สวัสดีครับ วันนี้ทางทีมงานไทยโมบายเซ็นเตอร์มีแก็ดเจ็ตดีๆ สำหรับท่านผู้อ่านที่เดินทางไปไหนมาไหนโดยรถยนต์ส่วนตัว นั่นคือ Garmin GDR C300 กล้องวิดีโอดีไซน์โฉบเฉี่ยวกะทัดรัดที่มาพร้อมกับฟังก์ชันการใช้งานที่หลากหลาย โดยกล้องวิดีโอติดรถยนต์ตัวนี้สามารถบันทึกเหตุการณ์ต่างๆ ขณะขับรถยนต์ได้ และที่พิเศษไปกว่านั้น คือ กล้อง Garmin GDR C300 ยังมาพร้อมกับฟังก์ชัน Incident Detection (G-Sensor) คือ เมื่อเซ็นเซอร์ตรวจพบว่าเกิดอุบัติเหตุตัวกล้องจะทำการบันทึก และล็อกวิดีโอขณะเกิดอุบัติเหตุโดยอัตโนมัติ
ในส่วนของคุณสมบัติภายในก็ถือว่าโดดเด่นพอตัว เริ่มตั้งแต่ หน้าจอแสดงผลแบบ LCD ขนาด 3 นิ้ว, บันทึกวิดีโอได้ที่ความละเอียดสูงสุดระดับ Full HD (1080p : 30 fps), เลนส์กล้องมีมุมมองกว้างสูงสุด 88 องศา, มีโหมดบันทึกวิดีโอแบบ HDR, รองรับการถ่ายภาพนิ่งที่ความละเอียด 4 ล้านพิกเซล (ขนาดรูรับแสง F/2.0), รองรับการเพิ่มหน่วยความจำภายในได้สูงสุด 64 GB, รองรับการใช้งานร่วมกับ microSD Card Class 10, แบตเตอรี่ในตัวสามารถใช้งานได้นาน 30 นาที
ส่วนการใช้งานจริงจะเป็นอย่างไร รูปร่างหน้าตาจะโฉบเฉี่ยวขนาดไหน และมีฟังก์ชันอะไรให้ใช้งานกันบ้าง ขอเชิญทุกท่านไปชมรีวิว Garmin GDR C300 พร้อมกันได้เลยครับ
ดีไซน์ โครงสร้าง และการออกแบบ

Garmin GDR C300 มาพร้อมกับหน้าจอแสดงผลแบบ TFT LCD ขนาด 3 นิ้ว โดยมีขนาดของตัวเครื่องอยู่ที่ 9.43x4.85x3.89 เซนติเมตร กับน้ำหนัก 112.7 กรัม และมีสัญญาณไฟ LED สำหรับแสดงสถานะต่างๆ ของเครื่อง เช่น การเปิดเครื่อง หรือการชาร์จแบตเตอรี่

ด้านขวาของตัวเครื่องมีปุ่มฟังก์ชันการใช้งานต่างๆ ได้แก่ ปุ่ม เปิด-ปิด เครื่อง หรือเลื่อนขึ้น, ปุ่มเลื่อนลง, ปุ่มกล้องถ่ายภาพ หรือตกลง และปุ่มบันทึกภาพ หรือย้อนกลับ

ด้านซ้ายของตัวเครื่องจะมีช่องเชื่อมต่อสายแบบ miniUSB สำหรับชาร์จแบตเตอรี่ หรือส่งผ่านข้อมูล

ด้านหน้าของตัวเครื่องประกอบไปด้วยกล้องดิจิทัลความละเอียดระดับ Full HD (1080p : 30 fps) โดยตัวกล้องมีมุมมองกว้างถึง 110 องศา (ในแนวเฉียง) และกว้าง 88 องศา (ในแนวนอน) อีกทั้งยังสามารถถ่ายภาพนิ่งได้ที่ความละเอียด 4 ล้านพิกเซล ส่วนหลุมกลมๆ ข้างตัวกล้องจะมีไว้สำหรับเชื่อมต่อกับขายึดตัวกล้อง




