รู้จัก Gemini AI สุดเทพจาก Google พร้อมวิธีสมัคร Gemini Advanced รุ่นอัปเกรด ดีอย่างไร คุ้มไหม แล้วทำอะไรได้บ้าง?
ยุคนี้ AI กลายเป็นฟีเจอร์ที่ขาดไม่ได้สำหรับสมาร์ทโฟน และ Google เองก็ได้อัปเกรด Assistant ตัวเก่าให้กลายเป็น Gemini AI ที่ฉลาดขึ้น และทำอะไร ๆ ได้มากขึ้น โดยเฉพาะ Gemini Advanced ที่ติดมากับ Galaxy S25 Series ที่ฉลาดและสารพัดประโยชน์จนกลายเป็นเลขาส่วนตัวของเราได้เลยทีเดียว แต่หลายคนอาจจะยังไม่ทราบว่าเราสามารถใช้ Gemini เวอร์ชั่นฟรี และเวอร์ชั่น Advanced ที่เก่งขึ้นบนสมาร์ทโฟน Android รุ่นอื่น ๆ ได้ด้วย ทั้งสองเวอร์ชั่นนี้ต่างกันตรงไหน และทำอะไรได้บ้าง วันนี้เราจะไปทำความรู้จักกันครับ
Gemini คืออะไร ทำอะไรได้บ้าง?
Gemini คือโมเดลภาษาขนาดใหญ่ (Large Language Model - LLM) ที่พัฒนาโดย Google ซึ่งมีความสามารถหลากหลายและสามารถนำไปประยุกต์ใช้ในงานต่าง ๆ ได้มากมาย หรือพูดง่าย ๆ ก็คือ AI แบบ ChatGPT หรือ DeepSeek นั่นเอง โดยความสามารถหลัก ๆ ของ Gemini มีดังนี้:
- ตอบคำถามและให้ข้อมูล: Gemini สามารถตอบคำถามต่าง ๆ ได้อย่างครอบคลุม และสามารถถามได้ทุกเรื่อง ไม่ว่าจะเป็นเรื่องสัพเพเหระอย่างวิธีการเดินทาง, ปริมาณแคลอรีในอาหาร, แนะนำรองเท้าสวย ๆ ไปจนถึงเรื่องเรียนหรือเรื่องงาน เช่น แก้โจทย์คณิตศาสตร์, ค้นหาข้อมูล, ตรวจแก้คำผิด, ปรับปรุงงานเขียน, หาบั๊กในโค้ด เป็นต้น
- สร้างเนื้อหา: สามารถสร้างเนื้อหาประเภทต่าง ๆ ได้ เช่น บทความ, เรื่องราว, บทกวี และอื่น ๆ
- แปลภาษา: Gemini มีความสามารถในการแปลภาษาที่หลากหลายได้อย่างแม่นยำและเป็นธรรมชาติ สามารถแปลได้ทั้งข้อความสั้น ๆ ไปจนถึงบทความหลายย่อหน้า
- สรุปเนื้อหา: นอกจากเขียนและแปลแล้ว ยังสามารถสรุปเนื้อหาจากเอกสาร, บทความ, หรือเว็บไซต์ได้อย่างกระชับ และยังสามารถแก้โทนภาษาให้เหมาะกับการนำไปใช้ได้ด้วย
- เขียนและแก้ไขโค้ด: สำหรับสายโปรแกรมเมอร์ Gemini สามารถช่วยเขียนโค้ด ตรวจหาบั๊ก และช่วยแก้ไขโค้ดได้ ช่วยให้การทำงานสะดวกและรวดเร็วขึ้นมาก
- การทำงานร่วมกับแอปพลิเคชันอื่น ๆ: Gemini สามารถทำงานร่วมกับแอปพลิเคชันอื่น ๆ ของ Google ได้ เช่น Gmail, Maps, และ YouTube เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการทำงาน เช่น เพิ่มหมายกำหนดการลงใน Google Calendar, หาเส้นทางใน Google Maps และสรุปเนื้อหาจากคลิป YouTube ได้
ตัวอย่างการใช้งาน Gemini ในการสรุปคลิป YouTube, สร้างตารางนัดหมาย และช่วยให้คำแนะนำด้านแฟชั่น
Gemini สามารถเข้าใช้งานได้จากบนเว็บ และบนมือถือ
- บนเว็บ: เข้าใช้งานผ่าน gemini.google.com
- บนมือถือ: ดาวน์โหลดแอป Gemini จาก Play Store หรือ App Store หรือใช้งานผ่านแอป Google
Gemini Advanced ดีกว่าตัวฟรีอย่างไร?
