ยืนยันออกมาแล้วเป็นที่เรียบร้อยแล้วว่า Samsung Galaxy S10 Series สมาร์ทโฟนตัวท็อปรุ่นล่าสุดของ Samsung เตรียมเผยโฉมอย่างเป็นทางการในวันที่ 20 กุมภาพันธ์ ปี 2019 อย่างแน่นอน ซึ่ง Samsung Galaxy S10 Series ถือว่าเป็นอีกหนึ่งรุ่นที่น่าจับตามองเพราะในปี 2019 จะเป็นการฉลองครบรอบ 10 ปีของสมาร์ทโฟน Samsung Galaxy นับตั้งแต่เปิดตัว Galaxy รุ่นแรก (GT-I7500) ไปตั้งแต่ปี 2009 ที่ผ่านมา

ก่อนที่จะถึงงานเปิดตัวอย่างเป็นทางการนั้น ทางทีมงาน Thaimobilecenter จึงไม่พลาดที่จะรวบรวมฟีเจอร์ใหม่ๆ ที่คาดว่าจะได้เห็นบน Galaxy S10 Series เพื่อเป็นข้อมูลเบื้องต้นให้แก่ทุกท่านโดยอ้างอิงจากข่าวล่าสุดเท่าที่มีอยู่ ณ ตอนนี้ หากพร้อมแล้วไปติดตามกันได้เลยครับ

 

1.ปีนี้จะมีถึง 3 รุ่น!

ที่ผ่านมา Samsung Galaxy S Series มักจะมีให้เลือกเพียง 2 รุ่นเท่านั้น ได้แก่ รุ่นปกติ และรุ่นจอใหญ่ที่มีคำว่า + ต่อท้าย แต่ในปีนี้มีรายงานว่า Samsung จะเปลี่ยนแนวทางใหม่ด้วยการเปิดตัว Galaxy S10 Series ให้เห็นพร้อมกันถึง 3 รุ่น ได้แก่ รุ่นเล็กราคาประหยัด Samsung Galaxy S10 Lite (Galaxy E), Galaxy S10 รุ่นปกติ และรุ่นท็อป Galaxy S10+ ซึ่งทั้งสามรุ่นจะมีขนาดหน้าจอที่แตกต่างกันออกป โดย Galaxy S10 Lite มาพร้อมกับหน้าจอขนาด 5.8 นิ้ว, Galaxy S10 มาพร้อมกับจอ 6.1 นิ้ว ส่วน Galaxy S10+ มาพร้อมกับจอใหญ่สุดที่ 6.44 นิ้ว ซึ่งทั้งสามรุ่นจะใช้แผงหน้าจอแบบ Super AMOLED ที่มีความสามารถในการแสดงสีสันได้อย่างคมชัดสดใส

 

2.และมีรุ่นพิเศษรองรับ 5G ด้วย!

นอกเหนือจากทั้งสามรุ่นที่กลาวไปด้านต้นแล้ว ยังมีรายงานเพิ่มเติมอีกว่า Samsung อาจเปิดตัว Galaxy S10 เวอร์ชันพิเศษโค้ดเนม Beyond X ที่มาพร้อมกับหน้าจอขนาดใหญ่สุดถึง 6.7 นิ้ว ซึ่งนับว่าเป็นขนาดหน้าจอใหญ่สุดเท่าที่ Galaxy S เคยมีมา รวมทั้งยังมาพร้อมกับกล้องถ่ายภาพรวมกันในเครื่องเดียวถึง 6 ตัว โดยคาดว่าจะแบ่งออกเป็น กล้องหลังจำนวน 4 ตัว และกล้องหน้าจำนวน 2 ตัว ที่สำคัญสมาร์ทโฟนรุ่นดังกล่าวจะเป็นรุ่นแรกของ Samsung ที่รองรับการเชื่อมต่อบนเครือข่าย 5G ซึ่งเป็นหนึ่งในเทคโนโลยีสำคัญของปี 2019 รวมทั้งผู้ให้บริการด้านเครือข่ายในบางประเทศอย่าง สหรัฐฯ ก็พร้อมที่จะให้บริการ 5G ในปีนี้แล้ว

 

