พรีวิว Vivo V19 รุ่นใหม่อัปเกรดกล้องหน้าคู่ พร้อมใส่ชิปแรงกว่าเดิม แบตชาร์จเร็ว 33W และฟีเจอร์ครบเครื่องขึ้นอีกขั้น บนดีไซน์ใหม่ จ่อเปิดตัวในไทยเร็วๆ นี้

เป็นอีกรุ่นหนึ่งที่เตรียมเปิดตัว และวางจำหน่ายในบ้านเราเร็วๆ นี้ค่ะ สำหรับ Vivo V19 สมาร์ทโฟนรุ่นใหม่ซึ่งถูกพัฒนาต่อยอดจาก V Series รุ่นที่แล้วอย่าง V17 ที่เพิ่งเปิดตัว และวางจำหน่ายไปเมื่อเดือนธันวาคมที่ผ่านมา กับการอัปเกรดฟีเจอร์ภายในหลายด้าน ทั้งการเปลี่ยนมาใช้กล้องหน้าคู่, ชิปเซ็ตที่แรงขึ้น, แบตเตอรี่ที่ชาร์จเร็วกว่าเดิม และลูกเล่นที่ครบเครื่องยิ่งกว่าเก่า บนตัวเครื่องที่ถูกปรับดีไซน์ใหม่ทั้งในส่วนของกล้องหลัง และกล้องหน้า

ในวันนี้ทางทีมงานได้มีโอกาสจับตัวเครื่อง Vivo V19 ก่อนใคร จึงไม่พลาดที่จะเก็บภาพ และข้อมูลมาฝากทุกท่านเหมือนเช่นเคย ซึ่งจะมีความพรีเมียมขนาดไหน และมีฟีเจอร์ใดที่น่าสนใจบ้าง ไปชมการพรีวิว Vivo V19 พร้อมกันได้เลยค่ะ

Vivo V19 มาในแพ็กเกจสีดำสุดคลาสสิก พร้อมชื่อรุ่นที่มีริ้วสีรุ้งเมื่อกระทบกับแสง และจุดขายสำคัญของรุ่นอย่างกล้องหน้าคู่ที่ฝังอยู่บนหน้าจอ

ภายในกล่องมีอุปกรณ์พื้นฐานมาให้อย่างครบครัน ไม่ว่าจะเป็น หูฟัง, อะแดปเตอร์ Vivo FlashCharge 2.0 (11V/3A), สายเชื่อมต่อแบบ USB Type-C, เคสใส, เข็มสำหรับถอดถาดซิมการ์ด และคู่มือการใช้งาน

ภาพตัวอย่างการสวมใส่เคสใสที่แถมมาให้ภายในชุดจำหน่ายมาตรฐาน

Vivo V19 มีหน้าจอแสดงผลไร้ขอบ Super AMOLED Ultra O Screen พร้อมอัปเกรดด้วยกล้องหน้าคู่ที่ฝังอยู่บนจอแบบ Dual In-Display Selfie ขนาดใหญ่ 6.44 นิ้ว ความละเอียดระดับ Full HD+ (1080x2400 พิกเซล : 408 ppi) ในอัตราส่วนแบบ 20:9, รองรับขอบเขตสีตามมาตรฐาน DCI-P3 ได้เต็ม 100% และครอบทับด้วยกระจก 2.5D

ที่ด้านบนตัวเครื่องไม่มีรอยบากทรงหยดน้ำอีกต่อไป โดยมีเพียงลำโพงสำหรับสนทนา และเซ็นเซอร์ต่างๆ สำหรับกล้องหน้าเซลฟี่ฝังอยู่บนหน้าจอที่มุมบนขวาแบบ Dual In-Display Selfie ประกอบด้วย กล้องหลักความละเอียด 32 ล้านพิกเซล พร้อมกล้องรองแบบ Super Wide-Angle ความละเอียด 8 ล้านพิกเซล ที่สามารถถ่ายภาพเซลฟี่มุมกว้างสุดที่ 105 องศา

ด้านหน้าส่วนล่างใช้ปุ่มกดแบบ On-Screen ประกอบด้วย ปุ่ม Recent Apps, ปุ่มโฮม และปุ่มย้อนกลับ

หรือเลือกใช้งานวิธีควบคุมแบบ Gestures ซึ่งเป็นการลาก และปัดบริเวณขอบหน้าจอเพื่อสั่งการได้

รวมถึงรองรับเทคโนโลยีสแกนลายนิ้วมือใต้หน้าจอ (In-Display Fingerprint)