ภายในกล่องจะมีอุปกรณ์มาให้หลายอย่างด้วยกัน ได้แก่ ขายึดตัวกล้องกับกระจกรถยนต์, แผ่นกาวสองหน้า, สาย miniUSB, สายชาร์จแบตเตอรี่ หรือส่งผ่านข้อมูลแบบ miniUSB พร้อมหัวเชื่อมต่อกับที่ชาร์จแบตเตอรี่ในรถยนต์ และคู่มือการใช้งาน

ตัวอย่างการเชื่อมต่ออะแดปเตอร์ชาร์จแบตเตอรี่เข้ากับช่องจ่ายไฟในรถยนต์

ตัวอย่างการติดตั้งขายึด พร้อมตัวกล้องกับกระจกรถยนต์ และตัวอย่างการบันทึกวิดีโอขณะขับรถยนต์
เปิดเครื่อง พร้อมแนะนำฟังก์ชันการใช้งาน


Garmin GDR C300 จะมีฟังก์ชันให้เลือกใช้งานหลักๆ 3 อย่างด้วยกัน ได้แก่ คลังภาพ, การตั้งค่ากล้อง และการตั้งค่าทั่วไป

ในส่วนของการตั้งค่ากล้อง จะสามารถตั้งค่าได้หลายอย่างด้วยกัน เริ่มตั้งแต่ เปิดการแจ้งเตือน

การเปิดใช้งานฟังก์ชันแสดงวันที่ และเวลา

การเปิดใช้งานฟังก์ชันการบันทึกเสียง ขณะถ่ายวิดีโอ

เปิดบันทึกวิดีโอหลังจากไม่มีกระแสจากภายนอกได้ตั้งแต่ 5 วินาที ไปจนถึง 1 วินาที

สามารถเลือกความละเอียดของไฟล์วิดีโอได้ 3 แบบ ได้แก่ 1080p พร้อมโหมด HDR, 1080p และ 720p

นอกจากนี้ ยังสามารถตั้งค่าการใช้งานอื่นๆ ได้อีกหลายอย่างด้วยกัน เริ่มตั้งแต่ระดับเสียง ซึ่งสามารถตั้งค่าได้ตั้งแต่ 0-100%

