ์
- ตัวเครื่องมีความบางเฉียบเพียง 8.49 มิลลิเมตร และมีน้ำหนักที่เบาเป็นพิเศษเพียง 116 กรัม ซึ่งหากเทียบกับขนาดของหน้าจอที่ใหญ่ถึง 4.3 นิ้ว ก็ถือว่าเบาเป็นอย่างมาก
- ประมวลผลการทำงานด้วยซีพียู Dual-Core ARM Cortex-A9 Proccessor (Exynos Chipset) ความเร็วในการประมวลผล 1.2 GHz
- หน่วยประมวลผลภาพกราฟฟิคโดยเฉพาะแบบ Mali-400MP GPU
- ขับเคลื่อนการทำงานด้วยระบบปฏิบัติการ แอนดรอยด์ เวอร์ชัน 2.3.3 หรือ Gingerbread
- หน่วยความจำ RAM ขนาด 1 GB พร้อมหน่วยความจำภายในสำหรับผู้ใช้ขนาด 16 GB และรองรับการ์ดหน่วยความจำเสริมภายนอกแบบ microSD ได้สูงสุดที่ขนาด 32 GB
- กล้องดิจิตอลตัวหลักที่ด้านหลังของตัวเครื่อง ความละเอียดระดับ 8 ล้านพิกเซล (3264x2448 Pixels) พร้อมระบบโฟกัสภาพอัตโนมัติ, เลือกจุดโฟกัสด้วยการสัมผัส, ตรวจจับใบหน้า, ตรวจจับรอยยิ้ม, ตรวจจับการกระพริบตา พร้อมไฟแฟลชแบบ LED ในตัว
- รองรับการถ่ายภาพวิดีโอความละเอียดสูงระดับ Full HD 1080p ที่ความเร็ว 30 เฟรมต่อวินาที พร้อมระบบโฟกัสภาพอัตโนมัติแบบต่อเนื่องขณะที่กำลังถ่ายภาพวิดีโอ
- เลนส์กล้องดิจิตอลตัวที่สองที่ด้านหน้าของตัวเครื่องที่มีความละเอียดมากถึง 2 ล้านพิกเซล รองรับทั้งการถ่ายภาพนิ่ง ภาพวิดีโอ และการใช้งาน Video Call
- รองรับการเล่นไฟล์วิดีโอความละเอียดสูงระดับ Full HD 1080p พร้อมการแสดงผลที่ลื่นไหลเนียนตา สีสันสดใส ไร้อาการหน่วง หรือการกระตุกของภาพ
- การท่องเว็บไซต์ด้วยโปรแกรม Web Browser มีความรวดเร็วลื่นไหลเป็นอย่างมาก ด้วยประสิทธิภาพในการประมวลผลที่สูงจากซีพียู และจีพียู พร้อมรองรับการแสดงผลไฟล์ Flash อย่างเต็มรูปแบบ
- รองรับการเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตผ่านทางระบบ WiFi 802.11 a/b/g/n, HSPA+, EDGE Class 12 และ GPRS Class 12 พร้อมรองรับการแชร์อินเทอร์เน็ตผ่านทางฟังก์ชัน WiFi Hotspot
- รองรับเทคโนโลยีการเชื่อมต่อแบบ DLNA ผ่านทางฟังก์ชัน WiFi Direct
- รองรับการเชื่อมต่อกับจอแสดงผลภายนอกผ่านทางสาย MHL (Mobile High-Definition Link) ที่ช่อง microUSB พร้อมรองรับเทคโนโลยี USB On-the-Go
- อุปกรณ์รับสัญญาณ GPS ในตัว พร้อมฟังก์ชัน A-GPS โดยประสิทธิภาพในการรับสัญญาณนั้นถือว่ายอดเยี่ยม
- มีเซ็นเซอร์ตรวจจับแบบต่างๆ อย่างครบครัน ทั้ง Proximity Sensor, Ambient Light Sensor และ Gyroscope Sensor
