ปัจจุบันสมาร์ทโฟนในราคาไม่เกิน 5,000 บาท ถือว่าเป็นระดับราคาที่กำลังได้รับความสนใจอย่างมาก เนื่องจากมีราคาที่ไม่แพง และตอบโจทย์กลุ่มผู้ใช้ที่มองหาสมาร์ทโฟนในระดับราคาที่เอื้อมถึงได้ อีกทั้งยังมาพร้อมกับฟังก์ชันพื้นฐานแบบครบครัน ซึ่งสมาร์ทโฟนที่ทางทีมงานไทยโมบายเซ็นเตอร์จะมาแนะนำกันในวันนี้ นั่นก็คือ Aston Thunder Cover Plus สมาร์ทโฟนจอไซส์ยักษ์ พร้อมบอดี้กรอบโลหะ และสเปกแบบครบเครื่อง ในราคาเบาๆ สบายกระเป๋า
โดย Aston Thunder Cover Plus มีจุดเด่นที่น่าสนใจอยู่หลายส่วนด้วยกัน ไม่ว่าจะเป็น หน้าจอขนาดใหญ่ถึง 6 นิ้ว แบบ IPS Display ความละเอียด 960 x 540 พิกเซล แข็งแกร่งด้วยกระจกหน้าจอแบบ Gorilla Glass, ชิปเซ็ต MediaTek MTK 6735P แบบ Quad-Core Processor ความเร็ว 1.3 GHz, หน่วยประมวลผลภาพกราฟิก Mali-400 MP, หน่วยความจำ RAM ขนาด 2GB, หน่วยความจำภายในตัวเครื่อง ขนาด 16GB รองรับหน่วยความจำเสริมภายนอกแบบ microSD Card สูงสุด 128GB, กล้องด้านหน้า ความละเอียด 8 ล้านพิกเซล พร้อมไฟแฟลช, กล้องด้านหลัง ความละเอียด 13 ล้านพิกเซล พร้อมไฟแฟลชแบบ LED, แบตเตอรี่ขนาด 3000 mAh, รองรับการใช้งาน 2 ซิมการ์ด, รองรับเครือข่าย 4G LTE และทำงานบนระบบปฏิบัติการ Android 5.1 (Lollipop)
สำหรับ Aston Thunder Cover Plus นั้น วางจำหน่ายในราคาเพียง 3,490 บาท ซึ่งถือว่ามีระดับราคาที่น่าสนใจมากเลยทีเดียว ส่วนดีไซน์ตัวเครื่องและการใช้งานจริงจะเป็นอย่างไร คุ้มค่าสมราคาหรือไม่ มารับชมไปพร้อมๆ กันกับ รีวิว Aston Thunder Cover Plus
รูปลักษณ์ภายนอกตัวเครื่อง และการออกแบบดีไซน์
Aston Thunder Cover Plus มาพร้อมกับหน้าจอแสดงผลขนาด 6.0 นิ้ว แบบ IPS Display ความละเอียด 960 x 540 พิกเซล พร้อมกระจกหน้าจอแบบ Gorilla Glass ที่มีความแข็งแกร่งกว่าหน้าจอแบบทั่วๆ ไป
ด้านบนของหน้าจอแสดงผล ประกอบด้วย ไฟแฟลช, กล้องด้านหน้า ความละเอียด 8 ล้านพิกเซล, ลำโพงสำหรับสนทนา, ไฟ LED แสดงสถานะต่างๆ และ Ambient Light Sensor ปรับแสงสว่างอัตโนมัติ
ด้านล่างของหน้าจอแสดงผล เป็นปุ่มควบคุมการทำงานแบบสัมผัส ซึ่งได้แก่ ปุ่ม Recent Apps, ปุ่ม Home และปุ่มย้อนกลับ
ด้านขวาของตัวเครื่อง ประกอบด้วย ปุ่มเปิด-ปิด เครื่อง หรือล็อกหน้าจอ และปุ่มปรับระดับเสียง ส่วนด้านซ้ายของตัวเครื่อง ไม่มีปุ่มควบคุมการทำงานใดๆ
ด้านบนของตัวเครื่อง ประกอบด้วย ช่องเชื่อมต่อแบบ microUSB สำหรับชาร์จแบตเตอรี่ หรือโอนถ่ายข้อมูล, ช่องเชื่อมต่อกับหูฟังแบบมาตรฐานขนาด 3.5 มิลลิเมตร ส่วนด้านล่างของตัวเครื่อง มีไมโครโฟนหลักสำหรับสนทนา
