DxOMark น่าเชื่อถือหรือไม่? ทำไม Xiaomi Mi 10 Ultra ได้คะแนนกล้องมากกว่า Samsung Galaxy Note20 Ultra?
DxOMark สถาบันทดสอบกล้องถ่ายภาพชั้นนำระดับโลก เพิ่งจะมีการประกาศคะแนนกล้องถ่ายภาพของ Samsung Galaxy Note20 Ultra ออกมาให้ทราบกัน โดยสมาร์ทโฟนตัวท็อปรุ่นใหม่ของ Samsung สามารถทำคะแนนรวมไปได้ทั้งหมด 121 คะแนน ครองอันดับที่ 10 มือถือกล้องดีที่สุดจาก DxOMark แต่เพราะเหตุใด Galaxy Note20 Ultra ถึงได้คะแนนกล้องถ่ายภาพที่น้อยกว่า Xiaomi Mi 10 Ultra? ไปหาคำตอบกันดีกว่าครับ
สเปกกล้อง Samsung Galaxy Note20 Ultra
- กล้องตัวหลักความละเอียด 108 ล้านพิกเซล เซ็นเซอร์รับภาพขนาด 1/1.33 นิ้ว พร้อมค่ารูรับแสงกว้าง f/1.8
- กล้อง Telephoto ความละเอียด 12 ล้านพิกเซล รูรับแสงกว้าง f/3.0 พร้อมรองรับการซูมภาพแบบ Optical 5 เท่า (เทียบเท่าระยะเลนส์ 120 มม.)
- กล้อง Ultra-Wide ความละเอียด 12 ล้านพิกเซล รูรับแสงกว้าง f/2.2 พร้อมองศาในการรับภาพเทียบเท่าระยะเลนส์
สเปกกล้อง Mi 10 Ultra
- กล้องตัวหลักความละเอียด 48 ล้านพิกเซล เซ็นเซอร์รับภาพขนาด 1/1.32 นิ้ว พร้อมค่ารูรับแสงกว้าง f/1.85
- กล้อง Telephoto ตัวที่ 1 ความละเอียด 12 ล้านพิกเซล เซ็นเซอร์รับภาพขนาด 1 / 2.56 นิ้ว พร้อมค่ารูรับแสงกว้าง f/2.0 รองรับการซูมภาพ Optical 2 เท่า (เทียบเท่าระยะเลนส์ 50 มม.
- กล้อง Telephoto ตัวที่ 2 ความละเอียด 48 ล้านพิกเซล เซ็นเซอร์รับภาพขนาด 1 / 2 นิ้ว แบบ Quad Bayer พร้อมค่ารูรับแสงกว้าง f/4.1 รองรับการซูมภาพ Optical 5 เท่า (เทียบเท่าระยะเลนส์ 120 มม.)
- กล้อง Ultra-Wide ความละเอียด 20 ล้านพิกเซล เซ็นเซอร์รับภาพขนาด 1 / 2.8 นิ้ว รูรับแสงกว้าง f/2.2 พร้อมองศาในการรับภาพเทียบเท่าระยะเลนส์ 12 มม.
ทำไมกล้อง Galaxy Note20 Ultra ได้คะแนนน้อยกว่า Mi 10 Ultra?
ก่อนอื่นเรามาดูคะแนนในแต่ละหมวดของสมาร์ทโฟนทั้งสองรุ่นกันก่อน โดย Galaxy Note20 Ultra สามารถทำคะแนนการถ่ายภาพนิ่งไปได้ทั้งหมด 130 คะแนน และทำคะแนนในด้านการถ่ายวิดีโอได้ทั้งหมด 101 คะแนน คิดเป็นคะแนนรวม 121 คะแนน ส่วนทางด้าน Mi 10 Ultra ทำคะแนนด้านการถ่ายภาพนิ่งได้ทั้งหมด 142 คะแนน และทำคะแนนการถ่ายวิดีโอได้ทั้งหมด 106 คะแนน
หากเรามาดูที่คะแนนการถ่ายภาพนิ่งในแต่ละหัวข้อจะพบว่า ทั้งสองรุ่นได้รับคะแนนทดสอบที่ค่อนข้างใกล้เคียงกัน แต่จะมีหัวข้อหนึ่งที่ Galaxy Note20 Ultra ได้คะแนนน้อยกว่านั่นก็คือ Zoom หรือการทดสอบด้านการซูมภาพระยะไกล โดย Galaxy Note20 Ultra ทำคะแนนทดในหมวดซูมได้ทั้งหมด 83 คะแนน ขณะที่ Mi 10 Ultra กวาดคะแนนไปได้มากถึง 117 คะแนน ซึ่งน่าจะเป็นหนึ่งในปัจจัยสำคัญที่ส่งผลต่อคะแนนรวมที่ไม่เท่ากันในท้ายที่สุด
ตัวอย่าง Artifacts ที่เกิดขึ้นจากการรวมภาพของ Galaxy Note20 Ultra
