มือถือ Android ที่มี RAM 12GB ดีกว่า RAM 8GB จริงหรือไม่? และจริงๆ แล้วมือถือต้องมี RAM เท่าไหร่?
หากพูดถึงหนึ่งในสเปกมือถือที่หลายคนมักจะดูก่อนเป็นลำดับแรกๆ ก็คงหนีไม่พ้นขนาดของหน่วยความจำ RAM อย่างแน่นอน ซึ่งในปัจจุบัน RAM ของสมาร์ทโฟนฝั่ง Android เริ่มมีปริมาณเยอะขึ้นเรื่อยๆ จนเราได้เห็นมือถือ RAM 12GB วางขายบนท้องตลาดอย่างแพร่หลายแล้ว จากแต่ก่อนที่มือถือมี RAM สูงสุดแค่ 8GB เท่านั้น ซึ่งทีมงานเชื่อว่าหลายท่านอาจกำลังสงสัยว่า แล้วมือถือ Android ที่มี RAM 12GB จะดีกว่ามือถือที่มี RAM 8GB จริงหรือไม่? ไปหาคำตอบกันครับ
RAM คืออะไร?
ก่อนเราจะไปหาคำตอบว่ามือถือ RAM 12GB จะดีกว่า RAM 8GB จริงหรือไม่ เราต้องเข้าใจคอนเซ็ปท์ก่อนว่า RAM มีหน้าที่อะไรกันแน่ จริงๆ แล้ว RAM มีเป็นหน่วยความจำที่มีหน้าที่ในการเก้บข้อมูลที่เราเรียกมาใช้งาน มาพักไว้ชั่วคราว ต่างจาก ROM ที่เป็นหน่วยความจำหลักที่เก็บข้อมูลต่างๆ ภายในตัวเครื่องไว้
หากใครยังไม่เห็นภาพ ให้ลองนึกภาพโต๊ะทำงาน โดย RAM คือ พื้นที่หน้าโต๊ะทำงาน, ROM (พื้นที่เก็บข้อมูล) คือ ลิ้นชัก, คนนั่งเฝ้าโต๊ะก็คือ ระบบ ส่วนเราเป็นผู้ใช้ สมมุติว่าเราต้องการเล่น Facebook ระบบก็จะไปทำการค้นหาในลิ้นชักว่า แอปพลิเคชัน Facebook เก็บไว้ตรงไหน พอหาเจอก็จะนำมาวางไว้บนโต๊ะ เพื่อให้ผู้ใช้อย่างเราๆ หยิบจับไปใช้งานได้อย่างสะดวก ซึ่งยิ่งมี RAM มากเท่าไหร่ ก็จะมีพื้นที่หน้าโต๊ะสำหรับวางของต่างๆ ที่เราหยิบมาจากลิ้นชักมากเท่านั้น แต่หากมือถือมี RAM ที่น้อยก็อาจมีพื้นที่หน้าโต๊ะไม่มีเพียงต่อของที่เราหยิบมาจากลิ้นชัก จึงทำให้ในบางครั้งเกิดอาการแอปฯ ค้าง หรือแอปฯ เด้ง นั่นเอง
RAM ยิ่งเยอะ ยิ่งดี?
เมือเราเข้าใจคอนเซ็ปท์แล้ว ก็จะเห็นว่า ยิ่ง RAM เยอะ ก็ยิ่งมีพื้นที่สำหรับพักข้อมูล, แอปพลิเคชัน ไว้ใช้งานชั่วคราวมากขึ้นตามไปด้วย ทำให้การเปิดแอปพลิเคชันหลายๆ แอปฯ พร้อมกัน สามารถสลับใช้งานได้อย่างลื่นไหล ไม่ต้องรอโหลดใหม่ ดังนั้นหากจะกล่าวว่า RAM ยิ่งเยอะยิ่งดี ก็อาจถูกเพียงแค่ส่วนหนึ่งเท่านั้น เพราะยังมีอีกหนึ่งสิ่งที่ส่งผลต่อการใช้งานไม่แพ้ปริมาณของ RAM คือ ประเภทของ RAM ครับ
ประเภท RAM มือถือมีกี่แบบ? ต่างกันอย่างไร?
