8 ฟีเจอร์ใหม่ของ iOS 14 ที่ Android ก็มี (มานานแล้ว) เหมือนกัน!
iOS 14 ระบบปฏิบัติการเวอร์ชันใหม่ล่าสุดจาก Apple เพิ่งจะเปิดตัวอย่างเป็นทางการไปเมื่อค่ำคืนวันที่ 22 มิถุนายน 63 ที่ผ่านมากลางงาน WWDC โดยใน iOS 14 นั้นมีการปรับปรุงหลายอย่างทั้งในเรื่องประสิทธิภาพ รวมถึงหน้าตา UI แบบใหม่เพื่อตอบโจทย์การใช้งานที่สะดวกสบายมากยิ่งขึ้น ซึ่งในหลายๆ ฟีเจอร์นั้น แม้ว่าจะเพิ่งมีให้ใช้บน iOS 14 เป็นครั้งแรก แต่จริงๆ แล้วในระบบปฏิบัติการคู่แข่งอย่าง Android ก็มีให้ใช้งานมาเป็นระยะเวลาหนึ่งแล้ว แต่จะมีอะไรบ้างนั้น ไปดูกันเลยครับ
Translate
ใน iOS 14 ทาง Apple ได้เปิดตัวแอปพลิเคชัน Translate ที่ใช้ Siri ในการแปลภาษาพูดได้แบบเรียลไทม์ ช่วยให้การสนทนาระหว่างสองภาษาเป็นไปอย่างง่ายดายมากยิ่งขึ้น โดยแอปพลิเคชัน Translate รองรับการแปลภาษาได้มากถึง 11 ภาษา ไม่ว่าจะเป็น อังกฤษ, จีน, ฝรั่งเศส, เยอรมัน หรือเกาหลี ซึ่งฟีเจอร์นี้ในระบบปฏิบัติการ Android ก็มีเช่นเดียวกันกับแอปพลิเคชัน Google Translate ที่เปิดให้ใช้งานฟีเจอร์แปลภาษาพูดแบบเรียลไทม์ไปเมื่อเดือน มีนาคม ปี 2020 และรองรับการแปลภาษาได้มากกว่า 100 ภาษา
Widgets
ในหน้าโฮมสกรีนของ iOS 14 ผู้ใช้สามารถเพิ่มวิดเจ็ตสำหรับแสดงการข้อมูลของแอปพลิเคชันต่างๆ เอาไว้ในโฮมสกรีนได้แล้ว เช่น สภาพอากาศปัจจุบัน, ภาพถ่าย, แผนที่ หรือปริมาณแบตเตอรี่ที่เหลืออยู่ ซึ่งก็เป็นฟีเจอร์ที่มีให้ใช้งานกับ Android มาตั้งแต่ปี 2008 เช่นเดียวกัน แต่สิ่งที่ iOS 14 ทำได้เหนือกว่าก็คือฟีเจอร์ใหม่ที่เรียกว่า Smart Stack ซึ่งวิดเจ็ตสามารถเปลี่ยนการแสดงข้อมูลจากหลายๆ แอปพลิเคชัน ตามเวลาปัจจุบัน ซึ่งเป็นฟีเจอร์ที่เราอาจจะยังไม่ค่อยเห็นบน Android มากนัก
App Library
ในหน้าโฮมสกรีนของ iOS 14 ยังมีอีกหนึ่งฟีเจอร์ใหม่ที่ถูกเพิ่มเข้ามาก็คือ App Library ที่ช่วยแสดงแอปพลิเคชันทั้งหมดภายในตัวเครื่องแบบแยกตามหมวดหมู่ และเรายังสามารถพิมพ์ชื่อแอปพลิเคชันที่แถบ Search ที่ด้านบน เพื่อค้นหาแอปพลิเคชันที่ต้องการได้ด้วย ไม่จำเป็นต้องปัดหน้าโฮมสกรีนอีกต่อไป ซึ่งหากดูแล้วก็เหมือนกับฟีเจอร์ App Drawer ของ Android ที่ซ่อนแอปพลิเคชันทั้งหมดเอาไว้ใน Drawer เพื่อช่วยไม่ให้หน้าโฮมสกรีนมีไอคอนเยอะจนเกินไป และใน App Drawer บางแบรนด์ ก็สามารถแบ่งแอปพลิเคชันออกเป็นหมวดหมู่ได้ด้วย ยกตัวอย่างเช่น POCO Launcher ที่มีให้ใช้บนสมาร์ทโฟน POCO Phone เป็นต้น
Picture-in-picture
ในงาน WWDC ครั้งนี้ Apple ยังได้เปิดตัวฟีเจอร์ใหม่อย่าง Picture-in-picture สำหรับ iOS 14 ช่วยให้ผู้ใช้สามารถดูวิดีโอแบบหน้าต่างป๊อบอัพขณะอยู่ในหน้าโฮมสกรีน หรือขณะใช้แอปพลิเคชันอื่นๆ ได้ โดยแอปพลิเคชันที่สามารถทำงานในโหมด Picture-in-picture ได้นั้น ก็ประกอบไปด้วย Apple TV, Podcasts, Safari, FaceTime, iTune, Home รวมถึงแอปพลิเคชันอื่นๆ ที่สามารถใช้ฟีเจอร์ดังกล่าวได้บน iPad ซึ่งฟีเจอร์ Picture-in-picture นั้น Android ก็เริ่มมีให้ใช้งานแล้วตั้งแต่ Android 8.0
