ทดสอบกล้อง Samsung Galaxy A9 มือถือกล้องหลัง 4 ตัวรุ่นแรกของโลก ภาพที่ได้จะเป็นอย่างไร มีลูกเล่นอะไรบ้าง มาดูกัน!
ย้อนกลับไปเมื่องาน 4x Fun Event อีเวนท์ครั้งใหญ่ของ Samsung ณ ประเทศมาเลเซีย ทางแบรนด์ Samsung ได้ทำการเปิดตัวสมาร์ทโฟนน้องใหม่ทั้งหมด 2 รุ่นให้เห็นกัน ได้แก่ Samsung Galaxy A7 มือถือกล้องหลัง 3 ตัวใหม่ล่าสุด และไฮเลท์เด่นอย่าง Samsung Galaxy A9 มือถือรุ่นแรกของโลกที่มาพร้อมกับกล้องหลัง 4 ตัวในเครื่องเดียว เพื่อตอบโจทย์ผู้ใช้กลุ่มวัยรุ่นที่ชื่นชอบถ่ายภาพในทุกๆ สถานการณ์ ไมว่าจะเป็น การถ่ายภาพในมุมกว้างพิเศษเพื่อเก็บวิวทิวทัศให้ครบถ้วนในชัตเตอร์เดียว, การถ่ายภาพหน้าชัดหลังเบลอเพื่อเสริมตัวแบบให้มีความโดดเด่น, การถ่ายภาพทั่วไปทั้งกลางวัน และกลางคืนที่มีความคมชัด และการซูมภาพเพื่อเก็บรายละเอียดที่อยู่ไกลตัวผู้ถ่ายได้อย่างง่ายดาย
ล่าสุดทางทีมงาน Thaimobilecenter ก็ได้มีโอกาสได้รับเชิญจาก Samsung เพื่อทดลองใช้งาน Samsung Galaxy A9 เป็นกลุ่มแรกๆ จึงไม่พลาดที่จะนำไปทดสอบถ่ายภาพมาให้ทุกท่านได้รับชมกัน โดย Samsung Galaxy A9 จะมีโหมดถ่ายภาพแบบไหนให้เลือกใช้งานบ้าง รวมทั้งกล้องหลังทั้ง 4 ตัวของ Samsung จะถ่ายภาพออกมาได้สวยงามเพียงใด เราไปรับชมพร้อมกันเลยครับ
ก่อนจะไปดูภาพถ่าย ก่อนอื่นเรามาทำความเข้าใจถึงกล้องหลังทั้ง 4 ตัวของ Samsung Galaxy A9 กันสักเล็กน้อย โดยเซ็ตอัพกล้องหลังที่ว่านี้ประกอบไปด้วย กล้อง Ultra Wide เลนส์มุมกว้าง 120 องศา ความละเอียด 8 ล้านพิกเซล รูรับแสงกว้าง f/2.4, กล้อง Telephoto สำหรับซูมภาพ 2 เท่า ความละเอียด 10 ล้านพิกเซล รูรับแสงกว้าง f/2.4, กล้องตัวหลัก ความละเอียด 24 ล้านพิกเซล รูรับแสงกว้าง f/1.7 และกล้อง Depth Camera สำหรับตรวจจับระยะชัดตื้น ความละเอียด 5 ล้านพิกเซล รูรับแสงกว้าง f/2.2 ซึ่งจะเห็นได้ว่ากล้องแต่ละตัวต่างก็ทำหน้าที่ของตัวเองแตกต่างกันออกไป
สำหรับการสลับไปใช้กล้องแต่ละตัวนั้นก็ทำได้อย่างง่ายดาย เพียงกดปุ่มไอคอนรูปต้นไม้ที่ด้านล่างก็จะสลับไปใช้กล้องตัวอื่นๆ โดยทันที โดยต้นไม้ที่อยู่ด้านซ้ายหมายถึง สลับไปใช้กล้องเลนส์มุมกว้างพิเศษแบบ Ultra Wide, ต้นไม้ตรงกลาง สลับไปใช้กล้องตัวหลัก เลนส์ธรรมดา และหากกดที่รูปต้นไม้ด้านขวา ก็จะเป็นการสลับไปใช้เลนส์ Telephoto เพื่อช่วยซูมภาพแบบไม่สูญเสียรายละเอียด (Optical Zoom) 2 เท่านั่นเองครับ
