มือถือ 5G น่าซื้อหรือยังในปี 2021? รวม 5 เหตุผลที่ทำให้มือถือ 5G ดูน่าสนใจในปีนี้

ปี 2021 นับเป็นปีที่ 2 แล้วที่มีการนำสมาร์ทโฟน 5G เข้ามาวางจำหน่ายในประเทศไทย ซึ่งหลายท่านน่าจะได้เห็นพัฒนาการของมือถือ 5G รวมถึงเครือข่าย 5G ในบ้านเราที่ดีขึ้นมาโดยตลอด แต่เชื่อว่าอีกหลายท่านน่าจะยังสงสัยอยู่ว่า ในปี 2021 นี้ ควรซื้อมือถือ 5G ได้แล้วหรือไม่? วันนี้ทางทีมงานรวบรวม 5 ปัจจัยหลักที่ทำให้มือถือ 5G น่าซื้อ และน่าจับตามองในปีนี้ครับ

1.สเปกแรงไม่น้อยหน้าเรือธง ในราคาเริ่มต้นไม่ถึง 10,000 บาท

ในช่วงแรกๆ ที่มือถือ 5G เข้ามาทำตลาดในประเทศไทย มักจะเป็นสมาร์ทโฟนที่จัดอยู่ในกลุ่มมือถือเรือธงราคาแพงหลักหมื่นบาท และมีให้เลือกไม่กี่รุ่นเท่านั้น แต่ตั้งแต่ช่วงปลายปี 2020 มาจนถึงปี 2021 เราเริ่มได้เห็นมือถือ 5G ถูกลงเรื่อยๆ จนในปัจจุบันมือถือรุ่นใหม่ที่รองรับ 5G พร้อมหน้าจอ Refresh Rate สูง และมีระบบชาร์จเร็วระดับเรือธง ก็สามารถทำราคาวางจำหน่ายในบ้านเราได้ต่ำกว่า 10,000 บาทเป็นที่เรียบร้อยแล้ว อย่างเช่น realme 7 5G ก็เปิดราคาวางจำหน่ายเริ่มต้นเพียงแค่ 9,999 บาทเท่านั้น เรียกได้ว่าช่วยให้ผู้ใช้อย่างเราๆ สามารถเข้าถึงเทคโนโลยี 5G ได้ง่ายมากขึ้น

สำหรับ realme 7 5G เป็นสมาร์ทโฟน realme Series รุ่นใหม่ที่มาพร้อมกับจุดเด่นด้านหน้าจอแสดงผลแบบ 120Hz Ultra Smooth Display พร้อมชิปเซ็ต Dimensity 800U และแบตเตอรี่ขนาด 5000mAh รวมทั้งยังมาพร้อมกับระบบเสียงแบบ Dolby Atmos ซึ่ง realme 7 5G นับว่าเป็นหนึ่งในแบรนด์สมาร์ทโฟนกลุ่มแรกๆ ที่บุกตลาด 5G ราคาไม่ถึงหมื่นในบ้านเราเลยก็ว่าได้

2.มือถือ 5G รุ่นใหม่รองรับสแตนบาย 5G ได้ทั้งสองซิม

หากยังจำกันได้ มือถือ 5G ในช่วงแรกจะมีข้อจำกัดในเรื่องของการแสตนด์บายเครือข่าย เพราะจะสามารถใช้งาน 5G ได้เพียงแค่หนึ่งซิมการ์ดเท่านั้น แต่การเข้ามาของชิปเซ็ต Dimensity รุ่นใหม่ๆ อย่างเช่น Dimensity 800U ที่เพิ่มขีดความสามารถให้กับมือถือด้วยฟีเจอร์ 5G Dual Standby เพื่อช่วยให้สมาร์ทโฟนสามารถสแตนด์บายบนเครือข่าย 5G พร้อมกันได้ทั้งสองซิมการ์ด  ตอบโจทย์การใช้งาน 5G ได้ดีกว่าเดิม