ด้านหลังของตัวเครื่อง ประกอบด้วย กล้องด้านหลัง ความละเอียด 13 ล้านพิกเซล พร้อมไฟแฟลชแบบ LED ส่วนด้านล่าง เป็นลำโพงเสียง
Aston Thunder Cover Plus สามารถถอดแกะฝาหลังได้ ภายในประกอบด้วย แบตเตอรี่ขนาด 3000 mAh, รองรับการใช้งาน 2 ซิมการ์ด (miniSIM และ microSIM) และรองรับหน่วยความจำเสริมภายนอกแบบ microSD Card สูงสุด 128GB
สำหรับอุปกรณ์ภายในกล่อง ประกอบด้วย สายเชื่อมต่อแบบ microUSB สำหรับโอนถ่ายข้อมูล หรือชาร์จแบตเตอรี่, Adapter และหูฟังแบบมาตรฐานขนาด 3.5 มิลลิเมตร อีกทั้งยังมีของแถมให้ภายในกล่อง ซึ่งได้แก่ View Flip Cover Case, ฟิล์มกระจก และฟิล์มกันรอย
สำหรับเคส View Flip Cover Case จะมีลักษณะเป็นเคสแบบฝาพับ ปกป้องตัวเครื่องทั้งด้านหน้าและด้านหลัง สามารถเล่นเพลงโปรด หรือดูข้อมูลวันที่และเวลาได้โดยไม่ต้องเปิดฝาเคส
เปิดเครื่องใช้งาน พร้อมการทดสอบฟังก์ชัน และแอปพลิเคชันต่างๆ
Aston Thunder Cover Plus ทำงานบนระบบปฏิบัติการ Android 5.1 (Lollipop) รองรับการใช้งาน 2 ซิมการ์ด และรองรับการเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตผ่านระบบ 4G LTE กับ 3G
ฟังก์ชันการแจ้งเตือน พร้อมทั้งสามารถเปิด-ปิด ฟังก์ชันลัดได้ ไม่ว่าจะเป็น การใช้งานอินเทอร์เน็ต, ไฟฉาย หรือ WiFi
ในส่วนของหน้าจอโฮมสกรีนก็สามารถปรับแต่งเพิ่มเติมได้ ไม่ว่าจะเป็น การเปลี่ยนภาพวอลเปเปอร์ หรือการนำวิดเจ็ตที่ต้องการมาใช้งานมาไว้ที่หน้าจอโฮมสกรีน
ด้านฟังก์ชันโทรศัพท์มีดีไซน์ที่เรียบง่าย พร้อมด้วยปุ่มตัวเลขขนาดใหญ่ จึงช่วยให้กดหมายเลขได้อย่างแม่นยำ และสามารถเข้าดูบันทึกการโทร หรือรายชื่อโทรศัพท์ทั้งหมดได้อีกด้วย
ฟังก์ชัน Recent Apps สำหรับปิดแอปพลิเคชันที่ไม่ใช้งาน หรือสลับใช้งานไปยังแอปพลิเคชันอื่น
สำหรับแอปพลิเคชันพื้นฐานบน Aston Thunder Cover Plus นั้น มีให้เลือกใช้งานมากมาย ไม่ว่าจะเป็น นาฬิกาปลุก, เครื่องคิดเลข, เครื่องบันทึกเสียง, แผนที่ และอื่นๆ ซึ่งสามารถดาวน์โหลดแอปพลิเคชันเพิ่มเติมได้ที่ Play Store
รองรับการเล่นไฟล์วีดีโอความละเอียดสูงสุดที่ระดับ HD (720p)
ถึงแม้ว่า Aston Thunder Cover Plus จะถูกจัดกลุ่มอยู่ในสมาร์ทโฟนระดับล่าง แต่ก็ตอบโจทย์ด้านการเล่นเกมได้เป็นอย่างดี ประกอบกับหน้าจอที่มีขนาดใหญ่ถึง 6 นิ้ว ทำให้การเล่นเกมสนุกและสบายตามากกว่าเดิม
มาทดสอบ Benchmark กันบ้าง ซึ่งการทดสอบด้วยแอปพลิเคชัน Quadrant ทำได้ 5,024 คะแนน ส่วนการทดสอบด้วยแอปพลิเคชัน AnTuTu ทำได้ 21,972 คะแนน
