ทดสอบเล่นเกมบน OPPO F9 กับ 4 เกมดัง จะลื่นแค่ไหน เหมาะจะเป็นมือถือเล่นเกมหรือไม่ มาดูกัน!
เปิดตัวมาได้สักพักแล้วสำหรับ OPPO F9 สมาร์ทโฟนระดับกลางดีไซน์สะดุดตาที่มีจุดเด่นด้านการถ่ายภาพและระบบชาร์จเร็ว ซึ่งประสิทธิภาพด้านการใช้งานโดยรวมนั้นทางทีมงาน Thaimobilecenter ได้รีวิวเอาไว้อย่างละเอียดแล้ว (อ่านรีวิวได้ที่นี่) แต่สิ่งหนึ่งที่หลายๆ คนอยากรู้ และไม่ได้พูดถึงในรีวิวเท่าไหร่นัก คือคุณสมบัติด้านการเล่นเกมของ OPPO F9 ในวันนี้ทีมงาน Thaimobilecenter จึงถือโอกาสหยิบสมาร์ทโฟนรุ่นนี้มาทดสอบกับ 4 เกมดัง ได้แก่ RoV, PUBG Mobile, Identity V และ Asphalt 9 จะลื่นขนาดไหน และเหมาะกับการเล่นเกมหรือไม่ เราไปดูกันเลยครับ
ทดสอบความลื่นไหลของ OPPO F9 กับ 4 เกมดัง
เริ่มต้นกันด้วยเกมสามัญประจำเครื่องอย่าง RoV กันก่อนครับ ซึ่งตอนที่ OPPO F9 เปิดตัวใหม่ๆ นั้น ยังไม่รองรับโหมดเฟรมเรตสูง แต่ตอนนี้ (ตุลาคม 2018) สามารถทำได้แล้ว และผลลัพธ์ก็ออกมาดีทีเดียวเพราะสามารถทำ FPS ได้ 50+ ตลอดทั้งเกมครับ
ต่อกันด้วย PUBG Mobile ที่มีกราฟิกสูงขึ้นไปอีกหน่อย โดยปรับการตั้งค่ากราฟิกเป็นระดับกลางตามที่ตัวเกมตั้งมาให้โดยอัตโนมัติ ความลื่นของตัวเกมอยู่ในระดับน่าพอใจ อาจไม่ลื่นแบบ RoV แต่ไม่เป็นอุปสรรคต่อการเล่น แม้จะเปลี่ยนมุมกล้องอย่างรวดเร็วเฟรมเรตก็ยังคงที่ เล็งเป้าเก็บศัตรูได้สบายๆ ไม่มีอาการกระตุกให้หัวร้อนแต่อย่างใด
เกมต่อไปที่เราจะทดสอบกันในคราวนี้คือ Identity V เกมวิ่งไล่จับสุดระทึกที่มีการเคลื่อนไหวและเปลี่ยนมุมกล้องอยู่ตลอดเวลา ซึ่งเกมนี้ OPPO F9 สามารถปรับการตั้งค่ากราฟิกเป็นระดับสูงได้ ความไหลลื่นถือว่าอยู่ในเกณฑ์ดี โหลดเข้าเกมเร็ว ไม่มีปัญหาใดๆ
ปิดท้ายด้วยเกม Asphalt 9 เกมแข่งรถกราฟิกสมจริง ซึ่งเกมนี้น่าจะกินทรัพยากรเครื่องมากที่สุดสำหรับเกมที่เรานำมาทดสอบในครั้งนี้แล้ว โดยเกมนี้จะใช้การตั้งค่ากราฟิกแบบอัตโนมัติ ซึ่งจากการทดลองเล่นหลายๆ สนาม ตัวเกมมีความลื่นไหลในระดับที่เล่นได้เพลินๆ โดยจะมีอาการเฟรมเรตตกบ้างในจังหวะที่มีรถเข้ามาในฉากหลายๆ คัน แต่ไม่เป็นอุปสรรคต่อการบังคับครับ
ฟีเจอร์อื่นๆ บน OPPO F9 ที่ช่วยให้การเล่นเกมสนุกขึ้น
Game Space
เมื่อเราติดตั้งเกมลงบน OPPO F9 ระบบจะเรียกใช้งานฟีเจอร์ Game Space ทันที ซึ่งฟีเจอร์นี้จะทำให้สมาร์ทโฟนของเราเข้าสู่โหมดสำหรับเล่นเกมโดยเฉพาะ โดยเร่งพลังการประมวลผลกราฟิก, ปิดการเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตของแอปพลิเคชันที่ทำงานอยู่เบื้องหลัง และปิดการแจ้งเตือนทั้งหมด ส่วนสายเรียกเข้าจะแสดงเป็น pop-up เล็กๆ ด้านบนหน้าจอ หรือจะเลือกปฏิเสธสายเรียกเข้าอัตโนมัติก็ได้เช่นกัน ทำให้เรามีสมาธิอยู่กับเกมได้อย่างต่อเนื่อง ไม่มีแบนเนอร์แจ้งเตือนมาบดบังทัศนวิสัย แม้จะมีสายโทรเข้ามาก็ไม่เด้งออกจากเกม นับว่าเป็นฟีเจอร์ที่แก้ปัญหาถูกรบกวนระหว่างเล่นเกมได้อย่างสมบูรณ์ ตอบโจทย์เกมเมอร์มากๆ ครับ
