หน้าแรกมือถือ > รวมข่าวมือถือ > หน้าบทความ ข่าวมือถือ
   
Date : 7/9/2561

รวม 9 ฟีเจอร์เด่นของ OPPO F9 ที่ทำให้เป็นหนึ่งในมือถือราคาจับต้องได้ที่น่าสนใจ ณ ชั่วโมงนี้

 

เริ่มวางจำหน่ายในประเทศไทยเป็นที่เรียบร้อยแล้ว สำหรับ OPPO F9 สมาร์ทโฟนรุ่นล่าสุดจากตระกูล F-Series ที่มีการเปลี่ยนโฉมครั้งใหญ่ด้วยดีไซน์หน้าจอทรงหยดน้ำแบบ Waterdrop Screen พร้อมอัปเกรดด้านการถ่ายภาพด้วยระบบกล้องหลังคู่เพื่อช่วยในการถ่ายภาพในสถานการณ์ต่างๆ และยังมาพร้อมกับสเปกแบบครบเครื่องพร้อมตอบโจทย์ทุกการใช้งาน ไม่ว่าจะเป็น RAM 6GB หรือระบบชาร์จเร็ว VOOC Flash Charge ซึ่งเมื่อเทียบกับราคาวางจำหน่ายที่ 10,990 บาท ทำให้ OPPO F9 เป็นสมาร์ทโฟนระดับกลางในช่วงราคา 10,000 บาทอีกหนึ่งรุ่นที่ได้รับความสนใจจากผู้ใช้งานไม่ใช่น้อยจนมีกระแสข่าวออกมาว่า สามารถทำสถิติยอดจองในช่วง 5 วันแรก สูงเป็น 2 เท่าเมื่อเทียบกับมือถือ F-Series รุ่นที่แล้วอย่าง OPPO F7

ในวันนี้ทางทีมงาน Thaimobilecenter จึงได้รวบรวม 9 ฟีเจอร์เด่นที่น่าสนใจของ OPPO F9 มาให้ได้รับชมกัน เพื่อเป็นข้อมูลประกอบการตัดสินใจเลือกซื้อสำหรับท่านที่สนใจ หากพร้อมแล้วไปติดตามกันได้เลยครับ

 

จอใหญ่เต็มตาด้วยดีไซน์ Waterdrop screen

OPPO F9 มาพร้อมกับหน้าจอแสดงผลขนาดใหญ่เต็มตาที่ 6.3 นิ้ว พร้อมกับปรับโฉมดีไซน์หน้าจอใหม่หมดจดในชื่อ Waterdop Screen ซึ่งเป็นการลดพื้นที่ขอบทั้ง 4 ด้านให้เหลือน้อยที่สุด ขอบด้านข้างหน้าจอทั้งซ้าย และขวา มีความบางเฉียบเพียง 1.7 มม. ส่วนรอยบากที่ด้านบนก็ถูกปรับขนาดให้เล็กลงคล้ายกับทรงหยดน้ำ ซึ่งเป็นดีไซน์ที่ได้รับแรงบันดาลใจมาจากธรรมชาติ พร้อมซ่อนลำโพง และเซ็นเซอร์ต่างๆ เอาไว้อย่างแนบเนียน ส่งผลให้มีพื้นที่ในการแสดงผลเมื่อเทียบกับตัวเครื่องสูงถึง 90.8%

 

นอกจากนี้ ยังมาพร้อมกับอัตราส่วนในการแสดงผลแบบ 19.5 : 9 ทำให้การใช้งานฟังก์ชันแบ่งหน้าจอทำได้อย่างสะดวก รวมถึงการใช้งานแอปพลิเคชัน การเล่นเกม และการรับชมคอนเทนต์ต่างๆ ทำให้สามารถรับชมคอนเทนต์ เป็นไปอย่างเต็มตาเต็มอารมณ์

 