ส่วนการทดสอบด้วยแอปพลิเคชัน Geekbench 4 ทำได้ 391 คะแนนสำหรับการทดสอบแบบ Single-Core และ 1,054 คะแนนสำหรับการทดสอบแบบ Multi-Core สุดท้ายเป็นการทดสอบระบบ Multitouch รองรับที่ 2 จุด
กล้องดิจิทัล การถ่ายภาพนิ่ง และภาพวีดีโอ
Aston Thunder Cover Plus มาพร้อมกับกล้องด้านหน้า ความละเอียด 8 ล้านพิกเซล และโหมดหน้าสวยแบบเรียลไทม์ ปรับแต่งภาพให้สวยใสไร้ริ้วรอย ส่วนกล้องด้านหลัง ความละเอียดอยู่ที่ 13 ล้านพิกเซล ซึ่งจุดเด่นของรุ่นนี้ก็คือ มาพร้อมกับไฟแฟลชทั้งกล้องด้านหน้าและด้านหลังนั่นเอง
ส่วนโหมดการถ่ายภาพ มีให้เลือก 3 โหมดด้วยกัน ได้แก่ พาโนรามา, กล้องถ่ายรูป และวีดีโอ ด้านเมนูตั้งค่าการใช้งาน ประกอบด้วย การตั้งเวลาถ่ายภาพ, เพิ่มเส้นตาราง, เปิด-ปิดไฟแฟลช และสลับกล้องด้านหน้า-ด้านหลัง
สำหรับการตั้งค่าในส่วนอื่นๆ ประกอบด้วย คุณภาพของภาพถ่าย (ความละเอียดสูง, ละเอียด, ปกติ), ระบบวัดแสง (โครงค่าเฉลี่ย, กึ่งกลาง, จุดวัดแสง)
สมดุลแสงขาว (หลอดไส้, ฟลูออเรสเซนต์, ออโต้, กลางวัน, เมฆมาก), โหมดโฟกัส (ออโต้, มาโคร, ดำเนินการต่อ)
ถ่ายภาพต่อเนื่อง (3 วินาที, 6 วินาที, 10 วินาที, ปิดการใช้งาน), ISO (อัตโนมัติ, 1600, 800, 400, 200, 100)
ตัวอย่างภาพถ่ายจากกล้องด้านหลัง (โหมดปกติ)
ตัวอย่างภาพถ่ายจากกล้องด้านหลัง (โหมดปกติ)
ตัวอย่างภาพถ่ายจากกล้องด้านหลัง (โหมดปกติ)
ตัวอย่างภาพถ่ายจากกล้องด้านหลัง (โหมดปกติ)
ตัวอย่างภาพถ่ายจากกล้องด้านหลัง (โหมดปกติ)
สรุปผลการทดสอบของ Aston Thunder Cover Plus
หลังจากที่ทีมงานได้ทดสอบใช้งาน Aston Thunder Cover Plus ในเบื้องต้น ก็พบว่า สมาร์ทโฟนรุ่นนี้เป็นอีกรุ่นที่มีความสนใจไม่น้อยเลยก็ว่าได้ เริ่มกันตั้งแต่ดีไซน์ภายนอกที่เลือกใช้วัสดุที่มีโลหะเป็นส่วนประกอบ ทำให้มีความแข็งแรงและทนทาน รวมไปถึงตัวเครื่องที่มาพร้อมกับหน้าจอขนาดใหญ่ ทำให้สามารถชมคอนเทนต์ต่างๆ ได้อย่างสบายตา และคุณสมบัติตัวเครื่องที่ตอบโจทย์ทุกการใช้งาน ในราคาค่าตัวสบายกระเป๋า
สำหรับจุดขายหลักๆ ของ Aston Thunder Cover Plus รุ่นนี้ มีทั้งหมด 6 อย่างด้วยกัน ไม่ว่าจะเป็น หน้าจอขนาดใหญ่ถึง 6 นิ้ว พร้อมกระจกหน้าจอแบบ Gorilla Glass ที่มีความแข็งแรงและทนทานเป็นพิเศษ, กล้องถ่ายรูปที่มาพร้อมกับไฟแฟลชทั้งด้านหน้าและด้านหลัง โดยกล้องด้านหน้า ความละเอียดอยู่ที่ 8 ล้านพิกเซล ส่วนกล้องด้านหลัง ความละเอียดอยู่ที่ 13 ล้านพิกเซล, หน่วยความจำ RAM ขนาด 2GB และหน่วยความจำภายในตัวเครื่องขนาด 16GB รองรับหน่วยความจำเสริมภายนอกแบบ microSD Card สูงสุด 128GB, แบตเตอรี่ขนาด 3000 mAh รองรับการใช้งานได้อย่างยาวนาน, รองรับการใช้งาน 2 ซิมการ์ด และเครือข่าย 4G LTE (รองรับทั้ง 2 ซิมการ์ด) สุดท้ายก็คือ View Flip Cover Case เคสฝาพับพร้อมฟังก์ชันอัจฉริยะ ที่สามารถฟังเพลงและดูเวลาได้โดยที่ไม่ต้องเปิดฝาเคส เรียกได้ว่า ด้วยราคาค่าตัวที่ 3,490 บาท กับ 6 จุดเด่นหลักๆ ก็ถือว่า เป็นอีกรุ่นที่คุ้มค่าคุ้มราคากันอย่างแน่นอน
