เทียบสเปก Xiaomi Mi 10T/10T Pro และ Xiaomi Mi 11 เรือธงรุ่นประหยัด vs เรือธงตัวจริง ต่างกันแค่ไหน ซื้อรุ่นไหนดี มาดู!
เปิดตัวในไทยแล้วเรียบร้อยสำหรับ Xiaomi Mi 11 สมาร์ทโฟนเรือธงรุ่นใหม่ล่าสุด ที่มากับชิปเซ็ตระดับท็อปอย่าง Snapdragon 888 นับเป็นครั้งแรกที่เราจะได้สัมผัสความแรงของชิปเซ็ต รุ่นนี้ ซึ่งแรงที่สุดในวงการมือถือ Android ณ ปัจจุบัน ทำเอาหลายคนที่กำลังจะซื้อมือถือใหม่ตอนนี้หวั่นไหวกันเป็นแถว
แต่ขณะเดียวกัน ก็ยังมีสมาร์ทโฟน Xiaomi อีกรุ่นหนึ่งที่สเปกใกล้เคียงกัน แต่มีราคาถูกกว่า นั่นคือ Xiaomi Mi 10T และ Mi 10T Pro ทำให้ตอนนี้หลายคนคิดไม่ตกว่าควรจะซื้อรุ่นไหนดี แล้วถ้ามี Mi 10T/10T Pro อยู่แล้ว จะอัปเกรดเป็น Mi 11 ดีหรือไม่ ในวันนี้เราจึงนำสมาร์ทโฟนทั้ง 3 รุ่นมาเปรียบเทียบจุดเด่นกันแบบชัดๆ เพื่อให้ทุกท่านตัดสินใจได้ง่ายขึ้นครับ
เปรียบเทียบสเปก
Xiaomi Mi 10T/10T Pro / Xiaomi Mi 11
(กดที่รูปเพื่อดูรูปใหญ่)
จากตารางข้างต้น จะเห็นว่า Xiaomi Mi 10T กับ Mi 10T Pro นั้นมีสเปกที่เหมือนกันมาก ต่างกันเพียงกล้องหลักด้านหลังที่มีความละเอียด 64 MP กับ 108 MP เท่านั้น ซึ่งจริงๆ แล้วคุณภาพของรูปถ่ายของทั้งสองรุ่นก็ไม่ได้ต่างกันเท่าไรนัก ส่วนความแตกต่างของ Mi 10T/10T Pro กับ Xiaomi Mi 11 ที่เด่นชัด จะอยู่ที่หน้าจอแสดงผล, ชิปเซ็ตประมวลผล, ระบบชาร์จ และการถ่ายภาพ
หน้าจอของ Mi 11 ถึงแม้จะมีอัตรารีเฟรช 120Hz ต่ำกว่า 144Hz ของ Mi 10T/10T Pro แต่ก็เป็นส่วนต่างที่น้อยมากจนแยกด้วยตาเปล่าไม่ออก สิ่งที่แตกต่างกันจริงๆ คือคุณภาพของหน้าจอ ซึ่งจอของ Mi 11 เป็นจอ AMOLED ที่มีค่า contrast ดีกว่ามาก และรองรับการแสดงผลแบบ HDR10+ อีกทั้งยังมีความละเอียดสูงถึงระดับ WQHD+ จึงถ่ายทอดคอนเทนต์ต่างๆ ออกมาได้สวยงามกว่า Mi 10T/10T Pro มาก
ชิปเซ็ตประมวลผลเป็นหัวใจสำคัญที่ทำให้ Mi 11 แตกต่างจาก Mi 10T/10T Pro อย่างชัดเจน เพราะชิปเซ็ต Snapdragon 888 ที่อยู่ใน Mi 11 เป็นชิปเซ็ตรุ่นใหม่ที่เหนือกว่า Snapdragon 865 ใน Mi 10T/10T Pro อยู่ 1 เจเนอเรชัน จึงเร็วกว่า และแรงกว่า ซึ่งส่งผลต่อประสบการณ์การใช้งานโดยรวม โดยเฉพาะการเล่นเกม อย่างไรก็ตาม หากไม่ได้เล่นเกมบ่อย อาจจะไม่ค่อยรู้สึกถึงความแตกต่างตรงนี้
สำหรับระบบการชาร์จ Mi 11 รองรับการชาร์จไร้สาย และยังรองรับระบบชาร์จไวที่เร็วกว่า Mi 10T/10T Pro ส่วนนี้อาจไม่ได้สำคัญเท่าไรนัก เพราะระบบชาร์จไว 33W ของ Mi 10T/10T Pro ก็รวดเร็วพอตัวอยู่แล้วสำหรับการใช้งานในชีวิตประจำวัน แต่ถ้าชอบใช้ชาร์จไร้สายมากกว่า ไม่ชอบสายรุงรัง ก็อาจเป็นปัจจัยที่ต้องพิจารณา