ประเด็นนี้ ทาง DxOMark ให้เหตุผลว่า แม้ Galaxy Note20 Ultra จะมีความสามารถด้านการซูมภาพที่ไกลเทียบเท่ากับเลนส์ระยะ 120 มม. รวมทั้งยังสามารถเก็บรายละเอียดของภาพถ่ายได้ดีทั้งกลางวัน และกลางคืน แต่กล้องซูมของ Galaxy Note20 Ultra จะปรากฏ Noise ให้ค่อนข้างเห็นได้ชัดเมื่อถ่ายภาพซูมระยะไกล และที่สำคัญ Galaxy Note20 Ultra ยังเจอ Artifacts (ร่องรอยบนภาพถ่ายที่เกิดจากการปรับแต่งโดยซอฟท์แวร์) ที่สามารถมองเห็นได้ง่ายเมื่อถ่ายภาพซูมในระยะกลาง เนื่องจากการถ่ายภาพในระยะดังกล่าวนั้น ระบบไม่ได้ใช้กล้องเลนส์ซูม Telephoto เพียงแค่ตัวเดียว ทำให้บางครั้งเกิดปัญหาการรวมภาพที่ผิดเพี้ยน (Fusion Errors) ไปจนถึงการรวมรายละเอียดของภาพถ่ายเข้าด้วยกัน และ Moire Pattern ที่เป็นลายรบกวนรูปคลื่นที่เรามักจะเห็นกันบ่อยเวลาถ่ายภาพสไลด์ หรือถ่ายภาพหน้าจอคอมพิวเตอร์ นอกจากนี้ การถ่ายภาพซูมบน Galaxy Note20 Ultra ยังพบอาการภาพมีดีเทลชัดเฉพาะแค่ส่วนตรงกลาง ซึ่งทำให้ทาง DxOMark ให้คะแนนด้านการซูมของ Galaxy Note20 Ultra เอาไว้ที่ 83 คะแนน ซึ่งแม้ว่าอาจจะดูน้อยกว่า Mi 10 Ultra แต่ก็ถือว่ามีการปรับปรุงมาจากรุ่น S20 Ultra ที่ทำคะแนนในหมวดซูมไปได้ทั้งหมด 80 คะแนน
ตัวอย่างภาพซูมระยะไกลของ Mi 10 Ultra ที่แม้จะคร็อปภาพออกมาเฉพาะส่วน ก็ยังสามารถมองเห็นรายละเอียดได้ค่อนข้างชัดเจน
ส่วนระบบซูมของ Mi 10 Ultra นั้น ทาง DxOMark ให้ความเห็นว่า แม้จะมีอาการดีเทลของภาพชัดเฉพาะแค่ส่วนตรงกลาง ไปจนถึง Noise ที่สามารถมองเห็นได้ในสถานการณ์ และการเร่ง Sharpness ที่มากจนเกินไปในบางส่วนเนื่องมาจากการวิธีรวมภาพเข้าด้วยกันจากหลายกล้อง แต่ในเรื่องของรายละเอียดด้านการซูมระยะไกลระดับ 10 เท่าแล้ว Mi 10 ultra ถือว่าสามารถเก็บรายละเอียดได้ดีกว่าเมื่อเทียบกับ Samsung และ Huawei
โดยจากภาพเปรียบเทียบด้านต้นจะเห็นได้ว่า การถ่ายภาพซูมในระยะไกล และระยะกลาง Mi 10 Ultra จะสามารถเก็บรายละเอียดในส่วนต่างๆ ของภาพได้ค่อนข้างครบถ้วนกว่าเมื่อเทียบกับกล้องของ Note20 Ultra รวมทั้งยังสามารถควบคุม Artifacts ให้เห็นได้น้อยกว่าเมื่อเทียบกับ Galaxy Note20 Ultra
นอกจากนี้ คะแนนในหมวดของกล้องถ่ายภาพมุมกว้าง (Wide) ก็เป็นอีกส่วนที่ส่งผลต่อคะแนนรวมของทั้งสองรุ่นที่ไม่เท่ากัน เนื่องจากกล้องของ Mi 10 Ultra จะมีองศาในการรับภาพที่ค่อนข้างกว้างเป็นพิเศษ ซึ่งถือว่ากว้างที่สุดเท่าที่เคยทดสอบมา อีกทั้งยังสามารถเก็บรายละเอียดต่างๆ ของภาพถ่ายได้ค่อนข้างครบถ้วน เมื่อเทียบกับกล้องเลนส์ Wide ของ Galaxy Note20 Ultra ที่มีองศาค่อนข้างแคบกว่า โดยคาดว่าน่าจะเป็นผลมาจากซอฟท์แวร์ของกล้องถ่ายภาพที่พยายามแก้ขอบเบี้ยว (Distortion) จึงทำให้จำเป็นต้องมีการคร็อปภาพบางส่วนออกไป รวททั้ง Galaxy Note20 Ultra ยังเจอ Artifacts ค่อนข้างชัดเมื่อถ่ายภาพด้วยเลนส์ Wide
อีกหนึ่งจุดที่ DxOMark มองว่ากล้องของ Mi 10 Ultra สามารถทำได้ดีกว่าค่อนข้างชัดเจนก็คือ Bokeh หรือการถ่ายภาพแบบหน้าชัดหลังเบลอ เนื่องจากในรุ่น Galaxy Note20 Ultra จะมีร่องรอย Artifacts จากการตัดขอบให้เห็นบ้างบริเวณในส่วนของขอบตัวแบบ เมื่อเทียบกับ Mi 10 Ultra ที่สามารถคำนวนระยะชัดตื้นได้อย่างแม่นยำ ส่งผลให้การตัดขอบดูเนียนตา
DxOMark น่าเชื่อถือหรือไม่?