เริ่มต้นด้วยโหมดถ่ายภาพปกติด้วยกล้องตัวหลักความละเอียด 24 ล้านพิกเซลกันก่อน ซึ่งจากภาพจะเห็นได้ว่า Samsung Galaxy A9 มีจุดเด่นในเรื่องของการเก็บรายละเอียดที่ทำได้เป็นอย่างดี กายถ่ายทอดสีสันที่ค่อนข้างเป็นธรรมชาติ รวทถึง Dynamic Range ที่กว้างพอตัว ส่วนสกินโทนของตัวแบบก็ค่อนข้างดี ไม่อมชมพู หรือซีดจนเกินไป แต่จะมีอาการติดเหลืองเล็กน้อย ซึ่งผู้ที่ชอบสีสันสดใสสามารถนำไปปรับแต่งแก้ไขได้ในซอฟท์แวร์ Photo Editor ที่ติดตั้งมาในตัวเครื่องภายหลังได้
กล้องตัวหลักความละเอียด 24 ล้านพิกเซลของ Samsung Galaxy A9 ไม่ได้มีจุดเด่นเพียงแค่การถ่ายกลางวัน เพราะยังมาพร้อมกับเทคโนโลยี Pixel Merging ซึ่งจะเป็นการรวมเม็ดพิกเซลที่อยู่ใกล้เคียงกันเป็นเม็ดพิกเซลเดียวกัน เพื่อช่วยให้เซ็นเซอร์มีความไวต่อแสงมากยิ่งขึ้น ผลลัพธ์จะช่วยให้การถ่ายภาพในสภาวะแสงน้อย หรือตอนกลางคืนสามามารถทำได้ยอดเยี่ยมขึ้นนั่นเอง โดย Pixel Merging จะทำงานอัตโนมัติเมื่อตรวจจับได้ว่าแสงโดยรอบมีค่าความเข้มของแสงต่ำกว่า 50 Lux ครับ (แสงจากเทียนไขหนึ่งเล่ม = 1 Lux)
สลับไปถ่ายภาพมุมกว้างกันบ้าง โดยในโหมดนี้ระบบจะเปลี่ยนไปใช้งานกล้องอีกหนึ่งตัวที่เป็นเลนส์ Ultra Wide ทำให้สามารถเก็บรายละเอียดที่อยู่ด้านหน้าได้อย่างครบถ้วนโดยที่ผู้ใช้ไม่จำเป็นต้องถอยออกห่าง ซึ่งนับว่ามีประโยชน์ต่อการนำไปถ่ายอาคารสูง หรือวิวทิวทัศน์ที่มีความอลังการเป็นหลัก ซึ่งภาพที่ได้จากเลนส์ Ultra Wide นั้นจะมีความโค้งบริเวณขอบซึ่งเป็นธรรมชาติของเลนส์มุมกว้าง แต่สำหรับใครที่ไม่ชอบภาพในลักษณะดังกล่าว ทาง Samsung ก็ได้เพิ่มตัวเลือกให้ผู้ใช้เข้าไปปรับให้ภาพมีความตรงตามปกติได้ในแอปพลิเคชัน Gallery ครับ
เปลี่ยนมาถ่ายด้วยเลนส์ซูม Telephoto กันบ้าง โดยในโหมดนี้เราจะสามารถซูมภาพแบบไม่สูญเสียรายละเอียดได้ทั้งหมด 2 เท่า (Optical Zoom 2x)และยังสามารถซูมภาพไปได้ไกลสุดถึง 10 เท่า แต่ระบบซูม 10 เท่านั้น จะเป็นการซูมภาพด้วยซอฟท์แวร์แบบ Digital Zoom ไม่ใช่การซูมภาพด้วยชิ้นเลนส์เหมือนกับการซูมภาพแบบ 2 เท่า ทำให้ภาพที่ได้จะมีความคมชัดน้อยกว่า และมี Noise ปรากฏให้เห็นมากกว่า แต่ก็มีประโยชน์ในเรื่องของการบันทึกภาพวัตถุต่างๆ ที่อยู่ไกลจากตัวแบบได้อย่างง่ายดายโดยที่เราไม่ต้องขยับเข้าไปใกล้แต่อย่างใด
