เทคนิคตั้งค่ากล้องมือถือให้ถ่ายสวยระดับโปร ทำอย่างไรไปดู!
ในปัจจุบันกล้องถ่ายภาพของสมาร์ทโฟนได้รับการอัปเกรดให้ล้ำกว่าแต่ก่อนมาก ไม่ว่าจะเป็นจำนวนกล้องที่มากขึ้น, ความละเอียดที่สูงขึ้น ไปจนถึงเซนเซอร์รับภาพที่มีขนาดใหญ่ขึ้น ซึ่งแน่นอนว่าการถ่ายภาพด้วยมือถือให้ออกมาดีนั้น นอกจากการจัดวางองค์ประกอบภาพให้เหมาะสมและสภาพแวดล้อมที่เป็นใจแล้ว การตั้งค่ากล้องมือถือก็เป็นอีกหนึ่งปัจจัยสำคัญที่ช่วยให้ภาพออกมามีความสวยงามแบบมือโปรเช่นเดียวกัน และในวันนี้เราก็มีเทคนิคเล็ก ๆ น้อย ๆ สำหรับตั้งค่าการถ่ายภาพบนมือถือให้ถ่ายได้สวยระดับโปร โดยจะมีอะไรบ้างนั้น ไปดูกันเลยครับ
ตั้งค่าไฟล์ภาพ
สำหรับสมาร์ทโฟนบางแบรนด์ จะตั้งค่าการบันทึกไฟล์ภาพอยู่ในระดับกลางเพื่อช่วยประหยัดพื้นที่ในการจัดเก็บข้อมูล ซึ่งก็ส่งผลต่อคุณภาพของภาพถ่ายด้วย โดยเราสามารถตรวจสอบ และตั้งค่าให้ระบบบันทึกไฟล์ภาพอยู่ในระดับดีที่สุดได้อย่างง่ายๆ ดังนี้
- เข้าไปที่แอปพลิเคชันกล้องถ่ายภาพ
- Setting (การตั้งค่า)
- Picture Quaility (คุณภาพของภาพถ่าย)
- ระดับสูง (High) *ชื่อเมนูอาจแตกต่างกันในแต่ละแบรนด์
เปิดใช้งาน HDR
เปิดใช้งาน HDR เพื่อเก็บรายละเอียดของฉากหน้า และเก็บรายละเอียดของท้องฟ้า รวมถึงรายละเอียดของตึกได้อย่างครบถ้วน
HDR หรือ High Dynamic Range เป็นฟีเจอร์ที่ช่วยให้การถ่ายภาพย้อนแสงมีความสว่าง และคมชัดมากยิ่งขึ้น ผ่านการถ่ายภาพหลาย ๆ ใบ แล้วนำมาซ้อนกันเพื่อช่วยเก็บรายละเอียดที่ซ่อนตัวอยู่ตามเงามืด และแสงสว่าง เหมาะแก่การถ่ายภาพแบบย้อนแสงเพื่อป้องกันไม่ให้ฉากหน้ามืดเกินไป หรือฉากหลังสว่างเกินไปจนมองไม่เห็นรายละเอียด และยังเหมาะแก่การถ่ายภาพที่มีความแตกต่างของแสงมากเป็นพิเศษ ซึ่งโดยปกติแล้วฟีเจอร์ HDR จะเปิดให้ใช้งานแบบอัตโนมัติเมื่อสภาพแสงเอื้ออำนวย แต่หากใครที่เผลอปิดไป หรือต้องการให้ HDR ทำงานทุกครั้งที่ถ่ายภาพ ก็สามารถตั้งค่าได้ง่ายๆ ด้วยการแตะที่ไอคอน HDR บริเวณด้านบนของแอปพลิเคชันกล้องถ่ายภาพ และเลือกเป็น On (เปิดใช้งานตลอดเวลา) หรือ Auto (เปิดใช้งานอัตโนมัติ)
เปิดใช้งาน AI
สมาร์ทโฟนรุ่นใหม่ ๆ ในปัจจุบันมักจะมีฟีเจอร์ AI Scene Recognition หรือการปรับแต่งภาพถ่ายให้มีความสวยงามแบบอัตโนมัติ ไม่ว่าจะเป็นสีสัน หรือการตั้งค่าของกล้องถ่ายภาพ โดย AI จะวิเคราะห์สภาพแวดล้อมที่เรากำลังจะถ่ายและปรับแต่งให้เหมาะสม ซึ่งการเปิดใช้งานฟีเจอร์นี้ให้สังเกตคำว่า AI ที่อยู่บริเวณด้านบนของแอปพลิเคชันกล้องถ่ายภาพ หากเปิดใช้งานอยู่เราจะเห็นไอคอนเปลี่ยนสีไป และเมื่อ AI ตรวจพบซีนที่สามารถปรับแต่งให้สวยงามได้ ก็จะแสดงชื่อของซีนนั้น ๆ บริเวณด้านล่าง และจะปรับแต่งรูปถ่ายให้เหมาะสมโดยอัตโนมัติครับ