Gemini เวอร์ชันฟรีจะให้ใช้งานโมเดลภาษา Gemini 1.5 Flash ซึ่งเหมาะสำหรับงานทั่วไป แต่สำหรับ Gemini Advanced จะมาพร้อมกับโมเดลขั้นสูงอย่าง Gemini 1.5 Pro และ 1.5 Pro with Deep Research รวมถึงเวอร์ชันทดลองของ Gemini 2.0 ในอนาคต จึงมีความสามารถที่เหนือกว่า Gemini เวอร์ชันฟรีในหลายด้าน โดยเฉพาะอย่างยิ่งในด้านต่อไปนี้:
- หน้าต่างบริบทขนาดใหญ่ขึ้น: Gemini Advanced มาพร้อมกับหน้าต่างบริบทขนาด 1 ล้านโทเค็น หรือในภาษาชาวบ้านก็คือ สามารถประมวลผลและทำความเข้าใจข้อมูลได้มากขึ้นพร้อมกัน ทำให้สามารถวิเคราะห์เอกสารขนาดใหญ่หรือชุดข้อมูลที่ซับซ้อนได้ ส่วนในเวอร์ชั่นฟรีจะมีข้อจำกัดเกี่ยวกับปริมาณข้อมูลที่สามารถประมวลผลได้ในแต่ละครั้งอยู่
- ความสามารถในการให้เหตุผลเชิงตรรกะที่ซับซ้อน: Gemini Advanced ได้รับการอัปเกรดให้มีความสามารถในการให้เหตุผลเชิงตรรกะที่ซับซ้อนมากขึ้น ทำให้สามารถแก้ไขปัญหาที่ซับซ้อนและให้คำตอบที่ลึกซึ้งยิ่งขึ้นได้
- ประสิทธิภาพการเขียนโค้ดที่สูงขึ้น: Gemini Advanced มีความสามารถในการเขียนโค้ดที่ดีขึ้น ทำให้เป็นเครื่องมือที่มีประสิทธิภาพสำหรับนักพัฒนาซอฟต์แวร์
- ความสามารถในการทำงานร่วมกันอย่างสร้างสรรค์: Gemini Advanced สามารถทำงานร่วมกับผู้ใช้ในการสร้างสรรค์ผลงานที่ซับซ้อน เช่น การเขียนบทกวี การแต่งเพลง หรือการเขียนบทภาพยนตร์ก็ยังทำได้
- การเข้าถึงข้อมูลที่ทันสมัยกว่า: Gemini Advanced สามารถเข้าถึงข้อมูลที่เป็นปัจจุบันได้โดยค้นหาจาก Search snippets ทำให้ข้อมูลที่ใช้ในการตอบคำถามเป็นข้อมูลที่อัปเดตมากขึ้น (อย่างไรก็ตามข้อมูลที่อ้างอิงเหล่านั้นอาจไม่ได้เป็นข้อมูลที่เป็นปัจจุบันแบบ Real time)
- สร้าง AI เฉพาะตัวด้วย Gem: Gemini Advanced จะมีฟีเจอร์ที่เรียกว่า Gem ซึ่งทำให้เราสามารถปรับแต่งบุคลิกและบทบาทของ AI ได้ และ AI จะตอบสนองกับเราตามบทบาทที่ได้รับ เช่น สร้าง AI ที่มีบทบาทเป็นนักวิเคราะห์ข้อมูล, AI นักเขียนบทความ, AI ผู้สัมภาษณ์งานไว้ให้เราฝึกสัมภาษณ์งาน และอื่น ๆ เป็นต้น
ตัวอย่างการใช้งาน Gemini Advanced
- ช่วยเขียนอีเมล: ผู้ใช้สามารถให้ Gemini Advanced ช่วยร่างอีเมลที่มีเนื้อหาซับซ้อน หรือปรับโทนของอีเมลให้เหมาะสมกับผู้รับ
- สรุปบทความ: ผู้ใช้สามารถให้ Gemini Advanced สรุปบทความยาว ๆ ให้เหลือเฉพาะใจความสำคัญ