บอดี้ไล่เฉดสีเงางามสะดุดตา

OPPO F9 สีแดง Sunrise Red และสีม่วง Starry Purple

นอกจากความโดดเด่นในเรื่องของดีไซน์ด้านหน้าแล้ว OPPO F9 ยังมาพร้อมกับจุดเด่นด้านงานออกแบบของตัวบอดี้ ด้วยสีสันแบบไล่เฉดทั้งตัวเครื่องเป็นครั้งแรกของวงการสมาร์ทโฟน พร้อมลวดลายกลีบดอกไม้ที่สะท้อนเล่นสีตามมุมที่แสงตกกระทบในชื่อสี Sunrise Red และ Twilight Blue นอกจากนี้ OPPO F9 ยังมีสีพิเศษในชื่อ Starry Purple ที่มาพร้อมกับบอดี้ไล่เฉดในโทนสม่วง และประกายดาวสีทองที่ด้านบนของตัวเครื่อง ซึ่งเป็นสีที่ได้รับแรงบันดาลใจมาจากท้องฟ้ายามค่ำคืนที่เต็มไปด้วยดวงดาวระยิบระยับนั่นเอง


 

ตอบโจทย์ทุกการใช้งานด้วย RAM 6GB พร้อมขุมพลัง Helio P60

ด้านประสิทธิภาพการทำงานก็ถือว่าน่าสนใจไม่แพ้กัน โดย OPPO F9 ขับเคลื่อนด้วยขุมพลังระดับกลางตัวท็อป MediaTek Helio P60 ซึ่งเป็นชิปเซ็ตประมวลผลแบบ 8 แกน (Octa-Core Processor) ที่มีจุดเด่นด้านการประหยัดพลังงานด้วยสถาปัตยกรรมการผลิตระดับ 12 นาโนเมตร และยังมาพร้อมกับจุดเด่นด้านเทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์ (AI) ด้วยการติดตั้งหน่วยประมวลผลสำหรับงาน AI โดยเฉพาะในชื่อ Multi-Core AI Processing Unit (Mobile APU) ซึ่งจะเข้ามามีส่วนช่วยในเรื่องของการจดจำใบหน้า, การวิเคราะห์วัตถุ และซีนต่างๆ ซึ่งเป็นหนึ่งในฟีเจอร์เด่นของกล้องหลังบน OPPO F9 นั่นเอง โดยชิป Helio P60 นี้จะทำงานร่วมกับหน่วยความจำแรม (RAM) ขนาด 6GB ซึ่งช่วยให้การเปิดแอปพลิเคชันหลายๆ แอปพร้อมกัน รวมไปถึงการสลับแอปพลิเคชันทำได้อย่างลื่นไหล ไม่ต้องรอโหลดใหม่


 

ชาร์วเร็วทันใจด้วย VOOC Flash Charge

แม้ว่า OPPO F9 จะมีชิปที่ประหยัดพลังงานอยู่ภายในตัวเครื่องแล้ว แต่ยังมีการเสริมเทคโนโลยีที่ช่วยตอบโจทย์การใช้งานระหว่างวันด้วยแบตเตอรี่ขนาดจุใจ 3500mAh ผสานระบบ VOOC Flash Charge ซึ่งเป็นเทคโนโลยีชาร์จเร็วที่ OPPO ได้พัฒนาขึ้น และเป็นระบบเดียวกับที่ใช้บนเรือธงรุ่น OPPO Find X นั่นเอง โดยจุดเด่นของ VOOC Flash Charge คือการชาร์จเพียง 5 นาที ก็สามารถใช้งานสนทนาได้ยาวนานถึง 2 ชั่วโมง นอกจากนี้ ยังมาพร้อมกับระบบป้องกันความปลอดภัยถึง 5 ขั้น (Five Layers of Protection) ด้วยการติดตั้งชิปลงบนอุปกรณ์จ่ายไป ไปจนถึงฟิวซ์ภายในมือถือ เพื่อคอยตรวจสอบกระแสไฟไม่ให้สูงจนเกินไป ทำให้สามารถใช้ฟังก์ชัน VOOC Flash Charge ขณะใช้งานได้ และยังทำให้ผู้ใช้มั่นใจได้ว่ามือถือจะมีความปลอดภัยตลอดการชาร์จ (อ่านข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับ VOOC Flash Charge ได้ที่นี่)