3.ดีไซน์ใหม่หมดจด

ตามข้อมูลที่ผ่านมาระบุว่า Samsung Galaxy S10 Series ทั้งสามรุ่น จะได้ปรับโฉมการดีไซน์ใหม่โดยมาพร้อมกับหน้าจอที่มีขอบบางเฉียบยิ่งกว่าเดิม ส่งผลให้มีพื้นที่ในการแสดงผลมากขึ้นกว่ารุ่นก่อน ส่วนกล้องหน้าเซลฟี่ที่เคยอยู่บริเวณขอบด้านบน จะถูกย้ายไปฝังบนบริเวณมุมขวาของหน้าจอแทน โดยในรุ่น Galaxy S10+ จะมีการฝังกล้องที่ด้านหน้าแบบคู่ทำให้การเว้นพื้นที่หน้าจอมากกว่ารุ่นอื่นๆ เล็กน้อย ส่วนที่ด้านหลังยังคงเลือกใช้บอดี้กระจกผสานกับเฟรมโลหะเช่นเดิม พร้อมกับพอร์ตเชื่อมต่อที่ให้มาแบบครบครันทั้งพอร์ต USB-Type C หรือช่องเสียบหูฟังขนาด 3.5 มม.

 

4.จอไม่โค้งกลับมาแล้ว

อีกหนึ่งความเซอร์ไพร์สที่เราอาจได้เห็นในปีนี้คือ Samsung อาจนำดีไซน์จอไม่โค้งกลับมาใช้งานกับรุ่นเล็กสุด Galaxy S10 Lite (Galaxy E) หลังจากที่ Samsung เลิกใช้ดีไซน์จอแบบเรียบกับสมาร์ทโฟนตระกูล Galaxy S ตั้งแต่รุ่น Galaxy S8 เป็นต้นมา โดยสาเหตุที่ทำให้ Galaxy S10 Lite ใช้หน้าจอแบบเรียบนั้น มีรายงานว่าอาจเพื่อเป็นการลดต้นทุนการผลิต เนื่องจากสมาร์ทโฟนรุ่นดังกล่าวจะถูกเปิดตัวมาในฐานะมือถือเรือธงที่มีราคาเข้าถึงได้ง่ายเมื่อเทียบกับ Galaxy S10 Series รุ่นอื่นๆ ที่เปิดตัวมาควบคู่กัน

 

5.กล้องหน้า-หลังมากกว่าเดิม

อีกหนึ่งสิ่งที่คาดว่าจะได้รับการอัปเกรดคือ กล้องถ่ายภาพ โดยในรุ่น Galaxy S10 Lite (Galaxy E) และ Galaxy S10 จะมาพร้อมกับกล้องหลังแบบคู่ (Dual Camera) และกล้องหน้า 1 ตัว ส่วนรุ่นท็อป Galaxy S10+ จะมาพร้อมกับกล้องหลังจัดเต็มกว่าเดิมถึง 3 ตัว (Triple Camera) พร้อมกล้องหน้าคู่เซลฟี่ โดยกล้องหลัง 3 ตัวของ Galaxy S10+ นั้นจะใส่เลนส์มาให้ครบทุกระยะ ประกอบด้วย กล้องตัวหลักเลนส์ปกติ, กล้องเลนส์มุมกว้าง และกล้องเลนส์ซูม Telephoto ส่วนรุ่นอื่นๆ คาดว่าจะใช้เซ็ตอัพแบบกล้องเลนส์มุมกว้าง ผสานกล้องเลนส์ซูมเช่นเดิม

 

6.แบตก็เยอะกว่าเดิม

นอกจากกล้องที่มากขึ้นแล้ว ขนาดของแบตเตอรี่ก็ถูกเพิ่มปริมาณให้มากขึ้นกว่าเดิมด้วย โดยในรุ่น Galaxy S10 Lite จะให้แบตมาที่ขนาด 3100mAh ส่วนรุ่น Galaxy S10 มาพร้อมกับแบตเตอรี่ความจุ 3500mAh ซึ่งนับว่ามากกว่ารุ่น Galaxy S9 ที่มีแบตเตอรี่ 3000mAh ส่วนทางด้าน Galaxy S10+ มาพร้อมกับแบตเตอรี่ขนาดมากสุดที่ 4000mAh เทียบเท่ากับรุ่น Galaxy Note 9 เลยทีเดียว