App Clips
ใน iOS 14 ผู้ใช้สามารถทดลองใช้แอปพลิเคชันที่ต้องการโดยไม่จำเป็นต้องดาวน์โหลดไฟล์แอปพลิเคชันตัวเต็ม เพื่อช่วยประหยัดดาต้าอินเทอร์เน็ต และลดเวลาการดาวน์โหลดแอปพลิเคชันมาทดลองใช้งานด้วยตนเอง ซึ่ง Apple เรียกฟีเจอร์นี้ว่า App Clips ซึ่งใน Android ก็มีเช่นเดียวกันกับฟีเจอร์ที่มีชื่อว่า Instant Apps ที่เปิดให้ทดสอบครั้งนี้เมื่อปี 2017 ก่อนที่จะเปิดให้ใช้งานทั่วไปในปี 2018 ภายใต้ฟีเจอร์ว่า Google Play Instant แต่สิ่งที่ App Clips บน iOS 14 ทำได้ดีกว่าก็คือ ผู้ใช้สามารถนำ iPhone ไปสแกน QR Code, นำไปเครื่องไปแตะกับ NFC Tag หรือแตะที่ลิงก์เว็บไซต์ ก็สามารถใช้ App Clips ได้ทันที
Wind Down Mode
อีกหนึ่งฟีเจอร์ใหม่ Apple ที่เพิ่งเปิดตัวก็คือ Wind Down Mode ที่อนุญาตมห้ผู้ใช้ตั้งเวลาหลับ และเวลาตื่นได้ตามต้องการ ซึ่งเมื่อถึงเวลาที่เราตั้งไว้ โทรศัพท์ก็จะเข้าสู่โหมด Do Not Disturb เพื่อป้องกันการรบกวนแบบอัตโนมัติ เมื่อให้ผู้ใช้สามารถนอนหลับได้เต็มตื่น โดยฟีเจอร์นี้ก็มีเช่นเดียวกันกับระบบปฏิบัติการ Android 10 กับฟีเจอร์ที่เรียกว่า Wind Down
Apple Maps Cycling Directions
แม้จะไม่ได้เป็นฟีเอจร์ใหม่ที่อยู่ในระบบปฏิบัติการโดยตรง แต่ก็เพิ่งเปิดตัวให้เห็นใน iOS 14 เป็นครั้งแรกสำหรับ Apple Maps Cycling Mode หรือแผนที่นำทางสำหรับผู้ใช้จักรยาน โดยสามารถแนะนำเส้นทางที่เหมาะสมต่อการใช้จักรยานในแต่ละเมือง พร้อมระบุค่าความชัน สภาพการจราจร หรือโอกาสที่จะได้เจอเส้นทางที่เป็นขั้นบันไดให้ผู้ใช้ได้ทราบ โดยฟีเจอร์นี้ Google Maps ก็มีให้ใช้งานเช่นกันตั้งแต่ปี 2010 เพียงแต่ยังไม่มีการบอกเส้นทางโดยละเอียด (เช่น ขั้นบันได) เท่ากับ Apple Maps
Default Apps
ผู้ใช้สามารถตั้งค่าแอปพลิเคชันเริ่มต้น (Default) บน iOS 14 เป็นแอปพลิเคชันจากผู้พัฒนาแบบ Third-Party ได้แล้ว เช่น ตั้งค่าให้ iPhone เปิดใช้ Google Chrome ทุกครั้งเมื่อเปิดเว็บไซต์แทน Safari เป็นต้น ซึ่งในเบื้องต้น Apple จะอนุญาตให้ตั้ง Default Apps เฉพาะแอปพลิเคชัน Email และ Browser เท่านั้น ซึ่ง Android ก็มีฟีเจอร์นี้ให้ใช้งานเช่นเดียวกัน และสามารตั้งคา่ Default Apps ได้มากกว่า เช่น แอปพลิเคชันโทรศัพท์, Launcher หรือกล้องถ่ายภาพ เป็นต้น
Small Pop-up Notification
ปิดท้ายด้วยฟีเจอร์ใหม่ที่แฟนๆ iPhone หลายคนน่าจะรอมาอย่างยาวนานก็คือ การแสดงสายเรียกเข้าเป็น Pop-up เล็กๆ ที่ด้านบน แทนที่จะแสดงสายเรียกเข้าทั้งหน้าเหมือนกับ iOS ยุคก่อนๆ ตอบโจทย์ผู้ใช้ที่กำลังเล่นเกม หรือใช้แอปพลิเคชันแบบเต็มหน้าจอได้เป็นอย่างดร
ไม่ว่าระบบปฏิบัติการไหนจะทำฟีเจอร์ไหนออกมาก่อนกัน แต่ฟีเจอร์ที่แต่ละผู้ผลิตพัฒนาออกมา ก็เพื่ออำนวยความสะดวกด้านการใช้งานได้ดีมากยิ่งขึ้น ซึ่งผลสุดท้ายแล้วประโยชน์ก็ตกอยู่กับผู้ใช้แบบเราๆ แล้วคุณชอบฟีเจอร์ไหนของ iOS 14 บ้างครับ? (สามารถอ่านข้อมูลเกี่ยวกับฟีเจอร์ใหม่ของ iOS 14 ได้ที่นี่)
ที่มา : Android Central, CNET
วันที่ : 23/6/2563