 

สแตนด์บาย 4G 2 ซิม พร้อมถาดใส่ซิมแบบ Triple-Slot

OPPO F9 รองรับการใช้งานแบบ 2 ซิมการ์ด พร้อมรองรับการสแตนบายด์บนเครือข่าย 4G LTE ได้พร้อมกันทั้ง 2 ซิมการ์ด นอกจากนี้ ยังมาพร้อมกับถาดใส่ซิมการ์ดแบบ Triple-Slot ซึ่งข้อดีของถาดใส่ซิมการ์ดแบบดังกล่าว คือผู้ใช้สามารถใช้งาน 2 ซิมการ์ดพร้อมกับการเพิ่มหน่วยความจำเสริมแบบ microSD Card ความจุสูงสุด 256GB ได้ในเวลาเดียวกัน ไม่จำเป็นต้องเลือกอย่างใดอย่างหนึ่งเหมือนกับถาดใส่ซิมแบบ Hybrid Slot บนสมาร์ทโฟนบางรุ่นบนท้องตลาด

 

กล้องหน้าคมชัด 25 ล้าน ผสาน AI Beauty 2.1 ใหม่ล่าสุด

สำหรับกล้องหน้าเซลฟี่ที่เป็นจุดเด่นของ OPPO ตามคอนเซ็ปท์ Selfie Expert ก็ได้รับการพัฒนาขึ้นในรุ่น OPPO F9 เช่นกัน โดยมาพร้อมกับกล้องหน้าความละเอียด 25 ล้านพิกเซล รูรับแสงกว้าง f/2.0 ที่ใช้เซ็นเซอร์รับภาพ HDR ช่วยให้การถ่ายภาพในสภาวะแสงน้อย หรือแสงจ้าทำได้ดีขึ้น

ตัวอย่างภาพถ่ายเซลฟี่ด้วยโหมด AI Beauty 2.1 บน OPPO F9

นอกจากนี้ ยังมาพร้อมกับ AI Beauty 2.1 เวอร์ชันใหม่ล่าสุด ซึ่งเป็นเทคโนโลยีสำหรับปรับแต่งใบหน้าผู้ใช้ให้สวยงามเป็นธรรมชาติจำแนกตาม เพศ, อายุ สีผิว และผิวพรรณ ผ่านการวิเคราะห์จุดต่างๆ บนใบหน้าโดยปัญญาประดิษฐ์กว่า 296 จุด

 

เปรียบเทียบภาพถ่ายเซลฟี่ระหว่าง AI Beauty 2.0 บน OPPO F7 และ AI Beauty

นอกจากนี้ AI Beauty 2.1 ยังเพิ่มความสามารถด้านการปรับแต่งช่วงคอ และแขนของผู้ใช้ให้มีความสวยงามได้อีกด้วย ทำให้ภาพเซลฟี่ที่ออกมาจะมีความสมบูรณ์แบบมากยิ่งขึ้น ซึ่งสังเกตจากภาพด้านบนจะเห็นได้ว่า AI Beauty 2.1 บน OPPO F9 จะมีการเก็บรายละเอียดด้านแสงเงาบริเวณใบหน้า และลำคอได้ค่อนข้างดีกว่า AI Beauty 2.0 บน OPPO F7 ทำให้ภาพดูมีมิติ และไม่แบน

 