 

7.สแกนม่านตาหายไป แทนด้วยของใหม่ “สแกนนิ้วใต้จอ Ultrasonic”

Samsung เริ่มนำระบบสแกนม่านตา หรือ Iris Scanner มาใช้กับ Galaxy S ตั้งแต่รุ่น S8 Series โดยในรุ่น Galaxy S10 Series มีรายงานฟีเจอร์ดังกล่าวจะถูกถอดออกไป พร้อมกับแทนที่นวัตกรรมที่ใหม่กว่าอย่าง ระบบสแกนลายนิ้วมือฝังต้หน้าจอ (In-Display Fingerprint) โดยระบบสแกนนิ้วใต้จอของ Galaxy S10 Series จะมีความแตกต่างจากสแกนนิ้วใต้จอที่ใช้กันอยู่ในปัจจุบัน ด้วยเทคโนโลยี Ultrasonic Fingerprint ที่สามารถอ่านค่าลายนิ้วมือได้เร็วกว่า และครบคลุมพื้นที่ในการสแกนกว่า 30% ของหน้าจอ ทำให้การวางนิ้วเพื่อปลดล็อกสามารถทำได้ง่ายกว่านั่นเอง นอกจากนี้ Ultrasonic Fingerprint ยังเป็นเทคโนโลยีการอ่านค่าลายนิ้วมือแบบ 3 มิติ ซึ่งมีความแม่นยำกว่าสแกนนิ้วทั่วไปบนท้องตลาดที่อ่านค่าลายนิ้วมือได้เพียง 2 มิติเท่านั้น ส่วนในรุ่น Galaxy S10 Lite อาจไม่มีฟีเจอร์ดังกล่าว และอาจมาพร้อมกับปุ่มสแกนลายนิ้วมือที่ติดตั้งอยู่บนตัวเครื่อง หรือระบบสแกนใบหน้าแทน

 

8.แรงและประหยัดพลังงานกว่าเดิมด้วยชิประดับ 8 นาโนเมตร พร้อมความจุจัดเต็ม 1TB เป็นครั้งแรก!

แน่นอนว่าทางด้านประสิทธิภาพก็จะได้รับการอัปเกรดเช่นเดียวกัน โดยทั้งสามรุ่นจะมาพร้อมกับชิปเซ็ตประมวลผลรุ่นใหม่ล่าสุดในชื่อ Exynos 9820 ที่มาพร้อมกับจุดเด่นด้านการปรับไปใช้สถาปัตยกรรมระดับ 8nm LPP FinFET พร้อมปรับโครงสร้าง CPU เป็นแบบ Tri-Cluster ซึ่งประกอบไปด้วย Custom CPU เจเนเรชัน 4 จำนวน 2 คอร์ สำหรับงานประมวลผลแบบหนักๆ, Cortex-A75 จำนวน 2 คอร์ สำหรับการประมวลผลทั่วไป และ Cortex-A55 จำนวน 4 คอร์ สำหรับประมวลผลงานทั่วไปที่ไม่หนักมากนักเพื่อประหยัดพลังงาน โดยเมื่อเทียบกับชิปรุ่นก่อนแล้ว จะมีพลังในการประมวลผลแบบหลายแกน (Multi-Core) แรงขึ้นกว่าเดิม 15% และประมวลผลแบบแกนเดี่ยวแรงกว่าเดิมที่ 20% และที่สำคัญยังประหยัดพลังงานมากขึ้นราว 40% ด้วยกัน