หลายท่านอาจจะสงสัยว่า เลนส์ Depth ที่มีอยู่ในกล้องตัวที่ 4 มีหน้าที่อะไร ? ซึ่งจริงๆ แล้วเลนส์นี้จะมีประโยชน์ในเรื่องของการถ่ายภาพหน้าชัดหลังเบลอผ่านโหมด Live Focus นั่นเอง โดยโหมดนี้จะทำงานต่อเมื่อผู้ใช้อยู่ห่างจากตัวแบบ หรือวัตถุในระยะ 1 - 1.5 เมตร ระบบจะทำการตัดตัวแบบออกจากฉากหลัง และเบลอแบ็กกราวด์ให้แบบอัตโนมัติ ซึ่งจากที่ทดสอบก็ถือว่าตัดขอบได้ค่อนข้างแม่นยำพอสมควร
ลองนำภาพที่ถ่ายด้วยโหมด Live Focus บน Galaxy A9 ไปปรับแต่งดึงสีต่อในโปรแกรม Lightroom ภาพที่ออกมาถือว่าดีทีเดียว
สำหรับไฟล์ภาพที่ได้จากกล้อง Samsung Galaxy A9 ก็ถือว่าดีพอสมควร สามารถนำไปปรับแต่งต่อในโปรแกรมอื่นๆ อย่างเช่น Lightroom หรือ Snapseed ได้เป็นอย่างดี
ในโหมดนี้นอกเหนือผู้ใช้จะสามารถถ่ายภาพหน้าชัดหลังเบลอได้แล้ว เรายังสามารถกปรับระดับความเบลอของฉากหลังแม้ว่าจะถ่ายภาพเสร็จสิ้นไปแล้วได้ รวมทั้งยังสามารถปรับเอฟเฟ็กต์ของโบเก้ด้านหลังของตัวแบบเป็นรูปร่างต่างๆ ได้ ไม่ว่าจะเป็น ดอกไม้, กระต่าย หรือเครื่องบิน เป็นต้น ทำให้ภาพที่ออกมาดูมีลูกเล่น และมีชีวิตชีวามากขึ้นกว่าเดิมนั่นเอง
ตัวอย่างภาพถ่ายจากโหมดปกติ และโหมด Scene Optimizer จะเห็นว่ามีความแตกต่างในเรื่องของสีสันอย่างชัดเจน
นอกเหนือจากความสามารถของกล้องทั้ง 4 เลนส์ ที่ช่วยให้เราสามารถถ่ายภาพในระยะต่างๆ ได้อย่างครอบคลุมแล้ว Samsung Galaxy A9 ยังมาพร้อมกับโหมดถ่ายภาพต่างๆ ที่ถอดแบบมาจากมือถือเรือธงรุ่นพี่อย่าง Scene Optimizer ที่เป็นการนำเอาซอฟท์แวร์เข้ามาช่วยวิเคราะห์ฉาก หรือวัตถุที่อยู่ตรงหน้า เพื่อนำไปปรับแต่งสีสันให้ออกมามีความสวยงามแบบอัตโนมัติในชัตเตอร์เดียว โดย Scene Optimizer ของ Samsung Galaxy A9 สามารถตรวจจับซีนต่างๆ ได้มากถึง 19 หมวดหมู่ ครอบคลุมการถ่ายภาพในรูปแบบต่างๆ เช่น การถ่ายภาพอาหาร, น้องหมาน้องแมว หรือวิวทิวทัศน์ เป็นต้น ซึ่งถือว่าเป็นโหมดถ่ายภาพที่ถูกออกแบบมาสำหรับผู้ที่ไม่คุ้นชินกับการตั้งค่ากล้อง หรือการปรับแต่งภาพมากนักโดยเฉพาะ
เมื่อภาพที่ถ่ายก่อนหน้านี้มีอาการเบลอ ระบบจะทำการแจ้งเตือนทันทีก่อนถ่ายภาพต่อไป
อีกทั้ง ยังมาพร้อมกับฟังก์ชัน Flaw Detection ซึ่งเป็นฟังก์ชันที่ถูกออกแบบมาสำหรับตรวจสอบภาพถ่ายที่อาจมีความผิดพลาดเกิดขึ้นขณะลั่นชัตเตอร์ ยกตัวอย่างเช่น ในภาพมีคนกระพริบตา, ภาพที่ได้มีอาการเบลอ หรือภาพที่ถ่ายไปก่อนหน้านี้อาจเป็นการถ่ายย้อนแสง ซึ่งระบบจะทำการแจ้งเตือนผู้ใช้ทันทีหลังถ่ายภาพเสร็จสิ้น ทำให้เราไม่พลาดทุกโมเมนท์ความประทับใจนั่นเองครับ