- เขียนโค้ด: โปรแกรมเมอร์สามารถใช้ Gemini Advanced ช่วยเขียนโค้ด ตรวจหาบั๊ก หรือเรียนรู้ภาษาโปรแกรมใหม่ ๆ
วิธีสมัคร Gemini Advanced และราคา
การสมัคร Gemini Advanced ทำได้ง่าย ๆ โดยก่อนอื่นให้เราไปที่แอป Google One (หากยังไม่ได้ล็อกอิน Google Account ก็ล็อกอินให้เรียบร้อย) จากนั้นไปที่เมนู สิทธิประโยชน์ ที่มุมขวาล่าง
จากนั้นเลื่อนลงมาจนเจอ Gemini Advanced แล้วกดที่ ดูรายละเอียด กดที่ เริ่มทดลองใช้ โดยเราจะได้ทดลองใช้ฟรี 1 เดือน และจะมีค่าบริการเดือนละ 750 บาท ซึ่งเราสามารถยกเลิกได้ทุกเมื่อ เมื่อสมัครแล้ว การใช้งาน Gemini ในทุกช่องทางด้วยบัญชี Google ที่ทำการสมัครไปจะกลายเป็นเวอร์ชั่น Advanced ทันที ไม่ว่าจะเป็นบนเว็บ หรือบนแอป
นอกจากนี้ ตัวแพ็กเกจยังมาพร้อมกับพื้นที่เก็บข้อมูล Google Drive 2TB อีกด้วย ซึ่งถ้าซื้อแยกจะมีราคา 350 บาทครับ
Gemini Advanced คุ้มค่าหรือไม่?
Gemini Advanced เป็นเครื่องมือ AI ที่ทรงพลัง เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการความสามารถขั้นสูงในการทำงานที่ซับซ้อน เช่น การวิเคราะห์ข้อมูลจำนวนมาก การเขียนโค้ด หรือการสร้างสรรค์ผลงานที่ต้องใช้ความคิดสร้างสรรค์สูง ด้วยหน้าต่างบริบทที่กว้างขวาง ความสามารถในการให้เหตุผลเชิงตรรกะที่เหนือกว่า และฟีเจอร์ Gem ที่ให้ผู้ใช้ปรับแต่ง AI ได้ตามต้องการ ทำให้ Gemini Advanced เป็นตัวเลือกที่คุ้มค่าสำหรับผู้ที่ต้องใช้ AI ช่วยในการทำงานบ่อย ๆ และต้องการงานที่มีความแม่นยำในระดับมืออาชีพ แต่ถ้าใครไม่ได้ใช้ AI บ่อยขนาดนั้น แค่เวอร์ชั่นฟรีก็พอครับ
คำถามที่พบบ่อย (FAQ)
Gemini Advanced รองรับภาษาไทยหรือไม่?
- ปัจจุบัน Gemini Advanced รองรับภาษาไทย และมีการพัฒนาอย่างต่อเนื่องเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการประมวลผลภาษาไทย
Gemini Advanced สามารถใช้กับอุปกรณ์ใดได้บ้าง?
- Gemini Advanced สามารถใช้งานได้บนอุปกรณ์ที่รองรับแอป Google One และเว็บเบราว์เซอร์
Gemini Advanced ปลอดภัยหรือไม่?
- Google ให้ความสำคัญกับความปลอดภัยและความเป็นส่วนตัวของผู้ใช้ Gemini Advanced มีมาตรการรักษาความปลอดภัยที่เข้มงวดเพื่อปกป้องข้อมูลของผู้ใช้
นำเสนอบทความโดย : thaimobilecenter.com
วันที่ : 7/3/2568