นอกจากนี้ ยังมีการปรับไปใช้หน่วยประมวลผลกราฟิก (GPU) ตัวใหม่ในชื่อ Mali-G76 ซึ่งแรงขึ้นกว่าเดิมถึง 40% พร้อมประหยัดพลังงานมากขึ้น 35% อีกทั้ง ยังมีชิปแยกแบบ NPU สำหรับช่วยประมวลผลงานปัญญาประดิษฐ์ (AI) โดยเฉพาะ สามารถประมวลผล AI ได้เร็วกว่าเดิม 7 เท่า พร้อมรองรับการถ่ายวิดีโอที่ระดับ 8K @30FPS และการถ่ายวิดีโอแบบ 4K HDR @ 150FPS พร้อมรองรับการทำความเร็วดาวน์โหลดสูงสุดที่ 2Gbps (อ่านข้อมูลเกี่ยวกับชิปเซ็ต Exynos 9820 ได้ที่นี่)

ng Galaxy S10 Series จะมีรุ่นความจุจัดเต็มที่ 1TB ให้เลือกด้วย ซึ่งถือว่าเป็นครั้งแรกของสมาร์ทโฟน Galaxy S Series เลยทีเดียว ส่วนความจุเริ่มต้นให้มาที่ขนาด 128GB มากกว่ารุ่นก่อนๆ ที่มีความจุเริ่มต้น 64GB

 

9.โหมดถ่ายภาพแบบใหม่

เมื่อไม่นานมานี้ นักพัฒนาจากเว็บไซต์ XDA ได้ลองแกะโค้ดแอปพลิเคชันกล้องถ่ายภาพบนระบบปฏิบัติการเวอร์ชันใหม่สำหรับมือถือ Samsung อย่าง One UI ซึ่งก็ได้พบกับสิ่งที่น่าสนใจอย่างโหมด Bright Night พร้อมกับข้อความอธิบายว่า “To take bright pictures even in very dark conditions” (ถ่ายภาพสว่างสดใสแม้ในสภาวะแสงน้อยจัด) ซึ่งคาดว่าจะเป็นโหมดถ่ายภาพกลางคืนแบบใหม่โดยที่ไม่จำเป็นต้องใช้ขาตั้งกล้องคล้ายกับโหมด Night Sight ของ Google Pixel 3

 

10.One UI ระบบใหม่ใช้งานง่าย

ปิดท้ายด้วยอีกหนึ่งของใหม่นั่นก็คือ One UI อินเทอร์เฟสเวอร์ชันใหม่ของ Samsung ที่มีพื้นฐานการทำงานจาก Androd 9 Pie เวอร์ชันล่าสุด โดย One UI ถูกพัฒนาต่อยอดมาจาก Samsung Experience ที่เราใช้กันอยู่ในสมาร์ทโฟน Samsung รุ่นปัจจุบัน มีการปรับปรุงหลายส่วนเริ่มตั้งแต่ดีไซน์ที่ถูกออกแบบโดยเน้นการใช้งานด้วยมือเดียว ตอบโจทย์สมาร์ทโฟนในปัจจุบันที่มีหน้าจอขนาดใหญ่ พร้อมฟีเจอร์ Viewing Area ที่ปรับเปลี่ยนการแสดงผลของแอปพลิเคชันให้มีขนาดใหญ่อย่างเช่นในแอปข้อความ (Messages) จะแสดงผลครอบคลุมพื้นที่กว่าครึ่งของหน้าจอ ส่วนที่ด้านล่างจะใช้เป็นส่วนติดต่อกับผู้ใช้งานแทน เช่น การค้นหารายชื่อผู้ติดต่อ เป็นต้น ต่างจาก UI เวอร์ชันก่อนๆ ที่หน้าแสดงข้อความจะแสดงอยู่ในพื้นที่ส่วนบนเป็นขนาดเล็กเท่านั้น นอกจากนี้ ยังมีการปรับ UI ของไอคอนให้เป็นแบบขอบมน และเพิ่มฟีเจอร์ Dark Mode สำหรับปรับเปลี่ยนรูปแบบการแสดงผลให้อยู่ในโทนสีดำ ช่วยประหยัดแบตเตอรี่มากยิ่งขึ้น (อ่านข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับ One UI ได้ที่นี่)

 

 

สรุปคุณสมบัติเบื้องต้นของ Samsung Galaxy S10 Lite

• หน้าจอแสดงผล Super AMOLED แบบจอเรียบ ขนาด 5.8 นิ้ว
• ชิปเซ็ตประมวลผล (CPU) แบบ Exynos 9810 Octa-Core Processor
• หน่วยประมวลผลกราฟิก (GPU) แบบ Mali-G76
• หน่วยความจำภายใน (ROM) ความจุ 128GB
• กล้องดิจิทัลด้านหน้าจำนวน 1 ตัว
• กล้องดิจิทัลด้านหลังแบบคู่ (Dual Camera)
• พอร์ตเชื่อมต่อแบบ USB Type-C
• ช่องเสียบหูฟังขนาด 3.5 มม.
• แบตเตอรี่ความจุ 3100mAh
• ทำงานอยู่บนระบบปฏิบัติการ Android 9 Pie ครอบทับด้วย One UI
• ราคา 669 ปอนด์ หรือประมาณ 27,200 บาท