โดย Aston Thunder Cover Plus วางจำหน่ายครั้งแรกในประเทศไทยบนเว็บไซต์ Lazada ในวันที่ 3 กรกฎาคม 2560 มีให้เลือก 2 สี ได้แก่ สีน้ำเงิน Midnight Blue และสีทอง ซึ่ง 111 ท่านแรกที่สั่งซื้อผ่านทางเว็บไซต์ www.lazada.co.th แถมฟรี! Exclusive Boxset มูลค่า 899 บาท (ขาตั้งกล้อง, ชุดคลิปเลนส์, View Flip Cover Case, ฟิล์มกระจก และฟิล์มกันรอย)
จุดเด่นของ Aston Thunder Cover Plus
- หน้าจอแสดงผลขนาด 6.0 นิ้วแบบ IPS Display ความละเอียด 960 x 540 พิกเซล
- กระจกหน้าจอแบบ Gorilla Glass ที่มีความแข็งแรงและทนทานเป็นพิเศษ
- ชิปเซ็ต MediaTek MTK 6735P แบบ Quad-Core Processor ความเร็ว 1.3 GHz
- หน่วยประมวลผลภาพกราฟิก Mali-400 MP
- หน่วยความจำ RAM ขนาด 2GB
- หน่วยความจำภายในตัวเครื่อง ขนาด 16GB รองรับหน่วยความจำเสริมภายนอกแบบ microSD Card สูงสุด 128GB
- กล้องด้านหน้า ความละเอียด 8 ล้านพิกเซล พร้อมไฟแฟลช และโหมดหน้าสวยแบบเรียลไทม์ ปรับแต่งภาพให้สวยใสไร้ริ้วรอย
- กล้องด้านหลัง ความละเอียด 13 ล้านพิกเซล พร้อมไฟแฟลช
- แบตเตอรี่แบบ Li-Ion ขนาด 3000 mAh
- รองรับการใช้งาน 2 ซิมการ์ด
- รองรับการใช้งานบนเครือข่าย 4G LTE (รองรับทั้ง 2 ซิมการ์ด)
- ระบบ GPS+A-GPS ในตัว
- ราคาเพียง 3,490 บาท แถมฟรี View Flip Cover Case, ฟิล์มกระจก และฟิล์มกันรอย
จุดที่ต้องพิจารณาเพิ่มเติม
- ตัวเครื่องทำงานบนระบบปฏิบัติการ Android 5.1 (Lollipop) ซึ่งเป็นเวอร์ชันที่ค่อนข้างเก่า
- ความละเอียดของหน้าจอ ไม่ใช่ระดับ HD หรือ Full HD
- ไม่สามารถหาซื้อได้ตามร้านค้าตัวแทนจำหน่ายทั่วไป ต้องซื้อผ่านเว็บไซต์ Lazada เท่านั้น
* โทรศัพท์มือถือที่ท่านเห็นในบทความรีวิวนี้เป็นเพียงเครื่องทดสอบจากทางศูนย์ เพราะฉะนั้นคุณสมบัติบางอย่างอาจมีความแตกต่างจากเครื่องที่วางจำหน่ายจริงบ้างไม่มากก็น้อย รวมถึงจุดด้อยบางประการที่พบในเครื่องทดสอบ อาจจะถูกแก้ไขปรับปรุงให้ดีขึ้นในเครื่องที่วางจำหน่ายจริง ดังนั้นหากท่านสนใจซื้อโทรศัพท์มือถือรุ่นนี้ ควรตรวจสอบหรือทดลองใช้งานสินค้าด้วยตนเองอีกครั้งหนึ่ง *
---------------------------------------
บทความรีวิวโดย : Thaimobilecenter.com
วันที่ : 3/7/60
|
แสดงความคิดเห็นที่นี่