หน้าแรกมือถือ > รวมข่าวมือถือ > หน้าบทความ ข่าวมือถือ
   
Date : 9/10/2564

Cinematic Mode ในมือถือคืออะไร ? ใช้ถ่ายคอนเทนต์ประเภทไหน เหมาะกับใครบ้าง มาดูกัน !

 

นอกเหนือจากเซ็นเซอร์กล้องที่ได้รับการพัฒนาอย่างต่อเนื่องแล้ว ฟีเจอร์เกี่ยวกับการถ่ายภาพที่เพิ่งถูกเพิ่มเข้ามาในสมาร์ทโฟนรุ่นใหม่ ๆ นั่นก็คือ Cinematic Mode แต่ฟีเจอร์ดังกล่าวคืออะไร เหมาะแก่การถ่ายคอนเทนต์ประเภทไหน และเหมาะกับใครบ้าง เราไปหาคำตอบกันเลยครับ

 

Cinematic Mode คืออะไร ?

Cinematic Mode หรือโหมด Movie เป็นโหมดการถ่ายวิดีโอที่ผู้ใช้สามารถปรับแต่งการตั้งค่าของกล้องได้คล้ายกับกล้องระดับโปรเพื่อถ่ายทอดภาพที่ให้อารมณ์แบบภาพยนต์ ไม่ว่าจะเป็น ค่าความไวแสง (ISO), ค่าสมดุลแสงสีขาว (White Balance), ค่าความไวชัตเตอร์ (Speed Shutter) ไปจนถึงค่าการชดเชยแสงสีขาว (EV)

 

ตัวอย่างภาพจากไฟล์ LOG vs การถ่ายวิดีโอแบบธรรมดา ซึ่งจะเห็นว่าไฟล์ LOG จะมีสีที่ตุ่น ๆ ไม่มีการปรับแต่งสีสันเพิ่มเติมจากซอฟท์แวร์ ทำให้เหมาะกับการนำไปเกรดสี หรือปรับแต่งสีให้ตรงใจได้อย่างสะดวก

แต่สิ่งที่ Cinematic Mode แตกต่างไปจากโหมดโปรของการถ่ายภาพนิ่งก็คือ เราสามารถบันทึกภาพเป็นไฟล์ LOG หรือ ProRes ใน iPhone 13 Pro / Pro Max ซึ่งเป็นการบันทึกวิดีโอแบบเก็บรายละเอียดที่สูงกว่าปกติ ไฟล์มีความยืดหยุ่นสูง และใช้ความสามารถของเซ็นเซอร์กล้องถ่ายภาพได้แบบเต็มที่ ทำให้เราได้ไฟล์เหมาะกับการนำไฟล์วิดีโอไปเกรดสี ตบแต่งสีสัน รวมถึงตัดต่อในแอปพลิเคชันอื่น ๆ เช่น Davinci Resolve หรือ Final Cut เป็นต้น

 

ในสมาร์ทโฟนบางรุ่นอย่างเช่น iPhone 13 Pro | Pro Max จะเพิ่มขีดความสามารถในโหมด Cinematic Mode ให้ผู้ใช้สามารถถ่ายวิดีโอแบบหน้าชัดหลังเบลอได้อย่างเป็นธรรมชาติ สลับจุดโฟกัสเพื่อสร้างเอฟเฟกต์ชัดตื้นได้อย่างรวดเร็ว และยังสามารถกลับมาเลือกจุดโฟกัสได้ใหม่หลังจากถ่ายวิดีโอไปแล้ว

แต่อย่างไรก็ดี การถ่ายวิดีโอแบบไฟล์ LOG หรือ ProRes จะกินเนื้อที่ภายในเป็นอย่างมาก ซึ่งการบันทึกไฟล์เพียง 1 นาที อาจกินพื้นที่ความจุตัวเครื่องมากถึง 6GB - 8GB เลยทีเดียว ดังนั้นท่านที่ต้องการใช้งาน Cinematic Mode ได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ ควรคำนึงถึงความจุตัวเครื่องด้วย


 

Cinematic Mode ใช้ถ่ายอะไร เหมาะกับใคร ?

ตัวอย่างหนังสั้นที่ถ่ายด้วย Cinematic Mode ใน iPhone 13 

อย่างที่เรากล่าวไปว่า ประโยชน์ของ Cinematic Mode คือ สามารถปรับแต่งค่าต่าง ๆ รวมถึงสามารถบันทึกไฟล์วิดีโอความละเอียดสูงที่มีความยืดหยุ่นสูง เหมาะแก่การนำไปปรับแต่งสีสันในแอปพลิเคชันอื่น ๆ ซึ่งทำให้เหมาะกับการถ่ายคอนเทนต์ประเภท Vlog, การถ่ายทำหนังสั้น, วิดีโอพรีเซนต์สินค้า ไปจนถึงการถ่ายทำการท่องเที่ยว เป็นอย่างมาก

แต่อย่างไรก็ตาม Cinematic Mode อาจไม่ได้เหมาะสำหรับทุกคน เพราะจำเป็นต้องมีความรู้พื้นฐานเกี่ยวกับการปรับแต่งการตั้งค่าของกล้อง รวมทั้งควรมีความรู้พื้นฐานเกี่ยวกับการเกรดสี รวมถึง Workflow ของการทำ Post production เมื่อบันทึกแบบไฟล์ LOG หรือ ProRes เพื่อให้นำไฟล์วิดีโอไปปรับแต่งต่อในโปรแกรมอื่นได้อย่างมีประสิทธิภาพ

ก็เรียกได้ว่า Cinematic Mode เป็นอีกหนึ่งฟีเจอร์ที่น่าสนใจ และสามารถรีดประสิทธิภาพของกล้องมือถือได้ออกมาอย่างเต็มที่ ขอให้ทุกท่านสนุกกับการถ่ายทำแบบ Cinematic ด้วยมือถือนะครับ

 


วันที่ : 9/10/2564

ข่าวมือถือ บทความมือถือ ที่เกี่ยวข้อง
 

Cookie Consent

Our website uses cookies to provide your browsing experience and relavent informations.Before continuing to use our website, you agree & accept of our Cookie Policy & Privacy