5 เหตุผลที่คุณ[ไม่]ควรรอซื้อ iPhone 12 ปลายปีนี้
หากไม่มีอะไรผิดพลาด เราอาจจะได้เห็นการเปิดตัวของ iPhone 12 series ในอีเวนท์ที่ Apple จะจัดขึ้นในวันที่ 15 กันยายนนี้ รวมถึงผลิตภัณฑ์อื่นๆ อย่าง iPad และ Apple Watch ด้วย ซึ่งแน่นอนว่า iPhone 12 จะได้รับการอัปเกรดคุณสมบัติหลายๆ อย่างจากรุ่นเดิม ไม่ว่าจะเป็นการถ่ายรูป, ประสิทธิภาพการประมวลผล, ดีไซน์ ไปจนถึงฟีเจอร์ปลีกย่อยอื่นๆ อย่างไรก็ตาม หลายคนอาจยังไม่แน่ใจว่า iPhone 12 จะคุ้มค่าแก่การรอคอยหรือไม่ ซึ่งก่อนหน้านี้เราได้แนะนำ 5 เหตุผลที่ควรรอซื้อ iPhone 12 ช่วงปลายปีกันไปแล้ว ในวันนี้ เราจะมาดู 5 เหตุผลที่เราไม่ควรรอ iPhone 12 กันบ้างครับ
1. ไม่ต้องรอจอไร้ติ่ง
รอยบาก หรือที่หลายคนเรียกว่า “ติ่ง” บนหน้าจอนั้นอยู่กับ iPhone มาตั้งแต่รุ่น X ที่เปิดตัวเมื่อปี 2017 ผ่านมาแล้ว 3 ปี เจ้าติ่งนี้ก็ยังคงไม่ไปไหน เพราะล่าสุดมีรายงานว่า iPhone 12 ที่ปรับดีไซน์ใหม่นั้น จะยังคงมีติ่งบนจอเหมือนเดิม เพียงแต่ว่าอาจจะมีขนาดเล็กลง ดังนั้นถ้าใครชอบจอไร้ขอบเนียนๆ ก็มองหาสมาร์ทโฟนรุ่นอื่นได้เลย
2. ไม่ต้องรอถ้าแค่อยากลองใช้ iOS
สำหรับใครที่ไม่เคยใช้ iOS มาก่อน และอยากลองใช้งานดู ไม่จำเป็นต้องกำเงินหลายหมื่นไปซื้อ iPhone 12 เพราะยังมี iPhone SE (2020) ที่สเปกแรงไม่แพ้ iPhone 11 ในราคาศูนย์เพียง 14,900 บาทเท่านั้น และซื้อได้ทันทีโดยไม่ต้องรอ ถึงแม้ดีไซน์จะค่อนข้างเก่า และลดคุณสมบัติบางอย่างลง แต่มอบประสบการณ์การใช้งาน iOS ได้อย่างเต็มเปี่ยมแน่นอน
3. ไม่ต้องรอถ้าอยากได้หัวชาร์จ
ถึงแม้ว่า iPhone 12 จะมีการอัปเกรดคุณสมบัติหลายๆ อย่าง ไม่ว่าจะเป็นหน้าจอ 120Hz หรือชิปเซ็ต Apple A14 ที่แรงสูสีกับ MacBook Air แต่แหล่งข่าวจากต่างประเทศหลายแหล่งรายงานตรงกันว่า iPhone 12 ทั้ง 4 รุ่น ได้แก่ iPhone 12, iPhone 12 Max, iPhone 12 Pro และ iPhone 12 Pro Max จะไม่แถมหัวชาร์จมาให้ในกล่องและหูฟังมาให้ในกล่อง โดยจะมีแค่ตัวเครื่องและสายชาร์จเท่านั้น ซึ่งถ้าเป็นเช่นนั้นจริง ผู้ที่ซื้อ iPhone 12 จะต้องซื้อหัวชาร์จแยก หรือไม่ก็ชาร์จกับคอมพิวเตอร์ หรือใช้อแดปเตอร์ของ iPhone รุ่นเก่าแก้ขัดไปก่อน ซึ่งเราก็หวังไว้ลึกๆ ว่า Apple จะเปลี่ยนใจครับ
4. ไม่ต้องรอถ้าอยากได้กล้องล้ำๆ
สมาร์ทโฟนยุคนี้มักจะมากับสเปกกล้องล้ำๆ 3-4 ตัว ความละเอียดหลักร้อยล้าน พร้อมฟังก์ชั่นซูมไกลสุดขอบฟ้า และโหมดถ่ายภาพเจ๋งๆ อีกมากมาย แต่ดูเหมือนว่า Apple จะไม่พยายามแข่งกับแบรนด์อื่นๆ ในด้านนี้ เพราะจากสเปกที่หลุดมาล่าสุดนั้น ระบุว่า iPhone 12 ทั้ง 4 รุ่นจะมีกล้องหลังความละเอียด 12MP เท่าเดิม โดย iPhone 12 กับ iPhone 12 Max มีกล้องหลัง 2 ตัว ส่วน iPhone 12 Pro กับ iPhone 12 Pro Max จะมีกล้องหลัง 3 ตัว ด้วยความละเอียดของเซ็นเซอร์ที่ต่ำจึงไม่น่าจะมีฟังก์ชั่นซูมไกลหลายสิบเท่า หรือถ่ายภาพความละเอียดสูงเหมือนฝั่ง Android ดังนั้นหากใครหวังกล้องล้ำๆ จาก iPhone 12 อาจจะต้องผิดหวังครับ
สำหรับสเปกล่าสุดของ iPhone 12 ทั้ง 4 รุ่น สามารถดูได้ที่นี่ : iPhone 12 เผยสเปกล่าสุดครบทุกรุ่น
5. ไม่ต้องรอถ้ามีรุ่นอื่นในดวงใจอยู่แล้ว
นอกจาก iPhone แล้ว สมาร์ทโฟนเรือธงฝั่ง Android ก็มาพร้อมกับคุณสมบัติโดดเด่นน่าสนใจ และมีฟีเจอร์หลายอย่างที่ iPhone ไม่มี เช่นการใช้งานคู่กับปากกาแบบ Galaxy Note, จอไร้ขอบ-ไร้ติ่งแบบ Mi 10 Pro, ระบบกันสั่น Gimbal แบบ Vivo X50 Pro เป็นต้น และหลายรุ่นก็ยังมีราคาถูกกว่า ดังนั้นหากใครเจอสมาร์ทโฟนรุ่นที่ถูกใจแล้ว ก็แนะนำว่าให้ซื้อมาใช้เลยจะดีกว่า ดีไม่ดีอาจจะติดใจ ใช้ต่อยาวๆ ไปเลยก็ได้ หรือถ้าได้ลองเล่น iPhone 12 ดูทีหลังแล้วอยากได้จริงๆ ค่อยเอาเครื่องเก่าไปเทิร์น หรือเอาไปแลกซื้อแบบ trade-in ทีหลังก็ยังไม่สายครับ
นำเสนอบทความโดย : thaimobilecenter.com
วันที่ : 11/9/2563