- แบตเตอรี่ขนาดความจุ 1,650 mAh สามารถใช้งานต่อเนื่องได้นานพอสมควรเมื่อเทียบกับขนาดของหน้าจอ และฟังก์ชันการใช้งานต่างๆ ที่หลากหลาย
- ช่องต่อหูฟังมาตรฐานขนาด 3.5 มิลลิเมตร ช่วยให้สามารถนำหูฟังมาตรฐานทั่วไปมาเชื่อมต่อใช้งานได้ทันที
- คุณภาพเสียงที่ได้ค่อนข้างดี โดยเฉพาะหากใช้งานคู่กับกับหูฟังที่มีคุณภาพ
- วิทยุ FM Stereo ในตัว พร้อมรองรับการใช้งานระบบ RDS (Radio Data System)
- ไมโครโฟนตัวที่สอง สำหรับการตัดเสียงรบกวนขณะสนทนา
จุดด้อย
- วัสดุตัวเครื่องเป็นพลาสติกทั้งหมด และฝาหลังเป็นพลาสติกที่ค่อนข้างบางมาก กล่าวคือวัสดุน่าจะดีกว่านี้ ในฐานะที่เป็นตัวบนสุดของแบรนด์
- เครื่องที่วางจำหน่ายในประเทศไทยจะแยกเป็น 2 รุ่น คือรุ่นที่รองรับ 3G คลื่นความถี่ 850/2100 MHz และ 3G ความถี่ 900/2100 MHz ดังนั้นจึงไม่เหมือนกับเครื่องที่วางจำหน่ายในเมืองนอกที่สามารถรองรับได้ทั้งคลื่นความถี่ 850 และ 900 MHz ได้ในตัวเดียวกัน
- เครื่องที่วางจำหน่ายในประเทศไทยจะไม่สามารถรองรับเทคโนโลยี NFC (Near Field Communication)
- ไม่มีไฟ LED สำหรับการแจ้งเตือน หรือการแสดงสถานะการทำงานต่างๆ ของตัวเครื่อง
- ไม่มีปุ่มกล้องดิจิตอลโดยเฉพาะสำหรับการถ่ายภาพ
- มีลำโพงภายนอกเพียงตัวเดียว ต่างจากบางรุ่นที่มีลำโพงมาให้ 2 ตัวเพื่อแยกเสียงซ้ายขวา
- ขณะถ่ายภาพวิดีโอที่ความละเอียดระดับ Full HD 1080p จะไม่สามารถซูมภาพได้ ต้องเลือกใช้ความละเอียดที่ต่ำลงไปจึงจะสามารถซูมได้
- ระบบโฟกัสภาพอัตโนมัติแบบต่อเนื่องขณะถ่ายภาพวิดีโอยังทำงานได้ค่อนข้างช้า และไม่แม่นยำเท่าที่ควร
- ไม่มีโปรแกรมนำทางมาให้สำหรับการใช้งาน GPS ต้องไปดาวน์โหลดหรือซื้อเพิ่มเติมเองในภายหลัง
โปรดทราบ
* โทรศัพท์มือถือที่ท่านเห็นในบทความรีวิวนี้เป็นเพียงเครื่องทดสอบจากทางศูนย์ เพราะฉะนั้นคุณสมบัติบางอย่างอาจมีความแตกต่างจากเครื่องที่วางจำหน่ายจริงบ้างไม่มากก็น้อย รวมถึงจุดด้อยบางประการที่พบในเครื่องทดสอบ อาจจะถูกแก้ไขปรับปรุงให้ดีขึ้นในเครื่องที่วางจำหน่ายจริง ดังนั้นหากท่านสนใจซื้อโทรศัพท์มือถือรุ่นนี้ ควรตรวจสอบหรือทดลองใช้งานสินค้าด้วยตนเองอีกครั้งหนึ่ง *
สรุปคุณสมบัติเครื่อง
ท่านสามารถตรวจสอบคุณสมบัติแบบสรุป (Specification) ของ Samsung Galaxy S II ได้โดยการคลิ๊กที่ Link ด้านล่างนี้
Samsung Galaxy S II Specification
:: ไปหน้าแรกเว็บไซต์ Thaimobilecenter
| ไปหน้าแรก
Mobile Focus ::