ตัวอย่างภาพถ่ายเซลฟี่ด้วยโหมดสติ๊กเกอร์

นอกจากนี้ กล้องหน้าของ OPPO F9 ยังมาพร้อมกับลูกเล่นที่น่าสนใจอย่าง Super Vivid ที่เข้ามาช่วยปรับแต่งสีสันของภาพเซลฟี่ให้มีความสดใสมากยิ่งขึ้น รวมไปถึงฟังก์ชัน AR Stickers สำหรับติดสติ๊กเกอร์น่ารักๆ เสริมความมีชีวิตชีวาให้แก่ภาพถ่ายเซลฟี่



 

กล้องคู่พลัง AI รุ่นแรกของ F-Series

หลังจากที่สมาร์ทโฟนรุ่นท็อปของ OPPO อย่าง OPPO Find X หรือ OPPO R15 Pro มีการปรับไปใช้งานระบบกล้องหลังคู่ (Dual Camera) แล้ว ล่าสุดทาง OPPO ก็ได้นำระบบกล้องหลังคู่มาใช้บน OPPO F9 เป็นครั้งแรกของสมาร์ทโฟนตระกูล F-Series ด้วย โดยมาพร้อมกับความละเอียด 16 + 2 ล้านพิกเซล

 


เมื่อ AI Scene Recognition ทำงาน จะปรากฏไอคอนที่บริเวณมุมขวาบน

และที่สำคัญยังมีเทคโนโลยี AI Scene Recognition ซึ่งเป็นการนำเทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์ (AI) เข้ามาช่วยวิเคราะห์ฉาก และซีนต่างๆ ที่อยู่ในเฟรมภาพถ่ายแบบ Real-time ได้มากกว่า 16 ซีนครอบคลุมการถ่ายภาพเกือบทุกสถานการณ์ ตั้งแต่ การถ่ายคน, สัตว์ หรือสถานที่ จากนั้นจะนำไปตั้งค่าต่างๆ ของกล้องให้อัตโนมัติ ไม่ว่าจะเป็น สมดุลแสง, การเปิดรับแสง (Exposure), สีสัน และคอนทราสท์ ให้แบบอัตโนมัติ ทำให้ภาพที่ออกมามีความสวยงามโดยที่ผู้ใช้ไม่จำเป็นต้องค่าต่างๆ เองแต่อย่างใด รวมทั้งยังมาพร้อมกับโหมดถ่ายภาพวิดีโอแบบ Slow Motion ที่ระดับ 120fps อีกด้วย

 

หน้าชัดหลังละลายด้วย Artistic Portrait Mode

กล้องหลังคู่ของ OPPO F9 ยังมาพร้อมกับฟังก์ชันเด่นในชื่อ Artistic Portrait Mode สำหรับถ่ายภาพบุคคลแบบหน้าชัดหลังเบลอได้อย่างสะดวก และสามารถตัดขอบตัวแบบได้ค่อนข้างเนียนตา นอกจากนี้ ยังมีฟังก์ชันจัดแสงแบบ 3 มิติ (3D Lighting) คล้ายกับการจัดไฟในสตูดิโอ เพื่อช่วยปรับโทนของภาพถ่ายให้มีความน่าสนใจมากยิ่งขึ้น โดยสามารถปรับแต่งการจัดแสงได้ทั้งหมด 5 รูปแบบ ได้แก่ Natural, Rim Light, Tone Light, Film Light และ Bi-Color Light


ตัวอย่างภาพถ่ายจากโหมดหน้าชัดหลังเบลอ พร้อมเลือกรูปแบบการจัดแสง Natural Light

ตัวอย่างภาพถ่ายจากโหมดหน้าชัดหลังเบลอ พร้อมเลือกรูปแบบการจัดแสง Film Light

ตัวอย่างภาพถ่ายจากโหมดหน้าชัดหลังเบลอ พร้อมเลือกรูปแบบการจัดแสง Moto-Tone Light

ตัวอย่างภาพถ่ายจากโหมดหน้าชัดหลังเบลอ พร้อมเลือกรูปแบบการจัดแสง Rim Light

 