ส่วนทางด้านกล้องถ่ายภาพด้านหน้าก็ถือว่าน่าสนใจไม่แพ้กัน โดยมาพร้อมกับกล้องเซลฟี่ความละเอียด 24 ล้านพิกเซล รูรับแสงกว้างที่ f/2.0 พร้อมเลนส์ที่มีมุมมองภาพค่อนข้างกว้าง ทำให้เราสามารถเก็บรายละเอียดต่างๆ ของฉากหลังได้เป็นอย่างดี
นอกจากนี้ กล้องหน้าของ Samsung Galaxy A9 ยังมาพร้อมกับโหมดถ่ายภาพแบบ Selfie Focus ซึ่งช่วยให้ผู้ใช้สามารถถ่ายภาพเซลฟี่แบบหน้าชัดหลังเบลอได้อย่างง่ายดาย ซึ่งจากที่ทดสอบก็พบว่าสามารถตัดขอบตัวแบบได้แม่นยำไม่แพ้กับกล้องหลังเลยทีเดียว แม้ว่าฉากที่ทดสอบจะมีแบ็กกราวด์ที่ค่อนข้างซับซ้อนก็ตาม
รวมทั้งยังมาพร้อมกับโหมดถ่ายภาพเซลฟี่แนวกว้าง ซึ่งเหมาะกับการนำไปถ่ายภาพเซลฟี่กลุ่มกับเพื่อนๆ เป็นอย่างดี
รวมทั้งยังมาพร้อมกับโหมด AR Emoji ซึ่งเป็นการนำเอาสติ๊กเกอร์น่ารักๆ มาประทับไว้บนภาพถ่าย ซึ่งน่าจะถูกอกถูกใจสาวๆ ที่ชื่นชอบการถ่ายภาพเซลฟี่ไม่ใช่น้อยครับ
เป็นอย่างไรกันบ้างครับ สำหรับประสิทธิภาพของกล้องหลังทั้ง 4 ตัวของ Samsung Galaxy A9 ซึ่งถือว่าเป็นมือถือรุ่นแรกของโลกที่เลือกใช้เซ็ตอัพกล้องหลังในลักษณะนี้ โดยจะเห็นได้ว่ากล้องแต่ละตัวต่างก็มีหน้าที่ และคาแรคเตอร์ของกล้องต่างกันออกไป โดยทีมงานจะมีการนำไปทดสอบโหมดถ่ายภาพต่างๆ บน Galaxy A9 ให้ทุกท่านได้รับชมอีกครั้งในบทความรีวิวฉบับเต็ม สามารถรอติดตามกันได้นะครับ
สำหรับ Samsung Galaxy A9 เปิดราคาวางจำหน่ายในประเทศไทยเป็นที่เรียบร้อยแล้วที่ 19,990 บาท มีให้เลือกทั้งหมด 3 เฉดสี ได้แก่ สีน้ำเงินไล่เฉด, สีดำ และสีชมพูไล่เฉด โดยจะเริ่มวางจำหน่ายตั้งแต่วันที่ 23 พฤศจิกายน 2018 เป็นต้นไป และพิเศษสำหรับผู้ที่ซื้อ Samsung Galaxy A9 ระหว่างวันที่ 23 พฤศจิกายน - 31 ธันวาคม 2018 จะได้รับของสมนาคุณมูลค่ารวมกว่า 4,490 บาท ประกอบไปด้วย แบตสำรองที่รองรับเทคโนโลยีชาร์จเร็ว และสิทธิในการรับประกันจอแตกนาน 1 ปี รวมทั้งยังมีโปรโมชันพิเศษผ่อนชำระ 0% นาน 10 เดือน กับสถาบันการเงินที่ร่วมรายการ ซึ่งสำหรับใครที่สนใจก็สามารถเข้าไปทดลองใช้งานเบื้องต้น รวมทั้งหาซื้อ Samsung Galaxy A9 ได้ในช่วงเวลาดังกล่าวครับ
วันที่ : 21/11/2561