3.แรงในราคาประหยัด

สำหรับสมาร์ทโฟน 5G ในงบน้อยกว่า 10,000 บาทที่เข้ามาวางจำหน่ายในประเทศไทย จะมีการเลือกใช้ชิปเซ็ต 2 รุ่นหลักๆ นั่นก็คือ Qualcomm Snapdragon 765G และ MediaTek Dimensity 800U โดยในส่วนของ Dimensity 800U แม้จะเป็นชิปเซ็ตน้องใหม่ในวงการ 5G แต่ในเรื่องของประสิทธิภาพถือว่าไม่ธรรมดา เพราะจากคะแนนทดสอบบน AnTuTu เปิดเผยว่า ชิปเซ็ต Dimensity 800U สามารถทำคะแนนรวมโดยเฉลี่ยได้ที่ราว 3.3 - 3.4 แสนคะแนน ซึ่งเป็นตัวเลขที่สูงกว่า Snapdragon 765G ที่จะทำคะแนน AnTuTu โดยเฉลี่ยได้ที่ราว 3.0-3.3 แสนคะแนน เรียกได้ว่าเป็นการเพิ่มทางเลือกสำหรับผู้ที่ต้องการมือถือ 5G สเปกแรง ในราคาที่สบายกระเป๋ามากยิ่งึข้น

4. 5G SA เริ่มครอบคลุมทุก 77 จังหวัดในไทย

สำหรับ 5G ที่หลายคนได้ใช้งานในช่วงแรก จะเป็น 5G แบบ NSA (Non-Standalone) ซึ่งเป็นการใช้คลื่นสัญญาณ 4G ในการติดต่อกับเสาสัญญาณ 5G ในการเชื่อมต่อบนเครือข่าย 5G โดยแม้ว่า NSA จะช่วยให้เราสามารถเข้าถึงเทคโนโลยีการเชื่อมต่อแห่งอนาคตได้ก็จริง แต่จะติดปัญหาเรื่องความหน่วงของสัญญาณ (Latecny) และปัญหาคอขวดด้านความเร็วในการโอนถ่ายข้อมูล

แต่ในปัจจุบัน ผู้ให้บริการเครือข่ายในไทย เริ่มมีการติดตั้งตัวรับสัญญาณแบบ SA (Standalone) จนครอบคลุมทุก 77 จังหวัดทั่วประเทศไทยแล้ว ทำให้มือถือ 5G สามารถเชื่อมต่อกับเสา 5G ได้โดยตรง ไม่จำเป็นต้องพึงพาระบบ 4G อีกต่อไป ส่งผลให้รับส่งข้อมูลได้รวดเร็ว และมีค่า Latency อยู่ในระดับต่ำกว่า 4G เป็นอย่างมาก
 

5.มือถือ 5G อาจถูกลงได้อีก

แม้ว่ามือถือ 5G สเปกแรงจะเริ่มมีราคาที่ถูกลงกว่าแต่ก่อนมาก แต่ในปี 2021 อาจเป็นปีที่มือถือ 5G มีราคาถูกลงได้อีก หลังจากที่ก่อนทางนี้ทาง MediaTek ได้ทำการเปิดตัว Dimensity 700 ชิปเซ็ตระดับ 7 นาโนเมตรสำหรับมือถือ 5G ระดับกลางราคาประหยัด รวมไปถึงทางค่าย Qualcomm ที่ทำการเปิดตัวชิปเซ็ต 5G รุ่นเล็กในชื่อ Snapdragon 480 5G ที่รองรับการเชื่อมต่อโมเด็ม 5G แบบ Snapdragon X51 ที่น่าจะช่วยให้มือถือ 5G ระดับเริ่มต้นมีราคาวางขายไม่ถึง 5,000 บาทเท่านั้น

นำเสนอบทความโดย : thaimobilecenter.com

[บทความนี้เป็น Advertorial]

วันที่ : 21/1/2564