ColorOS 5.2 ระบบปฏิบัติการที่ฉลาดยิ่งขึ้น



ตัวอย่างการค้นหาสิ่งของโดยใช้ Google Lens

ปิดท้ายด้วยฟังก์ชันเด่นของ OPPO F9 อย่างการทำงานอยู่บนบบปฏิบัติการ Android 8.1 Oreo ครอบทับด้วย ColorOS 5.2 เวอร์ชันใหม่ล่าสุดที่ทาง OPPO พัฒนาขึ้นมาภายใต้คอนเซ็ปท์ Smart & Efficient ซึ่งเน้นไปที่ลูกเล่นการใช้งานที่มีความฉลาด และมีประสิทธิภาพ ไม่ว่าจะเป็น Google Lens บริการค้นหาข้อมูลของสิ่งต่างๆ จาก Google เพียงแค่ยกกล้องขึ้นส่อง รวมถึงฟังก์ชัน Clone Apps สำหรับเล่นแอปพลิเคชันโซเชียลมีเดียแบบ 2 แอคเคานท์ และฟังก์ชัน Private Safe สำหรับเก็บไฟล์ และข้อมูลต่างๆ เอาไว้ในตู้นิรภัยส่วนตัว ซึ่งจะมีเพียงผู้ใช้ที่รู้รหัสเท่านั้น ที่สามารถเข้าถึงไฟล์เหล่านี้ได้

 

หากพิจารณาจากคุณสมบัติทั้งหมดแล้ว จะเห็นได้ว่า OPPO F9 เป็นหนึ่งในตัวเลือกของมือถือช่วงราคา 10,000 บาท ที่มีความน่าสนใจไม่ใช่น้อย ไม่ว่าจะเป็น ดีไซน์ตัวเครื่องที่มีความสวยงาม และลูกเล่นการใช้งานต่างๆ ที่จัดวางมาให้แบบครบครันไม่แพ้สมาร์ทโฟนรุ่นท็อป และยังมาพร้อมกับความโดดเด่นด้านการถ่ายภาพด้วยกล้องหน้าเซลฟี่คมชัด ผสานกล้องหลังคู่ที่มีเทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์ (AI) ในตัว รวมทั้งยังมาพร้อมกับระบบชาร์จเร็ว VOOC Flash Charge ซึ่งเป็นหนึ่งในฟีเจอร์ใหม่ที่ผู้คนเริ่มให้ความสนใจในการเลือกซื้อมือถือสักเครื่องหนึ่ง

 

สำหรับ OPPO F9 มีให้เลือกทั้งหมด 3 เฉดสี ได้แก่ สีแดง Sunrise Red, สีน้ำเงิน Twilight Blue และสีม่วง Starry Purple ในราคา 10,990 บาท โดยสีแดง Sunrise Red และสีน้ำเงิน Twilight Purple เริ่มวางจำหน่ายแล้ววันนี้ ส่วนสีม่วง Starry Purple จะเปิดให้สั่งจองระหว่างวันที่ 8 - 26 กันยายน ปี 2018 รับฟรี Gift Box 2-in-1 และ VIP Card สำหรับรับประกันหน้าจอแตกนาน 1 ปี โดยสีม่วง Starry Purple จะเริ่มวางจำหน่ายอย่างเป็นทางการตั้งแต่วันที่ 27 กันยายน ปี 2018 เป็นต้นไป ซึ่งหากท่านใดที่สนใจ ก็สามารถแวะเวียนไปทดลองใช้งานเบื้องต้นที่ OPPO Brand Shop และร้านค้าตัวแทนจำหน่ายใกล้ได้บ้านครับ

 

ข้อมูลเพิ่มเติม

 

*บทความนี้เป็น Advertorial

เสนอบทความโดย : thaimobilecenter.com


วันที่ : 7/9/2561

Tags :
  

Cookie Consent

Our website uses cookies to provide your browsing experience and relavent informations.Before continuing to use our website, you agree & accept of our Cookie Policy & Privacy