หลีกเลี่ยงการถ่ายภาพด้วยโหมดความละเอียดสูง
จริงอยู่ที่สมาร์ทโฟนปัจจุบันมีความละเอียดของเซ็นเซอร์รับภาพที่สูงขึ้น บางรุ่นมีความละเอียดสูงถึง 200MP ซึ่งสมาร์ทโฟนเหล่านี้ก็มักจะมีฟีเจอร์การถ่ายภาพแบบเต็มความละเอียดของตัวเซนเซอร์ หรือก็คือโหมดการถ่ายภาพในความละเอียดสูง แต่การถ่ายภาพด้วยโหมดดังกล่าวอาจไม่ได้ช่วยให้คุณภาพของรูปถ่ายดีที่สุดเสมอไป เพราะการถ่ายภาพเต็มความละเอียดที่เซ็นเซอร์รับภาพทำได้ จะไม่สามารถใช้เทคโนโลยีที่เรียกว่า Pixel Binning ได้นั่นเอง
Pixel Binning เป็นเทคโนโลยีการรวมพิกเซลเล็ก ๆ บนเซนเซอร์รับภาพให้เป็นพิกเซลที่ใหญ่ขึ้น เพื่อช่วยให้การรับแสงดีขึ้น ส่งผลให้การเก็บรายละเอียดต่าง ๆ ดีขึ้นตามไปด้วย ซึ่งอาจรวมพิกเซล 4 จุด, 8 จุด หรือ 16 จุดเข้าด้วยกัน แต่ก็แลกมากับความละเอียดของภาพที่ลดลงไป แต่ก็ยังอยู่ในระดับที่เหมาะสม และนี่คือเหตุผลที่ว่าทำไมสมาร์ทโฟนที่มีกล้องความละเอียด 108MP ถึงถ่ายภาพออกมาได้แค่ความละเอียด 12MP ครับ
ป้องกันภาพสั่นด้วยการตั้งเวลาถ่ายภาพ
อีกหนึ่งสิ่งที่หลายคนอาจจะมองข้ามไปคือ การออกแรงกดปุ่มถ่ายภาพแต่ละครั้งอาจทำให้สมาร์ทโฟนเคลื่อนไหว และส่งผลให้ภาพเบลอได้ ซึ่งวิธีแก้ที่ง่ายที่สุดและสามารถนำไปใช้ได้กับสมาร์ทโฟนทุกรุ่นคือการตั้งเวลาถ่ายภาพ ซึ่งนอกเหนือจากจะช่วยลดอาการเบลอของภาพได้แล้ว ยังช่วยให้เรามีเวลาจัดท่าทาง จัดท่าโพสสวย ๆ ได้มากขึ้นด้วยครับ
ใช้การซูมให้เหมาะสม
ตัวอย่างการซูมระยะต่าง ๆ
สมาร์ทโฟนรุ่นใหม่ ๆ ในปัจจุบันมักจะมีกล้องซูม Telephoto หรือ Periscope ติดมาด้วย ทำให้เราซูมภาพได้ไกลขึ้น และชัดขึ้น บางรุ่นอาจซูมได้ไกลสุดถึง 100 หรือ 120 เท่า อย่างไรก็ตาม การซูมด้วยระยะที่ไกลเกินไปจะทำให้ภาพสูญเสียรายละเอียด ดังนั้นการซูมที่เหมาะสมจึงควรอยู่ในระยะ Optical zoom หรือ Lossless zoom ของมือถือรุ่นนั้น ๆ โดย Optical zoom จะเป็นการซูมด้วยเลนส์ที่ให้ภาพคมชัดสูงสุด ส่วน Lossless zoom จะเกินระยะ Optical แต่มีซอฟต์แวร์เข้ามาช่วยปรับความคมชัด ทำให้ภาพไม่เสียรายละเอียด หรือเสียน้อยมาก โดยมือถือแต่ละรุ่นมีจะตัวเลขกำกับว่าสามารถซูมภาพแบบ Optical หรือ Lossless ได้กี่เท่า ซึ่งส่วนมากจะอยู่ที่ระดับ 2 เท่า, 3 เท่า หรือ 5 เท่า หากเกินกว่านี้จะเป็น Digital zoom ซึ่งภาพจะเริ่มเสียรายละเอียดแล้วครับ