สามารถตั้งค่าระดับความสว่างได้ตั้งแต่ 0-100%

สามารถตั้งค่าวันที่ และเวลาได้

สามารถตั้งภาษาของตัวเครื่องได้

สามารถสั่งฟอร์แมตการ์ดหน่วยความจำภายนอกได้

และสามารถคืนการตั้งค่าทั้งหมดได้
ตัวอย่างวิดีโอที่ถ่ายภาพด้วย Garmin GDR C300
สรุปคุณสมบัติในเบื้องต้นของ Garmin GDR C300
- จอแสดงผลแบบ LCD ขนาด 3 นิ้ว
- สามารถบันทึกวิดีโอได้ที่ความละเอียดสูงสุดระดับ Full HD (1080p : 30 fps) และมีมุมมองกว้างสูงสุด 110 องศา
- รองรับการถ่ายวิดีโอด้วยโหมด HDR
- รองรับการถ่ายภาพที่ความละเอียด 4 ล้านพิกเซล พร้อมรูรับแสงกว้างสุดที่ F/2.0
- Incident Detection (G-Sensor) เซ็นเซอร์ตรวจพบว่าเกิดอุบัติเหตุตัวกล้องจะทำการบันทึก และล็อกวิดีโอขณะเกิดอุบัติเหตุโดยอัตโนมัติ
- รองรับการเพิ่มหน่วยความจำภายนอกแบบ microSD ได้สูงสุดที่ 64 GB และสามารถใช้งานร่วมกับ microSD Card Class 10 ได้
- แบตเตอรี่ในตัวสามารถใช้งานได้ต่อเนื่องนาน 30 นาที
- ตัวเครื่องมีขนาดอยู่ที่ 9.43x4.85x3.89 เซนติเมตร กับน้ำหนัก 112.7 กรัม
สรุปการใช้งานกล้องติดรถยนต์ Garmin GDR C300
จบลงไปแล้วนะครับ สำหรับการรีวิวกล้องติดรถยนต์ดีไซน์โฉบเฉี่ยวกะทัดรัดอย่าง Garmin GDR C300 ซึ่งจากทดสอบการใช้งานเบื้องต้นเป็นในระยะเวลาหนึ่งก็พอที่จะสรุปได้ว่า Garmin GDR C300 นั้น มีดีไซน์การออกแบบที่เป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัว ปุ่มสั่งงานก็ใช้งานได้ง่าย เนื่องจากมีไอคอนระบุที่ปุ่มต่างๆ ด้วย ซึ่งช่วยให้ใช้งานได้สะดวกมากขึ้น นอกจากนี้ ตัวขายึดก็แข็งแรง แน่นหนา และไม่สั่น แม้ใช้งานในขณะที่รถยนต์ทำความเร็วสูงกว่า 100 กิโลเมตร/ชั่วโมง ก็ตาม
ในส่วนของคุณสมบัติภายในก็ถือว่าครบเครื่อง ซึ่งสามารถตอบโจทย์การใช้งานได้ครบครัน เริ่มตั้งแต่ หน้าจอแสดงผลแบบ LCD ขนาด 3 นิ้ว จึงช่วยให้มองเห็นการแสดงผลต่างๆ ได้อย่างชัดเจน อีกทั้งยังรองรับการเพิ่มหน่วยความจำภายในได้สูงสุด 64 GB, รองรับการใช้งานร่วมกับ microSD Card Class 10, แบตเตอรี่ในตัวสามารถใช้งานได้นาน 30 นาที
ส่วนตัวกล้องก็สามารถบันทึกวิดีโอได้ที่ความละเอียดระดับ Full HD (1080p : 30 fps) มีมุมมองกว้าง 110 องศา พร้อมโหมดบันทึกวิดีโอแบบ HDR ซึ่งจากการทดสอบก็ตอบโจทย์การใช้งานได้ดี โดยไฟล์วิดีโอที่ได้มีความคมชัด สีสันสมจริง แม้จะเป็นสภาพแสงตอนกลางคืนก็ตาม ไม่เพียงเท่านั้น กล้อง Garmin GDR C300 ยังรองรับการถ่ายภาพนิ่งที่ความละเอียด 4 ล้านพิกเซล (ขนาดรูรับแสง F/2.0) อีกด้วย เรียกได้ว่า สามารถถ่ายได้ทั้งแบบวิดีโอ และแบบภาพนิ่งในเครื่องเดียวเลยก็ว่าได้
และที่พิเศษไปกว่านั้น คือ กล้อง Garmin GDR C300 ยังมาพร้อมกับฟังก์ชัน Incident Detection (G-Sensor) คือ เมื่อเซ็นเซอร์ตรวจพบว่าเกิดอุบัติเหตุตัวกล้องจะทำการบันทึก และล็อกวิดีโอขณะเกิดอุบัติเหตุโดยอัตโนมัติ ซึ่งฟังก์ชันตัวนี้มีประโยชน์มากๆ เพราะวิดีโอวิดีโอขณะเกิดอุบัติเหตุจะเป็นหลักฐานชิ้นสำคัญเลยทีเดียว
โดย Garmin GDR C300 ก็น่าจะเหมาะกับผู้ที่กำลังมองหากล้องติดรถยนต์ไว้ใช้งานสักเครื่องหนึ่ง ที่มาพร้อมกับดีไซน์โฉบเฉี่ยวกะทัดรัด, ขายึดแข็งแรง, กล้องถ่ายวิดีโอชัด และมีฟังก์ชันล็อกวิดีโออัตโนมัติขณะเกิดอุบัติเหตุติดตัวมาด้วย ซึ่ง Garmin GDR C300 ก็ดูเป็นตัวเลือกที่สนใจไม่น้อย สำหรับท่านใดที่สนใจกล้อง Garmin GDR C300 ก็สามารถสั่งซื้อได้ที่ itruemart.com ในราคาเพียง 4,990 บาท (พิเศษสั่งซื้อกล้อง Garmin GDR C300 รับฟรีทันที microSD ขนาด 32 GB) สำหรับวันนี้ก็ต้องขอลาไปก่อน พบกันได้ใหม่ในโอกาสหน้า สวัสดีครับ
นำเสนอบทความโดย : Thaimobilecenter.com
วันที่ : 11/5/59
|