 

สรุปคุณสมบัติเบื้องต้นของ Samsung Galaxy S10

• หน้าจอแสดงผล Super AMOLED แบบจอโค้ง ขนาด 6.1 นิ้ว
• ชิปเซ็ตประมวลผล (CPU) แบบ Exynos 9810 Octa-Core Processor
• หน่วยประมวลผลกราฟิก (GPU) แบบ Mali-G76
• หน่วยความจำภายใน (ROM) ความจุ 128GB / 512GB
• กล้องดิจิทัลด้านหน้าจำนวน 1 ตัว
• กล้องดิจิทัลด้านหลังแบบคู่ (Dual Camera)
• เซ็นเซอร์สแกนลายนิ้วมือฝังใต้หน้าจอแบบ Ultrasonic
• พอร์ตเชื่อมต่อแบบ USB Type-C
• ช่องเสียบหูฟังขนาด 3.5 มม.
• แบตเตอรี่ความจุ 3500mAh
• ทำงานอยู่บนระบบปฏิบัติการ Android 9 Pie ครอบทับด้วย One UI
• ราคา 799 ปอนด์ หรือประมาณ 33,000 บาท (รุ่น 128GB)
• ราคา 999 ปอนด์ หรือประมาณ 41,200 บาท (รุ่น 512GB

 

สรุปคุณสมบัติเบื้องต้นของ Samsung Galaxy S10+

• หน้าจอแสดงผล Super AMOLED แบบจอโค้ง ขนาด 6.44 นิ้ว
• ชิปเซ็ตประมวลผล (CPU) แบบ Exynos 9810 Octa-Core Processor
• หน่วยประมวลผลกราฟิก (GPU) แบบ Mali-G76
• หน่วยความจำภายใน (ROM) ความจุ 128GB / 512GB
• กล้องดิจิทัลด้านหน้าแบบคู่ (Dual Camera)
• กล้องดิจิทัลด้านหลัง 3 ตัว (Triple Camera)
• เซ็นเซอร์สแกนลายนิ้วมือฝังใต้หน้าจอแบบ Ultrasonic
• พอร์ตเชื่อมต่อแบบ USB Type-C
• ช่องเสียบหูฟังขนาด 3.5 มม.
• แบตเตอรี่ความจุ 4000mAh
• ทำงานอยู่บนระบบปฏิบัติการ Android 9 Pie ครอบทับด้วย One UI
• ราคา 899 ปอนด์ หรือประมาณ 37,100 บาท (รุ่น 128GB)
• ราคา 1,099 ปอนด์ หรือประมาณ 45,400 บาท (รุ่น 512GB)
• ราคา 1,399 ปอนด์ หรือประมาณ 57,700 บาท (รุ่น TB)

 

*ราคาด้านต้นยังไม่ได้รับการยืนยันอย่างเป็นทางการ และอาจมีการเปลี่ยนแปลงได้ตามกลุ่มประเทศที่วางจำหน่าย

 

ต้องย้ำกันอีกครั้งว่าข้อมูลด้านต้นเป็นเพียงข้อมูลที่ถูกรวบรวมมาจากข่าวล่าสุดเท่าที่มีอยู่ ณ ตอนนี้เท่านั้น และยังไม่ได้รับการยืนยันอย่างเป็นทางการ สำหรับงานเปิดตัว Samsung Galaxy S10 Series ในวันที่ 20 กุมภาพันธ์ ปี 2019 นี้ ทางทีมงาน Thaimobilecenter จะคอยรายงานให้ทุกท่านได้รับทราบเช่นเคย สามารถรอติดตามกันได้นะครับ

 

ที่มา : Android Central, PhoneArena

วันที่ : 11/1/2562