ล็อคแสงและโฟกัส ด้วยฟีเจอร์ AF/AE Lock
เนื่องจากสมาร์ทโฟนใช้ระบบโฟกัสภาพอัตโนมัติเป็นค่าพื้นฐาน ดังนั้นการโฟกัสภาพแต่ละครั้งก็จะมีการวัดแสงใหม่ทุกรอบ ซึ่งในบางซีนหากเรามองเห็นว่าแสงที่กล้องวัดได้นั้นมีความสวยงามเหมาะสม และโฟกัสวัตถุที่เราต้องการได้เข้าเป้าแล้ว ก็สามารถกดล็อกแสงและจุดโฟกัสได้อย่างง่าย ๆ ด้วยการแตะค้างที่หน้าจอของสมาร์ทโฟนจนปรากฏไอคอน AF/AE Lock ครับ
ลองใช้โหมด Pro บ้าง
สมาร์ทโฟนส่วนใหญ่มักจะมีโหมด Pro ที่ช่วยให้ผู้ใช้สามารถตั้งค่าต่าง ๆ เกี่ยวกับกล้องได้อย่างอิสระ ไม่ว่าจะเป็น ISO, Speed Shutter หรือ White Balance โดยการตั้งค่าให้เหมาะสม เช่น ใช้ ISO ต่ำในสภาพแสงที่เพียงพอ หรือการเปิดใช้ Speed Shutter ให้นานขึ้นขณะถ่ายภาพกลางคืนเพื่อช่วยลด Noise ก็เป็นอีกหนึ่งส่วนที่ช่วยให้ภาพถ่ายออกมาดีได้ แต่เชื่อว่ามือใหม่หลาย ๆ ท่านอาจจะยังไม่ทราบว่าค่าแต่ละอย่างหมายถึงอะไร และควรปรับที่เท่าไหร่ สามารถอ่านข้อมุลเพิ่มเติมได้ที่บทความนี้ครับ
ลองถ่ายภาพเป็นไฟล์ RAW
มือถือบางรุ่น (ส่วนใหญ่จะเป็นรุ่นเรือธง) จะมีฟีเจอร์ถ่ายภาพเป็นไฟล์ RAW ซึ่งประโยชน์ก็คือจะได้ไฟล์ภาพที่ไม่มีการบีบอัดหรือถูกประมวลผลมาก่อน รายละเอียดต่าง ๆ ถูกเก็บมาจากเซนเซอร์รับภาพโดยตรง ทำให้นำไปรีทัช หรือปรับแต่งในแอปอื่น ๆ ได้มากกว่า เช่น Snapseed หรือ Lightroom เป็นต้น ทั้งบนมือถือ และ PC แต่ทั้งนี้ก็ต้องแลกมากับขนาดไฟล์ที่ค่อนข้างใหญ่เมื่อเทียบกับ JPEG ทำให้เปลืองพื้นที่หน่วยความจำ ดังนั้นหากใครที่ไม่ได้อยากนำภาพไปปรับแต่งเพิ่มเติมอยู่แล้ว การเลือกเซฟเป็นไฟล์ JEPG อาจตอบโจทย์กว่า และประหยัดพื้นที่จัดเก็บมากกว่าครับ
เปิดใช้งานจุดตัด 9 ช่อง
เทคนิคคลาสสิกตลอดกาลอย่างการวางตัวแบบ หรือ Subject ไว้ในตำแหน่งจุดตัดของกรอบสี่เหลี่ยมบนเฟรม ก็ถือว่ายังสามารถใช้งานได้ดีในปัจจุบัน เพราะนอกจากจะช่วยให้จัดองค์ประกอบของภาพง่ายแล้ว ยังช่วยให้ภาพที่ออกมามีความน่าสนใจมากขึ้นด้วย โดยสมาร์ทโฟนทุกรุ่นจะมีฟีเจอร์ที่เรียกว่า Grid เพื่อเปิดใช้งานจุดตัด 9 ช่อง และในสมาร์ทโฟนบางรุ่นอย่างเช่น Huawei จะมีฟีเจอร์ที่เรียกว่า Golden Spiral ซึ่งเป็นการเปิดใช้งานสัดส่วนทองคำ ที่หลายช่างภาพหลายคนเชื่อว่า การวางองค์ประกอบของภาพตามสัดส่วนดังกล่าว จะทำให้ภาพออกมามีความสวยงามไม่แพ้กฏสามส่วน หรือจุดตัด 9 ช่องเลยทีเดียว
นำเสนอบทความโดย : thaimobilecenter.com
วันที่ : 10/4/2568