RAM สมาร์ทโฟนในปัจจุบัน ใช้เทคโนโลยีการผลิตแบบ LPDDR ซึ่งย่อมาจาก Low-Power Double Data Rate Synchronous Dynamic Random Access Memory ซึ่งเน้นไปในเรื่องของการประหยัดพลังงาน ตอบโจทย์การใช้งานบนมือถือที่มีปริมาณแบตเตอรี่อยู่อย่างจำกัด โดยในปัจจุบัน RAM LPDDR บนมือถือส่วนใหญ่จะมีให้เห็นอยู่ประมาณ 4 แบบ ได้แก่
- LPDDR3 - ความเร็วบัส 800 MHz, อัตราการส่งข้อมูล 1600 MT/s และอัตราการใช้พลังงาน 1.2, 1.8 V
- LPDDR4 - ความเร็วบัส 1600 MHz, อัตราการส่งข้อมูล 3200 MT/s และอัตราการใช้พลังงาน 1.1, 1.8 V
- LPDDR4X - ความเร็วบัส 2133 MHz, อัตราการส่งข้อมูล 4267 MT/s และอัตราการใช้พลังงาน 0.6, 1.1, 1.8 V
- LPDDR5 - ความเร็วบัส 3200 MHz, อัตราการส่งข้อมูล 6400 MT/s และอัตราการใช้พลังงาน 0.5, 1.05, 1.8 V
หากดูจากตัวเลขด้านต้นจะเห็นได้ว่า หาก RAM ใช้เทคโนโลยีแบบใหม่ ก็จะมีอัตราการส่งข้อมูลที่รวดเร็วกว่า และกินพลังงานน้อยกว่าด้วย ซึ่งหมายความว่าต่อให้สมาร์ทโฟนรุ่นนั้นๆ มีหน่วยความจำ RAM ที่เยอะ แต่ใช้ RAM ที่เป็นเทคโนโลยีเก่ากว่า ก็อาจทำให้การใช้งานจริงช้ากว่ามือถือที่มี RAM น้อยกว่า แต่ใช้ RAM เทคโนโลยีใหม่กว่าก็เป็นได้
มือถือควรมี RAM เท่าไหร่กันแน่?
อีกหนึ่งประเด็นที่เราควรทราบด้วยนั่นก็คือ ปริมาณ RAM ที่สมาร์ทโฟนใช้งานจริง โดยเรื่องนี้ Gary Sims จากเว็บไซต์ Android Authority ได้ลองสร้างแอปพลิเคชันที่เอาไว้ตรวจสอบปริมาณการใช้งาน RAM บนสมาร์ทโฟน ซึ่งก็พบว่า แอปพลิเคชันทั่วๆ ไปจะใช้งาน RAM อยู่ที่ประมาณ 130 - 400 MB ส่วนแอปพลิเคชันจำพวก Media เช่น Google Photos, Instagram ใช้ RAM ประมาณ 400 - 700 MB ส่วนแอปพลิเคชันประเภทเกม หรือแอปพลิเคชันที่มีการเปิดหลายหน้าต่างอย่างเช่น Google Chrome จะใช้ RAM ประมาณ 800 - 1,200 MB ซึ่งหากเราเปิดใช้งานแอปพลิเคชันทั้งหมดตามลิสต์ด้านต้น ก็จะกิน RAM อยู่ที่ราวๆ 7.3GB
แต่ RAM บนสมาร์ทโฟนแต่ละเครื่องจะไม่สามารถใช้ได้เต็มจำนวน เพราะมือถือจะกัน RAM ส่วนหนึ่งเอาไว้สำหรับระบบปฏิบัติการ และ Services ต่างๆ ซึ่งสมาร์ทโฟนแต่ละรุ่นก็จะกันปริมาณ RAM ส่วนนี้ไม่เท่ากัน ส่งผลให้มี RAM สำหรับใช้งานจริงอยู่ที่ประมาณ 70% เท่านั้น ซึ่งจะส่งผลต่อจำนวนแอปพลิเคชันที่สามารถเปิดได้โดยที่ไม่โดนระบบดีดออกเพื่อทำการเคลียร์ RAM (อ่านข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่นี่)
หากนำข้อมูลด้านต้นมาวิเคราะห์แล้ว ก็จะเห็นว่า หากเราใช้งานทั่วไป เช่น เปิด Facebook พร้อมกับเปิดแอปพลิเคชันเกม และแอปพลิเคชันอื่นๆ สัก 5-10 แอป RAM ขนาด 8GB ก็ถือว่าเพียงพอต่อการใช้งานในชีวิตประจำวันแล้ว ส่วน RAM ขนาด 12GB ในตอนนี้อาจดูเป็นปริมาณ RAM ที่มากเกินความจำเป็นในการใช้งานในชีวิตประวำวันไปสักหน่อย แต่ก็อาจตอบโจทย์การใช้งานสมาร์ทโฟนบางประเภทที่สามารถเปิดโหมด Desktop พร้อมๆ กับเปิดใช้งานมือถือในโหมดปกติได้พร้อมกัน ซึ่งจำเป็นต้องการ RAM ในปริมาณมากนั่นเองครับ
นำเสนอบทความโดย : thaimobilecenter.com
วันที่ : 2/6/2563