ที่ด้านบนของตัวเครื่องมีไมโครโฟนตัวที่สองสำหรับช่วยตัดเสียงรบกวนขณะสนทนา

ที่ด้านล่างประกอบด้วยช่องสำหรับเชื่อมต่อหูฟัง ขนาด 3.5 มิลลิเมตร, ไมโครโฟนสำหรับสนทนา, พอร์ตเชื่อมต่อแบบ USB Type-C และลำโพงเสียงตัวหลัก

ด้านซ้ายของตัวเครื่องมีถาดแบบ Triple-Slot ซึ่งรองรับการใส่ 2 ซิมการ์ด แบบ nanoSIM และการ์ดหน่วยความจำภายนอกแบบ microSD ที่ความจุสูงสุด 256GB ได้ในเวลาเดียวกัน

ที่ด้านขวามีปุ่ม เปิด-ปิด หรือล็อกหน้าจอ พร้อมด้วยปุ่มปรับระดับเสียง

ด้านหลังของ Vivo V19 ครอบทับด้วยกระจกขอบโค้ง 3D Curved รับกับฝ่ามือขณะถือใช้งาน พร้อมเล่นกับแสงในมุมตกกระทบต่างๆ โดยสีที่ทางทีมงานนำมาพรีวิวให้ได้ชมกันนั้นเป็นสีเงิน (Sleek Silver)

กล้องหลังของ Vivo V19 มีทั้งหมด 4 ตัว (AI Quad Camera) ในดีไซน์ใหม่ที่เรียงกันเป็นรูปตัว L ภายในกรอบสี่เหลี่ยมผืนผ้าสีดำ ที่ได้แรงบันดาลใจมาจากกล้องคอมแพค โดยแบ่งออกเป็น

กล้องตัวหลักความละเอียด 48 ล้านพิกเซล (F/1.79)
กล้องตัวที่สองแบบ Super Wide Angle ความละเอียด 8 ล้านพิกเซล สำหรับเก็บภาพมุมกว้างสุดที่ 120 องศา (F/2.2)
กล้องตัวที่สามแบบ Bokeh ความละเอียด 2 ล้านพิกเซล สำหรับทำภาพหน้าชัดหลังเบลอ (F/2.4)
กล้องตัวที่สี่แบบ Macro ความละเอียด 2 ล้านพิกเซล สามารถถ่ายภาพระยะใกล้สุดที่ 4 เซนติเมตร (F/2.4)

สำหรับ Vivo V19 ได้อัปเกรดมาใช้งานชิปเซ็ต Qualcomm Snapdragon 712 แบบ 8-แกน (Octa-Core) ผสานหน่วยประมวลผลกราฟิก (GPU) Adreno 616 และจับคู่กับ RAM แบบ LPDDR4X ขนาด 8GB ที่ตอบโจทย์การเล่นเกมได้เป็นอย่างดี รวมถึงมีหน่วยความจำภายใน (ROM) แบบ UFS 2.1 ขนาด 128GB ที่สามารถเพิ่ม microSD Card ได้สูงสุดที่ขนาด 256GB และทำงานอยู่บนระบบปฏิบัติการ Android 10 ที่ถูกครอบทับด้วย Funtouch OS 10

Vivo V19 มีผลทดสอบประสิทธิภาพจากแอปพลิเคชันชื่อดังอย่าง AnTuTu Benchmark ที่ 241,675 คะแนน และผลทดสอบจาก Geekbench 5 ในด้านการประมวลผลแบบแกนเดี่ยว (Single-Core) ที่ 416 คะแนน และในด้านการประมวลผลแบบหลายแกน (Multi-Core) ที่ 1,559 คะแนน

สำหรับผลทดสอบการประมวลผลด้านกราฟิกจากแอปพลิเคชัน 3DMark พบว่าได้ผลทดสอบแบบ OpenGL ES 3.1 ที่ 2,180 คะแนน และแบบ Vulkan ที่ 2,028 คะแนน

นอกจากนี้ Vivo V19 ยังมาพร้อมกับแบตเตอรี่ความจุ 4500 mAh และรองรับเทคโนโลยีชาร์จเร็ว 33W Vivo FlashCharge 2.0 ที่สามารถชาร์จแบตเตอรี่จากระดับ 0-54% ได้ในเวลา 30 นาที ซึ่งช่วยย่นระยะเวลาในการชาร์จ และเหลือเวลาไปทำกิจกรรมอื่นได้แบบสบายๆ