ถึงแม้กล้องของ Mi 10T/10T Pro กับ Mi 11 จะมีสเปกที่คล้ายกัน แต่ Mi 11 มีซอฟท์แวร์การประมวลผลภาพที่ใหม่กว่า และมีโหมดถ่ายภาพให้เลือกมากกว่า หนึ่งในโหมดที่ไม่มีใน Mi 10T/10T Pro คือโหมดซูเปอร์มูนสำหรับถ่ายพระจันทร์ นอกจากนี้ยังทำงานได้รวดเร็วกว่าจากพลังของชิปเซ็ต Snapdragon 888 จึงน่าจะมอบประสบการณ์ในการถ่ายรูปและวิดีโอที่ดีกว่า Mi 10T/10T Pro แต่เมื่อเทียบกับส่วนต่างของราคาที่มากถึง 9,000 บาทแล้ว อาจจะต้องคิดหนักสักหน่อยถ้าไม่ได้เป็นคนที่ชอบถ่ายรูป หรือถ่ายวิดีโอจริงจังครับ
สรุป
ทางทีมงานมองว่าความแตกต่างของ Mi 10T/10T Pro กับ Mi 11 จริงๆ คือหน้าจอแสดงผล กับชิปเซ็ต ซึ่งทั้งคู่เป็นปัจจัยที่ส่งผลต่อประสบการณ์การใช้งานโดยตรง จอของ Mi 11 เป็นจอแบบ AMOLED ที่มีคุณภาพสูงกว่าจอ IPS ของ Mi 10T/10T Pro มาก ทั้งค่า contrast ที่จัดกว่า, สีสันสวยกว่า, คมชัดกว่า และประหยัดพลังงานกว่า ทำให้ใช้ประโยชน์จากฟีเจอร์ Always-On Display ได้เต็มที่โดยไม่สิ้นเปลืองพลังงาน ส่วนในเรื่องขอชิปเซ็ต Snapdragon 888 มีประสิทธิภาพที่สูงมาก และสูงที่สุดในกลุ่มสมาร์ทโฟน Android ณ เวลานี้ ในการใช้งานทั่วไปอาจจะไม่ค่อยรู้สึกถึงความแตกต่าง เนื่องจาก Snapdragon 865 ใน Mi 10T/10T Pro ก็เป็นชิปเซ็ตเรือธงเช่นกัน เพียงแต่เป็นคนละเจเนอเรชัน ความแตกต่างจะชัดเจนเมื่อใช้งานหนักๆ โดยเฉพาะการเล่นเกม เกมไหนที่ Mi 10T/10T Pro ปรับสุดแล้วไม่ลื่น Mi 11 ทำได้ลื่นกว่าแน่นอน เมื่อรวมเข้ากับหน้าจอที่สวยกว่าแล้ว ยิ่งทำให้อินกับเกมได้มากขึ้น
อย่างไรก็ดี เมื่อลองชั่งน้ำหนักกับส่วนต่างของราคาที่มากถึง 10,000 บาทแล้ว อาจไม่คุ้มค่าเท่าไหร่ถ้าจะอัปเกรดจาก Mi 10T/10T Pro ไปเป็น Mi 11 ดังนั้นใครที่มี Mi 10T/Mi 10T Pro อยู่แล้ว แนะนำว่าไม่ควรอัปเกรดเป็น Mi 11 หากต้องการอัปเกรดจริงๆ ควรรอ Mi 11 Pro หรือ Mi 11 Ultra จะน่าสนใจกว่า แต่ถ้าใช้สมาร์ทโฟนรุ่นเก่า หรือสมาร์ทโฟนระดับกลางๆ อยู่ ก็อาจเลือกซื้อ Mi 11 เพื่อสัมผัสความแรงของ Snapdragon 888 ไปเลยก็ได้ ซึ่งเมื่อรวมกับของแถม และโปรโมชันพรีออร์เดอร์แล้ว ก็ถือว่าน่าสนใจอยู่ครับ
รีวิว Xiaomi Mi 11
เรือธง Snapdragon 888 รุ่นแรกของโลก พร้อมจอ 120Hz ระดับ A+ ผสานกล้อง 108MP ระดับสตูดิโอ
บวกพลังชาร์จ 55W และลำโพงคู่ Harman Kardon บนดีไซน์พรีเมียมสุดของค่าย ในราคาจับต้องได้
นำเสนอบทความโดย : thaimobilecenter.com
วันที่ : 25/2/2564