DxOMark เคยออกมาอธิบายว่า การทดสอบกล้องถ่ายภาพของสมาร์ทโฟนนั้น DxOMark จะทดสอบถ่ายภาพนิ่งในหมวดต่างๆ เป็นจำนวนมากกว่า 1,600 ภาพ และถ่ายวิดีโอเป็นเวลามากกว่าทั้งในห้องแล็ป และนอกสถานที่เป็นเวลามากกว่า 2 ชั่วโมง โดยการทดสอบแต่ละครั้งมีการใช้เครื่องมือในระดับอุตสาหกรรม และวัดผลโดยอิงตามหลักวิทยาศาสตร์เป็นหลัก นอกจากนี้ DxOMark ยังมีการสร้างเครื่องมือเพื่อทดสอบคุณภาพกล้องโดยเฉพาะ พร้อมทั้งควบคุมการทดสอบด้วยผู้เชี่ยวชาญ และแขนกล เพื่อให้ผลทดสอบสามารถทำซ้ำได้ และมีความแม่นยำสูง โดยผลทดสอบทั้งหมดจะถูกนำไปประมวลผลด้วยโปรแกรมเฉพาะทาง เพื่อสรุปออกมาเป็นคะแนนในขั้นสุดท้าย ซึ่งหากพิจารณาจากวิธีทดสอบของ DxOMark แล้ว ก็ถือว่ามีความน่าเชื่อถืออยู่ในระดับหนึ่ง (อ่านข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับวิธีการทดสอบของ DxOMark ได้ที่นี่)
โดยแม้ว่าคะแนนกล้องของ Galaxy Note20 Ultra ในบางหมวดหมู่อาจจะได้คะแนนทดสอบที่น้อยกว่า Mi 10 Ultra แต่โดยสรุปแล้ว ทาง DxOMark มองว่า กล้องถ่ายภาพของ Galaxy Note20 Ultra มีคุณภาพอยู่ในระดับดีเยี่ยม และยังมีจุดเด่นในเรื่องของการวัดแสงที่แม่นยำ, สีสันที่สดใส รวมถึงการเก็บรายละเอียดสมกับสมาร์ทโฟนระดับไฮเอนด์
นอกจากนี้ หากเราย้อนกลับไปดูงานเปิดตัวของ Galaxy Note20 Series จะเห็นได้ว่า Samsung พยายามนำเสนอ Galaxy Note20 Ultra ให้เป็น Power Phone เพื่อตอบโจทย์การใช้งานแบบ Work & Play หรือสมาร์ทโฟนทรงพลังที่ถูกออกแบบมาเพื่อสร้างสรรค์ผลงาน และการทำงานเป็นหลัก ไม่ว่าจะเป็น การใส่ปากกา S Pen เพื่อช่วยตอบโจทย์การจดบันทึก, ฟีเจอร์ Link to Windows เพื่อเชื่อมต่อ Galaxy Note เข้ากับคอมพิวเตอร์ได้อย่างไร้สาย สามารถสลับการใช้งานระหว่างมือถือ และคอมพิวเตอร์ได้แบบไร้รอยต่อ ไปจนถึง Wireless DeX ที่ช่วยเปลี่ยนสมาร์ทโฟน ให้ทำงานในโหมด PC จึงทำให้ Galaxy Note20 Ultra ดูเป็นสมาร์ทโฟนที่มีความสามารถรอบด้าน ไม่ได้เน้นการถ่ายภาพเป็นหลัก
อย่างไรก็ตาม กล้องถ่ายภาพก็เป็นเพียงแต่ส่วนหนึ่งของสมาร์ทโฟนเท่านั้น สมาร์ทโฟนรุ่นไหนจะดีกว่ากันนั้นคงไม่สามารถตัดสินได้ เพราะส่วนหนึ่งต้องขึ้นอยู่กับความชื่นชอบส่วนบุคคลด้วย หากทดลองใช้งานแล้วถูกใจ ก็ถือว่าสมาร์ทโฟนรุ่นนั้นน่าจับจองเป็นเจ้าของแล้วครับ
วันที่ : 7/10/2563