Smart Sidebar
อีกหนึ่งตัวช่วยที่มาคู่กับ Game Space คือฟีเจอร์ Smart Sidebar เป็นแถบเมนูลัดที่เรียกใช้ได้โดยการปัดขอบจอไปทางซ้าย ซึ่งประกอบไปด้วย
- Block Banner : ปิดการแจ้งเตือนจากแอปพลิเคชัน
- Reject Call : ปฏิเสธสายโทรเข้าอัตโนมัติ
- Play AFK : ปิดหน้าจอโดยปล่อยให้เกมเล่นต่อไป เหมาะมากสำหรับเกมที่มีระบบ Auto ซึ่งการปิดหน้าจอจะช่วยประหยัดแบตเตอรี่ได้เยอะทีเดียว
- Screenshot : จับภาพหน้าจอ
- Screen Record : บันทึกวิดีโอ
- รวมทางลัดแอปพลิเคชันแชตต่างๆ เช่น ข้อความ SMS, LINE หรือ Facebook Messenger ซึ่งเราสามารถเปิดขึ้นมาเป็นหน้าต่าง Pop-Up ซ้อนบนตัวเกมเพื่อตอบแชตที่สำคัญได้
VOOC Flash Charge
ระบบชาร์จด่วน VOOC Flash Charge คือจุดขายสำคัญของ OPPO F9 ซึ่งระบบนี้สามารถชาร์จแบตเตอรี่ได้เร็วกว่าระบบชาร์จทั่วไปถึง 4 เท่า พร้อมระบบเซฟตี้ 5 ชั้น แม้จะแบตหมดก็พร้อมที่จะกลับมาสนุกกับเกมต่อได้ในเวลาไม่นานครับ
จอใหญ่ไร้ขอบ 6.3 นิ้ว
จุดเด่นอีกอย่าหนึ่งของ OPPO F9 คือหน้าจอที่ใหญ่ถึง 6.3 นิ้ว แถมยังแสดงผลเต็มพื้นที่ด้วยดีไซน์ไร้ขอบ เหมาะมากสำหรับการเล่นเกม เพราะช่วยให้เราเห็นอะไรต่างๆ ได้ชัดเจนขึ้น ไม่ต้องเพ่งให้ปวดตาครับ
สรุปการทดสอบ
แม้ว่า OPPO F9 จะเป็นสมาร์ทโฟนระดับกลางที่ใช้ชิปเซ็ต MediaTek Helio P60 ซึ่งอาจไม่ใช่ชิปที่ดีที่สุดสำหรับการเล่นเกม แต่จากการทดสอบจริงพบว่า OPPO F9 สามารถรองรับเกมทั่วๆ ไปบน Play Store ได้เป็นอย่างดี และเล่นเกมดังๆ ได้อย่างลื่นไหล โดยเฉพาะเกม RoV ที่ทำ FPS ได้ถึง 50+ ส่วนเกมที่ต้องการพลังการประมวลผลกราฟิกสูงๆ อย่าง PUBG Mobile และ Asphalt 9 นั้น OPPO F9 ก็ยังเล่นได้โดยมี FPS อยู่ในระดับที่น่าพอใจ แต่สำหรับผู้ที่เน้นความลื่นของตัวเกมเป็นหลัก อาจต้องปรับลดการแสดงผลกราฟิกในเกมลงบ้างเล็กน้อยครับ
อย่างไรก็ดี สิ่งที่ทีมงานเห็นว่าเป็นทีเด็ดของ OPPO F9 ในการเล่นเกมจริงๆ คือฟีเจอร์ Game Space ที่จะเร่งประสิทธิภาพการประมวลผล และปิดกั้นการแจ้งเตือนทั้งหมด รวมถึงปฏิเสธสายเรียกเข้าโดยอัตโนมัติ ทำให้เรามีสมาธิกับเกมได้อย่างต่อเนื่อง และไม่โดนขัดจังหวะกลางคัน นอกจากนี้ Smart Sidebar ยังช่วยให้เราจับภาพ Screenshot, บันทึกวิดีโอ และเข้าถึงการตั้งค่าอื่นๆ ได้อย่างรวดเร็วอีกด้วย และอีกหนึ่งฟีเจอร์เล็กๆ ที่มีประโยชน์ คือ Play AFK ซึ่งปล่อยให้เกมเล่นไปเรื่อยๆ ได้แม้จะปิดหน้าจอ ช่วยประหยัดแบตเตอรี่ และช่วยให้เครื่องไม่ร้อน เหมาะสำหรับเกมที่มีระบบ Auto ครับ
โดยรวมแล้ว นับว่า OPPO F9 เป็นสมาร์ทโฟนอีกรุ่นหนึ่งที่มาพร้อมกับสเปกคุ้มๆ และเล่นเกมได้ดีในราคา 10,990 บาท (ไม่รวมส่วนลดจากโปรโมชัน) สำหรับผู้ที่สนใจ สามารถหาซื้อ OPPO F9 ได้ที่แบรนด์ช็อปทั่วประเทศ และผู้ให้บริการเครือข่ายทั้ง 3 ค่ายครับ
นำเสนอบทความโดย : thaimobilecenter.com
[บทความนี้เป็น Advertorial]
วันที่ : 26/10/2561
